ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันแรก....ของนายน้อย
TITLE : จะดี จะร้าย สุดท้าย เพราะเธอ
PART : 2
MAIN CHARATER : DONGHAE AND EUNHYUK // SIWON AND HEECHUL
AUTHOR : SuNA!!
"อะไรกันฮะพ่อ.....คน..คนนี้..." อึนฮยอกที่เค้าไม่เคยคุ้น ชายหน้าบาก ที่ถูกเรียกว่าทงแฮ เดินขึ้นไปยืนข้างๆบิดาบังเกิดเกล้าของผู้รับตำแหน่ง ก่อนจะโค้งหัวให้กับคนนับพันหนึ่งทีและแนะนำตัวสั้นๆง่าย
"สวัสดีครับ ผม ลีทงแฮ ต่อไปฝากตัวด้วยครับ" เสียงปรบมือดังกึกก้องต้อนรับสมาชิกใหม่ดังไปทั่วรอบบริเวณ ชายหนุ่มยิ้มให้คนที่จะต้องมาดูแลหนึ่งทีก่อนจะเดินกลับไปยืนในตำแหน่งที่เดิมของตนเอง คนที่กำลังจะถูกดูแล ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กกับคนที่ไม่คุ้นเคย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะหันหน้าส่งเครื่องหมายคำถามไปให้บิดาบังเกิดเกล้า...หากแต่คนตัวเล็กก็ยังคงเก็บอาการต่อไป เพราะมารยาททางสังคมบอกเค้าไว้ถ้าหากไปขัดจังหวะพิธีในตอนนี้คงไม่ดีเป็นแน่แท้ แล้วอีกอย่างหากเค้าถามไปตอนนี้บิดาเค้าก็คงไม่ตอบแน่
คนตัวเล็กจึงได้แต่จ้องหน้าผู้มาใหม่เก็บอาการสงสัยต่อไปเท่านั้น....
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"พ่อ!!!!! ทำไมทำอย่างนี้ผมไม่เข้าใจ" คนตัวเล็กโวยวายเสียงลั่นห้องโถงกว้างหลังจากพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น บริวารส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปเปิดวงเหล้าตามเวลาพักผ่อน ในปกติแล้วผู้นำคนใหม่ควรจะไปร่วมสังสรรค์ หากแต่วันนี้คนตัวเล็กที่ไม่ชอบแอลกอฮอลล์ขอหลีกหนีจากสังคมเหล่านั้นเพื่อจะกลับไปสู่ห้องนอนของตัวเองทำการสงบจิตสงบใจ แต่แล้วก่อนไปเมื่อพบบิดานั่งจิบไวน์อยู่ห้องโถงใหญ่หลังจากพิธีจบ ความทรงจำที่จะต้องเอ่ยถามก็ผุดขึ้นมาในหัว.....
"ทำอะไร ฉันทำอะไร" ผู้นำลีเอ่ยเสียงเข้ม มองหน้าลูกชาย แล้วแสยะยิ้ม เหมือนจะบ่งบอกว่า แกยังอ่อนหัดนักในสายตาเค้า แล้วจิบไวน์ต่อไป....
"พ่อให้นายนั่นมาดูแลผมทำไม ผมมีเยซองคอยดูแลอยู่แล้ว พ่อจะให้ผมมีบอดี้การ์ดคนใหม่ทำไม แค่นี้พ่อยังปิดกั้นชีวิตผมไม่พอใช่มั้ย!!" คนตัวเล็กโวยวาย ก่อนจะกอดอกเบือนหน้าหนี อารมณ์ขุ่นมัวเกิดขึ้นทุกครั้งที่เค้าเจอบิดาบังเกิดเกล้าเลยให้ตายสิหน่า เกิดเป็นพ่อลูกกันได้ยังไงนะ !
แล้วยิ่งเมื่อรู้ว่าเค้าต้องห่างจากเพื่อนสนิทที่ดำรงตำแหน่งเป็นบอดี้การ์ดตั้งแต่เด็กอีก ทำให้เค้ายิ่งรู้สึกว่า พ่อจะก้าวก่ายชีวิตเค้ามากเกินไปแล้ว ทั้งๆที่เค้าเคยอุ่นใจว่าอย่างน้อยถึงแม้เค้าจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของพรรค์คนใหม่ แต่อย่างน้อย เยซอง ก็คงต้องคอยอยู่เคียงข้างเค้าเหมือนเดิม เป็นเพื่อนเค้าเหมือนเดิม อย่างน้อย เพื่อนคนนี้ก็เข้าใจเค้าทุกอย่าง
แต่นี่มันไม่ใช่!!!
