คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter : 4
บทที่ 4
ห้องโถงกลางบ้านพักอันใหญ่โตถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยผ้าม่านสีขาวขลิบลายทองตรงชายผ้า บนโต๊ะสำหรับรับแขกมีแจกันดอกไม้ช่อใหญ่วางประดับอยู่ ดอกโบตั๋นสีแดงสดที่เหมือนย้อมด้วยสีของพระอาทิตย์ฉายเด่นอยู่กลางห้องเพราะสีขาวสะอาดตาของม่าน เหล่าเด็กรับใช่ต่างพากันวุ่นวายกับการต้อนรับแขกชั้นสูงที่มาโดยไม่ได้นัดหมายไว้
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มกำลังสาวเท้าอย่างรวดเร็วมายังห้องโถงใจกลางบ้านพัก ชายผู้มีผมสีแดงดุจเพลิงทำสายตาเย็นชาใส่แขกผู้มาเยือนอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินเข้าไปทวงถามถึงธุระในการมาครั้งนี้ของแขกชั้นสูง
“มีอะไรให้ข้าทำหรือไง?”
ทันทีที่ถูกฝ่ายผู้น้อยกว่าทักด้วยคำพูดแบบห้วนๆใส่ สีหน้าของผู้สูงกว่าก็เริ่มไม่พอใจแต่เขาก็ไม่อาจทำแบบนั้นใส่ชายผู้น้อยกว่าคนนี้ได้เนื่องจากธุระของเขาจำเป็นต้องมีชายหนุ่มร่างสูงผู้นี้เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ
“จะไม่เชิญกันนั่งหน่อยหรือไง?”
“ไม่จำเป็นเพราะอีกเดี๋ยวท่านก็จะออกไปแล้ว”
ถึงแม้จะโกรธสุดขีดก็ทำได้แต่เพียงกัดฟันและสงบใจเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าตนจะมาโดนเหยียดหยามมากขนาดนี้
“คาลอส ท่านมีธุระอะไรก็ว่ามา ข้ายิ่งยุ่งๆอยู่ด้วย”
“คำสั่งลับจากสภาอาวุโสถึงกลุ่มดาเรนและพี่น้องมหาเทพทั้งสี่ นี่จดหมายจากสภาอาวุโส”
ทันทีที่คาลอสแม่ทัพฝ่ายกวาดล้างได้กางจดหมายลับจากสภาอาวุโสออกภาพของชายแก่และหญิงวัยชราประมาณสิบคนได้ฉายขึ้นกลางอากาศกล่าวทักทายชายผู้น้อยกว่าด้วยท่าทีเป็นมิตร ในขณะเดียวกันที่เพื่อนของฟุซึจิซึ่งก็คือกลุ่มดาเรนทั้งหมดและน้องชายของเขาซึยุเทพแห่งน้ำได้มารวมตัวด้วยในเวลาต่อมา
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ท่านฟุซึจิ”
สภาอาวุโสตั้งใจยกย่องให้ฟุซึจิมีเกียรติเหนือใครๆเพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของอิซานางิเทพแห่งชีวิตชายผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการปกครองสวรรค์ชั่วคราวหลังจากที่กษัตริย์ไอเดนสละตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้
“เช่นกันทุกท่าน”
ในขณะนั้นเองเพื่อนและน้องชายของเขาก็หาเก้าอี้มานั่งฟังคำอภิปรายอันน่าเบื่อของสภาอาวุโสอีกตามเคย เพราะเขารู้ว่าหากยืนฟังต่อไปคงขาแข็งก่อนแน่นอน
“เชิญอธิบายได้เลย”
ฟุซึจิเอ่ยคำเชิญเชิงอนุญาตให้กับเหล่าสภาอาวุโสก่อนจะหาที่นั่งฟังบ้างเหมือนคนอื่น สภาอาวุโสไม่ได้มองฟุซิจิเป็นแค่เด็กนักเรียนวิชาทหารเพียงแค่นั้นเพราะความสามารถของเทพแห่งไฟเองถ้าจะเทียบกับกองทัพสวรรค์แล้วคงต้องใช้กว่าพันตนในการต่อสู้กับเขาถึงจะพอไหว
“ภารกิจลอบสังหาร….นี่เป็นภาพของเป้าหมายของเรา”
ภาพของเป้าหมายปรากฏขึ้นบนจออย่างชัดเจน สายตาของฟุซึจิไม่อาจละออกไปจากภาพนี้ได้เลยเพราะมันเป็นภาพของเด็กหนุ่มร่างบางผมยาวสลวยสีขาวประกายเงินเหมือนละอองดาว ดวงตาสีฟ้าสดใสเหมือนยกท้องฟ้าไปใส่ไว้ข้างใน ใช่แล้วภาพเป้าหมายของพวกเขาคือชายที่กำลังนอนอยู่ในห้องขณะนี้ นาโอโตะนั่นเอง
“ทำไมถึงต้องกำจัดเด็กคนนี้ด้วย?”
ฟุซึจิเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจถึงเหตุผลที่ให้กำจัดนาโอโตะทิ้งนั้นเพราะอะไรกันแน่
“มันเป็นคนทรยศ ลูกของมนุษย์ที่โง่เขลา”
“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น!”
“ใจเย็น ท่านพี่”
ซึยุเทพผู้เป็นน้องชายกล่าวห้ามพี่ชายของตนที่ตะคอกเสียงใส่สภาอาวุโสเพราะความไม่พอใจส่วนตัว อีกทั้งมันอาจทำให้พวกเขาจับได้ว่าฟุซึจินั่นซ่อนความลับอะไรไว้
“ขออภัย…”
“นี่เป็นภารกิจลับเพราะฉะนั้นนอกจากคนที่อยู่ในที่นี้จะไม่มีใครรู้ว่าภารกิจครั้งนี้คืออะไร”
“น้อมรับคำสั่ง”
คาลอสกำลังมองฟุซึจิอย่างเยาะเย้ย ใบหน้าของเขาพอใจกับการที่พวกสภาอาวุโสรู้สึกไม่พอใจในตัวฟุซึจิที่เขาไปตะคอกเสียงดังใส่ ผู้เป็นน้องรู้ดีว่าพี่ชายไม่ชอบขี้หน้าคาลอสเป็นอย่างมากเขาจึงรีบไล่ให้ชายผู้นั้นกลับทันที
“การประชุมจบแล้วครับคุณคาลอส…เชิญ”
น้ำเสียงเรียบดุจผิวน้ำของซึยุยังใช้ได้ทุกกรณีสำหรับคนที่เขาไม่ถูกชะตาด้วย คาลอสจึงยอมล่าถอยออกไปเองโดยดี
ไม่ทันที่เพื่อนๆของเขาจะไปพูดอะไรฟุซึจิรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วตรงไปยังห้องนอนของนาโอโตะทันที ร่างบางที่นอนหายใจอย่างแผ่วเบาอยู่บนเตียงยังหลับได้อย่างสบายใจอยู่ การนอนดิ้นของเขาก็ยังไม่เป็นรองใครอีกตามเดิมผ้าห่มที่ถูกดันไปอยู่ขอบเตียงเป็นหลักฐานว่าเขานอนดิ้นแค่ไหนกัน
“ฟุซึจิจะเอาอย่างไรต่อ?”
