THE INVESTIGATE ฆ่า..มรณะ
เปิดเทอมยังไม่ทันจะถึงสัปดาห์ ก็มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นเสียแล้ว เรื่องที่ว่าถ้าเป็นเรื่องธรรมดาคงจะไม่เป็นไร แต่นี่!!!!เป็นเรื่องเกี่ยวกับความตาย การสูญเสียเกิดการฆาตรกรรมขึ้นในโรงเรียน ใครละเป็นฆ่า!
ผู้เข้าชมรวม
337
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
THE INVESTIGATE ฆ่ามรณะ
7.30 น. 25ตุลาคม 2548 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในภาคใต้
เปิดเทอมวันแรก อากาศยามเช้าช่างบริสุทธิ์และสดใส นักเรียนต่างกระวีกระวาดกันมาโรงเรียนเพื่อมาเจอเพื่อนๆที่ห่างหายกันไปหลายเดือน และเล่าเรื่องตอนปิดภาคเรียนว่าไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่กันมา อย่างเมามัน ฉันก็เช่นกันที่รีบมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อจุดประสงค์นั้น
ทุกคนอาจสงสัยว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ฉันก็ต้องขอแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการ
น้ำ หรือ อธิชชา ชื่อนี้เป็นชื่อของฉันเอง ชื่อเล่นของฉันเป็นชื่อที่คุณปู่ได้ตั้งให้เพราะฉันเกิดในเดือนเมษายนซึ่งเป็นหน้าร้อน คุณปู่จึงตั้งเพื่อแก้เคล็ด ฉันเรียนอยู่ชั้นม.5 ฉันก็เหมือนคนปกติทั่วไป รูปร่างหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ฉันมีเชื้อสายจีนทางหม่าม๊า
ส่วนสูง172 ซ.ม ผิวขาวหน้าตาก็หมวยๆหน่อย ไอ้ความสูงนี่แหละเพื่อนๆมักเรียกฉันว่าไอ้โย่งบ้าง เสาไฟฟ้าบ้างหละ
และที่เพื่อนชอบล้อฉันมากที่สุดก็คงเป็นหมวยเสาไฟนี่แหละ มันเจ็บแปลบเลยล่ะ นิสัยของฉันก็ลุยๆ ง่ายๆ อะไรก็ได้ เป็นกันเอง แต่นิสัยเสียของฉันที่ใครๆก็อาจนึกไม่ถึง คือฉันอาจจะใจร้อนไป พูดตรงเกินไป จนบางครั้งเพื่อนก็รับไม่ได้ ชอบเอาแต่ใจบ้างเป็นบางเวลา
บางอารมณ์ ใครๆที่ได้พูดคุยกับฉันอาจคิดว่าฉันเป็นคนเข้มแข็ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะจริงแต่ปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปแล้ว ภายในใจฉันอ่อนไหวเพียงแต่ฉันไม่แสดงมันออกมาเท่านั้น
ความอ่อนไหวนี้ได้เข้ามาครอบงำฉันตั้งแต่พ่อได้จากฉันไปและไม่มีวันกลับ พ่อจากไปด้วยหน้าที่ พ่อเสียชีวิตเพราะโดนกับระเบิดแถวๆชายแดน เมื่อไม่มีพ่อ ภาระอันหนักอึ้งของครอบครัวก็ต้องตกเป็นของแม่ แต่มันก็ไม่หนักหนาเท่าไรสำหรับแม่ของฉันเพราะด้วยความที่แม่เป็นข้าราชการเรื่องเงินเลยไม่ค่อยมีปัญหา
“ น้ำ!! หยุดก่อน”
เสียงตะโกนดังขึ้นหลังจากที่ฉันได้ก้าวผ่านประตูโรงเรียนมาไม่กี่ก้าว ฉันจำเจ้าของเสียงนั้นได้ มันเป็นเสียงแหลมๆของไหม
ไหมหรือเมษ์ทกา เพื่อนสาวของฉันเอง เธอเป็นคนที่น่ารักอีกคนที่ฉันสนิทมาก
เป็นสาวรูปร่างดีสูงประมาณ165 ซ.ม ผิวขาว คิ้วเข้มได้รูป ปากนิดจมูกแบนอาจเป็นเพราะกินข้าวเหนียวส้มตำเยอะไป(ล้อเล่น ต้องจมูกโด่งซิ) ไหมเป็นคนอัธยาศัยดี รู้จักคนเยอะ ช่างพูด
ที่สำคัญกิ๊กเยอะเป็นบ้าเลย ไม่เคยแบ่งเพื่อนฝูงมั้ง
“ มีอะไรเหรอไหม” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ เมื่อเช้าดูข่าวป่าว”
“ทำไมล่ะ”
“ ก็มีข่าวนักโทษโรคจิตที่ชอบฆ่าคน แหกคุกนะซิ ไม่รู้รึไง”
น้ำเสียงของไหมดูสั่นด้วยความกลัวและเหนื่อยหอบ
“ นักโทษโรคจิตแหกคุก แล้วเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ”
“ ทำไมจะไม่เกี่ยวก็มันหนีมาอยู่แถวๆจังหวัดเรานะซิ ฉันเห็นแม่ค้าแถวๆตลาดเขาพูดกันนะ” เสียงของไหมที่พูดมาก็ยังไม่หายสั่นสักที จนฉันรำคาญจึงพูดตัดบทไปว่า
“ ช่างมันเถอะไปหาอะไรกินดีกว่า ”
“ อิ่มจัง กับข้าววันนี้อร่อยดีนะ น้ำว่าปะ ” ^-^
ไหมพูดขณะที่ฉันกำลังกดน้ำดื่ม
“ อือ ”
ขณะที่ฉันยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สายตาก็พลันเหลือบไปเห็น ชายแปลกหน้า รูปร่างผอมราวกับนักโทษผู้หิวโหย นัยน์ตาดุดัน และแดงก่ำ ผิวคล้ำ ที่กำลังกวาดขยะอยู่แถวๆลานจอดรถอาจารย์ ทันใดนั้นสายตาของชายผู้นั้นก็หันมามองฉัน ฉันตกใจจึงรีบก้มหน้า วางแก้วน้ำลงและเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองไล่ล่าเมื่อครั้งแอบหนีโรงเรียนเพื่อไปหาเกี๊ยวที่
โรงพยาบาล โดยที่ฉันเองก็ลืมไปว่าได้ทิ้งไหมไว้
ฉันรู้สึกกลัวมาก รู้สึกว่าสายตาของชายผู้นั้นทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบยิ่งแววตาที่เขามองมายิ่งทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของไหมได้เป็นอย่างดี ในไม่ช้าฉันก็รู้สึกเสียวสันหลังอีกครั้งเมื่อมีมือข้างหนึ่งมาจับและดึงมือฉันไว้ ฉันกลัวจนไม่กล้าหันไปมองว่าเจ้าของมือนั้นคือใคร ในไม่ช้าเจ้าของมือนั้นก็พูดกับฉันว่า
“ น้ำ !!เป็นอะไรไป ”
“เฮ้ย!แกเองเหรอไหม ตกใจแทบแย่”
“แค่นี้ก็ขวัญอ่อน ไหนบอกว่าเก่งนักเก่งหนาไง”
“ช่างเถอะ เป็นแกก็ดีแล้ว เออนี่ไหม แกเห็นคนแปลกหน้าที่อยู่แถวๆลานจอดรถปะ ”
“ เห็นซิ ว่าแต่ทำไมเหรอนี่น้ำ แกไม่รู้เหรอว่านั่นนะภารโรงคนใหม่ของโรงเรียนไง ท่าทางขยันดีนะ มีอะไรรึเปล่า”
“ ช่างมันเถอะ ไปเข้าแถวดีกว่า ”
“ นักเรียนเคารพ ขอบคุณค่ะ/ครับคุณครู ”
เสียงกล่าวขอบคุณอาจารย์ดังขึ้นหลังจากหมดเวลาเรียนตอนเช้า
“ น้ำเป็นอะไรนะเห็นนั่งเหม่อ ไม่สบายเหรอ”
เสียงทุ้มนั้นทำให้ฉันสะดุ้ง มันเป็นเสียงของ
นัท หรือ ธัทชวัฒิ หนุ่มหล่อประจำห้อง นัทเป็นหนุ่มฮ็อตที่สาวๆทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องกรี๊ด นัทเป็นหนุ่มผิวสีแทน สูงชะลูดถึง184 ซ.ม ดวงตากลมโตเป็นประกาย คิ้วเข้ม จมูกโด่งได้รูป
ริมฝีปากบาง นัทเป็นคนง่ายๆ พูดน้อยแต่เรียนเก่ง เอาจริงเอาจังกับชีวิต
มาดขรึมจนบางครั้งดูเป็นขี้เก๊ก
“เปล่านิ ว่าแต่นายมีอะไรกับเราเหรอนัท”
“ เปล่า เห็นเธอนั่งใจลอยเลย อดเป็นห่วงไม่ได้นะ”
“อือ ขอบใจนะที่ห่วงเรา”
“ไม่เป็นไร มากกว่านี้เรายังทำได้เลยนะ” ^o^
“ มากกว่านี้
.”
“ เปล่าไม่มีอะไร เราล้อเล่นน่ะ” ^_^
กริ๊ง!!! เสียงระฆังดังขึ้นนั่นหมายถึงเวลาพักเที่ยง ไหมและเกี๊ยวจึงมาชวนฉันไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน
เกี๊ยว หรือ มัตสยนันท์ เพื่อนอีกคนของฉัน เธอเป็นคนที่ไฮเปอร์มาก
รูปร่างดี แม้จะไม่สูงมากแค่ 163 ซ.ม ผิวสีแทน ดัดฟัน และคางของคุณเธอแหลมมากประมาณว่าไปงานวัดไม่ได้เพราะเดี๋ยวคางคุณเธอจะไปโดนลูกโป่งเด็กแตก ^o^
เวลาว่างเกี๊ยวมักจะเล่นอินเตอร์เน็ท หรือMSN เสมอ เกี๊ยวเป็นคนร่าเริง กว้างขวางในวงการ
อินเตอร์เน็ท และเวปตะลึง
ทั้งสองพูดกันถึงเรื่องนักโทษโรคจิตแหกคุกตลอด มันทำให้ฉันทานข้าวไม่ลง เกี๊ยวจึงเอ่ยพูดกับฉันว่า
“น้ำ นี่แกเป็นไรว่ะกับข้าวไม่อร่อยหรือ ทานนิดเดียวเอง”
“นั่นซิ” ไหมเสริมขึ้น
“เปล่า ฉันยังไม่หิวนะ เออ! เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ อาจารย์ประไพเรียกพบนะ ฝากเก็บจานด้วยล่ะ”
ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อไปพบอาจารย์ที่หมวดภาษาไทยแต่บางครั้งอาจารย์ก็มักจะอยู่ที่ห้องวิชาการด้วย
อาจารย์ประไพ หรือ ครูแม็ค เป็นอาจารย์สอนภาษาไทยที่ฉันและเพื่อนๆชอบมาก
รูปร่างเล็ก ตัดผมสั้นแล้วดูน่ารัก ผิวขาว ท่านเป็นคนอารมณ์ดี เข้าใจเด็ก
โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเราๆ ชอบเปรียบเปรยว่า เด็กนึงหมานึงเสมอ
แต่ก่อนไปพบอาจารย์ฉันได้แวะไปที่ห้องเรียนเพื่อไปหยิบปากกา ก่อนที่เท้าของฉันจะย่างเข้าห้องเรียนก็มีเสียงกวนๆห้าวๆเสียงหนึ่งพูดขึ้น
“หวัดดี น้องสาว ทานข้าวยังจ๊ะ”
มันเป็นเสียงของหมง เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนซี้ของนัท ฉันก็ไม่เข้าใจว่านัทซี้กับหมงได้ยังไง นิสัยก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หมง หรือ มัทธวิชย์ หนุ่มมาดกวนประจำห้อง เป็นอาตี๋ สูงยาวเข่าดีเป็นขวัญใจสาวๆ แต่สำหรับฉัน JUST SAY NO หมงอารมณ์ดีเกือบทุกเวลา จนดูคล้ายๆกับคนบ้า
และที่สำคัญเจ้าชู้เป็นกรดและปากสุนัขเป็นที่สุด แถมยังจิตเสื่อมอีกด้วย(ข้อหลังนี้ฉันคิดเอาเองนะ) ซึ่งคงจะมีแค่หมงที่ฉันทะเลาะด้วยบ่อยที่สุดในห้องและในโลกก็ว่าได้ ฉันไม่ตอบที่หมงถาม ฉันรีบไปที่โต๊ะรีบหยิบปากกาและเดินออกไป
ระหว่างทางฉันเจอกับนัทโดยบังเอิญ
“ อ้าวน้ำ จะไปหาอาจารย์ประไพเหรอ ”
“ อือ ว่าแต่นายกำลังจะไปไหนเหรอ”
“เปล่ากำลังจะกลับห้องนะ ว่าแต่เอ่อ
”
“ มีอะไรก็พูดมาซิ อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้”
“ น้ำทานข้าวยัง แล้วเกี๊ยวกับไหมละทำไมไม่มาด้วยกันละ”
“ แล้วนายยุ่งอะไรด้วยละ ฉันจะกินไม่กินมันก็เรื่องของฉัน”
“อ้าว...” ^o^
หลังจากกลับจากไปพบอาจารย์ประไพ ฉันปวดฉี่จึงเดินไปเข้าห้องน้ำที่หลังอาคารวิทยาศาสตร์ และนี่คือเหตุบังเอิญทำให้ฉันได้พบกับลุงชม ภารโรงคนเก่าคนแก่ของโรงเรียน
ที่กำลังจะไปตัดหญ้าในสนาม
“สวัสดี คะ ลุงชม”
“สวัสดีครับคุณน้ำ สบายดีเหรอครับ”
ลุงชมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและดูอ่อนโยน
ลุงชมเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมากเด็กๆในโรงเรียนต่างรู้ดี แกชอบช่วยเหลือคนอื่นๆเสมอ
ลุงชมมีรูปร่างอ้วน ผิวขาว ผิวพรรณดูสะอาดและที่สำคัญลุงชมเป็นคนใจดีมาก แกจึงเป็นที่รักของบรรดาเด็กนักเรียนและอาจารย์ แกมีลูกชายหนึ่งคนชื่อเชิด อายุก็มากกว่าฉันไม่กี่ปี แต่เชิดก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเพราะไม่ค่อยสบาย เป็นโรคทางประสาท ส่วนเมียแกก็เพิ่งตายไปไม่นานมานี่เอง
“ ได้ข่าวว่าลุงไม่ค่อยสบายเป็นอะไรรึป่าวค่ะ”
“หายดีแล้วครับ ลุงเป็นโรคเกี่ยวกับความเครียดนิดหน่อยนะครับ ตามประสาคนมีหนี้สิน”
“ ว่าแต่ภารโรงคนใหม่ชื่ออะไรเหรอคะ” ฉันถามลุงชมเอาดื้อๆ
“อ๋อ นายชัดนะครับ ภารโรงใหม่ ลุงไปเจอเขาเมื่อสองวันก่อน เขาบอกว่าอยากมีงานทำ
ลุงเลยชวนมาทำงานที่นี่ครับ มีอะไรรึครับ”
“เปล่าคะ น้ำแค่อยากรู้เฉยๆนะคะ น้ำขอตัวนะคะ”
ฉันเริ่มคิดว่านายชัดน่าจะเป็นนักโทษโรคจิตแน่ๆ ด้วยบุคลิกหน้าตาและท่าทาง หลังเข้าห้องน้ำเสร็จฉันจึงกลับเข้าห้องเรียนและเริ่มเรียนในภาคบ่าย
กริ๊ง!!เสียงระฆังดั้งอีกครั้งเป็นเวลาเลิกเรียน ฉันรู้สึกดีที่จะได้กลับบ้านสักที
“ น้ำ กลับบ้านกันเถอะ ”
เสียงประสานของไหมและเกี๊ยวดังขึ้น
“คือวันนี้แกสองคนกลับกันก่อนนะ วันนี้ฉันมีนัดนะ”
“นัดกับใครยะ” เกี๊ยวถามขึ้น
“ก็มีนัดกับฝนนะ จะไปดูหนังสือด้วยกัน”
“จริงหรือฝน” ไหมหันไปถามฝนที่กำลังเดินมา
“อือ เราสองคนจะไปดูหนังสือนะ ไปด้วยกันป่าวละ”
“ไปซิ เราไม่พลาดอยู่แล้วละ”
“ น้ำ งั้นเราสองคนจะไปกับแกด้วยนะ”
ฝน หรือ เลอทีญา เพื่อนซี้อีกคน ฝนเป็นหมวยจ๋า ผิวขาว รูปร่างค่อนข้างอวบ
สูง166 ซ.ม คิ้วเข้ม ริมฝีปากบาง นิสัยเป็นกันเอง ง่ายๆอะไรก็ได้ แม่เป็นเจ้าของร้านสวยพาณิชย์
“ว่าแต่ ฝนจะไปซื้อหนังสืออะไรเหรอ”
ฉันถามด้วยความสงสัย
“กะว่าจะไปซื้อ หนังสือเกี่ยวกับนิยายญี่ปุ่นนะ เราชอบอ่าน สนุกดี”
ฉัน เกี๊ยว ไหมและฝนเดินออกจากห้องและรีบมุ่งหน้าสู่ประตูโรงเรียน
“ช้าก่อน!!จะไปไหนจ๊ะเกิร์ลลี่เบอร์รี่(สี่สาว) เราไปส่งนะน้ำ”
เสียงของหมงกล่าวขึ้น
“ นายเป็นอะไรกับฉันล่ะ ถึงคิดจะไปส่ง ฉันมีเท้า กลับเองได้ ”
“ ก็ กิ๊กไงจ๊ะดาลิ๊ง บอกได้คำเดียวว่าคนนี้แหละใช่เลยแม่ของลูก” ^_^
น้ำเสียงของหมงที่พูดออกมาทำให้ฉันอดที่จะด่าไม่ได้
“กิ๊กกักอะไรอย่ามั่วนะ อยากเจ็บตัวรึไง หลีกไป
..”
ฉันพูดยังไม่จบเกี๊ยวฝนและไหมก็รีบดึงฉันออกไปทันที
“ ไอ้หมงนี่นับวันยิ่งปากสุนัขขึ้นทุกวันนะ” ฝนพูดขึ้น
“เออ ฉันกับเกี๊ยวมีเรื่องจะเล่าให้แกสองคนฟังด้วยแหละ” ไหมพูดขึ้น
“นี่แกสองคนรู้รึเปล่าว่าวันนี้ฉันกับเกี๊ยวไปเจออะไรมา ”
“ถ้าไม่เล่าเราสองคน คงจะรู้หรอกนะ” ฉันตอบไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“เจออะไรมาเหรอ เล่าให้ฟังหน่อย อยากรู้” ฝนคะยั้นคะยอให้เกี๊ยวและไหมเล่าให้ฟัง
“ก็ฉันกับเกี๊ยวไปเข้าห้องน้ำมาตอนพักกลางวันนะซิ แล้วเราก็เจอเลือดเนี่ยไหลเป็นทาง เราสองคนเลยตามไปดูนะ”
“แล้วไงต่อละ รีบพูดซิ”
“เราสองคนเดินตามรอยเลือดมาและรอยเลือดก็หายไป รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าห้องภารโรงคนใหม่แล้วนะ ”
“นายชัดนะเหรอ”
“นี่แกรู้จักด้วยเหรอ น้ำ”
“ลุงชมบอกนะ ว่าแต่แกสองคนเจอนายชัดรึเปล่า”
ฉันถามด้วยอาการตื่นเต้นและสงสัย
“เจอซิ เขาบอกว่าเลือดนั่นนะเลือดเขาเองเขาโดนแก้วบาดที่เท้าเมื่อตอนไปตัดหญ้าในสนามนะ” ไหมตอบด้วยสีหน้าที่เรียบไม่มีอาการสงสัยเป็นอย่างใด
แต่สำหรับฉันมันแปลกมากที่นายชัดจะโดนแก้วบาดทั้งที่เขาก็ใส่รองเท้าตลอดเวลาและที่ สำคัญคนที่ตัดหญ้าคือลุงชมไม่ใช่เขา แล้วเลือดนั่นมาจากไหนกัน?
