ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เดชไอ้หนุ่ม Cosplay

    ลำดับตอนที่ #1 : กำเนิดไอ้หนุ่ม Cosplay

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 49


                 มันก็เป็นโลกแบบปกติธรรมดาของทุกวัน มันก็เป็นเมืองไทยแบบเดิม ๆ ที่คุณก็รู้จักกันดี มันก็เป็นกรุงเทพฯที่แสนจะจำเจ รถติดตอนเช้า การแข่งขัน ความเร่งด่วน ชีวิตที่ไร้เยื่อใยต่อกัน สิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดลงสู่ดวงตาของเขาตั้งแต่เล็ก และสืบเนื่องไปตลอดเวลาจนบัดนี้เขามีอายุได้ยี่สิบสองปีแล้ว

     

                    เอก ชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่ต้องการจะเดินตามกระแสทั่ว ๆ ไปของสังคม เอก ชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดา ที่ดูแปลกออกไปในสายตาของคนในสังคม

     

                    เช้าวันนี้เขากำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์ ข่าวด่วนที่น่าสนใจพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็คือ ข่าวลอบสังหารคนสำคัญ (มั้ง) ของประเทศ

     

                    "โห ใครมันจะบ้าเอาระเบิดไปวางบ้านตัวเองวะ สงสัยแม่งโดนลอบสังหารแหง" ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ยืนอ่านหนังสือพิมพ์ที่ผมอ่านอยู่โพล่งขึ้น

     

                    "ลุง ไม่เคยอ่านสามก๊กเหรอ ที่นายทัพยอมบาดเจ็พเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ทำให้กองทัพที่สงสารฉิบหายไปหมด" เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็สวนทันควัน แน่นอนมันก็อ่านฉบับเดียวกับผมนั่นละ

     

                    ก่อนที่จะเกิดสงครามน้ำลายไปถึงขั้นนองเลือดดังที่เห็นในสื่อต่าง ๆ  (มั้ง) ผู้พิทักษ์ความสงบสุขก็ทำหน้าที่ ไม่ ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็น

     

                    "นี่พวกลื้อยืนอ่านมาตั้งนานแล้ว อ่านทุกวัน ไม่คิดจะซื้อบ้างหรือไง" อาแป๊ะเจ้าของร้านหนังสือพิมพ์ที่พวกผมกำลังอ่านอยู่ห้ามทัพได้ทัน

     

                    คำพูดของอาแป๊ะสร้างความอับอายแก่ผู้ใหญ่มีอายุท่านนั้นจนต้องควักเศษสตางค์ซื้อหนังสือพิมพ์ไป

     

                    "โธ่ แป๊ะ ถ้าผมซื้อไปก็เท่ากับสนับสนุนการตัดไม้ทำลายป่ามาลร้างกระดาษหนังสือพิมพ์สิ"  เด็กสวนอาแป๊ะ

     

                    "คนทั้งสองวัยนี้ดูแตกต่างกันจังเลย สังคมที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ขนาดนี้เชียวหรือ เฮ่อ เรื่องราวไม่สำคัญเท่าไร อย่างเรื่องระเบิดนี่ ทำให้คนไทยแตกคอกันเอง สักวันละ ผมจะเป็นผู้นำที่ดี ที่ทำให้คนไทยรักใคร่ สามัคคี" ผมคิดน่ะ ไม่ได้พูดออกไปหรอก

     

                    ความฝันอย่างไรก็เป็นความฝัน แต่ในความเป็นจริงผมก็แค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่สิ ไม่ธรรมดา เพราะผมเป็นผู้สร้างความสุขให้แก่ผู้คน เพราะผมทำงานเป็นคนในชุดหุ่นตัวตลกบ้าง หุ่นการ์ตูนบ้าง ในโอกาสต่าง ๆ ทุกครั้งที่มีคนขอจับมือ ขอกอด ขอถ่ายรูป ผมเห็นความสุขในแววตาเขาเสมอ

     

