ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #10 : Client:9 คนที่หก (ตรวจสอบ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 57


    บทที่ 9

    -Yo Part-

                ท้องฟ้ามืดครึ้มเป็นสัญญาณของลางร้ายวันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่ผู้เล่นหลายๆคนยังไม่สามารถหาทางออกจากเกมได้ ทำได้เพียงแต่รอความช่วยเหลือจากภายนอกเท่านั้น

    “ขนาดในเกม ยังหิวเลยอ่ะ”

    นันทกรบ่นให้นทีที่นั่งอยู่ข้างเขาฟัง เสียงท้องร้องของเขาชวนให้คนอื่นๆพลอยหิวไปด้วยรวมถึงนฤนาถด้วยเช่นกัน

    “อย่าพูดถึงอาหารนะ หิวจนตาลายแล้ว”

    “อ่ะ ลองนี่ดูหน่อยพอดีมาจากตรงนู้นน่ะ”

    ศิลายื่นซาลาเปาจำนวนหนึ่งให้กับทุกคน ถึงหน้าตามันจะน่ากินและกลิ่นที่สมจริงก็เถอะแต่จะกินได้จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้

    “ลองดูก็ได้”

    นฤนาถเป็นหน่วยกล้าตายเพื่อลองชิมซาลาเปาที่ศิลานำมาให้ในขณะที่กำลังจะกัดซาลาเปาลูกนั้นนันทกรก็ห้ามไว้

    “มั่นใจหรอพี่ว่าจะไม่ท้องเสียอ่ะ”

    “โอ้ย ในเวลานี้ไม่คิดอะไรแล้ว”

    นฤนาถรีบจัดการซาลาเปาใส่เข้าปากทันทีแต่ก็ไม่ได้มีเสียงตอบโต้กลับมาอย่างใดว่ามันรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง

    “พี่โย?

    นันทกรสะกิดนฤนาถเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่สาวไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา

    “นี่มัน.....”

    “อะไรหรอนาถ”

    นทีที่ตั้งใจรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อถึงกลับกลืนน้ำลายได้ไม่เต็มคอเพราะลุ้นอยู่กับคำตอบของนฤนาถ

    “มัน...อร่อยอ่า”

    “จริงดิ”

    “ไส้หมูแดงด้วยอ่ะ ดูดิ”

    นฤนาถหยิบซาลาเปาที่ตนเองทานมาแบะออกให้นทีกับคนอื่นๆดู

    “ศิลา แบบนี้ต้องยกนิ้วให้เลยไปเอามาจากไหน?

    “ซื้อมาจากผู้เล่นคนอื่นน่ะ เขาบอกว่าสามารถทำอาหารได้จากอาชีพรองของพวกเราราคาก็สูงพอตัวเลยล่ะ”

    “แบบนี้เราก็ไม่อดตายแล้วสิ”

    นันทกรนั่งครุ่นคิดอยู่ซักพักใหญ่ๆก่อนจะเอ่ยคำถามที่ชวนให้ทุกคนอึ้งไปตามๆกัน

    “เดี๋ยวนะครับ ผมมีอะไรสงสัยนิดหน่อย”

    “ว่ามาเลยไอน้องชาย”

    ศรศิลป์ที่กำลังรับซาลาเปามาจากศิลารีบตอบรับคำถามอย่างทันควัน

    “คือผมไม่เห็นว่าในกลุ่มพวกเรานี้มีใคร เป็นอาชีพรอง เชฟ เลยน่ะสิ”

    “........”

    “จริงด้วย!

    “แบบนี้ก็ต้องซื้อกินอยู่ดีน่ะสิ”

    นทีลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแผ่รังสีความหดหู่ออกไปทั่วบริเวณก่อนจะได้รับคำปลอบใจอันน้อยนิดจากศรศิลป์ว่า

    “ไม่เป็นไร เราอาชีพชงชาอ่ะ ดื่มชาไปก่อนแล้วกัน”

    “มันจะอิ่มไหมเนี่ย!!!

