ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love not bad] ฝากร้ายคืนรัก

    ลำดับตอนที่ #23 : ความสัมพันธ์ที่เหมือนไปต่อได้ แต่สุดท้ายก็... [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      50
      15 มี.ค. 63

    เสียงปลดเบลท์ปลุกฉันตื่นจากการเดินทาง เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าตลอดระยะเวลาการเดินทางนั้นมีแต่เสียงเพลงเป็นเพื่อนร่วมทางโดยไร้การสนทนาของฉันและโซ่ รู้ตัวอีกทีก็ถึงทะเลแล้ว นี่เขาไม่แวะพักรถหรือว่าลงเข้าห้องน้ำกลางทางเลยเหรอเนี่ย เชื่อเลยจริงๆ

    “ถึงแล้วเหรอ”

    “อื้ม”

    “นี่มัน บ้านที่เรามาพักครั้งก่อนนี่”

    “ใช่” โซ่ตอบสั้นๆ พร้อมกับเดินลงจากรถทำท่ายืดเส้นยืดสายบิดตัวไปมา ฉันเองก็ลงรถตามเขาเช่นกัน พอดูเวลาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว

    “นี่นายขับรถไวมากเลยนะ ไม่แวะกลางทางด้วย สุดยอดเลยจริงๆ” ฉันชมโซ่ในขณะที่เจ้าตัวหันหน้ามามองด้วยแววตาหยิ่งๆ แต่ฉันดูออกว่าเขาน่ะกำลังอวดว่าเขาเจ๋ง และชอบมากที่ฉันชมแบบนั้น อันนี้ก็คิดเองเออเองน่ะ “ว่าแต่...นายบอกจะกินกุ้งเผาไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนล่ะกุ้ง”

    ฉันเตือนสติ ในขณะที่โซ่ก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก เขาจึงบอกให้ฉันขึ้นรถและจะไปซื้อกุ้งที่ตลาดขายกุ้งใกล้ๆ พอได้กุ้งแล้วก็เครื่องทำน้ำจิ้มเสร็จ เราสองคนก็กลับมาบ้านพักริมทะเลแล้วลงมือทำอาหาร

    อันที่จริงต้องบอกว่าฉันเป็นคนทำเสียมากกว่า โซ่เหรอจะทำอะไร แค่ปลอกเปลือกกระเทียมออกยังทำครึ่งชั่วโมง กว่าเล็บคุณชายจะจิกเฉาะเอาเปลือกบางที่หุ้มกระเทียมออกได้แต่ละเม็ดเล่นเอาฉันลุ้นไปตามๆ กัน ที่ทำได้ดีคงมีแต่เอาพัดปัดเป่าถ่านให้ไฟลุกก็แค่นั้นแหละมั้ง ที่ดูกระฉับกระเฉงหน่อย

    “ล้างกุ้งทำไม มันอยู่ในน้ำแข็งอยู่แล้วนี่”

    “ก็ใช่ แต่ว่าก่อนหน้านี้มันอยู่ในน้ำอะไรมาก็ไม่รู้ไง เราก็ต้องล้างน้ำกับน้ำแข็งแบบนี้แหละจะได้สะอาดๆ อยากลองทำดูไหม?” ฉันถามโซ่ที่เดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ใช้ให้เขาไปพัดถ่านให้ไฟลุก โซ่มองดูมือของฉันที่กำลังล้างกุ้งอยู่ในอ่าง เขาดูลังเลนิดๆ

    “ลองทำดูสิ วันหลังอยากกินกุ้งเผาอร่อยๆ เนื้อหวานๆ แกะง่ายๆ ไม่ติดเปลือกจะได้ทำได้เองไง”

    “แค่เอากุ้งสดๆ จากทะเลมาก็ได้แล้วนี่ พวกร้านบุฟเฟ่บางทียังเอาวางบนน้ำแข็ง ไม่ก็หยิบจากอ่างน้ำแล้วใส่ถังน้ำแข็งช๊อตเสร็จแล้วก็เอาไปปิ้งเลยด้วยซ้ำไป”

    “แบบนั้นก็ใช่ แต่ถ้าให้ดีก็ล้างให้สะอาดจะดีกว่า เราก็จะได้ปลอดภัยด้วยไง”

    “อื้ม เดี่ยวช่วย” โซ่พูดแล้วก็ช่วยฉันล้างกุ้งในอ่างน้ำแข็ง

    “อย่าทำแรงล่ะ คนๆ ให้ตะกอนโคลนๆ มันออกมา อื้มแบบนั้นแหละ แล้วก็ใส่อ่างน้ำแข็งอันนั้นเลย”

    “รอบก่อนเธอก็ทำแบบนี้เหรอ”

    “ใช่ เออว่าแต่อยากกินกุ้งเผาเหมือนร้านไหม ที่ผ่าแล้วมันเยิ้มๆ ออกมาน่ะ”