19.30 น. 25 ตุลาคม 2548
เย็นวันนี้หลังจากที่ไปหาซื้อหนังสือกับฝนเกี๊ยวและไหม ฉันก็รีบกลับบ้านด้วยอาการที่มึนงงกับเรื่องที่ไหมและเกี๊ยวเล่าให้ฟัง ฉันจึงตัดสินใจทำการบ้านเพื่อจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
“เอ๊ะ! สมุดการบ้านฟิสิกส์ อยู่ไหนนะ”
สมุดการบ้านของฉันหายไปหรือว่าจะลืมไว้ใต้โต๊ะที่โรงเรียน
‘ ทำไงดีว่ะ ’ ฉันพูดกับตัวเอง
ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย ที่สำคัญถ้าไม่ส่งได้สอบแก้ตัวแน่ๆ ฉันจึงตัดสินใจไปหาสมุดที่โรงเรียน
ซึ่งในยามวิกาลเช่นนี้โรงเรียนก็ย่อมตกอยู่ในความมืด มันน่ากลัวจริงๆนึกแล้วขนแขนของฉันก็ลุกเกรียวขึ้นโดยมิได้นัดหมายราวกับเป็นลางบอกเหตุ
“ ข่มใจไว้ น้ำเธอจะต้องไม่กลัว ”
ฉันพยายามปลอบใจตัวเอง
“น้ำจะไปไหนลูกนี่มันก็มืดแล้วนะ” เสียงของหม่าม๊าดังขึ้น
“ไปโรงเรียนนะแม่ น้ำลืมสมุดการบ้านไว้ ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วยไม่งั้นนะมีหวังแย่แน่ๆ ”
“งั้นก็เอาเจ้านพไปด้วยซิลูก แม่เป็นห่วง”
“โห่! หม่าม๊า ผมไม่ว่างหรอกให้เจ๊เค้าไปคนเดียวเลย”
เสียงของนพหรือ อารยะ น้องชายของฉันเอง เขาเรียนอยู่ชั้นม.4
ซึ่งอยู่คนละโรงเรียนกับฉัน นพเป็นเด็กค่อนข้างดื้อและเกเรเอาแต่ใจตนเองเหมือนกับฉันไม่มีผิด หน้าตาก็ตี๋ๆ สูง180 ซ.ม ผิวขาว หน้าคมเข้ม คิ้วเข้มราวกับเอาสาหร่ายมาแปะ และที่สำคัญนพก็มีหน้าตาที่คล้ายกับฉันมากๆ ที่สำคัญชอบหลีสาวมากๆโดยเฉพาะ ฝนเพื่อนของฉันเอง
นั่นละสเป๊กไอ้นพมัน ขาวๆอวบๆหน่อย อายุมากกว่านิดหนึ่ง
“ ไม่เป็นไรหรอกหม่าม๊า น้ำไปคนเดียวได้ เดี๋ยวว่าจะชวนฝนเกี๊ยวและไหมไปด้วยนะ น้ำไปนะ”
“ อย่ากลับดึกนะลูก”
“คะ” ^_^
หลังจากก้าวพ้นรั้วบ้านฉันก็รีบกดโทรศัพท์หาไหมทันที
“ แก ฉันเองเว่ย ตอนนี้ว่างอยู่รึเปล่านะ”
“ฉันไม่ว่างว่ะ กำลังช่วยแม่ขายของอยู่ มีอะไรรึเปล่าน้ำ”
“ไม่มีอะไรนะกะว่าจะชวนไปโรงเรียนหน่อยลืมสมุดไว้ ”
“ขอโทษนะน้ำ ฉันไม่ว่างจริงๆอ่ะ ที่ร้านคนเต็มเลย ลองไปชวนเกี๊ยวดูซิ”
“ ไม่เป็นไร แค่นี้นะ”
ฉันเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม โดยที่ไม่คิดจะโทรฯไปหาเกี๊ยวเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เกี๊ยวคงกำลังเล่นMSNกับพี่คิงอนาคตกิ๊กต่างโรงเรียนแน่ๆเลยไม่อยากขัดจังหวะและไม่คิดที่จะโทรฯไปหาฝนเพราะฝนคงไม่ว่าง กิจการร้านสวยพานิชย์ กำลังรุ่งและยุ่งอยู่แน่นอน
สักสิบนาที ฉันก็มาถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ ปกติแล้วโรงเรียนไม่อนุญาติให้เด็ก
นักเรียนเข้ามาโรงเรียนในยามวิกาลเช่นนี้ เพราะมียามเฝ้าที่หน้าประตูโรงเรียน แต่ตอนนี้กำแพงโรงเรียนฉันกำลังปรับปรุงสร้างใหม่ มันจึงยังพอปีนได้ฉันจึงตัดสินใจปีนรั้วโรงเรียนทางด้านทิศใต้เพื่อไม่ให้ยามเห็นได้
ตุบ!! “ โอ๊ย !เจ็บเป็นบ้าเลย ” ฉันร้องเสียงหลงเพราะเกิดพลาดท่าตกลงมา
ฉันลุกขึ้นและเปิดไฟฉายเพื่อที่จะเห็นทางได้ชัดเจนขึ้น บรรยากาศช่างน่ากลัวจริงๆมีหมอกควันปกคลุม อาคารต่างๆพุ่มไม้มองแล้วราวกับว่ามันมีชีวิตและกำลังจ้องมองฉันอยู่ ฉันจึงรีบเดินสาวฝีเท้าให้เร็วที่สุด ไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ และไปที่ห้องเรียนวิชาฟิสิกส์หมายเลขห้องคือ 315
ฉันใช้ลวดแหย่เข้าไปที่ลูกบิด การไขประตูแค่นี้คงไม่เกินความสามารถของฉันเพราะทำกุญแจบ้านหายบ่อย
โครม!!! เสียงอะไรนะ มันดังมาจากห้องข้างบนฉันจึงรีบเดินไปที่บันไดเพื่อไป
ตามหาที่มาของเสียงนั้น
“เอ๊ะ!เสียงเงียบไปแล้วหรือว่าจะเป็นเสียงของหนู”
ฉันหยุดสนใจเสียงนั้น และถอยหลังกลับไปไขประตูต่อ
กริ๊ง!! เสียงโทรศัพท์ ของใครกันนะ ? ในโรงเรียนก็ไม่มีใคร ฉันอยากรู้จึงหรี่ไฟฉายและเดินตามเสียงโทรศัพท์นั่นไป เสียงนั้นมันดังมาจากหลังอาคารวิทยาศาสตร์ และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็หยุดแต่มีเสียงคุยเข้ามาแทนที่ ภาพเบื้องหน้าที่ฉันเห็นคือภาพของนายชัดกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคุยอะไรกันเพราะเสียงคุยเบามาก
“ตอนนี้หาเหยื่อได้แล้ว แค่นี้ก่อนนะแล้วจะส่งข่าวไปบอก ” แต่เสียงคุยประโยคนี้ฉันได้ยินอย่างชัดเจน และมันทำให้ขาฉันสั่น และสิ่งที่ฉันสังเกตอีกอย่างคือถุงดำ เขาเอามาทำอะไรนะ?
ฉันจึงตัดสินใจกลับไปยังห้อง315เพื่อไปหาสมุด ก่อนที่ยามหรือนายชัดจะเห็นเอาได้ เพราะมันอาจเป็นอันตรายกับฉันได้ เมื่อฉันไขประตูเข้าไปได้ฉันจึงใช้ไฟฉายส่องหาสมุด
แต่ฉันก็พบกับความผิดหวังไม่มีสมุดบนโต๊ะ ฉันหมอบลงกับพื้นและส่องไฟหาดูใต้โต๊ะแทน
“ เจอแล้ว สมุดเฮงซวยกว่าจะเจอเล่นเอาเหนื่อยแทบตาย”
ฉันร้องขึ้นอย่างดีใจ เพื่อที่ฉันจะได้รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“เอ๊ะ ! นี่น้ำอะไรติดอยู่ที่สมุดนะ ”
ฉันรีบใช้มือแตะดูและนำมาดมตามวิสัยของเด็กแผนวิทย์
“ เลือด! เลือดนี่น่า ”
ฉันตกใจมากจึงใช้ไฟฉายส่องหาที่มาของเลือดแต่ก็ไร้ประโยชน์ฉันไม่พบที่มาของเลือดเลยมันเป็นแค่เลือดสองสามหยดเท่านั้น และมันเป็นเลือดของใครนะ?
ฉันไม่รู้ที่มาของมันจึงถอดใจ รีบออกจากห้องเพราะนี่ก็ปาไปสามทุ่มแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะเข้ามาอยู่ในโรงเรียนเกือบสองชั่วโมง ฉันจึงปีนกำแพงออกมาจากโรงเรียน ตลอดทางที่เดินกลับบ้านฉันได้นึกเรื่องนักโทษแหกคุกที่ไหมเล่าและไหนจะเรื่องที่นายชัดคุยโทรศัพท์อีกจะถุงดำและรอยเลือดบนสมุดฉันอีก นึกไปนึกมาฉันก็มาถึงหน้าบ้านพอดี
“กลับมาแล้วหรือ น้ำเป็นไงเจอสมุดไหมลูก ”
“ เจอแล้วคะอยู่ในห้องฟิสิกส์ หม่าม๊ายังไม่นอนหรือคะ ”
“ ลูกกลับมาแล้ว งั้นแม่ไปนอนนะลูก ”
หลังสิ้นเสียงของแม่ ฉันจึงรีบเดินขึ้นบันไดและเข้าห้องไป
‘เลือดนี่มันมาได้ยังไงนะ แปลกจริง ’
ฉันคิดในใจ
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก! เสียงเคาะประตู “ใครนะ เข้ามาก่อนซิ”
“ นพเอง นี่เจ๊ทำอะไรนะยังไม่นอนอีก ” เสียงน้องชายจอมป่วนถามขึ้น
“ ยุ่งนะ แกจะไปนอนก็ไปนอนซิ ” ฉันตอบไปอย่างขอไปที
“ ก็ได้วะ ไปก็ได้วัยรุ่นเซ็งเลย ”
ปั้ง!เสียงปิดประตูของนพมันดังจนทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าฉันทำผิดไปแล้วที่พูดแมวๆกับน้องเช่นนั้น ฉันรีบทำการบ้านและเข้านอนไปอย่างอ่อนเพลียและกังวลใจ
8.00 น. 26 ตุลาคม 2548
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!! “ น้ำ ตื่นได้แล้วลูก สายแล้วนะ”
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นและรีบหันไปมองนาฬิกา
“ ตายจริง!! แปดโมงเช้าแล้ว ”
ฉันรีบอาบน้ำและแต่งตัวภายในสิบห้านาที(อะไรจะเร็วปานนั้น) และรีบออกจากบ้าน
“ หม่าม๊า น้ำไปนะ”
เมื่อมาถึงโรงเรียนสิ่งแรกที่ฉันได้ยินและรับรู้ จากเกี๊ยวฝนและไหมเพื่อนร่วมห้อง มันทำให้ฉันเกือบเป็นลม
“ น้ำ ทำไมวันนี้แกมาสาย รู้ป่าวว่าตอนเช้าที่นี่วุ่นวายมากเลยนะ”
ไหมพูดขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น
“มีอะไรเหรอ ”
“ ก็มีเด็กตายในห้อง325ห้องชีวะฯนะซิ ก็น้องอัยย์เด็กมอต้นน้องรหัสแกไง น้องเขาผูกคอตายนะ” เกี๊ยวและฝนตอบขึ้นแทนไหม
“ อะไรนะ! น้องอัยย์ ใครเป็นคนเจอศพล่ะ” T-T
ฉันอยากจะเป็นลม และรีบถามทันทีเพราะฉันกับน้องอัยย์สนิทกันมาก
“ ก็ลุงชมนะซิ เพราะตอนเช้าลุงชมไปไขห้องจึงเข้าไป ก็เลยเจอศพน้องเขาพอดีนะ”
เมื่อไหมพูดจบฉันจึงวิ่งขึ้นไปที่ ห้อง 325ทันที หน้าห้องมีนักเรียนมามุงดูกันเต็ม
ฉันจึงตัดสินใจเบียดเสียดฝูงชนเหล่านั้น เข้าไปในห้องจนได้ ภายในห้องมีร่างของผู้ตายวางอยู่
ที่ข้อมือของอัยย์มีรอยกรีด มีเลือดไหลนองเต็มพื้นห้อง ตำรวจและแม่ของน้องอัยย์ก็อยู่ด้วย
ฉันเข้าไปหาและปลอบใจแม่ของอัยย์
“ แม่ไม่เป็นอะไรนะคะ ว่าแต่เมื่อวานอัยย์มาโรงเรียนแล้วเขาไม่บอกแม่หรือคะ ว่ามาทำอะไร”
“ เขาบอกว่าลืมของไว้จ๊ะ” แม่ของน้องอัยย์พูดไปสะอื้นไป
“ อัยย์เขาเครียดรึเปล่าคะ แต่อยู่โรงเรียนอัยย์ก็ร่าเริงดี”
“ ไม่นี่จ๊ะ อยู่บ้านก็ร่าเริงดี โถ่ ! อัยย์ไม่น่าเลยลูก” T-T
ฉันรู้สึกเสียใจมากไม่แพ้แม่ของอัยย์ ก่อนอัยย์จะเสียชีวิตฉันจำได้ อัยย์ได้มาชวนฉันไปงานวันเกิดที่บ้าน
อัยย์หรือ กานต์กวี น้องรหัสของฉันซึ่งที่โรงเรียนจะจัดให้น้องม.3กับพี่ม.5 เป็นบัดดี้กันซึ่งอัยย์ก็คือบัดดี้ของฉันนั่นเอง อัยย์เป็นน้องที่น่ารักมากๆคนหนึ่งที่ฉันรักเหมือนน้องแท้ๆ
ผิวขาว ตัวเล็กๆน่ารัก ดัดฟัน ฉันจำได้อัยย์บอกว่า
“ พี่น้ำต้องไปงานให้ได้นะ ไม่งั้นโกรธจริงด้วย”
“ พี่จะพยายามนะ ว่าแต่อัยย์อยากได้ของอะไรหรือเปล่าล่ะ พี่จะซื้อให้”
เมื่อได้ยินฉันพูดเช่นนั้นอัยย์ก็หัวเราะรวนแล้วบอกว่า
“ โถ่ พี่น้ำ ไม่ต้องทำขนาดนั้น อัยย์ไม่ต้องการอะไรหรอก แค่อัยย์มีพี่น้ำเป็นพี่สาวก็มากพอแล้ว” ฉันจำประโยคนี้ได้ดี ‘ พี่สาว ’ ฉันจะสืบให้ได้ว่าอัยย์เสียชีวิตเพราะอะไร T-T
ลุงชมเห็นฉันจึงเดินมาหาพร้อมกับเอ่ยถามฉันว่า
“ คุณน้ำ มาทำอะไรที่นี่ครับ ศพไม่น่าดูนะครับ ”
“ ลุงชมคะ ศพเสียชีวิตมากี่ชั่วโมงคะ ”
“ ตำรวจเขาบอกว่าศพน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคืนนะครับ ราวๆเกือบสามทุ่มได้นะครับ ”
สิ้นเสียงลุงชมมันทำให้ฉันอยากจะตะโกนหวีดร้องออกมาอย่างสุดแรงเกิด เพราะหากฉันตามเสียงนั้นไปฉันก็จะรู้ว่าฆาตกรคือใคร
ฉันทบทวนเรื่องทั้งหมด แสดงว่าเสียงเมื่อคืนที่ฉันได้ยินคงเป็นเสียงเก้าอี้ที่อัยย์ใช้ยืนก่อนที่จะผูกคอตาย และเลือดบนสมุดฉันก็เป็นเลือดอัยย์ที่มาจากข้อมือแน่ๆมันคงไหลซึมผ่านพื้นห้องลงมาทางเพดาน หากฉันแหงนหน้าขึ้นไปข้างบน อัยย์คงไม่ตาย ที่สำคัญเสียงที่นายชัดคุยโทรศัพท์ แล้วถุงดำนั่นละเขาใส่อะไรนะ จะว่าชิ้นส่วนของศพก็ไม่ใช่
นายชัดอาจเป็นฆาตกรหรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะหลักฐานไม่ชัดเจน ตำรวจก็สันนิธานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ใครกันนะฉันเริ่มเกิดอาการสับสนอีกครั้ง ทันใดนั้นสายตาอันว่องไวของฉันก็เหลือบไปเห็นมวนบุหรี่ที่สูบแล้วมวนหนึ่ง
ฉันจึงรีบไปเก็บมันไว้เป็นหลักฐานในการหาตัวคนร้าย ฉันจะหาฆาตกรใจอำมหิตให้ได้ จะไม่ยอมให้น้องอัยย์ตายฟรีๆแน่
“ เอ้า น้ำนี่เธอก็เป็นไทยมุงด้วยเหรอ ”
เสียงของนัทถามและรีบเดินมาหาฉันพร้อมด้วยหมง
“ ใช่! แล้วนายสองคนจะไปไหนเหรอ หรือว่าจะไปดูศพล่ะ”
“ ป่าว เราสองคนแค่จะไปส่งการบ้านฟิสิกส์นะจ๊ะที่รัก ”
เสียงกวนๆของหมงพูดขึ้น
“ เมื่อกี๊เห็นไหมฝนและเกี๊ยวตามหาเธออยู่นะ ”
“ ขอบใจนะนัท ฉันไปละ”
ฉันรีบกล่าวลาและรีบไปหาเพื่อนสาวทั้งสามทันที
ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยที่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับคนเดียว ฉันต้องหาทางระบายมันออกมา ฉันจะบอกเกี๊ยวฝนและไหมดีไหมนะ
“ น้ำ เป็นไรแกคงเสียใจเรื่องอัยย์ใช่ไหม”
เกี๊ยวถามฉันด้วยความหดหู่ใจ
“มันก็ใช่นะ แต่ฉันมีเรื่องไม่สบายใจอีกเรื่องนะ”
“ มีเรื่องอะไรบอกเราฝนและก็เกี๊ยวได้นะ อย่าลืมซิว่าถ้าแกทุกข์เราทั้งสามคนก็ทุกข์ด้วยนะ”
คำพูดของไหมทำให้ฉันตัดสินใจเด็ดขาดเลยว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับเขาทั้งสาม เพราะฉันไม่แน่ใจว่าน้องอัยย์จะเป็นศพเดียวและศพสุดท้ายหรือไม่
“ ฉันมีเรื่องจะบอกพวกแกสามคนว่ะ ”
ฉันก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่ฉันประสบพบมาให้ทั้งสามฟัง แต่ฉันไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ฉันเล่าเรื่องเหล่านั้นได้มีชีวิตหนึ่งชีวิตแอบฟังฉัน แต่ฉันก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าใครที่แอบฟังฉันอยู่เพราะเขาแอบอยู่
“ น้ำ !นี่แกรู้เรื่องแบบนี้ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่แรก ” เสียงของฝนตำหนิฉัน
“ ขอโทษนะ ฉันไม่อยากให้พวกแกต้องกังวลนะ”
“ แล้วเราจะทำไงดีล่ะ ลำพังเราสี่คนคงสืบเรื่องนี้ยากแน่” เกี๊ยวพูดแทรกขึ้น
“ เราสี่คนก็เยอะแล้วนะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้มากกว่านี้นะ ” ฉันกล่าวขึ้น
“ ไม่นะน้ำ เราน่าจะชวนนัทกับหมงร่วมด้วยนะ ” ไหมเสนอคำแนะนำ
“ ไม่นะไหม ถ้ามีนายหมงฉันยอมตาย” T-T
“ เอาเป็นว่าเรา สี่คนจะช่วยกันสืบเรื่องนี้นะ”
เมื่อตกลงกันได้ฉันไหมฝนและยัยเกี๊ยวก็รีบไปเข้าเรียน ตลอดเวลาทั้งวันเราสี่คน
ได้เฝ้าสังเกตนายชัดอย่างไม่คาดสายตา แต่ก็ไม่มีท่าที่หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัยแต่อย่างใด
15.30 น. 26 ตุลาคม 2548
ได้เวลากลับบ้านแล้วเราสี่คนนัดกันว่าคืนนี้จะมาสืบเรื่องนายชัดอีก
“ เจอกันสองทุ่มนะ อย่าผิดนัดล่ะ ”
ฉันกล่าวเตือนไหมฝนและเกี๊ยว
ฉันเดินออกจากประตูโรงเรียนด้วยอาการของคนใจลอย ฉันเดินข้ามถนนหน้าโรงเรียนโดยไม่ดูว่ามีรถกำลังวิ่งผ่านมา
ปรืน!!!เสียงแตรรถดังขึ้นฉันตกใจมากและรู้ตัวว่าคงโดนรถชนแน่ๆ ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งมาผลักตัวฉันไปข้างๆทาง ฉันรอดอย่างหวุดหวิด
“ เป็นยังไงบ้างหนู ” เสียงห้าวๆถามฉัน
“ ไม่เป็นอะไรคะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้” หลังกล่าวขอบคุณฉันก็ต้องตะลึงกับหน้าตาของคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้
ใช่!!เขาคือนายชัด ภารโรงคนใหม่ เขาเป็นคนช่วยฉัน ฉันรู้สึกอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมเขาจึงช่วยฉันละ? ทั้งที่ฉันคิดว่าเขาฆ่าอัยย์
16.50 น. 26 ตุลาคม 2548
ฉันเดินกลับบ้านอย่างเสียขวัญ เมื่อถึงบ้าน
“ น้ำ เป็นอะไรลูกสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
หม่าม๊าทักขึ้นหลังจากฉันกลับถึงบ้าน
“ สงสัย อกหักมั้ง แต่จะอกหักได้ยังไงแฟนยังไม่มีเลย” ^_^
นพพูดแทรกขึ้นและหัวเราะรวน
“ น้ำ เกือบโดนรถชนนะ ”
เสียงที่ฉันพูดออกไปมันทำให้นพหัวเราะไม่ออกและอึ้งไป
“ เจ็บตรงไหนไหมลูก ”
“ ไม่เจ็บเลยคะ พอดีภารโรงที่โรงเรียนช่วยไว้ทัน ”
“ แล้วเจ๊ไปเดินอีท่าไหนล่ะ รถมันถึงเกือบจะชนเอานะ ”
น้ำเสียงนพดูจริงจังกว่าทุกทีที่พูดกับฉัน
“ ใจลอยนิดหน่อยนะ คิดอะไรเพลินๆ ”
“ เป็นไงลูก เรื่องที่หนูอัยย์เขาเสียชีวิตนะ ไม่น่าเลยยังเด็กแท้ๆ”
“ ช่าย ยังเด็กแท้ๆ แถมยังน่ารักอีกต่างหาก” ^_^ เสียงเจ้านพพูดขึ้น
“ ทะลึ่ง! แกพูดยังงี้เดี๋ยวอัยย์ก็มาหักคอหรอก ”
“ก็ไม่เป็นอะไรนะคะ ตำรวจเขาบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่น้ำไม่เชื่อ อัยย์ไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ”
ฉันพูดจบจึงรีบเดินเข้ามาในห้องและรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อคืนนี้จะได้ไปปฏิบัติการสืบหาคนร้ายสักที
“เอ๊ะ!! อะไรนะ ฉันเอามือล้วงกระเป๋ากระโปรง และหยิบสิ่งนั้นออกมา มวนบุหรี่นี่ ฉันจำได้ว่าพบมันตกอยู่ใต้โต๊ะข้างๆที่เกิดเหตุ ไม่แน่บุหรี่มวนนี้อาจเป็นของฆาตกรก็เป็นได้ ทันใดนั้นความคิดของฉันก็ผุดขึ้นมา ตอนเย็นนายชัดมาช่วยฉันไว้ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเขาสูบบุหรี่อยู่นี่นา
บุหรี่นี่อาจเป็นของนายชัด .........
