คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Client:16 ความลับของประตู (ตรวจสอบ100%)
บทที่ 16
สถาปัตยกรรมสีขาวสูงเด่นเป็นสง่าอยู่กลางหุบเขาสูงถัดจากเมืองคริสตัล ทำให้บรรยากาศรอบข้างที่มีแต่สีขาวโพนของหิมะกลืนกินตึกสูงไปพร้อมพร้อมหุบเขา สภาพอากาศของที่นี่ถูกทำให้กลายเป็นยุคน้ำแข็งที่หนาวเย็นถึง ลบสิบสี่องศาเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาและความอยากรู้อยากเห็นของคนนอกแต่ก็ยังมีผู้เล่นอยู่จำนวนหนึ่งที่มาเยือนสถาบันวิจัยแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ท้าทาย
ทางเข้าของตึกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะหนาเกือบสิบนิ้ว จนไม่สามารถอ่านป้ายคำแนะนำที่ตั้งอยู่ด้านหน้าได้อย่างถนัด ชายหนุ่มใช้มือของตนที่สวมทับด้วยถุงมือเกลี่ยให้ก้อนปุยสีขาวหลุดออกจากป้ายโลหะสีทองที่อยู่ตรงประตู ทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้นมาจนเห็นเด่นชัด
“ESP Laboratory”
หญิงสาวที่มากับเขาอ่านออกเสียงชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจว่าพวกเขานั้นได้มาถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว
“อากาศหนาวแบบนี้คงไม่แปลกที่จะไม่มีมอนสเตอร์ออกมาเลย”
“ใครมันเป็นคนคิดให้เอาสถาบันวิจัยจำลองมาไว้ที่นี่เนี่ย!”
หทัยเริ่มบ่นกับความยุ่งยากที่เธอได้รับตอนที่มาถึงที่นี้ โชคดีที่เธอเป็นสาวกชุดแฟชั่นหลากหลายสไตล์ไม่ว่าชุดแบบไหนก็มีเก็บเป็นเซตไว้สลับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถหาชุดกันหนาวอย่างหนาในเวลาอันสั้นได้อย่างง่ายดาย
“จากตรงนี้เร็นจะเข้าไปกับพวกเราไม่ได้แล้วเพราะเหมือนมันมีอะไรขวางเขาอยู่”
“คงจะเป็นคลื่นสนามแม่เหล็กหรือพวกระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้ ระวังตัวหน่อยละกันวา”
“โอเค…”
ทั้งสองอาศัยแสงไฟจากอุปกรณ์พกพาที่ศิลาหยิบติดมือมาด้วยจากห้องของเขา ตอนนี้มันการเป็นอุปกรณ์ที่เป็นความหวังที่สุดของพวกเขาทั้งสองแล้ว
“ไม่คิดว่าสถาบันวิจัยมันจะตัดไฟฟ้าด้วย”
“เดินดีๆนะเดี๋ยวจะสะดุด”
“ไม่เป็นไรหรอกศิลา นายเดินนำไปก่อนเลยเราตามไป…..”
โครม!!
ไม่ทันขาดคำเตือนของศิลาสาวน้อยหทัยก็ไปสะดุดอะไรเข้าอย่างจัง เธอจึงค่อยๆคำหาดูว่าไอเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอสะดุดนั้นคืออะไร ก่อนจะไปคว้าสิ่งของบางอย่างที่กลมและแข็งหยาบเข้า
“เป็นอะไรไหมวา?”
ศิลารีบหันปากกระบอกไฟฉายไปยังต้นตอเสียงของหทัยทันที แสงจากไฟฉายที่ส่องไปยังหทัยฉายให้เห็นของในมือเธออย่างชัดเจนว่ามันคือ กะโหลกศีรษะที่คาดว่าจะเป็นของมนุษย์ไม่ใช่ของสัตว์แน่นอน
“กรี๊ด!!!!!”