    “ทำเป็นเหรอ? ของชอบเลยล่ะ ถ้าทำได้ก็ทำเลย” โซ่พูดด้วยสายตาที่เป็นประกาย พอพูดของโปรดทีไรทำไมสายตาต้องวิ้งขนาดนั้น จำภาพความดุดันและเย็นชาของเขาไม่ได้เลยจริงๆ

    “ไปหากรรไกรมาสิ เดี๋ยวทำให้” โซ่เดินไปหากรรไกรในบ้านทันทีโดยไม่เอ่ยถามอีก ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับกรรไกรอันใหม่ที่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานมากนักยื่นให้ฉัน

    “โชคดีนะที่ซื้อกุ้งก้ามกรามมาน่ะ ฉันว่าแล้วว่านายต้องชอบกินมันกุ้งเยิ้มๆ แน่ๆ ทำแบบนี้นะ” ฉันจับกุ้งขึ้นมา แล้วค่อยๆ บรรจงตัดหยวดของกุ้งออกให้โซ่ดูพร้อมกับอธิบายให้เขาฟัง สายตาคมจ้องมองตามมือฉันอย่างตั้งใจราวกับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งพบเจอ “หลังจากเราล้างกุ้งให้สะอาดเสร็จแล้ว เราก็ทำการตัดหนวดกุ้งออกให้สวยงามแบบนี้” ฉันทำการตัดหนวดกุ้งให้ดูเป็นตัวอย่าง “ใช้กรรไกรตัดเปลือกกุ้งออก จากนั้นก็ตัดเลาะเฉพาะเปลือกกุ้งตั้งแต่กลางตัวเป็นแนวตั้งไปถึงส่วนหาง วิธีต้องสำคัญนะนายต้องใช้กรรไกรคมๆ หน่อย เพราะถ้าไม่คมแล้วเฉือนหั่นไปมาเนี่ย จะทำให้เนื้อกุ้งเละ ไม่เด้งฟู แล้วก็จะหมดความสวยงาม ทีนี้รสชาติก็จะแย่เรียกได้ว่าไม่อร่อยเลยล่ะ” ฉันทำให้โซ่ดูเป็นตัวอย่างก่อนจะวางไว้ในจานใหญ่ “นี่ไงผ่ากุ้งเสร็จแล้ว”

    “แค่นี้เองเหรอ ง่ายๆ สบายมาก” โซ่ยกไหล่ใส่ฉัน

    “ยังๆ ยังไม่เสร็จ นายต้องตัดเอามันกุ้งออกแยกใส่ถ้วยเล็กๆ ไว้”

    “อ่าว แยกออกไปทำไม อยากกินมันกุ้ง!” โซ่ตวาดเสียงใส่ฉันดังลั่นบ้าน

    “รู้แล้วน่า ทำไมต้องตะคอกใส่ด้วย คืองี้...ถ้านายเอาไปเผาพร้อมกับตัวกุ้งเลยเนี่ย มันจะใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะกว่ากุ้งจะสุก เลยทำให้มันกุ้งแห้ง รสชาติก็จะเพี้ยนไปนิดๆ แล้วมันก็จะไม่เยิ้มน่ากินเหมือนที่เขาขายตามร้านด้วย เคล็ดลับก็คือเราก็ตักออกมาใส่จานแบบนี้แหละ พอเราเผากุ้งก่อนที่มันจะสุกเนี่ย ค่อยตักมันกุ้งไปไว้ที่ตัว ทีนี้เราก็จะได้มันกุ้งเยิ้มๆ น่ากิน ไม่แห้งติดกุ้งด้วย เข้าใจยังพ่อคนใจร้อน”

    “แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก” โซ่บ่นเบาๆ ทำหน้าเหมือนเข้าใจแต่แววตาก็เถียงฉันนิดๆ เอาเถอะ เอาที่นายสบายใจก็แล้วกัน ฉันไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว

    “ก็บอกอยู่นี่ไงคะ ถึงตานายบ้างแล้ว ลองทำดู” ฉันยื่นกุ้งไปให้โซ่ได้ลองใช้กรรไกรตัด เขาดูตั้งใจทำดี ถามนิดๆ หน่อยๆ

    “เฮ้ย! แบบนี้ดีไหม?”

