ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรักภูมะขาม [Search Love]

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 รับเลี้ยงเด็กให้คนที่จากไป

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 65


    ขณะพะแพงกับพลับพลึงนอนหลับฉันก็หยิบสมุดเล่มโปรดของตัวเองที่ทั้งเก่า ดำและโสโครกออกมาพล็อตรายละเอียดนิยาย ในสมุดขีดเขียนเต็มเล่มไร้ระเบียบ ไร้ความสวยงาม เขียนให้ตัวเองรู้เรื่องและเข้าใจคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นนิสัยไม่ดีที่นักเขียนไม่ควรทำแต่ฉันก็ทำตามใจตัวเองเน้นเอาแต่ใจ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน มีเทคโนโลยีสมุดออนไลน์เคลื่อนที่อย่างไอแพดหรือแทปเลตที่สามารถบันทึกและร่างเรื่องราวในหัวสมองออกมาอย่างเป็นระเบียบแบบแผนเพราะมีเครื่องมือในแอปพลิเคชันช่วยเหลือ แต่ว่าฉันก็ยังคงติดนิสัยตอนเด็ก ชอบขีดเขียนวาดภาพบนสมุด จากนั้นก็นำไปพิมพ์บนคอมพิวเตอร์หลังจากเด็ก ๆ เข้านอนหรือช่วงเวลาว่าง

    มือเขียนบทนิยายได้ไม่กี่ประโยค เรื่องราวเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมาโลดแล่นให้ชวนนึกถึงและประมวลเหตุการณ์

    วันที่คุณส้มอุ้มเด็กน้อยวัยหนึ่งเดือนห่อผ้าขาวบริสุทธิ์มาขอพบคุณภาค วันนั้นฉันไปช่วยยายเล็กทำมะขามกวนที่บ้านหลังใหญ่ ยายเล็กนั่งกวนมะขามที่เตาถ่านดำขนาดใหญ่ลานหลังบ้าน ป้าเอื้อยคั่วงา น้าเอื้องคั่วถั่ว ส่วนฉันก็รับหน้าที่ตำถั่วในครกหินใส่โถ ยายเล็กไม่ยอมให้ปั่นถั่ว บอกว่าตำถั่วแบบโบราณใส่ในมะขามกวนกลิ่นจะหอมและอร่อยกว่า ฉันเคยกินแต่มะขามแก้วที่โรยน้ำตาล ไม่เคยกินมะขามกวน หรือเคยกินแต่ลืมไปแล้วก็ไม่ทราบ วันนี้มีโอกาสได้ลงมือทำก็ตื่นเต้นพอสมควร เนื่องจากลิ่นกวนมะขาม งาคั่ว ถั่วคั่ว ลอยฟุ้งชวนหิวทั่วบ้าน

    ตอนนั้นฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านภูมะขามยังไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงค่อนข้างสอดรู้สอดเห็นเดินเข้าออกบ้านหลังนั้นหลังนี้เพื่อทักทายทำความรู้จักกับญาติผู้ใหญ่ของคุณภาคซึ่งปลูกบ้านในที่ดินผืนใหญ่ใช้รั้วเดียวกัน หากไม่แต่งนิยายฉันก็เป็นพวกหากิจกรรมทำเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเพิ่งแต่งงานแล้วย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดน่านมาอยู่เชียงราย

    “ยายเล็กเจ้า มีคนมาถามหากั๋มนันภาคเจ้า เปิ่นนั่งรอที่ฮ้านหน้าบ้าน”

    [ยายเล็กคะ มีคนมาติดต่อกำนันภาคค่ะ เขานั่งรอที่นั่งหน้าบ้าน]

    แม่บ้านทำความสะอาดบ้านซึ่งเป็นคนในชุมชนชื่อ ‘เกี้ยง’ คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เรียกว่า ‘แม่เกี้ยง’ เดินมาบอกยายเล็กที่ง่วนอยู่กับการกวนมะขามจนเหงื่อไหลไคลย้อย

    “ไผ?”

    [ใคร]

    ยายเล็กเอ่ยถามโดยไม่ได้หันหน้าไปดู สิ่งที่ได้รับกลับมาคือแม่บ้านก็ไม่รู้จัก รู้เพียงแต่ว่าเป็นผู้หญิงสองคน อีกคนหนึ่งอุ้มเด็กพันผ้าอ้อม ยายเล็กจึงให้น้าเอื้องออกไปดู ก่อนที่เสียงเด็กร้องคล้ายลูกแมวจะดังขึ้นที่ลานหลังบ้านจนแสบแก้วหู น้าเอื้องเอ่ยบอกยายเล็กว่า “ส้ม...มาหาภาค” แค่ได้ยินชื่อฉันก็รู้สถานะทันทีว่าเขาคือแฟนเก่าคุณภาค

    ฉันเคยสวมบทบาทปลอมตัวเป็นนักสืบโคนันก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับคุณภาคตามคำผู้ใหญ่แนะนำเพื่อสืบข้อมูลส่วนตัวคุณภาคผ่านโซเชียลมาบ้าง ฉันอ่านข้อความจากช่องแสดงความคิดเห็นรูปเก่าที่คุณภาคเคยอัปโหลดจึงรับรู้ว่าแฟนเก่าของคุณภาคที่เขาทะเลาะกัน ณ ร้านอาหารชื่อส้ม ปัจจุบันโซเชียลของคุณภาคค่อนข้างร้าง อัปเดตล่าสุดคือรูปต้นมะขามถ่ายย้อนแสงกับพระอาทิตย์ตกดินเมื่อสามปีก่อน

    ช่วงเวลานั้นคุณภาคเพิ่งได้รับเลือกเป็นกำนันหมู่บ้านจึงงานรัดตัวมาก เช้าออกบ้าน ค่ำกลับบ้าน ฉันจึงไปบ้านหลังใหญ่บ่อย ไปช่วยยายเล็กกับน้าเอื้องทำอาหารแล้วก็กินข้าวเย็นด้วย

    คุณส้มนั่งบนเก้าอี้ไม้สักขนาดใหญ่ที่บ้านหลังใหญ่จัดวางไว้สำหรับนั่งพูดคุยกันหลังบ้านเพื่อชมสวนและดอกไม้นานาพันธุ์ เธอมาพร้อมเพื่อนสนิทของเธอ ยัยผู้หญิงการศึกษาดีแต่มารยาทต่ำทรามที่ตบฉัน ณ ร้านอาหารเมื่อปีก่อน แม้เวลาจะผ่านไปเกือบปีจนผลักให้คุณภาคแต่งงานอยู่กินกับฉันเพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ฉันก็จำหน้าผู้หญิงไร้มารยาท ไร้ยางอาบคนนี้ได้ดี เจ็บนี้ไม่เคยลืมเลือนแต่ไม่เคยจองเวร

