คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter : 2
บทที่ 2
เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของแผ่นไม้ที่กระทบกันในขณะที่หนุ่มน้อยพยายามวิ่งไปให้ถึงชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาจะสามารถทำได้ แต่เสียงผุเก่าของไม้เหล่านั้นก็ไม่ทำให้เขาลดฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเปิดประตูสุดแรงเกิดเข้าไปยังห้องดังกล่าวเขาก็ต้องยืนตัวแข็งทันที ที่พบว่าน้าสาวของตนยังอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวหลังจากอาบน้ำเสร็จไม่นานนี้เอง ภาพสีหน้าของผู้เป็นน้าในตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าจอมมารมากกว่านางฟ้าเสียอีก ไม่นานนักท่อนแขนอันแข็งแกร่งของนักล่าสาวก็ฟาดลงตรงกลางคอของหนุ่มน้อยอย่างแรงทำให้สภาพในตอนนี้ของเขาเหมือนอยู่ใกล้สวรรค์ร่ำไรแล้ว
“จะแอบดูฉันรอไปอีกสิบปีนะไอหลานชาย”
“ไม่ใช่นะ ท่านน้า!”
นาโอโตะรีบหาเหตุผลมาแก้ตัวเป็นการใหญ่ เขาไม่อยากให้น้าสาวของตนคิดว่าเป็นเด็กลามกที่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆของวัยรุ่นก่อนวัยอันควร
“ดูนี่ก่อนครับ”
ซองจดหมายสีพื้นฟ้าสีครามอ่อนที่มุมซองมีรอยฉีกตามแนวขวางเหมือนว่าถูกอ่านไปแล้ว ชิโอริรับจดหมายจากหลานชายมาไว้ในมือแล้วค่อยๆคลี่กระดาษที่สอดอยู่ด้านในออกมา รูปภาพที่อยู่ติดกับจดหมายใบนั่นถูกดึงออกมาพร้อมกับกระดาษทำให้มันหล่นลงที่พื้นก่อนที่ชิโอริจะรับไว้ได้
“ราชามังกร…”
หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะตั้งสติกลับคืนมา เธอรีบแกะอ่านข้อความที่อยู่บนจดหมายทันทีมันเป็นภาษาโบราณเก่าของชนเผ่าที่นับถือมังกรคนทั่วไปอาจจะอ่านจดหมายฉบับนี้ไม่ออก แต่สำหรับชิโอริที่เคยเรียนภาษามังกรจากเคียรานราชามังกรผู้ยิ่งใหญ่เมื่อสิบห้าปีก่อน เธอพอที่อ่านมันออกเพียงบางคำเท่านั้น
“นี่เป็นจดหมายความช่วยเหลือจากเคียราน”
“ท่านพ่อน่ะหรอ?”
“สงสัยจังว่ามีคนรู้ได้ไง ว่าพวกเราหนีมาหลบที่เมืองนี้ กับดักหรือเปล่าเราก็ไม่รู้”
สายตาที่ทอดยาวมองออกไปทางหน้าต่างภายใต้สีหน้าที่กังวลของน้าสาว กลับทำให้ผู้เป็นหลานคิดจะขอรับผิดชอบทุกอย่างไว้กับตัวเองแทนเพื่อที่น้าของเขาจะได้กลับไปมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขต่อไปกับคนที่เธอรัก
“แต่ผมจะไปพิสูจน์เอง”
ชิโอริไม่ได้คัดค้านการกระทำของหลานชายแต่อย่างใด อีกทั้งยังเข้าใจถึงอนาคตของนาโอโตะว่าถึงแม้เธอจะพยายามพาเขาหนีเท่าไหร่ก็ตามในไม่ช้านี้พวกนั้นก็ต้องตามเขาเจออยู่ดี สู้ตามหาราชามังกรผู้เป็นพ่อให้เร็วที่สุดจะเป็นหนทางเลือกที่ดีสำหรับนาโอโตะในตอนนี้แล้ว
“แน่ใจนะว่าดูแลตัวเองได้น่ะ”
“จะพยายามครับ!”
ชิโอรินั่งอ่านจดหมายดังกล่าวให้กับนาโอโตะฟังว่าข้างในระบุเบาะแสอะไรไว้บ้าง เพื่อที่เขาจะสามารถเข้าใกล้เคียรานอีกหนึ่งก้าวก็ยังดี ในจดหมายไม่ได้กล่าวอะไรถึงที่อยู่ของราชามังกรเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่มีการบอกลักษณะของการแต่งกายของบรรดาผู้คนที่เขาพบเห็นในปัจจุบันว่าคล้ายกับชุดของทหารที่ใช้ในการรบเป็นสีดำตัดกับสีแดง
“ชายคนนั้น…”
“ใครหรอ?”
“ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอคนที่ใส่ชุดแบบนี้มาเดินในเมือง คาดว่าคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปแน่นอนเพราะหนึ่งในสี่คนนั้นรู้ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป”
“งั้นเราก็ต้องตามหาเขาว่า พวกเขามาจากไหนกันแน่”
.
.
.
ตกกลางดึกช่วงเวลาสำหรับการเฉลิมฉลองของใครอีกหลายคนกำลังจะเริ่มขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บรรดาทูตสวรรค์อย่างกลุ่มดาเรนพวกเขาชอบออกมาหาความสุขด้านล่างของสวรรค์เสมอ นอกจากอาหารจะเลิศรสแล้วนั้นเรื่องของสาวสวยก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
“เฮ้ย ไหนๆมาทั้งทีต้องให้คุ้มสิวะ”
ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยกล่าวกับกลุ่มเพื่อนของตน ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูท่าจะเริ่มเมาไปกับเหล้าหวานเต็มที่เสียแล้ว
“เพลาๆหน่อยครับคุณซิกฟรีด”
ชายหนุ่มผมสั้นรีบลุกขึ้นมาดึงให้ซิกฟรีดกลับไปทั้งยังที่ของตนเอง ก่อนจะริบแก้วเหล้าหวานที่อยู่ในมือของเขาไปเททิ้ง
“อ่า… เสียดายจัง”
“ขอโทษครับขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย”
ชายร่างบางเจ้าของผมสีดำยาวตั้งท่าจะสั่งอาหารเพิ่มอีกแต่ทว่ามืออันหนาและใหญ่ของชายที่นั่งอยู่ข้างๆก็รีบหยุดการสั่งไว้ด้วยการพับเมนูอาหารเอาไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วบอกปฏิเสธสาวเสิร์ฟไป
ราชสีห์เพลิงแห่งสวรรค์ส่งสายตาให้กลับผู้อ่อนวัยกว่าถึงการเตรียมพร้อมออกจากบาร์แห่งนี้ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเคนจะต้องแบกซิกฟรีดออกไปด้วย
“น่าเบื่อจริงๆอีกสักพักข้าคงจะกลับไปที่โรงเรียนแล้วล่ะ”
ด้วยความที่มีทุกอย่างพร้อมไปเสียทุกด้านและการได้มาอย่างง่ายทำให้เขาเริ่มที่จะเบื่อกับการใช้ชีวิตทิ้งไปวันๆ
ฟุซึจิยังคงติดใจกับสีผมของชายหนุ่มที่เขาได้เจอเมื่อตอนกลางวัน ว่ามันคล้ายกับของเด็กผู้ชายที่หายไปพร้อมกับ แม่ของเขาเมื่อสิบห้าปีก่อน หากมีโอกาสเขาจะต้องเค้นความจริงจากปากเขาให้ได้
ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่ยังคงเดินเล่นอยู่ตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัวริมสะพานค่อยนำทางก็มีชายคนหนึ่งมายืนขวางทางเอาไว้ ใบหน้าของเขาถูกซ่อนจนมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมสีเข้มทำให้มองไม่ชัดว่าเป็นใคร ชายปริศนาชักดาบออกมาจากฝักก่อนจะพุ่งตรงไปที่ฟุซึจิที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดทันที แต่แล้วการฝึกฝนก็เป็นตัวตัดสินให้เมื่อเทียบกับชายที่ผ่านการฝึกเยี่ยงทหารมาเป็นสิบปีตัวของชายปริศนาเองถือว่าเสียเปรียบอยู่มาก
เคร้ง!
ฟุซึจิปัดดาบที่อยู่ในมือของชายปริศนาออกไป ไม่ใช่ว่าเขาเก่งพอที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆเพียงแค่ว่าชายปริศนายังจับดาบไม่แน่นพอสำหรับการต่อสู้
“อย่านะ!!”