    “เงินก็ใกล้จะหมดแล้วด้วยสิ”

    ศิลาหยิบกระเป๋าตังขึ้นมานับก่อนจะรู้ตัวตอนนี้ก็มีเงินเพียงเสี้ยวหมื่นเท่านั้นเนื่องจาหมดไปกับค่าซาลาเปา

    เรียบร้อยแล้ว แต่แล้วนันทกรก็มีความคิดดีๆให้กับทุกคน


    “เอ่อ  มีใครรู้ไหมครับว่า Warehouse ไปทางไหน?

    “เอ....ทางนั้นมั้งทำไมหรอ?

    “พอดีผมนึกได้ว่าพวกพี่สาวเขาชอบสะสมชุดและเพชรกันหากเอาไปขายให้กับ NPC ประเมินราคาคงจะได้ไม่ต่ำ
    กว่าแสนแน่ๆ”


    “ความคิดเจ๋งไปเลย”

    นทีรีบสนับสนุนความคิดของนันทกรเต็มที เพราะพวกเขาคงเบื่อที่จะต้องนอนตบยุงอยู่ข้างนอกโรงแรมเพราะค่าเช่าโรงแรมสำหรับนอนมันแพงเกินไป  เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าความช่วยเหลือจะมาถึงวันไหน

    “เราว่าไม่ดีมั้ง จิราภัทรคงเอาเรื่องไอนัทตายแน่”

    “....ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย”

    “ไม่ต้องห่วงไอ้น้อง เดี๋ยวนอกเกมไอพีเขยเอ็งเคลียร์ให้”

    “อ่าวโบ้ยมาให้ตูซะงั้น”

    ศรศิลป์รีบทักท้วงทันทีเพราะกลัวว่าเรื่องทั้งหมดในคราวนี้เขาคงต้องรับเคราะห์อยู่คนเดียวแน่ๆ

    “เอาน่าๆเรื่องแบบนี้ก็ช่วยกันไปก่อนนะ”

    ศิลาตบที่บ่าของศรศิลป์เบาๆเพื่อบอกเป็นนัยให้เพื่อนปลงได้แล้วเพราะยังไงแผนนี้มันก็ดูดีเกินกว่าจะไปใช้แผนอื่น

    “ไม่รู้ว่า ทีมช่วยเหลือเขาเริ่มลงมือยัง”

    นฤนาถบ่นคิดถึงบ้านเธอบอกว่าไม่เคยอยู่ห่างจากบ้านนานขนาดนี้มาก่อนเลย ถึงแม้จะอยู่ในบ้านแต่ก็เหมือนอยู่ไกลกว่านั้น

    “ไม่ต้องห่วงทีมช่วยเหลือคือพวกหทัยและจิราภัทรล่ะ”

    “รู้ได้ไงอ่ะ ศรศิลป์”

    “นี่พวกเอ็งลืมแล้วหรอว่า ESPของเราคืออะไร”

    “อ่อ ไอพลังโรคจิตนั่นอ่านะ”

    นฤนาถรู้มาอยู่นิดหน่อยจากหทัยแล้วว่าศรศิลป์นั้นสามารถรับรู้ความคิด การใช้ชีวิตและสถานการณ์ที่จิราภัทรกำลังทำอยู่ได้

    “แต่มันก็มีประโยชน์นะ เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา คงไม่เกินสามหรือสี่วันนี้หรอก”

    “ดีจังเลย”

    “งั้นผมเอาเพชรไปขายก่อนนะ”

    นันทกรนำเพชรที่ส่องแสงแวววาวขนาดให้เท้ามือของเขาสองข้างประคองมัน นี่คงเป็นเพชรเม็ดโตที่สุดที่พวกศิลาเคยเห็นเลยก็ว่าได้

    “อยากรู้จริงๆเลยว่า ไปเอามาจากไหนกัน”

    นทีครุ่นคิดอย่างหนักเพราะปกติแล้วเพชรขนาดเท่านี้ต้องมาจากดันที่น่าจะอันตรายไม่ก็จากบอสของอีเว้นท์เกมแน่นอน

    “อ่อ อันนั่นหรอพวกหทัยกับจิราภัทรไปล่าที่ดันเจี้ยนแห่งท้องฟ้ามาน่ะ  จิราภัทรบ่นว่าเธออยากจะสะสมให้ครบเป็นเซ็ตจึงขอให้หทัยไปช่วยขโมยจากบอสให้”

    “เป็นคู่หูที่น่ากลัวเหมือนเดิมเลยนะ สองคนนั้น”

    นี่เป็นคำชื่นชมหรือหลอกด่าจากพวกหนุ่มๆกันแน่ก็ไม่มีใครทราบได้แต่นฤนาภก็ได้บอกทิ้งท้ายไว้ให้ว่าสองคนนั้นไม่ใช่ที่สุดของกิลละกัน

    “สองคนนั้นยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่อีกคนที่เหลือน่ะสิ...อย่าพูดถึงเลยดีกว่า”

    ???

    ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เหลือของนฤนาถที่เธอกล่าวถึงนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือว่าในกิลพระจันทร์เสี้ยวนั้นยังมีผู้เล่นอีกคนที่พวกเขาไม่รู้จักอยู่ก็ได้

    .

    .

    .

    หลังจากที่นันทกรเอาเพชรของจิราภัทรขายแบบโยนร้านธรรมดาไม่ได้ตั้งประมูลก็ได้เงินก้อนหนึ่งมาใช้สำหรับการจองห้องพักกัน

    “ขนาดโยนร้านยังได้ตั้งแสนลีออน...ถ้าประมูลจะขนาดไหนเนี่ย”

    “เอาเป็นว่าคิดวิธีง้อจิราภัทรไว้เลยดีที่สุด”

    ศิลาให้คำแนะนำกับนันทกรและผู้ที่ต้องตกเป็นแพะโดนพาลใส่อย่างศรศิลป์ว่าให้หาวิธีรับมือให้ดีเมื่อเจอจิราภัทรจะได้ไม่ทำให้ผิดใจกัน

    “ว่าแต่เราจะจองห้องพักที่ไหนดีล่ะ ป่านนี้คงเต็มหมดแล้ว”

    นทีเป็นผู้เล่นที่ไม่เคยพักในโรงแรมมาก่อนเขาจึงไม่รู้ว่าควรเลือกห้องพักแบบไหนถึงจะราคาถูก คุ้มค่าและปลอดภัยสำหรับทุกคน

    “งั้นไปที่ๆพวกเราเคยไปพักไหม?

    “แต่อาจจะแพงหน่อยเพราะไม่มีสกิลของ Dealer ลดราคา”

    “ถ้าจะเป็นแบบนี้ ฉันน่าจะเล่น Dealer มั่ง”

    นฤนาถบ่นน้อยใจที่สกิลของอาชีพเธอทำประโยชน์ให้กับเพื่อนๆไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่นอกจากจุดไฟในกอไม้แล้วก็มีแค่น้ำแข็งไว้ใส่น้ำดื่มเท่านั้น

    “พี่ยังดี ผมนี่ดิทำอะไรไม่ได้เลย”

    “เอาน่าทั้งสองคน พลังที่เราแต่ละคนมีมันก็สำคัญพอๆกันนั่นแหล่ะ เพียงแต่ใช้ในสถานการณ์ไหนเท่านั้นเอง”

    “โห พูดได้ดีมากเลย ศรศิลป์”

    เมื่อได้รับคำชมจากศิลาก็ทำให้เขาอดไม่ได้ทีจะแสดงท่าทีขัดเขินออกมา เพราะนานๆทีจะมีคนชมเขาแบบนี้

    “ไปๆ หาที่พักกันได้แล้วเดี๋ยวจะมืดซะก่อน”

    “จ้า”

    ทุกคนเดินตามนฤนาถและนันทกรไปอย่างเงียบๆผ่านพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่ เมื่อเดินสักพักก็เห็นบ้านขนาดสี่ชั้นที่ถูกตกแต่งคล้ายกับคฤหาสน์ในโลกแห่งความเป็นจริง

    “ใหญ่โตไปมั้ง”


    “เพราะงี้ค่าเช่ามันถึงได้แพงไงพี่นที”

    ไม่นานนักก็มีเมดสาวใช้เดินออกมาตอนรับเธอแนะนำตัวว่าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลบ้านหลังนี้และจะคอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง

    “พอดีพว่าพวกเราอย่างจะเช่าห้องพักสามห้องน่ะ”

    “ทำไมถึงสามห้องอ่ะพี่โย”

