ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ลาก่อนโปลนาเรฟ
"เป่า-ยิ้ง-ชุบ!"
โปลนาเรฟออกกระดาษอุรุมิออกกรรไกรทำให้โปลนาเรฟต้องรับบทลงโทษไปคืออุรุมิตบหน้าเข้าจนเขาบ่นว่าเธอนั้นมือหนักเกินจะเป็นแม่คนได้แถมผมของเขาแทบจะยุ่งเหยิงตอนที่เธอตบเขาแต่เขาก็ไม่โกรธอะไรเธอ
สำหรับความสัมพันธ์ในคณะเดินทางที่อุรุมิมีให้แต่ละคนก็คือ
โปลนาเรฟ = เสียน้องสาวไปเหมือนกันเข้าใจกันดีและเขามองเธอเป็นน้องสาวที่น่ารัก
อับดุล = เขาให้คำปรึกษาได้ดีคุยกับเขาก็สนุกดีในบางเรื่อง
โจเซฟ = เขาค่อนข้างจะเอ็นดูเธอและในสายตาของเธอเขาเป็นคนที่ใจดีที่สุดในกลุ่ม
คะเคียวอิน = เขาเป็นเพื่อนที่ดีแม้อายุจะห่างกันหนึ่งปีเขาเข้าใจผู้หญิงและเขาเป็นคนดีเป็นสุภาพบุรุตมากกว่าเพื่อนชายที่อยู่ข้างๆเขาและถ้าตัดการกินเชอร์รี่ที่เธอเห็นทีไรแล้วขนลุกมันคงทำให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง
โจทาโร่ = ไม่คืบหน้า ไม่กระเตื้องและดูเหมือนจะเข้าหาเขายากมากกว่าคนอื่นๆ
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดูเกลียดเธอนักหรือนั้นเพราะเธอเป็นผู้หญิง?หรือเพราะเธอไม่น่ารัก??เธอเกาะเกะเขาไปหรือเปล่า?หรือเพราะเธอไม่เล่นกับเขา?
"โจคุงงง~"
ดวงตาภายตาปีกหมวกชำเลืองมองดูเธอที่เอามือจับขอบโต๊ะและนั่งยองๆอ่อนเขาอย่างกับเด็ก
"อุรุมิเบื่อ โจคุงเล่นกับอุรุมิหน่อยยย~"
"ไร้สาระ"เขาพูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีด้วยความรำคาญ
เป็นอีกครั้งที่เธออยากจะฆ่าเขาให้ตายเธอเกลียดที่เขาชอบทำเป็นเย็นชาใส่เธอทั้งๆที่เธอพยายามเป็นมิตรด้วยแล้วเธอจึงคิดอะไรแพลงๆที่โจทาโร่ได้ยินและจะลุกขึ้นมาทันที
"โจคุง ถ้าเธอเล่นเป่ายิ้งชุบชนะอุรุมินะบทลงโทษเป็นตบหน้าอุรุมิเลยน้า~หรือว่าโจคุงกลัวแพ้อุรุมิจนไม่กล้าเล่นด้วย"
สิ้นประโยคเขาลุกขึ้นในทันทีรอยยิ้มจางๆที่ริมที่ริมฝีปากทำให้เธอคนลุกซู่
"เป็นความคิดที่ดี"แค่ประโยคเดียใเธอก็เริ่มใจสั่น
"เป่า-ยิ้ง-ชุบ!!"