                    "เป็นเพราะผม ผมทำให้คุณมีความสุข"

     

                    ผมอยากจะพูดแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ผมหรอก เขามีความสุขในสิ่งที่ผมสวมใส่ต่างหาก

     

                    แต่ช่างมันเหอะ ผมชอบในสิ่งนี้ ชอบในสิ่งที่เป็น หลังจากที่ทำงานเสร็จสิ้น ผมแบกร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกลับมายังโรงเก็บหุ่นเหมือนทุกวัน โรงเก็บหุ่นนี้เป็นที่นอน ที่กิน และที่ทำงานผลิตชุด cosplay ของผม นอกจากหนังสือการ์ตูน VCD การ์ตูน เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่าง ก็เหลือเพียงที่นอนที่ปูด้วยเสื่อเท่านั้น ในโรงเก็บนี้ ที่ ๆ ผู้อำนวยการสวนสนุกยอมให้ผมพักอยู่

     

                    งานอดิเรกของผมทำรายได้ให้ผมค่อนข้างมาก ผมตัดชุดตัวการ์ตูนให้แก่ผู้ที่สนใจ และให้ผมใส่เอง วันนี้ผมจำเป็นที่จะต้องเอาของไปส่งให้กับลูกค้าคนหนึ่งที่ชื่อนชอบโดราเอมอนเป็นอย่างมาก แน่นอนชุดเจ้าแมวไม่มีหูตัวสีฟ้า เต็มไปด้วยของวิเศษในกระเป๋าสี่มิติ ไม่มีใครหรอกไม่ขอบโดราเอมอน

     

                    ชุดอยู่ในถุงดำขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ผมในยามนี้ดูเหมือนคนเก็บขยะหรือซานตาครอสผิดฤดูกาลก็ไม่ทราบได้ แม้จะไกลจากสวนสนุก ต้องต่อรถสามต่อแถมต้องลงเดิน แต่ตอนนี้ผมก็เดินไปใกล้จะถึงจุดนัดพบแล้วล่ะ

     

                    "กรี๊ด ช่วยด้วยคะ อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ" เสียงนี้ทำให้ผมตกใจ

     

                    "คุณครับ อย่าทำอะไรเธอเลยครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งหวังดีเข้ามาห้าม

     

                    "มึงยุ่งอะไรเรื่องผัวเมียโว้ย"

     

                    ไอ้หน้าโหดนั่นหันกลับมาตะคอกจนพลเมืองดีผงะถอยไป ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้เป็นป้ายรถเมล์ คนยืนอยู่มากมาย แต่ทั้งหมดยอมให้ไอ้หน้าโหดนั่นจิกหัวและพาหล่อนไป แม้หล่อนจะร้องไห้วิงวอนให้คนช่วย

     

                    "อาจเป็นเรื่องครอบครัวก็ได้นะ" ความคิดของผมในวูบแรกเป็นเช่นนี้ แต่ภาพขอความช่วยเหลือที่น่าสงสาร ที่ราวกับไร้การเสแสร้งนั่นติดใจผมนัก

     

                    "เอาวะตามไปดูซักหน่อย อย่างไรวันนี้ก็เร็วกว่าเวลานัดตั้งหนึ่งชั่วโมง" ผมแบกถุงตามไปห่าง ๆ

     

                    ที่แท้ไอ้หน้าโหด พอพามาที่ลับตาคนแล้วมันก็เริ่มแสดงสันดานดิบออกมาทันที

     

                    "หึหึ สมัยนี้หากินง่ายดี แค่พูดแบบนี้ก็ไม่มีใครยุ่ง"

     

                    "คุณจับฉันมาทำไมกัน ฮือ"

     

                    "นังนี่ โง่จริง เอาเงินมาสิวะ กูจะได้ไปซื้อเหล้า"

     

                    "ไม่นะ เงินที่ฉันมีอยู่เป็นค่ารักษาของแม่ที่ป่วยเท่านั้น ฉันให้คุณไม่ได้ ให้ไม่ได้จริง ๆ ปล่อยฉันไปเถอะคะ"