    ...ยัยน้ำขิงเน่า แม้ฉันไม่จองเวรแต่ถ้ามาเยือนถึงถิ่นเดี๋ยวได้จองกรรมโยนสากหินใส่หน้าแน่! น่าตลกดีนะแฟนเก่าของเพื่อนสนิทแต่งงานอยู่กินกับแฟนเก่าสามี

    ขณะกำลังตำถั่วจ้องหน้าอดีตศัตรูตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดุเป็นนางร้ายแพศยาเหมือนในละคร ฉันก็เปลี่ยนจากตำรุนแรงเป็นค่อย ๆ บดถั่วในครกหินเพื่อลดเสียงเมื่อผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยกัน คุณส้มเอ่ยปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำบอกกับญาติผู้ใหญ่ของคุณภาคว่า “ส้มท้องกับภาค เด็กที่อุ้มมาด้วยวันนี้คือลูกสาวของคุณภาค วันนี้ส้มแค่อยากมาคุยกับเขาให้เข้าใจ ส้มทำงานไม่เป็นเวลาอาจจะไม่สะดวกดูแลลูกได้เต็มที่ ก็เลยอยากมาปรึกษาภาคเกี่ยวกับเรื่องลูกค่ะ”

    หลังจากได้ยินประโยคนี้ชัดถ้อยชัดคำฉันก็หยุดบี้ถั่วแล้วเงยหน้ามองใบหน้าคุณส้มสลับกับเด็กที่เธออุ้มมาด้วย ตอนนั้นฉันหน้าเสียมากไม่รู้จะทำหน้าตาอย่างไรเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ความรู้สึกเหมือนสิ่งอัปมงคลอย่างยัยน้ำขิงเดินเข้าบ้านแล้วทำให้บ้านไม่มีความร่มเย็นเป็นสุขอีกต่อไป

    ถ้าคุณภาคไม่รีบแต่งงานกับฉัน...เขาอาจจะสามารถกลับไปคบกับคุณส้ม แฟนเก่าผู้น่าสงสารที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวใช้เด็กและหยดน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารจากผู้ใหญ่

    ถ้าคุณภาคไม่รีบแต่งงานกับฉัน...ทั้งสองคนจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงที่สร้างครอบครัวอบอุ่นด้วยกัน

    จำได้ว่าตอนคุณภาคโดนคุณส้มสาดน้ำใส่หน้า ตอนนั้นหน้าตาและแววตาของปีศาจหมู เย้ย! ปีศาจหมีแสดงออกถึงความเสียใจขนาดไหน จากท่าทางคำพูดดูเหมือนเป็นคนใจเย็น อบอุ่น ง้อแฟนเก่ง ช่างตรงข้ามกับการคบหาและอยู่กินกับฉันมาก

    ยายเล็กจึงให้น้าเอื้องโทรตามคุณภาคกลับบ้านและเล่าเรื่องราวให้คุณภาคฟังเบื้องต้น คุณภาคที่กำลังพูดคุยกับเกษตรกรในชุมชนจึงขอตัวกลับบ้านก่อนแล้วให้ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ รับช่วงดูแลจัดการต่อ พอคุณภาคมาถึงบ้าน เขาก็แยกตัวไปคุยกับคุณส้มที่บ้านหลังเล็ก ส่วนยัยน้ำขิงก็ขอตัวไปรอที่รถ

    ฉันคิดว่ายัยนั่นน่าจะกลัวฉันจนไม่กล้านั่งหน้าเจ๋ออยู่ที่นี่แน่ ญาติผู้ใหญ่ที่นั่งทำอาหารด้วยกันหันมาพูดปลอบใจฉันด้วยน้ำเสียงที่รับรู้ได้ว่าเป็นห่วงความรู้สึก ‘รอทั้งสองคนตกลงกันก่อนก็แล้วกันว่าจะทำอย่างไร อย่าคิดมากนะพราว นั่นมันเรื่องเก่าของเจ้าภาค ปล่อยให้พี่เค้าจัดการกับปัญหาที่ก่อ อย่ากังวล ยังไงก็มียาย มีป้า มีน้าอยู่เต็มบ้าน’

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันกำลังคิดมาก ออกแนวกังวลใจแทนมากกว่า ไม่ได้วิตกเรื่องตัวเอง แต่กำลังคิดถึงความเป็นไปได้ของคุณภาคกับคุณส้ม ทั้งสองคนจะตัดสินใจอย่างไรก็ย่อมมีผลต่อเด็กตัวน้อยที่ร้องไห้ไม่หยุดอยู่ดี

    เด็กก็เหมือนผ้าขาว เกิดมาบนโลกที่มีหลากสีสัน กาลเวลาหมุนให้เหตุการณ์แต่งแต้มเติมสี สร้างความรู้สึกสุข ทุกข์ ทิ้งความทรงจำ บาดแผลในใจมากมาย

    ต่อไปเด็กน้อยคนนี้จะต้องอยู่กับใคร จะใช้ชีวิตอย่างไร...กับการที่พ่อแม่เลิกกันแล้วแม่มารู้ที่หลังว่าท้อง ในขณะเดียวกันพ่อก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว

    ในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังกังวลและเครียดในเรื่องที่เด็กไม่ได้รับรู้ เด็กน้อยรูปร่างผอมบอบบางก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุดเช่นเดิม น้าเอื้องอุ้ม ป้าเอื้อยเอาของเล่นเข้าล่อก็ไม่ยอมสนใจ ยายเล็กให้แม่บ้านนำนมของเด็กที่อยู่ในตะกร้าซึ่งคุณส้มเตรียมมายื่นให้เด็กดื่ม เด็กตัวน้อยร้องไห้จนหน้าเปลี่ยนสีขยับใบหน้าย้ายหนีขวดนม แม้ผู้ใหญ่จะยัดเยียดให้ดื่มเด็กก็บ้วนทิ้ง

    จนกระทั่งยายเล็กให้แม่บ้านไปตามคุณส้มซึ่งคุยกับคุณภาคที่บ้านหลังเล็กกลับมาอุ้มลูก เผื่อว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอจะติดมือแม่มากกว่า ระหว่างนั้นฉันจึงขอลองอุ้มเด็กขี้แยคนนี้บ้าง ปรากฏว่าอุ้มไม่ถึงหนึ่งนาทีเด็กที่สวมชุดเบาบางสีชมพูคลุมตัวด้วยผ้าอ้อนจะเงียบเสียงลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เล่นเอายายเล็ก ป้าเอื้อย น้าเอื้องทำหน้างุนงงก่อนยิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    ‘ตัวเล็กแค่นี้กลับเลือกคนอุ้มตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ย’