    “พวกนายสี่คนเป็นผู้ชายก็นอนด้วยกันได้นิ แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ”

    “งั้นเชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ”

    เมดสาวสวยเชิญพวกเราทั้งห้าคนตามเธอไปดูห้องพัก ภายในบ้านตกแต่งได้อย่างอลังการสไตล์ยุโรป ประกอบกับมีบันไดวนเชื่อมแต่ละชั้นขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า

    “นาถ ราคาห้องเท่าไหร่อ่ะ”

    ศรศิลป์กระซิบถามราคาห้องจากนฤนาถเพราะเกรงว่าห้องที่หรูหราขนาดนี้ราคาเช่าคงแพงไม่น้อยทีเดียว

    “ไม่ต้องห่วงครับพี่ศรศิลป์ ผมกับพี่โยผ่าน เควสดยุคผู้หาบสาบสูญ แล้วจะสามารถจองห้องได้ในราคาเพียงครึ่งเดียว”

    “อ่อ งั้นก็แล้วไป”

    จากการจับคู่สำหรับพักแต่ละห้องนั้น ศิลาอยู่กับนที  ศรศิลป์อยู่กับนันทกรส่วนนฤนาถนอนคนเดียว ถึงแม้ว่าจะดูเป็นการให้เกียรติผู้หญิงสำหรับการอยู่ห้องพักแต่มันก็ถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับนฤนาถเท่าไหร่

    “ไม่ยุติธรรมเลย ฉันกลัวผีอ่ะ”

    “พี่ครับในเกมมันไม่มีผีหรอกนะ”

    “ไม่จริง! แล้วไอคนที่ชื่อเร็นอย่าบอกนะว่ามันเป็นคน จำได้ว่าเขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

    “อันนั้น คงเป็นข้อยกเว้นแล้วล่ะ”

    ศิลาปลอบใจนฤนาถว่าพวกเขาอยู่ห้องข้างๆหากมีอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาหา ไม่ก็ร้องตะโกนให้ดังสุดเสียงเลย

    “ก็ได้ งั้นแยกย้ายตรงนี้ละกัน”

    ทั้งห้าคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนอาบน้ำและลงมาทานข้าวพร้อมกันแต่ในขณะที่รับประทานอาหารกันอยู่นั้นพ่อบ้านที่ดูท่าว่าจะเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านพักหลังนี้ก็เล่าเรื่องสยองขวัญให้ฟังถึงตำนานของ ผีสาวที่ตกบันไดลงมาตาย

    “เธออกหักน่ะเลยฆ่าตัวตายด้วยบันได”

    “มันจะเป็นเรื่องจริงได้ไงลุง ใครมันจะบ้าใช้บันไดฆ่าตัวตาย”

    นทีคิดว่าเรื่องที่ลุงพูดาทั้งหมดนั้นคงแต่งขึ้นมาสร้างสีสันให้กับบรรดาลูกค้ามากกว่าเพราะการตายของเด็กคนนั้นมันผิดปกติเกินไป

    “พ่อหนุ่ม นี่เป็นเรื่องจริงนะไม่เชื่อก็รอดูสิเธอชอบมาหาผู้ชายที่เป็นแขกมาพักเพราะนึกว่าแฟนเก่าจะกลับมาหา”

    “เอ่อ พี่ศิลาคิดว่าจริงไหมอ่ะ”

    นันทกรเริ่มหวั่นใจเล็กน้อยกับคำพูดของลุงคนนั้นเพราะลึกๆแล้วเขาก็กลัวผีพอๆกับนฤนาถเหมือนกัน

    “ใครจะรู้?....

    “โอ้ย พวกเราไม่กลัวผีหรอก”

    นทีรีบตัดบทจบทันทีก่อนที่แต่ละคนจะเริ่มจินตนาการไปมากกว่านี้และจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป

    หลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันได้แล้วประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงก็กลายเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ก็มีเสียงดังมาจากบันไดทางขึ้นที่อยู่หน้าห้องของนันทกรและศรศิลป์

    “พี่ศรศิลป์ ด้ยินเสียงอะไรไหมครับ”

    “หืม? ไม่นะ”

    ตึก!ตึก!ตึก!

