คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Client:14 ห่วง หรือ หวง (ตรวจสอบ100%)
บทที่ 14
-ศิลา Part-
ท้องฟ้าสีครามสดใสเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีสำหรับการเริ่มต้นเดินทาง ถึงแม้ว่าวันตามกำหนดการจะมาถึงอย่างรวดเร็วก็ยังมีผู้เล่นบางคนที่ไม่สามารถไต่ระดับไปจนถึงขั้นที่กำหนดได้ ทำให้พวกเขาทำได้เพียงแต่คอยให้กำลังใจบรรดาผู้เล่นอื่นที่เป็นอาสาสมัครเข้าร่วมการพิชิตเกาะลอยฟ้าแทนโดยการจัดเตรียมเสบียงและอาวุธตามที่ได้วางแผนไว้ให้
“ขอนับจำนวนคนก่อนนะ”
“ใครที่ได้รับใบแยกหน่วยแล้วรบกวนไปเข้าแถวตามจุดที่เตรียมไว้ให้ด้วยนะคะ”
เป็นเช้าอีกวันที่ดูวุ่นวายเกินกว่าเหตุเฉพาะผู้เล่นที่อยู่ในการดูแลก็แทบจะมีปัญหามาให้แก้ไขไม่เว้นแต่ละวัน แต่วันนี้หทัยและจิราภัทรต้องจัดการแยกหน่วยให้กับผู้เล่นคนอื่นๆที่อาสาจะตามไปพิชิตเกาะลอยฟ้าด้วย เนื่องจากเป็นสถานที่ที่อันตรายค่อนข้างสูงทำให้ต้องเพิ่มความรอบครอบมากขึ้นในการเตรียมการ
“ขอโทษนะคะ หน่วยแพทย์ไปทางไหน”
หญิงสาวตัวน้อยเอ่ยถามชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหทัยอย่างสุภาพเพราะเห็นว่าเขาท่าทางจะเป็นที่พึ่งได้ง่าย
“เดี๋ยวฉันพาไปเองจ้ะ….ฝากที่เหลือทีนะศิลา”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มอาสาพาสาวน้อยไปยังสถานที่ที่หน่วยแพทย์รวมตัวกันเพื่อแจกแจงหน้าที่และทีมให้แต่ละคนสำหรับการเริ่มต้นเดินทางในวันพรุ่งนี้
“มัวแต่ทำใจเย็น ระวังจะโดนคนอื่นคาบไปกินก่อนนะ”
จิราภัทรพูดลอยๆใส่ศิลาที่กำลังยืนนับจำนวนผู้เล่นสายแนวหน้าอย่างตั้งใจเพราะเขาจะไม่ยอมให้หน้าที่ที่ได้รับมานั้นมีความผิดพลาดเป็นอันขาด
“หมายความว่าไง?”