    “อื้มดีแล้ว” พอทำได้ก็ร้องลั่นบ้านเหมือนเด็กน้อยทำการบ้านเสร็จแล้ววางลงจานด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนฉันผู้ชำนาญการด้านการทำอาหารก็ใช้มีดญี่ปุ่นของบ้านโซ่ที่โคตรจะคมหั่นกุ้ง ในขณะที่ฉันทำไป 4 ตัว โซ่ก็จะเสร็จ 1 ตัว

    พอเราเตรียมกุ้งสำหรับเผาเสร็จแล้วก็ช่วยกันเตรียมน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่พ่อ(เลี้ยง) สอนฉันมาตั้งแต่ทำร้านอาหารเมื่อก่อน เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้หวงสูตรอะไรหรอกนะ ดูท่าทางโซ่ก็อยากจะรู้สูตรเหลือเกินเขาดูตั้งใจทำตั้งแต่โขลกพริกกระเทียม แล้วก็บีบมะนาวด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผิดกับโซ่หน้ามึนและตึงหนักมากที่เจอกันวันแรกอย่างเห็นได้ชัด

    พอชิมรสแล้วถูกใจเขาก็ยิ้มแก้มปริ เราเสียเวลาทำครัวกันอยู่ประมาณเกือบสองชั่วโฒงกว่าจะได้ปิ้งกุ้ง ย่างกุ้งก็สองโมงกว่าแล้ว

    “ระหว่างนี้นายก็ย่างกุ้งไปนะ ฉันไปทำข้าวผัดเนยกระเทียมมาให้”

    “อื้ม” โซ่ตอบรับและมุ่งมั่นตั้งใจกับการปิ้งย่างกุ้งเป็นอย่างมาก

    ฉันเข้ามาในครัวทำการผัดข้าวกับเนย ใส่กระเทียมลงไปผัดพอให้กลิ่นหอมก็ตามด้วยไข่ หลุกให้เข้ากัน เร่งไฟไข่สุกและแห้งก็ตามด้วยแครอท ต้นหอม ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย คนให้เข้ากันก็ตักใส่จานเอาไปวางที่โต๊ะข้างบ้านริมสระน้ำ กลับมาอีกทีแทบร้องไห้

    กุ้งเปาของจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

    “นี่นายทำอะไรเนี่ย จะเผาบ้านตัวเองหรือไง”

    “ก็เผากุ้งไง” โซ่ทำเสียงโมโหใส่ฉัน หน้าของโซ่ก็ติดเป็นรอยดำของเตาถ่านไปด้วยเห็นแล้วก็แอบอดขำใส่ไม่ได้จริงๆ

    “เผาจนดำขนาดนี้เลยเหรอ ถามจริงนายไม่เคยกินกุ้งหรือไง แค่พอสีส้มๆ ก็เอาขึ้นได้แล้วสิ”

    “ใครจะไปรู้ล่ะ เก่งมากนักก็มาทำเองเลยไป” โซ่พูดพร้อมกับเขวี้ยงที่หนีบกุ้งใส่ฉัน โมโหหิวหรือไงกันเนี่ย แซวเล่นแค่นี้ก็ต้องเหวี่ยงใส่ด้วย แต่ถ้าให้เดาเขาน่าจะโมโหตัวเองมากกว่าแหละที่ทำไม่ได้ดั่งใจ พอฉันทักก็เลยประสาทแตก

    “งั้นก็มานั่งรอที่โต๊ะ กินข้าวผัดแก้หิวก่อนก็แล้วกัน” โซ่เดินไปนั่งอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด ฉันหนีบเอากุ้งเผาสีดำทมิฬสิบกว่าตัวออกจากเตา ทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย โถ่กุ้งน้อยสละชีวิตไปไม่พอยังไม่ได้ทำบุญให้มนุษย์ได้กินอีก น่าสงสารจริงๆ เลย ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่บ้าง โชคดีที่โซ่ไม่เอากุ้งที่ผ่าซีกอย่างยากลำบากลงไปย่างด้วย ไม่งั้นคงน่าเสียดายกว่าเดิมแน่ๆ

    ฉันทำการปิ้งกุ้ง และย่างกุ้งอย่างผู้ชำนาญการ ไม่ถึง 15 นาที กุ้งเผา กุ้งย่างมันเยิ้มๆ ก็วางอยู่ที่จานใหญ่หน้าคุณชายโซ่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

    “เป็นไง สวยงามน่ารับประทานเหมือนร้านอาหารชั้นนำหรือยัง” ฉันพูดพร้อมกับเลื่อนน้ำจิ้มไปวางหน้าโซ่

    “ก็พอดูได้ แต่รสชาติจะอร่อยอย่างคุยหรือเปล่า”

    “อร่อยไม่อร่อยก็ได้ข่าวว่าไปรับถึงคอนโดแล้วตามให้มาเผาถึงชลบุรี” โซ่ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะนั่งมองกุ้งในจานที มองฉันทีสลับไปมา

    “เป็นอะไร แล้วทำไมไม่กินล่ะ” ฉันถาม

    “เอ่อคือ...” เขาทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ เหมือนเกรงใจฉันนิดๆ “ปกติแล้วจะมีคนแกะให้กิน”

    “อะไรนะ? อย่าบอกนะว่านายแกะกุ้งไม่เป็นน่ะ”

    “แกะเป็นแต่ว่าไม่คล่องเท่าไหร่ เธอกินเถอะ แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ” เขาพยายามแก้ตัว และเอื้อมมือไปจับกุ้งมาวางที่จานของตัวเองทำท่าทางเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงจุดไหนของกุ้ง ฉันมองตามมือโซ่อย่างนึกสนใจว่าเขาจะทำยังไง สุดท้ายก็เอามือไปเด็ดหางออก

    “แค่พูดว่าแกะไม่เป็นเนี่ยจะยากตรงไหน ทำไมต้องปากแข็งด้วย เดี๋ยวแกะให้ก็ได้”

    “แล้วไม่หิวเหรอ?”