เสียงตะโกนของหญิงสาว สั่งห้ามให้ราชสีห์เพลิงพลั้งมือทำร้ายชายผู้นั่งกองอยู่กับพื้น
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
ชายผู้มีผมสีเพลิงเอ่ยถามหญิงสาวและชายปริศนาที่เขากำลังใช้ดาบจ่อที่คออยู่ด้วยสีหน้านิ่งไม่มีท่าสีแปลกใจ
อะไร แต่เมื่อทั้งสองไม่สามารถให้คำตอบที่รวดเร็วทันใจกับเขาได้ ฟุซึจิจึงดึงผ้าคลุมของชายคนชายปริศนาออกเผยให้เห็นใบหน้าและดวงตาสีฟ้าที่เหมือนกับเอาท้องฟ้ามาใส่ไว้ข้างในของชายปริศนา
“เจ้า…ตอนนั้น”
ไม่ทันที่นาโอโตะจะได้เอ่ยอะไรกับฟุซึจิแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้เป็นน้าก็ดึงมือเขาไว้ให้ออกจากชายร่างสูงทันที
“ถอยห่างจากหลานฉันเลยนะเจ้าหมาป่า”
“สิงโตต่างหาก”
เพื่อนหนุ่มเจ้าของผมสีดำสลวยพูดเสริมแก้ข้อเข้าใจผิดให้ แต่มันก็ไม่ได้ดูดีขึ้นกว่าเดิมเลยสักนิด
“แล้วพวกเจ้าต้องการอะไรจากพวกเราล่ะ?”
“แค่มีคำถามจะถามสองสามข้อ”
“เอ…จะให้ตอบคำถามคนที่จ้องจะเอาชีวิตตัวเองนี่มัน…”
ฟุซึจิแสดงท่าทีกวนประสาทใส่หญิงสาว แต่เขาก็เลิกที่จะทำมันต่อเมื่อถูกดวงตาอันกลมโตของนาโอโตะขอไว้
“ขอร้องล่ะครับ พวกเราจำเป็นต้องรู้ให้ได้จริงๆ”
“ช่วยไม่ได้นะ ว่ามาสิ”
การพลัดกันตอบคำถามไปมายื้อเยื้อเวลาค่อนข้างยาวนานเพราะไม่เพียงแต่จะถามข้อมูลจากฝ่ายเขาฝ่ายเราเองก็จะต้องตอบคำถามเป็นข้อแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน
“โรงเรียนเซนต์อาเมเลีย?”
“มันเป็นโรงเรียนสอนทหารน่ะ”
หลังจากที่ฟุซึจิได้ฟังคำอธิบายจากปากชิโอริผู้เป็นน้าของนาโอโตะเขาก็เริ่มมีความสนใจในเรื่องนี้ขึ้นมาเสียแล้วถึงแม้มันจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเขาก็ไม่สนอยู่ดี
“เจ้าจะเข้าไปตามหาเบาะแสของพ่อในโรงเรียนสินะ…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“เฮ้ย”
เสียงร้องอุทานของผู้เป็นเพื่อนดังขึ้นคาดว่างานนี้คงไม่หมูอย่างที่คิดเสียแล้วเพราะตัวเขาเองคงจะโดนมีเอี่ยวไปด้วยแน่นอน และไม่สิทธิ์ปฏิเสธเพราะคงถูกนับเหมารวมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว
“จะทำอย่างไรหรอครับ ในเมื่อคุณนาโอโตะเขามีกลิ่นมนุษย์อยู่”
เคนหนุ่มน้อยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาสงสัยว่าหัวหน้าของตนจะทำอย่างไรถึงจะกลบกลิ่นสาปมนุษย์ที่มีอยู่ครึ่งหนึ่ง
ของนาโอโตะได้ เพราะนอกจากเขาแล้วคนอื่นๆก็อยากรู้เหมือนกัน
ฟุซึจิอธิบายให้ทุกคนฟังถึงกรณีของท่านแม่ของนาโอโตะว่ากลิ่นสาปจะหายไปเองหลังจากมีอะไรกับเทพไป นานวันเข้ามันจะกลายเป็นกลิ่นของเทพเองตามธรรมชาติทั้งๆที่ในตัวยังเป็นเลือดของมนุษย์ไหวเวียนอยู่
“ฉันไม่มีทางให้หลานนอนกับแกหรอก!”
