ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #17 : Client:16 ความลับของประตู (ตรวจสอบ100%)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 57


    บทที่ 16

                สถาปัตยกรรมสีขาวสูงเด่นเป็นสง่าอยู่กลางหุบเขาสูงถัดจากเมืองคริสตัล ทำให้บรรยากาศรอบข้างที่มีแต่สีขาวโพนของหิมะกลืนกินตึกสูงไปพร้อมพร้อมหุบเขา   สภาพอากาศของที่นี่ถูกทำให้กลายเป็นยุคน้ำแข็งที่หนาวเย็นถึง ลบสิบสี่องศาเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาและความอยากรู้อยากเห็นของคนนอกแต่ก็ยังมีผู้เล่นอยู่จำนวนหนึ่งที่มาเยือนสถาบันวิจัยแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ท้าทาย

                ทางเข้าของตึกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะหนาเกือบสิบนิ้ว จนไม่สามารถอ่านป้ายคำแนะนำที่ตั้งอยู่ด้านหน้าได้อย่างถนัด  ชายหนุ่มใช้มือของตนที่สวมทับด้วยถุงมือเกลี่ยให้ก้อนปุยสีขาวหลุดออกจากป้ายโลหะสีทองที่อยู่ตรงประตู  ทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้นมาจนเห็นเด่นชัด

    ESP Laboratory

    หญิงสาวที่มากับเขาอ่านออกเสียงชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจว่าพวกเขานั้นได้มาถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว

    “อากาศหนาวแบบนี้คงไม่แปลกที่จะไม่มีมอนสเตอร์ออกมาเลย”

    “ใครมันเป็นคนคิดให้เอาสถาบันวิจัยจำลองมาไว้ที่นี่เนี่ย!

    หทัยเริ่มบ่นกับความยุ่งยากที่เธอได้รับตอนที่มาถึงที่นี้ โชคดีที่เธอเป็นสาวกชุดแฟชั่นหลากหลายสไตล์ไม่ว่าชุดแบบไหนก็มีเก็บเป็นเซตไว้สลับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถหาชุดกันหนาวอย่างหนาในเวลาอันสั้นได้อย่างง่ายดาย

    “จากตรงนี้เร็นจะเข้าไปกับพวกเราไม่ได้แล้วเพราะเหมือนมันมีอะไรขวางเขาอยู่”

    “คงจะเป็นคลื่นสนามแม่เหล็กหรือพวกระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้  ระวังตัวหน่อยละกันวา”

    “โอเค

    ทั้งสองอาศัยแสงไฟจากอุปกรณ์พกพาที่ศิลาหยิบติดมือมาด้วยจากห้องของเขา ตอนนี้มันการเป็นอุปกรณ์ที่เป็นความหวังที่สุดของพวกเขาทั้งสองแล้ว

    “ไม่คิดว่าสถาบันวิจัยมันจะตัดไฟฟ้าด้วย”

    “เดินดีๆนะเดี๋ยวจะสะดุด”

    “ไม่เป็นไรหรอกศิลา นายเดินนำไปก่อนเลยเราตามไป…..

    โครม!!

    ไม่ทันขาดคำเตือนของศิลาสาวน้อยหทัยก็ไปสะดุดอะไรเข้าอย่างจัง เธอจึงค่อยๆคำหาดูว่าไอเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอสะดุดนั้นคืออะไร ก่อนจะไปคว้าสิ่งของบางอย่างที่กลมและแข็งหยาบเข้า

    “เป็นอะไรไหมวา?

    ศิลารีบหันปากกระบอกไฟฉายไปยังต้นตอเสียงของหทัยทันที แสงจากไฟฉายที่ส่องไปยังหทัยฉายให้เห็นของในมือเธออย่างชัดเจนว่ามันคือ  กะโหลกศีรษะที่คาดว่าจะเป็นของมนุษย์ไม่ใช่ของสัตว์แน่นอน

    “กรี๊ด!!!!!

