ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรักภูมะขาม [Search Love]

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 12 โดนรังแก [1] ตัด NC

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 65


    งานสู่ขวัญเป็นไปอย่างราบรื่น หลังงานสู่ขวัญแล้วเสร็จบ้านฉันเลี้ยงข้าวแขกที่มาช่วยงานสู่ขวัญ โดยอาหารจารเด็ดในงานคงหนีไม่พ้น ‘ยำไก่’ ที่มาจากการทำพิธีสู่ขวัญ ดินเหนียวของฉันที่คุณภาคเผาให้เมื่อคืนถูกนำไปวางในกระทงที่ทางสามแพร่งทางหลังหมู่บ้านก่อนจะมีคนทำลายทิ้ง

    เก่งนัก! สร้างเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

    เสียงฉันยังคงแหบแห้งเหมือนเดิม แต่ไข้ลดลงแล้วและไม่มีอาการอื่น ๆ เพิ่มเติม พ่อแม่ฉันยังคงพาพะแพงกับพลับพลึงไปนอนด้วยในห้อง แม้ฉันจะพยายามขอให้พะแพงมานอนกับฉันแต่ก็ถูกแม่อุ้มรั้งไว้โดยให้เหตุผลว่านาน ๆ ครั้งหลานมาหาจึงอยากพาหลานไปนอนด้วย

    ฉันงงเป็นไก่ตาแตก พะแพงกับพลับพลึงไม่ใช่หลานแท้ ๆ สักหน่อย ทำไมพ่อแม่ฉันรักและเอ็นดูขนาดนั้น ว่างเมื่อไหร่ก็มาอุ้ม ว่างเมื่อไหร่ก็มาโอบกอดหอมฟัด เพราะพ่อแม่ติดพะแพงกับพลับพลึงมากทำให้ฉันมีเวลาว่างเป็นของตัวเองในการทำงานนิยายออนไลน์

    วันนี้เขียนบทไม่ค่อยออกเนื่องจากอาการไม่สบาย อีกทั้งมีความคิดฟุ้งซ่านที่เข้ามารบกวนจิตใจตลอดเวลา

    ‘ชอบตั้งแต่แรกเจอเลยครับ’

    ‘ไม่รักไม่บ่นหรอก’

    โอ๊ย! บ้าบอที่สุด ทำไมคำพูดพวกนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายเลยนะ ชอบตั้งแต่แรกเจอจริง ๆ เหรอ ไม่รักไม่บ่นก็หมายความว่า ‘รัก’ ก็เลยบ่น ฉันเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหมนะ

    ฉันพับโน้ตบุ๊กปิดหน้าจอ รู้สึกวันนี้ไม่มีสมาธิเขียนนิยายเลย หัวสมองคิดถึงแต่เรื่องคุณภาค ทำไมกำนันปีศาจถึงแล่นอยู่ในความคิดตลอดเวลาแบบนี้นะ ฉันนั่งพิมพ์นิยายรับอากาศเย็นอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านส่วนคุณภาคน่าจะนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวฉันก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งทำงานเงียบ ๆ คนเดียวโดยไม่สนใจใครอีก ในเมื่อเด็ก ๆ มีคนดูแลแล้วฉันก็เบาใจ

    เมื่อคิดเยอะจนไม่มีสมาธิทำงานก็ละทิ้งงานแล้วกลับเข้าห้องไปนอน นั่งทำงานแป๊บเดียวไม่คิดว่าเวลาจะเดินไวจนล่วงเลยไปจนถึงห้าทุ่มครึ่งแล้ว ช่วงเวลากลางคืนที่หมู่บ้านฉันเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟจากท้องถนนและไฟจากหน้าบ้านบางหลังส่องสว่างเวลานี้

    หลังจากปิดบ้านปิดไฟเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เปิดประตูกลับไปห้องนอนของตัวเอง ภายในห้องคุณภาคนอนหลับไปแล้วแต่ไฟยังเปิดอยู่ ฉันเดินย่องเบาเข้าไปในห้องปิดประตูช้า ๆ พยายามทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำลังจะเอื้อมมือไปปิดไฟจิตใจอกุศลก็นึกคึกอยากแกล้งคุณภาคเล่น จึงหยิบหมอนบนที่นอนขึ้นมาช้า ๆ ก่อนโถมตัวใส่คุณภาคในขณะที่หมอนนุ่มเป็นตัวกลางทำให้ร่างฉันไม่หนักไม่เบาจนทับตัวคุณภาคมีบาดแผล

    “อ๊ะ” เสียงคุณภาคร้องดังขึ้นหลังจากฉันทุ่มตัวใส่หมอนล้มทับเขา

    สะใจอีพราวยิ่งนัก!

