คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ่Client:17 สิ่งที่เหลือไว้ (ตรวจสอบ100%)
บทที่ 17
หลังจากการสู้รบกับมอนสเตอร์ยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับหนูสูงกว่าสองฟุตผ่านมาได้ทำให้พวกเขาได้รับเบาะแสเพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่างก็คือ คีย์การ์ดสีดำที่ดรอปจากตัวมอนสเตอร์
“ไอคีย์การ์ดนี่เอาไว้ทำอะไรอ่ะ?”
หญิงสาวหยิบแผ่นพลาสติกแข็งขนาดเล็กพลิกไปมาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจถึงวิธีใช้ของมัน ดูเหมือนว่าตรงกลางมีไมโครชิพขนาดเล็กฝั่งอยู่คาดว่าพวกเขาคงหาทางอ่านมันได้ในไม่ช้านี้
“การต่อสู้เมื่อกี้ทำให้เพดานหล่นมาปิดปากทางเข้าไว้หมด คงต้องเสียเวลาขนย้ายหน่อยล่ะ”
หทัยและศิลาร่วมมือกันค่อยๆย้ายเศษคอนกรีตชิ้นน้อยและใหญ่ที่ปิดทางเข้าไว้ออกไปเพราะจุดมุ่งหมายออกพวกเขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“ส่วนที่ลึกที่สุดของห้องแลป?”
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของทั้งสองเป็นห้องสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่ภายในมีแต่อุปกรณ์ของเล่นเด็กวัยประถม ไม่ว่าจะเป็นเกมการ์ดไพ่ หรือตารางหมากรุกกองกระจัดกระจายเต็มไปหมดเหมือนว่าไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานแล้ว แต่สิ่งที่ดูขัดตาเพราะไม่เหมาะจะเป็นของเล่นของเด็กเท่าไหร่นั้นคงเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นฉายแสงสามมิติที่ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ศิลาจึงตัดสินใจเข้าไปตรวจสอบคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นทันที
“กรุณาใส่รหัสผ่าน”
ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ร้องขอรหัสผ่านในการเข้าถึงข้อมูลลับซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปหามันได้จากที่ไหน
“ถ้าตอนนี้มีไอนัทอยู่ด้วยคงรู้รหัสผ่านง่ายๆแล้วล่ะ”
“ลองหาจากพวกของเล่นดูก่อนว่ามีอะไรเขียนไว้หรือเปล่า”
ศิลาเสนอให้เริ่มหาจากพวกข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในห้องแทนเพราะสำหรับเด็กแล้วมักจะจำอะไรได้ไม่นาน เจ้าของคงเขียนรหัสลับไว้ที่ไหนบางแห่งแน่นอน
ในขณะที่กำลังค้นหาอย่างจริงจังอยู่ หทัยก็ได้สะดุดตากับลูกบอลประหลายสีสันสวยงามเป็นลายดอกซากุระ จึงหยิบไปให้ศิลาดูแต่เมื่อเขย่าฟังเสียงภายในลูกบอลนั้นก็พบว่าเป็นเสียงของกระดิ่งอยู่ข้างใน
“นี้จะเป็นรหัสลับหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิ ลองใส่ดูก็ได้”
BELL………..Error
“มันอาจจะเป็นคำอื่นก็ได้นะอย่าง ลูกบอล”
แต่ไม่ว่าทั้งสองคนจะลองใส่รหัสคำต่างๆลงไปคอมพิวเตอร์ก็ไม่อนุญาตในสามารถเข้าใช้ได้เสียที จนกระทั่งหทัยเอะใจขึ้นมากับลูกบอลหน้าตาประหลาดว่ามันคืออะไรกันแน่
“ไม่เคยเห็นแบบนี้ในประเทศไทยเลยอ่ะ”
“ไหน ขอดูหน่อย”
ศิลารับลูกบอลลายดอกซากุระจากมือของหทัยไปพร้อมกับนิ่งไปซักพักอยู่นานสองนาน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน แต่แล้วเสียงประหลาดก็ดังขึ้น
แชะ! ติ๊ด!ติ๊ด!ติ๊ด!
ศิลาหันไปมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย เธอกับลังกดดูอะไรบางอย่างในอุปกรณ์พกพาที่ได้มาตอนเริ่มเกมเป็นแหล่งรวมข้อมูลพื้นฐานสำคัญต่างๆไว้
“ทำอะไรน่ะ?”
“หืม…หาข้อมูลไง”
“!?”
“ก็ไอเครื่องนี้มันมันเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตของโลกที่แท้จริงอยู่ไง ถ้าเอารูปของเจ้าลูกบอลไปลองหาดูมันอาจจะขึ้นก็ได้นะ ไหนลองดูซิ”
ศิลากำลังอึ้งกับความคิดของหทัย ปกติแล้วเธอจะเป็นคนเฉยๆง่ายๆไม่ค่อยทำอะไรมากเพราะส่วนใหญ่จิราภัทรจะรู้เรื่องทั่วไปได้ดีกว่าอยู่แล้ว
“นี่ไงๆเจอแล้ว Temari?เป็นของญี่ปุ่นหรอ?”