"อึนฮยอก ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ฉันเป็นพ่อแกนะพูดจาอะไรหัดมีความเคารพซะบ้าง ส่วนเรื่องทงแฮ ใช่แล้ว ฉันให้เค้ามาเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของแก ส่วนเจ้านั่นฉันหางานอื่นให้มันทำแล้ว แกไม่ต้องห่วง ที่เหลือคือ ทำตามที่ฉันพูดเท่านั้น แกไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งสิ้น ไปได้แล้ว" เสียงเรียบเอ่ยขึ้น ไม่ได้โวยวาย แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากผู้ชายคนนี้มาดูน่าเกรงขาม และ มีพลัง กว่าคนทั่วไป ผู้นำลีไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างที่ใจลูกชายต้องการ กลับขับไล่ไสส่งให้ไปให้พ้นหน้าเท่านั้น
"พ่อ! พ่อให้ผมเป็นผู้นำพรรคคนใหม่เพื่ออะไร เพื่ออะไร ในเมื่อพ่อก็ยังเป็นคนคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งตัวผมเอง" คนตัวเล็กเอ่ยเสียงท้อใจ ตาเล็กเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนที่มันจะไหลออกมาจากนัยน์ตาคู่สวยทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่ได้
"ฉันบอกให้แกไปได้แล้วอึนฮยอก....ไม่เข้าใจหรือไงกัน...ไปได้แล้ว!!!" บุรษตัวโตเอ่ย เสียงเรียบ ก่อนจะ ตะคอกใส่ลูกชายตัวเองอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อเห็นน้ำตาคนตัวเล็กทีไร ผู้เป็นพ่อมันจะเกิดอาการฉุนเฉียวอย่างนี้ทุกที.....เหตุผลที่อึนฮยอกไม่เคยเข้าใจตั้งแต่เด็ก เหตุผลที่พ่อต้องชอบอารมณ์เสียใส่เค้า....
ผิดด้วยหรือที่ร้องไห้ง่าย...
ผิดด้วยหรือที่ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้.....
ผมผิดด้วยหรือครับพ่อ.......ผมผิดด้วยหรือ
คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม...เค้าไม่เคยทำอะไรได้อยู่แล้ว ก่อนจะส่งสายตาท้อใจระคนด้วยความรู้สึกข้างในอวัยวะที่มันเต้นอย่างอ่อนแรงในอกข้างซ้ายไปให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินออกไปทั้งน้ำตา.....ที่ไหลออกมาทั้งจากใบหน้า....และหัวใจ....
แล้วคนดีจะรู้มั้ย....ว่าผู้เป็นพ่อ...ก็เสียใจไม่ต่างกัน....
"จะดีเหรอครับให้คุณหนูเข้าใจไปแบบนั้น....ทำไมนายท่านไม่อธิบายให้เค้าเข้าใจความรู้สึกของนายท่านไปซะล่ะครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำผู้มาทีหลังที่ได้ยินเหตุการณ์วิวาทของพ่อกับลูกกันเสียทุกประโยคเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มสงบแล้ว...เค้ามีมารยาทพอที่จะไม่ไปขัดจังหวะการสนทนาอันรุนแรงของครอบครัว...ถึงแม้สิ่งที่ได้ฟังจะขัดใจก็ตาม...หากแต่ทุกสิ่งที่เป็นความคิดความต้องการของนายใหญ่เค้าทำได้แค่เพียงออกความเห็นเท่านั้น ไม่สามารถ ไม่ใช่สิ ไม่มีสิทธิ์ ไปห้ามปรามอะไรได้ทั้งนั้น...
"ไม่หรอกฮันเกิง เรื่องความรู้สึกกับครอบครัวฉันมันเปราะบางเกินกว่าจะพูดถึง การไม่แสดงความรู้สึกภายในใจเป็นสิ่งที่อยู่เคียงข้างกับความเป็นผู้นำมาตั้งนานแล้ว ฉันเชื่อว่าถ้าฉันแสดงความรู้สึกอะไรออกไป ไอเด็กนั่นมันก็ไม่เชื่อฉันหรอก" คนพูดเหม่อมองออกไปไกล ไม่ได้มองตาคู่สนทนาแต่อย่างใด...ความน่าสงสารที่ไม่มีใครอาจหยั่งถึง ความอ่อนไหวที่อยู่ภายใต้ความแข็งแกร่ง...คงมีเพียงลูกน้องชาวจีนคนสนิทที่เปรียบเสมือนอวัยวะสำคัญของเจ้านายที่ประธานลีไม่สามารถขาดได้คนนี้เท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้านายได้.....
การเปลี่ยนบอดี้การ์ดให้กับคุณหนู....เหตุผล...ไม่ใช่เพราะต้องการปิดกั้นคุณหนูให้อยู่ในกรงทอง....เค้ารู้ดีว่าบอดี้การ์ดคนเก่า...เป็นคนใจอ่อนขนาดไหน....เป็นคนรักเพื่อนขนาดไหน....คุณหนูขออะไรไม่เคยไม่ได้.....เพราะฉะนั้น...การเป็นผู้นำมาเฟียมันหนักหนาเกินกว่าที่คุณหนูของเค้าจะมีบอดี้การ์ดที่ใจดีอย่างเยซอง....คุณหนูเองถึงแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว หากแต่นิสัยของคุณหนูอย่างห่างไกลคำว่าโตยิ่งนัก....และการเป็นผู้นำมาเฟีย....ชีวิตที่มันแขวนอยู่บนเส้นด้าย...หากคนที่คอยประคองใจดีเกินไป....ปล่อยให้เด็กน้อยเล่นอยู่บนเส้นด้ายอย่างไม่กลัวตาย.....ถึงแม้จะสนุก......แต่ถ้าตกลงไป....ก็จบ.....ด้วยเหตุนั้น....หากจะ
ปล่อยให้เยซองดูแลคุณหนูต่อไป....อันตรายรอบตัว...คงจะเข้าถึงตัวคุณหนูได้อย่างเพียงพริบตา......นายท่านจึงต้องทำแบบนี้....
