คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ยัยโง่ที่จมในรัก [3]
ฉันเป็นลมหน้ามืดไปหลังจากที่อ๊วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมานวดมือและเช็ดตัวให้ตรงเก้าอี้ยาวแล้วในร้าน KFG
“ฟื้นแล้วๆ” เสียงของปุยฝ้ายดังขึ้น “เป็นไงบ้างข้าวปุ้น รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“อื้ม ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากนะพวกแก”
“คนที่แกต้องขอบใจคือโซ่นู้น ไม่ใช่พวกเรา สู้แรงแกไหวได้ยังไงก็ไม่รู้แรงเยอะชะมัด ทั้งกระชากลากเหวี่ยง ไม่พอแกยังไปอ้วกใส่มันอีก” ฉันเงยหน้ามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบโซ่ว่าเขาอยู่ตรงนี้ มีเพียงปุยฝ้าย นวล เพลิน มาร์ค แล้วก็บอสที่นั่งกินไก่และเฟรนฟายรอฉันตื่น “ฉันหละกลัวแกจะโดนรถชนตายข้างทาง แล้วโดนฟ่างตามมาด่าว่าดูแลแกไม่ดีซะแล้ว”
“แล้วโซ่เป็นไงบ้าง” แม่ฉันจะโกรธเขาแต่ก็แสดงความมีน้ำใจถามไถ่ไปบ้างเล็กน้อย
“จะเป็นไงล่ะ รายนั้นโมโหฟึดฟัดมากจ้า พอพวกเราวิ่งไปถึงสภาพแกสองคนคือดูไม่ได้อะ แล้วไม่มีใครกล้าอุ้มแกเพราะเลอะอ้วก มาร์กเลยต้องยืนเจรจาให้โซ่เป็นคนอุ้มแก เจรจากันตั้งนานแน่ะกว่าโซ่มันจะยอมอุ้มแกเข้ามาในที่ร่ม โคตรขำหน้ามันเลยเว้ย! มันวางแกไว้ตรงม้านั่งเสร็จมันก็รีบวิ่งไปล้างเนื้อล้างตัว ป่านนี้ซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วก็เปลี่ยนผ้าเสร็จแล้วมั้ง” ปุยฝ้ายเล่าไปขำไป
“นี่โซ่โกรธฉันมากเลยใช่ไหม” ฉันพูดด้วยสายตาละห้อย หลังจากที่ฟังดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“คงโกรธแกไม่ลงหรอกมั้ง ก็แกไม่สบายนอนสลบจมอ้วกขนาดนั้นน่ะ”
ฉันรู้ว่าปุยฝ้ายพูดปลอบใจฉัน ถึงได้ยินแบบนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี
“ไม่โกรธหรอก แต่อยากบอกว่าตอนนี้อย่าไปใกล้มันเชียว มันอารมณ์ไม่จอยเอามากๆ” มาร์คตบบ่าฉันเบาๆ
“แล้วชุดฉันล่ะใครเปลี่ยนให้” ฉันก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองที่ตอนนี้สวมเป็นชุดกระโปรงตัวยาวที่สามารถหาซื้อได้ตามข้างทาง
“ฉันกับนวล” ปุยฝ้ายบอกพร้อมกับหยิบไก่ชิ้นโตในจานมาทาน
“อ่อโอเค" พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ นึกว่าเพื่อนๆ ใช้โซ่อุ้มฉันแล้วก็ใช้ให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสียอีก "ขอบใจพวกแกมากนะเว้ย มาเที่ยวด้วยกันครั้งแรกแท้ๆ กลับสร้างปัญหา ทำเอายุ่งวุ่นวายกันไปหมดเลย”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ได้ประสบการณ์ใหม่ก็สนุกดี” เพลินที่นั่งแทะไก่อยู่ก่อนหน้าพูดขึ้น
“แต่ไอ้โซ่คงไม่สนุกด้วย 555+ โคตรฮาหน้ามันอะ ไอ้นั่นปกติมันจะรักสะอาดมาก โดนอ้วกราดไปเฮเลโลเลยครับท่าน ฮาฉิบหาย” มาร์คหัวเราะลั่นอย่างบ้าครั่ง
“ตัวเองก็แซวมันเข้าไป ถ้าโซ่มาได้ยินจะทำไง ยิ่งตัวเองไปบังคับมันอุ้มข้าวปุ้นด้วย เดี๋ยวได้พาลโมโหใส่พอดี” ปุยฝ้ายหันหน้าไปดุมาร์ก
“โอ้ย! โซ่ไม่ได้ยินหรอกน่าฝ้าย มันไม่มากิน KFG หรอก รายนั้นน่ะไปนั่งกินสตาร์บัสกับคุกกี้นู่น” มาร์คพูดพร้อมกับลุกไปเติมแป๊ปซี่ที่ตู้ refuse
“ว่าแต่ฉันนอนไปนานไหม แล้วฟ่างติดต่อมาเปล่า โทรศัพท์ฉันล่ะใครเห็นบ้าง?”
