ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online2 ภาค ผู้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #4 : Patch : 2

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58


    Patch : 2

    แสงแดดยามบ่ายชวนหลงใหลให้น่านอนส่องลงมายังกระดาษเอกสารสำคัญใบสีขาวสะอาดตา  มีตัวหนังสือที่อ่านแล้วชวนยุ่งยากปรากฏอยู่  มันเป็นหนังสือตอบรับคำยินยอมของผู้ปกครองที่จะอนุญาตให้นักเรียนคลาสพิเศษเข้าร่วมการพัฒนาระดับความสามารถ เด็กหนุ่มวางที่ทับกระดาษทับไว้บนโต๊ะดื่มกาแฟเพื่อหวังให้ผู้เป็นอาสังเกตเห็น  แต่ทว่าวันนี้นันทกรเข้าเวรจนถึงตีสามเขาคงกลับมาไม่ทันตอบรับจดหมายให้แน่ สกายจึงบรรจงเลียนแบบลายมือของผู้เป็นอาเซ็นลงไปแทน

    “โอเค เกือบเหมือนแล้ว” สกายชูกระดาษขึ้นส่องดวงไฟว่ามองเห็นรอยลบหรือไม่

    ตื้ด! ตื้ด!

    เสียงโทรศัพท์บ้านเครื่องใหญ่ดังขึ้นเป็นระลอกถึงแม้วิวัฒนาการเทคโนโลยีจะไปไกลแล้วก็ตามแต่นันทกรยังยืนยันที่จะใช้การสื่อสารแบบเก่าอยู่ดีเพราะยังมีอยู่อีกคนที่ไม่ถูกกับเครื่องอิเลคทรอนิคส์หากเธอไปสัมผัสมันเข้า

    “สวัสดีครับ บ้านนันทกรครับ” เด็กหนุ่มขานรับอย่างสุภาพ

    “สวัสดีจ้ะ นันทกรไม่อยู่บ้านหรอ?” เสียงหญิงสาวอ่อนหวานเอ่ยถามขึ้นมา

    “ไม่อยู่ครับ วันนี้เข้าเวรดึก”

    “พอดีน้าจะโทรมาถามว่ากระดาษที่ทางโรงเรียนแจกมาต้องเซ็นอย่างไรน่ะ จะถามความเห็นเขาเสียหน่อย นันทกรอนุญาติให้กายเข้ารับการฝึกไหมลูก?

    “ผมว่าคงให้มั้งครับ เพราะเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลผมเท่าไหร่”

    (ใครกันหว่ารู้ชื่อเราด้วย)

    “ตายจริง ลืมแนะนำตัวไปเลย น้าชื่อ นฤนาถ เป็นเพื่อนกับพี่สาวของอาเรานั่นแหล่ะวันนี้คงได้พบลูกน้าที่ชื่อ มาเนีย แล้วสินะ”

    “อ่อ เด็กผู้หญิงที่ดูเงียบๆคนนั้นเอง ครับเจอแล้วครับ”

    “แล้วเจ้าตัวเล็กล่ะเจอไหม?

    “ลูกชายอีกคนหรอครับ?” สกายเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งคู่

    “ไม่ใช่จ้ะ นั่นลูกชายของพี่สาวน้าเองเป็นเด็กขี้อายอยู่หน่อยๆ ยังไงก็ช่วยดูน้องให้ด้วยนะจ้ะ”

    “ครับ”

    “น้าไม่รบกวนละ ถ้านันทกรกลับมาฝากบอกให้โทรกลับหาทีนะ โชคดีจ้ะ”

    “ครับ เช่นกันครับ”

    สกายวางสายสนทนาลงบนเครื่องตามเดิมก่อนจะเริ่มไปเก็บข้าวของเตรียมตัวสำหรับการฝึกในวันพรุ่งนี้ที่จะต่อเนื่องยาวไปถึง30ชั่วโมงเต็มโดยทิ้งโน้ตกระดาษเล็กๆไว้ให้กับผู้เป็นอาด้วยข้อความสั้นๆว่า

    “ที่โรงเรียนมีเข้าค่าย อีกหนึ่งอาทิตย์จะกลับ”

     

     

    บรรยากาศคึกคักของเหล่าบรรดานักเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนเซนต์วินเซนเป็นไปด้วยความราบรื่น หลายคนเข้าใจผิดอยู่บ้างที่แบกของมาจนเต็มกระเป๋าไม่เว้นแต่สกายที่อุส่าห์แบกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมา

    “ขอให้ทุกคนเอาของสัมภาระไปเก็บที่ล็อคเกอร์ประจำตัวด้วยนะคะ ไม่อนุญาตให้เอากระเป๋าเข้าห้องปฏิบัติการทุกชนิด”