    “เอ่อ....”

    “ได้ยิน และชัดแจ๋วเลยด้วย”

    ทั้งสองคนรีบมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็วพลางปรึกษากับว่ามันใช่เสียงของผีสาวที่ลุงแกพูดถึงหรือเปล่า แต่แล้วเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    ก็อก!ก็อก!ก็อก!

    “อย่าเปิดนะพี่ศรศิลป์  พวกเรารีบหนีออกทางหน้าต่างไปห้องพี่ศิลาดีกว่า”

    “เอ่อๆความคิดดี”

    นันทกรและศรศิลป์ปีนออกจากหน้าต่างห้องตัวเองไปยังห้องข้างๆทันทีและเรียกให้ศิลาเปิดหน้าต่างให้พวกเขาเข้าไปข้างใน

    “เกิดอะไรขึ้น”

    “ผีมันออกมาแล้ว”

    “หา?

    นทีไม่คิดว่าเรื่องที่ลุงพูดจะเป็นความจริงหลังจากที่เพื่อนทั้งสองได้มาบอกกับเขาว่าเจอผีมา

    ก็อก!ก็อก!ก็อก!

    “นั่นไงมันมาแล้ว”

    “ใครน่ะ  ผี หรือ คน”

    นทีรีบถามผู้ทีอยู่หลังประตูอย่างทันควันก่อนที่คนอื่นๆจะขวัญหนีดีฟ่อกันไปหมดแล้ว

    ก็อก!ก็อก!ก็อก!

    มันไม่ตอบแต่ก็ยังรัวเคาะประตูไม่หยุด ทำให้ทั้งสี่ตัดสินใจรีบปีนไปที่หน้าต่างห้องนฤนาถต่อเพราะว่าเป็นห่วง(ใช่หรอ?) นฤนาถก็เดินมาเปิดหน้าต่างพร้อมกับหน้าตาที่เวทนาชายหนุ่มทั้งสี่

    “ไหนบอกไม่กลัวผีไง?

    “เปล๊า เป็นห่วงแกเฉยๆ”

    “หรอ วาบอกว่าทำเสียงสูงแปลว่าโกหก”

    ก็อก!ก็อก!ก็อก!ก็อก!

    เสียงเคาะประตูปริศนาก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้นฤนาถตัดสินใจเดินไปเปิดที่ประตูอย่างซึ่งๆหน้า

    “อย่าเปิดนะโย”

    “เดี่ยวมันมาฆ่าพวกผมนะพี่โย”

    แอ๊ด!

    “อ่าว ศรัญนี่เอง”

    ทันทีที่เปิดประตูนฤนาถก็พบว่าศรัญเพื่อนของนันทกรเป็นต้นเหตุของเสียงแปลกๆนั่นเอง เขาเล่าให้ฟังว่าตั้งเกิดเรื่องขึ้นก็เลยไปเข้าห้องน้ำแต่เมื่อออกมาก็ไม่เจอพวกนทีแล้วจึงคิดว่าคงลืมกันไป  เมื่อตอนเย็นได้ยินคนคุยกันว่าหากหาตามห้องพักหรือโรงแรมน่าจะเจอ

    “ไอบ้าเอ้ย พวกแกทิ้งน้องได้ไงเนี่ยหาว่าเขาเป็นผีอีก”

    “โทษทีศรัญ พวกพี่ลืมไปน่ะ”

    สุดท้ายเรื่องก็จบลงโดยที่มีการปรับเพื่อนร่วมห้องใหม่โดยให้ศรศิลป์นอนกับศรัญและนันทกรมาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องอย่างนฤนาถแทน
    ..................................................................................

    BestA ค่ะ   ขอคั่นเนื้อเรื่องเครียดๆด้วยมุกฮ่าที่เราพึ่งเจอมาเองกับตัวไม่นานนี้ เอาจริงๆแล้วถ้าหอพักที่อยู่มีข่าวลือ เรื่องเล่าอะไรแปลกๆก็อย่าไปเก็บมาคิดมากเลยดีกว่าค่ะ เอาพวงมาลัยมาขอขมาหรือไปตักบาตรทำบุญให้ก็พอแล้ว  ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

    ติดตามตอนต่อไป>>>>>>>

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×