“ตื่นมาก็ถามเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเลยนะยัยตัวแสบ” ไม่ทันที่เพื่อนในกลุ่มจะตอบคำถามฉัน ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาพร้อมกับเอากำปั้นทุบหัวฉันเบาๆ
“เราโทรบอกฟ่างเองแหละ แหะๆ” นวลยิ้มจนปากจะถึงรูหูแล้ว แถมยังทำท่าทางเขินอายอีกต่างหาก ฉันหันไปดูฟ่างที่ไม่ได้เจอกันนาน แม้จะเป็นพี่น้องฝาแฝดแต่ก็ใช่ว่าจะได้เจอกันบ่อย
พอมาเจอตอนนี้นึกว่าพี่แอ็คคาราบาวมาเองเสียบอีก ผมยาวแล้วก็มัดม้วนเอาไว้อย่างกับพราหมณ์ ดูเท่ตรงไหน ที่ทำให้ฟ่างดูแก่ก็คือหนวดเหนือปากนิดๆ ในวัย 20 ต้นๆ นี่แหละ ความจริงถ้ามันตัดผมและโกนหนวดออกฟ่างก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่งเลยล่ะ
ไม่รู้ว่านวลไปชอบฟ่างได้ยังไง แต่พอได้ยินคำตอบเหตุผลที่ชอบฟ่างของนวลแล้วนั้นทำเอาฉันขำกลิ้ง นวลบอกว่าฟ่างน่ารักเหมือนเป้ อารมณ์ นักร้องติสๆ คือเป้เขาผมฟูๆ เซอๆ เท่ๆ ไง แต่ฟ่างมันผมตรงยาวผมสวยยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
ฉันมองว่าฟ่างเหมือนเกย์เสียมากกว่านะ ยิ่งตอนนี้หุ่นฟ่างสูงและดูจะมีกล้ามนิดๆ ด้วยยิ่งเหมือนไปใหญ่ เมื่อก่อนมันเป็นนักดนตรีที่ผอมๆ แห้งๆ แทบเป็นกระดูกเดินได้ แต่ที่ฟ่างเปลี่ยนไปกลายเป็นคนมีกล้ามและล่ำขึ้นก็เพราะว่าไปคบกับพาร์ทซ฿่งเขาชอบออกกำลังกายมาก
พาร์ทเป็นนักร้องออนไลน์ที่มีคนติดตามเยอะ และบ้านก็มีฐานะโคตรรวย พี่สาวพี่ชายเปิดบริษัท IT ใหญ่โตมาก
“ฟ่างมาทันเห็นเหตุการณ์พอดี แต่วิ่งลงรถไม่ทัน ไอ้พาร์ทแม่งมองไม่เห็นขับเลยไปไกลมาก” ฟ่างพูดพร้อมกับเอามือมากุมหน้าผากฉัน “ตัวร้อนจี๋เลย ไปหาหมอฉีดยาไหม”
“ไม่ๆ ไม่ฉีด แคร๊ก แคร่ก” ใครจะไปหาหมอก็ไปเถอะ แต่ว่าฉันไม่ไปหาหมอเด็ดขาด ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็กลัวหมอที่สุดในโลกเลย อย่าให้ไปฉีดยาเชียวนะแค่เห็นเข็มน้ำตาก็พลันจะไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างแล้ว
“เฮ้ยฟ่างข้าวมึงมาละ” เสียงพาร์ทดังขึ้นจากข้างหลังของฟ่าง
ฉันหันไปดูพาร์ทเขายังคงหน้าตาดีเหมือนเดิม ไม่สิต้องบอกว่ายิ่งกว่าเดิมน่าจะถูกกว่า
“เออเดี๋ยวกิน” ฟ่างหันไปตอบพาร์ทก่อนจะหันมาพูดเชิงออกคำสั่งกับฉัน “มานั่งคุยกันหน่อยมา” ไม่ทันที่ฉันจะได้คิดและตัดสินใจ ฟ่างก็ลากฉันลุกจากโต๊ะให้ไปนั่งกินข้าวร่วมกับพาร์ท