    พอคุณภาคกับคุณส้มเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ คุณส้มขอเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของฉันกลับไปอุ้มดังเดิม สายตาของคุณส้มที่มองมายังฉันนั้นนิ่งเฉยชาไร้ความรู้สึก ก่อนมุมปากจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเด็กกลับสู่อ้อมกอดของเธอ คุณภาคเดินเข้าตรงมาหาฉันและขอคุยด้วยกันสองต่อสอง

    ตอนนั้นฉันคิดว่า...แต่งงานย้ายมาอยู่เชียงรายไม่กี่วันก็จะถูกเนรเทศกลับบ้านแล้วเหรอ หากเป็นเช่นนั้นฉันก็จะได้นอนกอดเงินถุงเงินถังหลักล้าน คิดแล้วก็หวานปาก ลาภลอยมาตรงหน้าโชคดียิ่งกว่าซื้อหวย ระหว่างทางเดินที่ฉันกับคุณภาคเดินไปบ้านหลังเล็กเพื่อนั่งคุยกัน ฉันไม่ได้เศร้าซึมเสียใจที่แฟนเก่าของคุณภาคอุ้มลูกบุกมาถึงเชียงราย แม้ใจจะหวิวหรือหน้าเสียเพราะโดนหยามถึงถิ่น แต่ก็แอบดีใจเมื่อคิดถึงเงินก้อนโตที่คุณภาคจะยกให้หลังจากที่เราเลิกกัน ฉันวางแผนว่าจะนำเงินไปลงทุนทำหนังสือนิยาย จะได้ไม่ต้องเปิดพรีออร์เดอร์ มีสต็อกวางเต็มชั้นหนังสือมองทีไรก็อุ่นใจ อีกทั้งตอนนั้นมีหนังสือนิยายที่อยากได้เพียบ ฉํนกดใส่ตะกร้าออนไลน์แต่ยังไม่มีเงินซื้อดังนั้นถ้าได้เงินจากคุณภาคจะเหมาให้หมดตะกร้า แล้วฉันก็จะนำเงินไปจองปกนิยาย รูปการ์ตูนประกอบนิยายสวย ๆ ด้วย แค่นึกถึงก็รู้สึกฟินแล้ว

    แฟนเก่าอุ้มลูกมาถึงที่นี่ คุณภาคน่าจะเลือกกลับไปคืนดีกับแฟนเพื่อลูกแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฉันรอรับเงินแล้วล่ะ

    คุณภาคพูดเกริ่นอย่างรู้ตัวเอง “ผมสร้างปัญหาให้คุณเพิ่ม...”

    “ไม่เป็นไรค่ะ พราวเต็มใจ คุณจะได้กลับไปคืนดีกับแฟนเก่า” ฉันยิ้มให้คุณภาคด้วยสายตาแวววาวเป็นประกาย “ไปหย่าเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ พราวไม่คิดมาก สมัยนี้แต่งงานแล้วเลิกกันมีเยอะแยะถมเถไป เป็นหม้ายเพิ่มบนโลกนี้หนึ่งอัตรา ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องประหลาด ดาราหน้าสวยเสียงหวานมีทั้งเงินและชื่อเสียง บางรายหย่ากับสามีภายในสามเดือนก็ยังมีตัวอย่างให้เห็น คุณภาคไม่ต้องกังวลเรื่องพราวเลยค่ะ คุณกลับไปทำหน้าที่พ่อที่ดีเถอะ”

    ขณะพูดคุณภาคจ้องหน้าฉันไม่ระวางตา เมื่อฉันพูดจบประโยคเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาจนตาหยี

    “ทำไมคะ หัวเราะทำไม มันน่าตลกตรงไหน พราวเข้าใจคุณนะ ไม่ได้ซีเรียส” ฉันยิ้มให้กำลังใจคุณภาคจนแก้มปริ เป็นรอยยิ้มของนางมารร้ายที่จะได้รับเงินก้อนโตจากการที่คุณภาคขอหย่า ในสัญญาที่คุณภาคให้ทนายประจำบ้านของเขามาเขียนไว้ก็ระบุชัดเจน บอกเลยว่าสามารถยื่นฟ้องได้หากคุณภาคไม่ยอมจ่าย

    ฟังดูแล้วเหมือนฉันเพ้อเจ้อสินะ ฉันเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คุณภาคมีทนายประจำบ้านของตัวเอง และดูเหมือนทุกคนในบ้านชินกับการมีทนาย แต่ฉันนี่สิไม่ชินเลยสักนิด หรือการมีทนายประจำบ้านเป็นเรื่องปกติของคนยุคปัจจุบัน เวลาแบ่งสมบัติหรือมีเรื่องฟ้องร้องกันจะได้จัดสรรเรื่องเงินและที่ดินอย่างราบรื่น ไร้ซึ่งปัญหา แต่ใช่ว่าคนเราจะใช้ชีวิตกับปัญหาโดยมีทนายเข้ามาจัดการทุกเรื่อง ดังนั้นทนายสำหรับฉันมีประโยชน์เฉพาะเวลามีคดีความฟ้องร้องเท่านั้นแหละ หากต้องการทนายก็ไปที่บริษัทนทนาย จ้างเป็นคดีต่อคดีน่าจะสะดวกและประหยัดกว่า ไม่เหมือนคุณภาคที่ทำอะไรก็ล้อไปตามกฎหมาย ขึ้นกับทนายและมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่าง

    “นี่!” เสียงเข้มของคุณภาคดังขึ้นตามด้วยนิ้วที่เคาะหน้าผากฉัน “เราสองคนเพิ่งจะแต่งงานอยู่กินด้วยกัน คุณก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านผมไม่ถึงเดือนเลย ผมเลิกกับคุณพ่อแม่คุณจะหาว่าผมไม่มีความรับผิดชอบน่ะสิ น้าเอื้องกับแม่คุณก็คงทะเลาะกันเพราะเรื่องของเราสองคน คุณเป็นผู้หญิงนะ ไม่กลัวเป็นขี้ปากชาวบ้านหรือไงที่หย่ากับสามีทั้งที่เพิ่งแต่งงานกัน หรือว่าความจริงแล้ว...คุณอยากเลิกเพราะอยากได้เงินล้านจากผม”

