คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Patch : 8
Patch : 8
แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินเป็นผลทำให้บ้านของผู้คนในดินแดนรวมถึงโรงแรมที่นักผจญภัยอาศัยกันอยู่เกิดพังทลายลงมา หากสถานที่แห่งใดมีราคาสูงจะเกิดแต่เพียงรอยร้าวเป็นทางยาวปรากฏให้เห็นเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ” เด็กหนุ่มแหวกผ้าม่านหน้าต่างโรงแรมดูเล็กน้อย
ท้องฟ้าสีส้มอมเทาไร้การบดบังของเมฆบางชวนให้เหล่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองหวาดผวาไปตามๆกัน บ้างก็ว่าเป็นเพราะเจ้าแห่งราชาปีศาจบ้างก็ว่าคำทำนายของลิลิธ แต่เหล่านักผจญภัยรู้กันดีว่าเรื่องพวกนั้นแต่งขึ้นเพื่อหลอกตาเฉยๆ
“ต้องมีใครทำอะไรกับเซิฟเวอร์แน่” ป้องนั่งครุ่นคิดอยู่บนโซฟา
“น่ากลัวจังเลย… ” น้ำฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไม่ต้องห่วงมีเราอยู่นี่ทั้งคน” สกายพยายามปลอบใจเพื่อนสาวแต่เขาเองยังไม่มีหนทางแก้ไขสถานการณ์ได้เลย
เด็กหนุ่มยืนเกาะผ้าม่านมองดูทองฟ้าอย่างเหมอลอย เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านบนนั้น สกายพยายามเข้าไปสนทนาด้วยหวังว่าเด็กชายจะร่าเริงขึ้นมาบ้าง
“มาแล้ว…”
“ใครหรอบลู?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่มีอะไรบางอย่างกำลังมา…”
“อย่าพูดชวนให้ขนลุกสิ….” ปิ่นกอดแขนทั้งสองข้างไว้แน่นเธอจินตนาการไปต่างๆนานาว่าคำพูดของบลูหมายถึงอะไรกันแน่
นาฬิกาบนยอดหอคอยกลางเมืองเดินผิดปกติจากทุกที ตอนนี้มันเริ่มเดินทวนเข็มถอยหลังลงไปทีละน้อยจนป้องสังเกตได้ เขาชี้ให้ปิ่นและสกายดูว่าเข็มของนาฬิกาหมายถึงอะไร
“เวลาที่เหลืออยู่ของพวกเราหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นกลางคัน “เท่ากับว่าเราเหลืออีกยี่สิบชั่วโมง?”
“เฮ้ย ไม่ใช้เรื่องตลกแล้วนะ…แบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
ในขณะที่ทุกคนกังวลอยู่นั้นเสียงตามสายของระบบเกมก็ดังขึ้นท่ามกลางความอลม่านของเหล่ามอนสเอตร์และผู้คน
“ประกาศคุณสมชาติกำลังจะมาขอให้นักผจญภัยทุกคนออกไปต้อนรับด้วยค่ะ ประกาศ……….. ”
“??”
“คุณสมชาติเป็นใครกัน??” ทั้งสี่ตีความหมายของประกาศตามสายไม่ออกจึงขึ้นว่าคงมีอีเว้นท์บางอย่างออกมาให้ลงไปดู
“เดี๋ยว”
สกายดึงเสื้อคลุมของผู้เป็นน้องไว้แน่นแล้วกระตุกกลับมาที่เดิม
“อ๊ะ!”
“ชู่ว์ เงียบๆ” เด็กหนุ่มส่งเสียงจุ๊ปากให้เพื่อนๆเงียบเสียงก่อนจะส่งสัญญาณให้ทุกคนก้มต่ำลงจากขอบหน้าต่าง
“มีอะไรหรอกาย?” น้ำฟ้ากระซิบถาม
“ไม่ได้ยินที่ประกาศหรือไง?”
