คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ยัยโง่ที่จมในรัก [1]
ฉันนอนไม่หลับเลยแม้ร่างกายจะเหนื่อยและเจ็บหนักหน่วงช่วงล่างแค่ไหนแต่ก็นั่งเล่นมือถือไลน์หาฟ่างในช่วงเวลาตีสอง เพราะฉันรู้ว่าตานั่นยังไม่นอนแน่ เผลอๆ อาจจะเพิ่งกลับจากบาร์ด้วยซ้ำ
ข้าวปุ้น: ว่างเปล่า? มีเรื่องจะปรึกษา
หลังจากที่เสิร์จดูข้อมูลการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วฉันก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงหรือจะบอกฟ่างดีไหมนะ เพราะการกินยานี้จะต้องกินไม่เกิน 3 วันหรือ 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
จะบ้าตาย! ยิ่งอ่านดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ยิ่งเครียด ข้อมูลระบุว่ายาคุมฉุกเฉินมันให้ผลรับรองไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าแม้ยาคุมฉุกเฉินจะสามารถควบคุมเรื่องท้องได้แต่ฉันก็ยังมีโอกาสที่จะท้องได้อยู่ดี
บางกระทู้ยังบอกด้วยว่ายาคุมฉุกเฉินจะบีบมดลูกของเรารุนแรงและกะทันหันซึ่งส่งผลกระทบกับรังไข่และมดลูก บ้างก็บอกว่ายาพวกนี้กระตุ้นเซลล์มะเร็งให้เกิดขึ้นในรังไข่ได้ด้วย กินมากๆ ก็มีผลทำให้ระบบสืบพันธ์สร้างฮอร์โมนผิดปกติ แถมยังเสี่ยงว่าจะท้องนอกมดลูกอีก
โอ๊ย! เกิดเป็นผู้หญิงทำไมลำบากจังวะ นอกจากจะต้องระวังตัวจากผู้ชายแล้ว พอพลาดมาก็มานั่งเครียดกับเรื่องอะไรแบบนี้อีก ทั้งๆ ที่ตอนทำก็ทำกันสองคนแท้ๆ แต่คนเครียดกับเป็นฉันคนเดียวเนี่ยนะ ตาโซ่บ้านั่นคงลอยหน้าลอยตา นอนหลับตากแอร์เย็นๆ ไปแล้ว แต่ฉันนี่สินอนพลิกตัวไปมาจนจะเป็นไส้กรอกพันเบคอนอยู่ละ
จากที่ไม่เคยศึกษาหาอ่านเรื่องยาคุมก็ต้องมานั่งอ่าน นั่งทำความเข้าใจ จนไม่ได้หลับได้นอน
สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจที่จะบอกฟ่างและขอคำปรึกษาจากมันจนได้ เพราะยังไงก็คุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้วทำไมฉันจะต้องมานั่งเครียดเรื่องแบบนี้คนเดียว แต่ฉันก็ก่อเหตุเองนี่ แล้วไงใครสน ครั้งก่อนมันยังมาปรึกษาฉันเรื่องไปเอากับผู้หญิงในผับแล้วนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ใส่ถุงยาง มันก็เครียดกลัวทำเขาท้องแล้วต้องรับผิดชอบ
ตอนนั้นฉันเลยขอคำปรึกษาพี่เมส พี่เมสแนะนำให้ซื้อยาคุมฉุกเฉินให้เธอคนนั้นของฟ่างกินน่าจะช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง ให้ตายเถอะ! ไม่คิดว่าข้อความที่ฉันบอกฟ่างในวันนั้นฉันจะต้องมาถามฟ่างในวันนี้
ฉันรอฟ่างตอบกลับกว่า 10 นาที
ข้าวฟ่าง: มีอะไร กำลังจะนอน ฟุ้งซ่านเหรอ
ข้าวปุ้น: ไม่เชิง คืองี้ฉันพลาดท่าให้เพื่อนไปเมื่อกี้น่ะ เครียดว่ะ นอนไม่หลับ
ข้าวฟ่าง: เฮ้ยจริงดิ!