ศิลาจึงลองพิมพ์คำว่าเทมาริเป็นภาษาญี่ปุ่นลงไป ทันใดนั้นเองแสงสีฟ้าก็ฉายออกมาจากหน้าจอของคอมพิวเตอร์ ปรากฏเป็นภาพของเด็กผู้ชายอายุราวสิบสองปีออกมาพูดอะไรบางอย่าง
“วันที่ 14 สิงหาคม 20XX ผมถูกพาตัวมาที่สถาบันวิจัย ESP พวกเขาบอกว่าผมมีพลังพิเศษอยู่ในตัวต้องการพลังของผมในการทำวิจัย ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องชายผมเขาจะรู้ตัวหรือยังว่าผมไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว”
และภาพก็ถูกตัดหายไปเป็นเวลาห้านาทีก่อนจะมีภาพอื่นฉายต่อตามมาเป็นทอดๆ
“วันที่ 19 ตุลาคม 20XX วันนี้ที่สถาบันวิจัยนำเครื่องหน้าตาแปลกๆมาทดสอบกับผม มันค่อนข้างจะเจ็บมากเลย เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบ้านเสียที”
“วันที่ 1 มีนาคม 20XX ผมอายุครบ สิบห้าปีแล้วเมื่อวานนี้ เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรฐานะอัจฉริยะของเอสเปอร์ที่มีพลังสูงที่สุดของโลก ฟังดูเป็นฮีโร่เลยเนอะ……..ผมคิดว่าหนทางที่จะได้กลับบ้านคงอีกนานแน่ๆ”
ภาพฉายครั้งสุดท้ายถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้รูปร่างของเด็กในภาพเปลี่ยนไปเขากลายเป็นเด็กวัยรุ่นราวๆสิบแปดปี พร้อมกับเสียงอึกทึกมากมายปนมากับภาพวิดีโอ
“วันที่ 12 มีนาคม 20XX ผมถูกจับได้ว่าหักหลังการทำโปรเจคครั้งใหญ่และกำลังจะถูกกำจัดในไม่ช้า โปรเจคเกมที่ผมสร้างขึ้นมากำลังถูกแทรกแซงการติดตั้งโปรแกรมดักจับเข้าไป มันจะทำหน้าที่ยึดพลังของเอสเปอร์คนอื่นไปถ่ายทอดให้อีกคนแทน หากคุณเป็นคนที่มาพบข้อความนี้เข้า ช่วย…..ช่วยทำลายเกมทิ้งเสีย ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา……………หัวหน้าของสถาบัน ไม่สิ เขาคนนั้นหากรู้เข้าจะต้องฆ่าผมแน่ มันคิดจะปิดปากพวกลูกทีมของผมด้วยการเผาสถาบันทิ้งแต่ผมสำรองข้อมูลเหตุการณ์ไว้ในเกมหมดแล้วล่ะ ช่วยเอาสิ่งนี้ไปให้น้องชายของผมด้วยขอร้องล่ะ ช่วยน้องชายผมจับคนร้ายมาลงโทษด้วย”
และแล้วภาพทั้งหมดก็ถูกตัดขาดไปทั้งสองคนจึงไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นฆาตกรที่จัดการกับเร็นกันแน่ แต่จากคำอธิบายของเขามาปะติดปะต่อกันก็ทำให้ศิลาคาดเดาได้ว่าเป็นใครแต่พวกเขาไม่มีหลักฐานพอที่จะไปมัดตัวฆาตกร
“แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ”
“คงต้องหาต่อไป”
ทั้งสองยังคงหาข้อมูลจากแฟ้มเอกสารที่กองมากมายอยู่บนพื้นอย่างจริงจัง อีกทั้งหนังสือแต่ละหน้าที่ถูกคั่นไว้เผื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมจึงออกไปค้นที่ห้องอื่นๆที่ไกลออกไปด้วย จนไปถึงห้องมืดที่มีหน้าจอของโทรทัศน์เป็นจำนวนมาก หทัยคาดว่าห้องนี้คงจะเป็นห้องเฝ้ายามเพราะแต่ละเครื่องคงจะเป็นกล้องวงจรปิด แต่บางส่วนของเทปบันทึกได้ถูกทำลายทิ้งไปเพราะเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่
โครม!
หทัยเดินไปเตะกองเทปบันทึกขนาดมหึมาจนมันหล่นมาทับตัวของเธอ ทำให้มีวิดีโอจำนวนหลายม้วนพากันหล่นลงมาจากชั้นเก็บ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าชื่อของวันเป็นเทปที่บันทึกตามรายวันไว้
“14 มีนาคม 20XX? นี่มันหลังภาพวิดีโอนั้นนี่”
พอลองใส่เข้าไปในเครื่องแถวนั้นก็ปรากฏภาพของชายวัยกลางคนกำลังทะเลาะกับเด็กหนุ่มอยู่ แต่ไม่สามารถทราบได้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ชายวัยกลางคนใช้รีโมตอะไรบางอย่างใส่เด็กหนุ่มก่อนเขาจะหมดสติไปและถูกแทงที่หัวใจด้วยดาบประดับฝาผนัง ภาพจบที่ชายวัยกลางคนหยิบแผ่นซีดีที่วางอยู่บนโต๊ะไปก่อนจะหันหลังมาจุดไฟขึ้นรอบๆห้องจนโหมลามไปทั่วตึก ภาพก็ถูกตัดหายไป
หทัยถอดเทปบันทึกภาพออกจากเครื่องทันที เธอรีบนำมันไปให้ศิลาดูว่ามันจะใช้เป็นหลักฐานในการมัดตัวคนร้ายได้อย่างดิ้นไม่หลุดเลยทีเดียว
“ไอนี้ใช้ได้หรือเปล่า?”
