ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Genesis Zwei ตำนานรักเทพอัคคี

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter : 2

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 57


    บทที่ 2

                เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของแผ่นไม้ที่กระทบกันในขณะที่หนุ่มน้อยพยายามวิ่งไปให้ถึงชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่เขาจะสามารถทำได้  แต่เสียงผุเก่าของไม้เหล่านั้นก็ไม่ทำให้เขาลดฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย

                เมื่อเปิดประตูสุดแรงเกิดเข้าไปยังห้องดังกล่าวเขาก็ต้องยืนตัวแข็งทันที ที่พบว่าน้าสาวของตนยังอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวหลังจากอาบน้ำเสร็จไม่นานนี้เอง ภาพสีหน้าของผู้เป็นน้าในตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าจอมมารมากกว่านางฟ้าเสียอีก ไม่นานนักท่อนแขนอันแข็งแกร่งของนักล่าสาวก็ฟาดลงตรงกลางคอของหนุ่มน้อยอย่างแรงทำให้สภาพในตอนนี้ของเขาเหมือนอยู่ใกล้สวรรค์ร่ำไรแล้ว

                “จะแอบดูฉันรอไปอีกสิบปีนะไอหลานชาย” 

                “ไม่ใช่นะ ท่านน้า!

                นาโอโตะรีบหาเหตุผลมาแก้ตัวเป็นการใหญ่ เขาไม่อยากให้น้าสาวของตนคิดว่าเป็นเด็กลามกที่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆของวัยรุ่นก่อนวัยอันควร

                “ดูนี่ก่อนครับ”

                ซองจดหมายสีพื้นฟ้าสีครามอ่อนที่มุมซองมีรอยฉีกตามแนวขวางเหมือนว่าถูกอ่านไปแล้ว ชิโอริรับจดหมายจากหลานชายมาไว้ในมือแล้วค่อยๆคลี่กระดาษที่สอดอยู่ด้านในออกมา รูปภาพที่อยู่ติดกับจดหมายใบนั่นถูกดึงออกมาพร้อมกับกระดาษทำให้มันหล่นลงที่พื้นก่อนที่ชิโอริจะรับไว้ได้

                “ราชามังกร

                หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะตั้งสติกลับคืนมา เธอรีบแกะอ่านข้อความที่อยู่บนจดหมายทันทีมันเป็นภาษาโบราณเก่าของชนเผ่าที่นับถือมังกรคนทั่วไปอาจจะอ่านจดหมายฉบับนี้ไม่ออก แต่สำหรับชิโอริที่เคยเรียนภาษามังกรจากเคียรานราชามังกรผู้ยิ่งใหญ่เมื่อสิบห้าปีก่อน เธอพอที่อ่านมันออกเพียงบางคำเท่านั้น

    “นี่เป็นจดหมายความช่วยเหลือจากเคียราน”

    “ท่านพ่อน่ะหรอ?

    “สงสัยจังว่ามีคนรู้ได้ไง ว่าพวกเราหนีมาหลบที่เมืองนี้ กับดักหรือเปล่าเราก็ไม่รู้”

    สายตาที่ทอดยาวมองออกไปทางหน้าต่างภายใต้สีหน้าที่กังวลของน้าสาว กลับทำให้ผู้เป็นหลานคิดจะขอรับผิดชอบทุกอย่างไว้กับตัวเองแทนเพื่อที่น้าของเขาจะได้กลับไปมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขต่อไปกับคนที่เธอรัก

    “แต่ผมจะไปพิสูจน์เอง”

    ชิโอริไม่ได้คัดค้านการกระทำของหลานชายแต่อย่างใด อีกทั้งยังเข้าใจถึงอนาคตของนาโอโตะว่าถึงแม้เธอจะพยายามพาเขาหนีเท่าไหร่ก็ตามในไม่ช้านี้พวกนั้นก็ต้องตามเขาเจออยู่ดี สู้ตามหาราชามังกรผู้เป็นพ่อให้เร็วที่สุดจะเป็นหนทางเลือกที่ดีสำหรับนาโอโตะในตอนนี้แล้ว

    “แน่ใจนะว่าดูแลตัวเองได้น่ะ”

    “จะพยายามครับ!