    “ลืมไปว่าเป็นค่ายแบบเสมือนจริงไม่ใช่เข้าค่ายลูกเสือ”สกายหัวเราะแยะๆให้กับป้องที่ยืนฟังอย่างงงๆไม่ถามอะไร

    นักเรียนทุกคนสวมชุดนักเรียนลายทางสก็อตสีฟ้าสลับขาว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกเนคไทสำหรับเด็กผู้ชายและเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดโบว์ลายสีฟ้าสลับขาวสำหรับเด็กผู้หญิง  ทางโรงเรียนไม่มีกฎสำหรับการสวมรองเท้าดังนั้นนักเรียนจะใส่รองเท้าอะไรมาก็ได้

    เสียงสัญญาณเตือนให้นักเรียนทุกคนเข้าประจำจุดของตนเองทั้งหมดสองพันห้าร้อยสิบเอ็ดคน ปิ่นเห็นว่ามีนักเรียนอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้มายืมรวมในการฝึกครั้งนี้จึงสะกิดสกายให้หันไปดู

    “เห็นอาจารย์ว่า มาเนียมีความสามารถพิเศษควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ เลยกักตัวไว้ช่วยงานแทน” เด็กสาวกระซิบเบาๆ

    “ดีแล้ว ไม่อย่างนั่นจะโกงคนอื่นหมดสิ” สกายพูดประชดพลางสวมแว่นตาสีฟ้าใสที่มีสายไฟฟ้าโยงระย้าเต็มไปหมดเข้านั่งประจำที่

    ปิ่นเองเมื่อเห็นคนอื่นอยู่ประจำที่ตนเองเรียบร้อยแล้วจึงยอมลงไปนั่งเงียบๆแต่โดยดีก่อนจะเหลือบเห็นมาเนียยืนโบกมือให้บลูเด็กชายที่นั่งถัดจากเธอไปอีกสามที่นั่งอย่างยิ้มแย้ม

    “ยินดีตอนรับเข้าสู่ ESP Online 2  ขอให้สนุกกับเกมนะคะ”

    แว้บ!แว้บ!แว้บ!

    เสียงเคลื่อนย้ายปรากฏตัวละครของเซิฟเวอร์ดังขึ้นถี่รัวพร้อมปรากฏผู้เล่นกว่าสองพันคนยืนอยู่ในลานกว้างขนาดใหญ่ประกอบด้วยอาชีพหลายอาชีพและเผ่าที่แตกต่างกันไป  ข้อมูลจากหนังสือเริ่มเกมเบื้องต้นชี้จุดให้นักผจญภัยมุ่งหน้าตามตำราไปพิชิตเควสตามเนื้อเรื่องหลักของเกมที่กล่าวถึงตำนานเอสเปอร์ทั้งสิบเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน  แต่น้ำฟ้าให้ความเห็นว่าคงจะเป็นเรื่องเล่าของตำนานเกมอีเอสพีเวอร์ชั่นแรกเอามาปรับปรุงให้ดูเวอร์ขึ้นไปเท่านั้นเอง

    “คนเยอะจนหาพวกป้องไม่เจอเลย” สกายยืนเท้าเอวมองดูผู้คนเดินผ่านไปมาจนกระทั่งมีชายหนุ่มติดหูจิ้งจอกเดินเข้ามาทัก

    “สกาย รอนานไหม”

    “ใครเนี่ย?

    “เราเอง ป้องไงชื่อมันแปลกตาไปหน่อยอย่าคิดมากไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่เอาชื่อตัวเองมาตั้ง” ป้องชายตาหันไปมองผู้เล่นสวมชุดขนนกสีเขียวเข้มที่ยืนซื้อของกับผู้คนในดินแดน

    P-I-N ปิ่น?

    ป้องไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ยิ้มน้อยๆก่อนจะชี้ให้สกายเห็นว่าน้ำฟ้าก็ตามพวกเขาเจอแล้วเหมือนกัน

    “น้ำฟ้าในเกมและนอกเกมนี่สวยไม่แพ้กันเลย” ความปากหวานของสกายก็พลอยทำให้ปิ่นหมั่นไส้ตามไปด้วย

    ตามกฎของเกมแล้วหากเลเวลไม่ถึงสิบจะรับเควสจากผู้คนในดินแดนไม่ได้ดังนั้นทั้งสี่จึงมุ่งหน้าขึ้นทางตอนเหนือเพิ่มออกล่ามอนสเตอร์สำหรับเก็บค่าประสบการณ์พัฒนาระดับต่อไป