    “สมน้ำหน้า”

    “เล่นอะไรเนี่ย” เสียงแหบพร่าร้องตอบกลับด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว มีเมียซนเหมือนลิงก็ทำใจหน่อยนะคะสามีขา ฉันหัวเราะคิกคักแล้วลุกขึ้นย้ายตัวตัวเองหมุนตัวกลับไปนอนที่ประจำ

    “แก้แค้นที่คุณภาคทำพราวเสียหน้าต่อหน้าพี่ปั้น”

    “เสียหน้า?” คุณภาคเอียงคอมาดูฉันที่กำลังดิ้นตัวหาหลุมนอนของตัวเองบนเตียงขนาดกว้าง

    “ใช่ค่ะ” เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่าสายตาเรียวดุกำลังหันมาจ้องมองฉัน “พูดจาอย่างกับพระเอกในนิยายตอนหวงนางเอก เล่นละครเก่งไม่เบาเลยนะ”

    “ใครว่าเล่นละคร ผมพูดจริงต่างหาก”

    พูดจริงเหรอ? พูดจริงหรือแค่พูดเอาชนะพี่ปั้นกันแน่ แต่ถ้าคุณภาคพูดจริงผสมกับฉันไม่โง่ตีความผิด เขากำลังสารภาพรักฉันเหรอ แต่ก็คงไม่หรอกมั้ง คนบ้าที่ไหนจะสารภาพรักกันต่อหน้าคนอื่น ไม่มีหรอก! คนเราก็ต้องสารภาพรักกันสองต่อสองสิ มันไม่ได้พูดยาก เพียงแต่มันเขินไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรตอนพูดแค่นั้นแหละ

    ฉันขมวดคิ้วครุ่นคิดในขณะที่สายตายังมองคุณภาคอย่างหวาดระแวง

    ว่าแต่...ทำไมคุณภาคทำหน้าจริงจังขนาดนั้น หรือว่าฉันลืมปิดไฟงั้นเหรอ “งั้นเดี๋ยวพราวปิดไฟให้นะ”

    ฉันเอี้ยวตัวปิดไฟที่อยู่บนหัวเตียงนอนก่อนจะย้ายตัวเองไปนอนชิดขอบเตียงฝั่งตรงข้ามกับคุณภาค หวังว่าวันนี้จะไม่นอนกลิ้งไปกอดเขาเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมานะ ไม่ทันได้หลับตาลงฉันก็ถูกรั้งตัวโดยมีกล้ามแขนหนาโอบรอบเอวให้หมุนตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ “นี่! คุณภาคคิดจะทำอะไร จับได้คาหนังคาเขาเลยนะว่าความจริงแล้วคุณอุ้มพราวมานอนข้างตัวน่ะ”

    ที่ใช้คำว่า ‘อุ้ม’ เพราะฉันตัวเล็กกว่าคุณภาคมาก พอโดนรั้งตัวโอบเข้าไปหานิดหน่อยจึงมีลักษณะท่าทางเหมือนโดนอุ้ม

    “เป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนกอดกันได้สิ”

    “ใช้คำว่าผัวเมียไม่ได้ ควรใช้คำว่าสามีและภรรยาเพราะว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน ดังนั้นไม่ควรจะใช้คำนั้น”

    เมื่อพูดจบฉันก็ถูกคุณภาคฉวยโอกาสตอนฉันเผลอจูบประทับลงที่ริมฝีปาก “แล้วแบบนี้ล่ะ พอจะใช้ได้หรือยัง”

    ฉันไม่ทันจะได้พูดโต้แย้งเถียงกลับว่า ‘แค่จูบ...ใครเขาจะนับว่าเป็นผัวเมียกันล่ะ’ คุณภาคก็ทำตัวหวานเรี่ยราดจนฉันเองก็แอบตกใจ

    ท่ามกลางความมืดก็ยังมีแสงไฟจากซอยข้าง ๆ อยู่บ้างจึงทำให้พอเห็นแววตาดุแต่สุกใสของคุณภาคที่จ้องมองฉันหลังจากหอมแก้มข้างซ้ายเสียงดังฟอด “ห้ามดื้อ”

    ใครกันล่ะดื้อ ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย

    หอมแก้มข้างซ้ายว่าตกใจจนพูดไม่ออกแล้วเขาก็หอมแก้มข้างขวาด้วยท่าทางละมุนจนฉันเอียงหน้าไปอีกทาง "ห้ามซน"