    ชิโอรินั่งอ่านจดหมายดังกล่าวให้กับนาโอโตะฟังว่าข้างในระบุเบาะแสอะไรไว้บ้าง เพื่อที่เขาจะสามารถเข้าใกล้เคียรานอีกหนึ่งก้าวก็ยังดี  ในจดหมายไม่ได้กล่าวอะไรถึงที่อยู่ของราชามังกรเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่มีการบอกลักษณะของการแต่งกายของบรรดาผู้คนที่เขาพบเห็นในปัจจุบันว่าคล้ายกับชุดของทหารที่ใช้ในการรบเป็นสีดำตัดกับสีแดง

    “ชายคนนั้น

    “ใครหรอ?

    “ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอคนที่ใส่ชุดแบบนี้มาเดินในเมือง คาดว่าคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปแน่นอนเพราะหนึ่งในสี่คนนั้นรู้ว่าผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป”

    “งั้นเราก็ต้องตามหาเขาว่า พวกเขามาจากไหนกันแน่”

    .

    .

    .

    ตกกลางดึกช่วงเวลาสำหรับการเฉลิมฉลองของใครอีกหลายคนกำลังจะเริ่มขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บรรดาทูตสวรรค์อย่างกลุ่มดาเรนพวกเขาชอบออกมาหาความสุขด้านล่างของสวรรค์เสมอ นอกจากอาหารจะเลิศรสแล้วนั้นเรื่องของสาวสวยก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน

    “เฮ้ย ไหนๆมาทั้งทีต้องให้คุ้มสิวะ”

    ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยกล่าวกับกลุ่มเพื่อนของตน ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูท่าจะเริ่มเมาไปกับเหล้าหวานเต็มที่เสียแล้ว

    “เพลาๆหน่อยครับคุณซิกฟรีด”

    ชายหนุ่มผมสั้นรีบลุกขึ้นมาดึงให้ซิกฟรีดกลับไปทั้งยังที่ของตนเอง ก่อนจะริบแก้วเหล้าหวานที่อยู่ในมือของเขาไปเททิ้ง

    “อ่า เสียดายจัง”

    “ขอโทษครับขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย”

    ชายร่างบางเจ้าของผมสีดำยาวตั้งท่าจะสั่งอาหารเพิ่มอีกแต่ทว่ามืออันหนาและใหญ่ของชายที่นั่งอยู่ข้างๆก็รีบหยุดการสั่งไว้ด้วยการพับเมนูอาหารเอาไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วบอกปฏิเสธสาวเสิร์ฟไป

    ราชสีห์เพลิงแห่งสวรรค์ส่งสายตาให้กลับผู้อ่อนวัยกว่าถึงการเตรียมพร้อมออกจากบาร์แห่งนี้ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเคนจะต้องแบกซิกฟรีดออกไปด้วย

    “น่าเบื่อจริงๆอีกสักพักข้าคงจะกลับไปที่โรงเรียนแล้วล่ะ”

    ด้วยความที่มีทุกอย่างพร้อมไปเสียทุกด้านและการได้มาอย่างง่ายทำให้เขาเริ่มที่จะเบื่อกับการใช้ชีวิตทิ้งไปวันๆ

    ฟุซึจิยังคงติดใจกับสีผมของชายหนุ่มที่เขาได้เจอเมื่อตอนกลางวัน ว่ามันคล้ายกับของเด็กผู้ชายที่หายไปพร้อมกับ แม่ของเขาเมื่อสิบห้าปีก่อน หากมีโอกาสเขาจะต้องเค้นความจริงจากปากเขาให้ได้

    ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่ยังคงเดินเล่นอยู่ตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัวริมสะพานค่อยนำทางก็มีชายคนหนึ่งมายืนขวางทางเอาไว้ ใบหน้าของเขาถูกซ่อนจนมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมสีเข้มทำให้มองไม่ชัดว่าเป็นใคร ชายปริศนาชักดาบออกมาจากฝักก่อนจะพุ่งตรงไปที่ฟุซึจิที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดทันที แต่แล้วการฝึกฝนก็เป็นตัวตัดสินให้เมื่อเทียบกับชายที่ผ่านการฝึกเยี่ยงทหารมาเป็นสิบปีตัวของชายปริศนาเองถือว่าเสียเปรียบอยู่มาก

    เคร้ง!

    ฟุซึจิปัดดาบที่อยู่ในมือของชายปริศนาออกไป ไม่ใช่ว่าเขาเก่งพอที่จะจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆเพียงแค่ว่าชายปริศนายังจับดาบไม่แน่นพอสำหรับการต่อสู้

    “อย่านะ!!

    เสียงตะโกนของหญิงสาว สั่งห้ามให้ราชสีห์เพลิงพลั้งมือทำร้ายชายผู้นั่งกองอยู่กับพื้น

    “พวกเจ้าเป็นใครกัน?