    หญิงสาวรีบคว้างเจ้าหัวกะโหลกออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบเข้าไปกอดศิลาเพราะความกลัว ถึงแม้เธอจะสู้คนแต่มีอยู่สิ่งเดียวที่หทัยตัดสินใจว่าจะไม่ขอยุ่งด้วยก็คือ ผีนั่นเอง

    “ไม่เป็นไรๆ มันแค่ของตกแต่งน่ะ”

    ศิลาหยิบเจ้าหัวกะโหลกขึ้นมาดูทั้งๆที่หทัยยังกอดเขาไว้แน่น  แล้วพิจารณาส่วนประกอบพบว่ามันแตกต่างจากของจริงอย่างมาก

    “ไม่รู้แหล่ะ ปามันทิ้งไปไกลๆเลย”

    (ที่จริงก็อยากอยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยหรอกนะ แต่ตอนนี้น่าสงสารมากกว่าอีก )

    “ได้ๆ เราโยนมันทิ้งไปแล้ว”

    ศิลาจัดการวางหัวกะโหลกวางที่พื้นแถวนั้นก่อนจะแกล้งบอกไปว่าทิ้งไปแล้ว เพราะหากเขาปาทิ้งไปอยากทำให้ศัตรูหรือใครที่อยู่แถวนั้นได้ยินเข้าและไหวตัวหนีไปได้

    “งั้นเราไปสำรวจรอบๆตึกก่อนละกันนะ”

    “อืม

    หทัยตอบรับคำแนะนำของศิลาในขณะที่มือของเธอยังเกาะแขนของเขาไว้แน่น

    ทั้งสงค่อยๆสำรวจชั้นแต่ละชั้น ห้องแต่ละห้องอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย ทำให้เกิดคิดได้ว่าเร็นอาจจะหลอกพวกเขาทั้งสองคนก็ได้

    “สงสัยจะโดนหลอกละมั้งเนี่ย”

    “เราว่าไม่นะ….ดูนั่น”

    ศิลาชี้ไปยังประตูบานสุดท้ายที่ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่มีลมพัดอ่อนๆทำให้ต้นหญ้าสีเขียวเข้มพัดไหวไปมาอยู่ตรงขอบล่างของประตู ศิลาตั้งข้อสันนิษฐานว่าหลังประตูบานนั้นจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอนจึงหาทางที่จะเปิดมันให้ได้  ไม่ว่าจะใช้ไม้งัดหรือแรงคนเข้าไปกระแทกก็ไม่ทำให้ประตูบานนั้นสะเทือนเลยแม้แต่น้อยจึงเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน

    “หรือมันจะมีปุ่มลับ?

    “หรือต้องใช้รหัสในการเปิด?

    เมื่อหทัยลองมองลงไปที่พื้นที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็พบว่าภายใต้หญ้าสีเข้าชอุ่มนั้นมีอักษรอะไรบางอย่างเขียนกำกับไว้เป็นภาษาไทย  ทำให้เธอต้องก้มลงไปขุดดินด้วยเสียมปลูกต้นไม้แถวๆนั้นทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้นมา

    “อะไรคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตคน …………………(ตอบเป็นภาษาเวลส์)?

    “นี่ใช่กุญแจในการเปิดประตูห้องหรือเปล่า”

    “ไอนี่หรือเปล่า annibynnol

    หทัยบรรจงเขียนคำศัพท์หน้าแปลกๆที่อ่านยากลงไปบนประตู เธอใช้วิธีดึงฐานข้อมูลภาษาจากในเกมมาแปลคำศัพท์ให้แต่ประตูก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับแต่อย่างใด

    “อิสระคือสมบัติล้ำค่าไม่ใช่หรอ?

    “กรณีของคนไทยน่ะ ใช่แต่ถ้าเทียบกับชาวเวลส์แล้วมันคืออย่างอื่นนะ”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชาวเวลส์ด้วยล่ะ”

    หทัยไม่เข้าใจว่าทำไมคำตอบของเธอจึงไม่สามารถเปิดประตูออกได้ทั้งๆที่คิดว่าก็น่าจะตอบถูกแล้วด้วยซ้ำ

    “เกมนี้มีชื่อว่า ESP Online สร้างขึ้นจากระดับหัวกะทิของทั่วโลกลูกทีมส่วนใหญ่เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเวลส์เก่า    ญี่ปุ่นและไทย ดังนั้นเวลาตอบก็ต้องทำแบบนี้”

    ศิลาใช้ฝ่ามือของตนเองประสานไปกับระนาบเดียวของประตูก่อนจะจินตนาการให้ตัวอักษรภาษาเวลส์ปรากฏลงบนพื้นที่สีขาวบนบานประตูว่า caru

    “แปลว่าอะไรน่ะ”

    “ความรักไง”

    ศิลายิ้มตอบรับคำถามของหทัยอย่างอ่อนโยน ที่เขาพอจะรู้ว่าคำตอบของรหัสประตูบานนี้คืออะไรอาจเป็นเพราะอ่านหนังสือมามาก ส่วนใหญ่แล้วชาวเวลส์เก่าจะเรียกร้องหาความรักจากพระเจ้าครั้งสงครามโลกทำให้ผู้คนยึดถือว่าหากได้รับความรักจากพระเจ้าพวกเขาจะโชคดี

    ทันทีที่ภาพตัวอักษรบนประตูปรากฏตึกก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบานประตูหล่นลงไปยังใต้พื้นดินอย่างไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากพื้นที่ยืนถูกออกแบบให้เปิดออกเป็นทางเข้าแทนประตู

    .