     

                    ขวับ มีดพับถูกสะบัดให้เธอเห็น

     

                    "เหวอ มันมีมีด" ผมคิด พร้อมกับขาสั่น

     

                    หล่อนถึงกับทรุดนั่ง สีหน้าตื่นกลัว

     

                    "มึงจะให้กูดี ๆ หรือจะให้ด้วยน้ำตาและรอยแผลวะ"

     

                    "ไอ้คนเลว" ผมคิด แม้ขาจะสั่น แต่มโนธรรมของผมกำลังต่อสู้กับความกลัว

     

                    "ไอ้เอก มึงจะเป็นผู้นำที่ดี มึงจะสร้างความสงบสุขไม่ใช่เหรอ แค่ความสุขของเพื่อนร่วมชาติยังรักษาไม่ได้เลยจะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไรวะ" จิตฝ่ายดี

     

                    "แต่มันมีมีด แถมหน้าโหด ถ้าไปช่วยแล้วมันจำหน้าได้ความซวยเกิดไม่สิ้นสุดแน่" จิตขลาดเขลา

     

                    แต่ผมช้าไม่ได้แล้ว ผัวะ เสียงตบหน้าดังมาถึงผมที่ยืนแอบอยู่หลังตู้โทรศัพท์ห่างออกไปร่วมสิบเมตร

     

                    "ใช่แล่วยังมีไอ้นั่นนี่ ความคิดของผมสว่างวาบราวกับมีหลอดไส้แวบขึ้น ไม่สิขอเปลี่ยนเป็นหลอดตะเกียบ ประหยัดพลังงานช่วยชาติ เง้อ คิดไปทำไมวะ"   

     

                    การทำทารุณกรรมกับเพศแม่ของไอ้หน้าโหดนั่นจะเริ่มอีกครั้งแล้ว แต่

     

                    "เฮ้ยหยุดนะ"

     

                    ไอ้หน้าโหดหันมาตามเสียง กำลังจะเอ่ยปกว่าเรื่องครอบครัวอีก แต่คราวนี้มันอึ้งไปสักพักหนึ่ง แล้วพูกเรียบ ๆ ว่า

     

                    "มึงบ้ารึเปล่าเนี่ย แต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้าน"

     

                    แม้แต่หล่อนก็มองดูผมด้วยความแตกตื่นตกใจแต่แววตาก็ฉายแสงแห่งความหวังว่าผมจะช่วยเธอได้

     

                    "ปล่อยเธอไปเถอะครับ คนไทยด้วยกันรักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย ..."

     

                    "มึงเสือกเรื่องของกูทำไมวะ" โหดูมันรักเมืองไทยน้อยจริง ๆ ร้องยังไม่ทันจบมันก็แทรกขัดจังหวะ

     

                    แย่แล้วดูท่ามันคงโมโห หน้ามันแดงก่ำ เดินถือมีดเข้ามาหาผม

     

                    "ม่อนว่าเราพูดจากันดี ๆ ก็ได้นะ" ผมในชุดที่ควรจะส่งให้ลูกค้าถอยหลังไปสองก้าวเมื่อมันเดินเข้าหา

     

                    มันเดินเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว แต่กดดันจิตใจว่าที่ผู้นำอย่างผมจริง ๆ ระยะห่างเหลืออีกแค่สามก้าว มันสะดุดหัวมดล้มลง ประหลาดมีดพุ่งมาหาผมอย่างเร่งร้อน

     

                    "เหวอ" ผมตกใจมือกลมสีขาวของโดเรมอนปัดมือของมันตามสัญชาติญาณ บังเอิญว่าอีกมือที่ปัดดันไปโดนหน้ามัน

     

                    "ไอ้... มึงทำร้ายกู มึงตาย" มันยันตัวขึ้นพร้อมพุ่งมีดเข้าหาทันที

     