“ก็มีคนมาไม่ใช่หรอ เราก็ลงไปต้นรับไง” ปิ่นขมวดคิ้วใส่สกาย
“ไม่ใช่ๆ คุณสมชาติที่หมายถึงน่ะเป็นบอสระดับ Demi-Human ทางระบบเลี่ยงที่จะประกาศตรงๆเพราะว่าจะแตกตื่นเอา รหัสนี้เขาใช้กันมาตั้งแต่เกมภาคแรกแล้ว”
“อ่อ”
ทั้งสี่ถึงบางอ้อทันทีที่สกายอธิบายรายละเอียดให้ฟัง บลูยื่นหน้าออกไปดูทางหน้าตาเพื่อจะมองรูปร่างของมอนสเตอร์ชัดๆแต่ทว่าทันทีเจ้าตัวร้ายหันกลับมามอง สกายกดหัวของเด็กหนุ่มกลับลงมาได้ทันเวลาพอดี
“เกือบไป….” เด็กหนุ่มถอนหายใจ
“เราสู้มันไม่ไหวหรอครับ?” บลูถาม
“ระดับอย่างพวกเราคงเป็นได้แค่ตัวเล่นแก้เบื่อของพวกมัน จะสู้กับมันสูสีได้อย่างน้อยต้องมีมากกว่าแปดสิบ”
สกายพูดด้วยสีหน้าจริงจังพลางแอบดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ด้านนอกของโรงแรม เหล่าผู้คนในดินแดนต่างพากันสลายตัวไปทันทีที่โดนมอนสเตอร์จัดการ ผู้เล่นบางส่วนโดนเล่นงานหายไปแล้วกว่าครึ่งเมืองสกายรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้วก่อนที่เขาและเพื่อนๆจะเป็นรายต่อไป
“ไม่เป็นไรหรอก ตายแล้วก็เกิดใหม่อยู่ดี” ปิ่นเสริมทับ
“ถ้าในสถานการณ์ปกติน่ะใช่ แต่ถ้าระบบของเซิฟยังไม่เสถียรอยู่แบบนี้อย่าหวังว่าจะได้เกิดเลย จะออกไปข้างนอกได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
ป้องนำทัพเพื่อนแอบออกไปด้านหลังของโรงแรมในขณะที่เหล่ามอนสเตอร์เริ่มทยอยโจมตีอาคารและ NPC ภายในโรงแรมแล้ว ถ้าพลังการจำลองภาพของสกายไม่ผิดพวกเขาจะหนีออกไปได้อย่างสบาย
“ทางนี้….” สกายวิ่งลัดพุ่มไม้ไปพลางแขนทั้งสองข้างของเขาหิ้วเอาตัวของหนุ่มน้อยและเด็กสาวอีกคนไว้
ร่างกายของไนท์เป็นที่รู้ดีว่ามีความไว ถึกและแข็งแกร่งพอที่จะแบกเพื่อนในทีมได้สองถึงสามคน ความเร็วของฮีลเลอร์ นักเวทย์และนักธนูยังเทียบไม่ติด
“มาเร็วป้อง”
ปกป้องรับหน้าทีดูแลน้ำฟ้าแทนเพราะตัวพี่สาวของเขาน้ำหนักเยอะเอาเรื่องอยู่อาจทำให้หนีและขยับได้ลำบากกว่า