จะว่าไปแล้วฉันก็เจอพาร์ทไม่กี่ครั้ง เจอครั้งแรกเขาหัวเกรียนและดำมากเพราะเพิ่งลาออกจากนักเรียนเตรียมทหารมาเรียนดนตรีโดยตรง ตอนนี้กลายเป็นนักร้องออนไลน์ที่มีชื่อเสียงไปแล้ว แถมยังเป็นนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติด้วย ผิวที่ไหม้เกรียมจากแดดเผาเมื่อก่อนตอนนี้ก็ขาวขึ้นมาก ผมที่เคยสั้นเตียนตอนนี้ก็ยาวขึ้นและถูกจัดแต่งให้เป็นทรงเท่ๆ ดูเข้ากับเขามาก
ฟ่างไปขอแจมเล่นดนตรีกับพาร์ทได้ไงอันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รสนิยมและการแต่งตัวก็แตกต่างกันสุดขั้ว พาร์ทนี่คือเนี๊ยบและแพงตั้งแต่หัวจรดเท้า บางทีแต่งตัวราคาพอๆ กับรถยนต์หนึ่งคันเลยก็ว่าได้
ส่วนฟ่างก็ชอบใส่เสื้อผ้าเรียบๆ เสื้อยืดตามตลาดนัดกับกางเกงยีนขาดๆ ใช้ของมือสองตั้งแต่หัวจรดเท้า
พาร์ทเป็นคนที่พูดจากวนๆ บางทีก็ทำตัวซึน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร อารมณ์ศิลปินสุดๆ ถ้าไม่สนิทด้วยพาร์ทก็จะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่พูดทีก็ทำเอาจุก เขาไม่ค่อยจะสนใจใครสักเท่าไหร่นัก ส่วนฟ่างเหรอกวนตีน กวนประสาท แม้มันจะเป็นนักกีตาร์ของวงแต่แปลกที่มันเป็นฝ่ายเอนเตอร์เทรนคนฟังมากกว่านักร้องนำอย่างพาร์ทเสียอีก
“แล้วคนอื่นๆ ในวงไปไหนหมดอะ” ฉันถามขึ้นเมื่อลากเก้าอี้และนั่งลงตรงข้ามพาร์ท
“ไปช๊อปปิ้งที่เซเว่น” พาร์ทตอบ นั่นเรียกว่าช๊อปปิ้งเหรอ? แค่ซื้อของก็พอไม๊
แม้เขาจะมีชื่อเสียงแต่ก็ยังทำตัวเด๋อๆ พูดจางงๆ แบบนี้ตลอด แต่ที่รู้มาจากฟ่างก็คือเมื่อก่อนพาร์ทเป็นคนเจ้าชู้มาก ผู้หญิงในไลน์เพียบ สับรางเก่งยิ่งกว่ารถไฟฟ้าญี่ปุ่น ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า และชอบผู้หญิงอายุมากเสียด้วย แถมยังเป็นป๋าเปย์เงินซื้อของให้อย่างหนัก พักหลังๆ เหมือนจะเพลาๆ ลงบ้างแล้วหลังจากติดเชื้ออะไรสักอย่างจากเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไซด์ไลน์ พาร์ทก็แทบจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงหรือสัมผัสตัวผู้หญิงอีกเลย และยังติดรักษาความสะอาดมากขึ้นจนบางทีฉันเองก็รู้สึกอึดอัดที่เห็นเขามักจะล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ตลอดเวลา จะว่าไปแล้วมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเพศสัมพันธ์เลยแม้แต่น้อยแต่เขาก็กลายเป็นคนที่กลัวเชื้อโรค
“อะยาที่สั่ง” ฉันมองหน้าฟ่างแล้วกลอกตามองพาร์ทอย่างสงสัย อย่าบอกนะว่าแกบอกพาร์ท “ไอ้พาร์ทมันรู้ ก็ปุ้นเป็นไข้นี่” ฟ่างขยิบตาให้สองทีเพื่อส่งสัญญาณ