    รู้นี่ว่าคนอื่นเขาก็หิวเป็นแต่ก็ยังจะทำตัวเป็นภาระอยู่ได้ ฉันบ่นในใจไม่ได้พูดออกมา

    “หิว แต่สงสารเด็กตาดำๆ มากกว่า”

    ฉันนั่งแกะกุ้งให้โซ่ เขารับไปก่อนจะจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดตรงหน้า ความจริงโซ่ไม่ชอบกินเผ็ดฉันพอจำได้แต่ไม่รู้ทำไมรอบนี้เขาถึงบอกว่าอยากกินอะไรเผ็ดๆ บ้าง ก็เลยใส่พริกไปค่อนข้างเยอะ พอเผ็ดก็ปากก็เริ่มเปลี่ยนสีซี๊ดปากเสียงดัง แต่ก็ไม่หยุดกิน

    “อ้าปากสิ” โซ่ตักข้าวพร้อมกับราดด้วยมันกุ้งเยิ้มๆ มาจ่อปากฉัน

    “ให้ฉันเหรอ”

    “อื้ม กินซักคำหนึ่งสิ ยังไม่เห็นกินอะไรเลยนี่” ฉันอ้าปากรับก่อนที่ข้าวจะถูกฉันบดละเอียดและกลืนลงท้องไป คำแรกมาคำถัดๆ ไปก็ตามมาติดๆบางครั้งก็มีกุ้งมาเพิ่มด้วย กลายเป็นว่าฉันมีหน้าที่แกะกุ้ง ส่วนโซ่ก็ทำการป้อนข้าวฉันและตัวเองกินซะอย่างนั้น พอฉันจะตักข้าวกินเองก็เป็นโซ่อีกนั่นแหละที่แย่งช้อนไป พอกุ้งหมดเราสองคนถึงหยุดกิน

    และสิ่งที่ได้รับนั่นก็คือ

    “อิ่มเว้ย!” เสียงโซ่

    “ท้องจะแตกแล้ว” เสียงฉัน

    เราสองคนนอนเหยียดยาวอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีกันคนละมุม

    “แต่อร่อยดีนะ วันหลังมาอีก” โซ่พูดดีใจเหมือนเด็กๆ ชวนเพื่อนเล่นของเล่น

    “ถ้านายจะมากินกุ้งไกลขนาดนี้ ฉันแนะนำว่าซื้อกุ้งแถวบางขุนเทียนแล้วให้เขาเผาให้กินเถอะ ไม่ก็ขับไปพัทยาใกล้ๆ เดี๋ยวน้ำจิ้มฉันทำให้กินก็ได้ หรือนายจะทำกินเองที่บ้านก็”ด้นี่ สูตรก็รู้หมดแล้ว กลัวอะไร ทำไมต้องขับรถมากินตั้งไกล”

    “กินแถวนั้นมันเสี่ยง”

    “เสี่ยงอะไร?” แววตาของโซ่ดูเศร้าลงนิดๆ จนฉันเองเริ่มไม่อยากรู้คำตอบแล้วล่ะ เขาคงจะหมายถึงเสี่ยงเจอครอบครัวเขาสินะ “ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่อยากรู้แล้ว”

    “หมายถึงเสี่ยงเจอพวกสารพิษ” อ่าวไม่ใช่ครอบครัวเหรอ? ที่แท้ก็ห่วงสารพิษนี่เอง ฉันก็เข้าใจว่าเจอพี่ซีกับพี่เมสเสียอีก

    “นายก็เว่อร์ไป สารพิษที่ไหนก็มีหมดนั่นแหละ เลือกกุ้งที่ฟาร์มเลี้ยงสิ สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารพิษแน่นอน”

    “ไปเดินเล่นที่ชายทะเลย่อยอาหารกัน” โซ่เปลี่ยนเรื่องคุยและลุกขึ้นยื่นมือมาทางฉัน

    “ฉันเหรอ?”