หทัยส่งเทปบันทึกภาพสีดำหนาทึบให้กับมือของศิลาพร้อมกับอธิบายว่ามันเป็นแผ่นสุดท้ายที่มี คนร้ายคงไม่ทันคิดว่าไฟจะมอดเร็วกว่าที่คิด เทปที่บันทึกจึงยังอยู่และไม่ได้มีใครเอาไปเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นมันถูกจำลองใส่ไว้ในเกมหมดแล้วจึงไม่ได้กลับมาทำลายทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน
“ภาพนี้เห็นหน้าชัดด้วย คนร้ายคงดิ้นไม่หลุดแน่นอน”
“ทำได้ดีมากเลย วา”
ศิลาลูบหัวของหทัยอย่างเอ็นดู เธอแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าชอบให้คนชมและอ่อนโยนด้วยจึงเหม่อไปพักใหญ่เลย
“แบบนี้เราก็ช่วยทุกคนได้แล้วสิ”
“อืม”
ศิลามั่นใจว่าเขาสามารถนำหลักฐานชิ้นนี้ไปเปิดเผยตัวตนของคนร้ายให้กับเร็นได้แน่นอน และเขาก็จะปล่อยทุกคนไปอย่างปลอดภัย
“เดี๋ยวนะ….ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
หทัยยกพอร์ตขึ้นมาดูนาฬิกาก่อนจะตอบศิลาไปว่าตัวเลขบนกล่องนั้นคืออะไร
“16.45 นาที”
“แย่แล้วแบบนี้พวกเราต้องไปช้ากว่ากำหนดหนึ่งชั่วโมงแน่ พวกเขาอาจจะได้ปะทะมือกันก่อนที่เราจะไปถึง”
“ทำไงดี!!”
หทัยเริ่มออกอาการกังวลอย่างมากเธอเริ่มขาสั่นจนลุกไม่ได้เสียแล้วเนื่องจากตอนที่ล้มลงไปเพราะกองเทปบันทึกเสียง มันคงทำให้ขาเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาแต่ก็พยายามที่จะตะกายตามผนังเพื่อลุกขึ้นเดิน
“ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องไปเดี๋ยวนี้นะ”
“แต่ว่า….ขามัน”
น้ำเสียงสั่นคลอเริ่มแสดงความกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าหากเร็นเอาจริงพวกเพื่อนๆของเธอคงไม่รอดอย่างแน่นอน
“ช่วยไม่ได้…เอ้าฮึ้บ”
ศิลาเข้ามาอุ้มหทัยไว้ในแขนของเขา เธอตกใจอย่างมากจนเผลอผลักเขาออกไปแต่มันกลับทำให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่จะหล่นจากอ้อมแขนแทน เนื่องจากพื้นที่อยู่ในส่วนของเมืองคริสตัลจึงไม่อนุญาตให้ใช้สัตว์พาหนะได้
“อย่าดิ้นสิ นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว”
“แต่….ฉันตัวหนักนะ”
“ในเกมมันไม่มีน้ำหนักสำหรับผู้เล่นเสียหน่อย”
หทัยทำหน้าแบบร้องอ้อขึ้นมาทันทีเพราะที่ผ่านๆมาตัวมอนสเตอร์จะมีน้ำหนักกำกับไว้เพื่อบรรทุกในเรือขนสินค้าสำหรับทำอาหาร ชุดเกราะและสัตว์เลี้ยงแต่ตัวผู้เล่นไม่มีน้ำหนัก
“เราจะไปทันไหม?”
“ทันสิ ยังไงก็ต้องทัน”
ศิลาทำหน้าตาจริงจังอย่างมากในขณะที่พูดออกมาก่อนจะทิ้งท้ายประโยคสุดเท่ให้หทัยได้ตะลึงไปเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงนะ คนสำคัญของคนที่ผมรักน่ะ ยังไงก็ต้องช่วยไว้ให้ได้”
หทัยที่เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรดีได้แต่นิ่งเงียบไปโดยที่มือของเธอยังกดคอของศิลาไว้แน่นเพราะ กลัวตก!!
.........................................................................
Funtom : สงสัยไหมว่าคีย์การ์ดไปไหน เร็นพูดถึงใครกันน้าาาาา และเกี่ยวข้องอะไรกับลูกบอลเทมาริ?
ทำได้อย่างเดียวคือ รอตอนต่อไปละกัน ฮ่าๆ
ความคิดเห็น