คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Patch : 6
Patch : 6
รุ่งอรุณยามเช้าแสงแดดส่องอ่อนๆผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของโรงแรม เศษขยะและข้าวของที่หลงเหลือจากงานเลี้ยงเมื่อคืนยังคงฝากรอยหนักใจให้กับบรรดาสาวใช้ไม่หาย ผู้เล่นส่วนใหญ่แยกย้ายไปตั้งแต่เมื่อคืนมีเพียงส่วนน้อยที่พักอยู่ที่โรงแรมอาศัยอยู่
ดาบประกายแวววับสีเงินเหน็บอยู่ด้านข้างของผู้เป็นเจ้าของ โล่กระจกสีใสราวกับแก้วทำหน้าที่เสมือนกำบังอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงลุกขึ้นมาทดสอบอาวุธของตนตั้งแต่เช้าเพื่อเช็คสภาพของอาวุธให้พร้อม
“พี่จะไปจริงๆหรอ?” หนุ่มน้อยผมสีดำสนิทนั่งทานขนมปังไส้ครีมอยู่ด้านหลังถามชายหนุ่มผู้เป็นพี่
“ก็มันรับคำท้าไปแล้ว ลูกผู้ชายน่ะจะผิดคำสัญญาไม่ได้”
“ก็อีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ” ปิ่นยืนกอดอกพิงกับกำแพง
“แต่มันลวนลามน้ำฟ้า ยังไงก็ให้อภัยไม่ได้” สกายพูดเสียงหนักปนแค้นพลางแกว่งดาบไปมาแก้โมโห
“ทำอย่างกับน้ำฟ้าเป็นแฟนแกงั้นแหล่ะ….บอกอย่างนะว่างานนี้เราไม่ช่วย”
ปิ่นไม่ได้ต่อว่าอะไรสกายเพียงแต่ทิ้งท้ายคำพูดจิกกัดเจ็บๆไว้ในกลับไปคิดดู ว่ามันคุ้มค่าพอที่จะไปเจ็บตัวแบบนั้นไหมกับการกระทำเลือดร้อนของเขา
“ผมช่วยพี่เอง” บลูกระโดดลงจากม้านั่งยาววิ่งตรงไปเกาะแขนสกายไว้แน่น
“ถ้าจะไม่มีแฟน คงจะเป็นเพราะแกนี่แหล่ะไอ้เปี๊ยก” เด็กหนุ่มส่ายหัวอย่างกลุ้มใจที่ถูกหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักมาเกาะติดแทนที่จะเป็นสาวสวย
ในศึกการประลองครั้งนี้ปิ่นกับน้ำฟ้าอยู่นอกวงจึงกลายเป็นสกาย ป้องและบลูลงแทน เลเวลเฉลี่ยของทั้งสามคนอยู่ที่สี่สิบสามดังนั้นสนามการประลองจึงเลือกเอาเลเวลของคนที่น้อยที่สุดขึ้นมาปรับให้ผู้เล่นมีระดับเท่ากัน สกิลที่อยู่นอกเงื่อนไขเลเวลสี่สิบจึงถูกระงับการใช้งานชั่วคราวเพื่อความเท่าเทียมกัน
“หึพวกกระจอกเลเวลยังไม่ถึงห้าสิบดีเลยมาปากกล้ากับข้า” ไนท์หนุ่มรุ่นพี่ยืนยืดอกดูถูกอยู่กลางสนาม
NPC ตัดสินการประลองอนุญาตให้แต่ละทีมมีผู้เล่นเข้าร่วมได้ไม่เกินสามคนและจะถูกปรับเลเวลให้เท่ากันทั้งหมดเพื่อความยุติธรรม ในการประลองไม่ได้ห้ามพลังพิเศษดังนั้นใครมีอะไรสามารถดึงออกมาใช้ได้
“อีกสิบนาทีนับถอยหลังการต่อสู้ค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวสวยในชุดบันนี่เกิร์ลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“10”
“9”
“8”
“7”
“6”
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
“Start!”
เสียงเชียร์จากผู้เล่นดังกระหึ่มทั่วสนามการประลองทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนแตกต่างกันไปกลายเป็นแหล่งพนันขนาดใหญ่อยู่ตอนนี้ การวางเงินเดิมพันให้การประลองไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎแต่อย่างใด ส่วนมากจะเอนไปทางไนท์หนุ่มผมสีส้มเข้มมากกว่าเพราะมีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง
“บัพด้วย บลู!”
หนุ่มน้อยได้ยินคำสั่งก็รีบร่ายเวทย์สนับสนุนใส่พี่ชายทั้งสองทันที จุดเสียเปรียบของทีมสกายอยู่ตรงที่เอาบลูมาแทนนักเวทย์นั่นเอง ฝ่ายตรงข้ามใช้นักเวทย์เพลิงเป็นกำลังสำคัญในการโจมตีผิดกับบลูที่เอามาไว้สร้างเกราะ
เคร้ง!
