ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online2 ภาค ผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #8 : Patch : 6

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 58


    Patch : 6

                รุ่งอรุณยามเช้าแสงแดดส่องอ่อนๆผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของโรงแรม เศษขยะและข้าวของที่หลงเหลือจากงานเลี้ยงเมื่อคืนยังคงฝากรอยหนักใจให้กับบรรดาสาวใช้ไม่หาย  ผู้เล่นส่วนใหญ่แยกย้ายไปตั้งแต่เมื่อคืนมีเพียงส่วนน้อยที่พักอยู่ที่โรงแรมอาศัยอยู่

                ดาบประกายแวววับสีเงินเหน็บอยู่ด้านข้างของผู้เป็นเจ้าของ โล่กระจกสีใสราวกับแก้วทำหน้าที่เสมือนกำบังอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงลุกขึ้นมาทดสอบอาวุธของตนตั้งแต่เช้าเพื่อเช็คสภาพของอาวุธให้พร้อม

    “พี่จะไปจริงๆหรอ?” หนุ่มน้อยผมสีดำสนิทนั่งทานขนมปังไส้ครีมอยู่ด้านหลังถามชายหนุ่มผู้เป็นพี่

    “ก็มันรับคำท้าไปแล้ว ลูกผู้ชายน่ะจะผิดคำสัญญาไม่ได้”

    “ก็อีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ” ปิ่นยืนกอดอกพิงกับกำแพง

    “แต่มันลวนลามน้ำฟ้า ยังไงก็ให้อภัยไม่ได้” สกายพูดเสียงหนักปนแค้นพลางแกว่งดาบไปมาแก้โมโห

    “ทำอย่างกับน้ำฟ้าเป็นแฟนแกงั้นแหล่ะ….บอกอย่างนะว่างานนี้เราไม่ช่วย”

    ปิ่นไม่ได้ต่อว่าอะไรสกายเพียงแต่ทิ้งท้ายคำพูดจิกกัดเจ็บๆไว้ในกลับไปคิดดู ว่ามันคุ้มค่าพอที่จะไปเจ็บตัวแบบนั้นไหมกับการกระทำเลือดร้อนของเขา

    “ผมช่วยพี่เอง” บลูกระโดดลงจากม้านั่งยาววิ่งตรงไปเกาะแขนสกายไว้แน่น

    “ถ้าจะไม่มีแฟน คงจะเป็นเพราะแกนี่แหล่ะไอ้เปี๊ยก” เด็กหนุ่มส่ายหัวอย่างกลุ้มใจที่ถูกหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักมาเกาะติดแทนที่จะเป็นสาวสวย

    ในศึกการประลองครั้งนี้ปิ่นกับน้ำฟ้าอยู่นอกวงจึงกลายเป็นสกาย ป้องและบลูลงแทน เลเวลเฉลี่ยของทั้งสามคนอยู่ที่สี่สิบสามดังนั้นสนามการประลองจึงเลือกเอาเลเวลของคนที่น้อยที่สุดขึ้นมาปรับให้ผู้เล่นมีระดับเท่ากัน สกิลที่อยู่นอกเงื่อนไขเลเวลสี่สิบจึงถูกระงับการใช้งานชั่วคราวเพื่อความเท่าเทียมกัน

    “หึพวกกระจอกเลเวลยังไม่ถึงห้าสิบดีเลยมาปากกล้ากับข้า” ไนท์หนุ่มรุ่นพี่ยืนยืดอกดูถูกอยู่กลางสนาม

    NPC ตัดสินการประลองอนุญาตให้แต่ละทีมมีผู้เล่นเข้าร่วมได้ไม่เกินสามคนและจะถูกปรับเลเวลให้เท่ากันทั้งหมดเพื่อความยุติธรรม ในการประลองไม่ได้ห้ามพลังพิเศษดังนั้นใครมีอะไรสามารถดึงออกมาใช้ได้

    “อีกสิบนาทีนับถอยหลังการต่อสู้ค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวสวยในชุดบันนี่เกิร์ลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

    10

    9

    8

    7

    6

    5

    4

    3

    2

    1

    Start!

    เสียงเชียร์จากผู้เล่นดังกระหึ่มทั่วสนามการประลองทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนแตกต่างกันไปกลายเป็นแหล่งพนันขนาดใหญ่อยู่ตอนนี้ การวางเงินเดิมพันให้การประลองไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎแต่อย่างใด ส่วนมากจะเอนไปทางไนท์หนุ่มผมสีส้มเข้มมากกว่าเพราะมีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง

    “บัพด้วย บลู!

    หนุ่มน้อยได้ยินคำสั่งก็รีบร่ายเวทย์สนับสนุนใส่พี่ชายทั้งสองทันที จุดเสียเปรียบของทีมสกายอยู่ตรงที่เอาบลูมาแทนนักเวทย์นั่นเอง  ฝ่ายตรงข้ามใช้นักเวทย์เพลิงเป็นกำลังสำคัญในการโจมตีผิดกับบลูที่เอามาไว้สร้างเกราะ

    เคร้ง!