    พูดเหมือนรู้ความคิด สายตาหรี่เล็กลงจ้องจับผิดอย่างรู้ทัน เห็นแล้วก็ต้องแสร้งเฉมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา ฉันมันพวกแสดงละครไม่เก่ง เก่งแต่เผชิญหน้าตรง ๆ เสียมากกว่า

    “เปล๊า! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” เสียงฉันสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หากดูไม่ออกว่ากำลังโกหกก็น่าจะโง่เต็มที

    “ผมไม่ได้บอกว่าจะหย่ากับคุณ ผมกำลังจะถามคุณว่า...ถ้าผมจะรับลูกสาวมาเลี้ยงที่เชียงราย คุณจะว่าอะไรไหม?” ฉันเบิกตากว้างใหญ่กว่าเดิมสองเท่า เมื่อได้ยินว่าเขาไม่หย่ากับฉันแถมยังจะรับลูกสาวตัวน้อยมาอยู่ที่บ้านเพิ่มอีกหนึ่ง

    ลูกสาววัยหนึ่งเดือน เด็กขี้แยคนนั้นน่ะเหรอ?

    คุณภาคอธิบายเพิ่มเติม “เรื่องของผมกับส้มมันจบไปนานแล้วและไม่สามารถไปต่อกันได้อีก ความสัมพันธ์ของเราเหลือเพียงหน้าที่ความรับผิดชอบพ่อแม่ที่ให้กับลูกเท่านั้น ยังไงก็ต้องรับผิดชอบกันไป ปัญหาคืออาชีพของส้มไม่สะดวกเลี้ยงลูก เขาก็เลยจะให้ลูกมาอยู่กับผมไปก่อน จนกว่าส้มจะมีเงินเก็บและทำอาชีพใหม่ที่พอจะมีเวลาให้กับลูก สมถึงจะกลับมารับลูกไปอยู่ด้วย”

    “แล้วแบบนี้ช่วงท้องเค้าทำไงคะเนี่ย ? ช่วงนั้นน่าจะลำบากมาก แย่เลย!”

    “ส้มบอกว่าหยุดบินไปหลายเดือนน่ะ พอคลอดแล้วก็กลับไปบิน”

    ถึงจะบอกว่าอาชีพไม่สะดวกกับการเลี้ยงลูก แต่อาชีพไหน ๆ ก็ต้องทำงาน และไม่สะดวกที่จะเลี้ยงลูกทั้งนั้นแหละ ฉันก็ใช่ว่าจะว่างสักหน่อย นิยายก็ต้องพิมพ์ งานบ้านก็ต้องดูแล ไหนจะรดน้ำต้นไม้ให้อาหารปลาอีกล่ะ ใครบอกว่าเป็นงานไร้สาระ มันต้องใช้เวลาเหมือนงานอื่น ๆ เช่นกันนะ

    “พ่อกับแม่ของคุณส้มล่ะคะ เค้าไม่ช่วยเลี้ยงเหรอ”

    “พ่อส้มเสียแล้วน่ะ ส่วนแม่ก็เลี้ยงหลานให้พี่ชายอีกสองคน ก็เลยไม่สะดวกเลี้ยงลูกให้ส้ม”

    ฉันผงกหัวรับคำ เข้าใจสถานการณ์ของคุณภาคกับคุณส้มในตอนนี้

    “ลูกของคุณภาค คุณภาคคงไม่อยากปล่อยให้ลำบากใช่ไหม? อีกอย่างพราวก็ไม่ได้รังเกียจเด็ก ออกจะสงสารด้วยซ้ำ แล้วแต่คุณภาคเลยค่ะ ว่าจะจัดการยังไง” ฉันก็ไม่ได้ใจยักษ์ใจมารสักหน่อย “ว่าแต่คุณภาคแน่ใจใช่ไหมคะว่าจะไม่หย่ากับพราวแล้วกลับไปคบกับคุณส้มอีกครั้ง พราวยินดีนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้ายังฝืนอยู่กับพราวต่อคุณภาคแน่ใจใช่ไหมว่า เรื่องลูกจะไม่มีปัญหาในอนาคต”

    ฉันอยากให้คุณภาคคิดให้รอบคอบกว่านี้ เขาสามารถเลิกกับฉันแล้วกลับไปคืนดีกับคุณส้มได้เสมอ ถ้าคุณภาคตัดสินใจหย่ากับฉันเขาก็จะสามารถกลับไปสร้างครอบครัวสุขสันต์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันพ่อแม่ลูก แบบนั้นจะไม่น่ารักกว่าเหรอไง อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตเด็ก แม้ปากจะเคารพการตัดสินใจของคุณภาคแต่ในใจกลับเถียงเก่งมาก

    “ทำไมผมจะไม่อยากกลับไป แต่...” คุณภาคกำลังจะอธิบายเพิ่ม แต่ฉันผู้เข้าใจคนอื่นอย่างลึกซึ้งก็รีบพูดชิงตัดหน้าเขาเสียก่อนเพราะคิดว่าคุณภาคลำบากใจในการอธิบายเหตุผล

    ใครบอกให้พูดช้าเนิบนาบ ลีลาเรืองแสงจนน่าหมั่นไส้

    “แต่ว่าคุณส้มไม่ยอมคืนดีด้วยใช่ไหมคะ” ฉันนี่มันอัจฉริยะของการอ่านใจและคาดเดาเหตุการณ์เสียจริง ไม่งั้นจะเขียนนิยายได้อย่างไรล่ะ ก็เพราะต้องคิดแทนตัวละครน่ะสิ “ไม่เป็นไรเลยค่ะ เมื่อตัดสินใจแบบนั้นต่อไปคุณภาคต้องใช้ความรักที่คุณมีต่อคุณส้มเลี้ยงดูลูกสาวให้เติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง ยังไงเด็กคนนั้นก็ลูกคุณนะคะ เดี๋ยวฉันช่วยเลี้ยงเอง ดีเสียอีกฉันอยู่ที่นี่นั่งแต่งนิยายไปวัน ๆ ช่วยคุณเลี้ยงลูกไปด้วยจะได้ไม่เหงา”

    ตอนนั้นเป็นแม่พระพลั้งปากพูดว่าจะช่วยเลี้ยง แถมยังยิ้มให้กำลังใจคุณภาคดั่งนางฟ้าให้พร ไม่คิดว่าคุณภาคจะรีบเอ่ยปากยัดเยียดหน้าที่ให้ฉันเลี้ยงเด็กหรือลูกของเขา แล้วยื่นข้อเสนอล่อฉันด้วยการจ่ายเงินเดือนค่าเลี้ยงดูเด็ก

