ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXOFIC] :: Beautiful stranger :: Krislay's story

    ลำดับตอนที่ #2 : ::Beautiful stranger:: 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 55


     

    1

     

     

       .....กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยคลุ้งอยู่ในห้องทำงานสไตล์โมเดิร์นที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีทั้งหมู่บ้าน คอนโด ที่ดินต่างๆเกือบทั่วทั้งประเทศจีนนับว่าเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศเลยก็ว่าได้ ผู้บริหารหนุ่มนั่งจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี สายตาคมดุจมังกรทอดมองไปยังวิวในมุมสูงของบ้านเกิดตัวเองจากห้องทำงานที่ตัวเองเป็นคนออกแบบเองกับมือ รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากเมื่อนึกไปถึงคนแปลกหน้าที่ได้พบกันเมื่อคืน

     

    ....
    .........

     

      จางอี้ชิงคนนั้นพาเค้าไปบ้านหลังเล็กๆสีขาวน่ารักที่ด้านหน้าเป็นร้านกาแฟเบเกอรี่ตกแต่งสไตล์อบอุ่นและแน่นอนว่าเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ เจ้าตัวบอกกับเค้าว่าพี่ชายเป็นคนทำเองทั้งหมดทั้งขนมและเครื่องดื่ม และเมื่ออู๋ฟานได้ลองชิมแล้วก็บอกได้คำเดียวว่า อร่อยเกินกว่าจะเป็นร้านเล็กๆแบบนี้ และเมื่อได้เห็นหน้าคนทำพี่ชายของเด็กคนนั้นที่ชื่อว่า คิมจุนมยอน เป็นคนเกาหลีโดยกำเนิด ก็อยากจะย้านร้านเล็กๆนั้นมาอยู่หน้าบริษัทให้รู้แล้วรู้รอด อะไรกันนะบ้านนี้ มีลูกชายสองคนแต่ดูบอบบางสวยกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ คิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าและนึกขำกับความคิดของตัวเอง ก่อนจะหันตัวมาสนใจกับเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าและเริ่มต้นทำงานสักที

     

     

    "เฮ้! ไอ่อู๋"

     

    ไอ้อู๋ เจ้าของชื่อแทบสำลักและรีบเงยหน้ามามองเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญใจ สายตาจ้องมองคนที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาในห้องทำงานคนอื่นและทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเค้าอย่างสบายๆ

     

    ...เสี่ยวลู่หานส่งยิ้มน่ารักแกมกวนเบื้องล่างไปให้น้องชายสุดรักคนละแม่อย่างอารมณ์ดี รู้สึกสะใจเล็กๆที่ได้เห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของมันทันที่ได้เห็นหน้าเค้า

     

    "ลมอะไรหอบนายมาถึงที่นี่ ปกติเห็นกกอยู่แต่กับไอ่เซฮุน หรือโดนมันทิ้งแล้วหรอไง?"

     

    "ชิ ปากคอเราะร้าย ถ้าจะโดนทิ้งนะ มันต่างหากต้องโดนฉันทิ้ง! มีข่าวดีจะมาบอกน่ะน้องรัก~" ลู่หานเอามือเท้าคางกับโต๊ะแล้วส่งรอบยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดไปให้อู๋ฟาน ก่อนจะผิวปากอย่างจงใจให้คนตรงหน้าหงุดหงิดเล่นๆ

     

    "อย่ามากวนตีนจะบอกก็รีบบอกฉันมีงานต้องทำ ข่าวดีอะไรของนาย ท้องหรอไง?" คริสหัวเราะก่อนจะเอี้ยวตัวหลบแฟ้มงานที่โดนเขวี้ยงมาจากมือพี่ชายตัวเล็ก

     

    "ม๊าบอกให้ลูกชายคนเล็กกลับบ้านด่วน... บอกกว่าให้รีบกลับไปแต่งงานน่ะ ม๊าเตรียมเจ้าสาวไว้ให้นายแล้วด้วยนะ สวยเชียวล่ะ ฮ้า~ น้องฉันจะได้เป็นพ่อคนซะละ"

     

    "อะไรนะ!? แต่งงาน! พูดบ้าอะไรฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง อย่ามาตลกน่ะเสี่ยวลู่" คริสวางปากกาในมือลงกับโต๊ะอย่างแรงพลางจ้องหน้าคนเป็นพี่อย่างคาดคั้นเอาความจริง ลู่หานพยักหน้าอีกครั้งเพื่อจะยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูด

     

     