ข้าวปุ้น: ครั้งแรกที่มีอะไรกัน
ข้าวฟ่าง: ครั้งแรกก็งี้แหละไม่ต้องเครียด เดี๋ยวก็อยากกับเพื่อนอีกครั้งต่อๆ ไป 555
ข้าวปุ้น: ไอ้บ้า! เห็นฉันเป็นคนยังไงกัน
ข้าวปุ้น: แกพอจะรู้วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินไหม หรือไม่ก็ซื้อมาให้ที่คอนโดในวันพรุ่งนี้ให้หน่อยดิ ไม่กล้าแบกหน้าไปซื้อเองอะ
ข้าวฟ่าง: เดี๋ยวนะ ไม่ใส่ถุงเหรอ
ข้าวปุ้น: อือ
ข้าวฟ่าง: อย่าบอกว่าเมาแล้วได้เสียกัน
ข้าวปุ้น: ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า ตกลงจะซื้อมาให้ที่คอนโดไหม จะสอนกินปะ หรืออยากมาช่วยเลี้ยงหลาน
ฉันเริ่มโมโหขึ้น เมื่อรู้สึกคุยกับฟ่างแล้วโดนจี้เอาคำตอบที่ไม่อยากตอบ
ข้าวฟ่าง: ตอนคบกับพี่เมสไม่เคยกินเหรอไง เห็นตอนนั้นยังแนะนำอยู่เลยนี่
ข้าวปุ้น: ไม่เคย ก็บอกว่านี่ครั้งแรกไง
ข้าวฟ่าง: เวร! ครั้งแรกที่ทำกับผู้ชายเลยเหรอ
ข้าวปุ้น: เออสิ ก็บอกครั้งแรกๆ ไง
ข้าวฟ่าง: ก็เข้าใจว่าครั้งแรกที่ทำกับเพื่อน
ข้าวฟ่าง: นี่ไปเที่ยวหรือไปหาผัวใหม่ 555+
ยังจะหัวเราะอยู่อีก ไอ้น้องแฝดคนนี้นี่!
ข้าวปุ้น: ใจคอไม่ดีเหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นมันไม่รู้เป็นอะไรถึงได้ถลำลึกไปขนาดนั้น
ข้าวฟ่าง: เคลิ้มหรือไง
ข้าวปุ้น: เออดิ
ข้าวปุ้น: ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปน่ะ อยากประชดชีวิตแบบโง่ๆ
ข้าวฟ่าง: เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ถ้าเจอร้านขายยาจะแวะซื้อให้ แล้วนี่ปวดตรงนั้นด้วยหรือเปล่า
ข้าวปุ้น: ปวดดิ
ข้าวฟ่าง: เดี๋ยวซื้อยาแก้ปวดเผื่อให้หมดนั่นแหละ
ข้าวฟ่าง: ระวังตัวหน่อยดิวะเวลาไปเที่ยวกับพวกผู้ชายน่ะ อย่าไปไว้ใจใครให้มันง่ายนัก ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ ไม่เมาแล้วพลาดก็กินยาปลุกเซ็กส์ มันควบคุมอารมณ์ยากจะตาย
ข้าวฟ่าง: ว่าแต่ทำกับใคร ฟ่างหล่อสู้ได้ปะ
ข้าวปุ้น: อย่ามาหลอกถาม ไม่บอก!