    ชายผู้มีผมสีเพลิงเอ่ยถามหญิงสาวและชายปริศนาที่เขากำลังใช้ดาบจ่อที่คออยู่ด้วยสีหน้านิ่งไม่มีท่าสีแปลกใจ
    อะไร แต่เมื่อทั้งสองไม่สามารถให้คำตอบที่รวดเร็วทันใจกับเขาได้  ฟุซึจิจึงดึงผ้าคลุมของชายคนชายปริศนาออกเผยให้เห็นใบหน้าและดวงตาสีฟ้าที่เหมือนกับเอาท้องฟ้ามาใส่ไว้ข้างในของชายปริศนา


    “เจ้าตอนนั้น”

    ไม่ทันที่นาโอโตะจะได้เอ่ยอะไรกับฟุซึจิแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้เป็นน้าก็ดึงมือเขาไว้ให้ออกจากชายร่างสูงทันที

    “ถอยห่างจากหลานฉันเลยนะเจ้าหมาป่า”

    “สิงโตต่างหาก”

    เพื่อนหนุ่มเจ้าของผมสีดำสลวยพูดเสริมแก้ข้อเข้าใจผิดให้ แต่มันก็ไม่ได้ดูดีขึ้นกว่าเดิมเลยสักนิด

    “แล้วพวกเจ้าต้องการอะไรจากพวกเราล่ะ?

    “แค่มีคำถามจะถามสองสามข้อ”

    “เอจะให้ตอบคำถามคนที่จ้องจะเอาชีวิตตัวเองนี่มัน

    ฟุซึจิแสดงท่าทีกวนประสาทใส่หญิงสาว แต่เขาก็เลิกที่จะทำมันต่อเมื่อถูกดวงตาอันกลมโตของนาโอโตะขอไว้

    “ขอร้องล่ะครับ พวกเราจำเป็นต้องรู้ให้ได้จริงๆ”

    “ช่วยไม่ได้นะ ว่ามาสิ”

    การพลัดกันตอบคำถามไปมายื้อเยื้อเวลาค่อนข้างยาวนานเพราะไม่เพียงแต่จะถามข้อมูลจากฝ่ายเขาฝ่ายเราเองก็จะต้องตอบคำถามเป็นข้อแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน

    “โรงเรียนเซนต์อาเมเลีย?

    “มันเป็นโรงเรียนสอนทหารน่ะ”

    หลังจากที่ฟุซึจิได้ฟังคำอธิบายจากปากชิโอริผู้เป็นน้าของนาโอโตะเขาก็เริ่มมีความสนใจในเรื่องนี้ขึ้นมาเสียแล้วถึงแม้มันจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเขาก็ไม่สนอยู่ดี

    “เจ้าจะเข้าไปตามหาเบาะแสของพ่อในโรงเรียนสินะปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”

    “เฮ้ย”

    เสียงร้องอุทานของผู้เป็นเพื่อนดังขึ้นคาดว่างานนี้คงไม่หมูอย่างที่คิดเสียแล้วเพราะตัวเขาเองคงจะโดนมีเอี่ยวไปด้วยแน่นอน และไม่สิทธิ์ปฏิเสธเพราะคงถูกนับเหมารวมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว

    “จะทำอย่างไรหรอครับ ในเมื่อคุณนาโอโตะเขามีกลิ่นมนุษย์อยู่”

    เคนหนุ่มน้อยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาสงสัยว่าหัวหน้าของตนจะทำอย่างไรถึงจะกลบกลิ่นสาปมนุษย์ที่มีอยู่ครึ่งหนึ่ง
    ของนาโอโตะได้ เพราะนอกจากเขาแล้วคนอื่นๆก็อยากรู้เหมือนกัน


    ฟุซึจิอธิบายให้ทุกคนฟังถึงกรณีของท่านแม่ของนาโอโตะว่ากลิ่นสาปจะหายไปเองหลังจากมีอะไรกับเทพไป นานวันเข้ามันจะกลายเป็นกลิ่นของเทพเองตามธรรมชาติทั้งๆที่ในตัวยังเป็นเลือดของมนุษย์ไหวเวียนอยู่

    “ฉันไม่มีทางให้หลานนอนกับแกหรอก!