ฉันรู้สึกเบื่อจึงเปิดคอมพิวเตอร์และเช็คอีเมลล์
เฮ้ย!! มีอีเมลล์มาหาฉัน 1 ฉบับ มันเป็นของน้องอัยย์! ในอีเมลล์เขียนว่า
หวัดดี พี่น้ำ ^_^
ตกใจล่ะซิ พี่น้ำ อัยย์มีเรื่องจะให้พี่ช่วยหน่อย คืออัยย์ลืมของไว้ที่โรงเรียน
อยากให้พี่น้ำไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ เพราะอัยย์ไม่กล้าไปคนเดียวนะ ตกลงไหม ถ้าตกลง
ตอบกลับด้วยคร๊าบบบ 555++
อัยย์ ^_^
ฉันไม่คิดเลยว่า อีเมลล์นี้อัยย์ได้ส่งมาให้ในวันที่ 25 ตอนเย็น ซึ่งคืนนั้นเป็นคืนที่อัยย์ได้เสียชีวิต และถ้าฉันเช็คอีเมลล์ก่อนหน้านี้ อัยย์คงไม่ตาย หากตายก็คงเป็นฉันด้วย แสดงว่าอัยย์ไม่ได้ฆ่าตัวตายแน่นอน แล้วใครกันล่ะที่เป็นฆาตกรที่ฆ่าอัยย์
เออ!เกือบลืมนี่มันสองทุ่มแล้วนี่ ได้เวลานัดแล้ว ฉันจึงออกจากห้องและมุ่งหน้าไปโรงเรียนทันที
20.00 น. 26 ตุลาคม 2548
ฉันมารอไหมฝนและเกี๊ยวที่หน้าโรงเรียนแล้ว แต่ยังไม่เข้าไปในโรงเรียนเพราะมียามมาเดินอยู่หน้าโรงเรียนฉันจึงต้องแอบอยู่ข้างๆ กำแพง ฉันรอสามสาวอยู่แต่ไม่มีวี่แววที่สามคนนั้นจะมาเลย ฉันจึงรีบกดโทรศัพท์ไปหาไหมทันที
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ”
ตายจริงติดต่อไหมไม่ได้เลย จะทำไงดีล่ะทีเนี้ย ฉันจึงรีบกดโทรศัพท์ไปหาเกี๊ยว
“ เกี๊ยวเหรอ ตอนนี้แกอยู่ไหนนะ” ฉันถาม
“ อยู่โรงพยาบาล ไหมโดนรถชนนะ”
เกี๊ยวตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า
“เฮ้ย! เป็นไรมากป่ะ แล้วโดนชนที่ไหนใครชนล่ะ” ฉันถามรัว
“ หน้าปากซอย บาดเจ็บนิดหน่อยนะ”
“ แล้วเรื่องที่จะมาที่โรงเรียนล่ะ”
“ เอาไว้ก่อนเถอะ ฉันคงไปไม่ได้แล้วละ ฝนก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ” เกี๊ยวตอบ
บ้าจริง! ไหมดันมาโดนรถชน เกี๊ยวกับฝนก็มาไม่ได้ แล้วเราล่ะจะทำไง ฉันตัดสินใจปีนกำแพงไป และเดินไปที่อาคารวิทยาศาสตร์ และมุ่งตรงไปยังหลังอาคารทันทีระหว่างทางฉันเดินผ่านห้องดนตรีไทย ฉันได้ยินเสียงระนาด ใครเล่นระนาดนะ หรือฉันอาจหูแว่วไป ฉันไม่สนใจเพราะเป็นที่เลื่องลือว่าห้องดนตรีไทยมีผีดุ
ฉันจึงรีบเดินจากไปทันที เมื่อฉันไปถึงที่หมาย สิ่งที่ฉันเห็นมันคือ ร่างของนายชัด กำลังง่วนอยู่กับการลับมีด มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก ทันใดนั้นก็มีมือ ข้างหนึ่งมาจับที่แขนของฉัน ฉันใจสั่นไม่กล้าที่จะหันไปดู
ตัวของฉันแข็งทื่อ
“ ใครนะ ” ฉันเปล่งเสียงออกไป
“ เราเอง ” เสียงนั้นทำให้ฉัน โล่งอก
“ นายเองเหรอนัท ตกใจหมดเลย”
“ ใช่ ! น้ำคิดว่าใครล่ะ”
“ นายมาได้ไง หรือว่า นายแอบฟังที่ฉันพูดกับเกี๊ยวฝนและก็ไหมนะ”
“ใช่ เราขอโทษ ที่แอบฟังแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ ไม่ได้ตั้งใจฟัง”
นัทตอบด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ ไม่เป็นไร นายมาก็ดี ฉันจะได้มีเพื่อน”
“ แล้วเธอคิดว่า นายชัดคือฆาตกรเหรอ น้ำ”
“ ใช่ ก็นายดูซิเขากำลังลับมีดนะ จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ ภาพมันฟ้อง”
“ แต่เราว่าค่อยๆ สืบก็แล้วกัน อย่าใจร้อน คนบริสุทธิ์อาจเป็นแพะก็ได้”
“เป็นแพะเป็นแกะแล้วไงล่ะ อัยย์ต้องมาตายฟรีๆ ฉันไม่ยอมนะนัท”
“อย่าวู่วามซิน้ำ ใจเย็นๆ”
“ เอาเถอะ นายว่าไง ฉันก็ว่าตาม ฉันไม่มีสิทธิ์เลือกนี่! แต่ฉันไม่ยอมให้น้องอัยย์ตายฟรีแน่”
ฉันพูดประชดไปซะงั้น
“ เออ ฉันมีเรื่องบอกนาย คืออัยย์ไม่ได้ฆ่าตัวตายนะ”
“ น้ำว่าไงนะ อัยย์ไม่ได้ฆ่าตัวตายเหรอ”
“ ใช่ ฉันได้รับเมลล์จากอัยย์ เขามาชวนฉันไปโรงเรียนในคืนที่เกิดเหตุ เพื่อไปเอาของที่เขาลืมไว้นะ”
“ แต่เธอก็มาโรงเรียนนี่”
“มันก็ใช่ แต่ฉันเพิ่งมาเปิดเมลล์ดูตอนเย็นแล้วนะซิ ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านั้น น้องอัยย์คงไม่ตาย”
“ แล้วเราจะทำไงต่อล่ะน้ำ ” นัทพูดขึ้น
“นี่นายไม่รู้รึไงว่ากำลังพูดอยู่กับอธิชชาคนเก่ง ฉันก็ต้องมีแผนอยู่แล้วแหละ เราต้องจับตาดูนายชัดให้ดีก่อน”
หลังพูดจบ ฉันและนัทก็หันมาจับตาดูนายชัด แต่!!! นายชัดได้หายไปแล้ว
กรี๊ด!! ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้นมันเป็นเสียงที่ทำให้สัณชาตญาณของฉันรู้ว่าความตายได้เกิดขึ้นกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแล้ว ฉันและนัทรีบวิ่งไปโดยไม่ต้องพูดพร่ำอะไร เสียงนั้นมันดังมาจากห้องดนตรีไทยนี่เอง
“ เสียงมันหายไปแล้ว นี่นัท ”
“ ใช่ เราขึ้นไปดูข้างบนกันเถอะ ”
“ แต่ มันจะดีหรือ เอ๊ะ! นั่นใครเดินลงมานะ นายเห็นไหม”
เสียงฉันสั่นพร่าด้วยความกลัว
“เห็นซิ หลบก่อนเร็ว” นัทพูดขึ้นพร้อมกับดึงมือฉันไปหลบใต้บันได
“นี่นายจะฆ่าฉันอีกคนรึไง” ฉันพยายามจะพูดแต่นัทได้ใช้มือปิดปากฉัน
“ก็เงียบๆซิ เดี๋ยวก็โดนจับหรอก” นัทตะคอกใส่ฉัน
“เงียบก็ได้ว่ะ แต่นายต้องเอามือออกจากปากฉันก่อนนะโว้ย”
“ ก็ได้ ” ^_^
นัทตอบพร้อมกับเอามือออกจากปากฉัน
“ หยุดนะ ใครนะ ”
เสียงยามร้องตะโกน ชายผู้นั้นก็รีบวิ่งหนีไป
“ นัท เราจะออกไปหายามไหม ” ฉันถามนัท
“ ถ้าเราออกไปตอนนี้ เราก็แย่ซิ เราสองคนตามชายคนนั้นไปดีกว่า ทางนี้ยามคงจัดการได้”
“ แต่ ฉันอยากรู้ว่าผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นคือใครกันนี่”
“เดี๋ยวรู้เองแหละ ไปเหอะ”
นัทกล่าวพร้อมกับลากแขนฉันออกไป
ฉันและนัทตามเงาของชายผู้นั้นไปติดๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว เงานั้นหายไปทั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“ นี่เราจะทำไงดี นัท”
“ไม่รู้ซิ กลับบ้านมั้ง”
“ แต่...ฉันว่าก่อนกลับบ้านนายปล่อยมือเราก่อนก็ดีนะ จะหลอกเต๊ะอั๋งฉันล่ะซิ”
“ โทษที ลืมตัวไปน่ะ เรากลับกันเถอะ” ^_^
“ แล้วเราจะไม่ไปห้องดนตรีไทยเหรอไง”
“ ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ก็รู้เอง เรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องนะ”
นี่มันก็เกือบสามทุ่มแล้ว ฉันและนัทรีบเดินออกจากโรงเรียนไปโดยที่ฉันยังกังวลว่าผู้เคราะห์ร้ายผู้นั้นคือใครกัน คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆเลย
7.30 น. 27 ตุลาคม 2548
วันนี้ฉันรีบไปโรงเรียนเป็นพิเศษเพื่อที่จะได้รีบไปที่ห้องดนตรีไทยเพื่อดูสถานที่เกิดเหตุเมื่อคืน
“ น้ำ !! มาทำอะไร เขาไม่ให้เด็กไปมุงดูนะ”
เสียงของเกี๊ยวพูดขึ้นพร้อมกับเสียงหายใจอย่างเหนื่อย
“ป่าว ว่าแต่ใครคือผู้โชคร้ายนั่นล่ะ”
ฉันถามด้วยความสงสัย
“ ว่าแต่เมื่อคืนเธอไม่ได้มาโรงเรียนใช่ไหมน้ำ”
“ ป่าวนี่ จะให้ฉันมาคนเดียวได้ไงล่ะ”
ฉันจะทำไงดี ฉันไม่น่าโกหกเกี๊ยวและฝนเลยแต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่สั่งให้ฉันต้องโกหกไป
“ ไหมเป็นไงบ้างละฝน ฉันไม่ได้ไปเยี่ยม โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรน้ำ มันเป็นเรื่องฉุกเฉินนะ”
“ เอ๊ะ!นั่นลุงชมเดินมานี่ ไปถามกันเถอะ”
ฉันพูดพรางลากเกี๊ยวและฝนไปหาลุงชมทันที
“หวัดดีคะ ลุงชม”
เสียงของเรากล่าวทักทายลุงชมพร้อมกัน
ลุงชมยิ้มและกำลังจะพูดแต่ฉันแย่งพูดขึ้นมาว่า
“ เกิดอะไรในห้องดนตรีไทยคะ”
“ เมื่อคืนมีคนฆ่านักเรียนที่มาซ้อมดนตรีไทยนะครับ”
“อะไรนะคะ นักเรียนที่มาซ้อมดนตรีไทย” ฉันถามขึ้นอย่างตกใจ
“ แล้วใครล่ะคะ” เกี๊ยวถาม
“ หนูปอม นะครับ ”
เสียงของลุงชมกล่าวอย่างสลดใจและเดินออกไป ฉันได้ฟังก็แทบจะเป็นลม
พี่ปอม หรือ อิศริยากร นักเรียนชั้นม.6 พี่ปอมนับว่าเป็นคนสำคัญของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ พี่ปอมเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลอีกทั้งยังเป็นประธานชมรมดนตรีไทยอีกต่างหาก พี่ปอมเป็นคนน่ารัก ใจดี เป็นกันเองกับรุ่นน้อง และฉันจำได้ดีตอนรับน้องใหม่ตอนม.4 ฉันเป็นน้องรหัสของพี่ปอมด้วย
ฉันไม่คิดเลยว่าพี่ปอมจะมาจบชีวิตแบบนี้
“ นี่มาทำอะไรที่นี่นะ เขาไม่ให้เด็กเข้ามานะ”
เสียงดุดันตะคอกใส่ฉัน ใช่!!! มันเป็นเสียงของนายชัด แววตาของเขาเป็นประกายดุดันและน่ากลัว เขายืนอยู่หน้าฉัน ฉันสั่นด้วยความกลัวแต่ก็สั่นสู้
“ ก็พวกเราอยากรู้นี่คะว่าพี่ปอมตายเพราะอะไร ”
“ ตำรวจเขาบอกว่าอาจเป็นการฆ่าตัวตาย เธอรีบไปซะ นังหนู”
“ แต่พี่ปอมไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ อาจโดนคนเลวๆ ฆ่าก็ได้”
“ แล้วเธอรู้เหรอว่าใครฆ่า เก่งจังเลยนะ”
“ก็เมื่อคืนหนู .เอ่อ ”
“ เมื่อคืนอะไร พูดมาซิ ”
“ก็เมื่อคืนหนู ก็อยู่บ้านนะซิ ไปดีกว่า...” >o<
พี่ปอมนับว่าเป็นศพที่สองแล้ว โรงเรียนของเราจึงเป็นที่รู้จักกันดี
ทำไงดีว่ะ ฉันจะทำยังไงดีนะ T-T
16.00 น. 27 ตุลาคม 2548
เย็นวันนี้ฉันไปเยี่ยมไหมที่โรงพยาบาล ไหมดีขึ้นแต่แขนยังเจ็บอยู่
“ น้ำเป็นไงบ้างว่ะที่โรงเรียน”
ไหมถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“ก็เรื่อยๆ แล้วเกี๊ยวกับฝนไม่เล่าอะไรให้แกฟังหรือ”
“เกี๊ยวยังไม่มาเลย ได้ข่าวว่าทะเลาะกับพี่คิง ส่วนฝนก็รีบกลับไปช่วยแม่ขายของนะ”
“ งั้นน้ำ แกก็เล่าให้ฉันฟังซิ”
“ได้ ตั้งใจฟังนะ”
ฉันก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนและเหตุการณ์ที่ฉันและนัทไปประสบมา
“เอ้ย นี่เมื่อคืนนั้นแกไปโรงเรียนหรือ”
“ใช่ ฉันไปคนเดียวแต่บังเอิญไปเจอนัท”
“ถ้างั้น นัทก็รู้เรื่องหมดแล้วนะซิ แล้วนายหมงละ”
“ยังไม่รู้ฉันไม่บอกหรอก บอกไปมันก็หาเรื่องเปล่าๆ”
“น้ำ ฉันว่ามันคงมีศพที่สามแน่ๆเลยละ ฉันกลัวจริงๆ” ไหมพูดพูดพลางเขย่าแขนฉัน
“ใช่ แต่ฉันก็สงสัยนะไหมว่า ฆาตกรมันฆ่าเด็กในโรงเรียนทำไมกัน มันต้องมีสาเหตุซิ”
“ ใช่ น้ำ หากเราหาสาเหตุได้ ทุกคนคงไม่โดนฆ่า”
“ใช่ แล้วจะให้เราทำไงละไหม จนปัญญาว่ะ”
“ก็ลองปรึกษานัทดูซิ”
“แล้วฝนกับเกี๊ยวรู้เรื่องเมื่อคืนรึยังละ”
“ยังเลยแต่กะว่าจะเล่าให้ฟังนะ”
“ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบกลับ แม่ไปเชียงใหม่ ส่วนไอ้นพก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้าน”
“โชคดีนะน้ำ กลับบ้านดีๆละ”
“จ้า ไปนะ”
ฉันกล่าวลาไหม และรีบกลับบ้าน ฉันเดินใจลอยนึกในใจว่าควรทำไงดี จึงตัดสินใจโทรไปหานัท
“ นัท ฉันเองนะ”
“ว่าไงน้ำ มีอะไร”
“ตอนนี้นายอยู่ไหนนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ตอนนี้เราอยู่ที่ร้านหนังสือนะ”
“อืม...เดี๋ยวเราไปหานะนัท”
“ได้ซิ เราจะรอนะ”
ฉันรีบเดินไปยังร้านหนังสือทันทีที่วางสายจากนัท
“นัท นี่นายมาซื้อหนังสืออะไร”
“อ้าวน้ำ เร็วดีจัง ว่าแต่มีอะไรกับเราละ”
“คือฉันจะมาปรึกษาเรื่อง
..นายชัดนะ” ฉันกระซิบเบาๆข้างหูนัท
“เราว่าเราไปคุยที่อื่นดีกว่านะน้ำ ที่นี่คงไม่ปลอดภัยนะ”
“ได้ แล้วเราจะไปไหนดี ฉันรีบกลับบ้านด้วย”
“เดินคุยไปก็แล้วกัน เราจะได้ไปส่งน้ำที่บ้านด้วย” ^_^
“เอางั้นหรือนัท ฉันกลัวรุ่นน้องจะตบเอานะเนี่ย” ^o^
“จะกลัวอะไร น้ำเก่งจะตาย”
“นี่นายประชดรึป่าวเนี่ย แต่ไม่เป็นไรรีบไปเหอะ”
ฉันรีบสาวฝีเท้าอย่างรีบเร่ง นัทก็ตามมาติดๆ
“ นัท ฉันว่ามันไม่ได้มีแค่สองศพแน่นอนเลย”
“ใช่ เราก็คิดอย่างนั้นนะ ว่าแต่..น้ำยังคิดว่านายชัดเป็นฆาตรกรอยู่หรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะใครละ หรือนายว่าไงละ”
“ไม่รู้ซิ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำไง”