หญิงสาวรีบคว้างเจ้าหัวกะโหลกออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบเข้าไปกอดศิลาเพราะความกลัว ถึงแม้เธอจะสู้คนแต่มีอยู่สิ่งเดียวที่หทัยตัดสินใจว่าจะไม่ขอยุ่งด้วยก็คือ ผีนั่นเอง
“ไม่เป็นไรๆ มันแค่ของตกแต่งน่ะ”
ศิลาหยิบเจ้าหัวกะโหลกขึ้นมาดูทั้งๆที่หทัยยังกอดเขาไว้แน่น แล้วพิจารณาส่วนประกอบพบว่ามันแตกต่างจากของจริงอย่างมาก
“ไม่รู้แหล่ะ ปามันทิ้งไปไกลๆเลย”
(ที่จริงก็อยากอยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยหรอกนะ แต่…ตอนนี้น่าสงสารมากกว่าอีก )
“ได้ๆ เราโยนมันทิ้งไปแล้ว”
ศิลาจัดการวางหัวกะโหลกวางที่พื้นแถวนั้นก่อนจะแกล้งบอกไปว่าทิ้งไปแล้ว เพราะหากเขาปาทิ้งไปอยากทำให้ศัตรูหรือใครที่อยู่แถวนั้นได้ยินเข้าและไหวตัวหนีไปได้
“งั้นเราไปสำรวจรอบๆตึกก่อนละกันนะ”
“อืม…”
หทัยตอบรับคำแนะนำของศิลาในขณะที่มือของเธอยังเกาะแขนของเขาไว้แน่น
ทั้งสงค่อยๆสำรวจชั้นแต่ละชั้น ห้องแต่ละห้องอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย ทำให้เกิดคิดได้ว่าเร็นอาจจะหลอกพวกเขาทั้งสองคนก็ได้
“สงสัยจะโดนหลอกละมั้งเนี่ย”
“เราว่าไม่นะ….ดูนั่น”
ศิลาชี้ไปยังประตูบานสุดท้ายที่ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่มีลมพัดอ่อนๆทำให้ต้นหญ้าสีเขียวเข้มพัดไหวไปมาอยู่ตรงขอบล่างของประตู ศิลาตั้งข้อสันนิษฐานว่าหลังประตูบานนั้นจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอนจึงหาทางที่จะเปิดมันให้ได้ ไม่ว่าจะใช้ไม้งัดหรือแรงคนเข้าไปกระแทกก็ไม่ทำให้ประตูบานนั้นสะเทือนเลยแม้แต่น้อยจึงเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน
“หรือมันจะมีปุ่มลับ?”
“หรือต้องใช้รหัสในการเปิด?”
เมื่อหทัยลองมองลงไปที่พื้นที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็พบว่าภายใต้หญ้าสีเข้าชอุ่มนั้นมีอักษรอะไรบางอย่างเขียนกำกับไว้เป็นภาษาไทย ทำให้เธอต้องก้มลงไปขุดดินด้วยเสียมปลูกต้นไม้แถวๆนั้นทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้นมา
“อะไรคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตคน …………………(ตอบเป็นภาษาเวลส์)?”
“นี่ใช่กุญแจในการเปิดประตูห้องหรือเปล่า”
“ไอนี่หรือเปล่า annibynnol ”
หทัยบรรจงเขียนคำศัพท์หน้าแปลกๆที่อ่านยากลงไปบนประตู เธอใช้วิธีดึงฐานข้อมูลภาษาจากในเกมมาแปลคำศัพท์ให้แต่ประตูก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับแต่อย่างใด
“อิสระคือสมบัติล้ำค่าไม่ใช่หรอ?”
“กรณีของคนไทยน่ะ ใช่แต่ถ้าเทียบกับชาวเวลส์แล้วมันคืออย่างอื่นนะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชาวเวลส์ด้วยล่ะ”
หทัยไม่เข้าใจว่าทำไมคำตอบของเธอจึงไม่สามารถเปิดประตูออกได้ทั้งๆที่คิดว่าก็น่าจะตอบถูกแล้วด้วยซ้ำ
“เกมนี้มีชื่อว่า ESP Online สร้างขึ้นจากระดับหัวกะทิของทั่วโลกลูกทีมส่วนใหญ่เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเวลส์เก่า ญี่ปุ่นและไทย ดังนั้นเวลาตอบก็ต้องทำแบบนี้”
ศิลาใช้ฝ่ามือของตนเองประสานไปกับระนาบเดียวของประตูก่อนจะจินตนาการให้ตัวอักษรภาษาเวลส์ปรากฏลงบนพื้นที่สีขาวบนบานประตูว่า “caru”
“แปลว่าอะไรน่ะ”
“ความรักไง”
ศิลายิ้มตอบรับคำถามของหทัยอย่างอ่อนโยน ที่เขาพอจะรู้ว่าคำตอบของรหัสประตูบานนี้คืออะไรอาจเป็นเพราะอ่านหนังสือมามาก ส่วนใหญ่แล้วชาวเวลส์เก่าจะเรียกร้องหาความรักจากพระเจ้าครั้งสงครามโลกทำให้ผู้คนยึดถือว่าหากได้รับความรักจากพระเจ้าพวกเขาจะโชคดี
ทันทีที่ภาพตัวอักษรบนประตูปรากฏตึกก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบานประตูหล่นลงไปยังใต้พื้นดินอย่างไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากพื้นที่ยืนถูกออกแบบให้เปิดออกเป็นทางเข้าแทนประตู
.