    “ก็เธอน่ะสิ จะใครอีกล่ะ ในบ้านนี้ก็มีเราสองคนนี่” โซ่ตอบกลับ

    “ก็ได้”

    ริมชายหาด

    เราสองคนเดินไปตามทางโดยไม่มีใครพูดอะไร และก็เป็นฉันเองอีกนั่นแหละที่เป็นคนเริ่มต้นพูดและสนทนา

    “เมื่อวานกลับไปตอนไหนเหรอ?” โซ่หันหน้ามามองโดยไม่ตอบอะไร “อ่อ กลับไปตอนฉันอาบน้ำ” เมื่อไม่ตอบก็ตอบเองก็ได้

    “นายรู้ไหม เมื่อก่อนบ้านฉันอยู่ที่ลำพูน ยายเป็นคนเลี้ยงฉันมาแหละ ส่วนแม่กับพ่อก็จะกลับกันตอนเย็นๆ บางทีก็ค่ำมืด ฉันไม่อยากอยู่กับยายก็เลยไปอ้อนขอแม่เรียนว่ายน้ำ แม่ฉันไม่ยอมแต่พ่อฉันบอกว่าถ้าฉันชอบก็ให้เรียนเถอะ ส่วนน้องชายฉันมันก็ขอเรียนดนตรี พวกเราสองคนก็ได้เรียนเพราะว่าพ่อนี่แหละเป็นคนขอแม่ให้อีกที”

    “แม่เธอดุเหรอ”

    “แม่ไม่ดุหรอก แต่ว่าค่อนข้างระเบียบ ฉันก็เลยติดนิสัยแม่มาด้วย ส่วนพ่อที่ว่าก็เป็นพ่อเลี้ยงนะแต่ฉํนก็คิ้ดว่าเค้าเป็นพ่อแท้ๆ ตลอดนั่นแหละ ที่เล่าให้ฟังเพราะว่าเมื่อวานฟ่างพูดถึงน่ะ ฉันก็เลยเล่าให้นายฟังแก้เครียดเล่นๆ”

    นั่นสิ จู่ๆ พูดถึงเรื่องนี้ทำไมกันนะ หรือว่ารุ้สึกอึดอัดใจก็เลยอยากพูดอะไรขึ้นมาลอยๆ ก็ไม่รู้เมหือนกัน

    “อ่อ แล้วพ่อฉันก็ใจดีมากๆ ด้วย ที่เหนือไม่มีทะเล พ่อก็ขับรถพาพวกเราสองคนมา ตอนนั้นก็มาปิ้งกุ้งกินกันแบบนี้นี่แหละที่บ้านพักริมทะเล สนุกมากเลย ตอนเห็นทะเลครั้งแรกฉันตื่นเต้นมาก จำได้ว่าพ่อยังจับฉันโยนลงทะเลด้วย ฉันท้องร้องไห้ ทั้งหัวเราะ”

    “...”

    “พอเมื่อวานฟ่างบอกว่าพ่อจริงๆ ติดต่อมา ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ น่ะ”

    ฉันเงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ โซ่เองก็นิ่งเงียบเช่นกัน เขามองไปยังทะเลเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ฉันพูดด้วยซ้ำไป

    “พูดต่อสิ”

    “ช่างเถอะ ไม่ณุ้จะพูดอะไร เหมือนตัวเองเล่าอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

    “อยากระบายก็ระบายมาสิ ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เค้าไม่ได้ติดต่อมา จู่ๆ ติดต่อมาเธอก็รู้สึกแปลกๆ ก็ไม่เห็นจะผิดอะไรนี่”

    “นายคิดเหมือนฉันใช่ไหม?” ฉันหันไปหาโซ่ที่ตอนนี้เขาก็มองฉันอยู่

    “ใช่ เหมือนมีผู้ชายแปลกหน้า และผู้หญิงแปลกหน้าเดินเข้ามาบ้านฉัน แล้วมาบอกว่าต่อไปเขาจะคือแม่ใหม่ของฉัน แล้วก็พี่ชายของฉันนั่นล่ะมั้ง” โซ่ยิ้มเยาะ

    “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ของนายมันแปลกตรงที่เขาคือคนแปลกหน้า แต่ของฉันพ่อแท้ๆ เลยนะ”

    “แล้วพ่อแท้ๆ ไม่แปลกหน้าตรงไหน ในเมื่อเธอไม่เคยเจอเขามาก่อนนี่ แล้วก็ไม่ได้ผูกพันกันเหมือนพ่อเลี้ยงที่เธอมีความทรงจำมากกว่า”

    ฉันมองโซ่อย่างพิจารณา ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกของฉันได้ง่ายๆ ง่ายยิ่งกว่าน้องชายของฉันเสียอีก ตอนแรกฉันเข้าใจว่าจะไม่มีคนเข้าใจความรู้สึกนี้ของฉันเสียแล้ว

    “แต่เค้าคือพ่อแท้ๆ ของฉันเลยนะ ฉันจะไม่ผิดอะไรใช่ไหมที่รู้สึกแย่ และโกรธเค้าแบบนี้”

    “ผิดไหมเหรอ? ก็คงผิดมั้ง ทุกวันนี้ฉันเจอหน้าพ่อแท้ๆ ยังรู้สึกโมโหเขาอยู่เลยที่มีผู้หญิงคนใหม่ พอเจอหน้าพ่อเลี้ยงอีกคนก็หงุดหงิดไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่” เอาจริงๆ ฉันกับโซ่ก็ดูเหมือนจะคล้ายกันหน่อยๆ ต่างกันแค่ความผูกพันที่พ่อแม่มอบให้ก็เท่านั้นเอง ความรู้สึกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่

