คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Client:9 คนที่หก (ตรวจสอบ 100%)
บทที่ 9
-Yo Part-
ท้องฟ้ามืดครึ้มเป็นสัญญาณของลางร้ายวันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่ผู้เล่นหลายๆคนยังไม่สามารถหาทางออกจากเกมได้ ทำได้เพียงแต่รอความช่วยเหลือจากภายนอกเท่านั้น
“ขนาดในเกม ยังหิวเลยอ่ะ”
นันทกรบ่นให้นทีที่นั่งอยู่ข้างเขาฟัง เสียงท้องร้องของเขาชวนให้คนอื่นๆพลอยหิวไปด้วยรวมถึงนฤนาถด้วยเช่นกัน
“อย่าพูดถึงอาหารนะ หิวจนตาลายแล้ว”
“อ่ะ ลองนี่ดูหน่อยพอดีมาจากตรงนู้นน่ะ”
ศิลายื่นซาลาเปาจำนวนหนึ่งให้กับทุกคน ถึงหน้าตามันจะน่ากินและกลิ่นที่สมจริงก็เถอะแต่จะกินได้จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ลองดูก็ได้”
นฤนาถเป็นหน่วยกล้าตายเพื่อลองชิมซาลาเปาที่ศิลานำมาให้ในขณะที่กำลังจะกัดซาลาเปาลูกนั้นนันทกรก็ห้ามไว้
“มั่นใจหรอพี่ว่าจะไม่ท้องเสียอ่ะ”
“โอ้ย ในเวลานี้ไม่คิดอะไรแล้ว”
นฤนาถรีบจัดการซาลาเปาใส่เข้าปากทันทีแต่ก็ไม่ได้มีเสียงตอบโต้กลับมาอย่างใดว่ามันรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
“พี่โย?”
นันทกรสะกิดนฤนาถเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่สาวไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา
“นี่มัน.....”
“อะไรหรอนาถ”
นทีที่ตั้งใจรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อถึงกลับกลืนน้ำลายได้ไม่เต็มคอเพราะลุ้นอยู่กับคำตอบของนฤนาถ
“มัน...อร่อยอ่า”
“จริงดิ”
“ไส้หมูแดงด้วยอ่ะ ดูดิ”
นฤนาถหยิบซาลาเปาที่ตนเองทานมาแบะออกให้นทีกับคนอื่นๆดู
“ศิลา แบบนี้ต้องยกนิ้วให้เลยไปเอามาจากไหน?”
“ซื้อมาจากผู้เล่นคนอื่นน่ะ เขาบอกว่าสามารถทำอาหารได้จากอาชีพรองของพวกเราราคาก็สูงพอตัวเลยล่ะ”
“แบบนี้เราก็ไม่อดตายแล้วสิ”
นันทกรนั่งครุ่นคิดอยู่ซักพักใหญ่ๆก่อนจะเอ่ยคำถามที่ชวนให้ทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
“เดี๋ยวนะครับ ผมมีอะไรสงสัยนิดหน่อย”
“ว่ามาเลยไอน้องชาย”
ศรศิลป์ที่กำลังรับซาลาเปามาจากศิลารีบตอบรับคำถามอย่างทันควัน
“คือผมไม่เห็นว่าในกลุ่มพวกเรานี้มีใคร เป็นอาชีพรอง เชฟ เลยน่ะสิ”
“........”
“จริงด้วย!”
“แบบนี้ก็ต้องซื้อกินอยู่ดีน่ะสิ”
นทีลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแผ่รังสีความหดหู่ออกไปทั่วบริเวณก่อนจะได้รับคำปลอบใจอันน้อยนิดจากศรศิลป์ว่า
“ไม่เป็นไร เราอาชีพชงชาอ่ะ ดื่มชาไปก่อนแล้วกัน”
“มันจะอิ่มไหมเนี่ย!!!”