    ...เมื่อสองปีที่แล้วคนที่จะถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อผงประโยชน์ทางธุรกิจเป็น ลู่หานไม่ใช่คริส แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของลู่หานที่เป็นคนหัวดื้อและไม่ยอมใครและไม่ได้คิดจะสืบทอดธุรกิจจากทางบ้านอยู่แล้ว เค้าจึงค้านหัวชนฝาจนเกิดปากเสียงกับครอบครัวและในที่สุดก็ตัดสินใจออกจากบ้านมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองด้วยการเปิดธุรกิจร้านเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นโดยมีตัวเองเป็นดีไซน์เนอร์ออกแบบเอง และแน่นอนว่าจะขาดกำลังใจสำคัญอย่างรุ่นน้องคนสนิทเพื่อนก๊วนเดียวกับไอ้อู๋ฟาน โอเซฮุน ที่เป็นทั้งคนรักและนายแบบประจำร้านไปไม่ได้เลยจริงๆ และเมื่อผิดหวังจากลูกชายคนโตความหวังต่อไปก็คือลูกชายคนเล็กอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคู่รู้ข้อนี้ดี...

     

     

    "ฉันรู้ว่าแกน่ะจะไม่ทำแบบฉันหรอก แล้วฉันก็รู้ว่าแกน่ะยังไงก็ไม่ยอมแต่ง แต่แกก็รู้ว่าถ้าแกไม่แข็งพอหรือมีเหตุผลที่ดีพอแกก็จะขัดม๊าใหญ่ไม่ได้และเหตุผลเดียวที่แกจะไม่ยอมแต่งก็คือ แกต้องมีแฟนเป็นตัวเป็นตน" ลู่หานมองปฎิกริยาจากน้องชายและสิ่งได้ตอบกลับมาคือ อาการถอนหายใจ


    "และแน่นอนว่าแกไม่มี" และคริสก็ถอนหายใจยาวอีกครั้งอย่างจนปัญญา...

     

    "แปลว่าฉันต้องมีแฟน?" เสียงทุ้มเอ่ยถาม ใบหน้าหวานของลู่หานพยักไปมาอย่างเห็นด้วย ร่างสูงสมส่วนในชุดสูททิ้งตัวลงติดกับพนักเก้าอี้ส่งผลให้ผู้เป็นพี่รู้สึกเห็นใจขึ้นมาอย่างแปลกๆ ลู่หานผุดลุกขึ้นแล้วจัดการเก็บของบนโต๊ะให้คริส แล้วจึงเดินไปฉุดแขนให้น้องชายตัวสูงลุกขึ้นตามแรงดึงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส


    "ฉันจะพาไปนายไปกินเค้กที่อร่อยที่สุดในโลก ไปเดี๋ยวนี้"


     

    เอ้ะ ประโยคนี้มันคุ้นๆ... คริสคิดได้แค่นั้นก่อนจะต้องเดินตามแรงลากอันน้อยนิดของลู่หานไปยังรถเล็กซัสสีดำคันหรูของตัวเอง มือหนาควานหากระเป๋าตังค์ตัวเองในเสื้อสูทเพื่อเช้คว่าไม่ได้ลืมกระเป๋าตังค์ เพราะแน่นอนว่าเสี่ยวลู่หานไม่มีวันออกตังค์เองเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่แล้วน่ะสิ...

     
     

    ---- Beautiful stranger ----
     

     

    อา.... เหนื่อยชะมัดเลย

     

      จางอี้ชิงได้แต่บ่นในใจแต่ร่างกายก็ยังคงเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงที่ดังกระหึ่มในห้องซ้อมเต้นที่เต็มไปด้วยกระจกของอาจารย์ชองยุนโฮ อาจารย์ประจำคลาสแดนซ์ของภาควิชา ไม่นานเพลงจังหวะสุดมันส์ก็เงียบลงและการเรียนการสอนในวันนี้ก็หมดลงในที่สุด อี้ชิงเดินตรงไปเก็บของตัวเองที่มุมห้องอย่างรวดเร็ว กระเป๋าเอ็มซีเอ็มใบโปรดที่พี่จุนมยอนซื้อให้ในวันเกิดถูกสะพายขึ้นบ่าและก้าวเท้าออกจากห้อง

     
     

    "พี่อี้ชิง!"

    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยรั้งเจ้าของชื่อไว้จากด้านหลังทำให้อี้ชิงต้องหันกลับไปมองคนเรียกอย่างเสียไม่ได้ ก่อนรอยยิ้มหวานจะแย้มยิ้มออกมาให้คนตรงหน้าจนคนมองอดจะยิ้มตามไม่ได้

     

    "จงอิน นึกว่านายกลับไปแล้ว ไปที่ร้านมั้ยพี่จุนมยอนทำเค้กสูตรใหม่ด้วยนะ ไปลองชิมดู" ไม่พูดเปล่า มือเล็กจับต้นแขนของรุ่นน้องคนสนิทไว้มั่น

     