    ใครซน? ฉันไม่ใช่เด็กจะซนได้อย่างไรกันล่ะ

    ริมฝีปากอ่อนนุ่มประทับจูบลงที่หน้าผาก แรงและหนักแน่นจนฉันต้องหลับตายอมจำนนแพ้ให้กับการกระทำที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า "หวงและห่วง" ที่คุณภาคพูดออกมานั้นจะเป็นจริงอย่างที่เขาเพิ่งบอกหรือเปล่า

    คุณภาคเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันอีกหนหลังจากจ้องมองฉันสักพักใหญ่โดยไม่มีใครปริปากหรือพูดอะไร เขาประทับรอยจูบลงที่ริมฝีปากของฉัน "รักและจะมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น"

    ท่ามกลางความมืดที่มีแสงไฟสลัวจากถนนซอยข้างบ้านสาดส่องเข้ามาในห้องนอน เราสองคนชิดใกล้ถึงขนาดสามารถสัมผัสกันมากขนาดนี้เลยเหรอ ใจฉันเต้นตุบตับจนปากแข็งพูดอะไรไม่ออก ตัวกระด้างทื่อตรงเหมือนโดนแช่แข็งท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตอนกลางคืนอย่างไรอย่างนั้น

    เถียงกลับเหมือนที่เคยเถียงสิ พูดมากเหมือนที่เคยพูดสิ ทำไมนิ่ง ทำไมฉันต้องรับฟัง ทำไมฉันถึงเคลิ้มตามการกระทำที่ดูเหมือนจะน่ารักและคำพูดแผ่วเบาที่เป็นเพียงแค่ลมปากยากจะพิสูจน์นั่นกันนะ

    “คุณรักพราวจริงเหรอ”

    คุณภาคผงกหัวรับ “อือ...รัก...มาก”

    ปกติฉันเป็นคนตรง ๆ เมื่อสงสัยก็ต้องถาม แต่ปกติของคุณภาคไม่ได้เป็นคนตอบตรง เขามักพูดจาอ้อมค้อมกวนประสาทฉันให้โต้เถียงกันไม่เว้นแต่ละวัน บางวันก็ปิดปากเงียบแทบไม่คุยกัน ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะพูดคำว่า ‘รัก’ แบบไม่มีปิดบัง

    หรือเพราะสู่ขวัญ เลยเรียกขวัญมาครบสามสิบสองจึงทำให้คุณภาคเปลี่ยนไป แล้วที่ผ่านมาเขาขวัญหายเลยเลยไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับฉันเท่าไรน่ะ

    มือสากใหญ่ลูบไล้ใบหน้าฉันสายตาจ้องมองไม่ละไปไหน เพียงแค่สบตาฉันก็ตัวอ่อนระทวยยอมตกเป็นของเขาแต่โดยดี มือสากใหญ่ลูบไล้แผ่วเบาบนผิวหน้าฉันก่อนเขาจะคร่อมทับร่างแล้วกดจูบสอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพงปากอวบอิ่มของฉัน

    ฉันตวัดลิ้นสู้จูบตอบกลับ มือเคลื่อนย้ายโอบกอดคอแกร่งของคุณภาคอย่างไม่เล่นตัว

    ถ้าวันนี้จะได้ ก็ต้องได้แล้วล่ะ...

    กลิ่นกายคุณภาคหอมสะอาด รสปากก็หวานนุ่มลิ้นราวกับได้เนื้อชิ้นดีมาจ่อล่อลวงให้ลุ่มหลงอยากชิมกลืนกินทั้งตัว เราสองคนแลกจูบกันอยู่นานสองนานโดยไม่มีใครห้ามหรือขัดขืน มีเพียงเสียงลมหายใจหอบกระหายที่รดซึ่งกันและกันปลุกอารมณ์ความต้องการให้ลุกโชนเผาไหม้เราสองคน

    มือคุณภาคซุกซนกว่าที่คิดเขาเลื่อนขึ้นบีบทรวงอกฉันจากนอกเสื้อปลุกอารมณ์ความใคร่ในตัวฉันให้ตื่นจากความหนาวเย็น ฉันโต้กลับโดยการจูบให้แรงขึ้น โอบกอดคุณภาคให้แน่นกว่าเดิม