“เงินก็ใกล้จะหมดแล้วด้วยสิ”
ศิลาหยิบกระเป๋าตังขึ้นมานับก่อนจะรู้ตัวตอนนี้ก็มีเงินเพียงเสี้ยวหมื่นเท่านั้นเนื่องจาหมดไปกับค่าซาลาเปา
เรียบร้อยแล้ว แต่แล้วนันทกรก็มีความคิดดีๆให้กับทุกคน
“เอ่อ มีใครรู้ไหมครับว่า Warehouse ไปทางไหน?”
“เอ....ทางนั้นมั้งทำไมหรอ?”
“พอดีผมนึกได้ว่าพวกพี่สาวเขาชอบสะสมชุดและเพชรกันหากเอาไปขายให้กับ NPC ประเมินราคาคงจะได้ไม่ต่ำ
กว่าแสนแน่ๆ”
“ความคิดเจ๋งไปเลย”
นทีรีบสนับสนุนความคิดของนันทกรเต็มที เพราะพวกเขาคงเบื่อที่จะต้องนอนตบยุงอยู่ข้างนอกโรงแรมเพราะค่าเช่าโรงแรมสำหรับนอนมันแพงเกินไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าความช่วยเหลือจะมาถึงวันไหน
“เราว่าไม่ดีมั้ง จิราภัทรคงเอาเรื่องไอนัทตายแน่”
“....ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย”
“ไม่ต้องห่วงไอ้น้อง เดี๋ยวนอกเกมไอพีเขยเอ็งเคลียร์ให้”
“อ่าวโบ้ยมาให้ตูซะงั้น”
ศรศิลป์รีบทักท้วงทันทีเพราะกลัวว่าเรื่องทั้งหมดในคราวนี้เขาคงต้องรับเคราะห์อยู่คนเดียวแน่ๆ
“เอาน่าๆเรื่องแบบนี้ก็ช่วยกันไปก่อนนะ”
ศิลาตบที่บ่าของศรศิลป์เบาๆเพื่อบอกเป็นนัยให้เพื่อนปลงได้แล้วเพราะยังไงแผนนี้มันก็ดูดีเกินกว่าจะไปใช้แผนอื่น
“ไม่รู้ว่า ทีมช่วยเหลือเขาเริ่มลงมือยัง”
นฤนาถบ่นคิดถึงบ้านเธอบอกว่าไม่เคยอยู่ห่างจากบ้านนานขนาดนี้มาก่อนเลย ถึงแม้จะอยู่ในบ้านแต่ก็เหมือนอยู่ไกลกว่านั้น
“ไม่ต้องห่วงทีมช่วยเหลือคือพวกหทัยและจิราภัทรล่ะ”
“รู้ได้ไงอ่ะ ศรศิลป์”
“นี่พวกเอ็งลืมแล้วหรอว่า ESPของเราคืออะไร”
“อ่อ ไอพลังโรคจิตนั่นอ่านะ”
นฤนาถรู้มาอยู่นิดหน่อยจากหทัยแล้วว่าศรศิลป์นั้นสามารถรับรู้ความคิด การใช้ชีวิตและสถานการณ์ที่จิราภัทรกำลังทำอยู่ได้
“แต่มันก็มีประโยชน์นะ เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา คงไม่เกินสามหรือสี่วันนี้หรอก”
“ดีจังเลย”
“งั้นผมเอาเพชรไปขายก่อนนะ”
นันทกรนำเพชรที่ส่องแสงแวววาวขนาดให้เท้ามือของเขาสองข้างประคองมัน นี่คงเป็นเพชรเม็ดโตที่สุดที่พวกศิลาเคยเห็นเลยก็ว่าได้
“อยากรู้จริงๆเลยว่า ไปเอามาจากไหนกัน”
นทีครุ่นคิดอย่างหนักเพราะปกติแล้วเพชรขนาดเท่านี้ต้องมาจากดันที่น่าจะอันตรายไม่ก็จากบอสของอีเว้นท์เกมแน่นอน
“อ่อ อันนั่นหรอพวกหทัยกับจิราภัทรไปล่าที่ดันเจี้ยนแห่งท้องฟ้ามาน่ะ จิราภัทรบ่นว่าเธออยากจะสะสมให้ครบเป็นเซ็ตจึงขอให้หทัยไปช่วยขโมยจากบอสให้”
“เป็นคู่หูที่น่ากลัวเหมือนเดิมเลยนะ สองคนนั้น”
นี่เป็นคำชื่นชมหรือหลอกด่าจากพวกหนุ่มๆกันแน่ก็ไม่มีใครทราบได้แต่นฤนาภก็ได้บอกทิ้งท้ายไว้ให้ว่าสองคนนั้นไม่ใช่ที่สุดของกิลละกัน
“สองคนนั้นยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่อีกคนที่เหลือน่ะสิ...อย่าพูดถึงเลยดีกว่า”
“???”
ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เหลือของนฤนาถที่เธอกล่าวถึงนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือว่าในกิลพระจันทร์เสี้ยวนั้นยังมีผู้เล่นอีกคนที่พวกเขาไม่รู้จักอยู่ก็ได้
.
.
.
หลังจากที่นันทกรเอาเพชรของจิราภัทรขายแบบโยนร้านธรรมดาไม่ได้ตั้งประมูลก็ได้เงินก้อนหนึ่งมาใช้สำหรับการจองห้องพักกัน
“ขนาดโยนร้านยังได้ตั้งแสนลีออน...ถ้าประมูลจะขนาดไหนเนี่ย”
“เอาเป็นว่าคิดวิธีง้อจิราภัทรไว้เลยดีที่สุด”
ศิลาให้คำแนะนำกับนันทกรและผู้ที่ต้องตกเป็นแพะโดนพาลใส่อย่างศรศิลป์ว่าให้หาวิธีรับมือให้ดีเมื่อเจอจิราภัทรจะได้ไม่ทำให้ผิดใจกัน
“ว่าแต่เราจะจองห้องพักที่ไหนดีล่ะ ป่านนี้คงเต็มหมดแล้ว”
นทีเป็นผู้เล่นที่ไม่เคยพักในโรงแรมมาก่อนเขาจึงไม่รู้ว่าควรเลือกห้องพักแบบไหนถึงจะราคาถูก คุ้มค่าและปลอดภัยสำหรับทุกคน
“งั้นไปที่ๆพวกเราเคยไปพักไหม?”
“แต่อาจจะแพงหน่อยเพราะไม่มีสกิลของ Dealer ลดราคา”
“ถ้าจะเป็นแบบนี้ ฉันน่าจะเล่น Dealer มั่ง”
นฤนาถบ่นน้อยใจที่สกิลของอาชีพเธอทำประโยชน์ให้กับเพื่อนๆไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่นอกจากจุดไฟในกอไม้แล้วก็มีแค่น้ำแข็งไว้ใส่น้ำดื่มเท่านั้น
“พี่ยังดี ผมนี่ดิทำอะไรไม่ได้เลย”
“เอาน่าทั้งสองคน พลังที่เราแต่ละคนมีมันก็สำคัญพอๆกันนั่นแหล่ะ เพียงแต่ใช้ในสถานการณ์ไหนเท่านั้นเอง”
“โห พูดได้ดีมากเลย ศรศิลป์”
เมื่อได้รับคำชมจากศิลาก็ทำให้เขาอดไม่ได้ทีจะแสดงท่าทีขัดเขินออกมา เพราะนานๆทีจะมีคนชมเขาแบบนี้
“ไปๆ หาที่พักกันได้แล้วเดี๋ยวจะมืดซะก่อน”
“จ้า”
ทุกคนเดินตามนฤนาถและนันทกรไปอย่างเงียบๆผ่านพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่ เมื่อเดินสักพักก็เห็นบ้านขนาดสี่ชั้นที่ถูกตกแต่งคล้ายกับคฤหาสน์ในโลกแห่งความเป็นจริง
“ใหญ่โตไปมั้ง”
“เพราะงี้ค่าเช่ามันถึงได้แพงไงพี่นที”
ไม่นานนักก็มีเมดสาวใช้เดินออกมาตอนรับเธอแนะนำตัวว่าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลบ้านหลังนี้และจะคอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง
“พอดีพว่าพวกเราอย่างจะเช่าห้องพักสามห้องน่ะ”
“ทำไมถึงสามห้องอ่ะพี่โย”
“พวกนายสี่คนเป็นผู้ชายก็นอนด้วยกันได้นิ แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ”
“งั้นเชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ”
เมดสาวสวยเชิญพวกเราทั้งห้าคนตามเธอไปดูห้องพัก ภายในบ้านตกแต่งได้อย่างอลังการสไตล์ยุโรป ประกอบกับมีบันไดวนเชื่อมแต่ละชั้นขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า