ต้องเปลี่ยนบอดี้การ์ดแบบนี้.....
ถึงแม้การกระทำของผู้นำลี....จะทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเกลียด....แต่หากการรักษาชีวิตของลูก...ให้ปลอดภัยที่สุด....ถึงจะโดนเกลียดก็ยอม....เค้าไม่อยากกลับไปมีวันที่เจ็บปวด....แบบนั้นอีกแล้ว....
วันที่เค้าละเลย....สิ่งเล็กน้อย.....
จนต้องสูญเสียของสำคัญไป....
ฮันเกิงได้แต่คิดแล้วส่ายหน้าสงสารคนที่ถือแก้วเหล้ามองเหม่อออกไปไกล.....
หากจะให้เค้าอธิบาย....ความรู้สึกของเจ้านายเค้าตอนนี้....
มันคงเป็นความรู้สึกที่น่าสงสารยิ่งกว่ามนุษย์คนใดเลยทีเดียว....
สิ่งที่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยแม้ต้องการขนาดไหน....ความรู้สึกในหัวใจที่ไม่สามารถปริปากออกไปได้.....
.....นี่แหละ ชีวิตอันน่าหดหู่ของการเป็นมาเฟีย......
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"คุณหนู เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" ผู้ชายหน้าบาก บอดี้การ์ดคนใหม่ของอึนฮยอกเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าห้องก่อนจะเปล่งเสียงทุ้มออกไปเป็นคำถาม.....เมื่อถึงเวลาที่สมควรจะต้องเริ่มทำงานวันแรก.....วันที่น่าทรมาน....วันแรก......
แอ๊ดดดด....เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางที่แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จสรรพ ในเมื่อเค้าต้องเป็นผู้นำ เรื่องการตรงต่อเวลาสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น....การปรับเปลี่ยนตัวเองเพียงชั่วข้ามคืน.....จากคนที่เคยไร้ความรับผิดชอบ....หากแต่บัดนี้ภาระผู้นำที่ค้ำคอไม่สามารถให้อึนฮยอกทำตัวแบบเดิมได้อีกต่อไป....
"....." ร่างบางไม่พูดอะไรตอบคนที่ยืนรอรับตนอยู่หน้าห้อง ได้แต่เดินสง่าในชุดสูทสีดำมีเข็มกลัดมังกรติดตามฐานะออกมาจากห้องนอน....ผมสีน้ำตาลที่ระไปกับลำคอระหง....สง่า...จนคนมารอรับต้องเหลียวมอง....
"วันนี้เราจะไปไหนกันบ้าง" เสียงแรกที่เปล่งออกมาเมื่อก้าวขึ้นรถคันหรูสีดำที่จอดตระหง่านอยู่ตรงกลางระหว่างรถยี่ห้อเดียวกันสองคันที่จอดประกบหัวประกอบท้าย.....คันที่คนตัวเล็กขึ้นไปนั่งคือคันเดียวกันกับคืนที่เค้าไปสักที่จอดเทียบชานชาลาอยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว...ความเงียบขรึม ความเย็นชาเปล่งออกมาจากร่างเล็ก....สายตาคมดูมุ่งมั่นกับหน้าที่ที่ได้รับ...ถึงแม้จะไม่ได้รัก แต่เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว...ความรับผิดชอบก็ต้องมาก่อน....
"วันนี้เราจะต้องไปเก็บเงินค่าคุ้มครองที่บ่อนในเมียงดงครับ" ชายหนุ่มผมดำรายงานหลังจากที่เค้าก้าวขึ้นมานั่งในที่นั่งข้างคนขับรถอย่างรู้หน้าที่....
บรรยากาศมาคุก่อตัวขึ้นหลังจากตัวรถเคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ความเงียบสงบจนน่าอึดอัดเกิดขึ้นภายในรถยนต์ราคาแพง...ที่ปกติจะมีเสียงจุ๊กจิ๊กระหว่างบอดี้การ์ดคนสนิทกับเจ้านายผู้น่ารัก...แต่วันนี้ไม่มีแล้ว...ทุกอย่างเปลี่ยนไป....เยซองไม่ได้นั่งที่ประจำตำแหน่งอีกต่อไปแล้ว....ร่างเล็กได้แต่นั่งระลึกหวนถึงชีวิตอันน่าสงสารของตนเอง...ใบหน้าเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นทางแววตา......คนที่มาเป็นบอดี้การ์ดหน้าใหม่เป็นคนที่อึนฮยอกไม่คุ้นเคย และ ไม่เคยที่จะคุ้น จึงไม่มีพันธะไดๆให้ต้องไปเสวนาด้วยยกเว้นเรื่องงาน....ความเงียบเข้าครอบงำจนคนขับรถรู้สึกอึดอัด ตอนนี้มีเพียงเสียงแอร์คอนดิชั่นจากหน้ารถที่ครางเบาๆเพียงเท่านั้น....