    มันคงเป็นความยินยอมของเราสองคนแล้วล่ะมั้ง

    ความหนาวเย็นของอากาศถูกเคลื่อนย้ายตามมือสากแตกระแหงเข้ามาสัมผัสผิวข้างในสาบเสื้อลูบไล้ฝ่ามือผ่านผิวท้องราบเรียบก่อนหยุดตรงเนื้อทรวงอกนูนนุ่มอวบอิ่ม บีบเคล้นหนักเบาสลับกันจนฉันรู้สึกเสียวซ่านเผลอคางเสียงแหบแห้งในลำคออย่างห้ามไม่ได้ ปากเป็นกรรไกรดุคมของคุณภาคเคลื่อนจูบที่คางฉัน ระดมจูบทุกสัดส่วนของเนื้อหนังเล็มเลียบนใบหน้าก่อนซุกไซร้ซอกคอขึ้นไปถึงใบหูด้วยความเดือดกระหายร้อนระอุลุกเป็นไฟ เสื้อฉันถูกเปิดยกขึ้น 

    คืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ฉันไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในด้วยความเคยชิน ปกติฉันไม่ใส่เสื้อชั้นในตอนนอน และที่น่านอากาศค่อนข้างหนาวจึงใส่เสื้อผ้ากันหนาวหนากว่าปกติจึงคิดว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแน่ ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณภาคที่จะสัมผัสความเอิบอิ่มของฉันโดยง่าย

    “พราว” คุณภาคพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากระซิบกระซาบ “ผมขอนะ...”

    มาถึงขนาดนี้แล้ว “อือ...”

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ รู้เพียงว่าเสียงไก่ขันดังแทรกซ้อนมาพร้อมกับเสียงของแม่

    “สายแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่น แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วนะ พะแพงกับพลับพลึงไปนั่งรถเล่นกับตารอบหมู่บ้านกลับมา พ่อแม่เด็ก ๆ ก็ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”

    ฉันได้ยินเสียงแม่บ่นแต่ก็ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของคุณภาคไม่ยอมทิ้งห่าง นานทีมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ขอนอนต่ออีกสักหน่อยน่า เมื่อคืนเพิ่งผ่านศึกสงครามล่าปีศาจมาแม่ก็กวนแต่เช้าเลย

    ไม่นานนักโทรศัพท์ของคุณภาคก็สั่นมีเสียงเรียกเข้า ทำให้เขาตื่นนอนลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จปลายเตียงมานอนกอดฉันดังเดิม “อะไรนะครับ? ครับ อ๋อครับ ตอนนี้ผมอยู่น่าน ได้ครับ ฝากหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ”

    “มีอะไรเหรอคะ” ฉันชันศอกขึ้นจนผ้าห่มหลุดมากองที่เอว พอรู้สึกถึงความหนาวจึงทำให้รู้ว่าเมื่อคืนไม่ได้สวมเสื้อผ้าแต่คุณภาคกลับใส่เสื้อผ้าครบ ฉันล่ะงงจริง ๆ เขาไปสวมใส่เสื้อผ้าตอนไหน

    “ต้องรีบกลับเชียงราย ไก่ที่เล้าตายไปสิบหว่าตัว วัวนมถ่ายหนักไม่สบายหลายตัว คงต้องกลับไปดูแล้วล่ะ”

    “เป็นไปได้ยังไงคะ งั้นคุณกลับไปก่อน พราวขออยู่ที่นี่กับเด็ก ๆ สักพักได้ไหม”

    ไม่ทันได้รับคำตอบแม่ก็พรวดพราดเปิดประตูโดยไม่เคาะล่วงหน้าเข้ามาในห้อง ฉันตกใจเพราะคิดว่าประตูล็อคเหมือนทุกครั้งที่คุณภาครอบคอบจะล็อคประตูห้องนอนเสมอ

    “พะแพง พลับพลึงไปปลุกพ่อกับแม่ซิ” แม่ฉันพาพะแพงกับพลับพลึงเข้ามาในห้องก่อนเงยหน้ามาเจอฉันที่ใช้ผ้าห่มปิดคลุมที่อก

    “อ๊ายแม่! พาเด็ก ๆ ออกไปก่อน”

    แม่มองฉันกับคุณภาคสลับไปมาด้วยความงุนงง คนหนึ่งใส่เสื้อผ้าหนาวเต็มยศ ส่วนอีกคนคลุมตัวด้วยผ้าห่มแต่เปิดให้เห็นไหล่ น้ำเสียงหัวเราะของแม่แหบแห้งก่อนอุ้มพะแพงกับพลับพลึงที่พยายามปีนเตียงมาหาฉันออกจากห้องแล้วปิดประตู

    “คุณภาคไม่ได้ล็อคห้องเหรอ”

    “พอดีเมื่อคืนผมปวดฉี่น่ะ ก็เลยลุกไปเข้าห้องน้ำ”

    “ป่านนี้แม่คิดไปไกลแล้วแน่ ๆ” ฉันใช้มือขยุ้มหัวตัวเอง

    “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ปกติ”

