ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรักภูมะขาม [Search Love]

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 9 นักปั้นฝัน [1]

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 65


                    ผมมองพราวที่นอนตัวสั่นใต้ร่างผมเหมือนหนูโดนแมวใหญ่ขยุ้ม “หายสะอึกหรือยัง”

    “ฉวยโอกาส” พราวผลักผมให้ออกห่างจากตัวเธอ เธอดิ้นพรวดพราดใต้ร่างผมเหมือนหนูติดจั่นหาทางออกไม่ได้ “บอกให้ไปเอาน้ำไง ไม่ได้ให้มาจูบสักหน่อย” ขณะพูดก็เม้มปากดุ๊กดิ๊กเหมือนหนูตะเภาน่ารักน่าชัง

    “พูดเพราะ ๆ สิ” ผมดัดเสียงเป็นผู้หญิงทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน ก่อนจะยักคิ้วให้คนที่นอนฟังด้วยใบหน้าเหยเกเบ้เบี้ยวจนคิ้วเรียวเข้มกระตุกยกขึ้น “พี่ภาคขา พราวหิวน้ำ เอาน้ำให้พราวหน่อยได้ไหมคะ”

    “ไม่! ไอ้ใจปีศาจ ไร้ความเป็นมนุษย์” ผมทำหน้าบึ้งตึงเมื่อได้รับคำด่าเป็นหนที่สอง พราวรีบเม้มปากถลึงตามองผมก่อนหรี่ตาลงแล้วยิ้มจนตาหยี “เมาน่ะ พูดไม่มีสติหรอกค่ะ พระท่านว่าอย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา พรุ่งนี้พราวก็ลืมแล้วว่าด่าอะไรไป ดังนั้นไม่ต้องถามหรือดุต่อนะ...นะคะ”

    เป็นคนแสดงออกทางสีหน้าแววตาชัดเจนและแก้ตัวน้ำขุ่นได้ตลกมากเสียจริง ออกตัวแรงแต่แสดงออกว่าขณะพูดมีสติ และกลัวโดนผมดุ

    ผมใช้หลังมือเกลี่ยแก้มของพราวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตา แม้กระทั่งดวงตาที่แน่วแน่ดุคมราวกับอยากจิกคนมองให้พรุนเป็นแผลตอนนี้ก็หวานหยาดเยิ้มยิ่งดูก็ยิ่งน่าหลงใหล คนอะไรยิ่งอยู่ด้วยแม้ไม่ต้องพูดคุยแค่พบหน้าก็ทำให้สบายใจ รู้สึกปลอดภัยและพึ่งพาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหักหลัง

    “เดี๋ยวพราวจะไปกินน้ำแล้วก็อาบน้ำ” พราวพยายามจะลุกออกห่างจากผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไม่ปล่อยเธอให้ห่างจากตัวเองตรงกันข้ามครั้งนี้ผมเลือกที่จะนอนข้าง ๆ แล้วโอบกอดพราวเข้ามาใกล้ตัวเชื่องช้าแต่แนบชิด มือสากของผมเลื่อนขึ้นจัดผมที่ปิดหน้าพราว สายตายังคงจับจ้องมองพราวไม่ห่าง

    “ทำไม...กลัวอะไร แต่งงานกันแล้วนี่”

    “แต่เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่มีเรื่องบนเตียง”

    “ทำบนพื้น หน้าทีวี ห้องครัว ในห้องน้ำหรือระเบียงก็ได้นี่ ไม่มีเรื่องบนเตียงแน่นอน”

    “โอ๊ย! มุกไม่จอยเลย” พูดจาไม่อ่อนหวานแต่หน้าตากลับยิ้มอรุ่มเจ๊าะเยาะเย้ย

    เขินก็บอกเถอะ เห็นแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ ได้แต่ยกมือขึ้นบีบจมูกแล้วดึงส่ายเล่นเบา ๆ

    “เห็นดั้งน้อยเลยจะดึงให้หรอคะคุณกำนัน”

    “เห็นดั้งแหมบ เลยสงสัยว่าหายใจยังไงน่ะ”

     พราวปัดมือผมให้ออกห่าง ก่อนจะหันหน้ามามองแล้วถอนหายใจ “ใครจะเหมือนคุณล่ะ ดั้งโด่งเป็นพิน็อกคิโอ สงสัยจะชอบโกหกเก่ง”

    “ใช่...โกหกเก่ง โกหกหลายเรื่อง จมูกก็เลยโด่งดูดีเหมือนพระเอกดังฮอลลีวูดแบบนี้แหละ”

    “โอ้-มาย-กอช” พราวเน้นเสียงเชอะทิ้งท้ายจนน้ำลายกระเด็นโดนจมูกผม “หลงตัวเองเก่งมากพ่อ”

    “คุณไม่คิดว่าผมหน้าเหมือนโรเบิร์ต ดาวนีย์ฉบับเอเชียเหรอ” พราวลุกขึ้นโดยใช้มือดันที่เตียงเอนตัวมองผมเล็กน้อย “ตอนผมเรียนมีแต่คนทักบอกว่าผมเหมือนเขามากนะ”