“อ้าว!!นี่นายก็คิดไม่ออก ฉันนี่สงสัยว่าจะคิดผิดซะแล้วนะเนี่ย”
“อ้าว เธอโทรมาหาเราเองนะ โทษกันได้ไงละ”
“ ส่งฉันแค่นี้แหละ ”
“ทำไมละ ไปส่งถึงบ้านดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปนะ อย่าลืมไปคิดมาละ”
“อืม ”
หลังจากที่ฉันได้แยกกับนัท ฉันก็รีบมุ่งหน้าเข้าบ้านทันที ที่หน้าบ้านมีเจ้านพยืนตั้งท่าอยู่
“อ้าวไม่ไปบ้านเพื่อนหรือยะ”
“ขี้เกียจไปแล้ว ว่าแต่เจ๊ช่วยทำการบ้านให้นพหน่อยซิ”
“การบ้านอะไร ทำเองดิ”
“ก็วิชาภาษาไทย ครูเขาให้อ่านเรื่องและก็จดย่อๆนะ น๊าช่วยหน่อยนะเจ๊สุดสวย”
“ฉันรู้แล้วไม่ต้องชมหรอก หลักฐานมันเห็นตำตา”
“หลงตัวเองเป็นบ้าเลย”
“นี่ จะให้ช่วยรึเปล่า”
“ช่วยครับ”
“หนังสือเกี่ยวกับอะไรล่ะ”
“เกี่ยวกับแนวสืบสวนสอบสวนนะ”
หลังพูดจบนพก็หายจ้อยไปดื้อๆเลย การบ้านจึงเป็นหน้าที่ของพี่สาวที่แสนรู้ เฮ้ย!ไม่ใช่แสนดี
อย่างฉัน ฉันก็เลยหยิบหนังสือของนพ มาอ่านดูมันชื่อเรื่องว่า “แกะรอยนักฆ่าโรคจิต”
‘ตายจริง แม่เจ้า ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลยจอร์ด’ ฉันดีใจมากและแปลกใจที่หนังสือเล่มนี้มันตรงกับเหตุการณ์ตอนนี้มากๆ ฉันจึงเริ่มอ่านทันที
20.00 น. 27 ตุลาคม 2548
ฉันไม่รู้สึกตัวว่าฉันอ่านหนังสือที่นพ นำมาให้นานเท่าไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นพกลับมาและถามขึ้นว่า
“เจ๊ เป็นไงอ่านจบยัง”
“ จบพอดี”
“เป็นไงมั่ง สนุกไหมแล้วย่อเสร็จยัง”
“สนุกดี แต่ยังไม่ย่อเลย”
“อ้าว ก็รีบย่อซิส่งพรุ่งนี้นะไม่ได้ส่งปีหน้า”
“เออ รู้แล้วนะว่าแต่หนังสือพี่ขอนะ”
“ได้ซิ แต่อย่าลืมย่อละ เออ เจ๊นพหิวแล้วมีอะไรกินมั่งละ”
“ในครัวนะไปดูซิ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปข้างบนนะ”
ฉันรีบขึ้นไปที่ห้องนอนพร้อมกับโทรศัพท์หานัททันที
“ นัท ฉันเองนะ”
“มีอะไรเหรอน้ำ ดีใจจังที่น้ำโทรมา” ^_^
“ ฉันรู้แล้วว่าจะสืบเรื่องนี้ยังไง”
“แล้วจะสืบยังไงละ”
“เอางี้ พรุ่งนี้นายต้องไปหาบุหรี่ที่นายชัดสูบมาให้ได้ เข้าใจไหม”
“อ้าว แค่นี้เหรอน้ำ สบายมาก ชิวๆ”
“ช่าย แค่นี้นะแล้วพรุ่งนี้เจอกัน ”
พรุ่งนี้มันต้องสนุกแน่ๆเลย คอยดูนะ ฉันจะต้องสืบให้ได้ว่าฆาตกรที่แท้จริงคือใครกัน
ฉันรีบเก็บหนังสือและไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
7.30 น. 28 ตุลาคม 2548
เช้าวันใหม่อากาศแจ่มใสจริงๆฉันรีบไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อไปรอนัทและสามสาวที่ชมรมโฟโต้ ซึ่งฉันเป็นประธานชมรมนี้เอง มีสมาชิก20 กว่าคนเป็นนักเรียนมอปลายทั้งสิ้น ชมรมนี้จะเป็นชมรมที่ทำงานและเรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพทั้งภาพนิ่งและวีดิโอ
“อ้าวน้ำมาเร็วจัง คนอื่นมากันยังอ่ะ”
เสียงฝนกล่าวทักทายพร้อมกับเข้ามานั่งข้างฉัน
“ยังไม่ครบ ขาดไหมเกี๊ยวและก็นายนัทนะ”
ฉันพูดไม่ทันขาดคำ เกี๊ยวและนัทก็เดินมาทีทันที
“อ้าว หวัดดีน้ำ ฝน มานานยัง” นัทกล่าวขึ้น
“ก็สักพักแล้วละ แต่น้ำนี่ซิคงมานานแล้วละ” ฝนตอบ
“ไหมละเกี๊ยว”
ฉันถามด้วยความสงสัยเพราะคู่นี้จะมาพร้อมกันเสมอ
“ไหม ไม่มาโรงเรียนนะเห็นบอกว่าจะไปทำธุระกับแม่”
“แย่จัง”
“งั้นเราเข้าไปคุยข้างในดีกว่านะ ก่อนที่นายหมงจะมา”
ฉันกล่าวพร้อมไขประตูเข้าไปในห้องชมรม
“ฉันจะเริ่มพูดถึงแผนการเลยนะ”
“ฉันจะให้นายนัทไปหาบุหรี่ของนายชัดมา ส่วนฝนและเกี๊ยวก็คอยสังเกตนายชัดไว้ให้ดี”
“อ้าว แล้วเธอละน้ำ”
“ส่วนฉันก็จะเอากล้องวงจรปิดไปติดที่ห้องนายชัดนะซิ”
“โห่!! น้ำทำไมแกต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยละ มันเสี่ยงนะ” ฝนพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าฉัน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดว่าฉันทำได้ เอาเป็นว่าทำตามนี้นะ วันนี้ทุกคนแยกย้ายได้”
หลังจากที่จบการประชุมอย่างลับๆ ฉัน ฝนเกี๊ยวและนัทก็เข้าห้องเรียนตามปกติ
12.30 น.28 ตุลาคม 2548
ตอนพักเที่ยงเราทั้งสี่ก็แยกย้ายไปทำตามงานที่ได้รับมอบหมายกัน ส่วนฉันเองก็ยังไม่ปฏิบัติงานเพราะต้องปฏิบัติงานคืนนี้เท่านั้น ฉันจึงอาศัยช่วงที่ทุกคนไปสืบข้อมูลนายชัด
โดยหลบไปที่ห้องธุรการ เพื่อไปดูประวัตินักการภารโรงอย่างเงียบๆ
“น้ำ จะไปไหนจ๊ะ”
ฉันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงนี้พร้อมกับหันหลังไปมอง
“นี่ นายหมงมีอะไรก็รีบพูด คนกำลังรีบๆอยู่”
“เปล่า ไม่มีธุระอะไร แค่อยากรู้นะว่าน้ำจะไปไหน”
“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน นายหลีกไป”
“เดี๋ยวซิ ” หมงพูดพร้อมกับกระชากแขนฉันและดึงไว้
“นี่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เราก็แค่จะถามนะ ว่าน้ำเห็นนัทรึเปล่านะ”
“ถามแค่นี้ทำไมต้องจับแขนฉันด้วย ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้” หมงปล่อยแขนฉันแต่โดยดี
“นัทเขาไปที่ชมรมมั้ง ไปดูเองซิ”
“แต่เราไปแล้วไม่เจอนี่ น้ำมีอะไรปิดบังเรารึเปล่า” หมงพยายามจับพิรุธฉันให้ได้
“เปล่านี่ ฉันจะไปปิดบังอะไรนายละ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปละ”
พูดจบฉันก็รีบไปทันที ฉันจะทำไงดีเนี่ย หมงคงเริ่มสงสัยแล้ว และต่อไปหมงคงต้องสงสัยไปมากกว่านี้แน่นอน ฉันเริ่มไม่สบายใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทันใดนั้นสมองของฉันก็เริ่มมีสติและคิดขึ้นมาได้ว่าฉันควรที่จะหาคนปรึกษา ฉันจึงรีบไปที่หมวดภาษาไทย โดยลืมไปว่าต้องไปหาประวัตินายชัด แน่นอนอยู่แล้ว ฉันต้องไปปรึกษาหารือกับอาจารย์ประไพ ครูที่ฉันเคารพและไว้วางใจมากที่สุด
“อาจารย์ สวัสดีคะ”
“อ้าว อธิชชา มีอะไรกับครูรึเปล่า”
“มีคะ แต่ถ้าหนูเล่าแล้วอาจารย์ต้องเก็บเป็นความลับนะคะ”
“ได้ซิ”
ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับอาจารย์ประไพฟังทั้งหมดและเรื่องที่สงสัยว่าฆาตรกรคือนายชัดด้วย
อาจารย์ประไพกึ่งยิ้มและหัวเราะเบาๆพร้อมกับพูดว่า
“ นี่ เธอคิดว่านายชัดเป็นฆาตกรจริงๆนะหรือ”
“คะ ว่าแต่ว่า อาจารย์คิดว่าไงคะ”
“ครูว่าเราต้องพิสูจน์เรื่องนี้ให้แน่ใจก่อนนะก่อนที่จะไปปรักปรำใครนะ”
“แล้วจะทำยังไงละคะ”
“ตอนนี้ครูว่า เราเฝ้าสังเกตไปก่อนละกันนะ”
“คะ หนูจะพยายาม หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“จ๊ะ ตามสบายน”
หลังจากที่กลับจากห้องภาษาไทย ฉันก็รีบกลับมาที่ห้องเรียนเพื่อรอฝนเกี๊ยวและนัท ฉันรอสักสิบนาที ทั้งสามก็กลับมาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ
“เป็นไงบ้าง ได้หลักฐานไหมนัท”
“ได้ซิ แต่กว่าจะได้เกือบแย่ นี่ไงบุหรี่ของนายชัด ว่าแต่น้ำจะเอาไปทำอะไรละ”
“เอานะ เดี๋ยวก็รู้”
นัทยื่นบุหรี่หนึ่งมวนที่สูบแล้วมาให้ฉัน ฉันจึงรีบเก็บไว้เป็นหลักฐาน
“ส่วน พวกเราสองคนก็เกือบแย่นะ มองนายชัดอยู่ดีๆ แกก็เข้ามาหาพวกเราและถามเราสองคนว่ามาทำอะไรกันนะ”
“แล้วเธอสองคนตอบว่าไงละ”
“เราก็ไม่ตอบอะไร เราก็รีบวิ่งมาเลยซิ กลัวแทบแย่”
“แล้วได้อะไรมาบ้างละ”
“ก็นิดหน่อย คือเราเห็นนายชัดลับมีดอีกแล้วละ คราวนี้หลายเล่มเลยทีเดียว”
“นายชัดจะลับไปทำอะไรนะ” นัทเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“นั่นซิ น่าสงสัยจริงๆ”
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงระฆังดังขึ้นนั่นหมายถึงเวลาพักได้หมดลงนั่นเอง เราทั้งสี่คนรีบกระวีกระวาดไปนั่งที่โต๊ะเรียน ฉันสังเกตว่าหมงมักจะหันมามองฉันและคนอื่นๆอย่างสงสัย ฉันคิดว่าหมงคงไม่ไว้วางใจเราเป็นแน่
15.30 น. 28 ตุลาคม 2548
หลังเลิกเรียนฉันฝนและเกี๊ยวรีบออกจากห้องพร้อมด้วยนัท แต่เราทั้งสี่ไม่ทันเดินลงบันได หมงก็เข้ามาขวางไว้
“นี่พวกเธอจะไปไหนกันนะ นายด้วยนัท ”
“ก็กลับบ้านไง” ฝนตอบแทนทุกคน
“แล้วทำไม.. นัทต้องไปกับพวกเธอด้วยละ”
“อ้าว ก็นัทเขากลับทางเดียวกับพวกเรานี่ ว่าแต่มันเรื่องอะไรของนายละ”
เกี๊ยวสวนกลับหมงทันที
“แล้วเธอละน้ำ คิดจะไม่พูดอะไรบ้างเหรอไงนะ” หมงพูดด้วยสีหน้าเคืองๆ
ฉันไม่พูดอะไร รีบฉุดมือฝนและเกี๊ยวให้รีบลงบันไดไป ส่วนหมงก็คว้าแขนนัทไว้
และพูดกับนัท
“เพื่อนทรยศ นายนี่ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ”
ประโยคนี้ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักและหันไปมอง
“ทรยศอะไรหมง นายจะบ้ารึไง”
“นายชอบน้ำใช่ไหม นายก็รู้ว่าฉันกับน้ำชอบกันอยู่นะ”
ฉันไปรอช้าคำพูดของหมงมันทำให้ฉันเดือดพล่าน ฉันจึงตบหน้าหมงไปหนึ่งที ทุกคน ณ ที่นั้นเงียบไม่มีเสียงใดๆนอกจากคำพูดของฉันที่เปล่งออกมา
“นี่ นายคิดว่าฉันเป็นของเล่นรึไง ที่ใครจะเป็นเจ้าของก็ได้”
“แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธนี่น้ำ ว่าเธอไม่ได้ชอบนัทนะ”
“ฉันจะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธ มันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย และฉันกับนายก็ไม่เคยเป็นอะไรกันด้วย”
ฉันพูดจบและรีบเดินหนีไป ปล่อยให้นัทหมงเกี๊ยวและฝน อึ่งอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฉันไม่รู้ตัวเองว่าเดินออกมาจากโรงเรียนนานแค่ไหน
ฉันโกรธมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันไม่อยากกลับบ้าน จึงเดินไปที่สวนสาธารณะใกล้ๆบ้านและนั่งอยู่ที่นั่น ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกิดกับฉัน
รู้ตัวอีกทีก็เย็นมากแล้วฉันจึงรีบกลับบ้าน T-T
20.00 น.28 ตุลาคม 2548
“นี่เจ๊ ทำอะไรนะ”
นพน้องชายตัวแสบถามฉันขึ้น หลังจากที่ฉันกำลังประกอบกล้องวงจรปิดอยู่
“กินข้าวอยู่ละมั้ง” ^_^
“ถามดีๆนะเนี่ย แล้วเจ๊จะเอากล้องตัวนี้ไปติดที่ไหนหรือ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกละ”
“ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายจริง”
“เปล่าหรอก แค่เอามาดูเล่นเฉยๆ เออเกือบลืมเดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกแป็บนึงนะ”
“จะไปไหนอีกละ นี่ก็มืดค่ำแล้วนะ ถ้าเจ๊เป็นอะไรไป เดี๋ยวหม่าม๊า ก็ด่า นพตายเลย”
“เออน่า แป็บเดียว แล้วจะรีบกลับนะ”
ฉันรีบคว้ากล้องพร้อมด้วยกระเป๋าสะพายออกไปทันที
ในไม่ช้าฉันก็มาถึงที่หน้าโรงเรียน รู้สึกว่าคืนนี้ยามจะเดินตรวจตราเป็นพิเศษจึงยากที่ฉันจะปีนไปได้ ฉันจึงเดินลัดเลาะไปทางทิศใต้ซึ่งกำแพงก็ยังกำลังก่อสร้างอยู่ ฉันจึงปีนกำแพงเข้ามาทางห้องดนตรีสากลและรีบเดินไปยังหลังอาคารวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะนำกล้องไปติดที่ห้องนายชัด ฉันใจเต้นตุ๊บๆต่อมๆ นั่น!อะไรนะ มันเป็นเงาดำๆ คล้ายกับเงาของคน เงานั้นควักมือเรียกฉัน ฉันจึงเดินเข้าไปหาเงานั้น ช่างไม่น่าเชื่อ!!เงานั่นกลับชัดขึ้นชัดขึ้น ฉันตกใจจนขนลุกซู่
อัยย์!!ฉันอุทานเสียงดัง เงานั้นเป็นเงาของอัยย์ ไม่น่าเชื่ออัยย์ตายไปสองสามวันได้แล้ว
แต่จู่ๆอัยย์ก็ปรากฎให้ฉันเห็น ฉันไม่นึกกลัวเลย ฉันถามอัยย์ว่า
“อัยย์ เป็นไงบ้างพี่ขอโทษนะ พี่เปิดเมลล์ช้าไปนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่น้ำ อัยย์เจ็บเหลือเกินพี่น้ำ มันฆ่าอัยย์”
อัยย์ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นชวนขนลุก
“ใครกัน ที่เป็นคนฆ่าอัยย์ละ บอกพี่ซิอัยย์”
“มัน ..มันคือ..........”
