คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Client:15 เชื่อใจ (ตรวจสอบ100%)
บทที่ 15
“เร็น!?”
เสียงเรียกชื่อของหทัยเป็นสัญญาณบ่งชัดว่าศิลาเองก็ไม่ได้ตาฝาดเหมือนกันที่เห็นชายหนุ่มที่มีนามว่า เร็น ยืนอยู่ตรงหน้าในขณะนี้
“โทษทีที่ทำให้ตกใจ”
เร็นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆก่อนจะเริ่มบอกจุดประสงค์ของเขาในการมาพบกับหทัยและศิลาในครั้งนี้
“จากที่สังเกตมาเธอเป็นคนแรกที่ตัวข้าเองเห็นว่ามีแววฉลาด พอดีมีเบาะแสมาเพิ่มให้เผื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์น่ะ”
“หืม...ชมหรือด่าเนี่ย? คิดว่าเราจะตามหาให้ง่ายๆหรือไง”
“วา…”
ศิลาห้ามปรามท่าทีอันอวดเก่งของหทัยไว้เพราะกลัวว่าจะไปทำให้เร็นโกรธแล้วทุกอย่างที่วางแผนไว้มันจะล้มไม่เป็นท่าแทน
“ข้าไม่ได้มาสั่งแต่จะมาขอร้องต่างหาก เพราะฆาตกรคนนี้พรากเอาทุกอย่างไปจากผมแม้กระทั่งชีวิตและตอนนี้เขาเริ่มที่จะลงมือฆ่าอีกครั้งสำหรับคนที่ขี้สงสัยอย่างคุณ”
“หมายความว่าฉันกำลังโดนหมายหัวอยู่หรือไง?..ทำไมนายไม่บอกไปเลยล่ะว่าใครเป็นฆาตกรกันแน่เรื่องจะได้จบๆไป”
หญิงสาวเริ่มที่จะเบื่อกับการเจรจาของเร็นอยู่นิดหน่อยเพราะเขาเป็นคนที่ให้เบาะแสและพูดอะไรที่เข้าใจยาก
“เพราะข้าก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเหมือนกัน”
“งั้นนายรู้ได้ไงว่าฆาตกรเป็นใคร?”
“พอเดาได้สินะ”
ศิลาเป็นผู้ตอบคำถามที่ค้างคาใจของหทัยแทนเร็น โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่มีไหวพริบดีและมีความเป็นผู้นำสูงจึงไม่แปลกที่จะเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าหทัย
“แต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่า….เลยมาขอร้องให้ช่วยที”
“ถ้าหากพวกเราหาฆาตกรได้นายจะให้อะไร”
หทัยขอเรียกร้องรางวัลที่คิดว่าเขาตั้งใจจะใช้มันมันต่อรองกับเธอเพียงแค่ว่าต้องการความมั่นใจเท่านั้นว่าเขาจะรักษาสัญญา
“ผมจะปล่อยทุกคนไป ”
“ฉันก็คิดอยู่แล้วว่านายต้องเอาเรื่องนี้มาต่อรองแน่ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่คืนคำเด็ดขาด”
“เอาจริงหรอวา? ไม่ไปปรึกษากับจิราภัทรก่อนล่ะ?”
“ไม่เป็นไร ภัทรต้องเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำแน่”
คำตอบของหทัยบอกได้ว่าเธอและจิราภัทรนั้นสนิทกันมากแค่ไหนถึงขนาดไม่ต้องบอกกล่าวก็เข้าใจกันได้
ในขณะที่หทัยยืนต่อรองของรางวัลจากเร็นที่นอกเหนือจากการออกไปจากเกมนี้ ศิลาได้แต่ยืนคิดหนักว่าตัวเขาเองควรจะทำอย่างไรดี ควรห้ามหทัยไว้แล้วกลับไปทำตามแผนเดิมหรือช่วยเหลือเธอเพราะผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตรายกันแน่ แต่ไม่นานนักเขาก็ได้คำตอบที่เป็นหนทางที่ดีที่สุดคือตามหทัยไปด้วย เพราะตัวเขาเองคนปล่อยให้ผู้หญิงที่ตนรักไปเจอเรื่องอันตรายตามลำพังไม่ได้
“หทัย ฉันจะไปกับเธอด้วย!”