                    "ตายแน่เรา ใกล้แค่นี้หลบยังไงก็หลบไม่ทันแน่ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย พ่อจ๋า แม่จ๋า ลูกอกตัญญูขอลาไปก่อน"

     

                    ฉีก มีดเสียบเข้าไปที่ใต้กระพรวนจนมิดด้าม

     

                    "ทำไมไม่เจ็บ หรือเราตายแล้ว ทดลองกัดลิ้นดูยังรู้สึกเจ็บนี่"

     

                    ที่แท้เดชะบุญที่อาจารย์ฟูจิโอะวาดโดราเอมอนให้อ้วน ไม่สิเอาแค่อวบพอ มีดที่ปักเลยไม่ถึงตัวผม

     

                    "ใช่แล้วผมยังมีไอ้นั่นอีก"

     

                    มือกลมล้วงไปยังกระเป๋าหน้าท้อง ทันทีที่ชักออกมามันสวมด้วยของสิ่งหนึ่ง ตูม ไอ้หน้าโหดกระเด็นล้มลงฟาดพื้นอย่างแรง ดูท่ามันจะสลบไป ผมมองดูในมือ ดูสิ่งที่ช่วยผม

     

                    "ดีนะที่ลูกค้าให้ทำของวิเศษบางชิ้นด้วย ดีนะทีแอบใส่กลไกเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าไป"

     

                    ที่แท้สิ่งที่สวมอยู่เป็นปืนอัดอากาศ ที่ผมแอบใส่สปริงและนวมเข้าไปด้วย ก็เลยกลายเป็นปืนยิงนวมมาแทน ตอนแรกหาสปริงขนาดใหญ่ไม่ได้เลยไปแกะมาจากซากโช้กอัพมอเตอร์ไซค์

     

                    "ขอบคุณนะคะ เอ่อ คุณ..."

     

                    "แย่แล้ว เธออยากถามชื่อเรา ไม่ได้ถ้าเธอรู้แล้วเอาไปโพนทะนา เดี๋ยวรู้ถึงไอ้หน้าโหดนี่เราตายแน่" ผมคิดแบบนี้เลยตอบเธอไปว่า "ผม โดราเอม่อน เจ้าแมวจอมยุ่ง" คุณรีบไปเถอะครับ แจ้งตำรวจให้จับมันด้วยนะครับ จุ๊บ ๆ"

     

                    แล้วผมก็ออกวิ่งทันทีโดยไม่เหลียวไปดูเธอที่ทำหน้างง เมื่อตั้งสติได้เธอจึงตะโกนตามหลังมาว่า "ขอบคุณคะ โดราเอมอน คุณคือผู้มีพระคุณของฉัน"

     

                    "ใช่แล้ว แม้ผมจะเป็นคนตัวเล็ก ๆ แต่ผมก็ทำให้เธอมีความสุขได้"

     

                    ความอิ่มเอมใจอยู่ได้ไม่นาน ผมก็โดนลูกค้าดุเรื่องชุดเป็นรูเล็กน้อย แถมมาสายอีก เอาเถอะ เขาก็บ่นไม่นานนัก และรูนี้ก็ได้มาจากการช่วยเหลือผู้คน

     

                    เช้าวันใหม่มาถึง กิจวัตรที่ผมไปทำก็คือ ไปร้านอาแป๊ะ

     

                    "เอ๊ะ นี่มัน"

     

                    ข่าวพาดหัววันนี้ไม่ใช่เรื่องเดิมแล้ว แต่เป็น "โดราเอม่อน ช่วยหญิงสาวเคราะห์ร้ายรอดเงื้อมมือมาร"

     

                    อาแป๊ะกำลังจะเอ่ยปากอีก แต่ผมชิงควักเศษสตางค์ให้ก่อนแล้วเดินกลับที่พักพร้อมหนังสือพิมพ์

     

                    "ผมนี่แหละ จะเป็นผู้สร้างความสุขให้คนไทย"

     

                    สู้ต่อไปนะ ไอ้หนุ่มคอสเพลย์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×