    “ห่างไกลหลายพันไมล์” พราวส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหัวเราะก่อนจะทิ้งตัวนอนลงทับกล้ามแขนผมดังเดิม พอนอนลงยังไม่ถึงสามวิเธอก็ลุกขึ้นแล้วมองไปรอบห้อง “ลูก...ลูกไปไหน พะแพงกับพลับพลึงล่ะคะ”

    “พะแพงกับพลับพลึงไปนอนที่ห้องแม่”

    “อ่าว! พราวอยากนอนกอดพะแพง ไม่ได้...พราวจะ” ไม่ทันที่แม่ตัวดีจอมยุ่งจะลุกพรวดพราดเดินออกห้องผมก็รั้งตัวเธอเข้ามากอดแล้วโน้มตัวให้เธอนอนราบไปกับเตียง

    “นอนกับผมที่ห้องนี้แหละ เด็ก ๆ นอนแล้ว ถ้านอนไม่หลับเพราะอยากกอดพะแพง คุณกอดผมก่อนก็ได้นะ ผมไม่ถือ ไม่แน่อาจจะฝันดีกว่านอนกอดพะแพง”

    “นอนกอดคุณภาคน่ะเหรอ” พราวเบ้ปากมองผมอย่างแขยงก่อนยิ้มออกมาแล้วพูดต่อว่า “ฝันร้ายกว่าเดิมแน่นอน”

    “แต่ผมฝันดีทุกครั้งที่ได้กอดคุณนะ”

    “อย่ามามั่ว...เคยกอดนอนแค่ครั้งเดียว” พราวมองหน้าผมแล้วเงียบเสียง เราสองคนต่างก็นับนิ้วความสัมพันธ์เหมือนกันใช่ไหม

    “พราวว่าพราวออกไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีกว่า รู้สึกมึน ๆ”

    “ตกใจที่ผมจูบจนสร่างเมาเลยเหรอ”

    “นี่คุณภาค!” พราวรีบยกมือขึ้นปิดปากผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ “พูดเบา ๆ สิคะเดี๋ยวพ่อแม่ก็ได้ยินหรอก”

    “ตอนคุณด่าผมลั่นบ้าน ผมคิดว่าทั้งหมู่บ้านน่าจะได้ยินแล้วล่ะ”

    พราวรีบทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วขยับให้ห่างผม แขนขาอ้ากว้างคล้ายอยากยึดพื้นที่บนเตียง “โอ๊ยเมา! เมาไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้อะไรเลย หิวน้ำจัง หิวน้ำใจจะขาดแล้ว”

    นอกจากเป็นนักเขียนที่สร้างจินตนาการเก่งแล้ว ยังเล่นบทบาทสมมุติได้สมจริงมากเหลือเกิน

    ผมมองดูคนที่แกล้งเมาแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอ ทำได้เพียงส่ายหน้าไม่ติดใจเอาความ ก่อนจะลุกจากเตียงออกจากห้องเพื่อไปหยิบขวดน้ำพร้อมแก้วมาให้ภรรยาเจ้าบทบาทได้ดื่มดับกระหายจะได้หยุดโวยวายและเล่นละครเสียที

    กลางคืนที่เงียบสงัดของชุมชนในต่างจังหวัดทำให้ผมหวนนึกย้อนไปถึงวันที่ผมอ้างว้างจากการที่พ่อแม่เลิกกัน ต่อมาไม่นานนักแม่ก็เลือกที่จะปิดชีวิตของตัวเองลงด้วยเชือกหนึ่งเส้น นิสัยของผมช่วงนั้นคือดื่มหนักและทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่หากมีเวลาว่างจากการทำงาน นั่งพักผ่อน เข้าห้องน้ำหรือก่อนนอน ผมจะเปิดอ่านเรื่องที่ผมสนใจ เช่น ข่าวบอล ข่าวเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงแอปอ่านการ์ตูนออนไลน์ นิยายออนไลน์ในหมวดกำลังภายใน สืบสวนหรือแฟนตาซี แล้วแต่ว่าช่วงนั้นแอปพลิเคชันจะโปรโมตเรื่องอะไร ผมก็จะคลิกเข้าไปอ่านเรื่องนั้นเพื่อคลายเครียด หากเป็นช่วงประถมหรือมัธยม สถานที่ที่ผมไปบ่อยที่สุดก็คือร้านเช่าหนังสือ แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เว็บไซต์และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับ E-book หรือหนังสือออนไลน์ก็กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผมสามารถเข้าถึงง่ายโดยไม่ต้องไปร้านหนังสือเพื่อเช่าอ่านเหมือนในอดีต

    นิยายออนไลน์ในหมวดรักโรแมนติกที่ผมคลิกเข้าไปอ่านในวันที่หมดหวังจากความรักเพราะโดนคนทอดทิ้งให้รู้สึกอ้างว้าง กลับเป็นพลังสร้างแรงบันดาลใจให้ผมสร้างฟาร์มในสวนมะขาม เมื่อบังเอิญได้พบนักเขียนที่ตามอ่านนิยายและทำความรู้จักส่วนตัวก็อยากได้เป็นภรรยา

