คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Patch : 2
Patch : 2
แสงแดดยามบ่ายชวนหลงใหลให้น่านอนส่องลงมายังกระดาษเอกสารสำคัญใบสีขาวสะอาดตา มีตัวหนังสือที่อ่านแล้วชวนยุ่งยากปรากฏอยู่ มันเป็นหนังสือตอบรับคำยินยอมของผู้ปกครองที่จะอนุญาตให้นักเรียนคลาสพิเศษเข้าร่วมการพัฒนาระดับความสามารถ เด็กหนุ่มวางที่ทับกระดาษทับไว้บนโต๊ะดื่มกาแฟเพื่อหวังให้ผู้เป็นอาสังเกตเห็น แต่ทว่าวันนี้นันทกรเข้าเวรจนถึงตีสามเขาคงกลับมาไม่ทันตอบรับจดหมายให้แน่ สกายจึงบรรจงเลียนแบบลายมือของผู้เป็นอาเซ็นลงไปแทน
“โอเค เกือบเหมือนแล้ว” สกายชูกระดาษขึ้นส่องดวงไฟว่ามองเห็นรอยลบหรือไม่
ตื้ด! ตื้ด!
เสียงโทรศัพท์บ้านเครื่องใหญ่ดังขึ้นเป็นระลอกถึงแม้วิวัฒนาการเทคโนโลยีจะไปไกลแล้วก็ตามแต่นันทกรยังยืนยันที่จะใช้การสื่อสารแบบเก่าอยู่ดีเพราะยังมีอยู่อีกคนที่ไม่ถูกกับเครื่องอิเลคทรอนิคส์หากเธอไปสัมผัสมันเข้า
“สวัสดีครับ บ้านนันทกรครับ” เด็กหนุ่มขานรับอย่างสุภาพ
“สวัสดีจ้ะ นันทกรไม่อยู่บ้านหรอ?” เสียงหญิงสาวอ่อนหวานเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่อยู่ครับ วันนี้เข้าเวรดึก”
“พอดีน้าจะโทรมาถามว่ากระดาษที่ทางโรงเรียนแจกมาต้องเซ็นอย่างไรน่ะ จะถามความเห็นเขาเสียหน่อย นันทกรอนุญาติให้กายเข้ารับการฝึกไหมลูก?”
“ผมว่าคงให้มั้งครับ เพราะเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลผมเท่าไหร่”
(ใครกันหว่ารู้ชื่อเราด้วย)
“ตายจริง ลืมแนะนำตัวไปเลย น้าชื่อ นฤนาถ เป็นเพื่อนกับพี่สาวของอาเรานั่นแหล่ะวันนี้คงได้พบลูกน้าที่ชื่อ มาเนีย แล้วสินะ”
“อ่อ เด็กผู้หญิงที่ดูเงียบๆคนนั้นเอง ครับเจอแล้วครับ”
“แล้วเจ้าตัวเล็กล่ะเจอไหม?”
“ลูกชายอีกคนหรอครับ?” สกายเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“ไม่ใช่จ้ะ นั่นลูกชายของพี่สาวน้าเองเป็นเด็กขี้อายอยู่หน่อยๆ ยังไงก็ช่วยดูน้องให้ด้วยนะจ้ะ”
“ครับ”
“น้าไม่รบกวนละ ถ้านันทกรกลับมาฝากบอกให้โทรกลับหาทีนะ โชคดีจ้ะ”
“ครับ เช่นกันครับ”
สกายวางสายสนทนาลงบนเครื่องตามเดิมก่อนจะเริ่มไปเก็บข้าวของเตรียมตัวสำหรับการฝึกในวันพรุ่งนี้ที่จะต่อเนื่องยาวไปถึง30ชั่วโมงเต็มโดยทิ้งโน้ตกระดาษเล็กๆไว้ให้กับผู้เป็นอาด้วยข้อความสั้นๆว่า
“ที่โรงเรียนมีเข้าค่าย อีกหนึ่งอาทิตย์จะกลับ”
บรรยากาศคึกคักของเหล่าบรรดานักเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนเซนต์วินเซนเป็นไปด้วยความราบรื่น หลายคนเข้าใจผิดอยู่บ้างที่แบกของมาจนเต็มกระเป๋าไม่เว้นแต่สกายที่อุส่าห์แบกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมา
“ขอให้ทุกคนเอาของสัมภาระไปเก็บที่ล็อคเกอร์ประจำตัวด้วยนะคะ ไม่อนุญาตให้เอากระเป๋าเข้าห้องปฏิบัติการทุกชนิด”
“ลืมไปว่าเป็นค่ายแบบเสมือนจริงไม่ใช่เข้าค่ายลูกเสือ”สกายหัวเราะแยะๆให้กับป้องที่ยืนฟังอย่างงงๆไม่ถามอะไร
นักเรียนทุกคนสวมชุดนักเรียนลายทางสก็อตสีฟ้าสลับขาว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกเนคไทสำหรับเด็กผู้ชายและเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดโบว์ลายสีฟ้าสลับขาวสำหรับเด็กผู้หญิง ทางโรงเรียนไม่มีกฎสำหรับการสวมรองเท้าดังนั้นนักเรียนจะใส่รองเท้าอะไรมาก็ได้
เสียงสัญญาณเตือนให้นักเรียนทุกคนเข้าประจำจุดของตนเองทั้งหมดสองพันห้าร้อยสิบเอ็ดคน ปิ่นเห็นว่ามีนักเรียนอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้มายืมรวมในการฝึกครั้งนี้จึงสะกิดสกายให้หันไปดู
“เห็นอาจารย์ว่า มาเนียมีความสามารถพิเศษควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ เลยกักตัวไว้ช่วยงานแทน” เด็กสาวกระซิบเบาๆ
“ดีแล้ว ไม่อย่างนั่นจะโกงคนอื่นหมดสิ” สกายพูดประชดพลางสวมแว่นตาสีฟ้าใสที่มีสายไฟฟ้าโยงระย้าเต็มไปหมดเข้านั่งประจำที่
ปิ่นเองเมื่อเห็นคนอื่นอยู่ประจำที่ตนเองเรียบร้อยแล้วจึงยอมลงไปนั่งเงียบๆแต่โดยดีก่อนจะเหลือบเห็นมาเนียยืนโบกมือให้บลูเด็กชายที่นั่งถัดจากเธอไปอีกสามที่นั่งอย่างยิ้มแย้ม
“ยินดีตอนรับเข้าสู่ ESP Online 2 ขอให้สนุกกับเกมนะคะ”
แว้บ!แว้บ!แว้บ!
เสียงเคลื่อนย้ายปรากฏตัวละครของเซิฟเวอร์ดังขึ้นถี่รัวพร้อมปรากฏผู้เล่นกว่าสองพันคนยืนอยู่ในลานกว้างขนาดใหญ่ประกอบด้วยอาชีพหลายอาชีพและเผ่าที่แตกต่างกันไป ข้อมูลจากหนังสือเริ่มเกมเบื้องต้นชี้จุดให้นักผจญภัยมุ่งหน้าตามตำราไปพิชิตเควสตามเนื้อเรื่องหลักของเกมที่กล่าวถึงตำนานเอสเปอร์ทั้งสิบเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน แต่น้ำฟ้าให้ความเห็นว่าคงจะเป็นเรื่องเล่าของตำนานเกมอีเอสพีเวอร์ชั่นแรกเอามาปรับปรุงให้ดูเวอร์ขึ้นไปเท่านั้นเอง
“คนเยอะจนหาพวกป้องไม่เจอเลย” สกายยืนเท้าเอวมองดูผู้คนเดินผ่านไปมาจนกระทั่งมีชายหนุ่มติดหูจิ้งจอกเดินเข้ามาทัก
“สกาย รอนานไหม”
“ใครเนี่ย?”
“เราเอง ป้องไงชื่อมันแปลกตาไปหน่อยอย่าคิดมากไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่เอาชื่อตัวเองมาตั้ง” ป้องชายตาหันไปมองผู้เล่นสวมชุดขนนกสีเขียวเข้มที่ยืนซื้อของกับผู้คนในดินแดน
“P-I-N ปิ่น?”