“ฉันรู้มาจากศรศิลป์ว่านายแอบตามวาอยู่”
ใช่แล้วหลังจากจิราภัทรคาดว่าจะตกลงใจยอมเป็นแฟนกับเจ้าศรศิลป์มันคงจะเล่าอะไรหลายๆอย่างให้ฟังเพราะตัวมันเองเคยบอกว่าจะไม่มีความลับอะไรกับคนที่มันรักแน่นอน
“ไม่เป็นไรตราบใดที่ผมยังยืนอยู่ข้างเธอคนนั้น คนอื่นก็ไม่มีโอกาสเข้ามาจีบแน่นอน”
“แผนสูงนะ”
ไม่รู้ว่าจิราภัทรนั้นแกล้งชมหรือหลอกด่ากันแน่แต่ศิลาตัดสินใจแล้วว่าความรักของเขานั้นค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ก็พอแล้วและรู้สึกโชคดีมากที่เธอคนนั้นเป็นคนที่ความรู้สึกช้าในเรื่องความรักพอตัว
“ขอตัวไปส่งรายงานก่อนนะ เดี๋ยวจะรอนาน”
“จ้า ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ศิลาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างก่อนจะเก็บมันลงไปที่เดิมและนำมันติดตัวไปกับเขาด้วย ระหว่างทางศรศิลป์ก็มาถามหานฤนาถเนื่องจากเธอชอบโดดการเตรียมเสบียงเป็นประจำ
“น่าจะอยู่กับพี่นพ ลองไปดูแถวที่ปลูกผักละกัน”
รอบตัวผมตอนนี้ก็มีแต่คนมีความรักเต็มไปหมดคงมีแต่ผมที่ยังไม่สมหวังในความรักเสียที ไม่สิเรื่องแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปถึงจะถูก ไม่ทันที่ศิลาจะคิดแบบนั้นภาพตรงหน้าก็ชวนให้เขาอยากประกาศความในใจที่แท้จริงไปตรงๆเลยด้วยซ้ำ สาวน้อยผมสีน้ำตาลเข้มถูกรายล้อมด้วยบรรดาผู้เล่นชายหนุ่มมากด้วยฝีมือและแผนการ เธอเป็นคนฉลาดและเก่งด้วยอายุเพียงแค่นี้ทำให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่จับตามองสำหรับบรรดาหนุ่มทั้งหลายอยู่ไม่น้อยหน้านริศาและโรซารี่เลย
“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”
ศิลารีบแทรกตัวไปฝ่ากลางวงเพื่อให้บรรดาวงล้อมนั้นแตกวงออกไป และบอกเป็นนัยอ้อมๆว่าเธอคนนั้นเป็นของเขา
“อ้ะ ศิลานับครบแล้วหรอ?”
“นี่รายงาน ส่วนนี่ชาสำหรับพักกลางวัน”
ชายหนุ่มส่งแฟ้มอันหนักอึ้งให้กับสาวน้อยโดยไม่คิดอะไรมากเพราะหากเป็นในโลกแห่งความเป็นจริงมันคงหนักมากจนเปิดอ่านไม่ได้เลยด้วยซ้ำพร้อมกับยกกระบอกน้ำชาให้ดู
“โธ่ นึกว่าเธอจะว่างไปเที่ยวด้วยกันซะหน่อย”
“ขอโทษจริงๆครับ งานยุ่งมาก!”
ศิลาพูดตัดบทให้กับชายร่างสูงอีกคนที่มีทีท่าว่าตั้งใจจะมาจีบเพื่อนสาวของตน เขารู้สึกหงุดหงิดที่เธอความรู้สึกช้าเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เสียจริงต่อไปนี้จนกว่าจะจัดการเรื่องอื่นได้คงปล่อยให้ห่างเกินห้านาทีไม่ได้เสียแล้ว
“เที่ยวหรอ น่าสนุกดีนะ”
“ไม่ได้หรอก งานเธอเยอะมากนะ”
จากนั้นศิลาก็ลากหญิงสาวออกไปจากวงล้อมทันทีโดยไม่ปล่อยให้บรรดาชายหนุ่มที่เหลือได้พูดอะไรขัดจังหวะเลยซักคำเดียว พวกเขาทำได้แต่ยืนงงไปตามกัน
“หัดระวังตัวมั่งสิ พวกนั้นมันตั้งใจจีบเธอนะ”
“เอ้ะ? ไม่ได้แค่ชวนไปเที่ยวหรอ?”
“เฮ้อ…”
ศิลาถอนหายใจเฮือกยาวๆกับความใสซื่อของเพื่อนสาวที่ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าเธอเหมือนลูกแกะที่กำลังโดนพวกหมาป่ารุมแย่งกันอยู่ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็นับว่าตัวเองเป็นหมาป่าเหมือนกันแต่คนละระดับกับพวกนั้นเพราะเป็นเพื่อนของแกะมาตั้งแต่ต้น
“ขอบใจนะ คราวหน้าจะระวัง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ตราบใดที่ฉันยังอยู่ข้างเธอ ฉันจะคอยดูแลและปกป้องเธอเอง”
“…..”