"มองหน้าฉันทำไม" เสียงที่ดังขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ หากแต่คำถามนั้นไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลย คนขับรถที่มือสั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นเข้าไปอีก...เค้ายังมีลูกมีเมียเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ยังไม่อยากโดนลูกกระสุนทะลุปากตอนนี้ เพราะฉะนั้น จึงรีบเสียงสั่นตอบพัลวัน...
"ผะ..ผมไม่ได้..ไม่ได้..มะ...มองครับ"
"ฉันไม่ได้ถามนาย....ฉันหมายถึงนาย มองหน้าฉันทำไม" สายตาคมมองสะท้อนกระจกรถด้านหน้าไปกระทบกับสายตาอีกคู่ที่กำลังมองเค้าผ่านทางกระจกที่สะท้อนเงาด้านหน้ารถเช่นเดียวกัน....คนถูกว่าได้ยิ้มๆส่งไปให้ ยิ่งทำให้อารมณ์โมโหของคนเป็นเจ้านายพลุ่งพล่านเข้าไปอีก....
"ก็แค่อยากมอง...ผมก็แค่คิดว่านายน้อยของผม กำลังมีอะไรอยู่ในใจรึเปล่า ก็เท่านั้น" คนตอบพูดจาไม่กลัวหัวใจจะหยุดเต้น กลับส่งยิ้มน้อยๆผ่านกระจกด้านหน้ารถไปอย่างท้าทาย....มือเล็กของคนฟังกำแน่น....คิ้วเรียวขมวดเป็นปม...สายตาคมส่งกลับไปหาคนข้างหน้า
"นะ.." ไม่ได้เราต้องเก็บอารมณ์...ความเป็นผู้นำค้ำคอคนตัวเล็กให้คิดเช่นนั้น....
เยซองเคยสอนไว้ว่ายังไงอึนฮยอก...จำไม่ได้หรือ...
อย่าแสดงอารมณ์ให้ศัตรูเห็น.....เก็บความโกรธไว้...
ทำตัวประดุจหนึ่งน้ำแข็ง....ที่แม้จะเย็น...แต่เมื่อสะสมไว้มากๆ....ก็อาจทำให้คนตายได้...เก็บไว้....อึนฮยอก
คนตัวเล็กเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แต่หันหน้าหนีสายตาคมที่จับจ้องมาพร้อมรอยยิ้มประหลาด.....อึนฮยอกได้แต่ตอบโต้ไปอย่างนุ่มนวลไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเหมือนปกติ....
เค้าเปลี่ยนไปแล้ว.....
"ชีวิตของเจ้านาย....คงไม่ใช่เรื่องที่คนเป็น"ลูกน้อง"จะต้องมาสอดรู้ล่ะมั้ง....ฉันว่านายนั่งสงบเสงี่ยมต่อไปเรื่อยๆดีกว่านะ ฉันไม่อยากใช้ความรุนแรง" คำพูดที่ขัดกับหน้าตา
ที่ดูนุ่มนิ่ม ทำให้คนมองเกิดขำไม่รู้ตัว...
นายน้อย...นึกว่าผมไม่รู้อดีตของนายน้อยหรือไงครับ....ว่าไร้เดียงสาขนาดไหน.....^-^
"โอ้ว...ถ้าเกิดผมเป็นคนแรกที่นายน้อยใช้ความรุนแรงด้วย...ผมก็ถือเป็นเกียรติมากเลยนะครับ" คนปากกล้ายั่วโทสะของเจ้านายต่อไป...ราวกับไม่กลัวชะตากรรมหากเพียงอึนฮยอกสั่งเก็บเค้าขึ้นมาเค้าก็ตายได้ไม่รู้ตัว....จะเป็นความบ้าบิ่นของตัวทงแฮ หรือ เป็นความมั่นใจว่าคนอย่างคนตัวเล็กข้างหลังใจดีเกินกว่าจะเก็บใคร จึงทำให้คนปากกล้าเอ่ยข้อความที่คนขับรถฟังแล้วตัวสั่นขึ้นมาแทน....
กล้าจังนะ...นายบอดี้การ์ด! ทำตัวอย่างกับไม่รู้จัก พรรคลีคิมอย่างนั้นแหละ....
ไม่รู้เพราะมาใหม่เลยประมาทตระกูลนี้....หรือใจกล้า...จนบ้าไปแล้ว....คนขับรถได้แต่ปาดเหงื่อตัวเองต่อไป....ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองเจ้านายตัวเองอย่างประหม่า
ฉันจะเป็นน้ำแข็ง....ที่ค่อยๆสะสมความโกรธที่นายคอยสร้างทีละนิด....แล้วจัดการทำให้นายตายไม่รู้ตัว...ไอคนปากดี!
"หึ....ดีงั้นฉันจะให้เกียรตินายเป็นคนแรก..ไว้รอรับแล้วกัน..ลีทงแฮ!"
To be con in PART 3
อ่ามาต่อสองพาร์ทเลยคราวนี้....ถึงแม้จะมาต่อสองตอน แต่อยากให้คอมเม้นทั้งสองตอนเลยนะคะ....อย่าเพิ่งเบื่อน้า ไปอ่านตอนที่สามก่อนน้า..อิอิ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นล่วงหน้าคับผม
PART : 2
MAIN CHARATER : DONGHAE AND EUNHYUK // SIWON AND HEECHUL
AUTHOR : SuNA!!