    “ไม่ปกติ! เรา...” ฉันมองคุณภาคก่อนก้มมองดูตัวเอง “ช่างมันเถอะค่ะ”

    ฉันทำราวกับว่าเมื่อคืนไม่เต็มใจ แต่เปล่าเลยฉันเต็มใจ เพียงแต่พอเช้ามามันเขินมองหน้าคุณภาคไม่ติด จึงซุกตัวลงนอนในผ้าห่มควานหาเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ คุณภาคจับฉันไปโอบกอดพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม

    “ทำไม? ใช่ว่าผมไม่เคยเห็น” เขาจูบฉันที่ริมฝีปากแผ่วเบา “บอกแล้วไงว่าจะมีแค่คุณ...พราว”

    เขาเรียกชื่อฉันเหรอ? ปกติเรียกแต่คุณ ดูห่างเหินเป็นบ้า วันนี้มาแปลกอีกแล้ว

    “พูดอะไรไม่เป็นคุณเลย”

    มือใหญ่จับหน้าฉันให้เงยขึ้นมองเขา “อย่ามาทำตัวน่ารัก รอให้ผมเสร็จงานจากเชียงรายคืนนี้เราต่อ...สักหน่อยดีไหม”

    “ทำไมติดใจเหรอ” ฉันยกยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนบิดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหนีมือปีศาจ เล่นตัวสักหน่อยเดี๋ยวหาว่าฉํนง่ายแล้วขอบ่อย ฉันอาจจะร่างกายพรุน

    “ครั้งแรกเหรอ”

    “ทำไมเหรอคะ” ฉันมองตามสายตาคุณภาคก็พบเลือดทิ้งคราบติดที่เตียงนอน

    “สงสัยประจำเดือนมามั้งคะ”

    เพื่อนเคยบอกว่าครั้งแรกไม่จำเป็นต้องมีเลือดนี่ แล้วฉันก็ซนมาก เคยช่วยตัวเองบ่อยครั้ง เคยตรวจมะเร็งปากมดลูกกับคุณหมอแล้วไม่น่าจะมีเลือด

    “พูดมา! ยังไง” คุณภาคลุกเดินตามฉันที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้า

    “แล้วทำไมต้องดุด้วย ก็ใช่” คุณภาคเม้มปากนิดหน่อยเค้าทำหน้าเครียดเหมือนทุกครั้งที่พบเจอปัญหา มีอะไรหรือเปล่า หรือเครียดเรื่องไก่วัวที่ฟาร์ม

    “ทำไมไม่บอก เมื่อคืนผม...ทำแรงมากนะ”

    “ใช่ค่ะ รู้แล้ว ก็แค่อยากลอง”

    “เป็นบ้าหรือไง เกิดฉีกขาดหรือเป็นแผล ท่อปัสสาวะอักเสบต้องไปหาหมอนะ”

    อะไรมันจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น ผู้ชายได้ครั้งแรกผู้หญิงก็ต้องดีใจสิ ทำไมต้องฟึดฟัดด้วยเนี่ย

    “เก็บของ! อาบน้ำ กินข้าวเสร็จเดี๋ยวจะกลับเชียงรายเลย”

    “แต่พราวอยากอยู่บ้าน”

    “ไม่ได้! ถ้าผมเสร็จงานแล้วจะพาไปหาหมอ”

    พูดจบคุณภาคก็เดินออกจากห้องไปคุยกับพ่อแม่ฉันเรื่องจะกลับเชียงรายวันนี้เนื่องจากที่ฟาร์มมีปัญหาต้องกลับด่วน ทิ้งให้ฉันงุนงงว่าโกรธฉันเรื่องอะไร ตอนกลางคืนกับตอนตื่นนอนก็เป็นไปได้ดีไม่มีเรื่องต้องให้ทะเลาะกันแล้วเชียว

    หรือเขาคิดว่าฉันแท้ง แต่ฉันก็ไม่ได้ท้องจะแท้งได้ยังไง

    ไม่รู้แล้วเว้ย เอาใจยากเป็นบ้า พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อใดก็ดุราวปีศาจ พระอาทิตย์ตกท้องฟ้าค่ำอยู่ในที่มืดกลับเป็นเทพบุตรปากหวาน บอกหวง บอกห่วง บอกรัก ที่พูดมาเมื่อคืนขอลบออกหมดเลยก็แล้วกัน โมโหแล้ว

    =========

    ฝากติดตามและแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจหน่อยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
    สามารถติดตามอ่านเรื่องอื่น ๆ ได้เช่นกันนะ สนุกเหมือนกัน ซับซ้อนทุกเรื่อง อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×