    “เห็นพราวเป็นคนอย่างไร เห็นแก่เงินเหรอ” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ก็แค่เลี้ยงเด็กเองไม่เห็นยากเลย อนาคตคุณส้มก็รับลูกกลับไปดูแลอยู่แล้ว ฉันส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองคุณภาค “ถ้าไม่มากพอ ไม่ช่วยเลี้ยงลูกนะ”

    เราสองคนคุยกันด้วยเหตุและผลอย่างเข้าใจ ตกลงกันอย่างง่ายไม่มีอะไรให้ยุ่งยากมากความ แม้อายุจะต่างกันค่อนข้างมาก แต่เรื่องข้อตกลงในการใช้ชีวิตระหว่างฉันกับคุณภาคกลับเป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก เมื่อตกลงกันได้อย่างสันติว่าคุณภาคจะรับเลี้ยงดูลูกสาว แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกรายละเอียดลึกว่าจะให้ฉันดูแลเด็กยี่สิบสี่ชั่วโมง นั่นหมายความว่าฉันต้องดูแลเด็กตั้งแต่เรื่องกิน นอน อาบน้ำ และเรื่องจิปาถะมากมายเกี่ยวกับเด็ก คุณภาคยกให้ฉันเป็นคนตัดสินใจและดูแลเด็กแทนเขา ฉันจึงหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อคุณภาคบอกรายละเอียดดังกล่าวให้ผู้ใหญ่รับทราบ จำได้ว่าที่พูดคุยกันไว้ฉันเป็นคนช่วยเลี้ยงไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมคุณภาคกลับเพิ่มหน้าที่ให้ฉันเหมือนมัดมือชกแบบนี้ล่ะ

    ตอนนั้นบอกเลยว่าค่อนข้างเคืองคุณภาคมาก ฉันเข้าใจว่า ‘ช่วยเลี้ยงเด็ก’ คือ ช่วยเลี้ยงยามคุณภาคไม่ว่าง หรือเขามีธุระในชุมชน ในฟาร์มที่เขากำลังก่อสร้าง ฉันก็จะช่วยดูให้ครั้งคราว ใครจะไปคิดว่าต้องดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กิน นอนด้วยกันราวกับฉันเป็นแม่ลูกอ่อนแน่ะ

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ฉันก็เลี้ยงดูพะแพงมาโดยตลอด ‘พะแพง แพงพรรณนา เอื้อจันทร์อารี’ ปัจจุบันพะแพงยังคงใช้นามสกุลของคุณส้ม จากเป็นเด็กขี้แยตัวเล็กร่างผอมบอบบางราวกระดูกจะหักร่างจะปลิว ตอนนี้พะแพงโตขึ้นเป็นวัยกำลังน่ารักน่าชัง พูดได้เป็นคำ ๆ ตัวอ้วนกลมนิ้วป้อมเหมือนหนอนสาคู อุ้มทีแขนแทบหัก กระดูกหลังคดซี่โครงร้าว ฉันเลี้ยงพะแพงตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน อาบน้ำ กินข้าว กล่อมนอน สอนร้องเพลง อ่าน เขียน เสริมพัฒนาการต่าง ๆ เรียกได้ว่าเลี้ยงมากยิ่งกว่าพ่อตัวจริงอย่างคุณภาคเสียอีก ส่วนญาติผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ก็มีมาแวะเวียนช่วยเลี้ยงบ้าง แต่ฉันนี่เหมือนแม่จริง ๆ ของน้องพะแพงไปแล้วล่ะ แม้แต่ตอนนอนน้องพะแพงก็นอนกับฉัน ซึ่งคุณภาคจะนอนพักอีกห้อง เราสามคนไม่ได้นอนร่วมห้องกัน คุณภาคมีหน้าที่แค่อุ้มพะแพงเดินเล่นรอบบ้าน พาปั่นจักรยาน ไม่ก็เฝ้าพะแพงเล่นของเล่นเวลาฉันอาบน้ำ หรือตอนที่ฉันทำงานเขียนนิยายเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ฉันก็อาบน้ำพร้อมพะแพงและเลือกเขียนนิยายตอนพะแพงนอนหลับ เนื่องจากคุณภาคแทบไม่อยู่บ้าน เขาทำตัวยุ่งงานเยอะ มือแทบไม่แตะต้องลูก

    เพราะคุณภาคนิสัยแย่ชอบมัดมือชกฉันแบบนี้ไง...ฉันถึงเรียกเขาว่ากำนันภาคปีศาจ

    ด้านคุณส้มเมื่อก่อนจะติดต่อคุณภาคเพื่อ Video Call คุยกับพะแพงหรือไม่ก็ให้คุณภาคส่งรูปของพะแพงไปให้เธอผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ แต่พักหลังคุณภาคงานเยอะจึงให้ฉันเป็นคนติดต่อคุณส้มแทน ฉันจึงส่งรูป คลิป ของพะแพงให้คุณส้มเรื่อย ๆ แต่พักหลังเธอค่อนข้างงานเยอะจึงไม่ได้ติดต่อกัน จวบวันนั้นจนวันนี้คุณส้มก็เพิ่งกลับมาที่เชียงรายเป็นครั้งแรก และไม่คิดว่าเธอจะอุ้มเด็กมาเพิ่มอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นฝาแฝดของพะแพง

    เรื่องราวดำเนินไปได้ด้วยดี ฉันกับคุณภาคเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน คุยกันได้ปกติ ส่วนใหญ่คุณภาคจะทำงานเสียมากกว่า เดี๋ยวก็ติดงานไปช่วยงานหมู่บ้าน เดี๋ยวก็ไปดูฟาร์มที่กำลังเติบโต หรือไม่ก็เข้าไปในสวนทำไร่มะขาม เขาเป็นคนบ้างานไม่ชอบทำตัวว่างงาน ต้องหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา หากอยู่บ้านดูทีวีโทรทัศน์ คุณภาคก็จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านไปด้วย เขาสามารถทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันจนบางครั้งฉันก็สับสนนี่คนหรือหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ multitasking เหลือเกิน

    เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่าสวนมะขามของคุณภาคเป็นสวนมะขามชั้นนำของจังหวัด และยังผลิตมะขามส่งออกทั้งสดและแปรรูปอีกด้วย กิจการใหญ่โตมีคนงานเยอะ ส่วนที่เขาอยากทำฟาร์มเพราะอยากขยายกิจการ และเปิดเป็นศูนย์การเกษตรตัวอย่างให้คนได้มาศึกษา นี่ยังไม่รวมไร่นาสวนผสมที่คุณภาคลงมือทำด้วยเองจนตัวดำเป็นท่านเปาปุ้นจิ้น จากที่เคยเป็นคุณภาคคนขาวตัวอวบลงพุงหน้าหนวดโดนแฟนบอกเลิกที่กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นกำนันภาคคนล่ำตัวดำไปเสียแล้ว

