ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #14 : Client:13 ความรักของเพื่อน (ตรวจสอบ100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 57


    ตอนที่ 13

                ภายใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่สูงตะง่านอยู่บนเนินเขาที่ไกลจากท่าน้ำไม่มากนักมีเด็กหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งสนทนากันอย่างจริงจังโดยมีหัวข้อสนทนาที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลย

                “ตกลงว่าศรศิลป์ชอบจิราภัทรจริงๆสินะ”

                “คิดว่าถ้าฟังจากที่ผมจะเล่าต่อจากนี้คงได้คำตอบเอง”

    -          ศรศิลป์ Part

    หลังจากพวกเราทั้งหมดได้มารวมตัวกันเพราะความบังเอิญก็ได้พบกับเธอคนนั้นที่ตัวผมเองแอบติดตามมาปีกว่าแล้วโดยมีเหตุผลที่ว่าพลังพิเศษของผมมักจะฉายภาพเกี่ยวกับเธอให้เห็นอยู่เป็นประจำ ล่าสุดผมรู้ว่าเธอเป็นทีมอาสาที่จะเข้ามาช่วยเหลือพวกเราก็ดีใจมาก  อย่างน้อยก็ได้เจอหน้ากันก่อนจะไม่ได้เห็นอีก ทั้งๆที่รู้ว่าจุดประสงค์ของเธอคือช่วยเหลือน้องชายกับเพื่อนของเธอ

    "เจอกันอีกแล้วนะ"

    “ไม่ได้อยากเจอด้วยซักหน่อย”

    จิราภัทรตอบกลับคำทักทายไปอย่างไม่มีใยดีแต่ศรศิลป์รู้มาจากหทัยว่าเพื่อนของเธอคนนี้ขี้อายและปากไม่ตรงกับใจมากกว่า

    “แต่ผมคิดถึงคุณนะไม่ได้เจอหน้าตั้งสามวันเลย”

    …..

    “เขินหรอ ไม่ตอบอ่ะ”

    “ไม่ใช่!

    จิรภัทรปาส้มที่อยู่ในมือใส่ศรศิลป์ไม่ยั้งก่อนที่ศิลาจะรีบมารับส้มไว้แล้วเอาไปเก็บใส่ตะกร้าไว้เหมือนเดิม

    “ส้มมันหายากนะซิล ปาอย่างอื่นดีกว่า”

    ศิลาส่งก้อนกระดาษที่จดอยู่เรียงรายบนพื้นอันเนื่องมาจากเป็นฝีมือของหทัยที่กำลังวางแผนคำนวณค่าประสบการณ์ให้แต่ละคนทั้งคืนจนไม่ได้เก็บและศิลาคอยมาตามเก็บให้

    โป้ก!

    จิราภัทรปาไปโดนหัวของศรศิลป์เข้าอย่างจังเสียงดังลั่นนั้นเป็นผลมาจากก้อนหินทับกระดาษที่หทัยห่อกระดาษหนังสือพิมพ์รายวันของเกม

    “ขอโทษปาเล่นๆไม่นึกว่าจะโดน”

    “ไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก”

    “เราว่าไม่โอเคแล้วมั้งไอศร…….

    ศิลาแตะที่หน้าผากของศรศิลป์ เลือดที่ไหลอาบลงมาถึงแก้มเริ่มไหลไม่หยุดจนสถานะเลือดไหลขึ้นมาเตือนถึงจุดอันตราย  อาจเป็นเพราะจิราภัทรมีเลเวลที่ค่อนข้างสูงมากจึงทำให้ศรศิลป์ที่อยู่ระดับแปดสิบต้นๆเกิดการติดสถานะได้ง่ายขึ้น

    “เลือด?

    ศรศิลป์ลูบแก้มและข้างใบหน้าของตนเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นมาดูพบว่ามันเต็มไปด้วยสีแดงฉาดเหมือนใครเอาซอสมะเขือเทศมาเทลงบนมือ  ตัวเขาเองที่ไม่เคยบอกใครว่าเป็นพวกเห็นเลือดตัวเองไม่ได้นั้นก็ถึงกับหงายหลังหมดสติไปทันที

    .

    .

    .

    เสียงกระดิ่งลมดังอย่างแผ่วเบาข้างหน้าต่างห้องที่ถูกฉาบจนกลายเป็นสีฟ้าอ่อน ทำให้ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงเกิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาเล็กน้อยแต่เขากับพบใบหน้าอันอ่อนหวานของหญิงสาวที่แอบงีบหลับข้างๆเตียงเขาจึงอดไม่ได้ที่อยากจะเข้าไปลูบหัวอย่างอ่อนโยน

    “อือ…..