"อะไรกันฮะพ่อ.....คน..คนนี้..." อึนฮยอกที่เค้าไม่เคยคุ้น ชายหน้าบาก ที่ถูกเรียกว่าทงแฮ เดินขึ้นไปยืนข้างๆบิดาบังเกิดเกล้าของผู้รับตำแหน่ง ก่อนจะโค้งหัวให้กับคนนับพันหนึ่งทีและแนะนำตัวสั้นๆง่าย
"สวัสดีครับ ผม ลีทงแฮ ต่อไปฝากตัวด้วยครับ" เสียงปรบมือดังกึกก้องต้อนรับสมาชิกใหม่ดังไปทั่วรอบบริเวณ ชายหนุ่มยิ้มให้คนที่จะต้องมาดูแลหนึ่งทีก่อนจะเดินกลับไปยืนในตำแหน่งที่เดิมของตนเอง คนที่กำลังจะถูกดูแล ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กกับคนที่ไม่คุ้นเคย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะหันหน้าส่งเครื่องหมายคำถามไปให้บิดาบังเกิดเกล้า...หากแต่คนตัวเล็กก็ยังคงเก็บอาการต่อไป เพราะมารยาททางสังคมบอกเค้าไว้ถ้าหากไปขัดจังหวะพิธีในตอนนี้คงไม่ดีเป็นแน่แท้ แล้วอีกอย่างหากเค้าถามไปตอนนี้บิดาเค้าก็คงไม่ตอบแน่
คนตัวเล็กจึงได้แต่จ้องหน้าผู้มาใหม่เก็บอาการสงสัยต่อไปเท่านั้น....
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"พ่อ!!!!! ทำไมทำอย่างนี้ผมไม่เข้าใจ" คนตัวเล็กโวยวายเสียงลั่นห้องโถงกว้างหลังจากพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น บริวารส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปเปิดวงเหล้าตามเวลาพักผ่อน ในปกติแล้วผู้นำคนใหม่ควรจะไปร่วมสังสรรค์ หากแต่วันนี้คนตัวเล็กที่ไม่ชอบแอลกอฮอลล์ขอหลีกหนีจากสังคมเหล่านั้นเพื่อจะกลับไปสู่ห้องนอนของตัวเองทำการสงบจิตสงบใจ แต่แล้วก่อนไปเมื่อพบบิดานั่งจิบไวน์อยู่ห้องโถงใหญ่หลังจากพิธีจบ ความทรงจำที่จะต้องเอ่ยถามก็ผุดขึ้นมาในหัว.....
"ทำอะไร ฉันทำอะไร" ผู้นำลีเอ่ยเสียงเข้ม มองหน้าลูกชาย แล้วแสยะยิ้ม เหมือนจะบ่งบอกว่า แกยังอ่อนหัดนักในสายตาเค้า แล้วจิบไวน์ต่อไป....
"พ่อให้นายนั่นมาดูแลผมทำไม ผมมีเยซองคอยดูแลอยู่แล้ว พ่อจะให้ผมมีบอดี้การ์ดคนใหม่ทำไม แค่นี้พ่อยังปิดกั้นชีวิตผมไม่พอใช่มั้ย!!" คนตัวเล็กโวยวาย ก่อนจะกอดอกเบือนหน้าหนี อารมณ์ขุ่นมัวเกิดขึ้นทุกครั้งที่เค้าเจอบิดาบังเกิดเกล้าเลยให้ตายสิหน่า เกิดเป็นพ่อลูกกันได้ยังไงนะ !
แล้วยิ่งเมื่อรู้ว่าเค้าต้องห่างจากเพื่อนสนิทที่ดำรงตำแหน่งเป็นบอดี้การ์ดตั้งแต่เด็กอีก ทำให้เค้ายิ่งรู้สึกว่า พ่อจะก้าวก่ายชีวิตเค้ามากเกินไปแล้ว ทั้งๆที่เค้าเคยอุ่นใจว่าอย่างน้อยถึงแม้เค้าจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของพรรค์คนใหม่ แต่อย่างน้อย เยซอง ก็คงต้องคอยอยู่เคียงข้างเค้าเหมือนเดิม เป็นเพื่อนเค้าเหมือนเดิม อย่างน้อย เพื่อนคนนี้ก็เข้าใจเค้าทุกอย่าง
แต่นี่มันไม่ใช่!!!