อัยย์ไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นและจู่ๆร่างของอัยย์ก็หายไปทันที ฉันหันไปมองเสียงนั่น มันเป็นเสียงของยามที่กำลังเดินมา ฉันจึงรีบหลบโดยเร็ว บ้าจริง!ฉันเกือบรู้แล้วซิว่าใครเป็นคนฆ่าอัยย์และในการที่ฉันเห็นอัยย์ในคืนนี้ ทำให้ฉันแน่ใจว่าอัยย์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย
ฉันรีบเข้าไปยังห้องนายชัด ภายในห้องไม่มีใครอยู่ นายชัดอาจออกไปข้างนอกก็ได้ ภายในห้องมืดมีกลิ่นอับราวกับไม่ได้ทำความสะอาดมาแรมปี
มีเตียงเก่าๆวางอยู่ติดกับฝาผนัง ข้างๆมีตู้เสื้อผ้าใบเก่าๆ มีหยากไย่เต็มไปหมด
ซึ่งฉันไม่คิดเลยว่าห้องนอนของภารโรงภายในโรงเรียนจะดูทรุดโทรมขนาดนี้ เ ขาอยู่ไปได้ยังไงกันนะ ฉันจึงรีบนำกล้องไปติดที่ตู้เสื้อผ้า แต่เอ๊ะ! กล้องหายไปไหนนะ กล้องหายไป มันคงหายไปตอนที่ฉันวิ่งหนียามแน่ๆ ฉันจึงไม่ได้ติดกล้อง ฉันจึงสำรวจภายในห้องว่ามีเบาะแสอะไรบ้างแทน แต่ฉันก็ไม่พบหลักฐานอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทันใดนั้นก็มีเสียงคนคุยกันดังขึ้น เสียงนั้นค่อยๆดังเข้าใกล้ๆฉันขึ้นทุกทีฉันจึงรีบออกจากห้องนายชัดไป
ระหว่างทางฉันเดินผ่านห้องของลุงชม ห้องลุงชมดูจะสะอาดกว่าห้องนายชัดมาก ซึ่งฉันก็ไม่ได้เข้าไปข้างในแต่ดูจากภายนอกเอา ฉันรีบกลับบ้านตลอดทางฉันคิดว่าถ้าฉันเจออัยย์อีก ฉันก็คงจะได้รู้ว่าฆาตกรคือใคร ทันใดนั้นสมองส่วนล่างซ้ายของฉันก็คิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้ ว่าจะติดต่อกับอัยย์อย่างไร
คืนนั้นฉันหลับอย่างมีความสุขที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนฉันลืมไปว่าฉันลืมบุหรี่ไว้ในกระเป๋ากระโปรง
7.30 น. 29 ตุลาคม 2548
นี่ก็เป็นวันศุกร์แล้ว โรงเรียนเราก็เปิดมา5วัน เองไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนตาย ถึงสองศพด้วยกัน ฉันรีบไปโรงเรียนแต่เช้า ทุกสิ่งเป็นปกติ และฉันก็ยังลืมเรื่องบุหรี่ตามเคย
“น้ำ หวัดดี” เสียงไหมทักทายในยามเช้า
“เป็นไง ไปไหนมา”
“ไปเยี่ยมปู่กะย่านะ เราไปห้องกันเถอะ”
“อือ”
ระหว่างทางที่จะไปห้องเรียนฉันจึงถามไหมว่า
“ไหม แกมีกระดาษที่เขาใช้เล่นผีถ้วยแก้วรึเปล่า”
“ถามทำไม น้ำ”
“ว่าแต่แกมีใช่ไหมละ”
“ก็มี มันเป็นของน้องฉันนะ”
“ไหมช่วยเอามาให้เราหน่อยนะ ขอยืมหน่อยวันเดียวเองนะ”
“ก็ได้ ว่าแต่แกจะเอาไปทำอะไรละ”
“เออ น๊า”
เมื่อไปถึงห้องหมงฝนเกี๊ยวและนัทก็นั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองแล้ว ฉันจึงไม่พูดอะไรเพราะยังไม่พอใจกับเรื่องเมื่อวาน
“หวัดดี น้ำแกเป็นไงบ้างเมื่อคืน” ฝนกล่าวทักทาย
“ก็ดีนี่ ฉันขอตัวนะ”
“จะไปไหนน้ำ เรากับฝนไปด้วยซิ” เกี๊ยวถามขึ้น
“จะไปหาน้องไหมนะ”
“อ้าวไปทำไมกัน” ฝนถามตามประสาคนขี้สงสัย
“เอานะ อยากรู้ก็ตามมาซิ”
ฉันรีบไปยังห้องที่น้องของไหมเรียนทันที ทิ้งความสงสัยไว้กับฝนและเกี๊ยวที่เดินตามฉันมา
ฉันรอไหมสักห้านาที ไหมก็เดินออกมา พร้อมส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉัน
“ผีถ้วยแก้ว” ฝนและเกี๊ยวแหกปากลั่นพร้อมๆกัน
“ก็ผีถ้วยแก้วนะซิ เห็นเป็นแว่นตารึไง” ฉันตะคอกใส่ทั้งคู่
“ว่าแต่แกจะบอกฉันได้รึยังน้ำ ว่าแกจะเอาไปทำอะไร” ไหมถามพร้อมหันมามองฉัน
“เออนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงก็รู้เองแหละ”
เราทั้งสี่คนได้รีบไปเข้าแถวกันและเข้าเรียนในตอนเช้าอย่างปกติ
12.00 น. 29 ตุลาคม 2548
ตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยง เป็นเวลาที่พวกเราทุกคนต่างปรารถนามัน ทุกคนต่างมารวมตัวที่ชมรมโฟโต้อย่างพร้อมเพรียงทั้งเกี๊ยวฝนและไหม ขาดไปก็แค่นัท เรารอนัทสักห้านาที ในไม่ช้านัทก็มาถึง
“ขอโทษนะที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรหรอก เข้าเรื่องเลยละกันนะ”
ฉันไม่ชักช้ารีบเล่าเรื่องที่ฉันมาโรงเรียนเมื่อคืนและเรื่องที่ฉันเจออัยย์
“ผีน้องอัยย์!!” ทั้งสี่คนแหกปากร้องพร้อมๆกัน
“ก็เออนะซิ อัยย์มาหาฉันและกำลังจะบอกว่าฆาตกรโรคจิตคือใคร แต่ดันมียามเดินมา ร่างของอัยย์เลยหายไปก่อนนะซิ”
“อย่าบอกนะน้ำ ว่าแกจะเอาผีถ้วยแก้วมาเพื่อติดต่อกับน้องอัยย์นะ”
เสียงเกี๊ยวสั่นด้วยความกลัวซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่าเกี๊ยวกลัวผีเอามั๊กมาก
“ใครจะมาหรือไม่มาก็ได้ ฉันไม่ได้บังคับนี่”
“เรามาด้วยนะน้ำ อยากรู้เหมือนกัน”
นัทพูดขึ้นซึ่งก็เป็นผลให้ไหมและฝนอยากมาด้วย
“เรากับฝนมาด้วยนะน้ำ เราก็อยากเจออัยย์เหมือนกันนะ ว่าแต่แกล่ะเกี๊ยว”
ฝนพูดพร้อมหันไปสบตาเกี๊ยว ^_^
“ถ้าพวกแกมากันหมด ฉันก็ไม่มีสิทธิ์เลือกนะซิ”
“เอาเป็นว่าคืนนี้สองทุ่มตรงให้ทุกคนมารอหน้าโรงเรียนนะ ”
หลังจบจากการประชุมแบบลับๆของเราทั้งห้า พวกเราก็กลับไปเรียนในตอนบ่ายอย่างปกติ ตลอดเวลาฉันรู้สึกว่าหมงมักจะหันมามองฉันแปลกๆ หมงคงสงสัยเกี่ยวกับพวกเราแน่ๆ
หลังจากการเรียนในภาคบ่ายก็ถึงเวลาที่พวกเราจะได้กลับบ้าน ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่คืนนี้จะได้เจออัยย์สักที ทุกเรื่องที่พวกเราจะทำและเราพบเห็นเราก็จะเล่าให้อาจารย์ประไพฟังแต่อาจารย์ก็ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น มันก็น่าแปลกที่อาจารย์ไม่ห้ามพวกเราที่จะมาเล่นผีถ้วยแก้ว อาจารย์ไม่ห้ามเราไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันน่าแปลกจริงๆ
ฉันเดินกลับบ้านมาคนเดียวโดยไหมฝนและเกี๊ยวก็แยกย้ายกลับกันหมดแล้ว จู่ๆระหว่างที่ฉันเดินอยู่ หมงก็เข้ามาและพูดกับฉันว่า
“น้ำ...เอ่อ.. เราขอโทษนะที่พูดไม่ดีไปในวันนั้นนะ”
“อือ ขอโทษแล้วไงล่ะ คงสมใจนายซินะ” ฉันรีบเดินต่อไป
“น้ำ ฟังเราก่อนซิ เราขอโทษนะ”
“ก็รู้แล้วไง ฉันก็ไม่ได้โกรธด้วย นายจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“ไม่โกรธจริงนะ”
“อือ”
“ เราไปส่งที่บ้านนะ”
หมงพูดพร้อมเดินมาข้างหน้าฉัน ฉันหยุดเดินและเงยหน้ามามองหมง
“นี่ นายจะเอายังไงกับฉันนะหมง”
“เราแค่อยากไปส่งน้ำนี่”
“แต่ฉันกลับเองได้ นายอย่าทำให้ฉันลำบากใจมากกว่านี้เลยนะ”
“ลำบากใจรึน้ำ” หมงพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้า T-T
“ใช่ ลำบากใจมากด้วย” ฉันกัดฟันพูดเพื่อที่จะรีบกลับบ้านซักที
“ก็ได้ เราไม่ใช่นัทนี่”
“นี่! นายนัทเกี่ยวอะไรด้วย”
“นัท ชอบเธอไงน้ำ เธอได้ยินไหม! ได้ยินไหม๊น้ำ นัทชอบเธอ” หมงพูดพร้อมๆกับเขย่าตัวฉัน
ฉันจึงผลักตัวหมงออกไปและตบหน้าหมงไปหนึ่งที หมงอึ้งไป
“เป็นไงละหายบ้ารึยัง คราวหลังนายอย่าพูดหมาๆอย่างนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
“แต่นัทเขาชอบเธอนี่”
“แต่ฉันไม่ได้ชอบนัทนะโว๊ย ” ฉันตะคอกใส่หมง
“จริงหรือน้ำ” ^_^ หมงยิ้มพลางเอามือจับแก้มที่โดนฉันตบ
ฉันไม่พูดอะไรและรีบเดินจากไปทันที
20.00 น. 29 ตุลาคม 2548
นี่ก็เป็นเวลาสองทุ่มตรงฉันออกจากบ้านพร้อมผีถ้วยแก้ว หวังว่าฉันคงรู้ว่าฆาตกรคือใคร
คราวนี้หละ เสร็จโจ๋แน่
ทุกคนมารอกันที่หน้าโรงเรียนโดยที่ฉันมาถึงเป็นคนสุดท้าย
“ กว่าจะมานะน้ำ ทำไมแกมาช้าจัง”
“โทษทีนะฝนคือฉันไม่ค่อยสบายนะ”
“เรื่องหมงใช่ไหมน้ำ” นัทถามพร้อมหันมามองหน้าฉัน
“ เปล่านิ ถ้าพร้อมแล้วเราไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวซิน้ำ ว่าแต่เราจะไปเล่นผีถ้วยแก้วกันที่ไหนละ” เกี๊ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับอาการหวั่นๆ
“ก็ที่ห้อง325 ห้องชีวะไง”
เราทั้งห้ารีบมุ่งหน้าไปยังห้องชีวะ บรรยากาศช่างน่ากลัวจริงๆ ภายในโรงเรียนถือความมืดเข้าครอบงำ แต่ที่หน้าเป็นห่วงมากที่สุดคือเกี๊ยว คุณเธอกลัวผีเอามั๊กมากจนต้องเดินเกาะแขนฝนและไหมซะแน่น
“นี่เกี๊ยว จะกลัวอะไรกันหนักกันหนาเนี่ย” ไหมพูดขึ้น
“ก็ฉัน กลัวนี่ไหม แกดูซิวังเวงจะตาย”
“ระวังนะเกี๊ยวกลัวมากๆเหล็กดัดฟันแกจะหลุดนะ” ^_^ ฝนพูดพลางหัวเราะรวน
“เรารีบไปเถอะ ยามมาเห็นแย่แน่เลย” นัทเอ่ยขึ้น
ตุบ!!! กรี๊ด!!!!เราทั้งสี่ส่งเสียงร้องซะลั่น
“ ช่วยฉันด้วยผีหลอก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกแมวด้วย” เกี๊ยวอุทานขึ้น
“เขามีแต่ลูกช้างนะเกี๊ยว” ฉันกล่าว
“ก็ฉันออกจะบอบบางนี่ เป็นลูกแมวแหละน่ารักดี ว่าแต่มันตัวอะไรนะ”
“แค่แมวนะ ดูดีๆซิ”
นัทกล่าวขึ้น เสียงนัททำให้เราทั้งสี่หยุดร้องกรี๊ด และหันมามองแมวที่กำลังเดินไปอย่างช้าๆ
“ไอ้แมวบ้า ดันโผล่มาตอนนี้ได้ไงว่ะ ดูซิมันเดินเย้ยเรา ทำยังกะเดินแบบ”
ฉันพูดอย่างเสียอารมณ์
“ฮะฮะฮ่า ไหนว่าไม่กลัวไงน้ำ” ^_^ นัทพูดไปขำไปด้วยน้ำเสียงยียวน
“นี่ นายหยุดไปเลย”
“เรารีบไปดีกว่าบรรยากาศมันพิลึกนะ” ฝนกล่าว
“ใช่ ไปกันเถอะ” ไหมกล่าวเสริมขึ้นพลางลากเกี๊ยวขึ้นบันไดไป
เราทั้งห้าขึ้นบันไดมาจนถึงหน้าห้อง325 ห้องชีวะ บรรยากาศเงียบสงบไม่มีแม้เสียงจั๊กจั่นร้อง
“ ทุกคนพร้อมใช่ไหม” ฉันถามเพื่อเตรียมความพร้อม
ฉันหยิบกระดาษผีถ้วยแก้วออกมาส่งให้ไหม ส่วนฉันก็รีบไขประตูเข้าไป
ภายในห้องมีกลิ่น เหม็นอับราวกับมีคนตายเป็นร้อยๆศพ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง
“มันชักจะยังไงยังไงอยู่นะน้ำ” เกี๊ยวพูดเสียงสั่นพร้อมหันมาเกาะแขนฉัน
“นั่นนะซิ น้ำ เราว่ามันต้องมีอะไรแน่เลย” นัทเสริม
“แต่ฉันจะไม่หันหลังกลับนะ เราต้องทำต่อไป”
“งั้นเราก็ลงมือเลยซิ” ฝนพูดพลางนั่งลงกับพื้นไหมเห็นดังนั้นจึงนั่งลงตาม ทำให้พวกเราที่เหลือต้องนั่งลงด้วย
“ใครจะเป็นคนจุดธูปและเชิญวิญญาณละ” ไหมพูดขึ้น
“เราเอง”
“เธอแน่ใจนะน้ำ” นัทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อือ อย่าลืมซิฉันกับอัยย์สนิทกันนะ”
ฉันเริ่มจุดธูปและตั้งจิตให้เป็นสมาธิและเชิญดวงวิญญาณของอัยย์ให้มาอยู่ในแก้ว
“เอาละ ทุกคนวางนิ้วลงเหรียญได้และที่สำคัญห้ามเลื่อนเหรียญเองละ”
เราทั้งห้าวางนิ้วมือลงบนเหรียญและตั้งจิตให้สงบฉันจึงเริ่มถามคำถามแรกว่า
“นั่นอัยย์ใช่ไหม”
แก้วค่อยๆเคลื่อนที่ไปมาเป็นวงกลมและเคลื่อนไปที่สระไอชอช้างและไม้เอก ฉันดีใจที่นี่คือวิญญาณอัยย์จริงๆจึงถามต่อไปว่า
“อัยย์ ใครเป็นคนฆ่าอัยย์กับพี่ปอมบอกพี่ซิ”
แก้วเคลื่อนที่เป็นวงกลมอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเคลื่อนที่เร็วผิดปกติ มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น
ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!หน้าต่างถูกเปิดออกทุกบานเสียงดังมาก ฉันเห็นอาการเกี๊ยวไม่ดี สีหน้าซีดเพราะตกใจกลัว
“ทุกคนอย่าเอานิ้วออกจากเหรียญนะ” ฉันบอกกับทุกคนขณะที่แก้วก็วนไปวนมาอย่างเร็ว หน้าต่างก็เปิดปิดเสียงดังไม่หยุด ลมพัดอย่างแรง จนฉันขนลุก
“ฉันกลัวนะน้ำ ฉันจะกลับบ้านแล้วละ ไม่เอาแล้วอ่ะ”
“อย่านะเกี๊ยว!”
ไม่ทันแล้ว ทันทีที่เกี๊ยวปล่อยมือออกจากเหรียญ ร่างของเกี๊ยวก็ลงไปนอนกองกับพื้นทันที
“แล้วเราจะเอามือออกจากเหรียญไหมน้ำ” นัทพูดขึ้น
“ก็เอาออกซิ ถามบ้าๆนายจะให้เกี๊ยวตายรึไง”
เราทั้งสี่รีบเอานิ้วออกจากเหรียญและรีบไปพยุงร่างเกี๊ยวทันที
“โถ่!เกี๊ยวไม่น่าเลย เห็นกันอยู่หลัดๆไม่น่าจากไปก่อนเลย”
“นี่ฝน แกจะบ้ารึไง เกี๊ยวมันยังไม่ตายซะหน่อย” ไหมร้องทักขึ้น
“เอาไงดีน้ำ ผายปอดดีไหม เราถนัดนะ” ^_^ นัทเอ่ยขึ้นพลางไปจับร่างเกี๊ยว
“นี่นายจะบ้ารึไง เกี๊ยวไม่ได้จมน้ำนะ อย่าตลกซิ”
“โทษทีนึกว่าจมน้ำ” ^_^ นัทพูดพร้อมกับเขินหน้าแดง
“เกี๊ยวฟื้นแล้ว” ฝนกับไหมพูดพร้อมกัน
แต่เกี๊ยวที่ฟื้นมาไม่ใช่เกี๊ยวคนเดิม เกี๊ยวตื่นและยืนขึ้นพร้อมกับเรียกชื่อฉัน
“ยัย น้ำอยู่ไหน”
“มีอะไรเกี๊ยว เป็นไงบ้าง” ฉันถามอย่างห่วงใย
แต่เกี๊ยวไม่ตอบกลับ พร้อมกับเอามือมาบีบคอฉันอย่างแรงหวังที่จะฆ่าฉันให้ตาย แรงบีบของเกี๊ยวค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆจนฉันร้องลั่นออกมา
“โอ๊ย!!เกี๊ยวฉันเจ็บนะ”
ฝนไหมและนัทนัทเห็นดังนั้นจึงช่วยกันดึงร่างเกี๊ยวออกจากฉันแต่ก็ยังดึงไม่ออก เกี๊ยวแรงเยอะมาก
“โอ๊ย!ขอบใจนะทุกคน”
ฉันหลุดออกมาได้
“ทำอะไรสักอย่างเร็วน้ำ เราสามคนต้านแรงเกี๊ยวไม่ไหวแล้วนะ”
ฝนพูดขณะที่มือยังจับร่างเกี๊ยวไว้ เกี๊ยวก็ดิ้นสุดฤทธิ์
“ฉันจะฆ่าพวกแก ตายซะเถอะ” เกี๊ยวยังดิ้นไม่หยุด
“จะให้ทำไงละ”
“สร้อยพระไงน้ำ สวมให้เกี๊ยวซิ” นัทออกความคิด
ฉันไม่รอช้ารีบถอดสร้อยพระที่คอสวมให้กับเกี๊ยวทันที และแล้วร่างของเกี๊ยวก็สลบไปทันที
เราจึงวางร่างเกี๊ยวลง
“นี่มันอะไรกันนะ” ฝนพูดขึ้น
“ใช่ นี่ไม่ใช่วิญญาณน้องอัยย์แน่ๆ” ไหมเอ่ยขึ้น
“ถ้าไม่ใช่อัยย์แล้วจะใครละ ห้องนี้ก็ยังไม่มีใครตายนอกจากอัยย์นะ” ฉันเริ่มสงสัย
“ไม่แน่นะน้ำ อาจมีคนตายในห้องนี้แล้วก็ได้โดยที่เราไม่รู้” นัทเอ่ย
“เกี๊ยวฟื้นแล้ว” ไหมอุทานขึ้น
“เป็นไงบ้างเกี๊ยว” ฝนถาม
“ฉันเป็นอะไรไปนะ”
“เรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่าแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” ไหมเสนอขึ้น
“ ก็ดีนะ เรารีบไปเถอะ”
เราทั้งห้ารีบเดินออกจากห้องไป
“ เอ๊ย!!นั่นใครนะ”
“อะไรน้ำ” นัทถามขึ้น
“ไม่รู้ซิ มันเป็นเงาดำๆเหมือนคนนะ”
ฉันพูดจบก็รีบวิ่งตามเงานั้นไปอย่างรวดเร็ว
“น้ำ เดี๋ยวซิรอเราด้วย” นัทตะโกนบอกฉันและวิ่งตามฉันมา โดยที่ไหมเกี๊ยวและฝนรีบวิ่งตามมาติดๆ
“หายไปไหนแล้วว่ะ”
“เป็นไงน้ำ”
“มันหายไปแล้วนัท”
“โอ๊ย!จะรีบไปไหนน้ำเราสามคนเหนื่อยนะเนี่ย” ฝนพูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“ฉันว่าต้องมีคนแกล้งเราแน่ๆเลย”
“แล้วจะเป็นใครละน้ำ”
“ไม่รู้ซิ หรือนายคิดว่าไงนัท”
“เราว่ารีบกลับบ้านดีกว่าก่อนที่เราเองจะไม่ปลอดภัยนะ”
“ใช่ เราก็คิดเหมือนนัทนะน้ำ” ไหมพูดเสริมขึ้น
“แต่.......ฉันว่า....”