“เอ๋!?…ช่วยไม่ได้อย่ามาเกะกะก็แล้วกัน”
“แต่ก่อนอื่นขอกลับไปเอาของที่ห้องก่อนนะ”
ศิลาวิ่งกลับไปยังที่ห้องพักของตนเองก่อนจะหยิบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆใส่ลงในกระเป๋าใบนั้น แน่นอนว่าเขต้องไม่ลืมแผนที่และเข็มทิศอย่างแน่นอน ก่อนออกจากห้องเขาได้เขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่งก่อนนำไปฝากไว้กับเมดสาวเพื่อส่งต่อให้กับจิราภัทร
“เร็วเข้าสิ ศิลา!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อของชายหนุ่มจากหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังประตูทางเข้าเมืองบอกเป็นนัยให้ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ?”
“ESP Laboratory”
.
.
.
ทางด้านของจิราภัทรเองไม่มีใครรู้เลยว่าพวกหทัยนั้นได้ออกเดินทางไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณสองชั่วโมง พระอาทิตย์เริ่มทอแสงเข้าสู่เส้นขอบฟ้าทำให้บรรยากาศในตอนเช้าเริ่มอบอุ่นขึ้น
“ศรศิลป์!”
เสียงเรียกจากหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนของจิราภัทรร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังฝึกท่าไม้ตายอยู่จากชั้นบนเนื่องจากว่าชั้นสี่จะมีระเบียงให้เดินได้กว้างกว่าชั้นอื่นๆ
“มีอะไร?”
“เห็นจิราภัทรไหม? เธอไม่ได้อยู่ที่ห้องน่ะ”
“อ๋อ อยู่กับเราเองแหล่ะลงมาสิ….อีกเดี๋ยวก็มาแล้ว”
“??”
ถึงแม้จะแปลกใจว่าช่วงนี้จิราภัทรตัวติดศรศิลป์มากกว่าน้องชายสุดที่รักอย่างนันทกรเสียอีกแต่นฤนาถก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามตรงๆว่าตกลงแล้วทั้งสองคนคบกันอยู่จริงหรือเปล่า ทำได้แต่เพียงปล่อยผ่านไปจนกว่าจิราภัทรจะยอมเล่าให้ฟังเอง
“จดหมายน่ะ เมื่อกี้มีคุณเมดฝากให้จิราภัทร”
“ไหน?”
จิราภัทรเปิดอ่านดูมีเพียงตัวอักษรที่จ่าหน้าถึงเธอและลงท้ายว่าใครเป็นผู้ส่งอย่างศิลาเท่านั้น เนื้อหาภายในไม่มีอะไรเขียนไว้เลย
“แบบนี้จะอ่านอย่างไร?”
“พลังของศรัญ กับนทีไง”
นฤนาถเสนอความคิดเห็นขึ้นมา เธอรู้ว่าชายทั้งสองมีพลังที่จะสามารถอ่านความทรงจำที่ซ่อนอยู่ของสิ่งของและบุคคลได้เพียงแค่สัมผัส
“นทีคงหาตัวยากหน่อยเพราะไปตัดฝืนกับริศาเมื่อเช้านี้”
“ก็เหลือแต่ศรัญแล้วล่ะ….คงอยู่กับนันทกร”
ทั้งสามคนออกตามหานันทกรเพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เจอศรัญไปด้วย แต่พอหาไปได้สักพักก็พบว่าไม่ว่าจะนันทกรหรือศรัญพวกเขาก็หาใครคนใดคนหนึ่งไม่เจอเสียที จึงตั้งใจไปหาหทัยเพราะเธออาจจะรู้ที่อยู่ของสองคนนี้
“หทัยไม่อยู่นะ เห็นออกไปกับศิลาเมื่อคืน”
คำบอกกล่าวของนพดลสร้างความตื่นตะลึงให้กับเพื่อนๆเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดว่าหทัยจะใจกล้าขนาดพาผู้ชายไปไหนด้วยสองต่อสองตอนกลางคืน
“ไม่ๆ…เขาไปกับสามคนนะถ้าดูจากเงา”
“หมายความว่าอย่างไรครับพี่นพดล?”