“นาถ ราคาห้องเท่าไหร่อ่ะ”
ศรศิลป์กระซิบถามราคาห้องจากนฤนาถเพราะเกรงว่าห้องที่หรูหราขนาดนี้ราคาเช่าคงแพงไม่น้อยทีเดียว
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ศรศิลป์ ผมกับพี่โยผ่าน เควสดยุคผู้หาบสาบสูญ แล้วจะสามารถจองห้องได้ในราคาเพียงครึ่งเดียว”
“อ่อ งั้นก็แล้วไป”
จากการจับคู่สำหรับพักแต่ละห้องนั้น ศิลาอยู่กับนที ศรศิลป์อยู่กับนันทกรส่วนนฤนาถนอนคนเดียว ถึงแม้ว่าจะดูเป็นการให้เกียรติผู้หญิงสำหรับการอยู่ห้องพักแต่มันก็ถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับนฤนาถเท่าไหร่
“ไม่ยุติธรรมเลย ฉันกลัวผีอ่ะ”
“พี่ครับในเกมมันไม่มีผีหรอกนะ”
“ไม่จริง! แล้วไอคนที่ชื่อเร็นอย่าบอกนะว่ามันเป็นคน จำได้ว่าเขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง”
“อันนั้น คงเป็นข้อยกเว้นแล้วล่ะ”
ศิลาปลอบใจนฤนาถว่าพวกเขาอยู่ห้องข้างๆหากมีอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาหา ไม่ก็ร้องตะโกนให้ดังสุดเสียงเลย
“ก็ได้ งั้นแยกย้ายตรงนี้ละกัน”
ทั้งห้าคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนอาบน้ำและลงมาทานข้าวพร้อมกันแต่ในขณะที่รับประทานอาหารกันอยู่นั้นพ่อบ้านที่ดูท่าว่าจะเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านพักหลังนี้ก็เล่าเรื่องสยองขวัญให้ฟังถึงตำนานของ ผีสาวที่ตกบันไดลงมาตาย
“เธออกหักน่ะเลยฆ่าตัวตายด้วยบันได”
“มันจะเป็นเรื่องจริงได้ไงลุง ใครมันจะบ้าใช้บันไดฆ่าตัวตาย”
นทีคิดว่าเรื่องที่ลุงพูดาทั้งหมดนั้นคงแต่งขึ้นมาสร้างสีสันให้กับบรรดาลูกค้ามากกว่าเพราะการตายของเด็กคนนั้นมันผิดปกติเกินไป
“พ่อหนุ่ม นี่เป็นเรื่องจริงนะไม่เชื่อก็รอดูสิเธอชอบมาหาผู้ชายที่เป็นแขกมาพักเพราะนึกว่าแฟนเก่าจะกลับมาหา”
“เอ่อ พี่ศิลาคิดว่าจริงไหมอ่ะ”
นันทกรเริ่มหวั่นใจเล็กน้อยกับคำพูดของลุงคนนั้นเพราะลึกๆแล้วเขาก็กลัวผีพอๆกับนฤนาถเหมือนกัน
“ใครจะรู้?....”
“โอ้ย พวกเราไม่กลัวผีหรอก”
นทีรีบตัดบทจบทันทีก่อนที่แต่ละคนจะเริ่มจินตนาการไปมากกว่านี้และจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป
หลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันได้แล้วประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงก็กลายเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ก็มีเสียงดังมาจากบันไดทางขึ้นที่อยู่หน้าห้องของนันทกรและศรศิลป์
“พี่ศรศิลป์ ด้ยินเสียงอะไรไหมครับ”
“หืม? ไม่นะ”
ตึก!ตึก!ตึก!