    “ใครเป็นคนออกแบบเจ้าตัวนุ่มนิ่มพวกนี้กันนะ หน้าตาน่ารักเชียว” น้ำฟ้าวิ่งเข้าไปหากระต่ายขนปุยเลเวลหนึ่งที่มีแถบสถานะสีเขียวอ่อนแสดงอยู่บนหัว แต่ทว่าเจ้าตัวเล็กกลับหันเข้าไปทำร้ายเธอแทน

    “ระวัง!” ปิ่นหยิบมีดปอกผลไม้อุปกรณ์โจมตีเริ่มต้นของอาชีพโจรเข้าไปแทงเจ้ากระต่ายไว้แต่เลือดมันกลับลดเพียงแค่นิดเดียว

    ปิ่นหงายดูคำบรรยายของมีดปลอกผลไม้ถึงกับตกใจ

    “มีดสำหรับปลอกผลไม้ธรรมดาๆไม่มีอะไรเป็นพิเศษหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปแต่ไม่แนะนำให้ใช้เนื่องจากมีค่าพลังโจมตีแค่ 1

    “เฮ้ย!เอากำปั้นต่อยมันยังจะแรงกว่ามีดกระจอกๆเล่มนี้อีก” หญิงสาวปามีดออกจากมีดก่อนจะลุยเข้าไปต่อกระต่ายน้อยเต็มแรง

    ไม่นานนักร่างของมอนสเตอร์ตัวเล็กก็จางหายไปพร้อมกับทิ้งของรางวัลเล็กน้อยไว้ปลอบใจปิ่นแก้ว เหรียญห้าลีออนพร้อมกับอาวุดปืนวางอยู่บนพื้นเรียบๆรอให้เจ้าของเดินเข้าไปเก็บ

    “ใช้ปืนก็ดีเหมือนกันนะ”

    สกายที่ยังอึ้งกับวิธีการปราบมอนสเตอร์อย่างป่าเถื่อนของปิ่นไปชั่วขณะหลังจากตั้งสติได้ก็รีบรุดเข้าไปดูสาวน้อยที่นั่งกองอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว

    “เป็นอะไรไหมฟ้า? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?

    “ไม่เป็นไรจ้ะ”

    “จะบ้าหรอเกมมันจะไปเจ็บได้อย่างไร ตายก็กลับไปเกิดที่โบสถ์อยู่ดี ”

    การผจญภัยของทั้งสี่มุ่งหน้าสู่เลเวลยี่สิบอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนอาชีพและรูปแบบการเล่นใหม่ๆเพราะระบบของมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงขึ้นจะมีรูปแบบการโจมตีและหลบหลีกแตกต่างจากพวกระดับล่างอย่างสิ้นเชิง นอกจากจากนี้ยังมีระบบ Foray Party ลงดันเจี้ยนหาอาวุธระดับแรร์หายากมาไว้ครอบครองเพิ่มเข้ามา

    “ใช้ไอสกายเป็นโล่ดีแล้ว ไม่งั้นเปลืองโพชั่นเปล่าๆ” ปิ่นพูดพลางถือลำกล้องปืนไรเฟิลขึ้นมา“ตรงนั้นมีทหารม้ากว่าห้าสิบตัว แกลากไหวไหม?

    “ถ้าเลเวลไม่สูงเกินไปก็ไหว ต้องดูเวลาโหลดของโพชั่นด้วย” เด็กหนุ่มกดแถบสีฟ้าขึ้นมาดูรายละเอียดคุณสมบัติขวดยาที่พึ่งซื้อมาใหม่

    “งั้นฝากด้วยนะ” ปิ่นผลักร่างของเด็กหนุ่มสวมชุดเกราะหนักกลิ้งลงจากเขาไปดึงความสนใจพวกทหารม้าหันมาเล่นงานทันที

    “เอาแล้วไง” สกายเริ่มวิ่งจากจุดที่เขาล้มลงไปรอบๆพื้นที่บริเวณกว้างรวมมอนสเตอร์เข้าไว้ด้วยกันเสียงฝีเท้าวายร้ายทั้งห้าสิบตั้งดังกระหึ่มผืนป่าบริเวณดังกล่าวดึงความสนใจเด็กชายที่เก็บสมุนไพรอยู่แถวนั้นให้หันไปมอง

    เสียงฟ้าผ่าดังลั่นลงมากระทบกับพื้นดินรอบข้างม้าศึกต่างจางหายไปพร้อมทิ้งของมีค่าไว้ให้เป็นค่าตอบแทน

    “เลิกเอาเราเป็นโล่บ้างก็ได้นะปิ่น” สกายใช้มือปาดเหงื่อของตนที่หน้าออกเล็กน้อยก่อนเริ่มเก็บอาวุธและไอเทมมีค่าตามพื้นใส่กระเป๋า