"อึนฮยอก ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ฉันเป็นพ่อแกนะพูดจาอะไรหัดมีความเคารพซะบ้าง ส่วนเรื่องทงแฮ ใช่แล้ว ฉันให้เค้ามาเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของแก ส่วนเจ้านั่นฉันหางานอื่นให้มันทำแล้ว แกไม่ต้องห่วง ที่เหลือคือ ทำตามที่ฉันพูดเท่านั้น แกไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งสิ้น ไปได้แล้ว" เสียงเรียบเอ่ยขึ้น ไม่ได้โวยวาย แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากผู้ชายคนนี้มาดูน่าเกรงขาม และ มีพลัง กว่าคนทั่วไป ผู้นำลีไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างที่ใจลูกชายต้องการ กลับขับไล่ไสส่งให้ไปให้พ้นหน้าเท่านั้น
"พ่อ! พ่อให้ผมเป็นผู้นำพรรคคนใหม่เพื่ออะไร เพื่ออะไร ในเมื่อพ่อก็ยังเป็นคนคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งตัวผมเอง" คนตัวเล็กเอ่ยเสียงท้อใจ ตาเล็กเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนที่มันจะไหลออกมาจากนัยน์ตาคู่สวยทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่ได้
"ฉันบอกให้แกไปได้แล้วอึนฮยอก....ไม่เข้าใจหรือไงกัน...ไปได้แล้ว!!!" บุรษตัวโตเอ่ย เสียงเรียบ ก่อนจะ ตะคอกใส่ลูกชายตัวเองอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อเห็นน้ำตาคนตัวเล็กทีไร ผู้เป็นพ่อมันจะเกิดอาการฉุนเฉียวอย่างนี้ทุกที.....เหตุผลที่อึนฮยอกไม่เคยเข้าใจตั้งแต่เด็ก เหตุผลที่พ่อต้องชอบอารมณ์เสียใส่เค้า....
ผิดด้วยหรือที่ร้องไห้ง่าย...
ผิดด้วยหรือที่ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้.....
ผมผิดด้วยหรือครับพ่อ.......ผมผิดด้วยหรือ
คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม...เค้าไม่เคยทำอะไรได้อยู่แล้ว ก่อนจะส่งสายตาท้อใจระคนด้วยความรู้สึกข้างในอวัยวะที่มันเต้นอย่างอ่อนแรงในอกข้างซ้ายไปให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินออกไปทั้งน้ำตา.....ที่ไหลออกมาทั้งจากใบหน้า....และหัวใจ....
แล้วคนดีจะรู้มั้ย....ว่าผู้เป็นพ่อ...ก็เสียใจไม่ต่างกัน....
"จะดีเหรอครับให้คุณหนูเข้าใจไปแบบนั้น....ทำไมนายท่านไม่อธิบายให้เค้าเข้าใจความรู้สึกของนายท่านไปซะล่ะครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำผู้มาทีหลังที่ได้ยินเหตุการณ์วิวาทของพ่อกับลูกกันเสียทุกประโยคเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มสงบแล้ว...เค้ามีมารยาทพอที่จะไม่ไปขัดจังหวะการสนทนาอันรุนแรงของครอบครัว...ถึงแม้สิ่งที่ได้ฟังจะขัดใจก็ตาม...หากแต่ทุกสิ่งที่เป็นความคิดความต้องการของนายใหญ่เค้าทำได้แค่เพียงออกความเห็นเท่านั้น ไม่สามารถ ไม่ใช่สิ ไม่มีสิทธิ์ ไปห้ามปรามอะไรได้ทั้งนั้น...
"ไม่หรอกฮันเกิง เรื่องความรู้สึกกับครอบครัวฉันมันเปราะบางเกินกว่าจะพูดถึง การไม่แสดงความรู้สึกภายในใจเป็นสิ่งที่อยู่เคียงข้างกับความเป็นผู้นำมาตั้งนานแล้ว ฉันเชื่อว่าถ้าฉันแสดงความรู้สึกอะไรออกไป ไอเด็กนั่นมันก็ไม่เชื่อฉันหรอก" คนพูดเหม่อมองออกไปไกล ไม่ได้มองตาคู่สนทนาแต่อย่างใด...ความน่าสงสารที่ไม่มีใครอาจหยั่งถึง ความอ่อนไหวที่อยู่ภายใต้ความแข็งแกร่ง...คงมีเพียงลูกน้องชาวจีนคนสนิทที่เปรียบเสมือนอวัยวะสำคัญของเจ้านายที่ประธานลีไม่สามารถขาดได้คนนี้เท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้านายได้.....
การเปลี่ยนบอดี้การ์ดให้กับคุณหนู....เหตุผล...ไม่ใช่เพราะต้องการปิดกั้นคุณหนูให้อยู่ในกรงทอง....เค้ารู้ดีว่าบอดี้การ์ดคนเก่า...เป็นคนใจอ่อนขนาดไหน....เป็นคนรักเพื่อนขนาดไหน....คุณหนูขออะไรไม่เคยไม่ได้.....เพราะฉะนั้น...การเป็นผู้นำมาเฟียมันหนักหนาเกินกว่าที่คุณหนูของเค้าจะมีบอดี้การ์ดที่ใจดีอย่างเยซอง....คุณหนูเองถึงแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว หากแต่นิสัยของคุณหนูอย่างห่างไกลคำว่าโตยิ่งนัก....และการเป็นผู้นำมาเฟีย....ชีวิตที่มันแขวนอยู่บนเส้นด้าย...หากคนที่คอยประคองใจดีเกินไป....ปล่อยให้เด็กน้อยเล่นอยู่บนเส้นด้ายอย่างไม่กลัวตาย.....ถึงแม้จะสนุก......แต่ถ้าตกลงไป....ก็จบ.....ด้วยเหตุนั้น....หากจะ
ปล่อยให้เยซองดูแลคุณหนูต่อไป....อันตรายรอบตัว...คงจะเข้าถึงตัวคุณหนูได้อย่างเพียงพริบตา......นายท่านจึงต้องทำแบบนี้....