“เอ่อ....”
“ได้ยิน และชัดแจ๋วเลยด้วย”
ทั้งสองคนรีบมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็วพลางปรึกษากับว่ามันใช่เสียงของผีสาวที่ลุงแกพูดถึงหรือเปล่า แต่แล้วเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
“อย่าเปิดนะพี่ศรศิลป์ พวกเรารีบหนีออกทางหน้าต่างไปห้องพี่ศิลาดีกว่า”
“เอ่อๆความคิดดี”
นันทกรและศรศิลป์ปีนออกจากหน้าต่างห้องตัวเองไปยังห้องข้างๆทันทีและเรียกให้ศิลาเปิดหน้าต่างให้พวกเขาเข้าไปข้างใน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผีมันออกมาแล้ว”
“หา?”
นทีไม่คิดว่าเรื่องที่ลุงพูดจะเป็นความจริงหลังจากที่เพื่อนทั้งสองได้มาบอกกับเขาว่าเจอผีมา
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
“นั่นไงมันมาแล้ว”
“ใครน่ะ ผี หรือ คน”
นทีรีบถามผู้ทีอยู่หลังประตูอย่างทันควันก่อนที่คนอื่นๆจะขวัญหนีดีฟ่อกันไปหมดแล้ว
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
มันไม่ตอบแต่ก็ยังรัวเคาะประตูไม่หยุด ทำให้ทั้งสี่ตัดสินใจรีบปีนไปที่หน้าต่างห้องนฤนาถต่อเพราะว่าเป็นห่วง(ใช่หรอ?) นฤนาถก็เดินมาเปิดหน้าต่างพร้อมกับหน้าตาที่เวทนาชายหนุ่มทั้งสี่
“ไหนบอกไม่กลัวผีไง?”
“เปล๊า เป็นห่วงแกเฉยๆ”
“หรอ วาบอกว่าทำเสียงสูงแปลว่าโกหก”
ก็อก!ก็อก!ก็อก!ก็อก!
เสียงเคาะประตูปริศนาก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้นฤนาถตัดสินใจเดินไปเปิดที่ประตูอย่างซึ่งๆหน้า
“อย่าเปิดนะโย”
“เดี่ยวมันมาฆ่าพวกผมนะพี่โย”
แอ๊ด!
“อ่าว ศรัญนี่เอง”
ทันทีที่เปิดประตูนฤนาถก็พบว่าศรัญเพื่อนของนันทกรเป็นต้นเหตุของเสียงแปลกๆนั่นเอง เขาเล่าให้ฟังว่าตั้งเกิดเรื่องขึ้นก็เลยไปเข้าห้องน้ำแต่เมื่อออกมาก็ไม่เจอพวกนทีแล้วจึงคิดว่าคงลืมกันไป เมื่อตอนเย็นได้ยินคนคุยกันว่าหากหาตามห้องพักหรือโรงแรมน่าจะเจอ
“ไอบ้าเอ้ย พวกแกทิ้งน้องได้ไงเนี่ยหาว่าเขาเป็นผีอีก”
“โทษทีศรัญ พวกพี่ลืมไปน่ะ”
สุดท้ายเรื่องก็จบลงโดยที่มีการปรับเพื่อนร่วมห้องใหม่โดยให้ศรศิลป์นอนกับศรัญและนันทกรมาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องอย่างนฤนาถแทน
..................................................................................
BestA ค่ะ ขอคั่นเนื้อเรื่องเครียดๆด้วยมุกฮ่าที่เราพึ่งเจอมาเองกับตัวไม่นานนี้ เอาจริงๆแล้วถ้าหอพักที่อยู่มีข่าวลือ เรื่องเล่าอะไรแปลกๆก็อย่าไปเก็บมาคิดมากเลยดีกว่าค่ะ เอาพวงมาลัยมาขอขมาหรือไปตักบาตรทำบุญให้ก็พอแล้ว ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ติดตามตอนต่อไป>>>>>>>
ความคิดเห็น