ระยะทางมาไกลกว่าสิบกิโลเมตรพวกเขาหลุดออกจากการตามล่าของมอนสเตอร์ สกายยังไม่วางใจในสถานที่ขณะนั้นจึงอยากให้เพื่อนๆของเขาเดินต่ออีก
“ไหวไหมบลู?...” ชายหนุ่มหันไปถามเด็กหนุ่มร่างเล็กยืนหายใจรัวอยู่ข้างเขา ช่วงก้าวเดินระยะที่ค่อนข้างสั้นของบลูทำให้เด็กน้อยต้องเดินเร็วกว่าพวกพี่ชายถึงสองเท่า
“ไม่เป็นไร ผมยังไหว”
ทั้งห้าเดินทางลัดมายังแถบหุบเขาที่มีแม่น้ำเชี่ยวกราด ถนนแคบๆสำหรับเดินผ่านทำให้เดินไปได้ทีละคนเท่านั้นระยะทางสะพานไม้แขวนยาวกว่าห้ากิโลเมตรดูผุเก่ากว่าความจริงแผ่นกระดาษจึงเปราะง่ายเมื่อสกายเหยียบเท้าลงไป
“เราว่าแกถอดชุดออกดีกว่ามั้ง มันหนัก”
“ถ้าถอดออกตอนมอนสเตอร์มาจะเอาอะไรสู้ล่ะ” สกายทำหน้าปั้นยากใส่เพื่อนๆ
ทุกคนรู้ดีว่าเกราะและโล่ของไนท์เป็นอาวุธชั้นดีในการป้องกันหรือโจมตีมอนสเตอร์ แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นตัวสร้างปัญหาให้กลับผู้ที่สวมใสมันเพราะเหตุน้ำหนักที่มากเกินไป
“เราจะอ้อมไปหาทางอื่นกัน…”
สิ้นเสียงตัดบทจบของสกายกลับมีเงาดำๆโผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้ “ยักษ์ตาเดียวเลเวลหกสิบห้า” กว่าสิบตัวพุ่งเป้ามาที่ปาร์ตี้ของสกาย นอกจากจะข้ามสะพานไม่ได้แล้วยังเจอความซวยที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนตรงหน้าอีก
“เอาไงดีกาย” ป้องถือมีดสั้นให้ถนัดมือแล้วยกขึ้นสูงระดับใบหน้าเพื่อตั้งการ์ด
“ให้สู้คงไม่ไหวแน่” สกายยกโล่กระจกสีใสขึ้นมาตั้งด้านหน้าของเพื่อน
“พวกแกรีบหนีไปก่อนเลย….ปิ่นฝากดูบลูและน้ำฟ้าด้วย”
เด็กสาวทั้งสองและน้องชายตัวเล็กอีกหนึ่งคนรีบวิ่งหน้าตั้งไปยังเส้นทางด้านหน้าทันที เพื่อไปหาที่ซ่อนแต่ทว่าด้านหน้าของพวกเขากลับเป็นกำแพงหินของเมืองขนาดยักษ์ มันไม่เปิดใช้บริการอัตโนมัติเหมือนปกติพวกเขาต้องไปดึงเชือกเปิดประตูเอง
“ทำไงดี…” ปิ่นกัดฟันด้วยความเจ็บใจ
“ปิ่นยังเข้าไม่ได้อีกหรอ?” สกายและป้องถอยทัพกลับมาตั้งหลักกับเพื่อนถึงกลับตกใจที่รู้ว่าประตูเมืองมันปิดอยู่
“แย่แล้ว….”