ศรศิลป์ต้องการความกระจ่างให้มากกว่านี้เพื่อมันอาจเป็นเรื่องด่วน ไม่อย่างนั้นศิลาคงไม่ทิ้งจดหมายไว้แทนที่จะเดินมาบอกเอง
“เมื่อคืนเห็นหทัยลากศิลากับใครไม่รู้อีกคนออกไปทางประตูด้านหลังของเมืองน่ะ ไม่รู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน”
ทันทีที่นพดลกำลังอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เขาเห็น ก็มีสองหนุ่มน้อยรีบขอเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยทันที
“ทำอะไรกันหรอครับ?”
“ไอนัท!!”
ทั้งสี่ประสานเสียงเรียกชื่อของนันทกรด้วยเสียงดังฟังชัด จนทำให้ผู้เป็นน้องต้องรีบอุดหูตัวเองอย่างทันควันเพราะระยะใกล้แค่นี้อาจทำให้เขาหูแตกได้
“คร้าบๆ เรียกเสียงดังเลยนะ….มีอะไรหรอ?”
“ไอศรัญอยู่ไหน พี่ต้องการพบด่วน”
จิราภัทรถามหาบุคคลที่จะสามารถอ่านข้อความในจดหมายที่ศิลาทิ้งไว้ได้ เพราะตอนนี้ศรัญเป็นเพียงความหวังที่เหลืออยู่นอกเหนือจากนที
“อยู่นี่ครับ”
หนุ่มน้อยค่อยๆยกมือขึ้นเหนือศีรษะของตนเองเพื่อยืนยันที่อยู่ให้กับอีกฝ่ายว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครสังเกตเท่าไหร่นัก
“พลังของแก ไม่สิ อ่านนี่ให้หน่อย”
ศรศิลป์ส่งกระดาษจดหมายที่ศิลาทิ้งไว้ให้กับศรัญเพื่อให้เขาลองเปิดอ่านดูว่าศิลาซ่อนอะไรไว้ข้างใน ทันทีที่ศรัญรับมาจดหมายก็มีปฏิกิริยากับพลังของเขาทำให้ภาพของศิลาที่อยู่ในจดหมายถูกฉายขึ้นบนกระดาษ
“ตอนที่พวกแกเปิดอ่านจดหมายนี้เรากับหทัยออกไปก่อนหน้านี้แล้ว”
“มีเหตุด่วนน่ะ เร็นเข้ามาขอความช่วยเหลือหทัยในการตามหาคนร้ายซึ่งเราเองก็ว่าจะตามไปช่วยด้วยเพราะให้ไปคนเดียวอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆนั่นแหล่ะนะ
“อยากให้ทุกคนที่เหลือทำตามแผนเดิมกันพลาดไว้ อีกไม่นานเดี๋ยวจะตามไปสมทบที่เกาะลอยฟ้าแน่นอน”
หลังจากสิ้นคำพูดของศิลา ภาพของเขาที่ปรากฏอยู่บนกระดาษก็หายไปพร้อมกับกระดาษสีขาวล้วนที่ไม่มีอะไรเขียนไว้เลยแม้กระทั้งชื่อผู้เขียนและผู้รับก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่เชื่อใจสองคนนั้นเท่านั้น…กลับไปทำตามแผนเดิมเราจะเดินทางกันตอนบ่ายนี้”
จิราภัทรทำหน้าที่ออกคำสั่งแทนหทัยในช่วงที่เธอจะไม่อยู่ในสองถึงสามวันนี้โดยมีศรศิลป์คอยช่วยเหลือและยก
หน้าที่นำทีมให้กับนพดลและนฤนาถแทน
“ เปลี่ยนชุดได้ไหม? มันดูขยับยากมากเลยอ่ะ”
นฤนาถที่ปกติแล้วใส่ชุดแฟชั่นที่นริศาออกแบบให้อยู่ตลอดเวลาออกมาเรียกร้องให้เปลี่ยนไปใส่ชุดแบบโหมดต่อสู้แทนเพราะมันจะดูน่าเชื่อถือและแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการมโนภาพเอาเองทั้งหมดก็ตามซึ่งแต่ละคนหลังเปลี่ยนอาชีพมาแล้วก็มุปกรณ์และแบบชุดที่อลังการงานสร้างมากขึ้น
“ของนันทกรดูออกจะน่ารักมากกว่าเท่ละมั้ง?”
