ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรักภูมะขาม [Search Love]

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 10 ซุ่มซ่ามเป็นเหตุ [1]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 65


    พราว:

    ใจไม่อยากตื่นเช้าเพราะอากาศมันหนาว เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ถูกกำนันปีศาจลากให้ลุกจากเตียงไปอาบน้ำแปรงฟัน ปีศาจกล่าวหาว่าตัวฉันเหม็นกลิ่นควันหมูกระทะผสมกลิ่นคนขี้เหล้าเมายา

    ฮึ! กลิ่นหมูกระทะหอมจะตายหมงเหม็นอะไรกันล่ะ เหล้าที่ว่าก็น้ำข้าวหมักกลั่นเป็นเหล้าขาวใสบริสุทธิ์ กลิ่นขี้เหล้าตรงไหนไม่ทราบ ให้ฉันอาบน้ำสระผมตอนหน้าหนาวเวลาห้าทุ่มรู้ไหมว่ามันหนาวไปถึงกระดูกน่ะ 

    ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะแค่ทาแป้งเด็กกลบกลิ่นแต่คุณกำนันปีศาจก็มานั่งเฝ้าเป็นผีขอส่วนบุญถึงหน้าห้องน้ำ ยิ่งตอนฉันโวยวายตะโกนบอกพ่อแม่ว่าพี่ภาคจะปล้ำฉันนะ แทนที่พ่อแม่จะเข้าข้างฉันแล้วรีบทะลายกำแพงทุบประตูห้องนอนช่วยฉันให้ออกจากมือสุดแสนจะร้ายกาจของปีศาจดุร้าย แต่ฉันกลับโดนพ่อแม่ดุตะโกนตอบกลับข้ามกำแพงห้องทะลุประตู 

    'จะแหกปากเสียงดังหยะหยังแน่ะ ดึกดื่นกึ่งคืนจาวบ้านเปิ่นนอนกั๋นหมดแล้ว' [จะพูดเสียงดังทำไม ดึกดื่นค่ำคืนชาวบ้านเขานอนกันแล้ว]

    นี่ฉันลูกบ้านหลังนี้จริง ๆ เหรอ นึกว่าเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงเสียอีกแน่ะ

    เมื่อวานโมโหคุณภาคจนแทบอยากถอดรองเท้าปาใส่หน้า คนอะไรใจจืดใจดำเหลือเกิน แค่เรื่องฉันอยากพาเด็ก ๆ ไปหาแม่ที่แท้จริงอย่างคุณส้มเพื่อเยี่ยมดูอาการเจ็บป่วย แต่เขากลับบอกว่าต่อไปจะไม่คุยเรื่องนี้อีกงั้นเหรอ นี่ก็คงหาว่าฉันขี้เสือกสินะ เสือกแล้วไง ก็คนมันมีจิตใจดีมีน้ำใจกับคนอื่น เห็นใครลำบากก็อยากช่วย เห็นคนมีทุกข์ก็อยากบรรเทา แม้เล็กน้อยที่ทำได้ก็ควรช่วยกันไม่ใช่เหรอ ใช่ว่าจะเป็นคนอื่นคนไกลสักหน่อย

    หลังจากทะเลาะกับคุณภาคเสร็จ ฉันก็เดินออกจากห้องนอนมุ่งหน้าไปที่รถมอเตอร์ไซต์ซึ่งจอดที่โรงรถเพื่อขี่ปะทะลมหนาวยามค่ำคืนไปบ้านพี่โรส

    ช่วงเย็นพี่โรสส่งข้อความไลน์มาหาฉันเพื่อชวนไปกินหมูกระทะ แต่ว่าฉันไม่สะดวกเนื่องจากต้องดูแลเด็กแฝดสองคนจึงปฏิเสธไป เมื่อโดนปีศาจร้ายคำรามใส่ฉันก็ส่งข้อความตอบกลับพี่โรสไปใหม่ว่าทางสะดวกแล้ว อีกทั้งพ่อแม่ฉันเล่นกับพะแพงและพลับพลึงแทบไม่ห่าง ฉันจึงตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาพี่โรสที่บ้านเพื่อหวังพบปะญาติมิตรกินดื่มให้เต็มที่อย่างสุขสำราญใจโดยไม่มีปีศาจภาคมาวุ่นวาย