    “เข้าใจแล้ว นายรวยก็ยังมีปัญหาเรื่องครอบครัวเลย ฉันนี่สิจนไม่พอ ปัญหาก็เยอะอีก ไม่มีมนุษย์คนไหนสมบูรณ์แบบจริงๆ ด้วย”

    “ไม่ทันแก่ก็ปลงแล้วเหรอ” โซ่หันมาหัวเราะฉัน

    “คนปลงไวย่อมได้เปรียบ กว่าคนไม่ปล่อยวาง น้องบอกให้ฉันไปเจอพ่อแหละ นายว่าฉันควรไปเจอไหม เห็นบอกว่าเขารวยด้วย ถ้ารวยฉันจะถลุงเงินเขาเล่นแก้แค้นที่เขาปล่อยให้ฉันลำบากอยู่หลายปี”

    “พ่อฉันไม่เคยปล่อยให้ฉันลำบาก ฉันก็ถลุงเงินเขาเล่นตั้งแต่เด็กจนโต เพื่อนๆ เขาหาธุรกิจต่อยอด ช่วยงานครอบครัวกัน ฉันก็ช่วยนะ ช่วยผลาญมรดก”

    “นายนี่มันยังไงกัน ยอมรับหน้าตาด้านๆ แบบนี้ก็ได้เหรอไง” ฉันตีไหล่โซ่ อย่างนึกขำ “ปกตินายก็คุยเล่นแบบนี้กับคนอื่นเหรอ สงสารพ่อนายจริงที่มีลูกแบบนายเนี่ย”

    “เปล่า เธอคนแรกที่ฉันเล่าเรื่องพ่อในมุมแย่ๆ ให้ฟัง ต่อหน้าคนอื่นพ่อฉันดูน่าเคารพเกินกว่าที่ฉันจะเล่าให้เขาดูแย่ได้น่ะ”

    “แต่ว่าเพื่อนนายก็รู้นี่ นายไม่ได้เล่าหรอกเหรอ” ฉันหลุดปากออกไป ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นไปสืบชีวิตโซ่มาจากปุยฝ้าย และปุยฝ้ายก็สืบมาจากมาร์กอีกที โซ่มองฉันไม่ได้สงสัยนัก เขายิ้มเยาะก่อนจะพูดออกมาอย่างยอมรับความจริงและมันก็เป็นสัจธรรมเหมือนที่โซ่ว่าจริงๆ

    “ต่อให้ฉันไม่พูดอะไรออกไป และต่อให้คนอื่นไม่ได้ยินจากปากของฉัน พวกนั้นก็รู้เรื่องอยู่ดี ฉันแค่รักษาหน้าพ่อโดยไม่ได้ยืนยันว่าสิ่งที่พวกมันรู้มาคือความจริง ยังไงพวกนั้นก็ต้องพูดต่ออยู่แล้ว เหมือนที่เธอเองก็รู้เรื่องของฉันมาก่อนที่ฉันจะเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟัง”

    “พูดแบบนี้หมายความว่านายก็รู้เรื่องของฉันน่ะสิ”

    “ใช่ ฉันรู้เรื่องของเธอก่อนที่ฉันจะรู้จักเธอ แต่ก็ฟังจากปากคนอื่นไง เพิ่งมารู้จักกันได้ไม่นาน ลืมหรือไง?”

    “เปล่าไม่ได้ลืม กำลังกังวลว่านายรู้อะไรอีก?”

    “ทำไม? กลัวอะไรล่ะ ทำความผิดอะไรมาอีก” ดูเหมือนว่าโซ่จะดูฉันออกว่าฉันกำลังนึกกลัวเรื่องแย่ๆ ของตัวเองที่ออกจากปากคนอื่นอยู่

    “เปล่ากลัว ก็แค่รู้สึกไม่ค่อยดีที่มีคนเอาเรื่องฉันไปพูดมั่วไปหมด”

    “เราห้ามปากคนอื่นได้เหรอ? ยังไงเขาก็ต้องพูดอยู่แล้วในเมื่อเขามีปาก แต่จะพูดเรื่องของเราในทางที่ดีหรือไม่ดีก็เรื่องของเขา ทำไมเธอต้องสนใจ เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนฉันฟังเรื่องของเธอก็ไม่เคยสนใจหรอกนะ เพราะเธอไม่ได้มีผลอะไร จนกระทั่ง”

    โซ่สบตาฉันนิ่ง แววตาคมเข้มที่ส่องประกายวิบวับแวววาวราวกับซ่อนความหมายนั้นทำเอาฉันใจเต้นรัว จะพูดอะไรก็ไม่พูด โอ๊ยจะบ้าตาย