“เดี๋ยวๆยังไม่จบ มันมีวิธีอื่นอีก”
“ออ”
ทุกคนถอนหายใจโล่งคอเพราะนึกว่าเพื่อนตัวเองจะหาเรื่องบาปใส่ตัวเสียแล้ว หากเทพคนไหนมีคู่ครองขึ้นมาสีผมของเขาจะเปลี่ยนให้สว่างและมีประกายมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเทวดาองค์อื่นคงจะเอาไปนินทาจนเสียชื่อตระกูลหมดแน่
“ไอนี่ไง”
ไข่มุกแห่งท้องทะเลลึกที่ซึยุน้องชายของเขามอบให้เป็นของขวัญในก่อนเข้าเรียนโรงเรียนทหาร มันสามารถขจัดกลิ่นไอความชั่วร้ายและชำระให้บริสุทธิ์ได้ หากนาโอโตะสวมสิ่งนี้ไว้กลิ่นของมนุษย์คงจะจางไปเองอย่างรวดเร็วเพราะมันจะแยกจิตของมนุษย์และเทพออกจากกันทำให้สัมผัสด้านที่เป็นมนุษย์ได้ไม่ชัดเจน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามถอดมันออกอย่างเด็ดขาดเพราะร่างกายที่แท้จริงของนาโอโตะมีพลังไม่พอที่จะยืนอยู่ในดินแดนสวรรค์ได้นานพอเป็นปี
“จะไว้ใจได้ไหมเนี่ย?”
“แน่นอน ข้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้แน่”
น้าของนาโอโตะยังกังวลที่จะปล่อยให้หลานชายตัวเองไปเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง แต่บรรดากลุ่มดาเรนผู้ปกป้องสวรรค์ให้สัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทอดทิ้งนาโอโตะเด็ดตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่งของเล่นของหัวหน้า
ก่อนที่พวกนาโอโตะจะได้กล่าวคำอำลากับชิโอริผู้เป็นน้า เธอได้นำชุดสมัยยังเป็นวัยรุ่นของนารามามอบให้กับนาโอโตะเพราะมันเป็นชุดที่เคียรานซื้อให้กับนาราสมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ขนาดของมันตอนนี้คงจะใหญ่ไปสำหรับนาโอโตะเล็กน้อยแต่อีกไม่นานเขาก็จะใส่มันได้พอดีแน่นอน
โลกเบื้องบนไม่ได้มีแต่ก้อนเมฆอย่างที่หลายคนบนโลกมนุษย์นั้นเข้าใจ การใช้การใช้ชีวิตที่นี่ก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์เท่าไหร่เพียงแต่บนสวรรค์ไม่อนุญาตให้มีการจัดงานสังสรรค์เพราะเป็นสิทธิ์เฉพาะราชวงศ์กับชนชั้นสูงเท่านั้น
ประตูบานใหญ่สีทองถูกเปิดออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นความเป็นไปของชีวิตนักเรียนทหารที่กำลังทยอยกันเข้าโรงเรียน สำหรับปีสุดท้ายอย่างฟุซึจิไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนก็ได้ แต่ครั้งนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่านาโอโตะจะก่อวีรกรรมอะไรขึ้นในวันแรกของการมาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ เป็นที่ฮือฮาของนักเรียนคนอื่นๆว่ามีเทพระดับสูงอย่างราชสีห์เพลิงมาคอยรับส่งแม้แต่อาจารย์เองก็ไม่เว้น
“เอ้าๆทางนั้นน่ะอย่ามัวแต่หวานแหว ไปเข้าเรียนได้แล้ว”
“โอ้ อาจารย์ซีนอสไม่เจอกันนานเลยครับ”
“นานตรงไหน? พึ่งเจอกันเมือสามวันก่อนเอง”
เมื่อต้องพบกับคนที่ไม่รู้จักนาโอโตะจะไปแอบอยู่หลังฟุซึจิเสมอ ถึงแม้จะมีสร้อยคอของซึยุไว้กับตัวแต่อาจารย์ซีนอสผู้มีความสนใจในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ก็พอจะดูออกว่านาโอโตะเป็นลูกครึ่งระหว่างเทพและมนุษย์
“คิดดีแล้วหรอที่ทำแบบนี้”
“ไม่เป็นไร ข้าสัญญากับผู้ปกครองเขาไว้แล้ว เาคงไม่ก่อเรื่องอะไรแน่นอน”
“เอาเถอะว่าแต่อยู่แผนกไหน ชื่ออะไรน่ะ เดี๋ยวข้า อาจารย์ซีนอสจะพาไปเอง”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ อาจารย์ฝากด้วยนะครับ”
“เรียวจิน นาโอะ(นาโอโตะ) ครับแผนกเวทมนต์ปีหนึ่ง”
.............................................................................................................................
ความคิดเห็น