ข้าวฟ่าง: ให้เดาเดี๋ยวปุ้นก็ทนไม่ไหวแล้วหลุดเล่าเองนั่นแหละ ระวังเป็นไข้ด้วยล่ะ ถ้าระหว่างทางแวะเซเว่นก็ซื้อยาพารากินไปก่อนนะ กันไว้ก็ดี
ข้าวปุ้น: อื้ม
ข้าวฟ่าง: พรุ่งนี้กลับกี่โมง ให้ไปหาไหม
ข้าวปุ้น: ออกที่นี่สายๆ อะ ไม่รู้กี่โมงตามเพื่อนไป
ข้าวฟ่าง: เอางี้ ถ้าออกเวลาใกล้ๆ กันก็โทรหรือไลน์มาบอกด้วย เผื่อเจอกันระหว่างทางกลับ จะได้รีบกินยาป้องกันเอาไว้
ข้าวปุ้น: อื้ม
ข้าวฟ่าง: นอนได้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก ไม่ท้องหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะไปหาร้านขายยาให้
ข้าวปุ้น: ขอบใจมาก
ให้ตายเถอะฉันเป็นคู่แฝดที่สร้างแต่ปัญหาให้น้องแฝดจริงๆ
เรื่องหัวใจก็ทำให้น้องเป็นห่วง ไหนจะเรื่องร่างกายที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวอีก ไม่รู้เว้ย! งงเหมือนกัน ตอนนั้นมันไวมาก ตั้งตัวไม่ทันว่ะ นึกแล้วก็ปวดใจชะมัด คนทำป่านนี้คงเข้านอนอย่างสบายอกสบายใจแล้วมั้งที่ได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อออกมาแบบนี้เนี่ย
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันเผลอนอนไปตอนไหนไม่รู้และตื่นมาก่อนเพื่อนๆ คนอื่นด้วยหัวที่หนักอึ้ง มีอาการเหมือนจะไม่สบายแบบที่ฟ่างบอกด้วยนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะว่ายน้ำตอนกลางคืนหรือว่าเรื่องความใจง่ายของฉันที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจพลอยทำให้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวไปด้วย
พอได้สตินึกคิดความรู้สึกผิดที่ได้ทำร้ายตัวเองโดยให้คนอื่นได้เชยชมร่างกายก็เข้ามาแทนที่จนรู้สึกหดหู่แบบไม่น่าให้อภัยก็แผดเผาฉันจนเส้นสมองตอนนี้แทบแตกอยู่แล้ว
ฉันนั่งเหม่อลอยที่ปลายเตียงสักพักก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวและเก็บของใส่กระเป๋าลากลงไปรอเพื่อนๆ ข้างล่าง โดยไม่คิดจะแต่งหน้าทำผมใดๆ
ข้าวปุ้น: ตื่นแล้วนะ เพื่อนๆ กำลังแต่งตัวและจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก จากนั้นจะกลับเลยไม่แวะที่ไหนเพราะบางคนติดฝึกงานวันจันทร์