    สายตางัวเงียของหญิงสาวบ่งบอกว่าการลูบหัวของชายหนุ่มนั้นรบกวนการนอนของเธอมากแค่ไหน

    “อ้ะโทษทีทำให้ตื่นหรอ”

    “อือ”

    เธอตอบกลับอย่างไม่มีใยดีให้กับศรศิลป์จนตอนนี้ตัวเขาเริ่มคิดว่าจิราภัทรอาจจะรู้สึกรำคาญที่เขาคอยตามอยู่ก็ได้

    “ขอโทษนะที่….

    จิราภัทรชี้ไปยังจุดที่ศิลาได้ทำแผลไว้ให้กับศรศิลป์ก่อนแล้วแอบหนีไปอู้ที่อื่น

    “ไม่เป็นไรหรอก สำหรับคนที่ผมชอบน่ะแค่นี้ก็ทนได้”

    ศรศิลป์ส่งยิ้มเล็กๆให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงแต่ก็ได้รับคำตัดพ้อกลับมาแทน

    “เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว มีแต่เจ็บตัวเปล่าๆ”

    …….

    “ขืนยังรั้นตามฉันอยู่ซักวันนายต้องได้ตายจริงแน่ ไม่ใช่แค่ในเกมเท่านั้น”

    ศรศิลป์ตีความไปว่าจิราภัทรคงเกลียดเขามากจนอยากให้เขาตายๆไปจากเธอหรือเปล่าถึงพูดแบบนั้นออกมาแต่ไม่ทันจะได้ถามความจริงจิราภัทรก็เดินหนีออกไปจากห้องเสียก่อนทำให้เขาต้องพยุงร่างตัวเองเพื่อวิ่งตามจิราภัทรไป ด้วยสังขารที่ยังไม่ฟื้นตัวดีทำให้เกิดอาการหน้ามืดไปชั่วขณะโชคดีที่มีคนมาเห็นเข้า

    “พี่ศรศิลป์ลุกไหวไหมครับ?

    นันทกรน้องชายสุดเลิฟของจิราภัทรมายืนอยู่ตรงหน้าเหมือนเทวดามาโปรดไม่ใช่แค่ขอความช่วยเหลือเพื่อจะกลับไปที่ห้องพักแต่เขาสามารถที่จะถามความคิดของจิราภัทรจากตัวน้องชายของเธอได้

    “ขอบใจนะ ช่วยได้เยอะเลย”

    “เห็นพี่ศิลาบอกว่าโดนฤทธิ์พี่สาวผมไปเลยแน่นิ่งเลย”

    “ก็นิดหน่อยน่ะ”

    ศรศิลป์ยิ้มแห้งๆตอบกลับให้กับผู้เป็นรุ่นน้องกว่าเพียงแค่ปีเดียว แต่นันทกรก็นับถือว่าศรศิลป์เป็นรุ่นพี่ของเขาเช่นกัน

    “นายคิดว่าพี่สาวนายเกลียดฉันมากไหม? ถึงพี่จะเคยสารภาพรักไปแล้วเขาก็ไม่เคยตอบรับอะไรกลับมาเลย”

    “ผมว่าไม่หรอกมั้ง เพราะถ้าเกลียดจริงคงไม่ให้พี่มารังควาญได้ถึงตอนนี้หรอก”

    “ก็จริงนะ”

    นันทกรนิ่งเงียบไปเพียงชั่วขณะก่อนจะเอ่ยปากบอกถึงสิ่งที่สำคัญให้กับศรศิลป์ได้รู้บ้างเหมือนกับพี่หทัยและนฤนาถรู้ถึงครอบครัวของเขาและต้นเหตุนิสัยแปลกๆของจิราภัทร

    “ครอบครัวของผมไม่มีคุณพ่อและคุณแม่แล้วครับ พี่ชายก็ด้วย”

    ??

    “พี่เขาโทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเราต้องตาย แม่ พ่อและพี่ชายตายในวันเกิดของพี่เขาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์”

    “พี่ไม่รู้มาก่อนเลย ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”

    ศรศิลป์รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะพูดให้คนอื่นฟังได้ โดยเฉพาะคนนอกอย่างเขา

    “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้พี่ช่วยเป็นคนดูแลพี่สาวของผมให้หน่อย อีกไม่นานพี่ก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีไม่ว่าจากผมหรือพี่จิราภัทรก็ตาม”

    “ผมที่อยู่กับย่าเลยไม่ทราบว่าวันที่เกิดเหตุนั้นมันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ รู้เพียงแต่พี่เขาบอกว่าคนสำคัญของเขาจะทยอยหายไปทีละคน    ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่พี่จิราภัทรเป็นห่วงผมและพี่หทัยมากกว่าเหตุ จากนั้นมาพี่จิราภัทรก็สมัครเข้าเป็นอาสาของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งเนื่องจากความสามารถพิเศษที่เกิดขึ้นหลังจากคืนวันเกิดเหตุ”

    จากเรื่องที่นันทกรเล่าให้กับศรศิลป์ได้ฟังทำให้เขารู้ว่าจิราภัทรนั้นกลัวที่จะรักคนอื่นอีกเพราะไม่อยากโดนพรากสิ่งสำคัญไปจากตัวเองเพื่อจะทำความเข้าใจกับเธออีกครั้งผมจึงรบกวนให้นันทกรไปตามจิราภัทรมาพบผมอีกครั้งที่ห้อง

    แอ๊ด!