บลูจับชายเสื้อคลุมสีแดงของสกายไว้แน่นเพราะคาดว่าครั้งนี้พวกเขาคงไม่โชคดีเหมือนก่อนๆแน่ ก่อนจะหลับตาลงอย่าปลงใจแล้ว คมขวานของยักษ์และหมาป่าเขี้ยวเพชรกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทั้งห้าคนอยู่อีกไม่นานแล้ว
ทันทีที่เงื้อขวานขึ้นสู่อากาศเสียงนกหวีดแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นเหนือลม เงาของหญิงสาวผมยาวในชุดแฟนซีเสื้อกันหนาวแปลกตาปรากฏอยู่ตรงหน้า สกายพยายามขยี้ตาเพ่งดูใบหน้าของบุคคลปริศนาให้ชัดๆแต่ก็มองไม่ออกเพราะแสงย้อนสวนกลับมา
“ฝากที่เหลือด้วยนะ …” หญิงสาวกระโดดลงมาจากกำแพงเมืองสูงกว่าสิบเมตรอย่างง่ายดาย ประตูเมืองเริ่มขยับทีละน้อยจนเปิดกว้าง
เด็กน้อยทั้งห้ายืนฉงนใจแปลกๆที่มีคนมาช่วยได้ทันเวลาพอดี หญิงสาวไล่ให้ทีมของสกายรีบเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็วเพราะมอนสเตอร์เข้าเขตเมืองหลวงไม่ได้
“ถึงจะไม่อันตรายแต่ฉันก็ปล่อยแกไว้ไม่ได้หรอกนะ!” หญิงสาวพูดพลางคว้าของบางอย่างจากประเป๋า
ยักษ์ตาเดียววิ่งมาล้อมวงหญิงสาวไว้จนแน่นไม่มีทางออก สกายเห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะเข้าไปช่วยแต่กลับถูกชายแปลกหน้าห้ามปรามเอาไว้
“ไปเเกะกะเปล่าๆ ที่เหลือฉันจัดการเอง”
ชายหนุ่มผมสั้นสีดำสนิทหน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่สกายรู้จัก ชายเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินเข้มปลิวไสวอยู่ท่ามกลางหมอกควันพิษจากมอนสเตอร์ มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับหญิงสาวและชายปริศนาได้เลย
“Boomerang Shoot!”
บูมเมอร์แรงเหล็กยักษ์สีเงินสลับส้มขว้างออกจากมือของหญิงสาวไปตัดท่อนบนลำตัวของมอนสเตอร์อย่างง่ายดาย ชวนให้สกาย ป้องและปิ่นต่างพากันกลืนน้ำลาย
“เลเวลต้องไม่ต่ำกว่าเก้าสิบแน่ๆ” เด็กสาวเอ่ย
“ในโรงเรียนเรามีคนแบบเก่งแบบนี้อยู่ด้วยหรอ?” ป้องขมวดคิ้ว
“หน้าของผู้ชายเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ….”
สกายนึกย้อนไปยังวัยเยาว์ของเขาอยู่นาน ชายผู้สวมสูทสีกรมเข้มผมสั้นสีดำสนิทพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มยืนถือกระเป๋าถือผู้หญิงอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาล รอยยิ้มอ่อนโยนกว่าพ่อของตัวเองชวนให้ใจเต้นเมื่อมองเข้าที่ใบหน้า
โครม!
ร่างของมอนสเตอร์กว่าห้าสิบตัวนอนเรียงรายอยู่รอบประตูเมืองทางเข้า กองเงิน ทองและไอเทมที่ดรอปมากมายทับถมอยู่กับเป็นกอง หญิงสาวไม่สนใจเก็บสิ่งของแม้แต่น้อยได้แต่หันหลังกลับมายังที่ที่พวกสกายยืนอยู่
ความเร็วเกือบเหนือแสงของหญิงสาวพุ่งเข้าหาร่างเล็กของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วพลอยทำให้ล้มลงไปทั้งคู่ หญิงสาวทั้งกอด หอมและขยี้หัวของเด็กหนุ่มเบาๆพลางหัวเราะออกมา
“หยุดนะ” ปิ่นออกคำสั่งกับหญิงสาว
หล่อนไม่สนใจคำพูดของใครยังคงกอดร่างเล็กๆของบลูไว้แน่นจนหายใจไม่ออก
“ผมหายใจไม่ออก…”
“ว๊าย! ขอโทษจ้ะลืมตัวไปหน่อย” หญิงสาวปล่อยมือจากตัวของบลู ทันทีที่เด็กหนุ่มหลุดได้ก็รีบวิ่งไปแอบด้านหลังของสกายทันที
“ดูสิศิลา ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ” หญิงสาวหันไปบ่นกับชายแปลกหน้า
“ช่วยไม่ได้นี่ พวกเราอยู่ในร่างนี้ ลูกจำได้ก็แปลกแล้ว”
“แม่!?”
(บลูเรียกหญิงสาวด้วนสรรพนามที่คุ้นเคยแต่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักอย่างทันควัน)
...............................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น