ป้องไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ยิ้มน้อยๆก่อนจะชี้ให้สกายเห็นว่าน้ำฟ้าก็ตามพวกเขาเจอแล้วเหมือนกัน
“น้ำฟ้าในเกมและนอกเกมนี่สวยไม่แพ้กันเลย” ความปากหวานของสกายก็พลอยทำให้ปิ่นหมั่นไส้ตามไปด้วย
ตามกฎของเกมแล้วหากเลเวลไม่ถึงสิบจะรับเควสจากผู้คนในดินแดนไม่ได้ดังนั้นทั้งสี่จึงมุ่งหน้าขึ้นทางตอนเหนือเพิ่มออกล่ามอนสเตอร์สำหรับเก็บค่าประสบการณ์พัฒนาระดับต่อไป
“ใครเป็นคนออกแบบเจ้าตัวนุ่มนิ่มพวกนี้กันนะ หน้าตาน่ารักเชียว” น้ำฟ้าวิ่งเข้าไปหากระต่ายขนปุยเลเวลหนึ่งที่มีแถบสถานะสีเขียวอ่อนแสดงอยู่บนหัว แต่ทว่าเจ้าตัวเล็กกลับหันเข้าไปทำร้ายเธอแทน
“ระวัง!” ปิ่นหยิบมีดปอกผลไม้อุปกรณ์โจมตีเริ่มต้นของอาชีพโจรเข้าไปแทงเจ้ากระต่ายไว้แต่เลือดมันกลับลดเพียงแค่นิดเดียว
ปิ่นหงายดูคำบรรยายของมีดปลอกผลไม้ถึงกับตกใจ
“มีดสำหรับปลอกผลไม้ธรรมดาๆไม่มีอะไรเป็นพิเศษหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปแต่ไม่แนะนำให้ใช้เนื่องจากมีค่าพลังโจมตีแค่ 1”
“เฮ้ย!เอากำปั้นต่อยมันยังจะแรงกว่ามีดกระจอกๆเล่มนี้อีก” หญิงสาวปามีดออกจากมีดก่อนจะลุยเข้าไปต่อกระต่ายน้อยเต็มแรง
ไม่นานนักร่างของมอนสเตอร์ตัวเล็กก็จางหายไปพร้อมกับทิ้งของรางวัลเล็กน้อยไว้ปลอบใจปิ่นแก้ว เหรียญห้าลีออนพร้อมกับอาวุดปืนวางอยู่บนพื้นเรียบๆรอให้เจ้าของเดินเข้าไปเก็บ
“ใช้ปืนก็ดีเหมือนกันนะ”
สกายที่ยังอึ้งกับวิธีการปราบมอนสเตอร์อย่างป่าเถื่อนของปิ่นไปชั่วขณะหลังจากตั้งสติได้ก็รีบรุดเข้าไปดูสาวน้อยที่นั่งกองอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไหมฟ้า? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“จะบ้าหรอเกมมันจะไปเจ็บได้อย่างไร ตายก็กลับไปเกิดที่โบสถ์อยู่ดี ”
การผจญภัยของทั้งสี่มุ่งหน้าสู่เลเวลยี่สิบอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนอาชีพและรูปแบบการเล่นใหม่ๆเพราะระบบของมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงขึ้นจะมีรูปแบบการโจมตีและหลบหลีกแตกต่างจากพวกระดับล่างอย่างสิ้นเชิง นอกจากจากนี้ยังมีระบบ Foray Party ลงดันเจี้ยนหาอาวุธระดับแรร์หายากมาไว้ครอบครองเพิ่มเข้ามา
“ใช้ไอสกายเป็นโล่ดีแล้ว ไม่งั้นเปลืองโพชั่นเปล่าๆ” ปิ่นพูดพลางถือลำกล้องปืนไรเฟิลขึ้นมา“ตรงนั้นมีทหารม้ากว่าห้าสิบตัว แกลากไหวไหม?”
“ถ้าเลเวลไม่สูงเกินไปก็ไหว ต้องดูเวลาโหลดของโพชั่นด้วย” เด็กหนุ่มกดแถบสีฟ้าขึ้นมาดูรายละเอียดคุณสมบัติขวดยาที่พึ่งซื้อมาใหม่
“งั้นฝากด้วยนะ” ปิ่นผลักร่างของเด็กหนุ่มสวมชุดเกราะหนักกลิ้งลงจากเขาไปดึงความสนใจพวกทหารม้าหันมาเล่นงานทันที
“เอาแล้วไง” สกายเริ่มวิ่งจากจุดที่เขาล้มลงไปรอบๆพื้นที่บริเวณกว้างรวมมอนสเตอร์เข้าไว้ด้วยกันเสียงฝีเท้าวายร้ายทั้งห้าสิบตั้งดังกระหึ่มผืนป่าบริเวณดังกล่าวดึงความสนใจเด็กชายที่เก็บสมุนไพรอยู่แถวนั้นให้หันไปมอง
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นลงมากระทบกับพื้นดินรอบข้างม้าศึกต่างจางหายไปพร้อมทิ้งของมีค่าไว้ให้เป็นค่าตอบแทน