“เหมือนมุขในหนังสือการ์ตูนผู้หญิงเลยอ่ะ ฮ่าๆ”
แทนที่เธอจะซึ้งกลับคิดว่าเป็นเรื่องตลกซะงั้น ศิลาทำได้เพียงแต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตาต่อไปเพราะเขาคิดว่าคนที่เหมาะสมกับหญิงสาวคนนี้มีแต่เขาที่แอบชอบเธอตั้งแต่วันแรกที่พบกันเมือห้าปีก่อนอย่างเขา
หลังจากการตรวจสอบเสบียงเรียบร้อยแล้วนั้นเอ็นขอเรียกประชุมหัวหน้าทีมทั้งหมดสี่ทีมด้วยกันเพื่อหาลือเรื่องวิธีที่จะสามารถปราบเร็นพี่ชายของตนเองได้
“ต้นแบบของเอสเปอร์ จะสามารถใช้พลังพิเศษได้เกือบทุกชนิด”
“แบบนี้เราเสียเปรียบเห็นๆ”
นพดลเสนอความคิดเห็นของตนเองให้กับทุกคนได้ทราบว่าหากเร็นสามารถใช้พลังได้เกือบทุกอย่างจริง พวกเราก็ไม่ควรใช้พลังพิเศษในการปราบเขา
“เป็นความคิดที่ดี”
นริศาเสริมทับความเห็นไว้ว่าหากเป็นพลังอย่างเพิ่มความเร็วและอ่านใจของเธอและนันทกรคงจะพอที่จะถ่วงเวลาให้คนอื่นๆไปปิดเกมได้นานหน่อย
“แต่ฉันสงสัยจริงๆเลยนะว่า ฆาตกรเป็นใครกันแน่?”
หทัยยังคิดไม่ตกกับความต้องการของเร็นที่ขอให้ผู้เล่นช่วยจัดการกับคนร้ายให้แต่ให้เบาะแสมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าอยู่ในเกมนี้
“แต่ที่เขาบอกเบาะแสแค่นั้นอาจเป็นเพราะคนนั้นเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเปล่า?”
“ก็ไม่รู้สิครับ”
ขนาดน้องชายของเร็นเองไม่เคยรู้สาเหตุการตายของพี่ชายตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าเขาเสียชีวิตลงได้อย่างไร
“มีภาพของเร็นให้ดูไหม?”
หทัยถามหาภาพพี่ชายจากเอ็นเผื่อว่าเข้าจะเก็บภาพที่มีเบาะแสไว้ เพราะถึงแม้ว่าทุกตัดสินใจจะปิดเกมก็จริงแต่ก็ยังคาใจกับสาเหตุการตายของเร็นอยู่ดี
“นี่ครับ”
“ดูเป็นคู่พี่น้องที่รักกันดีนะ”
“ครับเมื่อก่อนพี่เขาเป็นคนใจดีมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับคนอื่นๆได้”
“เดี๋ยวนะภาพนี้มันตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเร็นที่ปรากฏตัวให้พวกเราเห็นมันดูแตกต่างจากภาพนี้อยู่นิดหน่อยนะ”
เร็นจึงอธิบายให้กับคนอื่นได้รู้ว่านอกจากตัวผู้เล่นเองแล้วตัวละครของ NPC และผู้ดูแลสร้างระบบเกมเองก็สามารถจินตนาการให้แตกต่างไปจากความเป็นจริงได้อยู่ไม่น้อยเลย
“ตรงนี้มันคุ้นมากเลย”
นฤนาถที่แอบฟังอยู่ด้านหลังชี้ไปที่ด้านหลังของรูปให้ทุกคนเห็นพร้อมกันว่าต้นไม้ที่พวกเร็นพิงอยู่นั้นพวกเธออาจจะเคยเห็นมาก่อน
“นี่มัน…ต้นบลูเบลจากสถานวิจัยแลปชั้นหนึ่ง”
“มันอยู่ที่ไหนกันนะ ภัทรแกจำได้ไหม?”