.
.
ทั้งสองคนตกลงไปยังห้องลับที่อยู่ด้านล่างแต่ก็พบว่ามันมีอะไรบางอย่างมาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในขณะนี้ด้วยขนาดตัวใหญ่กว่าสองฟุตและน้ำหนักกว่าสิบตันเจ้าหนูมอนสเตอร์ลับผู้หนีตายจากพื้นดินอันหนาวเย็นด้านบนลงมาแอบจำศีลอยู่ด้านล่างนี้ เป็นระยะเวลานานที่มันไม่ได้ล่าสัตว์หรือมอนสเตอร์ตะวเล็กเล็กๆเป็นอาหาร ทำให้เจ้าหนูร่างยักษ์เห็นศิลาและหทัยเป็นอาหารเช้าที่เสิร์ฟบนเตียงอย่างหรู
“วิ่งเร็ววา!”
ศิลาเห็นท่าทางไม่ดีของเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่จึงร้องบอกให้หทัยตั้งหน้าวิ่งเพื่อกลับขึ้นไปยังด้านบนให้เร็วที่สุด
ตึก!ตึก!ตึก!
เสียงฝีเท้าของมันบอกได้เลยว่าหากพวกเขาวิ่งพลาดไปสะดุดล้มตรงไหนก็ตามเพียงแค่ไม่กี่วินาทีคงโดยเท้าอันมหึมาของมันเหยียบจมดินแน่นอน
“อ้ะ…”
สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปทันทีที่หทัยดันไปสะดุดเอาเจ้าตะไคร่น้ำสุดซวยติดมากับรองเท้าทำให้ลื่นล้มหัวคะมำ เจ้าหนูยักษ์จึงหันไปสนใจหทัยที่หยุดวิ่งทันที พร้อมกับจู่โจมอย่างรวดเร็ว
“อย่าเข้ามานะ”
หทัยใช้บูมเมอแรงขนาดเล็กปาไปที่หน้าของเจ้ามอนสเตอร์ทันที แต่แทนที่มันจะถอยห่างกับเกิดอาการโมโหขั้นรุนแรงแทนทำให้พลังโจมตีของมันเพิ่มขึ้น
“โอย ซวยซ้ำซวยซ้อนแล้วไง พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย”
ทันทีที่กรงเล็บของมันจะเงื้อไปถึงตัวของหทัยก็มีท่อนเหล็กยาวมาขวางไว้ นั่นก็คือ เคียวทูตสวรรค์ของศิลานั่นเองเขาใช้มันมากันกรงเล็บไว้เพราะอาวุธของเซราฟขึ้นชื่อว่าแข็งที่สุด
“รีบลุกเร็วเข้า”
เมื่อหทัยได้ยินคำแนะนำปนสั่งของศิลาก็รีบดีดตัวออกจากจุดที่เธอนั่งอยู่ทันทีและถอยไปตั้งหลักอยู่ด้านหลังศิลาแทน
“ถ้าจะหนีคงยากแล้วล่ะเพราะทางข้างหน้ามันตัน”
“รู้ได้ไงอะ?”