ข้าวปุ้น: ได้ยาปะ?
ข้าวฟ่าง: ได้แล้วจ้า แกะใส่กล่องให้ด้วย กลัวใส่ซองเพื่อนจะสงสัย
ข้าวปุ้น: รอบคอบมาก
ปึก!! ฉันเดินชนใครคนนึงเข้าขณะที่ก้มลงเล่นมือถือและลากกระเป๋าจะไปนั่งโซฟาหน้าทีวีรอเพื่อน
“ขอโทษค่ะ”
พอเงยหน้ามาก็เจอกับสีหน้าและแววตาเรียบเฉยของเขา โซ่อีกแล้วเหรอ!
นี่คนบ้าอะไรจะเดินชนกันไปมาแล้วไม่พูดไม่จาหรือขอโทษอะไรสักคำแบบนี้วะ เขาเป็นอะไรที่ทำให้ฉันอยากจะกระโดดถีบมากเลย แค่เห็นหน้าเขาเพียงเสี้ยววิ เรื่องเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ ซิกแพ็กแน่นๆ ที่ฉันเผลอไปลูบและสัมผัสนั่น สายตาที่จ้องมาที่ฉันขณะร่วมกิจกรรมกัน ทำเอาฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว
ฉันหลุบตาลงเมื่อเห็นว่าโซ่กำลังจ้องฉันอยู่โดยที่ฉันไม่คิดจะสู้สายตาคมของเขาต่อ ในเมื่อไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ฉันเดินเลี่ยงไปอีกทางแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี โซ่เองก็เดินมานั่งที่โซฟาเช่นกันหลังจากที่เดินไปหยิบแป๊บซี่ในตู้เย็นมาดื่ม เขาเปิดทีวีทันทีเมื่อนั่งยวบลงที่โซฟาข้างฉัน โดยมีระยะห่างกันพอสมควร
ฉันก็อยากจะนั่งสงบๆ ไหมล่ะ นายจะมานั่งที่โซฟาตามทำไมไม่ทราบ ที่นั่งในบ้านก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ไปนั่งวะ ทำไมต้องเป็นโซฟาตัวนี้ด้วย
ลุกสิครับ เผ่นสิข้าวปุ้น! บอกเลยว่าฉันมองหน้าโซ่ไม่ติดเลย ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงในตอนนี้กันแน่ รู้แค่ว่าเราสองคนไม่ควรใกล้กันอีก
โซ่ก็เหมือนไฟ ฉันก็เหมือนน้ำมันใกล้กันก็ยิ่งติดไฟมีแต่จะแผดเผาให้รอบกายมอดไหม้ทำลายความสัมพันธ์กันเปล่าๆ เผลอๆ อาจจะทำร้ายจิตใจอีกคนที่เขาก็ไม่ได้มีความผิดไปด้วย
คนบ้าอะไรเอาแล้วก็ไม่รับผิดชอบ ขอโทษสักคำก็ไม่มี ไม่ถามอะไรสักอย่าง ไม่แม้แต่จะถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าฉันเป็นยังไงนอนหลับไหม ฉันจะถือว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายที่ไม่ควรเก็บเอามาคิดให้ว้าวุ่นหัวใจก็แล้วกัน นี่ฉันกำลังหวังอะไรจากคนแบบเขาวะ งงตัวเอง!