“ดีขึ้นยัง” พาร์ทถามฉันทั้งๆ ที่ยังก้มหน้ากินข้าวอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ปกติฉันจะเป็นคนชวนเขาคุยมากกว่าและพาร์ทก็ตอบคำถามสั้นๆ เหมือนไม่อยากคุยด้วย วันนี้มาแปลกแฮะ
“ไอ้สัสพาร์ท ปุ้นเพิ่งเป็นลมและอ้วกเมื่อกี้ คิดว่าหายไหมล่ะ มึงนี่ถามไม่ดูอะไรเลยนะ ดูหน้ามันสิซีดเป็นไก่ต้มไหว้ศาลพระภูมิเชียว” ฟ่างพูดติดตลกใส่พาร์ท เจ้าตัวแค่เงยหน้าจากจานข้าวมองดูฉันอย่างพิจารณา ก่อนหันไปหาฟ่างด้วยแววตารำคาญนิดๆ
“กูหมายถึงอาการดีขึ้นยัง แต่ถ้าซีดเป็นไก่ขนาดนี้ยืมไปแก้บนหน่อยสิ” เดี๋ยวนะนี่พาร์ทเล่นมุกเหรอ ดูการตบมุกของเขาสิ ช่างกวนประสาทเสียจริงๆ อะไรของพวกมันสองคนวะเนี่ย โดยเฉพาะพาร์ทคนอะไรเล่นมุกได้หน้าตายมากๆ
“อาการทางกายหรือใจมึงพูดดีๆ นะเพื่อน 555+” แล้วทั้งสองคนนี้ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน แล้วเสียงหัวเราะก็เงียบลงเมื่อฉันไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย
“สรุปแกบอกพาร์ทเหรอฟ่าง”
“เรื่องไร?”
“เรื่องยา”
“อย่าร้อนตัวน่า กินตามช่องยาที่ใส่ให้ไปนั่นแหละ จะได้หายไวๆ” ฟ่างขยิบตาให้ฉันอีกครั้งเป็นอันว่ารู้กันก็ได้
พาร์ทมองเราสองคนแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรเอาแต่ตักข้าวไก่แซ่บเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย นี่เขาไปหิวโหยอะไรมาถึงได้ตะกละตะกลามขนาดนั้น
ฉันกินยาตามที่ฟ่างแนะนำ ก่อนจะพูดคุยไร้สาระกันโดยมีพาร์ทที่นั่งนิ่งฟังไม่ค่อยได้พูดอะไร
จนกระทั่งที่ต้องแยกย้ายกันขึ้นรถ
“เดี๋ยวปุ้นมากับเรานะ ไม่ต้องไปกับเพื่อนแล้ว” ฉันผงกหัวรับอย่างว่าง่าย ฟ่างเดินตามมาที่รถของมาร์คเพื่อเอากระเป๋าและเสื้อคลุมของฉันที่อยู่ในรถ
“รอยชัดนะเนี่ย” ฟ่างก้มมองรอยที่คอฉัน “คนไหนอะ ชี้ให้ดูหน่อยดิ” ข้าวฟ่างกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันสองคน
จังหวะนั้นโซ่ก็เดินผ่านมาพอดีพร้อมกับแก้วกาแฟในมือโดยมีคุกกี้แฟนสาวเดินตามมาเป็นเงา
ฉันมองโซ่ไม่วางตาเพราะรถของโซ่จอดติดกับรถของมาร์คแต่เขากลับไม่สนใจมองฉันเลยสักนิด สงสัยยังโกรธเรื่องอ้วกและความงี่เง่าของฉันไม่หายมั้ง
ตอนนี้ในใจฉันเองก็นึกอยากจะขอบคุณเขาเช่นกันที่ช่วยชีวิตและอุ้มฉันเข้ามาในที่ร่ม ไม่งั้นคงต้องตายเป็นผีสุกกลางแดดเฝ้าหน้าปั๊มไปแล้วจริงๆ
“คนนี้เหรอ” ฟ่างยักคิ้วและมองที่โซ่