    เสียงดาบกระทบกันเกิดเป็นประกายไฟระหว่างทั้งสองฝ่าย ป้องหยิบมีดสั้นออกมาปาใส่คู่ต่อสู้ไม่หยุดถึงแม้ว่ามันจะสร้างความเสียหานได้น้อยแต่ถ้าหากรับความเสียหายไปอย่างต่อเนื่องแล้วสถานะเลือกออกหนักจะเพิ่มขึ้นทันที

    “แกเป็นฮีลเลอร์สินะ..

    ชายร่างสูงสวมชุดสีดำเข้มเงื้อเคียวขนาดใหญ่ขึ้นสู่อากาศหวังจะลอบทำร้ายฝ่ายสนับสนุนของทีมตรงข้าม สกายเห็นเหตุการณ์เข้าจึงรีบเข้าไปช่วยทันที

    “ขี้โกงนี่ ลอบกัดผู้เล่นที่ไม่มีทางสู้ได้ไง”

    “กฎไม่ได้ห้ามไว้นี่เจ้าหนู

    “ชิ”

    สกายหิ้วร่างของเด็กหนุ่มไว้ข้างตัวเพราะคิดว่าหากปล่อยให้ไกลตัวอีกคงโดนกำจัดได้ง่ายๆแน่ นอกจากฟื้นฟูพลังแล้วดูเหมือนบลูจะไม่มีสกิลสำหรับโจมตีแม้แต่น้อย

    “อยู่นิ่งๆล่ะ จะได้ไม่ไปเกะกะ”

    “ครับ” เด็กชายพยักหน้าตอบ

    การต่อสู้ดูเหมือนจะยืดเยื้อเป็นเวลานานมากกว่าที่คิดต่างฝ่ายไม่ยอมแพ้เพราะยึดมั่นให้ศักดิ์ศรีของตนเอง สกายมุ่งที่แต่เอาชนะจึงไม่ทันสังเกตว่ามีกับดักวางอยู่ที่เท้า

    “ไอ้กายระวัง” ป้องตะโกนเรียกแต่กลับไม่ทันการ

    บลูรีบวิ่งเข้าไปฟื้นฟูพลังให้แต่กลับถูกจอมเวทย์ใช้เคียวฟันลงกลางอกทันที ด้วยค่าความสามารถเฉพาะตัวสำหรับหมอแล้วถือว่าต่ำกว่าอาชีพอื่นอย่างเห็นได้ชัด ร่างบางๆของเด็กหนุ่มล้มลงกองกับพื้นอย่างรวดเร็วแถบสถานะเลือดจากเดิมที่เป้นสีเขียวสดตอนนี้กระพริบเป็นสีแดงแล้ว

    “พวกแกพอขาดหมอมันก็ทำอะไรไม่ได้ละวะ ฮ่าๆ” ไนท์หนุ่มหัวเราะชอบใจก่อนจะสั่งให้เพื่อนของเขากำจัดบลูทิ้ง

    “เก็บมันซะ”

    เคียวยักษ์สีเงินวาววัยฟาดลงกลางลำตัวของหนุ่มน้อยทันทีเลขนับถอยหลังบนหัวของบลูเริ่มนับตั้งแต่เลขสิบถอยหลังไป สกายที่หลุดจากกับดับหนามมาได้วิ่งตรงไปหาผู้เป็นน้องชายทันทีพลางอุ้มร่างของบลูไว้

    “ขอโทษนะ พี่ไม่ระวังเอง”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมเองต่างหากที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” ร่างของบลูเริ่มจางลงทุกที

    “ขอโทษ  ที่เอาแต่ใจ….

    เมื่อผู้เล่นตายในสนามประลองจะถูกส่งกลับไปยังโบสถ์ของเมืองดังกล่าวในกรณีที่ไม่ได้เซฟจุดเกิดไว้ แต่ทว่าบลูเซฟเมืองเกิดตัวเองไว้ที่เรเชล เมื่องท่าเรือที่พบกับพวกสกายครั้งแรกเขาต้องย้อนกลับไปอีกสามแผนที่ก่อนหน้านี้

    “ที่นี่มัน….

     

     

    ด้านสนามประลองที่ชี้เป็นตายได้แล้วว่าฝ่ายไหนชนะหรือแพ้ ป้องรู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมากลัวว่าเพื่อนของตนจะคิดมากได้แต่ปลอบไปตามประสาผู้ชายเหมือนกัน

    “เด็กอมมืออย่างแกมาสู้กับข้ายังเร็วไปร้อยปี”  ไนท์หนุ่มพูดจาเยาะเย้ยอย่างดูถูก

    ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันแน่นเพราะความโกรธ ทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความประมาทและเอาแต่ใจตนเองจึงทำให้น้องชายต้องตายในสนามรบ หากนี้เป็นเหตุการณ์ในชีวิตจริงเขาคงเสียบลูไปแล้ว