    ‘ร่างกายกำยำล่ำบึก’ ที่ได้มาจากการทำสวน ทำนา ทำนั่น ทำนี่ ทำจนไม่มีวันหยุดและไม่อยู่ติดบ้าน เช้าออกบ้านเย็นเข้าบ้านถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคุณภาคมาก บางครั้งกลับเข้าบ้านมาเพื่ออาบน้ำกินข้าว ตอนเย็นก็ออกบ้านอีกหน กลับอีกทีค่ำมืดเกือบเที่ยงคืนก็มีมาแล้ว เขาไม่ได้เที่ยวกลางคืนหรอก เรื่องนั้นตัดไปได้เลย คุณภาคเขาเป็นกำนัน หากชุมชนมีงานหรือลูกบ้านมีเรื่องก็ต้องไปร่วมกิจกรรมทุกอย่าง ‘งานบวช งานแต่ง งานมงคล งานสีดำ’ คุณภาคก็ไปร่วมเป็นเจ้าภาพทุกงาน

    อายุอานามก็ไม่เยอะแต่ทำตัวแก่เหมือนเป็นคนผ่านโลกมามาก มากประสบการณ์...

    แต่ฉันยอมรับว่าคุณภาคทำหน้าที่ผู้นำได้ดี ทำให้ชุมชนที่พักอาศัยเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง มีป้ายหมู่บ้านสีเขียว หมู่บ้านพอเพียงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ต้นไม้ ดอกไม้ และป้ายหมู่บ้านสีขาวที่ปลอดยาเสพติดและการพนัน

    ช่วงสิ้นเดือนคุณภาคก็จะประกาศเสียงตามสายให้ลูกบ้านไปช่วยกันถางหญ้า จัดเก็บหน้าบ้านของตัวเองให้สะอาดเรียบร้อย ก่อนที่ต้นเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านจะออกตรวจพื้นที่ หากพบบ้านไหนสกปรกก็จะถูกปรับตามตารางราคาที่ลูกบ้านตกลงกันไว้ ส่วนบ้านหลังไหนที่สะอาดก็จะมีถังน้ำดื่มไปแจกฟรี บ้างก็ข้าวสาร อาหารแห้งแล้วแต่ว่าจะมีคนมาร่วมสมทบทุนบริจาคให้แต่ละเดือนเท่าไหร่ จะไม่มีการแจกเงินเนื่องจากว่าเคยเกิดปัญหาความโลภของแต่ละคนเกิดขึ้นจึงตัดเรื่องการให้รางวัลด้วยซองเงินทิ้งไป

    กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ โทรศัพท์มือถือของคุณภาคก็ดังขึ้น ฉันหันมองไปตามเสียงพบว่าคุณภาควางโทรศัพท์มือถือสองเครื่องอยู่บนแคร่ที่ฉันนั่ง เครื่องหนึ่งอยู่ในซองหนังสีน้ำตาลเป็นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ส่วนโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องเป็นเครื่องเล็ก หน้าจอขาวดำราคาหลักร้อย ซึ่งเครื่องที่ส่งเสียงดังคือเครื่องเล็กหน้าจอดำ

    ฉันก้มมองเพื่ออ่านรายชื่อที่แสดงหน้าจอโทรศัพท์ พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึก ครั้นตะโกนเรียกคุณภาคอยู่นานสองนานเพื่อให้เขามารับโทรศัพท์ แต่คุณภาคก็ไม่ได้ยิน ตอนนี้พ่อกำลังตัดหญ้า ส่วนคุณภาคก็ปีนบันไดเชื่อมเหล็กเล้าไก่ เสียงดังคูณสอง จะเดินไปเรียกใกล้ ๆ ก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครดูแลพะแพงกับพลับพลึง ฉันจึงตัดสินใจเสียมารยาทรับโทรศัพท์ของคุณภาค

    ยังไม่ทันกรอกเสียง ปลายสายก็พูดว่า “ภาค...ส้มจะเสียชีวิตแล้วนะ มาดูใจส้มหน่อย”

    “อะไรนะคะ? คุณส้มเสียชีวิตแล้วเหรอ” น้ำเสียงสั่นเครือทิ้งท้ายปลายประโยค เมื่อวานเพิ่งได้ข่าวว่าประสบอุบัติเหตุ วันนี้บอกว่าเสียชีวิตใครบ้างจะไม่ตกใจ

    “อ่าว?” ปลายสายคล้ายสงสัยว่าเสียงที่กำลังพูดคุยคือใคร ฉันจึงอธิบายความเพิ่ม

    “ฉัน...” จะแนะนำตัวว่าคือแฟนหรือภรรยาในนามดีล่ะ พอตัดสินใจไม่ได้จึงโกหกกลับไป “แม่บ้านค่ะ พอดีคุณภาคอยู่ในฟาร์มไก่ ไม่สะดวกรับทราย แต่เดี๋ยวแจ้งเรื่องให้ทราบนะคะ”

    “อ๋อ...งั้นฝากบอกให้ภาคโทรกลับหน่อยนะคะ ขอบคุณ”

    ปลายสายเป็นผู้หญิง เมื่อพูดจบเอก็วางสายทันที ฉันได้ยินเขาพูดไม่ค่อยชัดเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงนั้นเสียงดังมาก รู้เพียงแต่ว่าเมื่อได้ยินเรื่องราวดังกล่าวก็รีบทิ้งเด็กให้นอนบนเปลแล้ววิ่งหน้าตั้งไปบอกคุณภาคที่กำลังเชื่อมเหล็กในเล้าไก่ทัน สิ่งที่คุณภาคแสดงออกคือ ผงกหัวรับคำ ไม่มีสีหน้าตกใจ เขายังคงเชื่อมเหล็กต่อ

    ไอ้ปีศาจเอ๊ย แฟนเก่าตายก็ไม่สนใจใยดีเลยเหรอ เป็นฉันคงตื่นตระหนกตกใจ รีบโทรกลับไปหาปลายสายแล้ว

    แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายและย้อนถามคุณภาคกลับไปว่า ‘ไม่โทรกลับไปหาเขาเหรอ’ แต่เมื่อได้รับคำตอบว่า ‘ยังไม่ว่าง’ ฉันก็ผงกหัวรับไม่เซ้าซี้ต่อ เข้าใจแล้วล่ะทำไมตอนนั้นคุณภาคที่อ้วนเหมือนหมีถึงถูกคุณส้มบอกเลิกแล้วสาดน้ำใส่หน้า เรื่องบางเรื่องก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาที่ทำให้ความรักดำรงอยู่ต่อ ก็ดูนิสัยเขาสิ เพราะเขาเป็นคนไม่สนใจคนอื่นแบบนี้ไงล่ะ ใจปีศาจไร้มนุษยธรรม

    เวลาดำเนินผ่านไป...