ต้องเปลี่ยนบอดี้การ์ดแบบนี้.....
ถึงแม้การกระทำของผู้นำลี....จะทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเกลียด....แต่หากการรักษาชีวิตของลูก...ให้ปลอดภัยที่สุด....ถึงจะโดนเกลียดก็ยอม....เค้าไม่อยากกลับไปมีวันที่เจ็บปวด....แบบนั้นอีกแล้ว....
วันที่เค้าละเลย....สิ่งเล็กน้อย.....
จนต้องสูญเสียของสำคัญไป....
ฮันเกิงได้แต่คิดแล้วส่ายหน้าสงสารคนที่ถือแก้วเหล้ามองเหม่อออกไปไกล.....
หากจะให้เค้าอธิบาย....ความรู้สึกของเจ้านายเค้าตอนนี้....
มันคงเป็นความรู้สึกที่น่าสงสารยิ่งกว่ามนุษย์คนใดเลยทีเดียว....
สิ่งที่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยแม้ต้องการขนาดไหน....ความรู้สึกในหัวใจที่ไม่สามารถปริปากออกไปได้.....
.....นี่แหละ ชีวิตอันน่าหดหู่ของการเป็นมาเฟีย......
-----------------------------------------------------------------------------------------------
"คุณหนู เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังครับ" ผู้ชายหน้าบาก บอดี้การ์ดคนใหม่ของอึนฮยอกเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าห้องก่อนจะเปล่งเสียงทุ้มออกไปเป็นคำถาม.....เมื่อถึงเวลาที่สมควรจะต้องเริ่มทำงานวันแรก.....วันที่น่าทรมาน....วันแรก......
แอ๊ดดดด....เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางที่แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จสรรพ ในเมื่อเค้าต้องเป็นผู้นำ เรื่องการตรงต่อเวลาสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น....การปรับเปลี่ยนตัวเองเพียงชั่วข้ามคืน.....จากคนที่เคยไร้ความรับผิดชอบ....หากแต่บัดนี้ภาระผู้นำที่ค้ำคอไม่สามารถให้อึนฮยอกทำตัวแบบเดิมได้อีกต่อไป....
"....." ร่างบางไม่พูดอะไรตอบคนที่ยืนรอรับตนอยู่หน้าห้อง ได้แต่เดินสง่าในชุดสูทสีดำมีเข็มกลัดมังกรติดตามฐานะออกมาจากห้องนอน....ผมสีน้ำตาลที่ระไปกับลำคอระหง....สง่า...จนคนมารอรับต้องเหลียวมอง....
"วันนี้เราจะไปไหนกันบ้าง" เสียงแรกที่เปล่งออกมาเมื่อก้าวขึ้นรถคันหรูสีดำที่จอดตระหง่านอยู่ตรงกลางระหว่างรถยี่ห้อเดียวกันสองคันที่จอดประกบหัวประกอบท้าย.....คันที่คนตัวเล็กขึ้นไปนั่งคือคันเดียวกันกับคืนที่เค้าไปสักที่จอดเทียบชานชาลาอยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว...ความเงียบขรึม ความเย็นชาเปล่งออกมาจากร่างเล็ก....สายตาคมดูมุ่งมั่นกับหน้าที่ที่ได้รับ...ถึงแม้จะไม่ได้รัก แต่เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว...ความรับผิดชอบก็ต้องมาก่อน....
"วันนี้เราจะต้องไปเก็บเงินค่าคุ้มครองที่บ่อนในเมียงดงครับ" ชายหนุ่มผมดำรายงานหลังจากที่เค้าก้าวขึ้นมานั่งในที่นั่งข้างคนขับรถอย่างรู้หน้าที่....
บรรยากาศมาคุก่อตัวขึ้นหลังจากตัวรถเคลื่อนออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ความเงียบสงบจนน่าอึดอัดเกิดขึ้นภายในรถยนต์ราคาแพง...ที่ปกติจะมีเสียงจุ๊กจิ๊กระหว่างบอดี้การ์ดคนสนิทกับเจ้านายผู้น่ารัก...แต่วันนี้ไม่มีแล้ว...ทุกอย่างเปลี่ยนไป....เยซองไม่ได้นั่งที่ประจำตำแหน่งอีกต่อไปแล้ว....ร่างเล็กได้แต่นั่งระลึกหวนถึงชีวิตอันน่าสงสารของตนเอง...ใบหน้าเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นทางแววตา......คนที่มาเป็นบอดี้การ์ดหน้าใหม่เป็นคนที่อึนฮยอกไม่คุ้นเคย และ ไม่เคยที่จะคุ้น จึงไม่มีพันธะไดๆให้ต้องไปเสวนาด้วยยกเว้นเรื่องงาน....ความเงียบเข้าครอบงำจนคนขับรถรู้สึกอึดอัด ตอนนี้มีเพียงเสียงแอร์คอนดิชั่นจากหน้ารถที่ครางเบาๆเพียงเท่านั้น....