“ไม่มีแต่นะน้ำ ชีวิตเราต้องปลอดภัยไว้ก่อนนะ”
“ใช่น้ำ ที่นัทพูดก็ถูกนะ” เกี๊ยวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดระแวงพร้อมๆกับลากแขนฉันกลับบ้าน
ฝนไหมและเกี๊ยวก็กลับอีกทางส่วนฉันและนัทกลับทางเดียวกัน ระหว่างทางฉันเงียบจนนัทเอ่ยถามขึ้น
“เป็นไรป่าวน้ำ ไม่เห็นพูดอะไรเลย”
“เปล่านะ แค่ไม่มีอะไรจะคุย”
“ยังสงสัยเรื่องเงานั่นใช่ไหม”
“อือ แล้วนายคิดว่าไงละ”
“ไม่รู้ซิ แต่มันก็น่าแปลกนะ ที่สำคัญน้ำแน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาด”
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยละ หรือว่านายไม่เชื่อ”
“เปล่า ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ แต่ถ้าเงานั่นมีจริงมันจะหายไปไหนละ เราก็ตามมาติดๆนะ”
“แต่ฉันว่ามันต้องมีใครแกล้งเราแน่ๆ”
“แล้วใครละน้ำ เธอก็เห็นว่าที่โรงเรียนไม่มีใครนอกจากยามนะ”
“ก็นายชัดไง อาจเป็นเขาก็ได้”
“แต่เราว่าคงไม่ใช่นายชัดนะ”
“ทำไมจะไม่ใช่”
“ไม่รู้ซิ ลางสังหรณ์มั้ง”
เราทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ จู่ๆนัทก็หยุดเดิน
“เป็นไรนัท หยุดเดินทำไม”
“น้ำก็ดูข้างหน้าซิ”
ภาพเบื้องหน้าของฉัน ใช่! หมงเดินเข้ามาหาเราทั้งสองด้วยท่าทางยียวน
“คงไปจู๋จี๋กันมาซินะ”
“เปล่านะหมง นายเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดหรือนัท ไอ้เพื่อนทรยศ”
หมงตะคอกใส่หน้านัทพร้อมกับฟาดกำปั้นเข้าไปที่ปากนัทเต็มๆ นัทถึงกับล้มลงกับพื้น
“เจ็บไหมนัท” ฉันพยุงร่างนัทขึ้นมายืนกับพื้น
“นายทำเกินไปแล้วนะหมง นี่นายพึ่งจะขอโทษฉันเมื่อตอนเย็นนะ”
“ ใช่ แต่..นี่เธอปกป้องมันหรือน้ำ”
“ใช่ แล้วนายจะทำไม”
“ไหนเธอบอกว่าไม่ได้ชอบมันไง”
“ใครว่าละ จะว่าไปนัทก็หล่อเหมือนกันนะ นิสัยก็ดีไม่เหมือนนาย”
“แสดงว่าน้ำชอบมันใช่ไหม”
“นี่ !นายหมง ฉันขอละนะ ฉันจะรีบกลับบ้านหลีกไปได้แล้ว”
“ก็ได้ จำไว้นะนัทนายกับเราขาดกัน วันนี้นายรอด วันพระไม่ได้มีครั้งเดียว”
“ใช่ วันพระไม่ได้มีครั้งเดียว เดือนนึงมีตั้ง 4 ครั้งแน๊ะ จริงไหมนัท” ฉันตอบยียวนใส่หมง
“น้ำ เราเสียใจมากนะที่เธอทำกับเราอย่างนี้” หมงพูดและเดินจากไป
“เดี๋ยว นายหมง นายนี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
“ใช่ เราไม่มีเหตุผล เรามันไม่ดีนี่”
“ใช่ นายไม่ดี นายรู้อย่างงี้แล้วก็น่าจะปรับปรุงตัวเองบ้างนะ”
“ไปเถอะนัท ฉันไม่อยากคุยกับคนไม่มีเหตุผล”
ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้หมงและนัทเลิกเป็นเพื่อนกัน ฉันพยุงนัทเดินไปเรื่อยๆ
“น้ำ ที่เธอบอกหมงจริงหรือเปล่า” ^_^ นัทพูดพร้อมอมยิ้มและหันมามองฉัน
“บอกอะไร” ..^_^..
“ก็ที่น้ำบอกว่า น้ำชอบเราไง” ^_^
“เปล่านิ ฉันก็แค่ช่วยนายจากหมงแค่นั้นเอง” ^_^
“แค่นั้นจริงรึน้ำ” ^_^
“อือ ฉันจะชอบนายได้ไงละมีหวังโดนรุมแน่ แฟนคลับนายเยอะนี่”
“นั่นมันแค่แฟนคลับนี่ แต่นี่แฟนนะน้ำ มันไม่เหมือนกัน”
“ถึงบ้านฉันแล้วฉันเข้าบ้านก่อนนะ ขอบใจที่เดินมาเป็นเพื่อน” ^_^
ฉันรีบเข้าบ้านไปทันที ทันทีที่ฉันเข้าบ้านไปแม่ก็ถามทันที
“น้ำ ไปไหนมาลูก”
“อ้าวหม่าม๊ากลับมาเมื่อไหนคะ”
“ซักพักนะจ๊ะ ว่าแต่น้ำไปไหนมายังไม่บอกแม่เลย”
“ ไป..ไปไหนดี ไปเดินเล่นมาคะ เดี๋ยวน้ำไปข้างบนก่อนนะคะ”
ก๊อก!!ก๊อก!ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องฉันดังขึ้น
“อ้าวนพมีอะไร”
“แอบไปควงหนุ่มมาละซิ เห็นมาส่งที่หน้าบ้านด้วย”
“นี่ไอ้น้องเวลลลล”
“อ้าว พูดงี้เดี๋ยวฟ้องหม่าม๊านะเว๊ย เป็นแฟนกับพี่นัทก็ไม่บอก”
“ไอ้บ้า ฟงแฟนอะไรกันเพื่อนเว้ย” ^_^
“แน่ใจนะเจ๊ที่พูดนะ”
“แน่ใจซิ”
“ค่อยโล่งอกหน่อย”
“โล่งอะไร บอกพี่มาเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็พี่หมงเขาฝากให้นพจับตามองพี่ไงว่ามีใครมาเกาะแกะอ่ะป่าว”
“จริงหรือนพ”
“อือ พี่หมงก็หล่อดีนะเจ๊ สนใจเขาบ้างซิ เล่นตัวไปได้เดี๋ยวก็ขึ้นคานหรอก”
“อย่ายุ่งนะแก ที่สำคัญฉันจะไม่มีวันชอบนายหมงนั่นหรอกนะรู้ไว้ด้วย”
“เออ เจ๊นพฝากของให้พี่ฝนด้วยนะ”
“นี่แก คิดจะจีบฝนจริงหรือนพ”
“อ่ะแน่นอนอยู่แล้ว คนหน้าตาดีอย่างนพมีรึจะแห้ว” ^_^
“เว่อร์นะแก ฝนเขาไม่ชอบเด็กเว้ย”
“ใครว่าเด็ก นพโตแล้วนะม.4แล้ว”
“แกจะจีบก็จีบเองเด๊ะ ฉันไม่เกี่ยว”
“โห่ ก็ช่วยหน่อยเด๊ะ นะเจ๊นะ เจ๊คนสวย” ^_^
“ขอบใจยะ ฉันก็สวยอยู่แล้ว หลักฐานมันฟ้องนิ แต่แกชอบแกก็จีบเองเลย ออกไปได้แล้วจะอ่านหนังสือ อ้าว!ออกไปซิ” ^_^
“แค่นี้ก็ไม่ช่วยจำไว้นะ”
ฉันทบทวนเรื่องที่ฉันเป็นสาเหตุให้นัทและหมงต้องทะเลาะกัน บางทีฉันต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
“น้ำ! ลงมาหาแม่หน่อยซิ”
เสียงหม่าม๊าดังขึ้น คงเป็นเรื่องไม่ค่อยดีแน่ๆ ฉันจึงรีบเดินลงไปหาทันที
“มีอะไรหรือคะ”
“บอกแม่มาซิว่านี่มันอะไรกัน”
แม่พูดพลางหยิบมวนบุหรี่ที่สูบแล้วออกมาจากกระเป๋ากระโปรงฉัน
“ไชโย! พบแล้ว ขอบคุณคะ รักหม่าม๊าที่สุดเลย”
ฉันเข้าไปหอมแก้มหม่าม๊าเพราะดีใจที่พบมวนบุหรี่ซักทีหลังจากที่ลืมว่ามันอยู่ไหน
แต่ดูเหมือนว่าหม่าม๊าคงเข้าใจอะไรผิดแน่ๆเลย
“น้ำ! แม่ไม่คิดนะว่าน้ำจะเป็นคนอย่างนี้ แม่เสียใจจริงๆ แม่ถามหน่อยนะว่าลูกติดบุหรี่มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“ก็ประมาณ 2เดือนคะ เฮ้ย!ไม่ใช่ หม่าม๊าเข้าใจผิดแล้วนะ”
“ผิดยังไง ไหนบอกมาซิ”
“บุหรี่นี่ไม่ใช่ของน้ำคะ มันเป็นของภารโรงที่โรงเรียนคะ”
“แล้วทำไมมาอยู่ในนี้ได้ละ”
“คือ..เดี๋ยวหม่าม๊าก็รู้ แต่เอาเป็นว่าน้ำไม่ได้สูบบุหรี่ก็พอแล้วคะ น้ำขอนะ”
ฉันรีบหยิบบุหรี่มาจากมือของหม่าม๊าและรีบขึ้นไปข้างบนทันที
“ทำอะไรของเขานะลูกคนนี้ พิลึกคน”
ฉันรีบนำบุหรี่ของนายชัดมาเทียบกับบุหรี่ที่พบในห้องชีวะทันที ไม่ใช่นี่! บุหรี่มวนที่พบกับของนายชัดไม่เหมือนกัน แสดงว่านายชัดอาจไม่ใช่ฆาตกรแล้วก็ได้ แล้วใครละคือฆาตกร?
07.00 น. 30 ตุลาคม 2548
วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย จึงรีบอาบน้ำและลงไปทานน้ำข้างล่าง
“เป็นไงเจ๊ ทำไมวันนี้ตื่นสายละ”
“เมื่อคืนนอนดึกนะ แล้วหม่าม๊าละ”
“ไปทำงานแล้ว เดี๋ยวนพออกไปข้างนอกนะ”
“อือ อย่าไปนานละ”
“คับป๋ม” ^_^
“เออ เดี๋ยวนพ แกชอบฝนจริงรึเปล่าว่ะ”
ฉันถามพร้อมกับตักโจ๊กเข้าปาก
“จริงซิ ถามทำไม ไม่คิดจะช่วยไม่ใช่หรือ”
“เปล่า พี่กลัวแกจะผิดหวังนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นพรักพี่ฝนเพราะนพรัก นพรู้ว่าพี่ฝนไม่ได้รักนพ แต่นพก็ยังจะรัก ขอแค่ได้รักก็พอใจแล้วละ” ^_^
“โห่ พูดเป็นไชยากับสุทธิราชเลยนะแกเนี่ย”
“อะไร ไชยา สุทธิราช”
“ก็พระเอกลิเกไง”
“ขอนางเอกเป็นพี่ฝนนะ ไปละ”
“แค่นี้ก็เรียบร้อย ขอบใจนะนพที่แกพูดออกมาจากใจจริง พี่จะช่วยแกเอง” ^_^
“นี่ เจ๊พูดอะไรนะ”
“เปล่า แกรีบไปเถอะเดี๋ยวเพื่อนรอนานนะ รีบไปซิ ยังไม่ไปอีก เดี๋ยวปะเหนี่ยวเลย”
ฮะ ฮะ ฮ่า!!! หลังจากที่นพออกไปฉันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ฉันรีบกินโจ๊กและรีบโทรนัดไหมเกี๊ยวฝนและนัทมาที่บ้าน
“หวัดดีน้ำ” เสียงทั้งสี่คนกล่าวทักทายฉัน
“หวัดดี นั่งก่อนซิ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับขนมมาให้นะ”
“เราช่วยนะน้ำ” เกี๊ยวอาสา
“ว่าแต่น้ำมีอะไรที่จะบอกพวกเราละถึงได้นัดมานะ” นัทถาม
“เรื่องนายชัดนะ”
“เป็นไงน้ำ นายชัดคือฆาตกรใช่ไหม” ไหมถามเสียงหลง
“ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าเราอาจจะคิดผิดที่ว่านายชัดคือฆาตกรก็ได้”
“ น้ำ แน่ใจได้ไงละ”
“ก็บุหรี่ที่นายให้ฉันกับบุหรี่ที่พบในห้องชีวะมันคนละยี่ห้อนะนัท บุหรี่นายชัดยี่ห้อคิโต้ส่วนบุหรี่ในห้องชีวะฯยี่ห้อสกอร์นะ”
“ไอ้น้ำบ้า นั่นมันรองเท้าแล้ว” ฝนตะคอกใส่ฉัน
“ ล้อเล่นนะ”
“ น้ำ ก็เลยคิดว่าคงไม่ใช่ของนายชัดใช่ไหม” เกี๊ยวพูดขึ้น
“อือ หรือใครว่าไงละ”
“เอ๊ะ! วันนี้บ้านเธอเงียบจังนะน้ำ”
“ก็ไม่มีใครอยู่บ้านเลย มีแค่ฉันเนี่ยแหละ ทำไมหรือไหม”
“ ก็ยังไม่ได้ยินเสียงของหวานใจฝนนะซิ”
“ บ้านะไหม หวานใจอะไรกัน” ^_^ ฝนพูดพร้อม เขินหน้าแดง
“ ฝนเรามีอะไรให้ฝนฟังด้วย”
“อะไรหรือน้ำ”
“นี่ เทป ฉันอัดเสียงไว้ทุกคนลองฟังดูนะโดยเฉพาะฝน”
ฉันเริ่มเปิดเทปที่อัดจากเสียงนพเมื่อตะกี้ หลังจบเทปก็มีเสียง
อ้วก!!!! ทุกคนพากันส่งเสียงนี้เป็นแทบๆไม่เว้นแม้แต่ฝน
“เป็นไงละ น้องฉันฝน”
“จะอ้วกซิน้ำ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนพนอกจากน้องชายเลยนะ”
“แต่นพคิดกับเธอเกินพี่น้องนะฝน” เกี๊ยวพูด
“น่าอิจฉาจริงๆ” นัทพูดขึ้น
“นี่นายก็เอา กับเขาด้วยหรือนัท” ฝนพูดเสียงตำหนิ
ทุกคนต่างพากันหัวเราะในคำพูดของฝน เมื่อฉันพูดขึ้นเสียงหัวเราะนั้นก็หยุดไป
“ตกลงว่าเราจะเองไงดีละ”
“ไม่รู้ซิ แล้วแต่เธอก็แล้วกันน้ำ” ฝนพูดขึ้น
“แต่เราไม่ควรประมาทนะ นายชัดอาจเป็นฆาตกรก็ได้”
“ใช่ ฉันเห็นด้วยกับนัทนะ” เกี๊ยวเสนอ
“เจ๊ ! ใครมานะ”
เสียงนพดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาฉัน
“อ้าว หวัดดีคับพี่ๆ” ^-^
“อ้าว ลืมอะไรอีกละ”
“ลืมสมุดนะเจ๊”
นพยิ้มแบบอายๆและรีบขึ้นไปข้างบนทันที
“สงสัยจะอายฝนแน่นอนเลย” เกี๊ยวออกความเห็น
“ใช่” ไหมเห็นด้วย
“นี่ นพมันจะอายใครก็ช่างเถอะ แล้วเรื่องของเราละ” ฉันถามทุกคน
“เราว่า ค่อยๆสืบดีกว่านะ”
“ใช่ ฉันก็คิดเหมือนนัทนะ” เกี๊ยวเอ่ยขึ้น
“ เอาเป็นว่าค่อยๆสืบแล้วกันนะ” ฉันกล่าวปิดประชุม
07.30 น. 31 ตุลาคม 2548
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส ฉันรู้สึกดีขึ้นเมื่อไม่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในโรงเรียน แต่ไม่รู้จะนานซักเท่าไหร่กัน ฉันได้แต่หวังว่าคงไม่มีศพที่สามแน่
“ อ้าว อธิชชา มาเช้าดีเนี่ย”
เสียงอาจารย์ประไพ กล่าวทักทายฉันในยามเช้า
“คะ อาจารย์ก็มาเช้านะคะ”
“ครูมีงานด่วนนะ”
ฉันรีบไปยังห้องเรียนที่เรียนในคาบแรก ระหว่างทางฉันก็ได้พบกับฟางรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของอัยย์
ฟางหรือ สุวิชญา รุ่นน้องของฉันเอง ฟางเป็นรุ่นน้องที่น่ารักและสนิทกับฉันมากไม่แพ้อัยย์เลย รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสวย คิ้วเข้มได้รูป มีแก้มเล็กน้อย
“ พี่น้ำ เรียนห้องไหนคะ”
“พี่เรียน อาคาร6จ๊ะ ฟางละ”
“ฟางเรียนอาคาร 4 นะคะ”
“เออ ว่าแต่ฟางทานข้าวมายัง พี่กำลังจะไปโรงอาหารไปด้วยกันป่ะ”
“ไปซิคะ พี่น้ำชวนไม่ไปได้ไง ดีใจซะอีก”
ฉันและฟางก็ได้เดินไปยังโรงอาหารด้วยกัน ขณะนั่งทานข้าวฟางก็ถามฉันว่า
“ พี่น้ำ เมื่อวานฟางมาโรงเรียน พี่รู้ไหมว่าฟางเจออะไร”
“เจออะไรละ”
“ฟางเห็นเออ..ฟางลืมแล้วอะโทษทีนะพี่น้ำ เห็นหน้าพี่ทีไรลืมทุกที”
“ไม่เป็นไร นึกออกเมื่อไหร่ บอกพี่ด้วยละกัน” ^_^
“คะ พี่น้ำ” ^_^
“จะว่าไปก็คิดถึงอัยย์นะคะพี่น้ำ” ฟางพูดขึ้น ฉันหันไปสบตาน้องฟางและพูดว่า
“อืมจ๊ะ พี่ก็คิดถึงเหมือนกันแหละ” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง
“พี่น้ำเป็นอะไรคะ”
“เปล่าจ๊ะ ทานต่อเถอะ”
“คะ”
หลังกลับจากโรงอาหารฉันก็รีบขึ้นไปยังห้องเรียนทันที ทันทีที่ฉันก้าวผ่านประตูห้องเรียนก็มีเสียงห้าวๆทักทายขึ้น
“หวัดดีน้ำ”
ใช่มันเป็นเสียงของหมง ทำไมวันนี้เขามาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษนะ ปกติหมงจะมาสายประจำ แต่ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้หมงจะมาเร็วได้
“หวัดดี เออ..มาเร็วดีนิ”
“เราแค่อยากทำอะไรดีๆกับเขาบ้างนะ ทำไมเรามาเช้าไม่ดีเหรอน้ำ”
“เปล่า ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่มันดูแปลกๆนะ”
“มันคงดูแปลกเพราะคนไม่ดีอย่างเรา ถ้าทำอะไรดีๆอย่างคนอื่นๆบ้างก็คงแปลกซินะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะหมง คนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองกันบ้าง ฉันเข้าใจ”
“น้ำเข้าใจ แต่น้ำก็ไม่ได้ชอบเรานี่”
“นี่ ฉันเกี่ยวอะไรด้วยละ ฉันขอร้องละอย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ”
“เรามาเช้า ก็เพื่อน้ำนะ เราอยากให้น้ำเห็นว่าราเป็นคนดีบ้าง”
“ฉันก็ไม่เคยเห็นนายเป็นคนเลวนี่นา”
“แต่น้ำก็ไม่ชอบเราทั้งๆที่น้ำก็รู้ว่าเราชอบน้ำแค่ไหน” T_T
“เราขอโทษนะหมง ที่เราไม่ได้ชอบนายนะ”^O^
“ไอ้นัทมันโชคดีนะ”
“ โชคดียังไง ไหนพูดให้เคลียร์ซิ”
“ก็โชคดีที่น้ำ... รักมันไงละ”
“นี่นายจะบ้ารึไงละ ก็ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่ได้ชอบนัทซะหน่อย”
“จริงหรือน้ำ ปากไม่เห็นตรงกับใจเลย” ^_^
“ จริงซิ นี่ถ้าฉันจะชอบนายนัท ฉันคงชอบไปนานแล้วละ ”
“ ไชโย ดีใจจังเลย”^_^
“นี่นายจะบ้ารึไง ดังอยู่ได้”
“โทษที เราดีใจนะน้ำ”
“เออ ว่าแต่ทำไมวันนี้ยังไม่มีใครมาเลยละ”
“ไม่รู้ซิ เออน้ำไม่รู้ใครเอากระดาษมาใส่ในโต๊ะเธอนะเราเห็น แต่ยังไม่ได้ดูเลย”
“ใคร เอามาใส่หรือ”
“ไม่รู้ซิ ตั้งแต่เรามาก็เห็นมันวางอยู่แล้วนะ”
ฉันรีบหยิบกระดาษที่วางอยู่ใต้โต๊ะทันที ทันทีที่ฉันแกะมันอ่าน ฉันก็ต้องตกใจจนหน้าซีด
ในจดหมายเขียนว่า
หวัดดี อธิชชา
หวัดดี เธอคงอยากรู้ว่าฉันเป็นใครซินะ เธอนี่แน่จริงๆ เธอคิดจะสืบเรื่องการตายของกานต์กวีและอิศริยากรหรือ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ฉันรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ต่อไปศพที่สามคงเป็นเธอนะ
อย่าคิดจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ถ้าไม่อยากเป็นศพ!!!!