“เลิกเอาเราเป็นโล่บ้างก็ได้นะปิ่น” สกายใช้มือปาดเหงื่อของตนที่หน้าออกเล็กน้อยก่อนเริ่มเก็บอาวุธและไอเทมมีค่าตามพื้นใส่กระเป๋า
ปกป้องเดินมาตบบ่าเพื่อนชายเบาๆพลางกระซิบข้างหูว่า”ทำใจเถอะสกาย จะให้เลิกคงยาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็หาสายซัฟพอร์ทมายืนฮีลให้สิ จะได้ไม่ต้องรอยาฟื้นฟู” เด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงเสาขณะบ่นถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของเขาที่มีใครมาแบ่งเบาภาระได้
“งั้นได้เวลาเข้าเมืองกันแล้วล่ะ ไม่ได้ไปซื้อของนานแล้วเหมือนกัน” น้ำฟ้าเอ่ยด้วยเสียงหวานๆก่อนจะลากสกายและป้องตามเธอไป “มุ่งสู่ท่าเรือเรเชล”
เรเชลเมืองท่าเรือขนาดใหญ่ศูนย์รวมเหล่าผู้เล่นมากฝีมือภายในชั้นเรียนของคลาส ACE นอกจากจะมีไอเทมหายากมากมายวางขายอยู่ตามตลาดท่าเรือแล้วยังเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบชั้นดีสำหรับทำอาหาร
“ว้าว เป็นท่าเรือที่กว้างกว่าที่คาดไว้อีกนะเนี่ย” น้ำฟากระโดดโลดเต้นที่เป็นบรรดาผู้เล่นและผู้คนดินแดนเดินกันให้วุ่นเพราะมีตลาดขายของ
“จะเริ่มหาสมาชิกจากที่ไหนดี?” ป้องกดแผนที่ขึ้นมาขยายดูรายละเอียด
“ก่อนอื่นต้องหาที่พักก่อนดีกว่าหน้าที่หาคนเข้ากลุ่มก็เป็นของพวกผู้ชายไปละกัน” หญิงสาวหันไปขวักมือเรียกเด็กสาวอีกคนที่วิ่งเล่นไปมา ”มีอะไรคืบหน้าก็ติดต่อมาละกัน เรากับน้ำฟ้าจะไปดูของในตลาดก่อน”
“ไม่ยุติธรรมเลย” สกายทำหน้าบูดบึ้งใส่ก่อนจะตั้งป้ายประกาศรับคนเข้ากลุ่มไว้บนหัวเดินไปรอบๆเมือง ป้องอาสาที่จะเดินไปสำรวจทางทิศใต้ให้เพราะที่นั้นส่วนมากเป็นบาร์ของพวกนักสู้
“รับสมัครคนเข้าปาร์ตี้…. ขอสายซัฟพอร์ทจะดีมากเลยครับ” เด็กหนุ่มเดินขาลากมานั่งอยู่บริเวณม้านั่งแถวท่าเรือ เป็นเวลานานแล้วที่เดินรับสมัครคนเข้าร่วมกลุ่มด้วยแต่ก็ไม่เห็นวี่แววคนตอบรับกลับมา
“ทำไมคนมันหายากอย่างนี้…”
“เพราะว่าเขารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ไปลง Forey Party กันหมดแล้วน่ะสิ” เด็กหนุ่มแปลกหน้าสวมชุดสีน้ำเงินเข้มพรางร่างของเขาไว้เดินเข้ามานั่งคุยกับสกายอย่างสนิทสนม
“ให้ตายสิ ….ว่าแต่นายเป็นใคร?”
“ผมพึ่งเดินทางมาถึงท่าเรือได้ไม่นาน กำลังหาที่พักอยู่” เด็กหนุ่มแกว่างปลายเท้าของตนเองไปมาบนม้านั่งทำให้สกายพอจะเดาได้ว่าร่างภายใต้ผ้าคลุมนั้นคงจะเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบปีอย่างแน่นอน
“แล้วนายเรียนอยู่ชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นเดียวกับคุณ….”
“งั้นหรอ อยากเข้าร่วมกลุ่มไหม?ไหนๆก็หาคนอื่นเข้าไม่ได้แล้ว หรือว่านายมีกลุ่มอยู่?”
“ยังไม่มีหรอก….แต่….”
“งั้นก็ไม่เป็นไร….ชื่อของนายล่ะ?”
เด็กหนุ่มเปิดหมวกของเสื้อคลุมที่อำพรางศีรษะอยู่ออกอย่างๆช้าก่อนจะหันไปมองสกายด้วยสายตาน่าเอ็นดูแล้วตอบออกไป
“บลู…..”
...............................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น