ฉันรีบแกล้งไอแคร่กๆ และส่ายหน้าปฏิเสธใหญ่ พอฟ่างเห็นฉันปฏิเสธเขาก็ไม่ได้สงสัยต่อและเดินแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ เอาไงดีล่ะทีนี้ ถ้าไม่ขอบคุณโซ่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอบคุณเขาตอนไหนแล้วเพราะคงมีโอกาสเจอกันน้อยมากแน่ๆ
แต่ว่าไม่ทันที่ฉันจะเดินไปขอบคุณโซ่ที่รถ โซ่ก็ปิดประตูรถ BMW i8 สีเทาคันเงาเสียงดังปั้ง!! ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“เชี่ยโซ่เป็นหอกอะไรวะ รีบไปไหนของมัน” มาร์คบ่นตามหลัง เมื่อเขาเดินออกมาจากร้านกาแฟ
ดูท่าทางโซ่จะโกรธฉันจริงๆ หรือฉันควรขอไลน์โซ่จากมาร์คเพื่อขอโทษที่อ้วกใส่เขาดีนะ จะว่าไปฉันมันก็แย่จริงๆ นั่นแหละที่ทำให้เขาเสี่ยงอันตรายจากการถูกรถชนเพราะไปช่วยคนงี่เง่าอย่างฉันที่จมปักกับรักโง่ๆ หวังจะปิดชีวิตตัวเองกลางถนน
“ยังไม่ชินกับเพื่อนตัวเองอีกเหรอ” ปุยฝ้ายคว่ำปากลงใส่มาร์ค
“เพราะชินไง เลยไม่คิดโกรธมันสักครั้ง”
“ยัยคุกกี้นี่ก็อีกคน จะตามติดไปถึงไหน เกาะอย่างกับเป็นแฟนกัน”
“เธอไม่ใช่แฟนโซ่เหรอ เมื่อวานเธอบอกฉันว่าเธอเป็นแฟนโซ่นะ” ฉันบอกกับปุยฝ้าย
“ฮ่าฮ่า” ฝ้ายหัวเราะลั่น “นางไปพูดกับแกแบบนั้นเหรอปุ้น” ทั้งมาร์คและปุยฝ้ายต่างก็พากันหัวเราะกันใหญ่
“ทำไมเหรอ มีอะไรอะ?” ฉันทำหน้าสงสัยเมื่อทุกคนต่างพากันหัวเราะ มันน่าขันอะไรขนาดนั้นน่ะ
“แกโดนกันซีนจากจากยัยเค้กเข้าแล้วยังไงล่ะ” นวลเสริมขึ้น
“อื้ม ยัยนั่นน่ะถ้าใครมาใหม่ๆ หรือไม่รู้จักก็จะเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนโซ่หมดแหละ อย่าไปสนใจนางเลย ก็แค่พวกขี้มโนและตามจีบผู้ชายไปวันๆ กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วแก” ปุยฝ้ายพูดกับฉันเสร็จก็หันไปบอกกับฟ่างที่เดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี “ฟ่างฝากดูปุ้นด้วยนะ”
“อื้ม หน้าที่อยู่แล้วครับผม”
“แต่เอาจริงๆ นะ ที่คุกกี้มันกล้าพูดกันซีนใครต่อใครแบบนั้น ก็เพราะมันได้เสียกับโซ่แล้วนั่นแหละแก ไม่งั้นมันไม่กล้าพูดออกหน้าออกตาขนาดนั้นหรอก” นวลพูดพร้อมกับเดินไปขึ้นรถ
“ไอ้โซ่มันก็เสือปะ แค่เป็นเสือป่าที่ไม่สนใจใคร แต่เหยื่อมาทีไรก็ตะคุบทุกที จากนั้นก็ลากเข้าถ้ำไปตายรังเน่าในนั้นแล้วก็รอเหยื่อรายต่อไปมาติดกับดัก”
“ขี้นินทา ฉันจะฟ้องโซ่” ปุยฝ้ายหัวเราะกับคำพูดของมาร์คที่วิจารณ์เพื่อนสนิทของตัวเอง
แต่ฉันนี่สิรู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าคือเหยื่อที่ลากเข้าไปในถ้ำที่มาร์คพูดถึงของโซ่แน่ๆ โซ่ก็แค่ทิ้งฉันและขว้างเอาไว้ในถ้ำให้ปวดใจนี่เอง ไอ้ผู้ชายสกปรก ปากเสีย!