    “อะไร จนกระทั่งอะไร พูดมาสิ” ฉันเร่งเอาคำตอบ

    “จนกระทั่ง...จะให้พูดจริงๆ เหรอ” โซ่ถาม

    “งั้นไม่ต้องพูดแล้ว ไม่อยากรู้แล้ว” เล่นตัวดีนัก ไม่อยากรู้แล้วเว้ย

    “จำตรงเบาะริมทะเลได้ไหม”

    “โซ่! พอเลยนะ ฉันไม่อยากจำ” คำตอบฉันทำเอาโซ่หัวเราะร่า ก่อนที่เขาจะดึงฉันไปโอบไหล่แล้วประทับจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา เล่นเอาฉันตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าโซ่จะทำอะไรแบบนี้

    “จำไว้ว่าเราเจอกันที่นี่ ที่ทะเล และเธอก็เป็นของฉัน”

    “นาย!” ไม่ทันที่ฉันได้พูดอะไรต่อ โซ่ก็จูบประทับที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่มก่อนจะผละออกอย่างช้าๆ

    “แม้วันนี้ฉันไม่รู้ว่าชอบเธอไหม แต่คิดว่าตัวเองกำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แหละปุ้น”

    “นายแน่ใจเหรอ? แต่ฉันเป็นแฟนเก่าของแฟนพี่นายนะ”

    “แล้วไง?”

    “แต่ว่าฉันเคยอยู่กินในห้องเดียวกับพี่เขามาก่อน” ฉันตอบกลับเขาไปอย่างรู้สึกผิดกับตัวเองและโซ่

    “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันเคยนอนกับคุกกี้ เคยมีอะไรกันหลายครั้ง เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นมาแล้วหลายคนแต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนกัน โทรเรียกนิดเดียวพวกนั้นก็มาหาที่คอนโดแล้ว เธอรับได้ไหมล่ะ?”

    ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอหย่างเหนียวหนืด มันคือความจริงของชีวิตวัยรุ่นที่เคยผ่านมาทั้งนั้นแหละมั้ง ชีวิตที่เคยผ่านประสบการณ์ ชีวิตที่เคยอยากลอง อยากรู้ อยากเห็น แม้มีคนห้ามปรามแต่ก็เลือกที่จะทำตามใจตัวเอง

    “ฉัน... ฉันรับไม่ได้”

    ฉันตอบกับโซ่อย่างไม่ต้องคิด แม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ดีและเลือกอยู่กับผู้ชายตั้งแต่วัยเรียนถึงกระนั้นฉันก็ไม่ได้มั่วนี่ ฉันก็อยู่กับพี่เมสคนเดียว แม้จะเคยเห็นของกันและกันแต่มันก็ไม่ได้ไปถึงจุดสวรรค์ชั้นฟ้า โอ๊ย! แม้บอกใครไปคนอื่นอาจไม่เชื่อแล้วไงล่ะ ฉันซื่อสัตย์กับตัวเองก็พอไหม

    “ฉันรับเธอได้ แต่ถ้าเธอรับฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า ต่อให้เธอไม่ชอบฉันในวันนี้ วันข้างหน้าเธอก็จะชอบฉันอยู่ดี”

    “บอกตอนไหน”

    “ตอนกินพิซซ่าไง เธอไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ?”

    ฉันทำท่าครุ่นคิดกับคำพูดของโซ่ ตอนกินพิซซ่านี่เขาหมายถึงเรื่องของฉันกับเขาเหรอ?

    “กลับกันเถอะ เดี๋ยวจะดึก” จู่ๆ โซ่ก็หน้าเสียและตัดบทไปเสียดื้อๆ เขาไม่พูดอะไรกับฉันอีกเลยตั้งแต่ที่เราคุยกันตรงริมชายหาด แม้แต่ในรถพอฉันถามเขาก็ตอบคำ หรือฉันควรชินที่โซ่เป็นแบบนี้ แต่ฉันว่าโซ่กำลังโกรธฉันอยู่นะ

    ในรถระหว่างทางกลับบ้าน

    “นายโกรธอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโซ่” ฉันถามโซ่กลับ

    “เปล่า”