    ฉันช่วยแม่ทำอาหารในครัวโดยมีตัวยุ่งฝาแฝดพะแพงพลับพลึงนั่งเสื่อให้กำลังใจเชิงก่อกวน ในมือเล็กของเด็กทั้งสองคนถือจาวมะพร้าวคนละชิ้น ปากกัดจาวมะพราวจนเศษสีขาวเลอะเต็มแก้มอวบสองข้าง พะแพงนั่งตักฉันไม่ยอมห่าง หวงไม่ให้ฉันใกล้กับพลับพลึง ส่วนพลับพลึงนั่งม้านั่งเตี้ย ภาษาพื้นบ้านทางภาคเหนือที่ฉันเรียกติดปากคือ ‘ก้อม’ ทรงตัวเก่งโดยไม่ต้องพิงหลัง นั่งเงียบเรียบร้อยไม่โวยวาย ต่างจากพะแพงที่จะส่งเสียงพูดคุย นิ้วชี้นั่นชี้นี่เพื่อขอกินตาม พลับพลึงเห็นพะแพงได้กินก็มองหน้าแต่ไม่พูดหรือเรียกร้องอะไร ใช้วิธีส่งสายตาอ้อนวอน

    ‘มันคืออะไรคะ หนูก็อยากกินเหมือนกันนะคะคุณแม่’

    อืม...ฉันคิดและมโนเอง พี่ได้น้องก็ต้องได้ พะแพงได้กิน พลับพลึงก็ต้องได้ทาน แม้โลกนี้ไม่มีความเท่าเทียมแต่เราก็เริ่มสร้างได้จากโลกใบเล็กภายในบ้าน

    “อันนี้ของพี่พะแพง ส่วนชิ้นนี้ของน้องพลับพลึงค่ะ” ฉันยื่นขนมต้มโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดแบบเส้น

    พะแพงยื่นมือมารับ แต่ไม่ยอมยกมือไหว้ฉันเลยยกขนมหนีมือป้อมที่ยกขึ้นสูง พอเด็กน้อยไม่ได้รับขนมก็ยิ้มหวานโชว์ฟันบนสองซี่ ฟันล่างสามสี่ มือพนมเข้าหากันแต่ไม่เป็นทรงสวยพร้อมกับก้มตัวไปข้างหน้า พุงกลมดันทำให้พะแพงก้มลงต่ำไม่ได้ตัวเลยโค้งเอนหน้าแทบชิดพื้น

    “จ้า” เสียงเล็กร้องดังเสียงสูง

    ด้านพลับพลึงไม่ต้องบอกต้องสอน เด็กร่างเล็กมองตามพะแพงและทำตามอย่างว่าง่าย หน้าไม่ยิ้มเยอะแต่พนมมือก้มโน้มตัวลงหัวจรดพื้นแล้วยื่นมือมาขอรับขนมแบบสวย ๆ ถ้าไม่เอ่ยปากชมก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ใจร้ายไปสักหน่อย

    “พะแพงเก่งมากเลย เป็นตัวอย่างให้น้องพลับพลึง น้องพลับพลึงก็เก่งมาก ไหว้สวยเหมือนพี่พะแพงเลยค่ะ”

    เด็กทั้งสองคนได้ขนมในมือก็รีบนำเข้าปากเคี้ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งคำชมเชยที่ไม่ได้แสดงถึงการแข่งขันระหว่างพี่น้องก็ยิ่งทำให้แฝดทั้งสองคนยิ้มอย่างภูมิใจ พะแพงภูมิใจที่ตัวเองได้รับคำชมและได้ขนมจากการเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวฝาแฝด ส่วนพลับพลึงก็ภูมิใจที่ตัวเองทำตามพะแพงได้รับขนมและคำชมเชยเป็นของขวัญรางวัลดีเด่น

    “น่ารักที่สุดเลย”

    ฉันกอดพะแพงกับพลับพลึงเข้าหาตัวเองก่อนจะตักไก่จากหม้อที่แม่ปรุงรสแล้ววางบนใบตองที่ทาน้ำมันขึ้นเงา จากนั้นก็ห่อใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยมเตรียมนึ่งเป็นห่อหมกไก่สำหรับกินมื้อเย็น เครื่องในไก่เลิศรสบางส่วนจัดวางบนใบตองเพื่อเตรียมมื้ออาหารแยกไว้สำหรับเด็ก ๆ ด้านของผู้ใหญ่ทำการปรุงรสเผ็ดจัดจ้าน ยิ่งใส่ข้าวคั่วก็ยิ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งชวนหิว

    ช่วยแม่ทำอาหารเสร็จก็เตรียมกับข้าวกับปลาพร้อมผักเคียงใส่ตะกร้าวางขึ้นโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ที่ซื้อมาแพง แต่วางของแน่นพื้นที่ไปเกือบครึ่ง มีทั้งยาดม ยาหม่อง เมี่ยง ขวดน้ำ ขวดยาดอง กระป๋องอาหารเสริมหลากหลายชนิด ยาโรคประจำตัวของพ่อแม่ที่แยกตะกร้ากัน วางระเกะระกะแม้จะจัดเป็นระเบียบแต่ก็วางกองกินพื้นที่ไปแล้วครึ่งโต๊ะ

    บนโต๊ะมีอาหารพื้นบ้านเน้นแต่เมนูไก่ ห่อหมกไก่ ต้มไก่ ลาบไก่ ผักเคียงที่กินกับลาบก็เด็ดมาจากสวนซึ่งพ่อแม่อนุญาตให้ญาติใช้พื้นที่เพาะปลูกผักสวนครัว สามารถเด็ดไปทำอาหารปรุงอาหารโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อมาจากตลาด ส่วนพ่อฉันปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้นจึงหันไปเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลา ทำโรงสีขนาดเล็กและขายแกลบให้คนในชุมชนแทน