    ณ บ้านพี่โรส

    ญาติแต่ละคนต่างก็พูดคุยกันถามสารทุกข์สุขดิบของญาติมิตรที่ไม่ได้เจอกันนาน ปกติฉันเป็นพวกไม่ดื่ม ถึงดื่มก็ดื่มไม่เยอะ ดื่มพอเป็นพิธีรีตรองเท่านั้น บ้างก็ดื่มเพื่อเข้าสังคม แต่วันนั้นญาติแต่ละคนต่างก็พากันสอบถามที่ไปที่มาเรื่องลูกเลี้ยงของฉัน

    "ได้ข่าวว่าตอนนี้เลี้ยงลูกให้สามีสองคนแล้วเหรอ"

    "ทำไมจู่ ๆ เด็กมีแฝดล่ะ"

    "ยังสาวอยู่เลย ไม่น่าแต่งงานกับพ่อหม้ายเลยนะ"

    "ไม่น่าออกจากงานที่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาแต่งงานเพื่อเลี้ยงลูกให้คนอื่นเลย พี่ล่ะเสียดายแกจริง ๆ เลยพราว"

    ฉันได้แต่ตอบว่า "ไม่คิดมาก เด็กน่ารัก ไม่ดื้อ เลี้ยงง่าย"

    ญาติแต่ละคนเกรงว่าฉันจะโดนสามีทิ้งแล้วกลับไปหาแฟนเก่า จึงแนะนำให้ฉันมีลูกเป็นของตัวเองเพื่อมัดใจสามี ญาติช่างยุ ยังบอกให้ฉันดื่มเหล้า ไม่ก็แกล้งเมาจะได้หาเหตุผลมีอะไรกับสามีแล้วถือโอกาสมีลูกในเวลาเดียวกัน 

    แค่คิดและจินตนาการก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีอะไรกับสามีไม่ลง แม้จะรักแต่ก็เหมือนมีเส้นใยบาง ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าความรักของฉันเป็นรักข้างเดียว เราสองคนไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่าเดิม ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ฉันอยู่น่านและคุณภาคอยู่เชียงราย ติดต่อกันผ่านโซเชียลและวิดิโอคอล ช่วงเวลานั้นคุณภาคทำตัวน่ารักกว่าตอนนี้เสียอีก

    ไหนใครบอกว่ายิ่งใกล้ยิ่งรัก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ายิ่งใกล้ยิ่งห่างเหิน

    แม้จะรู้สึกว่าญาติช่างยุจะปากเสียไร้มารยาททางสังคมไปสักหน่อยจนทำให้ฉันไม่มีค่าเป็นบางหน แต่นึกทบทวนคิดหน้าคิดหลังแล้วนั้นพวกเขาก็หวังดี กลัวฉันโดนสามีทิ้งขว้าง กลายเป็นแม่หม้ายจึงอยากให้ฉันมีลูกเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เลี้ยงแต่ลูกคนอื่นแล้ววันหนึ่งเด็กก็โบยบินกลับไปหาแม่แท้ ๆ จากนั้นก็ทิ้งให้ฉันอยู่ตามลำพัง

    พอคิดแง่ดีกับคนอื่นบ้างก็รู้สึกเบาใจและคล้อยตามคำยุยงส่งเสริม

    "ผู้หญิงอย่างเราบางทีก็ต้องมีมารยาร้อยเล่มเกวียนบ้าง จะมาใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลกไม่ได้ โลกมันไม่ได้ใจดีกับเราขนาดนั้น"