เสียงดาบกระทบกันเกิดเป็นประกายไฟระหว่างทั้งสองฝ่าย ป้องหยิบมีดสั้นออกมาปาใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุดถึงแม้ว่ามันจะสร้างความเสียหานได้น้อยแต่ถ้าหากรับความเสียหายไปอย่างต่อเนื่องแล้วสถานะเลือกออกหนักจะเพิ่มขึ้นทันที
“แกเป็นฮีลเลอร์สินะ..”
ชายร่างสูงสวมชุดสีดำเข้มเงื้อเคียวขนาดใหญ่ขึ้นสู่อากาศหวังจะลอบทำร้ายฝ่ายสนับสนุนของทีมตรงข้าม สกายเห็นเหตุการณ์เข้าจึงรีบเข้าไปช่วยทันที
“ขี้โกงนี่ ลอบกัดผู้เล่นที่ไม่มีทางสู้ได้ไง”
“กฎไม่ได้ห้ามไว้นี่เจ้าหนู…”
“ชิ”
สกายหิ้วร่างของเด็กหนุ่มไว้ข้างตัวเพราะคิดว่าหากปล่อยให้ไกลตัวอีกคงโดนกำจัดได้ง่ายๆแน่ นอกจากฟื้นฟูพลังแล้วดูเหมือนบลูจะไม่มีสกิลสำหรับโจมตีแม้แต่น้อย
“อยู่นิ่งๆล่ะ จะได้ไม่ไปเกะกะ”
“ครับ” เด็กชายพยักหน้าตอบ
การต่อสู้ดูเหมือนจะยืดเยื้อเป็นเวลานานมากกว่าที่คิดต่างฝ่ายไม่ยอมแพ้เพราะยึดมั่นให้ศักดิ์ศรีของตนเอง สกายมุ่งที่แต่เอาชนะจึงไม่ทันสังเกตว่ามีกับดักวางอยู่ที่เท้า
“ไอ้กายระวัง” ป้องตะโกนเรียกแต่กลับไม่ทันการ
บลูรีบวิ่งเข้าไปฟื้นฟูพลังให้แต่กลับถูกจอมเวทย์ใช้เคียวฟันลงกลางอกทันที ด้วยค่าความสามารถเฉพาะตัวสำหรับหมอแล้วถือว่าต่ำกว่าอาชีพอื่นอย่างเห็นได้ชัด ร่างบางๆของเด็กหนุ่มล้มลงกองกับพื้นอย่างรวดเร็วแถบสถานะเลือดจากเดิมที่เป้นสีเขียวสดตอนนี้กระพริบเป็นสีแดงแล้ว
“พวกแกพอขาดหมอมันก็ทำอะไรไม่ได้ละวะ ฮ่าๆ” ไนท์หนุ่มหัวเราะชอบใจก่อนจะสั่งให้เพื่อนของเขากำจัดบลูทิ้ง
“เก็บมันซะ”
เคียวยักษ์สีเงินวาววัยฟาดลงกลางลำตัวของหนุ่มน้อยทันทีเลขนับถอยหลังบนหัวของบลูเริ่มนับตั้งแต่เลขสิบถอยหลังไป สกายที่หลุดจากกับดับหนามมาได้วิ่งตรงไปหาผู้เป็นน้องชายทันทีพลางอุ้มร่างของบลูไว้
“ขอโทษนะ พี่ไม่ระวังเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองต่างหากที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” ร่างของบลูเริ่มจางลงทุกที
“ขอโทษ ที่เอาแต่ใจ….”
เมื่อผู้เล่นตายในสนามประลองจะถูกส่งกลับไปยังโบสถ์ของเมืองดังกล่าวในกรณีที่ไม่ได้เซฟจุดเกิดไว้ แต่ทว่าบลูเซฟเมืองเกิดตัวเองไว้ที่เรเชล เมื่องท่าเรือที่พบกับพวกสกายครั้งแรกเขาต้องย้อนกลับไปอีกสามแผนที่ก่อนหน้านี้
“ที่นี่มัน….”