    “เดี๋ยวๆยังไม่จบ มันมีวิธีอื่นอีก”

    “ออ”

    ทุกคนถอนหายใจโล่งคอเพราะนึกว่าเพื่อนตัวเองจะหาเรื่องบาปใส่ตัวเสียแล้ว หากเทพคนไหนมีคู่ครองขึ้นมาสีผมของเขาจะเปลี่ยนให้สว่างและมีประกายมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเทวดาองค์อื่นคงจะเอาไปนินทาจนเสียชื่อตระกูลหมดแน่

    “ไอนี่ไง”

    ไข่มุกแห่งท้องทะเลลึกที่ซึยุน้องชายของเขามอบให้เป็นของขวัญในก่อนเข้าเรียนโรงเรียนทหาร มันสามารถขจัดกลิ่นไอความชั่วร้ายและชำระให้บริสุทธิ์ได้ หากนาโอโตะสวมสิ่งนี้ไว้กลิ่นของมนุษย์คงจะจางไปเองอย่างรวดเร็วเพราะมันจะแยกจิตของมนุษย์และเทพออกจากกันทำให้สัมผัสด้านที่เป็นมนุษย์ได้ไม่ชัดเจน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามถอดมันออกอย่างเด็ดขาดเพราะร่างกายที่แท้จริงของนาโอโตะมีพลังไม่พอที่จะยืนอยู่ในดินแดนสวรรค์ได้นานพอเป็นปี

    “จะไว้ใจได้ไหมเนี่ย?

    “แน่นอน ข้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้แน่”

    น้าของนาโอโตะยังกังวลที่จะปล่อยให้หลานชายตัวเองไปเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง แต่บรรดากลุ่มดาเรนผู้ปกป้องสวรรค์ให้สัญญาว่าพวกเขาจะไม่ทอดทิ้งนาโอโตะเด็ดตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่งของเล่นของหัวหน้า

    ก่อนที่พวกนาโอโตะจะได้กล่าวคำอำลากับชิโอริผู้เป็นน้า เธอได้นำชุดสมัยยังเป็นวัยรุ่นของนารามามอบให้กับนาโอโตะเพราะมันเป็นชุดที่เคียรานซื้อให้กับนาราสมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ขนาดของมันตอนนี้คงจะใหญ่ไปสำหรับนาโอโตะเล็กน้อยแต่อีกไม่นานเขาก็จะใส่มันได้พอดีแน่นอน

    โลกเบื้องบนไม่ได้มีแต่ก้อนเมฆอย่างที่หลายคนบนโลกมนุษย์นั้นเข้าใจ การใช้การใช้ชีวิตที่นี่ก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์เท่าไหร่เพียงแต่บนสวรรค์ไม่อนุญาตให้มีการจัดงานสังสรรค์เพราะเป็นสิทธิ์เฉพาะราชวงศ์กับชนชั้นสูงเท่านั้น

    ประตูบานใหญ่สีทองถูกเปิดออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นความเป็นไปของชีวิตนักเรียนทหารที่กำลังทยอยกันเข้าโรงเรียน สำหรับปีสุดท้ายอย่างฟุซึจิไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนก็ได้ แต่ครั้งนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่านาโอโตะจะก่อวีรกรรมอะไรขึ้นในวันแรกของการมาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ เป็นที่ฮือฮาของนักเรียนคนอื่นๆว่ามีเทพระดับสูงอย่างราชสีห์เพลิงมาคอยรับส่งแม้แต่อาจารย์เองก็ไม่เว้น

    “เอ้าๆทางนั้นน่ะอย่ามัวแต่หวานแหว ไปเข้าเรียนได้แล้ว”

    “โอ้ อาจารย์ซีนอสไม่เจอกันนานเลยครับ”

    “นานตรงไหน? พึ่งเจอกันเมือสามวันก่อนเอง”

    เมื่อต้องพบกับคนที่ไม่รู้จักนาโอโตะจะไปแอบอยู่หลังฟุซึจิเสมอ ถึงแม้จะมีสร้อยคอของซึยุไว้กับตัวแต่อาจารย์ซีนอสผู้มีความสนใจในสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ก็พอจะดูออกว่านาโอโตะเป็นลูกครึ่งระหว่างเทพและมนุษย์

    “คิดดีแล้วหรอที่ทำแบบนี้”

    “ไม่เป็นไร ข้าสัญญากับผู้ปกครองเขาไว้แล้ว เาคงไม่ก่อเรื่องอะไรแน่นอน”

    “เอาเถอะว่าแต่อยู่แผนกไหน ชื่ออะไรน่ะ เดี๋ยวข้า อาจารย์ซีนอสจะพาไปเอง”

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ อาจารย์ฝากด้วยนะครับ”

    “เรียวจิน นาโอะ(นาโอโตะ) ครับแผนกเวทมนต์ปีหนึ่ง”
     

     

     

     

    .............................................................................................................................

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×