    ญาติว่าแบบไหนฉันก็คล้อยตามอย่าให้เสียชื่อว่าเป็นญาติพี่น้องกัน

    ลองเป็นสตรีผู้กล้ามารยาร้อยเล่มเกวียนสักครั้งก็ไม่เสียหายนี่! แม้ตอนอยู่กับญาติจะบอกว่าไม่อยากทำ แต่พอญาติยื่นแก้วเป็กขนาดเล็กมาตรงหน้า ฉันก็ดื่มเหล้าขาวไปหนึ่งจอก ญาติรุ่นราวคราวเดียวกันก็น่ารัก ช่วยกันพรมเหล้าขาวใส่เสื้อผ้าให้กลิ่นติดตัวฉัน เมื่อฉันดมกลิ่นตัวเองก็ถึงกับเวียนหัว ตอนนี้มีความคล้ายคลึงลำยองหน่อย ๆ พี่โรสกับแฟนก็เล่นใหญ่ให้ฉันทิ้งรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อไว้ที่บ้าน ในเวลาต่อมาก็ตีเนียนขี่รถมาส่งฉันกลับบ้าน

    "ระหว่างทางแกก็โวยวายแกล้งเป็นคนเมา ด่าผัวเต็มที่ไปเลย" พี่โรสแนะนำด้วยรอยยิ้ม ดูออกว่าทำบ่อย

    "แหมอีโรส! มึงชอบด่ากูตอนเมา ที่แท้มึงแกล้งเมาแล้วหลอกด่ากูเหรอ" พี่เขยหันไปจ้องหน้าพี่โรสด้วยแววตารู้ทันขณะพี่โรสกำลังรูดซิปเสื้อกันหนาวถึงคอ

    "ทำบ่น งั้นคืนนี้มึงไม่ต้องเอา"

    "แหมทำขู่ กูเอา..."

    ญาติฉันไม่มีแผ่วกันสักคน

    นี่ขนาดญาติพี่น้องไม่มีใครรู้ว่าฉันตกลงแต่งงานกับคุณภาคเพราะอะไร เป็นรักข้างเดียวหรือรักแท้ในคืนหลอกลวง แต่ก็สนับสนุนฉันทุกทางเพื่อให้ฉันมีลูกเป็นของตัวเอง

    สุดท้ายฉันก็แกล้งเมาได้แค่ครึ่งทาง ไม่รู้จะทำยังไงถึงตีเนียนบอกรัก ปกติเป็นแต่ด่าและเถียงกันคล้ายลิ้นกับฟันที่อยู่ด้วยกันก็กัดแทะแซะเก่งมาก โกรธและหายไปเองโดยไม่ต้องง้อ พอจะทำแผนบอกรักแกล้งมึนขอจูบสักครั้งแต่กลับหาจังหวะไม่ได้ พอโดนชิงจูบก่อนก็ไปไม่เป็นเลยไง

    รู้สึกอึ้ง ตกใจ ใจเต้นแรงเร็วระรัวราวกับมีคนมาตีกลองยาวแถวบ้านแล้วลุกขึ้นมาเต้นโยกเยกไปตามจังหวะ มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก ดีนะที่ฉันฉลาดหัวไวพลิกสถานการณ์ได้ฉับพลัน ด่าแก้เขินทำหน้าไม่พอใจ

    ก่อนหน้านี้ฉันเตรียมใจจะเป็นคนเมาแล้วกอดจูบคุณภาค จากนั้นก็จะตีเนียนสารภาพรักเหมือนนางเอกในละครหลังข่าว ซ้อมบทคิดสถานการณ์ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้เตรียมใจให้คุณภาคมากอดจูบฉัน พอเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด ก็รู้สึกผิดคาด ทำตัวพลาดลืมบทเมา ลืมบทจูบ ลืมบทบอกรัก

    โอ๊ยน้อ...หยังมาซึ่งตึง (ทำไมทึ่ม)