“หัวหน้าจะทำไงต่อล่ะ”
ทั้งเพื่อนและน้องชายต่างต้องการเค้นคำตอบของฟุซึจิออกมาว่าว่าจะให้พวกเขาทำอย่างไร ในเมื่อเป้าหมายในครั้งนี้คือเด็กผู้ชายที่พวกเขานับเป็นเพื่อนนอนอย่างสบายใจอยู่ตรงหน้า
“อย่างไรก็ตามข้าต้องรู้ให้ได้ว่าที่จริงแล้วสภาอาวุโสปิดบังอะไรข้าอยู่ เมื่อก่อนข้าไม่เคยติดใจกับภารกิจที่ได้มาเลยแม้แต่น้อยแต่วันนี้มันมีบางอย่างแปลกไป หากข้าไม่รู้จักตัวตนของเขาข้าอาจตามไปฆ่าเขาแล้วก็ได้ แต่นี่อะไรเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งกำลังถูกหมายหัวเพียงเพราะว่าเลือดในตัวเขาอีกครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์แค่นั้น”
“ท่านพี่นี่เหมือนท่านพ่อมากเลยรู้ไหม”
ซึยุยิ้มให้กับพี่ชายของตนก่อนจะตบที่บ่าของเขาเบาๆเพื่อปลอบใจ สิ่งที่ซึยุทำให้ฟุซึจิได้ในตอนนี้คือการรอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ช่วยไม่ได้เดี๋ยวพวกข้าจะไปสืบเรื่องนี้ให้ละกัน ช่วงนี้ก็อย่าให้เขาไปไหนมาไหนคนเดียวนอกเสียจากไปเรียนละกัน”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก”
หลังจากที่เพื่อนๆและน้องชายของเขากล่าวอำลาที่หน้าประตูฟุซึจิเดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง เขาหยิบผ้าห่มที่ตอนแรกอยู่ปลายเตียงแต่ตอนนี้มันกลับหล่นลงมากองอยู่ที่พื้นเสียแล้วขึ้นมาเพื่อนำไปห่มให้นาโอโตะอีกครั้ง
“เพราะอะไรกัน ข้าถึงหลงเจ้าได้ขนาดนี้เนี่ย”
“อือ…”
เสียงครางอย่างแผ่วเบาของร่างบางทำให้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาตื่นได้
“ท่าน…น้า…”
“เจ้าของคิดถึงน้ามากสินะ ขนาดตัวเจ้าอยู่ ณ ที่แห่งนี้แต่จิตใจของเจ้ายังคิดถึงแต่มนุษย์สาวคนนั้น”
ฟุซึจิใช้มือของเขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวของร่างบางที่กำลังนอนกอดหมอนแน่น ใบหน้าของเขามีแต่คราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ ฟุซึจิตั้งใจจะเข้าไปหอมแก้มเขาแต่ทว่านาโอโตะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน ด้วยความตกใจเขาจึงรีบลุกขึ้นอย่ารวดเร็วโดยไม่ทันคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
โป๊ก!
ศีรษะของนาโอโตะไปชนเข้ากับคางของฟุซึจิอย่างแรงสำหรับร่างบางมันอาจจะไปเจ็บเท่าไหร่เพราะเป็นคนหัวแข็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ว่าฝ่ายร่างสูงลงไปนั่งจับคางของตนอยู่ที่พื้นอย่างสลดเพราะเขาไม่สามารถที่จะกล่าวโทษใครได้นอกจากตัวเองที่เข้าไปลักหลับคนอื่นก่อน
นาโอโตะที่เห็นฟุซึจินั่งอยู่ที่พื้นก็รีบเข้ามาพยุงให้ร่างสูงรีบลุกขึ้นทันที
“ไม่เป็นๆ แค่นี้สบายมาก”
“ตรงไหนที่ว่าสบายล่ะนั่น ฟันจะหักไหมครับเนี่ย?”
“ฮ่าๆ”
ร่างสูงได้แต่งส่งยิ้มแห้งๆให้กับร่างบาง เพราะนี้เป็นโทษฐานที่ตนสมควรได้รับอยู่แล้วสำหรับการผิดสัญญาที่ให้ไว้กับน้าของนาโอโตะนั่นก็คือ ชิโอริ นั่นเอง
“ว่าแต่เจ้า คิดถึงชิโอริหรือไง?”