“ลมไงล่ะ ไม่มีลมพัดเข้ามาในนี้เลยแสดงว่าทางเข้ามีทางเดียวเท่านั้น”
“เอาไงต่อดีล่ะศิลา”
“เปลี่ยนเข้าสู้โหมดต่อสู้ซะ”
หทัยกดเรียกใช้โหมดต่อสู้หทัยจากหน้าต่างสกิลของเธอ ตัวโปรแกรมของเกมจึงเริ่มเดินคำสั่งสำหรับการเปลี่ยนชุดและอาวุธให้ใหม่ของหทัยและศิลาไปอยู่ในชุดพื้นฐานล่าสุดของแต่ละอาชีพแทน
อาวุธของหทัยหลังเปลี่ยนคลาสมานั้นไม่ได้ใช้บูมเมอแรงเป็นหลักแล้วแต่ใช้แส้กับเส้นด้ายแทน ส่วนศิลายังใช้เคียวอยู่เพียงแต่ปรับให้มันมีคมเคียวทั้งสองด้าน
“ยืนชนให้ทีนะศิลา”
“แน่นอน”
อาชีพเซราฟของศิลาไม่ได้สร้างมาให้ยืนชนกับบอสมอนสเตอร์แต่ก็มีค่าพลังชีวิตเยอะพอที่จะถ่วงเวลาให้หทัยได้ เขาเชื่อใจเธอว่าจะสามารถจัดการเข้าตัวนั้นได้ก่อนเลือดของเขาจะหมดหลอด
“เอานี้ไปกิน”
หทัยกระโดดอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหนูยักษ์พร้อมกับวิ่งวนไปมาอยู่หลาย ในขณะที่เธอวางแผนอยู่นั้นจำนวนหลอดเลือดของศิลาที่ยืนใช้เคียวกันไว้เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วเริ่มเปลี่ยนมานั่งคุกเข่าค้ำไว้แทน
“อดทนไว้ศิลา ใกล้เสร็จแล้ว”
“เร็วๆจะยืนไม่ไหวแล้ว”
ในขณะที่เลือดของศิลาเลือดน้อยกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์หทัยตั้งท่าวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่กลางหน้าผากของเจ้าหนูยักษ์ ทำให้มันหันมาเล่นงานเธอแทนด้วยกำลังฝีเท้าสุดชีวิตตามหทัยไป
“ปิดฉากได้เลยศิลา”
หทัยเป็นตัวล่อต่อให้เจ้ามอนสเตอร์ตามเธอไปยังจุดที่วางระเบิดบูมเมอแรงไว้ ศิลาก็เริ่มร่ายเวทย์สายแสงขนาดใหญ่บนพื้นที่ที่เข้ายืนอยู่เป็นวงกว้างครอบคลุมไปทั้งชั้นใต้ดิน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนระเบิดของหทัยก็ทำงานก่อเกิดเป็นประกายไฟเหมือนพลุจุดพร้อมกันกว่าสิบลูก หลังจากนั้นก็ใช้สกิลด้ายที่ได้มาใหม่ตรึงมันเป็นไม้กางเขนไว้บนพื้นเพื่อรอศิลาปิดฉากให้
ถึงแม้ว่าเจ้าหนูจะไม่โจมตีเขาแล้วก็ตามแต่สถานะเลือดไหลไม่หยุดก็ยังทำงานอยู่ทำให้ประสิทธิภาพในการกะระยะนั้นยากขึ้นแต่เขาก็มั่นใจในการตรึงกางเขนของหทัยว่ามันจะทำให้เคียวของเขาปักลงไปตรงกลางหัวของเจ้าหนูยักษ์แน่นอน
“……………..จง สถิตบนดวงวิญญาณของผู้รับใช้พระเจ้า Holy Celestial arrow”
เมื่อศิลาร่ายเวทย์มนต์ขนาดใหญ่จบลงแสงสีขาวสว่างจนแสบตาก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้าก่อเกิดเป็นลูกศรขนาดใหญ่ปักเข้าที่กลางหัวของมอนสเตอร์ยักษ์ทันที ทำให้ร่างกายของมันสลายหายไปต่อหน้าทั้งสองคนทิ้งของรางวัลไว้ให้ดูต่างหน้าแต่แทนที่จะได้ดีใจหทัยกลับวิ่งน้ำตาคลอไปพร้อมกับขวดน้ำสีแดงในมือปาใส่ศิลาอย่างแรงจนคิดว่าถ้าเป็นชีวิตจริงเขาอาจตายเพราะแรงที่ปาขวดใส่มากกว่าสถานะเลือดออกด้วยซ้ำ
เพล้ง!
แถบเลือดสีแดงของศิลาเริ่มกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งเนื่องจากสถานะเลือดไหลจากผลพวงการโจมตีของเจ้าหนูยักษ์อยู่นานกว่าที่คิด หากถูกช่วยช้าไปศิลาคงไปนอนเฝ้าพระเจ้าจริงๆจามสายอาชีพเขาแน่
“ดีขึ้นยัง…..”
“อืม เกือบไปๆนึกว่าจะตายซะแล้ว”
ศิลาได้แต่ยิ้มแห้งๆไปพลางลูบหัวแทนคำขอบคุณให้กับหทัยเพราะหากเธอช่วยเขาช้าไป นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เจอเธอ
“นั่นอะไรน่ะ”
หทัยชี้ไปยังแสงระยิบระยับที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะหยิบมาดูใกล้ๆและรู้ว่ามันคือคีย์การ์ด?
..........................................................................................
ความคิดเห็น