ถ้าสิ่งที่มาร์คพูดเป็นจริงนั่นหมายความว่าฉันก็คือเหยื่อที่อยู่ในถ้ำรังเน่าๆ ของโซ่ แล้วตอนนี้โซ่ก็รอเหยื่อรายต่อไปสินะ หึ!
ไอ้คนเลวเอ๊ย...
“จริง! ตั้งแต่คบมันมายังไม่เคยเห็นมันคบใครเป็นตัวเป็นตนสักคน มีก็แต่ควงแก้เหงาไปวันๆ กิ๊กกันไปกิ๊กกันมา เบื่อก็ทิ้ง คนใหม่ก็มาเรื่อยๆ”
“ปล่อยมันไปเถอะมาร์ค รวยเลือกได้เข้าใจปะ? อีกอย่างมันก็ไม่ได้ไปหาไหมล่ะ มีแต่พวกผู้หญิงวิ่งหามันเองทั้งนั้น”
ขณะที่ฟังปุยฝ้ายและมาร์คกำลังนินทาผู้ชายป่าเถื่อนนั่น ฟ่างก็พูดขึ้นขัดจังหวะได้พอดิบพอดี
“เดี๋ยวไปหอฟ่างก่อนนะ ฟ่างจะไปเก็บของย้ายไปนอนด้วยน่ะ” ฟ่างบอกกับฉันพร้อมกับมัดผมยาวรุงรังนั่นให้ม้วนเป็นปม
“อ่าวไอ้เชี่ยฟ่าง มึงจะให้กูนอนหอคนเดียวเหรอ” เต้ที่เดินมาทีหลังพอได้ยินเข้าก็โวยวายทันที
“มึงก็ให้เมียมึงมานอนด้วยดิ อย่าพูดมาก กูจะย้ายไปอยู่กับข้าวปุ้น”
“เอาแล้วไงไอ้นี่ ทิ้งกู ไปวันเดียวหรือถาวร”
“อาจจะถาวร”
“แล้วค่าหอล่ะวะ”
“กูจะจ่ายเดือนนี้เดือนสุดท้าย เดือนหน้ากูจะช่วยปุ้นจ่ายแทน”
“เฮ้ยไม่เป็นไร ปุ้นอยู่คนเดียวได้น่า” ฉันบอกกับน้องชายฝาแฝด
“เดี๋ยวปุยฝ้ายย้ายมาอยู่กับข้าวปุ้นเอง ฟ่างอยู่กับเพื่อนเถอะ”
“อ่าวปุยจ๋า แล้วมาร์คล่ะครับจะไปนอนไหน” มาร์คที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับเรียกร้องสิทธิ์จากแฟนสาว
“ขอบใจทุกคนมาก แต่เราว่าเราอยู่คนเดียวดีกว่า ทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน”
“เดี๋ยวนวลย้ายมาอยู่คอนโดกับปุ้นก็ได้ ฟ่างไม่ต้องห่วงปุ้นหรอกเพราะตอนนี้นวล อยู่บ้าน”
“นวลอยู่บ้านนั่นแหละ เรื่องปุ้นเดี๋ยวเราจัดการเอง” ฟ่างหันไปพูดกับนวลก่อนจะหันมาบ่นฉันด้วยน้ำเสียงที่ครุกรุ่น “ส่วนแกอยู่คนเดียวไม่ได้เว้ย แค่วันนี้ก็ยังคิดจะวิ่งไปให้รถชนตายเลย อยู่คนเดียวได้ฟุ้งซ่านกินยาตายไปอีกจะทำไง รักให้มันมีสติหน่อย อย่าเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกมันไม่คุ้ม เอาเป็นว่าเดี๋ยวฟ่างจะย้ายข้าวของไปอยู่กับปุ้นเอง ส่วนแกไอ้เต้! ไปเรียกเมียมาอยู่ด้วยหรือไม่ก็ให้ไอ้พาร์ทมาช่วยหาร ลองเจรจาดู กูทิ้งปุ้นให้อยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ”
น้ำเสียงที่จริงจังของฟ่างและหน้าหนวดของมัน ทำเอาทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ โดยเฉพาะฉันที่ปกติจะบ่นฟ่างจนหูจะฉีกขาด แต่รอบนี้แทบไม่พูดอะไรเลยเพราะการที่ฟ่างมาอยู่เป็นเพื่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะฉันรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับมันมากกว่าเพื่อนตัวเองเสียอีก
พาร์ท
ความคิดเห็น