    "อ่า.. วันนี้ผมคงไปได้แค่ส่งพี่นะครับ ผมต้องรีบกลับ ไว้วันหลังผมจะเข้าไปชิมเค้กนะครับ"

     

    "จริงหรอ เสียดายจัง" อี้ชิงบุ้ยปากอย่างนึกเสียดายแทนรุ่นน้องตัวสูง และนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากจงอินได้ ...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี อี้ชิงก็ยังคงน่ารักเสมอ... "ป่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่งนะ" จงอินส่งยิ้มให้พี่ชายตัวเล็กแล้วพนักหน้าให้เดินตามมา

     
     

    ... คิมจงอินเฝ้ามองใบหน้าน่ารักที่สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดกับเค้าที่ทำหน้าที่คนขับรถอยู่ ตอบกลับบ้างในเวลาที่เสียงหวานเอ่ยถามความเห็น หัวเราะตามบ้างเวลาที่คนตัวเล็กหัวเราะร่าจากเรื่องที่ตัวเองเล่า เค้ารู้จักกับพี่ชายคนนี้ครั้งแรกก็ตอนที่เค้าหกล้มจนหัวเข่าเป็นแผลที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน ในตอนนั้นจงอินเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ ไม่มีเพื่อน พี่ชายตัวเล็กคนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนเล่นและที่สำคัญ รักแรก

     

    **

    "ฮือๆ ฮือ" เด็กชายผิวสีน้ำผึ้งนั่งกุมหัวเข่าที่มีแผลจากการหกล้ม มืออีกข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ร่วงเผาะๆ

     

    "นี่! ร้องไห้ทำไม ใครแกล้ง? อ้ะ หัวเข่าเป็นแผลนี่ หกล้มหรอ" เด็กชานจงอินเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเล็ก ก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่ยืนอยู่ ใบหน้างอง้ำพยักไปมาก่อนจะเอ่ยเสียงเบา "เจ็บที่เข่า"

     

    "เพี้ยง!~ พี่เป่าให้แล้วนะเดี๋ยวก็หายเจ็บ" คนแทนตัวว่าพี่ส่งยิ้มให้คนเจ็บอย่างอ่อนโยน แล้วเป่าลมที่แผลอย่างแผ่วเบาเหมือนอย่างที่พี่ชายเค้าชอบทำให้เวลามีแผล "บ้านนายอยู่ไหน ขี่หลังพี่ไปนะ เดี๋ยวจะไปส่งเอง"

     

    เด็กชายอี้ชิงในอายุ10ขวบเต็มย่อตัวลงให้น้องชายคนใหม่ปีนขึ้นหลังตัวเอง ก่อนจะพาทั้งตัวเองและคนเจ็บออกเดินไปยังบ้านที่คนบนหลังเอ่ยบอกทางเป็นระยะ

     

    "ผมชื่อจงอิน คิมจงอิน"

     

    "พี่ชื่ออี้ชิงนะ จางอี้ชิง คราวหลังมาเล่นด้วยกันนะ"

     

    "อื้อ จะมาเล่นกับพี่อี้ชิงทุกวัน"

     

    อี้ชิงพาน้องชายคนใหม่มาส่งบ้านอย่างปลอดภัย คุณแม่ของจงอินเอ่ยขอบคุณอี้ชิงยกใหญ่แถมยังให้ขนมกลับมาถุงเบ้อเริ่ม และสัญญาว่าจะพาจงอินไปหาบ่อยๆเมื่อรู้ว่าบ้านของอี้ชิงเป็นร้านขนมที่อยู่ใกล้ๆกัน จงอินโบกมือบ้ายบายพี่ชายก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้คุณแม่ของตัวเอง

     

    "ยิ้มอะไรเจ้าแสบ เจ็บตัวแล้วดีใจหรือไง หื้อ?"

     

     

    "สวยมั้ยแม่? นางฟ้าของผม"

     

    **

     
     

    ถึงบ้านของนางฟ้าของจงอินแล้วสินะ... จงอินโบกมือให้อี้ชิงที่ก้มตัวลงมาบอกลาเค้า และสัญญาว่าคราวหลังจะมาชิมเค้กแน่นอน อี้ชิงถึงยอมปล่อยให้จงอินออกรถไปได้

     
     

    "อะไรกัน เมื่อก่อนฉันสูงกว่าหมอนั่นอีกนะ" ปากเล็กยื่นออกมาอย่างขัดใจกับส่วนสูงของเจ้าน้องชายที่สูงแซงตัวเองไปอย่างรวดเร็ว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเล็กซัสคนหรูสีดำแสนคุ้นตาที่จอดเทียบท่าอยู่หน้าบ้านตัวเอง

     

     

    อ้ะ นั่นมัน... รถคุณคริสคนนั้น!?

     

     

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×