    แม้เมื่อคืนวานแผนฉันจะไม่สำเร็จ เราสองคนไม่มีอะไรกันเกินกว่านอนกอด แต่การเมาของฉันก็ทำให้ฉันกับคุณภาคนอนด้วยกันสองต่อสอง โชคดีที่แม่ไหวพริบต่ำ ตามลูกไม่ทันจึงพาเด็ก ๆ ไปนอนด้วย หากถามว่าการนอนกับคุณภาครู้สึกอย่างไร ตื่นเต้นมากไหม ตอบเลยว่ามาก 

    ตอนแรกก็ขี้เก็กนอนห่างกัน แต่ตอนตื่นนอนกลับกอดกันกลมเป็นแท่งปาท่องโก๋อย่างกับสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันแน่ะ

    เมื่อคืนน่าจะหนาวมากแน่ ๆ เลยทำให้เราสองคนหาที่อบอุ่นให้ร่างกาย อาจเพราะความหนาวเย็นนั้นอุณหภูมิต่ำจึงทำให้ความกดอากาศสูงจึงผลักให้เราสองคนหันหน้าเข้าหากัน มือเกี่ยวกอดกันเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

    ฉันเปิดเปลือกตามองดูคุณภาคที่นอนกอดฉัน ก่อนที่ฉันจะขยับตัวซุกเข้าไปในอ้อมอกหนาล่ำของเขาอย่างฉวยโอกาส ช่องว่างเล็กน้อยก็อยากขับไล่จนไม่เหลือที่ว่างให้ใครมาแทรก แม้เมื่อคืนจะทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้อยากจะหยิบจับช่วงเวลาดี ๆ เก็บใส่ความทรงจำตุนไว้เยอะ ๆ

    ฉันกำลังจะเป็นนางเอกปิดตาพริ้มอมยิ้มหวานพิงขมับและข้างแก้มแนบชิดอกแกร่งแน่นปึ๊กของคุณภาคที่ยามนอนดูเป็นเทพบุตรลงมาจุติบนโลกมนุษย์ยามตื่นเป็นปีศาจจะกัดหัว พ่อก็ไม่รู้เวลาเดินมาเคาะประตูห้องเสียงดังโครมครามแต่เช้า

    "กำนันภาคไปสวนทำเล้าไก่กัน"

    ทันใดนั้นคุณภาคก็เปิดเปลือกตาแทบจะทันที หูปีศาจของเขาทำงานไวอย่างกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แล้วตอบกลับพ่อฉันว่า "ครับพ่อ สักครู่นะครับเดี๋ยวผมตามไป"

    ฉันที่ซุกตัวอยู่ในอกคุณภาคเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนขอร้องให้เขานอนต่ออีกหน่อย อากาศมันหนาวจะขยันทำงานอะไรขนาดนั้น ไม่เห็นเหรอว่าท้องฟ้ายังปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาครึ้ม ขณะเดียวกันคุณภาคก็ก้มมองดูฉันเพียงปราดตาเขาก็ปิดตาลงแล้วจูบลงที่หน้าผาก อ้อมแขนที่ขึ้นกล้ามแน่นจากการยกของแบกหามกระชับกอดตัวฉันให้เข้าไปหาแน่นขึ้น

    นี่ฉันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองใช่ไหม คุณภาคเขาจูบที่หน้าผากฉัน เขากอดฉันจริง ๆ เหรอ 

    เมื่อคืนฉันคิดว่าตัวเองโดนคุณภาครังแก เหตุน่าจะเกิดจากคุณภาคจับพิรุธว่าฉันแกล้งเมาจึงจูบให้ฉันตกใจเล่น จากนั้นก็ดุแก้เขินเหมือนที่ฉันชอบทำ หรือว่าฉันคิดมากเข้าข้างตัวเองกันนะ

    เรื่องเมื่อวานก็ส่วนเรื่องเมื่อวาน ช่างมันเถอะ ตอนนี้สิสำคัญมาก ฉันอยู่ในอ้อมกอดเทพบุตรมนุษย์ปีศาจที่กำลังหลับใหล แม้หนาวกายแต่กลับอบอุ่นหัวใจเหลือเกินแม่จ๋า