“เปล่าครับ…ผมแค่…”
“ณ ที่แห่งนี้ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง ไม่ต้องกลัว”
ฟุซึจิดึงร่างของนาโอโตะเข้ามากอดแน่นในอ้อมกอดของเขา พลางคิดว่าร่างของเด็กผู้ชายคนนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกินแค่เพียงแรงลมก็คงทำให้ปลิวได้ง่ายๆด้วยซ้ำ
(you are the only one I permit by my side.You belong to me)
นาโอโตะยังไม่เข้าใจอีกหลายอย่างกับการกระทำที่ดูจะตามใจเขามากไปของฟุซึจิแต่เขาก็คิดได้เพียงแค่ว่า ขอเพียงแค่เป็นคนที่มีจิตใจดีก็พอแล้ว
“ตอนนี้ก็น่าจะใกล้เช้าแล้ว เตรียมตัวไปโรงเรียนเถอะ”
“อ้ะ ครับ”
นาโอโตะรีบปฏิบัติตามคำสั่งของฟุซึจิอย่างทันที เขาวิ่งหายไปในห้องน้ำได้ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับชุดเก่งตัวใหม่ที่เหมาะกับเขามากกว่านักเรียนคนอื่นๆเสียอีก
“รีบทานข้าวเสีย วันนี้ข้าจะไปส่งพอดีจะแวะไปหาเพื่อนเสียหน่อย”
“เรื่องงานหรอครับ?”
“อืม”
หลังจากทานข้าเสร็จฟุซึจิได้ไปยืนรอนาโอโตะอยู่ก่อนแล้ว เขามัวแต่ยืนชมหมู่เมฆและเหล่านกที่บินสลับกันไปมาจนไม่ทันสังเกตว่าร่างบางยืนจ้องเขาอยู่นานแล้ว
“ไหนพาหนะล่ะครับ?”
“ที่นี่สวรรค์นะ…พวกเราบินไปต่างหาก”
ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็เข้าไปอุ้มรางบางขึ้นมาไว้บนแขนแล้วสั่งให้เขาอย่าขยับไปมาเพราะมันจะทำให้ตัวนาโอโตะเองหล่นจากแขนเขาได้ง่ายๆ
“จับแน่นๆล่ะ”
“อ๊ะ!”
ฟุซึจิกระโดดลงจากชั้นเมฆที่เป็นฐานบ้านพักของเขาลงมาด้วยความเร็วสูง แรงต้านของสายลมที่พัดผ่านมาทำให้ร่างของเขาลอยสูงอยู่กลางอากาศก่อนที่จะกางปีกสีขาวสะอาดตาให้สยายออกอย่างเต็มที ขนนกที่หลุดออกมาเพราะความแรงของลมที่เกิดจากแรงกระพือปีกของฟุซึจิกระจายออกเป็นวงกว้างในอากาศ นาโอโตะคว้าขนนกมาจับไว้ได้หนึ่งอันซี่ขนของมันอ่อนนุ่มและขาวสะอาดเหมือนกับลำสี
“เขาว่ากันว่าขนนกของเทพ คือเครื่องรางแห่งความโชคดีนะ”
นาโอโตะมองไปที่สายตาอันอ่อนโยนของฟุซึจิอยู่นานสองนานจนไม่ทันได้รู้ตัวว่าทั้งสองได้เดินทางมาถึงโรงเรียนด้วยความรวดเร็วแล้ว
“วันนี้ก็ตั้งใจเรียนล่ะ ตอนเย็นจะมารับ”
ถึงแม้จะพูดให้ตัวเองดูเหมือนกับผู้ปกครองที่แสนดีแต่อาจารย์ซีนอสรู้ดีว่าในใจของฟุซึจิไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่นอน เพราะซีนอสเคยเป็นอาจารย์ของฟุซึจิมาก่อนเขาจึงพอจะเดาได้ว่าชายที่อารมณ์ร้อนแดงดุจเปลวเพลิงนั้นซ่อนความลับอะไรไว้อยู่กันแน่
หลังจากนาโอโตะกล่าวอำลาและเดินหันหลังจากไปฟุซึจิจึงตรงไปยังวิหารของนักเรียนชั้นปีสุดท้ายเพื่อไปรวมกลุ่มกับกลุ่มดาเรนที่ตั้งหน้าตั้งตารอเขาอยู่ วันนี้เพื่อนของเขามีทั้งข่าวร้ายและข่าวดีมาแจ้งให้เขาทราบไม่รู้ว่าฟุซึจิเองจะคิดอย่างไรกับข่าวพวกนี้กันแน่นะ
...............................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น