“น้ำ เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว”
“เปล่านะ เดี๋ยวน้ำไปที่ชมรมนะ ถ้าไหมฝนเกี๊ยวมา ก็ช่วยบอกด้วยนะหมง”
“ได้ซิ”
ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี จดหมายนี่ส่งมาได้ยังไงกัน นี่คงเป็นจดหมายของฆาตกรแน่ๆ ตอนนี้ฉันคงตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ ฆาตกรคงรู้ว่าเราจะทำอะไร แสดงว่าฆาตกรคงจะติดตามเราทุกฝีก้าวเป็นแน่
“ จ๊ะเอ๋! น้ำ”
“นี่! ไอ้โรคจิต”
ฉันต่อยเจ้าของเสียงไปจังๆ จนเจ้าของเสียงพูดขึ้น
“น้ำ ต่อยเราทำไม”
“อ้าว นัท เราขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรว่าแต่เป็นอะไรหน้าซีดๆนะ”
“เปล่า”
“นี่ น้ำกำลังจะไปไหนเหรอ”
“จะไปชมรมนะ นายไม่เป็นอะไรแล้วฉันไปนะ”
“อือ”
ฉันคงจะหวาดวิตกไปเองแน่ๆเลย บ้าจริงไม่น่าเลย จะทำไงดีนะ ต้องรอให้ฝนไหมและเกี๊ยวมาก่อน ฉันจึงไปรอที่ชมรม
“ น้ำ หวัดดี” เสียงสามสาวดังทักทายฉันพร้อมๆกัน
“ทำไมมาช้าจัง”
“ใครช้า แกนั่นแหละดันมาเร็วเอง” ไหมเถียงฉัน
“ใช่ แกมาเช้าเองนี่หว่าน้ำ โทษเราได้ไง” ฝนสนับสนุนไหม
“ แกล่ะเกี๊ยว ไม่เถียงฉันรึไง”
“ไม่ล่ะ ฝนกับไหมพูดหมดแล้วนิ ว่าแต่หน้าเธอซีดๆนะน้ำ”
“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยนะ ”
“ไม่สบายใจเรื่องอัยย์กับพี่ปอมใช่ป่าวอ่ะ” เกี๊ยวถาม
“ใช่ บางทีศพที่สามอาจเป็นฉันก็ได้นะ”
“พูดอะไรนะน้ำ พูดอะไรบ้าๆ” ไหมตำหนิฉัน
“แล้วเราจะทำไงดีล่ะ” ฉันถามขึ้น
ไม่มีคำตอบจากทุกคน มีแต่ความเงียบและความกังวลใจที่เข้าครอบงำพวกเราทั้งสี่
หลังจากเข้าเรียนในตอนเช้าก็ถึงเวลาพักเที่ยง ฉันก็ยังไม่ได้บอกเรื่องจดหมายให้กับไหมเกี๊ยวฝนและนัทรู้ แต่เรื่องนี้ได้เปิดเผยเมื่อหมงพูดกับฉันขึ้นทั้งๆที่ทุกคนนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
“ น้ำ เป็นอะไรรึเปล่า เห็นหน้าซีดตั้งแต่อ่านจดหมายแล้ว”
“จดหมายอะไรน้ำ” สามสาวพูดขึ้นพร้อมๆกัน
“ หรือว่าเป็นจดหมายขู่จากฆาตกร ใช่ไหมน้ำ” นัทกล่าวขึ้น
“ฆาตกรอะไรน้ำ เรางงนะเนี่ย มีอะไรกันเหรอ” หมงถาม
ฉันคงต้องบอกหมงแล้วล่ะ ฉันจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หมงฟัง
“นี่ทุกคนรู้เรื่องนี้ แล้วไม่บอกเราหรือ”
“ นี่นายหมง นายรู้แล้ว เงียบๆบ้างนะ” ฝนตำหนิหมง
“ก็ได้ แล้วในจดหมายว่าไงหรือน้ำ”
“นั่นซิน้ำ ในจดหมายว่าไงล่ะ” นัทถามขึ้น
“ในจดหมายบอกว่า ถ้าหากฉันไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกศพที่สามก็จะเป็นฉันเอง”
“ แสดงว่าฆาตกรมันรู้นะซิว่าพวกเราพยายามสืบเรื่องนี้อยู่นะ”
“ใช่ ฝน มันรู้ทุกอย่างที่พวกเราทำ ต่อไปเราคงต้องระวังตัว”
“แล้วเราจะทำไงล่ะน้ำ ฉันกลัวจังเลย” เสียงเกี๊ยวเจ้าเก่า
“นี่เกี๊ยวเธอจะกลัวอะไรกัน พวกเราก็อยู่กันหลายคนนะ”
“ใช่ ฉันก็เห็นด้วยกับไหมนะ” หมงออกความคิดเห็น
“ แต่ฉันจะไม่ล้มเลิกเรื่องนี่หรอกนะ”
“แต่มันอันตรายนะน้ำ”
“แต่ฉันต้องทำเพื่อยุติเรื่องนี้นะนัท”
“เราจะทำไงต่อละน้ำ” หมงถาม
“ เราต้องสืบว่าใครคือฆาตกรให้เร็วที่สุด ที่แน่ๆมันต้องเป็นคนในโรงเรียนเราแน่ๆ”
“ก็นายชัดไง น้ำ” เกี๊ยวเสนอ
“ฉันว่าอาจไม่ใช่นายชัดก็ได้ ”
หลังจากที่หมงได้รับรู้เรื่องนี้ เราก็ได้ปรึกษาหารือกัน แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าใครคือฆาตรกรที่แท้จริงบางทีคนที่เรานึกไม่ถึงอาจเป็นฆาตรกรก็ได้ ใครจะไปรู้
09.30 น. 1 พฤศจิกายน 2548
เช้านี้อากาศสดใส ฉันรีบไปโรงเรียนแต่เช้า อันที่จริงวันนี้โรงเรียนปิดแต่ฉันและเพื่อนๆได้นัดไปทำรายงานกัน ฉันจึงรีบไปโรงเรียนแต่เช้า
“เจ๊ จะไปไหนแต่เช้า โรงเรียนก็ปิด” เสียงน้องชายจอมป่วนทักทายฉันแต่เช้า
“ไปทำรายงาน”
“แล้วพี่ฝน อยู่กลุ่มเดียวกับเจ๊รึเปล่าจ๊ะ”
“แหม ทีเรื่องแบบนี้เสียงหวานนะแก อยู่มีอะไรรึเปล่า”
“นพฝากของไปด้วยนะ”
“อะไรล่ะ”
“ก็หัวใจดวงน้อยๆของนพไงล่ะ”
“นี่ จะอ้วกไปไกลๆเลย”
“ ไปก็ได้ วัยรุ่นเซ็งเลย”
ฉันรีบไปโรงเรียนทันที ทันทีที่ฉันไปถึงฝนนัทไหมเกี๊ยวและหมงวิ่งหน้าตั้งมาหาฉันทันที
“น้ำ แย่แล้ว!” ทั้งห้าคนพูดพร้อมๆกัน
“มีอะไรกันอีกละ”
“ ตามพวกเรามาทางนี้เร็ว” เกี๊ยวพูดพลางดึงมือฉันไปที่ใต้อาคาร1
“ อ้าว แม่ หวัดดีคะ” ฉันกล่าวสวัสดีแม่ของน้องฟาง
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ”
“หนูไหว้แม่นะคะ ไม่ได้ไหว้พระ”
“นี่ น้ำยังจะตลกอีกนะ” ฝนตำหนิฉัน
“ขอโทษคะ น้ำล้อเล่นนะคะ แม่มีอะไรหรือคะหรือว่ามาหาน้องฟางคะ”
“ฟางหายไปจากบ้านจ๊ะ หายไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เห็นบอกว่าจะมาโรงเรียน พอดีฟางลืมของไว้แม่เลยเอามาให้ แต่ยังไม่เห็นฟางเลยจ๊ะ”
เสียงของแม่ของฟางทำให้ฉันนึกถึงตอนที่อัยย์เสียชีวิตขึ้นมาทันที
“แม่ไม่ต้องกังวลนะคะ น้ำว่าแม่กลับบ้านไปก่อนดีกว่าทางนี้ เดี๋ยวน้ำจะรอน้องฟางเองคะ บางทีฟางอาจยังไม่มาโรงเรียนก็ได้นะคะ”
“แม่ก็รบกวนหนูน้ำหน่อยนะลูก”
“ไม่เป็นไรคะ”
หลังจากแม่ของฟางกลับไปพวกเราก็ไปที่ชมรมกัน
“เราจะทำไงดีน้ำ ฉันงงไปหมดแล้วนะเนี่ย” ฝนพูด
“ฉันว่า เราโทรศัพท์ไปหาฟางดีกว่า” ไหมออกความคิด
“แต่เราไม่มีเบอร์น้องฟางนะ” หมงกล่าว
“แต่ น้ำมี”
“รีบก็โทรฯ เลยซิน้ำ” นัทพูดขึ้น
ฉันจึงรีบกดโทรศัพท์ไปหาฟางทันที
“ติดแล้ว!มีคนรับด้วย”
“น้องฟางรับใช่ไหมน้ำ!” ฝนถาม
“เปล่า เขารับแล้วบอกว่า ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้”
“ไอ้ บ้า นี่แกจะตลกมากไปแล้วนะน้ำ”
“ฉันไม่อยากให้ทุกคนเครียดนะเกี๊ยว ทำไงดีล่ะฟางปิดเครื่องแน่ๆเลย”
“เอ๊ะ! น้ำนี่กระดาษอะไรนะ” ไหมถามพร้อมกับหยิบกระดาษมาให้ฉัน
“นี่มัน!จดหมายของฆาตกรนี่”
“มันว่าไงน้ำ” หมงถามขึ้น
“มันบอกว่าตอนนี้น้องฟางอยู่กับมันนะ”
“แล้วไงต่อล่ะ”
“มันบอกว่ามันจะติดต่อมาอีกทีนะ”
“แสดงว่าตอนนี้น้องฟางก็แย่นะซิ” นัทพูดขึ้น
“ใช่ ดังนั้น เราต้องสืบให้ได้ว่ามันจับตัวน้องฟางไว้ที่ไหน”
“แล้วแม่น้องฟางล่ะน้ำ เอาไงดี ไหนจะรายงานเราด้วย” หมงพูด
“เอางี้ รายงานเอาไว้ก่อน เอาเรื่องน้องฟางก่อนดีกว่านะ ฝนกับเกี๊ยวไปหาแม่น้องฟางที่บ้านนะส่วนนัทกับไหมไปค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับบุคลากรในโรงเรียนที่ห้องวิชาการ ส่วนฉันกับหมงจะไปตามหาน้องฟางเอง ถ้ามีอะไรก็โทรฯบอกด้วยนะ”
“แน่ใจหรือน้ำ” ฝนถาม
“แน่ใจ เราแยกย้ายกันเถอะ ก่อนที่น้องฟางจะเป็นอันตราย”
เราทั้งหกได้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตังเอง ฉันและหมงได้รีบไปหาน้องฟางทันที
“เราไปหาที่ไหนดีล่ะน้ำ”
“แล้วนายว่า โจรหรือคนร้ายในละครจะจับตัวนางเอกไปไว้ไหนล่ะ”
“ก็ตามบ้านร้างหรือไม่ก็ตามโรงงานร้างไงล่ะ”
“นี่ เธอสองคนจะไปหาใครกันหรือ” เสียงปริศนาดังขึ้น
“เสียงใครนะหมง”
“ไม่รู้ซิ หรือว่าเสียงผี”
จู่ๆเจ้าของเสียงก็โผล่มาจากพุ่มไม้ข้างๆ
“ผีที่ไหนจะหล่ออย่างงี้ล่ะ”
“นายชัด” ฉันและหมงร้องเสียงหลง
“เป็นอะไรไป เห็นหน้าน้าเหมือนเห็นผีรึไง”
“นี่ !นายชัดบอกมานะว่าจับน้องฟางไปไว้ไหน” ฉันกล่าวท้าทายนายชัด
“ฟางไหนล่ะ น้าไม่รู้จัก”
“นี่ นายไม่รู้จักฟางรึไง” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ใช่ ฟางไหนล่ะ”
“นี่ นายไม่รู้หรือแกล้งกันแน่” หมงถามด้วยอาการเกร็งๆ
“ฉันจะแกล้งทำไมล่ะ”
“แต่นายก็เป็นฆาตกรฆ่าน้องอัยย์กับพี่ปอมใช่ไหมล่ะ”
“นี่นังหนูถ้าฉันเป็นฆาตกรจริงๆนะ ฉันคงหนีไปนานแล้วล่ะ”
“นี่ นายไม่ใช่ฆาตกรจริงหรือ แล้วทำไมคืนที่นายอัยย์จะเสียชีวิตฉันเห็นนายลับมีดและถือถุงดำแถมยังพูดอะไรเกี่ยวกับเหยื่อด้วยล่ะ”
“มีดนั่นนะไม่ใช่ของฉัน เป็นของลุงชมแกให้ฉันช่วยลับให้ ส่วนถุงดำก็เป็นของฉันเอง ฉันใส่ขยะเลยจะเอาไปทิ้งนะ ส่วนเรื่องเหยื่อนะ ฉันจะเอาไปตกปลาจะบ้ารึไงว่ะ เด็กพวกนี้”
“อ้าว !นี่แสดงว่า นายชัดก็ไม่ได้เป็นฆาตกรฆ่าน้องอัยย์กับพี่ปอมนะซิ”
“ใช่ !แต่คุณอัยย์กับคุณปอมฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือครับ”
“ไม่ใช่คะ พวกเราขอโทษด้วยนะคะที่หาว่าน้าเป็นฆาตกรมาโดยตลอด”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ ถ้าไม่ใช่น้าชัดแล้วใครล่ะน้ำ”
“ไม่รู้ซิหมง ทำไงดีล่ะ”
“ให้น้าช่วยไหมนังหนู”
“น้าจะช่วยไงล่ะคะ”
“น้าว่าลุงชมแกท่าทางแปลกๆนะ แกไม่มาทำงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ คงไม่มั้งคะ ลุงชมเป็นคนดี คงไม่ทำอย่างนี้หรอก อีกอย่างวันนี้โรงเรียนปิดลุงชมคงไม่มาแน่ๆ”
“แล้วหนูจะทำยังไงต่อไปล่ะ”
“เราก็ต้องตามหาน้องฟางคะ ถ้าน้าเจอน้องฟางก็ช่วยบอกด้วยนะคะ เราสองคนไปนะคะ”
เป็นความจริงซินะที่นายชัดไม่ได้เป็นฆาตกร นายชัดไม่รู้จักน้องอัยย์และพี่ปอมเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งสองคนไม่ได้ฆ่าตัวตาย แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนฆ่าทั้งสองคนนั่น ใครกันที่เป็นคนจับน้องฟางไป ใครกันที่เป็นคนส่งจดหมายมาให้ฉัน ใครกันนะ?
“น้ำ เป็นอะไร คิดอะไรอยู่เหรอ”
หมงถามฉันหลังจากที่เห็นฉันเดินเงียบๆโดยไม่พูดอะไรเลยหลังจากที่แยกกับนายชัด
“ เปล่า แค่คิดว่าใครกันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องเลวร้ายแบบนี้”
“แล้ว น้ำคิดว่าลุงชมหรือ”
“ฉันว่าไม่ใช่ลุงชมนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ แล้วนายคิดว่าเป็นลุงชมรึไง”
“มันก็ไม่แน่นะน้ำ อาจเป็นลุงชมก็ได้”
“แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่แน่ๆ เรารีบไปหาน้องฟางเถอะ”
“ไปหาที่ไหนล่ะ .”
หมงพูดไม่ทันจบก็มีเสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น
“ ว่าไงไหมมีอะไรเหรอ”
“น้ำ เธอกับหมงรีบมาหาเราสองคนที่ห้องวิชาการด่วนนะ”
“ทำไม มีอะไรเหรอไหม”
“เออ รีบมาเถอะนะ”
“ก็ได้ ”
“มีอะไรเหรอน้ำ ไหมว่าไงล่ะ”
“ไหมให้เราสองคนไปหาที่ห้องวิชาการนะ”
“งั้นเราก็ไปกันเลยซิ”
“อือ”
ฉันและหมงรีบมุ่งหน้าไปยังห้องวิชาการที่อยู่ใกล้ๆกับชมรมของฉันเอง เมื่อไปถึงนัทและไหมก็ยืนรอพวกเราอยู่แล้ว
“ มีอะไรเหรอ ทำไมถึงเรียกเราสองคนมาล่ะ” หมงรีบถามไหมและนัททันที
“ เราพบหลักฐานอะไรบางอย่างนะ”
“อะไรเหรอไหม” ฉันถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“แกก็ดูเอาเองล่ะกันนะน้ำ”
สิ่งที่ฉันเห็นมันเป็นโครงร่างของจดหมายที่ฆาตกรส่งมาให้ฉันทั้งสองฉบับ ฉันรู้สึกดีใจและสั่นไปพร้อมๆกัน
“เธอสองคนไปเจอมันที่ไหน”
“เราสองคนไปเจอมันวางอยู่ใต้โต๊ะอาจารย์ประไพนะน้ำ” ไหมตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ
“แสดงว่าอาจารย์ประไพก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าน้องอัยย์กับพี่ปอมนะซิ”
“แต่อาจารย์ไม่น่าจะทำอย่างนั้นนะหมง”
“ไม่แน่นะน้ำ อาจารย์อาจจะทำจริงๆก็ได้” นัทสนับสนุนคำพูดของหมง
“นี่พวกเธอมาทำอะไรที่โต๊ะครูนะ”
เสียงอาจารย์ประไพดังขึ้น เราทั้งสี่หันหลังไปมองพร้อมๆกัน
“อาจารย์!!”
“ใช่ !ครูเอง พวกเธอมาทำอะไรที่นี่”
“อาจารย์คือฆาตกรที่ฆ่าน้องอัยย์กับพี่ปอมใช่ไหมคะ”
“น้ำ!” ไหมส่งเสียงขึ้น
“ ใช่ไหมคะอาจารย์ ตอบพวกเราซิครับ” นัทถามอาจารย์ด้วยน้ำเสียงสั่น
“ครูไม่ได้เป็นคนฆ่าสองคนนั่นนะ”
“แล้วหลักฐานนี่ล่ะคะ มันมาอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ยังไงกัน”
“นี่พวกเธอ ครูเป็นครูนะ”
“แสดงว่าอาจารย์ไม่ปฎิเสธ หนูอยากรู้ว่าอาจารย์ฆ่าอัยย์กับพี่ปอมทำไมคะ”
ฉันถามด้วยความเสียใจและโกรธ
“ครูไม่ได้ฆ่าสองคนนั่นนะ”
“แต่หลักฐานนี่ละครับ จดหมายที่ฆาตกรส่งมาให้พวกเรา เสียแรงนะครับที่พวกเราเคารพและรักอาจารย์” นัทพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ก็ได้ ครูยอมรับว่าจดหมายเนี่ยครูเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง แต่ครูไม่ได้เป็นคนฆ่ากานต์กวี
และอิศริยากรนะ”
“ถ้าไม่ใช่อาจารย์แล้วจะเป็นใครล่ะครับ” หมงถามต่อ
“นี่เธอไม่รู้จริงๆเหรอ ครูนึกว่าเธอคงรู้แล้ว”
“เรายังไม่รู้หรอกคะ แล้วใครล่ะคะ” ไหมถามอาจารย์บ้าง
“ก็.. ลุงชมไงล่ะ”
“ ลุงชม!” เราทั้งสี่เปล่งเสียงออกมาพร้อมๆกัน
“เป็นไปไม่ได้ ลุงชมไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่”
“นี่เธอไม่เชื่อครูเหรอ อธิชชา”
“แสดงว่าอาจารย์รู้มาโดยตลอดว่าลุงชมเป็นฆาตกร ทำไมอาจารย์ไม่บอกตำรวจล่ะคะ” ไหมถาม
“ครูก็อยากบอกแต่ ครูก็โดนลุงชมบังคับนะว่า ถ้าครูบอกว่าแกเป็นคนฆ่าครูก็จะโดนฆ่าเหมือนกัน”
“ นี่อาจารย์รู้เรื่องลุงชมตั้งแต่ศพของอัยย์แล้วหรือคะ” ฉันถามต่อ
“เปล่า ศพของกานต์กวีครูไม่รู้หรอก มารู้ก็ตอนอิศริยากรนี่แหละ”
“ อาจารย์อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยหรือครับ”
“เปล่าหรอก ธัทชวัฒิ แต่ครูมาเจอหลักฐานที่ห้องลุงชมครูเจอมีดรอยคราบเลือด พอดีกับที่ลุงชมเข้ามาพอดี แกเลยขู่บังคับครูนี่แหละครูเสียใจจริงๆนะ มีอะไรที่ครูพอจะช่วยพวกเธอได้บ้างล่ะ”
“ มีซิคะ เพียงแต่อาจารย์บอกว่าลุงชมจับน้องฟางไปไว้ที่ไหนคะ”
“ ครูก็ไม่รู้นะ แต่ครูคิดว่าคงเป็นบ้านร้างแถวๆบ้านแกเนี่ยแหละ เดี๋ยวครูจะพาพวกเธอไปนะ”
“ หมงกับไหมรีบไปแจ้งตำรวจนะ ส่วนเรากับนัทจะไปกับอาจารย์เอง” “ระวังตัวด้วยนะน้ำ” ไหมหันมาพูดกับฉันหลังจากที่เราได้แยกกันฉันก็รีบโทรศัพท์ไปบอกฝนและเกี๊ยว
12.30 น. 1 พฤศจิกายน 2548
ฉันนัทและอาจารย์ประไพได้รีบออกจากโรงเรียนและมุ่งหน้าไปที่บ้านร้างทันที
“หลังนี้แน่หรือคะอาจารย์”
“ครูว่าน่าจะใช่นะ”
“เราจะเข้าไปเลยหรือเปล่าครับอาจารย์”
“ครูว่าเราเข้าไปเลยดีกว่าคงไม่มีใครแน่ๆเลย”
เราทั้งสามรีบเปิดประตูและเข้าไป ภาพเบื้องหน้าที่เห็นน้องฟางโดนมัดมือมัดเท้าติดอยู่กับเสา
และลุงชมก็ยืนอยู่ข้างๆ
“ลุงชมปล่อยน้องฟางเดี๋ยวนี้นะ”
“หวัดดีคุณน้ำ มาถูกจนได้นะ คุณคิดหรือว่าคุณจะมาช่วยเด็กคนนี้ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ละ”
ตุบ!!!ทันทีทีฉันหันไปตามเสียงนั้นนัทก็ล้มลงกับพื้น ตุบ!!ในไม่ช้าฉันก็รู้สึกเหมือนโดนของแข็งฟาดไปเต็มๆที่ศีรษะ และฉันก็สลบไป
.
ฉันสลบไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาฉันและนัทก็โดนจับมัดมือมัดเท้าและผูกติดกับเสาแล้ว ฉันรีบร้องปลุกให้นัทตื่นขึ้น
“นัทตื่นได้แล้ว”
“อ้าวน้ำ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นไร นายละ”
“ไม่เป็นอะไร”
“น่าสงสารจริงๆ เด็กน้อยสองคนที่วันนี้จะไม่มีชีวิตกลับไปหาพ่อแม่อีกแล้ว”
เสียงลุงชมดังขึ้น ชายเบื้องหน้าของฉันดูยังไงก็ไม่เหมือนลุงชมที่ฉันรู้จัก นัยย์ตาแดงกล่ำ
แววตาดูดุดันโหดร้าย น้ำเสียงแข็งกร้าว ส่วนผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างลุงชมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็ คืออาจารย์ประไพ อาจารย์ที่พวกเรารักและเคารพ ฉันไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร
มันเจ็บปวดจริงๆ กับการที่เราโดนคนที่เราเคารพและไว้วางใจหลอก
“หนูไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะหลอกพวกเรา”
“ครูก็ไม่อยากหลอกพวกเธอหรอกนะ แต่ครูไม่ใช่ครูของพวกเธอนะซิ”
“อาจารย์หมายความว่าไง”
“เธอก็ลองดูดีๆซิ”
อาจารย์ประไพได้ใช้มือจับไปที่แก้มของตนเองและดึงออกมา อาจารย์ประไพไม่ใช่อาจารย์ประไพอีกแล้ว กลับกลายเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าพวกเราไม่กี่ปี ใช่!เขาคือเชิดลูกชายของลุงชมนั่นเอง
ลูกชายที่สติไม่ค่อยดีเพราะเป็นโรคประสาท
“นี่มันหมายความว่าไง แล้วอาจารย์ประไพอยู่ไหนละ” ฉันหันไปถามลุงชม
“ก็อยู่นี่ไง เชิดไปหยิบถุงมาซิลูก”
ลุงชมใช้ให้เชิดลูกชายของแกไปหยิบถุงใบใหญ่มาและเทมันลงกับพื้น ทันทีที่ของที่อยู่ภายในถุงร่วงลงมาฉันก็แทบจะร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ของที่ร่วงลงมาเป็นเศษกระดูกหลายๆชิ้นรวมทั้งหัวกะโหลกด้วย
“นี่ พวกแกฆ่าอาจารย์ประไพหรือเนี่ย พวกแกเลวจริงๆ”
โอ๊ย!!ลุงชมตบหน้าฉันเข้าไปเต็มๆ ที่แก้มขวา ฉันรู้สึกเจ็บมาก
“น้ำ!พี่น้ำ!” เสียงนัทและน้องฟางร้องขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“หุบปาก!ถ้าพวกแกไม่อยากโดนตบเหมือนนังนี่”
“นี่ ฉันถามลุงจริงๆนะว่าลุงฆ่าน้องอัยย์กับพี่ปอมทำไม”
ลุงชมนั่งลงและจับแก้มฉันและบีบแก้มฉัน
“ พวกแกคงอยากรู้ซินะ ฉันก็จะบอกให้ก็ได้ หากลูกของฉันได้กินเลือดคนสดๆมันก็จะหายจากโรคนี้ไงว่ะ”
“นี่ ลุงเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน บ้าจริง” ฉันพูดออกมาอย่างหัวเสียสุดๆ
“นี่ แกว่าใครบ้า เดี๋ยวโดนอีกทีหรอก นี่ก็จะได้เวลาแล้ว”
“เวลาอะไรกันนะ” นัทถามขึ้น
“ก็เวลาที่จะฆ่านังเด็กนี่ไงละ”
“นี่! อย่าทำอะไรน้องฟางนะ” ฉันตะโกนสุดเสียง
“อีกไม่นานตำรวจก็จะมาจับพวกแกแล้ว ปล่อยพวกเราเดี๋ยวนี้นะ” นัทพูดขึ้นเพื่อขู่ลุงชมแต่ดูว่ามันจะไม่ได้ผลเลย
“กว่าตำรวจจะมาพวกแกก็โดนฆ่ากันหมดแล้ว ข้าจะกลัวอะไรอีกว่ะ”
“ลุงนี่เลวจริงๆ”
“นี่!”
ลุงชมตบฉันอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันไม่รู้สึกอะไร อาจเป็นเพราะใบหน้าของฉันมันชาไปหมดทั้งหน้าแล้ว ก็ได้ เลยไม่รู้สึกอะไรเลย แถมเริ่มที่จะมีเลือดไหลกลบปากฉัน
“พี่น้ำ! เจ็บไหมคะ” ฟางร้องถามฉัน
“ไม่เป็นไรจ๊ะ”
“เชิด! จับนังเด็กฟางมัดให้แน่นๆนะ” ลุงชมออกคำสั่งให้ลูกชายมัดน้องฟางให้แน่น
“นี่ !ลุงชม ถ้าจะฆ่าน้องฟาง ลุงฆ่าน้ำแทนน้องฟางเถอะนะ น้ำขอร้อง” ฉันขอร้องลุงชม
“เอางั้นเลยรึนังหนู แกจะยอมตายแทนเด็กคนนี้รึไง”
“ใช่! น้ำยอม”
“พี่น้ำ !อย่าเลยคะ ฟางยอมตาย” T_T
“ไม่ได้นะฟาง พี่ยอมตายแทนฟางได้” T_T
“แต่ ”
“ไม่มีคำว่าแต่ฟาง พี่ตัดสินใจแล้ว”
“เอาละ ก็ได้ อยากตายแทนกันก็ได้”
ลุงชมพูดจบก็ไปหยิบมีดอเนกประสงค์มา แกบรรจงถอดมันออกจากปลอก ใบมีดมันวาวเมื่อสะท้อนกับแสงแดด
“เป็นคนดีจริงๆนะหนูน้ำ แต่น่าเสียดายคนดีผีไม่คุ้ม ฮ่ะ!ฮ่ะ!ฮ่า!”
ลุงชมเดินเข้ามาหาฉันและนั่งลงแล้วใช้มืออันหยาบกร้านของแกจับที่คางของฉัน แกกำลังจะใช้มีดบรรจงกรีดไปที่แก้มฉันแต่
“ลุง!ลุงชม ลุงฆ่าผมแทนน้ำเถอะนะ ผมขอร้องละ” T_T
“ไม่นะนัท นายทำอย่างนั้นไม่ได้”
ลุงชมลุกขึ้นแล้วเดินไปหานัทและต่อยไปที่แก้มนัทหมัดนึง เลือดไหลกลบปากนัททันที
“ลุงอย่าทำอะไร นัทนะ”
“ข้ายังไม่ฆ่ามันหรอกนะ แต่..ข้าจะสั่งสอนมันซักหน่อย”
“อย่านะ! ลุงชม อย่าทำเขานะ”
“แก มาห้ามฉันไม่ได้หรอกนังหนู มันสายไปแล้ว”
“อย่า!” ฉันตะโกนไปสุดเสียง แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรเลย
ลุงชมไม่รอช้า แกกดมีดไปที่แก้มนัท แกกดมีดลงบนแก้มขาวๆของนัทแล้วลากไปข้างหน้ารวดเดียวโดยไม่ลังเลใจเลย จากนั้นชั่วประเดี๋ยวเดียว เส้นสีแดงที่ลากบนแก้มของนัทก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจนปากแผลหายไปในพริบตา ฉันแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“นี่เป็นการสั่งสอนเล็กๆน้อยๆนะไอ้หนู”
ลุงชมพูดจบก็เดินมาหาฉัน
“นัท เจ็บหรือเปล่า” ฉันถามนัทพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย T_T
“ไม่เจ็บหรอกน้ำ แค่นี้เอง”
“แต่เลือดไหลไม่หยุดนะ นัท”
“ไม่เป็นไร” เสียงนัทค่อยๆแผ่วเบาลงด้วยความเจ็บปวด
“ทีนี้หนูจะได้ตายสมใจแล้วนะหนูน้ำ”
ลุงชมเดินมาและนั่งลงหน้าฉัน ลุงชมกดมีดและกรีดไปที่แขนซ้ายของฉัน เลือดสีแดงไหลเป็นทางตามรอยที่มีดกรีด ฉันกัดฟันที่จะไม่ส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดและทรมานออกมา ขณะนั้นน้องฟางก็ได้ร้องไห้ออกมา ลุงชมได้ยินเสียงร้องจึงจะเดินไปหาน้องฟาง
“อย่านะ!ลุงชม น้ำขอร้องอย่าทำน้องฟางนะ” T_T
ลุงชมเห็นฉันพูดดังนั้นจึงไม่ลุกขึ้นไป
“ช่างเป็นคนดีจริงๆ แต่คนดีมักตายตอนจบนะหนูน้ำ”
ลุงชมกำลังใช้ปลายมีดกดไปที่แก้มของฉันแต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“รอเดี๋ยวนะคุณน้ำ”
ลุงชมลุกไปเปิดประตู ทันทีที่ลุงชมเปิดประตู แกก็กระเด็นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
“นายชัด” ฉันและนัทตะโกนดังขึ้นด้วยความดีใจ
เชิดเห็นพ่อของตนล้มลงจึงเข้าไปหมายที่จะต่อยนายชัด นายชัดจึงต่อยสวนกลับไปก่อนและใช้มีดแทงเชิด จนเชิดล้มลงกับพื้น เลือดไหลนองไปทั่ว ลุงชมเห็นดังนั้นจึงเข้าไปและใช้มีดแทงนายชัดแต่นายชัดหลบได้ นายชัดจึงใช้ท่อนไม้แถวนั้นตีลุงชมไปที่ศรีษะ จนลุงชมสลบไป
“เป็นยังไงบ้างหนู”
“ไม่เป็นไงคะ ยังไหวแต่น้าช่วยแก้มัดพวกเราก่อนเถอะคะ”
ฉันตอบนายชัดไปด้วยเสียงสั่นด้วยความกลัวผสมกับดีใจที่รอดตาย
นายชัดรีบมาแก้มัดให้ฉันและนัท ฉันรีบไปแก้มัดให้น้องฟางทันที
“พี่น้ำ เป็นไงบ้างเจ็บไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นัทนายเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่เป็นไร แค่แก้มโดนกรีดนิดเดียวเอง”
“มีหวัง ถ้านายเสียโฉม สาวๆคงเสียใจแน่ๆเลย”
“นี่ น้ำ ยังจะตลกนะ ว่าแต่น้ำก็ไม่เบานะ”
“ใช่ เลือดไหลยังไม่หยุดเลย นายหมงกับไหมยังไม่ตามตำรวจมาอีกนะ”
“คุณหมงกับหนูไหมไปตามตำรวจแล้วละครับแต่ระหว่างทางก็โดนพวกลุงชมดักทำร้ายนะครับ”
“แล้วสองคนนั้นเป็นไงบ้างคะ”
“คุณไหมไม่เป็นอะไรมากครับ แต่คุณหมงนี่ซิแย่หน่อย โดนแทงเข้าที่ท้องนะครับ พอดีผมเดินผ่านไปพอดีเลยช่วยได้ทัน”
“แสดงว่าน้ามาช่วยเราได้เพราะสองคนนั้นบอกใช่ไหมครับ”
“ใช่ ครับ เอ๊ะ!นั่นเสียงรถตำรวจมาแล้วเรารีบออกไปดีกว่าครับ”
“เดี๋ยวคะ เราต้องเก็บกระดูกอาจารย์ประไพไปด้วยนะคะ”
“เรื่องมันเป็นยังไงกันอีกครับ”
“เดี๋ยวน้ำจะเล่าให้ฟังคะ”
ฉันและทุกคนช่วยกันเก็บกระดูกของอาจารย์ประไพ นายชัดประคองนัท ส่วนน้องฟางก็ประคองฉันออกไป ภายนอกบ้านร้าง มีฝนเกี๊ยวไหมและแม่น้องฟางพร้อมกับตำรวจหลายๆนาย
“ฟาง!ลูกแม่” แม่น้องฟางรีบมาโผกอดฟางทันที
“น้ำ นัท เป็นไงบ้างเราขอโทษที่มาช่วยช้านะ” ฝนพูด
“ไม่เป็นไร ฉันยังไม่ตาย”
“ลุงชมนี่ร้ายจริงๆ ดูซิที่แก้มนายนัทและที่แขนน้ำด้วย เรารีบไปโรงพยาบาลดีกว่านะ” เกี๊ยวเสนอความคิด
10.30 น. 2 พฤศจิกายน 2548
หลังจากเรื่องร้ายๆผ่านไป ฉันและนัทได้เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่เดียวกับหมง
“ขอบใจหนูน้ำมากนะจ๊ะที่ช่วยน้องฟางไว้นะ”
“ไม่เป็นไรคะแม่ น้ำยินดีที่จะช่วย”
“ฟางขอบคุณพี่น้ำด้วยนะคะ”
“อย่าขอบคุณพี่เลยต้องขอบคุณนายนัทกับน้าชัดด้วยนะ”
“คะ หนูไปขอบคุณมาแล้วคะ”
หลังจากที่น้องฟางและแม่กลับไป
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!เสียงใครเคาะประตูห้องฉันนะ
“น้ำ เป็นไงบ้างลูก”
“ดังใหญ่แล้วนะเจ๊ ออกทีวีด้วย” ^_^
“ไอ้บ้า”
“อย่าแกล้งพี่ซินพ”
“ครับหม่าม๊า”
“เป็นไงบ้างน้ำ ลูกรู้เรื่องแบบนี้แล้วไม่บอกให้แม่รู้เลยนะ”
“เจ็บแผลนิดหน่อยคะ ขอโทษคะที่น้ำไม่ได้บอกหม่าม๊า แล้วหมงกับนัทละคะ”
“สองคนนั้นไม่เป็นไรจ๊ะพรุ่งนี้น้ำกับนัทและก็หมงก็กลับบ้านได้แล้วละจ๊ะ”
“ดีใจจังเลย จะได้กลับบ้านซักที”
7.30 น. 3 พฤศจิกายน 2548
หลังจากที่ฉันได้นอนที่โรงพยาบาลไปสองสามวัน ฉันก็กลับบ้าน
และฉันก็ได้มาเรียนปกติในตอนเช้า และสิ่งที่ฉันได้เจอหลังกลับจากโรงพยาบาล มันทำให้ฉันงงกับสิ่งที่เกิดขั้น ตำรวจบอกว่ากระดูกที่ฉันเก็บมาเป็นกระดูกปลอมไม่ใช่ของจริง
แล้วอาจารย์ประไพล่ะ อาจารย์อยู่ที่ไหนกัน ฉันรีบตามฝนเกี๊ยวไหมนัทและหมงไปที่ห้องวิชาการทันที
“น้ำ ทำไมมาสายจัง ดูซิว่านี่ใคร” ไหมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“อาจารย์ประไพ อาจารย์จริงๆด้วย อาจารย์ยังไม่ตาย” ^_^ ฉันโผกอดอาจารย์ประไพด้วยความดีใจอย่างสุดขีด
“ครูยังไม่ตายจ๊ะ”
“แต่ครูหายไปไหนมาคะ ในเมื่อนายเชิดลูกลุงชมได้ปลอมเป็นอาจารย์”
“ครูโดน ลุงชมจับไปแต่บังเอิญได้นายชัดเนี่ยแหละไปช่วย เลยรอดมาได้ นายชัดเลยให้ครูหายไปสักพักนะ”
“อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าพวกเราก็เข้าใจนายชัดผิดมาโดยตลอดเลย”
“ ใช่จ๊ะ ครูเลยอยากจะบอกกับทุกคนว่าอย่ามองคนที่ภายนอกและอย่าเชื่อคนง่ายนะ เหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านมาถือว่าเป็นประสบการณ์ของชีวิตก็แล้วกันนะ”
“คะ/ครับ” พวกเราทั้งหกคนตอบพร้อมๆกัน
“เอาละ ไปเข้าเรียนได้แล้วนะ”
“คะ/ครับ”
หลังจากนั้นเราทั้งหกก็เข้าห้องเรียนตามปกติ ลุงชมและนายเชิดลูกชายก็โดนจับไปโดยปริยาย นายชัดได้ความดีความชอบ ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นและเป็นที่รักของครูและเด็กๆในโรงเรียน และเป็นฮีโร่ของฉันและเพื่อนๆด้วย ^_^ ฉันไม่คิดเลยว่าคนที่ฉันกลัวและคิดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตตั้งแต่เริ่มต้นจะเป็นคนดีและเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันและทุกคนไว้ ถ้าวันนั้นนายชัดมาช่วยฉัน นัทและน้องฟางไม่ทัน มีหวังพวกเราคงกลายเป็นศพแน่ๆ ผิดกับคนที่ฉันและทุกๆคนรักและไว้ใจคิดว่าเป็นคนดีแต่สุดท้ายก็กลายเป็นฆาตกรซะเอง
นี่คงเป็นประสบการณ์ดีๆแต่น่ากลัวไปหน่อย เป็นประสบการณ์ที่ฉันต้องสูญเสียคนที่ฉันรักไป ฉันและเพื่อนๆจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปจากกล่องความทรงจำของพวกเราเลย เราทั้งหกก็ได้ดำเนินชีวิตไปอย่างปกติ
เราทั้งหกได้รางวัลนักเรียนดีเด่นจากทางโรงเรียนและกรมตำรวจด้วย
นายชัดก็ยังเป็นภารโรงที่โรงเรียนต่อไป
ส่วนฉัน ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป
เกี๊ยว ก็ยังเป็นเจ้าแม่ MSN ตามเดิมและเธอยังวางโครงการที่จะไปศัลยกรรมคางด้วย^_^
ฝน ยังคงช่วยแม่ขายของที่ร้านสวยพานิชย์
ไหม ก็ยังช่วยแม่ขายอาหารตามสั่ง
นัท ก็ยังเป็นขวัญใจสาวๆอย่างเคย
หมง ก็ยังชอบหลีสาวๆไปทั่ว
ส่วนนพ น้องชายที่แสนดีของฉันก็ยังตามจีบฝนต่อไป สู้เขานะ! ไอ้น้องชาย
คุณ!คุณ!และก็คุณ ลองดูซิว่าภารโรงที่กำลังทำงานอยู่ตามอาคารต่างๆภายในโรงเรียนของคุณจะเป็นอย่างลุงชมรึเปล่า หากเป็นละก็คุณอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้
ก็ลองสังเกตุดูละกัน! ระวังตัวด้วยล่ะ!
ผลงานอื่นๆ ของ อะตอมคิดถึง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อะตอมคิดถึง
ความคิดเห็น