    เมื่อเครื่องติดใครกันจะปล่อยผ่าน ฉันรีบยกขาขึ้นแล้วหนีบตัวคุณภาคเอาไว้แน่น มือกอดกระชับไม่ให้เขาออกห่าง ส่วนขาอีกข้างก็เย้าแหย่สอดเข้าไประหว่างขาทั้งสองข้างของคุณภาค แต่ใครจะไปคิดว่าอากาศหนาวยามเช้าตรู่แบบนี้คุณภาคจะปล่อยให้น้องชายแข็งขืนสู้ต้นขาฉัน จังหวะนั้นไม่ต้องมีใครพูดหรืออธิบายความเพิ่มก็เข้าใจความหมาย 

    โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าอะไรแข็ง หรือตกใจเป็นนางเอกไร้เดียงสา นี่มันอะไรคะ? ไอ้แข็ง ๆ นั่นกระดูกคุณเหรอ หรือว่าหัวแม่ตีนมันขึ้นมาอยู่กลางกาย โอ๊ย! นักเขียน NC อย่างฉันที่ดูคลิปโป๊นับพันเห็นมาหลายท่อนไม้ท่อนซุงคงไม่ต้องบรรยายเพิ่มว่าอะไรของผู้ชายมันแข็งยามเช้าตรู่ แล้วตีหน้าใสซื่อถามคุณสามีปีศาจ

    หากเป็นแบบนั้นเขาคงเขกมะเหงกใส่หน้าผากหนึ่งดอก โทษฐานตอแหล

    เราสองคนสบตากันอีกหนโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่ฉันจะยกยิ้มกระหยิ่มขึ้นสายตาหื่นกามส่งออกไปอย่างไม่ปิดบัง ฉันพร้อมแล้วคุณภาคพร้อมเถอะ ฉันชิงจูบคุณภาคก่อนโดยไม่ต้องให้สามีต้องกระดิกนิ้วเรียกเหมือนสั่งเรียกหมา อารมณ์มันพาจะยับยั้งได้อย่างไร ก็เขาคือสามีฉันแล้ว ฉันจะเขมือบกินตอนเช้าหลังแต่งงานมาหนึ่งปีก็ไม่น่าจะผิดหรอก 

    ตำราท่านว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว แต่กับผัวถ้าเขาสะกิดและมองตาต้องรู้ใจ กลืนได้กลืน กินได้กิน ของขาดหรือขาดของไม่ทราบเช้าท้องว่างต้องกินไส้กรอกรองท้อง

    ปากแห้งผากของเราสองคนประกบกันอย่างไม่รอช้า แขนกำยำของคุณภาคกระชับกอดฉันรั้งตัวบอบบางไปทางอวบนุ่มนิ่มเข้าไปใกล้จนฉันต้องขยับขาแหย่รั้งแก่นกลางของคุณภาคเล่น คุณภาคแข็งสู้ฉันก็สู้ไม่เคยกลัว 

    ลิ้นเปียกชื้นไร้ซึ่งการแปรงฟันพันเกี่ยวห่อดูดกันอย่างดูดดื่มจนน้ำลายเอ่อล้นมายังขอบปากแต่ก็ยังไม่มีใครพะวงสนใจ มืออุ่นเลื่อนเข้าไปในสาบเสื้อตัวใหญ่ของฉันผ่านทางข้างหลังแล้วลูบแผ่นหลังอย่างเบามือสร้างความรู้สึกเสียววูบวาบหวิวจนขนลุกขนชัน ก่อนรั้งมือลูบที่เอวคอดของฉันด้วยปลายนิ้วอย่างอ้อล้อคลอเคลีย