"มองหน้าฉันทำไม" เสียงที่ดังขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ หากแต่คำถามนั้นไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลย คนขับรถที่มือสั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นเข้าไปอีก...เค้ายังมีลูกมีเมียเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ยังไม่อยากโดนลูกกระสุนทะลุปากตอนนี้ เพราะฉะนั้น จึงรีบเสียงสั่นตอบพัลวัน...
"ผะ..ผมไม่ได้..ไม่ได้..มะ...มองครับ"
"ฉันไม่ได้ถามนาย....ฉันหมายถึงนาย มองหน้าฉันทำไม" สายตาคมมองสะท้อนกระจกรถด้านหน้าไปกระทบกับสายตาอีกคู่ที่กำลังมองเค้าผ่านทางกระจกที่สะท้อนเงาด้านหน้ารถเช่นเดียวกัน....คนถูกว่าได้ยิ้มๆส่งไปให้ ยิ่งทำให้อารมณ์โมโหของคนเป็นเจ้านายพลุ่งพล่านเข้าไปอีก....
"ก็แค่อยากมอง...ผมก็แค่คิดว่านายน้อยของผม กำลังมีอะไรอยู่ในใจรึเปล่า ก็เท่านั้น" คนตอบพูดจาไม่กลัวหัวใจจะหยุดเต้น กลับส่งยิ้มน้อยๆผ่านกระจกด้านหน้ารถไปอย่างท้าทาย....มือเล็กของคนฟังกำแน่น....คิ้วเรียวขมวดเป็นปม...สายตาคมส่งกลับไปหาคนข้างหน้า
"นะ.." ไม่ได้เราต้องเก็บอารมณ์...ความเป็นผู้นำค้ำคอคนตัวเล็กให้คิดเช่นนั้น....
เยซองเคยสอนไว้ว่ายังไงอึนฮยอก...จำไม่ได้หรือ...
อย่าแสดงอารมณ์ให้ศัตรูเห็น.....เก็บความโกรธไว้...
ทำตัวประดุจหนึ่งน้ำแข็ง....ที่แม้จะเย็น...แต่เมื่อสะสมไว้มากๆ....ก็อาจทำให้คนตายได้...เก็บไว้....อึนฮยอก
คนตัวเล็กเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แต่หันหน้าหนีสายตาคมที่จับจ้องมาพร้อมรอยยิ้มประหลาด.....อึนฮยอกได้แต่ตอบโต้ไปอย่างนุ่มนวลไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเหมือนปกติ....
เค้าเปลี่ยนไปแล้ว.....
"ชีวิตของเจ้านาย....คงไม่ใช่เรื่องที่คนเป็น"ลูกน้อง"จะต้องมาสอดรู้ล่ะมั้ง....ฉันว่านายนั่งสงบเสงี่ยมต่อไปเรื่อยๆดีกว่านะ ฉันไม่อยากใช้ความรุนแรง" คำพูดที่ขัดกับหน้าตา
ที่ดูนุ่มนิ่ม ทำให้คนมองเกิดขำไม่รู้ตัว...
นายน้อย...นึกว่าผมไม่รู้อดีตของนายน้อยหรือไงครับ....ว่าไร้เดียงสาขนาดไหน.....^-^
"โอ้ว...ถ้าเกิดผมเป็นคนแรกที่นายน้อยใช้ความรุนแรงด้วย...ผมก็ถือเป็นเกียรติมากเลยนะครับ" คนปากกล้ายั่วโทสะของเจ้านายต่อไป...ราวกับไม่กลัวชะตากรรมหากเพียงอึนฮยอกสั่งเก็บเค้าขึ้นมาเค้าก็ตายได้ไม่รู้ตัว....จะเป็นความบ้าบิ่นของตัวทงแฮ หรือ เป็นความมั่นใจว่าคนอย่างคนตัวเล็กข้างหลังใจดีเกินกว่าจะเก็บใคร จึงทำให้คนปากกล้าเอ่ยข้อความที่คนขับรถฟังแล้วตัวสั่นขึ้นมาแทน....
กล้าจังนะ...นายบอดี้การ์ด! ทำตัวอย่างกับไม่รู้จัก พรรคลีคิมอย่างนั้นแหละ....
ไม่รู้เพราะมาใหม่เลยประมาทตระกูลนี้....หรือใจกล้า...จนบ้าไปแล้ว....คนขับรถได้แต่ปาดเหงื่อตัวเองต่อไป....ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองเจ้านายตัวเองอย่างประหม่า
ฉันจะเป็นน้ำแข็ง....ที่ค่อยๆสะสมความโกรธที่นายคอยสร้างทีละนิด....แล้วจัดการทำให้นายตายไม่รู้ตัว...ไอคนปากดี!
"หึ....ดีงั้นฉันจะให้เกียรตินายเป็นคนแรก..ไว้รอรับแล้วกัน..ลีทงแฮ!"
To be con in PART 3
อ่ามาต่อสองพาร์ทเลยคราวนี้....ถึงแม้จะมาต่อสองตอน แต่อยากให้คอมเม้นทั้งสองตอนเลยนะคะ....อย่าเพิ่งเบื่อน้า ไปอ่านตอนที่สามก่อนน้า..อิอิ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นล่วงหน้าคับผม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น