    ปกป้องเดินมาตบบ่าเพื่อนชายเบาๆพลางกระซิบข้างหูว่า”ทำใจเถอะสกาย จะให้เลิกคงยาก”

    “ถ้าอย่างนั้นก็หาสายซัฟพอร์ทมายืนฮีลให้สิ จะได้ไม่ต้องรอยาฟื้นฟู” เด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงเสาขณะบ่นถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของเขาที่มีใครมาแบ่งเบาภาระได้

    “งั้นได้เวลาเข้าเมืองกันแล้วล่ะ ไม่ได้ไปซื้อของนานแล้วเหมือนกัน” น้ำฟ้าเอ่ยด้วยเสียงหวานๆก่อนจะลากสกายและป้องตามเธอไป “มุ่งสู่ท่าเรือเรเชล”

     

    เรเชลเมืองท่าเรือขนาดใหญ่ศูนย์รวมเหล่าผู้เล่นมากฝีมือภายในชั้นเรียนของคลาส ACE นอกจากจะมีไอเทมหายากมากมายวางขายอยู่ตามตลาดท่าเรือแล้วยังเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบชั้นดีสำหรับทำอาหาร

    “ว้าว เป็นท่าเรือที่กว้างกว่าที่คาดไว้อีกนะเนี่ย” น้ำฟากระโดดโลดเต้นที่เป็นบรรดาผู้เล่นและผู้คนดินแดนเดินกันให้วุ่นเพราะมีตลาดขายของ

    “จะเริ่มหาสมาชิกจากที่ไหนดี?” ป้องกดแผนที่ขึ้นมาขยายดูรายละเอียด

    “ก่อนอื่นต้องหาที่พักก่อนดีกว่าหน้าที่หาคนเข้ากลุ่มก็เป็นของพวกผู้ชายไปละกัน” หญิงสาวหันไปขวักมือเรียกเด็กสาวอีกคนที่วิ่งเล่นไปมา ”มีอะไรคืบหน้าก็ติดต่อมาละกัน เรากับน้ำฟ้าจะไปดูของในตลาดก่อน”

    “ไม่ยุติธรรมเลย” สกายทำหน้าบูดบึ้งใส่ก่อนจะตั้งป้ายประกาศรับคนเข้ากลุ่มไว้บนหัวเดินไปรอบๆเมือง ป้องอาสาที่จะเดินไปสำรวจทางทิศใต้ให้เพราะที่นั้นส่วนมากเป็นบาร์ของพวกนักสู้

    “รับสมัครคนเข้าปาร์ตี้…. ขอสายซัฟพอร์ทจะดีมากเลยครับ” เด็กหนุ่มเดินขาลากมานั่งอยู่บริเวณม้านั่งแถวท่าเรือ เป็นเวลานานแล้วที่เดินรับสมัครคนเข้าร่วมกลุ่มด้วยแต่ก็ไม่เห็นวี่แววคนตอบรับกลับมา

    “ทำไมคนมันหายากอย่างนี้

    “เพราะว่าเขารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ไปลง Forey Party กันหมดแล้วน่ะสิ” เด็กหนุ่มแปลกหน้าสวมชุดสีน้ำเงินเข้มพรางร่างของเขาไว้เดินเข้ามานั่งคุยกับสกายอย่างสนิทสนม

    “ให้ตายสิ ….ว่าแต่นายเป็นใคร?

    “ผมพึ่งเดินทางมาถึงท่าเรือได้ไม่นาน กำลังหาที่พักอยู่” เด็กหนุ่มแกว่างปลายเท้าของตนเองไปมาบนม้านั่งทำให้สกายพอจะเดาได้ว่าร่างภายใต้ผ้าคลุมนั้นคงจะเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบปีอย่างแน่นอน

    “แล้วนายเรียนอยู่ชั้นไหนล่ะ”

    “ชั้นเดียวกับคุณ….

    “งั้นหรอ อยากเข้าร่วมกลุ่มไหม?ไหนๆก็หาคนอื่นเข้าไม่ได้แล้ว  หรือว่านายมีกลุ่มอยู่?

    “ยังไม่มีหรอก….แต่….

    “งั้นก็ไม่เป็นไร….ชื่อของนายล่ะ?

    เด็กหนุ่มเปิดหมวกของเสื้อคลุมที่อำพรางศีรษะอยู่ออกอย่างๆช้าก่อนจะหันไปมองสกายด้วยสายตาน่าเอ็นดูแล้วตอบออกไป

    “บลู…..

     
    ...............................................................................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×