    ฉันถอนริมฝีปากออกจากคุณภาคมองเขาอย่างสับสน จะทำกันจริง ๆ ใช่ไหม ตอนเช้าเลยนะ หนาวนะ แน่ใจแล้วก็ลงมือจัดมาเลย สัญญาบ้าบออะไรลืมไปก่อน ไม่มีเรื่องบนเตียงก็ลากไปทำที่พื้นได้ คุณภาคว่าอย่างไรฉันก็จะว่าอย่างนั้น 

    เมื่อวานเราสองคนเดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ตื่นเช้ามากลับเริ่มต้นด้วยดีเลิศสมการรอคอย แม้แผนที่คิดร่วมกันกับพี่โรสจะได้ผลช้าไปสักหน่อยแต่ได้กันตอนเช้าก็ถือว่าได้แล้วไหมล่ะ เหมือนเดือนนี้ไม่ถูกหวยแต่สองปีข้างหน้าอาจถูกหวยก็ถือว่าถูกเหมือนกันนั่นล่ะ

    ช่างกล้าเปรียบ!

    แม้อกฉันจะไม่ฟูฟ่องพองโตเท่าคุณส้มที่ผู้หญิงด้วยกันเห็นยังอิจฉา แต่อกฉันก็แม่ให้มาพอจับแบบหยุมหยิมมีเนื้อติดมือให้คลายเหงา อกผู้หญิงอย่างเรามีพื้นที่สำหรับเกาะอกยึดติดไม่หยุดถึงเอวก็นับว่ามีเนื้ออกไม่ใช่เหรอ นี่แหละเขาเรียกว่าผู้หญิงน่าค้นหา

    เชิญค่ะ... คุณปีศาจเชิญมาค้นหาร่างกายฉันได้เลย

    มืออุ่นนุ่มของฉันกำลังจะเคลื่อนทัพลงไปส่วนล่างกลางเรือนร่างของปีศาจร่างกายกำยำสูงใหญ่ ในขณะที่มือสากอุ่นก็ลูบไล้ตามเนื้อผิวจากเอววนที่หน้าท้องฉันด้วยปลายนิ้วก่อนจะหยุดตรงใต้อกของฉัน แต่แล้วก็ต้องชะงักมือทันควันสายตาจ้องกันและกันแม้ลมหายใจอุ่นยังคงหอบกระหายร่างกายพันเกี่ยวไม่คลายออกห่าง

    เสียงแม่ลอยเข้ามาในห้องโดยไม่รู้จังหวะและเวลาเหมือนพ่อเป๊ะ เสียงร้องไห้ของเด็กตัวเล็กก็ดังกระจองอแงตามมาติด ๆ "พะแพงกับพลับพลึงตื่นแล้ว พะแพงเรียกหาพราว ๆ ตลอดเลย" 

    แม่ไม่เพียงแค่พูดแต่กลับบิดลูกบิดประตูแกร็ก ๆ ฉันสะดุ้งตกใจกลัวแม่เปิดประตูเข้ามาในห้องจึงใช้มือบีบไข่สองใบของคุณภาคเต็มสองมือ

    มือคุณภาคยังไม่ได้สัมผัสเนื้อนุ่มส่วนอวบอิ่มของฉัน แต่ฉันก็ทำร้ายร่างกายเขาจนร่างใหญ่ที่นอนตะแคงงอตัว ตาเฉี่ยมคนดุหยีเล็กลงจนตาปิด ปากบางได้รูปเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงแทบไม่เห็นเนื้อปาก

    ฉันทำอะไรผิด ก็มือมันกระตุกนี่นา ทำตัวไร้เดียงสาไม่รู้ตัวว่าบีบจุดสำคัญหน่อยได้ไหมนะ

    "ตื่นแล้ว พะแพงรอแม่แป๊บนะลูก"

    ฉากรักปิดลงไวอย่างกับสายฟ้าฟาด ใครจะไปรู้ล่ะว่าเมื่อคืนคุณภาคล็อกห้องไว้ ฉันก็เข้าใจว่าแม่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาในห้องน่ะสิ ใครกันจะอยากให้แม่เห็นว่ากำลังจะเข้าได้เข้าเข็ม เกือบไปแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×