    “แต่ฉันรู้สึกว่านายไม่พอใจฉันอยู่ ใช่เรื่องที่ฉันรับนายไม่ได้หรือเปล่า” โซ่เงียบไม่ตอบคำถาม เขามองไปยังหน้ารถและขับรถต่อด้วยความเร็ว (เร็วเป็นปกติ) “ฉันไม่รู้จะพูดอะไร แต่ฉันขอโทษ คือนายอาจจะเห็นว่าฉันหัวทันสมัย เป็นคนรุ่นใหม่ที่ย้ายไปอยู่กับแฟนตั้งแต่วัยเรียนและคงรับได้ถ้าจะมีอะไรก่อนแต่งงานหรือคบเป็นแฟน อันที่จริงฉันก็รับได้และเคยได้ยินคนอื่นพูดกันมาแบบนี้จากพวกเพื่อนๆ แล้วก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่พอมาเป็นเรื่องของตัวเอง ลึกๆ แล้วฉันก็แค่กลัว กลัวว่า...เออคือ...สมมุติเลยนะ ฉันกับนายเราสองคนตกลงกันเป็นแฟน นายก็โทรเรียกผู้หญิงพวกนั้นมาหาแล้วมีอะไรกันอย่างนั้นเหรอ? หรือไม่ก็นึกอยากจะเอากับผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่นายเกิดอารมณ์ด้วย นายก็สามารถมีได้แบบนั้นเช่นเดียวกันเหรอ คือในมุมผู้ชายอาจจะสนุก แต่พอเป็นผู้หญิงที่เขาอยากสานความสัมพันธ์น่ะ ไม่มีใครพอใจหรอกนะ นายก็เคยเห็นว่าฉํนจับได้ว่าพี่เมสมีคนอื่นฉันโมโหร้ายขนาดไหน ฉันคงไม่ใจเย็นแล้วปล่อยให้แฟนของฉันไปมีคนอื่นได้หรอก ฉันใจกว้างไม่พอ”

    โซ่ที่เงียบไปนานจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า

    “แล้วฉันพูดกับเธอหรือยังว่าเราจะเป็นแฟนกัน”

    “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

    "ถ้าเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เราก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้อยู่ดี ต่อให้เป็นแฟนก็ไม่รู้ว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นไหม? ฉันบอกว่าชอบเธอก็จริง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใช่ความรู้สึกที่พัฒนาไปถึงตรงนั้นหรือเปล่า"

    “นายกำลังจะบอกว่า นายชอบฉัน หึงหวงฉันกับคนอื่นๆ แต่นายก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่ามันคืออะไรงั้นเหรอ?” โซ่เงียบ ทำเอาฉันเริ่มหัวร้อนสูดลมหายใจเอาแอร์เย็นๆ ในรถเข้าเต็มปอดข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างขีดสุด

    “นายไม่เคยมีแฟนมาก่อนใช่ไหม?” ฉันย้อนถามโซ่เพื่อยืนยันกับสิ่งที่เคยได้ยินมาก่อนหน้า

    “ไม่เคย” โซ่ตอบแทบจำทันที

    “นายเคยรู้จักความรักจริงๆ บ้างไหม?” ฉันย้อนถาม “เคยรักใครสักคนบ้างหรือยังในชีวิต”

    “เคย ถามทำไม?”

    เคยงั้นเหรอ? คำตอบนั้นคงไม่ใช่ฉันแน่ๆ เพราะฉันอยู่ในสถานะที่เขาชอบ ไม่ใช่รัก

    “ถ้าเคยนายก็ควรจะรู้ว่า ถ้าคิดจะรักใครสักคน นายก็ควรจะจริงใจ จริงจัง กับเขาด้วย ถึงฉันจะดูเป็นคนรุ่นใหม่ ทำตัวเหมือนไม่คิดอะไรกับเรื่องแบบนี้ แต่คนที่เข้ามาเป็นแฟนฉันคนต่อไปฉันจะไม่ให้ซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด”

    หลังจากที่พูดพล่ามอยู่นานสองนาน ฉันก็เป็นฝ่ายที่เงียบบ้าง ฉันนั่งเงียบตลอดทางจนรถแล่นมาจอดที่หน้าคอนโด รถจอดเทียบไม่ทันไรฉันก็รีบเปิดประตูลงรถไปอย่างไม่ต้องให้โซ่ช่วยปลดล็อค

    “เดี๋ยว!” โซ่เอื้อมมือมาจับข้อแขนของฉันเอาไว้ “พรุ่งนี้จะมารับ”

    “ไม่ต้อง นายโทรหาผู้หญิงของนายเถอะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงในสต็อคของใครที่เหงาก็เรียกใช้บริการ พอนึกกลัวใครแย่งก็เข้ามาหวงก้าง” ฉันสะบัดมือโซ่ที่จับออกอย่างไม่ใยดี

    ปั้ง!

    ประตูปิดลงพร้อมกับคำพูดที่ฉันทิ้งไว้กับโซ่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ใครกันจะอยากอยู่ในสภาวะของความรักที่ไม่มีทางออก แต่รบกวนนายอย่ามาทำให้ฉันสับสนและทำเหมือนว่ามีใจจะได้ไหม ต่อจากนี้ฉันจะไม่โง่เชื่อคนแบบนายอีกแล้ว น้ำตาที่สะกดกั้นมาตลอดทางไหลลงเผาะ นี่ฉันไปหลงชอบมาดนิ่งๆ สายตาดุๆ แบบนั้นทำไมกันนะ นึกว่าไม่เจ้าชู้ แต่ที่ไหนได้เขามันเสือนอนกินในถ้ำนี่เอง


     

     

     

     

    error loaded


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×