    ในนิยายสร้างนางเอกทำกับข้าวเก่ง จนสามีหลงรักรสปลายจวัก ชีวิตจริงกลับทำกับข้าวไม่ได้เรื่อง มีกี่กระทะ กี่หม้อก็ไหม้จนในครัวแทบไม่เหลืออุปกรณ์สวยงามไว้ทำอาหาร จะทอด ผัด หรือต้มก็สามารถทำให้อาหารมีกลิ่นไหม้ได้เสมอ

    ชีวิตจริงเป็นนักเขียนหัวร้อน เจ้าอารมณ์ เสียงดังโผงผาง ขี้โวยวาย ชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน เป็นป้าข้างบ้านที่วัน ๆ อยู่แต่ในบ้านแต่กลับรู้เรื่องของทุกคนในชุมชนราวกับไปติดกล้องวงจรปิดบ้านเขา ในนิยายกลับสร้างให้นางเอก ใจเย็น น่ารักน่าเอ็นดู แม้จะเอาแต่ใจแค่ไหนแต่ก็มีคนรักใคร่

    เมื่อได้อ่านผลงานนิยายของพราวโดยบังเอิญ ได้เห็นความคิดการอ่านผ่านตัวหนังสือที่พราวพยายามบอกเล่า ผมจึงรู้และเข้าใจพราวมากขึ้น พระเอกที่เธอเขียนอยู่ในนั้นทำให้ผมอยากเป็นเขาจนเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเมื่อได้ตามอ่านนิยายของพราวอย่างเงียบ ๆ ก็พบว่าเรื่องราวของเราสองคนได้บอกต่อในนิยายของเธอ

    หนึ่งปีก่อนที่เราจะพบกัน ณ ร้านอาหาร...

    “ไอ้ภาค! มึงอ่านนิยายรักรสสตรอว์เบอร์รีของผู้หญิงด้วยเหรอวะ”

    “ก็ลองอ่านดู  เห็นแอปมันแนะนำมาน่ะ มันจำกัดแค่ผู้หญิงอ่านได้หรือไง” ผมสูบบุหรี่ปล่อยให้ควันลอยฟุ้งไปตามลมทะเล วันนั้นผมไปฉลองวันเกิดเพื่อนแต่กลับรู้สึกไม่สนุก จึงลากเก้าอี้ไปนั่งสูบบุหรี่ที่ริมสระน้ำใกล้ชายหาด “ว่าแต่...มึงรู้ได้ไงว่ากูอ่านเรื่องนี้”

    “กูเห็นนิ้วมึงจิ้มที่รูป แวบเดียวกูก็จำได้ละ เพราะเมียกูอ่านเรื่องนี้เหมือนกัน อีกอย่าง...เมื่อวานกูยืมมือถือมึงมาโทรแล้วมันก็ขึ้นแจ้งเตือนที่มือถือพอดี ว่าจะแซวมึงแต่ก็ลืม”

    “กูก็อ่านไปเรื่อยแหละ แต่พอดีว่าเรื่องนี้พื้นหลังภาพเหมือนที่ไร่มะขามของแม่ที่เชียงรายน่ะ ก็เลยอ่านไปงั้น”

    “เดี๋ยวกูถามเพจนักเขียนจากเมียให้ เผื่อมึงสนใจตาม”

    “อย่าเลย...ไปตามนักเขียนทำไม อ่านเฉพาะเรื่องก็พอแล้ว”

    พูดเหมือนไม่สนใจ แต่พออ่านนิยายก็ติดจนต้องตามนักเขียน ปรากฏว่านักเขียนอัปเดตภาพลงโซเชียลพร้อมไลฟ์ขายหนังสือ ผมเข้าไปดูไม่ถึงสามวัน ผมก็เจอนักเขียนตัวจริงที่ร้านอาหาร

    วันนั้นผมนัดรวมรุ่นกับเพื่อนมหาวิทยาลัย แต่ไม่คิดว่าจะโดนแฟนบอกเลิกพร้อมกับโดนน้ำสาดต่อหน้าคนอื่น แม้ก่อนหน้านี้จะมีเค้าโครงของการจากลาอยู่บ้าง แต่ผมก็หลอกตัวเองมาโดยตลอดว่าความรักของเรายังดีเหมือนเดิม

    เมื่อหันไปยกมือไหว้และก้มหัวขอโทษเจ้าของแก้ว “ขอโทษแทนแฟนผมด้วยนะครับ ขอโทษครับ” ก็พบว่าคนที่นั่งโต๊ะนี้คือนักเขียนนิยายรักรสสตรอว์เบอร์รีที่ผมอ่านและติดตามอยู่

     

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

         เรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง...ไรท์มโนเอานะทุกคนนนนนนนน 55555+ อย่าสับสนว่าคือไรท์เด็ดขาด อ่านขำ ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×