    “กายเราติดต่อบลูไม่ได้”ปิ่นเอ่ยทักเพื่อน

    “เราด้วย ตอนแรกคิดว่าคงอยู่ที่โบสถ์แต่ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ”

    “ถ้าอยู่คนละแผนที่มันก็ส่งข้อความไปหาได้นะ” ป้องเริ่มสงสัย

    “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

    ณ เวลานั้นเองพื้นของเมืองก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ไม่มีข้อความประกาศเหตุการณ์หรือกิจกรรมอีเวนท์ขึ้นบนหน้าต่างสนทนา ประตูเมืองแต่ละแห่งปิดเองอัตโนมัติผู้คนดินแดนต่างพากันหลบเข้าบ้านของตนอย่างอลม่านคอนดูสถานการณ์

    “เกิดอะไรขึ้น” ผู้เล่นในสานามประลองยืนดูท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉาดเหมือนกับเลือด

    ฝูงค้างคาวของบอสแวมไพร์แตกออกจากรังของตัวเองโดยมีตัวหัวหน้าบินนำ ปิ่นชี้ให้ทุกคนเห็นว่ามีควันอะไรบางอย่างลอยออกมาจากหอคอยบาเบลจุดหมายสุดท้ายสำหรับบททดสอบ

    “อาจารย์บอกว่าหากมีใครคนได้คนหนึ่งขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอย การทดสอบจะยกเลิกใช่ไหม?

    “ก็ใช่ แล้ว?

    “แต่ถ้าพวกเราทุกคนไปไม่ถึงล่ะหมายถึงมีบางอย่างทำให้ไปไม่ถึงน่ะ”

    “พวกเราก็จะออกจากที่นี่ไม่ได้!” น้ำฟ้าตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ผู้เล่นที่ได้ยินเข้าต่างพากันหวาดกลัว

    “ต้องมีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกแน่” สกายมั่นใจว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ดูจะบังเอิญเกินไปที่ไปซ้ำรอยกับรุ่นแรกเข้า

    “แต่ก่อนอื่นต้องหาบลูให้เจอก่อน”

    สกายวิ่งนำหน้าเพื่อนในทีมมาทางทิศใต้ของเมืองเพราะคิดว่าบลูต้องอยู่ที่ท่าเรือเรเชลแน่นอน แต่ทว่าประตูเมืองทั้งสี่ด้านถูกปิดตายลงตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เรือเดินทางไม่สามารถออกจากชายฝั่งได้เพราะคลื่นลมทะเลสูงกว่าสองเมตรแล้วในตอนนี้

    “เป็นแบบนี้ไปได้ไง”

    เด็กหนุ่มและเพื่อนในทีมยืนดูสีของน้ำทะเลในตอนนี้ มันเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเหมือนกับหมึกมักษณะข้นเหลวน่าขยะแขยงกว่าหมึกสำหรับเขียนพู่กันจีนอีก

    “วาร์ปไงๆ ลองไปทางนั้นดู” ความคิดของน้ำฟ้าดูจะเข้าท่าทุกคนจึงกลับไปเริ่มที่ประตูใหม่อีกครั้ง

    “ดูเหมือนยังใช้ได้อยู่นะ” ป้องแตะที่ขอบประตู

    การสั่นสะเทือนของพื้นยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านั้น มันยังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกทีที่เวลาปล่อยผ่านไปยังไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร

    “รีบเข้าไปก่อนที่วาร์ปจะพังเถอะ” ปิ่นผลักให้เพื่อนทั้งสามเข้าไปยังประตูทันที

    หลังจากที่ทั้งสี่ไปโผล่ที่ท่าเรือเรเชลแล้วประตูของฝั่งตรงข้ามก็ถูกปิดตายลง เมืองเรเชลเปลี่ยนไปกว่าเมืองที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้มาก ไม่เหมือนกับเมืองแห่งสีสันตามที่ระบุไว้ในคำอธิบายของแผนที่เลย

    “บลู!” สกายตะโกนเรียกชื่อหนุ่มน้อย

    “บลู บลูนายอยู่ไหน” ปิ่นช่วยเสริมทัพ

    ผู้คนในดินแดนต่างพากันวิ่งหนีเข้าบ้านตัวเอง ลมกรรโชกพัดเอาของเบาๆอย่างร่มร้านขายผักปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้าย่างง่ายดาย เงาแปลกตาเล็กๆกำลังวิ่งทะลุหมอกควันมาหาพวกสกายอย่างรวดเร็ว

    “นั่น!” น้ำฟ้าชี้ไปทางเงาประหลาด

    เด็กชายผมสีดำสนิทในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มกำลังวิ่งตรงมาทางพวกสกายด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบจูงมือให้พวกพี่ๆไปหาที่ซ่อนกับเขาโดยเร็ว

    “ทางนี้

    ทั้งสี่วิ่งตามบลูไปโดยไม่ทันได้ถามอะไร แต่ปิ่นรู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวเล็กเองคงจะรู้อะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย

    “มันกำลังจะมา

    “ใคร?

    “วาลาเราโค (Valarauko)”

     

     

     

     ............................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×