ด้านสนามประลองที่ชี้เป็นตายได้แล้วว่าฝ่ายไหนชนะหรือแพ้ ป้องรู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมากลัวว่าเพื่อนของตนจะคิดมากได้แต่ปลอบไปตามประสาผู้ชายเหมือนกัน
“เด็กอมมืออย่างแกมาสู้กับข้ายังเร็วไปร้อยปี” ไนท์หนุ่มพูดจาเยาะเย้ยอย่างดูถูก
ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันแน่นเพราะความโกรธ ทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความประมาทและเอาแต่ใจตนเองจึงทำให้น้องชายต้องตายในสนามรบ หากนี้เป็นเหตุการณ์ในชีวิตจริงเขาคงเสียบลูไปแล้ว
“กายเราติดต่อบลูไม่ได้”ปิ่นเอ่ยทักเพื่อน
“เราด้วย ตอนแรกคิดว่าคงอยู่ที่โบสถ์แต่ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ”
“ถ้าอยู่คนละแผนที่มันก็ส่งข้อความไปหาได้นะ” ป้องเริ่มสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ณ เวลานั้นเองพื้นของเมืองก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ไม่มีข้อความประกาศเหตุการณ์หรือกิจกรรมอีเวนท์ขึ้นบนหน้าต่างสนทนา ประตูเมืองแต่ละแห่งปิดเองอัตโนมัติผู้คนดินแดนต่างพากันหลบเข้าบ้านของตนอย่างอลม่านคอนดูสถานการณ์
“เกิดอะไรขึ้น…” ผู้เล่นในสานามประลองยืนดูท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉาดเหมือนกับเลือด
ฝูงค้างคาวของบอสแวมไพร์แตกออกจากรังของตัวเองโดยมีตัวหัวหน้าบินนำ ปิ่นชี้ให้ทุกคนเห็นว่ามีควันอะไรบางอย่างลอยออกมาจากหอคอยบาเบลจุดหมายสุดท้ายสำหรับบททดสอบ
“อาจารย์บอกว่าหากมีใครคนได้คนหนึ่งขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอย การทดสอบจะยกเลิกใช่ไหม?”
“ก็ใช่ แล้ว?”
“แต่ถ้าพวกเราทุกคนไปไม่ถึงล่ะ…หมายถึงมีบางอย่างทำให้ไปไม่ถึงน่ะ”
“พวกเราก็จะออกจากที่นี่ไม่ได้!” น้ำฟ้าตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ผู้เล่นที่ได้ยินเข้าต่างพากันหวาดกลัว
“ต้องมีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกแน่” สกายมั่นใจว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ดูจะบังเอิญเกินไปที่ไปซ้ำรอยกับรุ่นแรกเข้า
“แต่ก่อนอื่นต้องหาบลูให้เจอก่อน”
สกายวิ่งนำหน้าเพื่อนในทีมมาทางทิศใต้ของเมืองเพราะคิดว่าบลูต้องอยู่ที่ท่าเรือเรเชลแน่นอน แต่ทว่าประตูเมืองทั้งสี่ด้านถูกปิดตายลงตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เรือเดินทางไม่สามารถออกจากชายฝั่งได้เพราะคลื่นลมทะเลสูงกว่าสองเมตรแล้วในตอนนี้
“เป็นแบบนี้ไปได้ไง”
เด็กหนุ่มและเพื่อนในทีมยืนดูสีของน้ำทะเลในตอนนี้ มันเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเหมือนกับหมึกมักษณะข้นเหลวน่าขยะแขยงกว่าหมึกสำหรับเขียนพู่กันจีนอีก
“วาร์ปไงๆ ลองไปทางนั้นดู” ความคิดของน้ำฟ้าดูจะเข้าท่าทุกคนจึงกลับไปเริ่มที่ประตูใหม่อีกครั้ง
“ดูเหมือนยังใช้ได้อยู่นะ” ป้องแตะที่ขอบประตู
การสั่นสะเทือนของพื้นยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านั้น มันยังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกทีที่เวลาปล่อยผ่านไปยังไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร
“รีบเข้าไปก่อนที่วาร์ปจะพังเถอะ” ปิ่นผลักให้เพื่อนทั้งสามเข้าไปยังประตูทันที
หลังจากที่ทั้งสี่ไปโผล่ที่ท่าเรือเรเชลแล้วประตูของฝั่งตรงข้ามก็ถูกปิดตายลง เมืองเรเชลเปลี่ยนไปกว่าเมืองที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้มาก ไม่เหมือนกับเมืองแห่งสีสันตามที่ระบุไว้ในคำอธิบายของแผนที่เลย
“บลู!” สกายตะโกนเรียกชื่อหนุ่มน้อย
“บลู บลูนายอยู่ไหน” ปิ่นช่วยเสริมทัพ
ผู้คนในดินแดนต่างพากันวิ่งหนีเข้าบ้านตัวเอง ลมกรรโชกพัดเอาของเบาๆอย่างร่มร้านขายผักปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้าย่างง่ายดาย เงาแปลกตาเล็กๆกำลังวิ่งทะลุหมอกควันมาหาพวกสกายอย่างรวดเร็ว
“นั่น!” น้ำฟ้าชี้ไปทางเงาประหลาด
เด็กชายผมสีดำสนิทในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มกำลังวิ่งตรงมาทางพวกสกายด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบจูงมือให้พวกพี่ๆไปหาที่ซ่อนกับเขาโดยเร็ว
“ทางนี้…”
ทั้งสี่วิ่งตามบลูไปโดยไม่ทันได้ถามอะไร แต่ปิ่นรู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวเล็กเองคงจะรู้อะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย
“มันกำลังจะมา…”
“ใคร?”
“วาลาเราโค (Valarauko)”
............................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น