    .

    .

    ทั้งสองคนตกลงไปยังห้องลับที่อยู่ด้านล่างแต่ก็พบว่ามันมีอะไรบางอย่างมาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในขณะนี้ด้วยขนาดตัวใหญ่กว่าสองฟุตและน้ำหนักกว่าสิบตันเจ้าหนูมอนสเตอร์ลับผู้หนีตายจากพื้นดินอันหนาวเย็นด้านบนลงมาแอบจำศีลอยู่ด้านล่างนี้   เป็นระยะเวลานานที่มันไม่ได้ล่าสัตว์หรือมอนสเตอร์ตะวเล็กเล็กๆเป็นอาหาร ทำให้เจ้าหนูร่างยักษ์เห็นศิลาและหทัยเป็นอาหารเช้าที่เสิร์ฟบนเตียงอย่างหรู


    “วิ่งเร็ววา!

    ศิลาเห็นท่าทางไม่ดีของเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่จึงร้องบอกให้หทัยตั้งหน้าวิ่งเพื่อกลับขึ้นไปยังด้านบนให้เร็วที่สุด

    ตึก!ตึก!ตึก!

    เสียงฝีเท้าของมันบอกได้เลยว่าหากพวกเขาวิ่งพลาดไปสะดุดล้มตรงไหนก็ตามเพียงแค่ไม่กี่วินาทีคงโดยเท้าอันมหึมาของมันเหยียบจมดินแน่นอน

    “อ้ะ

    สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปทันทีที่หทัยดันไปสะดุดเอาเจ้าตะไคร่น้ำสุดซวยติดมากับรองเท้าทำให้ลื่นล้มหัวคะมำ เจ้าหนูยักษ์จึงหันไปสนใจหทัยที่หยุดวิ่งทันที พร้อมกับจู่โจมอย่างรวดเร็ว

    “อย่าเข้ามานะ”

    หทัยใช้บูมเมอแรงขนาดเล็กปาไปที่หน้าของเจ้ามอนสเตอร์ทันที แต่แทนที่มันจะถอยห่างกับเกิดอาการโมโหขั้นรุนแรงแทนทำให้พลังโจมตีของมันเพิ่มขึ้น

    “โอย ซวยซ้ำซวยซ้อนแล้วไง พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย”

    ทันทีที่กรงเล็บของมันจะเงื้อไปถึงตัวของหทัยก็มีท่อนเหล็กยาวมาขวางไว้ นั่นก็คือ เคียวทูตสวรรค์ของศิลานั่นเองเขาใช้มันมากันกรงเล็บไว้เพราะอาวุธของเซราฟขึ้นชื่อว่าแข็งที่สุด

    “รีบลุกเร็วเข้า”

    เมื่อหทัยได้ยินคำแนะนำปนสั่งของศิลาก็รีบดีดตัวออกจากจุดที่เธอนั่งอยู่ทันทีและถอยไปตั้งหลักอยู่ด้านหลังศิลาแทน

    “ถ้าจะหนีคงยากแล้วล่ะเพราะทางข้างหน้ามันตัน”

    “รู้ได้ไงอะ?

    “ลมไงล่ะ ไม่มีลมพัดเข้ามาในนี้เลยแสดงว่าทางเข้ามีทางเดียวเท่านั้น”

    “เอาไงต่อดีล่ะศิลา”

    “เปลี่ยนเข้าสู้โหมดต่อสู้ซะ”

    หทัยกดเรียกใช้โหมดต่อสู้หทัยจากหน้าต่างสกิลของเธอ ตัวโปรแกรมของเกมจึงเริ่มเดินคำสั่งสำหรับการเปลี่ยนชุดและอาวุธให้ใหม่ของหทัยและศิลาไปอยู่ในชุดพื้นฐานล่าสุดของแต่ละอาชีพแทน

    อาวุธของหทัยหลังเปลี่ยนคลาสมานั้นไม่ได้ใช้บูมเมอแรงเป็นหลักแล้วแต่ใช้แส้กับเส้นด้ายแทน ส่วนศิลายังใช้เคียวอยู่เพียงแต่ปรับให้มันมีคมเคียวทั้งสองด้าน

    “ยืนชนให้ทีนะศิลา”