บ้าจริง ฉันไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้แล้วล่ะ ใจเต้นจนทำตัวไม่ถูกแม้จะเอามือถือขึ้นมาเล่นอยู่ก็เถอะ แต่ไม่ทันได้ลุกเสียงของเพื่อนมาร์คที่ชื่อบาสก็ดังขึ้น
“โซ่ตื่นเช้าจังวะ ปกติมึงไม่น่าตื่นเช้าแบบนี้นี่”
ฉันพอรู้จักบาสบ้าง เคยเห็นผ่านๆ เพราะบางทีเขาก็มากินข้าวเที่ยงกับเพื่อนในกลุ่ม แต่ก็ไม่เคยคุยด้วยเลยสักครั้ง มีก็แต่ยิ้มให้บ้างเมื่อเจอกัน
“ยังไม่ได้นอน”
“เป็นไรมึง เจอฤทธิ์ยาม้าศึกไปหน่อยนอนไม่ได้เลยเหรอ”
ฉันได้ยินเสียงของสองคนนี้สนทนากันซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันเลยจึงตัดสินใจลุกจากโซฟาลากกระเป๋าออกมาหน้าบ้าน ก้มลงใส่รองเท้า ไม่รู้ว่าฉันรีบไปไหม ในขณะที่กระเป๋าคนอื่นๆ ยังไม่มีใครลากมาวางหน้าบ้านเลยสักคน
พอใส่รองเท้าข้างหนึ่งเสร็จฉันก็หันหน้าเข้าบ้านหยิบกระเป๋าใบเล็กของตัวเองที่ลืมและวางเอาไว้ที่โซฟา
“เมื่อคืนไปเผด็จศึกที่ไหนมาวะ” ประโยคคำถามของบาสเล่นเอาฉันสะอึกและไม่คาดคิดว่าสายตาตัวเองจะไปประจบเหมาะกับสายตาของโซ่ที่มองผ่านฉันเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก
มาดเท่ๆ ของเขาที่เอาแขนพาดไว้ที่โซฟาเล่นเอาใจฉันเต้นรัว ไอ้บ้านี่ หุ่นก็ดี ซิกแพ็กเมื่อวานที่ฉันสัมผัสก็แน่นมาก ติดตาไม่หายเลย ยังจะมาทำท่าแบบนี้ปรายตามองมาที่ฉันก่อนจะตอบคำถามบาสอีก
“มึงจะอยากรู้ไปทำไม” โซ่ทำเสียงเข้มและทำสีหน้าไม่พอใจถามกลับบาส
“เอ๊า! ตอนเล่นเกมมึงได้ยาปลุกเซ็กส์ผสมแป๊บซี่ไปกินไม่ใช่เหรอวะ กูก็แค่อยากรู้ว่ามึงไปทำที่ไหนหรือว่าวเอา เพราะคุกกี้มันเป็นเจ้ามือจั่วไพ่อยู่ในห้อง แซวเล่นแค่นี้จริงจังไปได้” บาสตบบ่าโซ่เสียงดังด้วยมาดกวนๆ พร้อมกับหัวเราะ ทำให้พอดูออกได้ว่าเขาไม่ได้จริงจังในคำพูดมากนัก
แต่คำพูดของบาสทำเอาฉันหน้าถอดสีเลยทีเดียว หันหน้าไปมองดูโซ่ด้วยสายตาที่ยากเกินจะคาดเดาความรู้สึกของเขาได้ โซ่มองข้ามฉันไปเหมือนกับว่าฉันไม่ได้นั่งอยู่แถวนี้แล้วหันไปสนใจดูรายการการ์ตูนตรงหน้าแทน
ไอ้บ้านี่! สรุปแกเล่นเกมกับเพื่อนได้ยาปลุกเซ็กส์แล้วมาลงที่ฉันเนี่ยนะ เวรและซวยสุดของจริงเลยไอ้ปุ้นเอ๊ยที่มาเจอคนแบบนี้ นี่ฉันทำบุญบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปเหรอ อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ อยากประชดชีวิต เป็นไงล่ะ?? โซ่เห็นฉันเป็นที่ระบายอารมณ์แล้วก็ทิ้งน้ำเชื้อไว้เป็นของฝากอย่างมักง่าย
สุดท้ายก็มาลำบากฉันต้องกินยา หาทางป้องกันหลังจากเหตุได้เกิดขึ้นไปแล้วอีก คงไม่ดีแน่ถ้าฉันจะต้องมานั่งเลี้ยงลูกของผู้ชายที่ไม่รู้จักมักจี่แบบนี้
เข็ดแล้วเว้ย!
ฉันตัดสินใจแบกหน้าบางของตัวเองเดินจ้ำอ้าวไปใส่รองเท้าอีกข้างที่นอกบ้าน ตั้งใจว่าจะลากกระเป๋าไปรอที่ลานจอดรถแทน แต่ก็ต้องหยุดการกระทำเมื่อเสียงเรียกของปุยฝ้ายและมาร์คที่ลากกระเป๋าลงมาจากบันไดทักฉันเสียงดัง
“ข้าวปุ้น แกจะรีบไปไหนวะ เพื่อนๆ ยังไม่ลงมากันเลยนะ”
“เออคือ...จะไปเดินเล่นริมหาดน่ะ”
“อืมไปด้วยๆ รอหน่อยดิ”
ยัยปุยฝ้ายเรียกฉันไม่ดูจังหวะเลย แถมยังวิ่งมาลากฉันกลับไปนั่งที่โซฟาและพาไปนั่งข้างๆ โซ่อีกต่างหาก จากนั้นก็วอแวไหว้วานให้ฉันทำผมและถักเปียสวยๆ ให้ก่อนไปเดินทะเล ที่นั่งตรงอื่นก็มีตั้งเยอะทำไมไม่นั่งกันนะ ทำไมต้องโซฟาตัวนี้ด้วยเนี่ย
“ไปนั่งทำผมในครัวกันเถอะแก” ฉันทำท่าจะลุก ในขณะที่ยัยปุยฝ้ายจับแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม
“นั่งนี่แหละ ไปทำไมในครัว อยากดูทอมแอนเจอรี่”
“แต่ว่า...”
ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อยัยปุยฝ้ายก็ทำหน้าสงสัยและเอามือมาจับที่คางฉันให้เอียงไปทางขวาซึ่งมันก็คือทางที่โซ่นั่งพอดี แต่เขาก็ไม่ได้สนใจฉันเพราะดูทีวีเงียบๆ แขนก็ยังคงพาดกับเบาะพนักพิงอยู่เหมือนเดิมเหมือนโอบกอดฉันจากทางข้างยังไงยังงั้น ทั้งๆ ที่เขาก็ทำท่านี้อยู่แล้ว ฉันเองต่างหากที่ถูกปุยฝ้ายลากมานั่งทีหลัง
“เดี๋ยว!! คอแกไปโดนอะไรมาวะ เป็นจั้มแดงๆ แปลกๆ” ปุยฝ้ายที่ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งที่พื้นจ้องที่คอของฉันนิ่ง
รอยอะไร? อย่าบอกนะว่าเป็นรอยดูดของโซ่น่ะ เมื่อเช้าก็มึนๆ ไม่ได้สำรวจหน้ากระจกอะไรด้วยสิ
ฉันรีบเอามือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้าส่องดูรอยที่คอ เวรตะไลแล้วรอยแดงสองจุดประทับที่คอแถมยังเห็นชัดด้วย เฮือก!! จะตอบฝ้ายว่าไงดีล่ะเนี่ย ฉันปรายตาไปมองโซ่ที่นั่งข้างๆ เขายังคงดูทีวีอย่างเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าหรือแววตาที่ตกใจใดๆ ต่างจากฉันที่เป็นกระต่ายตื่นตูม ทำท่ารุกรี้รุกรนอย่างเห็นได้ชัด กลัวความลับจะแตกจริงๆ
“รอยมดไม่ก็ยุงหรือเปล่า เมื่อวานซื่อบื้อลงไปว่ายน้ำเที่ยงคืน ไม่โดนยุงหามตายคาสระ ไม่ก็โดนผีดึงขาก็นับว่าดีแล้ว” มาร์คพูดพร้อมกับนั่งลงทีโซฟาแทนบาสที่เพิ่งลุกออกไปคุยโทรศัพท์
ขอบใจมากมาร์ค ฉันรักแกก็วันนี้แหละเว้ย ปกติกัดกันกับฉันอย่างกับหมา
“ไอ้โซ่บ้านนี้มียาหม่องไหมวะ”
มาร์คหันไปถามโซ่ที่นั่งเงียบ ฉันรีบปล่อยผมที่ถูกมัดเป็นหางม้ายาวลงมาปิดรอยทีคอทันที
“มีมั้ง”
“ไอ้นี่ บ้านมึงเองแท้ๆ ดันตอบมั้ง ตกลงมีหรือไม่มี”
เดี๋ยวนะนี่บ้านโซ่เหรอ ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้เนี่ยนะ OMG ฉันนึกว่าบ้านให้เช่าริมชายทะเลเสียอีกหรือว่าเขาก็เปิดบ้านให้เช่าด้วย แต่มันใช่เวลามานั่งตั้งคำถามอะไรแบบนี้ไหม
ช่างมันเถอะ!
“ไปหาในตู้ยาดิ”
“กูเป็นแขกบ้านมึงนะ มึงก็ไปหาสิ ตู้ยาบ้านมึงอยู่ไหนก็จะไปรู้ได้ยังไง”
“ไม่ต้องทา”
“ไอ้นี่! หงุดหงิดอะไรมาวะ กวนประสาทแต่เช้า”
“โอ๊ย! เลิกทะเลาะกันได้ละ ฉันมียาหม่อง” ปุยฝ้ายโวยวายขึ้นมาและล้วงยาหม่องออกจากกระเป๋า
“มีอะไรกันเหรอ ทะเลาะอะไรกันแต่เช้า” คุกกี้ลากกระเป๋าไปวางรวมกับกระเป๋าของปุยฝ้ายก่อนจะเดินเข้ามากลางวงแถมยังนั่งแทรกกลางระหว่างฉันกับโซ่ด้วย ก็แหงล่ะคนเป็นแฟนกันนี่ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ฉันก็ยังชอบหวงพี่เมสออกนอกหน้าแบบนี้เหมือนกันเวลามีสาวๆ ปรายตามองพี่เมส
พอเห็นคุกกี้ฉันก็รู้สึกหน้าชาไปอีกครึ่งซีก เมื่อคืนเพิ่งมีอะไรกับแฟนของหล่อน แล้วยังทิ้งหลักฐานไว้ที่คออีก
“หายาหม่องน่ะ จะเอามาทาคอให้ข้าวปุ้น โดนยุงหรือแมลงอะไรไม่รู้กัดที่คอ แดงแจ๋เลย” คุกกี้เอียงคอมามองฉันใกล้ๆ