    การกินข้าวเป็นไปด้วยดี พะแพงนั่งติดฉันแจไม่ยอมห่าง ส่วนพลับพลึงแม่ฉันเป็นคนอุ้มให้นั่งตัก มือผู้ใหญ่หยิบข้าวเหนียว มือเด็กอ้วนเด็กผอมก็ยื้อแย่งกันหยิบกินตามผู้ใหญ่ เวลาล่วงเลยไปจนมื้ออาหารจบลง เด็ก ๆ อาบน้ำแต่งตัว ฉันผู้ชอบสังเกตก็เริ่มรู้สึกตงิดใจ ทำไมคุณภาคนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาติดต่อไปหาผู้หญิงที่โทรมาหรือยัง

    เมื่อได้โอกาสในจังหวะที่คุณภาคเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วเดินเข้ามาในห้องนอน ฉันก็รีบคว้าเวลาสั้น ๆ อันน้อยนิดเอ่ยถาม

    “คุณภาคโทรกลับไปหาเขาหรือยัง เขาว่าอย่างไรบ้าง”

    “ไม่ได้โทร อ่านไลน์แล้วตอบกลับไปแล้ว” คุณภาคเดินไปหยิบไม้แขวนเสื้อเพื่อแขวนผ้าเช็ดตัวที่หน้าตู้เสื้อผ้า เวลานั้นพะแพงกับพลับพลึงนั่งเล่นกับพ่อแม่ฉันที่หน้าทีวีกับของเล่นหนึ่งตะกร้าใหญ่ จึงทำให้เราสองคนได้พอมีเวลาว่างคุยกันสองต่อสองบ้าง หลังจากทั้งวันนี้คุณภาคเอาแต่ทำเล้าไก่และไม่พูดถึงเรื่องคุณส้มเลยสักคำ เขาสนุกกับการสนทนากับพ่อแม่ฉันมาก คล้ายว่าเรื่องคุณส้มไม่น่าสนใจ

    แต่ฉันกกลับคิดว่าคนเราเคยเป็นแฟนกัน รักกันมาก่อน ทำไมถึงเพิกเฉยเย็นชาขนาดนั้น หรือความจริงแล้วทั้งสองคนมีเรื่องอะไรปิดบังที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า

    “เขาว่าไงบ้าง เราต้องไปงานศพไหม”

    “อยากไปงานศพเหรอ”

    “ก็น่าจะไปนะคะ คนเสียชีวิตทั้งที นี่อดีตแฟนคุณ แล้วก็เป็นแม่ของพะแพงพลับพลึงด้วย พราวคิดว่าเราควรไปนะ พาเด็ก ๆ ไปเคารพศพแม่เป็นครั้งสุดท้าย”

    “ส้มไม่ได้ตายสักหน่อย คุณจะไปทำไม”

    “อ่าว! แต่พราวได้ยินว่าตาย”

    “เค้าบอกว่าพ้นขีดอันตราย” คุณภาคยักไหล่หัวเราะฉันด้วยใบหน้ากวนประสาท

    “ตายไม่ใช่เหรอ?”

    “อยากให้ส้มตายขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันไม่ได้ใจปีศาจจนขนาดอยากให้แฟนเก่าของสามีตายหรอกนะ หรือตอนนั้นฉันจะหูเพี้ยนเพราะในสวนเสียงดังมาก ทั้งเครื่องตัดหญ้า เครื่องเชื่อมเหล็ก ตอนนี้ยังหูอื้อไม่หายเลย

    “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ก็เห็นคุณไม่พูดอะไรเลย พราวก็กังวลสิ”

    “ไม่ต้องกังวลหรอก ยังไงเขาก็อยู่กับหมอแล้ว”

    พูดแบบนี้อีกแล้ว “อยู่กับหมอก็ใช่ว่าจะดี พราวอยากพาเด็ก ๆ ไปเยี่ยมคุณส้ม ซื้อผลไม้ไปเยี่ยมเธอสักตะกร้าน่าจะดีไม่น้อย คุณภาคว่าไง”

    “ไม่ว่าไง แต่ไม่สะดวกใจจะไป” ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับคิ้วกระตุก “ผมเลิกกันแล้ว เค้าเลือกจะไปจากผม แล้วผมก็แต่งงานแล้ว ส่วนเรื่องลูกเค้าตัดสินใจให้ผมเอง ผมไม่เคยไปขอ เมื่อให้ผมแล้วผมก็ไม่คืนให้ง่าย ๆ และไม่ให้ไปหาจนกว่าเค้าจะมีจิตสำนึกกลับมาหาลูกเอง ผมไม่อยากยัดเยียดให้ใคร แม้เค้าจะคือแม่ของเด็ก”

    “พูดแบบนี้ใจร้ายมากเลยนะคะ พะแพงกับพลับพลึงเขาก็ต้องการแม่ ยังไงเด็ก ๆ ก็ต้องการคุณส้ม”

    “คุณก็แม่นะพราว” ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงกลับ “เพียงแต่ไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิดพะแพงกับพลับพลึง”

    พูดแล้วมันก็จุกนะ!

    “ผมตัดสินใจอะไร ผมมีเหตุผลเสมอ ผมเลือกให้คุณดูแลและเป็นแม่ของเด็ก ๆ เพราะผมรู้ว่าส้มทำหน้าที่นี้ไม่ดีเท่าคุณ” ฉันกำลังจะซึ้งใจที่คุณภาคสามีปีศาจเอ่ยปากชมฉันทางอ้อมว่าเป็นแม่เลี้ยงที่ดี น่ารัก เลี้ยงลูกเก่ง ไม่เหมือนแม่เลี้ยงใจร้ายในนิทานหรือข่าวฉาวที่มากขึ้นทุกวันในปัจจุบัน แต่กลับมาตกม้าตายเมื่อเขาเผยเหตุที่แท้จริง “ส้มรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ เราอยู่น่าน ผมขับรถไปที่นั่นก็มีค่าใช้จ่ายสูง ไหนจะค่ากินค่าอยู่ เดินทางไกลก็มีค่าน้ำมันร่วม เด็กสองคนต้องเดินทางสิบชั่วโมง ผมว่า...ให้คุณดูแลเลี้ยงดูน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า”

    “คุณภาค! งกเกิน ถ้าเหตุผลเรื่องเงินพราวออกให้ได้นะ”

    “แค่นี้ยังดูไม่ออกเหรอว่าส้มไม่อยากเป็นแม่เด็กตั้งแต่แรก ผมเลือกคุณเป็นแม่และไม่มีวันเลือกส้ม...แล้วคุณก็ไม่ต้องคุยเรื่องนี้อีก”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×