    “แน่นอน”

    อาชีพเซราฟของศิลาไม่ได้สร้างมาให้ยืนชนกับบอสมอนสเตอร์แต่ก็มีค่าพลังชีวิตเยอะพอที่จะถ่วงเวลาให้หทัยได้ เขาเชื่อใจเธอว่าจะสามารถจัดการเข้าตัวนั้นได้ก่อนเลือดของเขาจะหมดหลอด

    “เอานี้ไปกิน”

    หทัยกระโดดอ้อมไปด้านหลังของเจ้าหนูยักษ์พร้อมกับวิ่งวนไปมาอยู่หลาย ในขณะที่เธอวางแผนอยู่นั้นจำนวนหลอดเลือดของศิลาที่ยืนใช้เคียวกันไว้เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วเริ่มเปลี่ยนมานั่งคุกเข่าค้ำไว้แทน

    “อดทนไว้ศิลา ใกล้เสร็จแล้ว”

    “เร็วๆจะยืนไม่ไหวแล้ว”

    ในขณะที่เลือดของศิลาเลือดน้อยกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์หทัยตั้งท่าวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่กลางหน้าผากของเจ้าหนูยักษ์  ทำให้มันหันมาเล่นงานเธอแทนด้วยกำลังฝีเท้าสุดชีวิตตามหทัยไป

    “ปิดฉากได้เลยศิลา”

    หทัยเป็นตัวล่อต่อให้เจ้ามอนสเตอร์ตามเธอไปยังจุดที่วางระเบิดบูมเมอแรงไว้  ศิลาก็เริ่มร่ายเวทย์สายแสงขนาดใหญ่บนพื้นที่ที่เข้ายืนอยู่เป็นวงกว้างครอบคลุมไปทั้งชั้นใต้ดิน  เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนระเบิดของหทัยก็ทำงานก่อเกิดเป็นประกายไฟเหมือนพลุจุดพร้อมกันกว่าสิบลูก  หลังจากนั้นก็ใช้สกิลด้ายที่ได้มาใหม่ตรึงมันเป็นไม้กางเขนไว้บนพื้นเพื่อรอศิลาปิดฉากให้

    ถึงแม้ว่าเจ้าหนูจะไม่โจมตีเขาแล้วก็ตามแต่สถานะเลือดไหลไม่หยุดก็ยังทำงานอยู่ทำให้ประสิทธิภาพในการกะระยะนั้นยากขึ้นแต่เขาก็มั่นใจในการตรึงกางเขนของหทัยว่ามันจะทำให้เคียวของเขาปักลงไปตรงกลางหัวของเจ้าหนูยักษ์แน่นอน

    ……………..จง สถิตบนดวงวิญญาณของผู้รับใช้พระเจ้า Holy Celestial arrow

    เมื่อศิลาร่ายเวทย์มนต์ขนาดใหญ่จบลงแสงสีขาวสว่างจนแสบตาก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้าก่อเกิดเป็นลูกศรขนาดใหญ่ปักเข้าที่กลางหัวของมอนสเตอร์ยักษ์ทันที ทำให้ร่างกายของมันสลายหายไปต่อหน้าทั้งสองคนทิ้งของรางวัลไว้ให้ดูต่างหน้าแต่แทนที่จะได้ดีใจหทัยกลับวิ่งน้ำตาคลอไปพร้อมกับขวดน้ำสีแดงในมือปาใส่ศิลาอย่างแรงจนคิดว่าถ้าเป็นชีวิตจริงเขาอาจตายเพราะแรงที่ปาขวดใส่มากกว่าสถานะเลือดออกด้วยซ้ำ

    เพล้ง!

    แถบเลือดสีแดงของศิลาเริ่มกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งเนื่องจากสถานะเลือดไหลจากผลพวงการโจมตีของเจ้าหนูยักษ์อยู่นานกว่าที่คิด หากถูกช่วยช้าไปศิลาคงไปนอนเฝ้าพระเจ้าจริงๆจามสายอาชีพเขาแน่

    “ดีขึ้นยัง…..

    “อืม เกือบไปๆนึกว่าจะตายซะแล้ว”

    ศิลาได้แต่ยิ้มแห้งๆไปพลางลูบหัวแทนคำขอบคุณให้กับหทัยเพราะหากเธอช่วยเขาช้าไป  นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เจอเธอ

    “นั่นอะไรน่ะ”

    หทัยชี้ไปยังแสงระยิบระยับที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะหยิบมาดูใกล้ๆและรู้ว่ามันคือคีย์การ์ด?

    ..........................................................................................



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×