“รอยยุงเหรอ ทีแรกเห็นนึกว่ารอยโดนดูดคอเสียอีก”
คุกกี้พูดขึ้นเล่นเอาฉันตัวแข็งทื่อมองหน้าเธออย่างตระหนก เพราะคนที่ดูดคอฉันก็แฟนเธอนั่นแหละคุกกี้ แล้วดูไอ้ตัวต้นเหตุสิ นั่งจ้องทีวีนิ่งเชียวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ผู้ชายบ้าอะไรนอกใจแฟนแล้วทำตัวเนียนได้อีก
ในขณะที่เขายังทำตัวได้เนียนขนาดนั้นแล้วฉันจะร้อนตัวไปทำไมกันเนี่ย
“ใครจะมาดูดข้าวปุ้นมัน เมื่อคืนมันก็นอนที่ห้องตลอด เว้นแต่ตอนมันไปว่ายน้ำ” มาร์คพูดแล้วจ้องมองฉันอย่างจับผิด
“อะ อะไร มองฉันทำไม” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกักอย่างมีพิรุธในขณะที่สายตาของมาร์คนั้นหรี่มองลงอย่างจับผิด
“โดนผีสางเทวดาจับกดน้ำบีบคอแน่ๆ”
จู่ๆ มาร์คก็พูดเสียงดังแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบแบบเมื่อคืนตอนพูดเรื่องผีไม่มีผิด ทำเอาฉันที่ขี้ตกใจอยู่แล้วแถมมีความผิดติดตัวถึงกับกรี๊ดขึ้นมาเล่นเอาทุกคนหันมามองหน้าแล้วหัวเราะ ยกเว้นโซ่ที่พอมองเสร็จก็ลุกไปที่โซนห้องครัวทันที ส่วนคุกกี้แฟนสาวของเขาก็ลุกตามไปติดๆ
“แค่แซวเล่นแค่นี้ทำเป็นตกใจ” มาร์คเบะปากใส่ฉัน ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์
“อยู่นิ่งๆ นะแก เดี๋ยวฉันทาให้” ปุยฝ้ายเปิดฝายาหม่องและทายาให้บริเวณคอตรงรอยช้ำๆ
“เฮ้ยข้าวปุ้น” เสียงฝ้ายร้องขึ้นมาอีกแล้วเล่นเอาฉันตกใจเป็นรอบที่ล้านของวัน ทีนี้จะบอกว่าเหมือนรอยจูบอีกคนเหรอ “แกไม่สบายหรือเปล่าวะ ตัวร้อนจี๋เลย” มือของปุยฝ้ายกุมหน้าผากฉันไว้เพื่อสัมผัสอุณหภูมิในร่างกาย
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ฉันยกมือขึ้นมาจับหน้าผากตัวเองบ้าง
“ก็ใครใช้ให้ไปเล่นน้ำดึกขนาดนั้นล่ะ ไข้ก็ขึ้นเป็นธรรมดา ยิ่งช่วงนี้พักผ่อนน้อยด้วยนี่ ใช่ปะ” มาร์คพูดพร้อมกับเอามือมากุมหน้าผากตามปุยฝ้าย ฝ้ายมันไม่หึงมาร์คใส่ฉัน เพราะฉันเป็นแม่สื่อให้มันสองคนคบกัน แล้วฉันจะไปแย่งแฟนเพื่อนมาได้ยังไง สเป็กผู้ชายก็ไม่เหมือนกันด้วยสิ
กฎของคำว่าเพื่อนคือไม่กินผู้คนเดียวกัน ไม่งั้นอยู่ด้วยกันลำบาก
“อะนี่ ยา” โซ่โยนซองสีขาวเล็กๆ ไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที เขาไม่มองใครด้วยซ้ำส่วนคุกกี้ก็เดินตามโซ่ไปติดๆ อย่างกับเหาฉลาม
“มันเดินไปหยิบยาพารามาให้เนี่ยนะ เป็นพระคุณอย่างยิ่งไอ้ชาเย็น” มาร์คบ่นตามหลัง
“มึงก็อย่าไปอะไรกับมันมาก ไอ้โซ่ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรละ พูดน้อยต่อยหนัก” บาสเสริมหลังจากเดินกลับมาจากการคุยโทรศัพท์
ฉันกินยาพาราที่โซ่มาวางไว้อย่างจำใจเพราะปุยฝ้ายมันบ่นฉันไม่เลิก พอกินยาเสร็จมันก็ใช้คนป่วยอย่างฉันเปียผมผมให้ ต่อด้วยคุกกี้ นวล เพลิน รุ้ง และสายไหม ช่างเป็นการใช้คนป่วยได้คุ้มมากจริงๆ
ความคิดเห็น