นริศาหันไปมองชุดในโหมดต่อสู้ของนันทกรที่ดูออกจะเรียบร้อยและน่ารักกว่าสายอาชีพอื่นๆ
“ไม่ยุติธรรมเลย จบเรื่องคราวนี้ผมจะเขียนคำร้องขอแบบชุดอาชีพนี้ใหม่”
“ฮ่าๆ”
ชายหนุ่มร่างสูงที่บังเอิญผ่านมาพอดีถึงกับอดกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ได้เพราะชุดที่นันทกรใส่นั้นมันเข้ากับเขามากอย่างน่ากลัวเลยทีเดียว
“โธ่ อย่าหัวเราะกันสิครับ”
“จ้า เหมาะดีออก”
แต่แล้วทุกคนก็ต้องหยุดชะงักมองที่นฤนาถเพราะหลังจากหายไปเปลี่ยนชุดนานกว่าชั่วโมงเธอก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใส่ชุดของคลาสคอนเฟสเซอร์แทนทำให้ขัดกับลุคก่อนๆที่เป็นสาวน้อยร่าเริงของเธอ
“ชุดเปลี่ยน ภาพลักษณ์เปลี่ยนเลยนะเนี่ย”
ชายร่างสูงเอ่ยแซวผู้เป็นแฟนสาวเพราะรู้ว่าถึงจะชมไปก็ไม่มีทีท่าแสดงความดีใจออกมา
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางได้”
“เตรียมตัวให้พร้อมนะครับทุกคน อีกห้านาทีเราจะออกเดินทางแล้วครับ”
นันทกรประกาศให้ผู้เล่นอื่นที่ไม่ได้ร่วมวงสนทนาได้ทราบว่า การผจญภัยครั้งสุดท้ายของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ไมรู้ว่าพวกหัยจะเป็นอย่างไรบ้างนะ”
สาวสวยผมสีดำแกมน้ำเงินเอ่ยให้เสียงตัวเองลอยไปตามลม คอยภาวนาให้เพื่อนทั้งสองคนกลับมาทันก่อนที่ด่านต่อสู้สุดท้ายจะจบลง
..........................................................
Funtom ค่ะในที่สุดก็กลับมาลงแบบปกติได้เสียที ต้องขออภัยที่ทำให้ต้องรอนาน ลงบ้างเว้นบ้างตามอารมณ์ เอ้ยไม่ใช่เพราะติดเรื่องงานกิจกรรมมากกว่าค่ะ ในที่สุดก็จะได้ลองเขียนฉากบู๊ดูบ้างแล้ว ถึงอย่างไรก็ตามยังเป็นมือใหม่อยู่ต้องขอคำแนะนำด้วยนะคะ มีโอกาสได้ลองใช้เม้าหนูวาดรูปดูทำเอาตาแฉะไปเลย(นานมาก)
ติดตามตอนต่อไป>>>>>>>>
ความคิดเห็น