    เสียงประตูไม้สุดหรูที่ไม่น่าจะเอามาประดับในห้องได้เลยถูกเปิดออก ปรากฏให้เห็นร่างของหญิงสาวผู้มีผมสีน้ำตาลแดงยืนอยู่ตรงหน้าของศรศิลป์

    “เจ้านัทบอกว่านายมีอะไรจะคุยกับฉันงั้นหรอ?

    “ใช่ เรื่องสำคัญด้วย”

    “ว่ามา”

    จิราภัทรโน้มตัวลงนั่งบนเตียงของศรศิลป์เพื่อรอฟังธุระที่เขาจะพูดด้วย

    “ฉันรักเธอ”

    แล้ว?

    “จิราภัทรเกลียดผมหรือเปล่า?เห็นหลบหน้าอยู่ตลอดเลย”

    “เรื่องไร้สาระ ฉันไปดีกว่า”

    ไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มๆสีขาวจิราภัทรก็ถูกลากเข้ามาสวมในอ้อมกอดของศรศิลป์แทนทำให้เธออึ้งจนตั้งท่าทำอะไรไม่ถูก

    “ปล่อย!

    “ไม่จนกว่าจะบอกว่ารักหรือเกลียดผมกันแน่”

    ศรศิลป์กดดันให้จิราภัทรบอกความคิดของเธออกมาเพราะเขาไม่ต้องการให้เรื่องราวมันยืดเยื้อไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าผิดหวังจะได้รีบๆทำใจออกห่างทันที

    “ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ”

    “งั้นก็แปลว่ารัก สินะ”

    “ไม่….คนที่ฉันรักมักจะตายก่อนฉันเสมอดังนั้นนายอย่ามาทำตัวให้ฉันตกหลุมรักได้ไหม”

    จิราภัทรพูดพลางร้องไห้ไปด้วยเธอรู้ว่ามันคงถึงขีดจำกัดแล้วที่จะปิดบังอีกต่อไปแต่ก็ยอมรับไม่ได้ถ้าตัวเองจะเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นต้องตายจากไปอีกคน

    “ไม่ต้องห่วงผมไม่ตายง่ายๆอย่างนั้นหรอก  ผมน่ะดวงดีที่สุดในบรรดาทุกคนเลยนะ”

    ศรศิลป์เอ่ยให้กำลังใจจิราภัทรที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆเพื่อให้สบายใจ

    “ผมจะอยู่ดูแลเธอ น้องชายของเธอและครอบครัวของเราจนกว่าร่างกายจะแหลกสลาย”

    จิราภัทรสงสัยในคำพูดของศรศิลป์เพราะมันฟังดูเหมือนคำขอแต่งงานเสียมากกว่าคำสารภาพรักด้วยซ้ำเมื่อเธอมองใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาแสดงถึงความจริงใจที่เขากำลังมอบให้

    “แต่ก่อนอื่น…..

    “อะไรหรอ?

    “ปล่อยได้แล้วมั้ง?

    จิราภัทรผลักให้ศรศิลป์ถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็วจนทำให้ไปกระทบกระเทือนถึงแผลที่อยู่บนหัวของศรศิลป์เข้า

    “โอ้ย!

    “ปะ เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บมากไหม?

    “สงสัยต้องให้ช่วยรักษาแผลนี้ก่อนมั้งจึงจะให้อภัยได้”

    ศรศิลป์หยอกจิราภัทรเล่นเพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาขอไปเธออาจจะไม่ทำตามให้ง่ายๆอย่างแน่นอน

    “ต้องทำอย่างไร?

    “คงต้องขอแรงมาช่วยงานตามติดผมซักสองสามวันแล้วล่ะ”

    “ได้ไม่มีปัญหา”

    หลังจากนั้นมาจิราภัทรจึงเดิมตามศรศิลป์อยู่ตลอดแม้กระทั่งน้องชายของตัวเองอย่างนันทกรยังรู้สึกสบายใจที่มีคนมาโดนติดหนึบแทนตัวเองเสียทีจะได้มีสาวๆกล้าเข้ามาจีบเขาบ้าง

    “เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละหทัย”

    “อย่างนี้เอง ขอบใจนะ”

    เรื่องราวทั้งหมดที่ศิลาเล่าให้หทัยฟังสามารถไขข้อข้องใจทั้งหมดของเธอได้ในพริบตา ทำให้รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอกำลังตกหลุมรักชายหนุ่มที่คอยตามตัวเองมากว่าสองปี

    “จะไปไหนต่อหรอศิลา”

    “แอบงีบแถวนี้แหล่ะ”

    “ช่วยไม่ได้จะนอนเป็นเพื่อนละกัน”
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×