“ไหนดูหน่อย”
จิราภัทรขอยืมรูปที่อยู่ในมือของเอ็นมาจ้องอยู่นานสองนานจนในที่สุดเธอก็ร้องอ๋อออกมาด้วยความดีใจ
“มันอยู่ที่ดันเจี้ยนท้องฟ้าก่อนหน้านี้ไงล่ะ”
“ที่นั่น…เพชร….กิ้งก่ายักษ์”
จากที่ทุกคนฟังลักษณะการบรรยายอันตะกุกตะกักของหทัยก็พอทำให้รู้ว่ามันมีมังกรเป็นบอสสูงสุดและมี Shiny Diamond เป็นของแรร์หายาก
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการตายของเร็นกัน?”
นพดลเกิดสงสัยในข้อนี้ขึ้นมาเนื่องจากตอนแรกทุกคนได้ตกลงกันแล้วว่าจะเข้าไปปิดเกมแทนที่นะหาตัวฆาตกรที่ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรและอยู่ที่ไหน
“ถ้าจะเอาลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือสินะ…เอ่อ..ผมหมายถึงว่าถ้าอยากรู้ก็ต้องลองไปดู”
“รู้สึกจะใช้สำนวนผิดไปหน่อยนะ คุณนที”
นริศาที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือของนทีบิดเข้าที่หลังของนทีอย่างแรงเพราะไม่ต้องการให้เข้าปล่อยมุกเสี่ยวๆออกมาอีก
“เรื่องนี้เอาไว้คิดทีหลังละกัน พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า”
ศรศิลป์พูดตัดบทของนทีทันทีก่อนที่เขาจะพาออกนอกประเด็นเนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะดึกแล้วจึงอยากให้ทุกคนไปพักผ่อนและเก็บแรงไว้
.
.
.
เวลายาวนานกว่าเที่ยงคืนแล้วไอน้ำที่เกิดจากความหนาวเย็นยังกระจายไปทั่วบริเวณของโรงแรมและทีพักต่างๆของบรรดาผู้เล่นอาสาสมัคร ยังมีสาวน้อยคนหนึ่งเธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เพราะยังติดใจเรื่องที่คุยกับเพื่อนของเธอเมื่อตอนเย็นของวันนี้ จึงออกมาเดินเล่นเพื่อหวังจะให้จิตใจสงบลงบ้างแต่แล้วเธอก็พบว่ามีเงาประหลายคอยเดินตามเธออยู่ตลอด
ฉึก!
“ใครน่ะ?”
หทัยใช้เข็มอาบยาสลบที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าปาไปที่ต้นไม้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งเสียงเรียกให้เจ้าของเงาประหลาดออกมาปรากฏตัว
“เราเอง!”
ด้วยท่าทีที่ร้อนลนรวมกับหน้าตาที่ดูตื่นตกใจของศิลาทำให้หทัยอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
“โธ่ นายเองหรอตามมาทำไมละเนี่ย?”
“พอดีแวะไปหาที่ห้องแต่เห็นเดินมามาเสียก่อน เลยเดินตามมาน่ะ”
ศิลาอธิบายเหตุผลที่เขาแอบตามหทัยมาได้อย่างชาญฉลาดเพราะเหตุผลง่ายๆเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่หทัยจะไม่สามารถจับผิดเขาได้แล้ว
“ว่าแต่มีธุระอะไรหรอ?”
“คือว่า…..”
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไรเลยบรรยายกาศรอบข้างก็ดูแปลกตาไป หมอกที่ดูหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งเสียงของเหล่าบรรดาสัตว์ป่าและมอนสเตอร์ต่างดังขึ้น หลังจากแสงของพระอาทิตย์ส่องลงมายังพื้นน้ำที่อยู่ข้างทางเดินระหว่างโรงแรมทำให้ปรากฏเป็นร่างของชายวัยรุ่นคนหนึ่งรูปร่างสูงเพียวและหุ่นดี
“เร็น!?”
..................................................................................
ความคิดเห็น