อุรุมิค่อนข้างช็อคกับผลลัพธ์ที่เกิดเมื่อเธอชนะเธอไม่ได้ตบหน้าเขาแต่ดึงแก้มเขาแรงๆด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัวและโจทาโร่ก็ขอแก้มืออีกรอบและเธอยังคงชนะรอบนี้เธอเลยตบหน้าเขาไปแบบเล่นๆที่เธอทำกับโปโรนาเรฟเขากระตุกยิ้มและขอแก้มือเป็นครั้งสุดท้าย
ผลออกมาคืออุรุมิแพ้
เธอช็อคและหวาดกลัวกับผลที่จะตามมาแต่เธอก็ยังคงมาดใจดีสู่เสือยื่นอกรับบทลงโทษที่เธอคิดขึ้นมาเอง เธอก้มหน้าเปลือกตาประกบกันแน่ราวกับกลัวว่าเธอจะเห็นภาพตรงหน้าฟันกรามขบกันจนเกิดเสียงในขณะที่เธอรู้สึกว่าเงาของเขาทาบทับมาที่ตัวเธอยิ่งทำให้เธอห่อไหล่กลัวเจ็บทุกคนต่างกลั่นขำกับสภาพของเธอมั่นใจได้เลยว่าถ้าเธอลืมตาอยู่เธอคงร้องไห้ไปแล้ว
เสียงของแข็งกระทบเนื้อดังก้องในโซนประสาทมันไม่ได้เจ็บที่แก้มแต่เป็นที่หน้ามันเจ็บแสบจนปวดหัวอุรุมิเปิดหน้าม้าตัวเองและเริ่มลูบเบาๆเขาดีดหน้าผากเธอแทนที่จะตบหน้าเธอ
"ถ้าตบเธอได้ไปนอนรับน้ำเกลือแน่ยัยขี้ขลาด"
"อ...อุรุมิไม่ได้ขี้ขลาดนะ!!"แก้มนิ่มๆของเธอพองลมขึ้นด้วยความโกรธ
ทันทีที่เธอเอ่ยปากปฏิเสธโปลนาเรฟก็ล้อเลียท่าทางของเธอก่อนหน้านี้นั้นทำให้เธออับอายมากโจทาโร่ไม่ได้อยากให้เธอเจ็บด้วยซ้ำแต่อยากให้เธออับอายขายหน้าต่างหากเธออยากจะกระโดดลงจากเรือมันซะตอนนี้หรือไม่ก็อยากให้เรือนี้กลายเป็นสแตนด์แล้วดูดเธอลงไปให้หายไปจากโลกนี้เลย
'อุรุมิจะเอาคืนให้ได้เลยโจคุง!'
หลังจากจบเรื่องที่สิงคโปร์พวกโจสตาร์ใช้เรือในการโดยสารไปอินเดียต่อดูใช้เวลานานนิดหน่อยแต่ก็มีเวลาให้อุรุมิรู้จักพวกเขาแต่ละคนดีขึ้นเว้นแต่โจทาโร่ที่ไม่มีความกระเตื้องขึ้นเลยตามที่กล่าวไปข้างต้น
"อุรุมิจังไม่ลองคุยกับโจทาโร่ดูหน่อยหรอ?"
"ม่ายเอา!"เธอปฏิเสธทันควัญเธอแลบลิ้นใส่โจทาโร่เขายกยิ้มมุมปากเจ้าหล่อนคงไม่กล้าท้าทายอะไรเขาอีกพักใหญ่
.x.
เมื่อใกล้ถึงชายฝั่งอินเดียโจเซฟมีท่าทีกังวลเกี่ยวกับข่าวลือที่เขาได้ยินไม่ว่าจะโครระบาด หรือแม้แต่ความสะอาดอรุมิไม่เคยมาที่นี่และหลังจากที่อับดุลบอกว่าพวกเขาจะชอบประเทศนี้อย่างแน่นอน ทำให้เธอเบาใจอยู่บ้างและปลอบใจตัวเองว่าโจเซฟเป็นผู้ดีอาจจะมีข่าวสารที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง
เมื่อเรือเทียบฝั่งอับดุลเปิดประตูออกไป
เธออยากจะถอนคำพูดและความไว้ใจอับดุลก่อนหน้านี้
และอยากตะโกนออกมาดังๆว่า'อุรุมิเกลียดอับดุล!'
เสียงแตรรถและเสียงผู้คนที่รออยู่ด้านล่างเพื่อขอติ๊บมันทำให้ฝันเธอสลายผู้คนด้านล่างพวกเขาจะทำสิ่งต่างๆให้กับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะยกของสักยันต์หรือแม้แต่ยาแก้เมาเรือเขาก็มีมาขาย
"เออ..คือ อย่าเข้ามาใกล้มากจะได้ไมคะ.."
สีหน้าเธอแย่ลงหลังจากที่โดนห้อมล้อมด้วยฝูงชนจำนวนมากทำให้เธอต้องรีบหาที่พึ่งเธอพยายามจะเดินหนีแต่พวกเขาคว้าแขนเธอไว้พยายามเสนอทุกอย่างให้เธอเพื่อให้เธอใช้บริการพวกเขา เสียงหลายๆเสียงทำให้เธอกลัวใช่แล้วอุรุมิค่อนข้างกลัวพวกเขาเธอรู้สึกหวั่นๆหวิวๆที่ถูกมือสากสัมผัสมันทำให้เธอคนลุกซู่ เธอแทรกตัวผ่านฝูงชนแอร์อัดพยายามคว้าแขนไม่ก็ตัวของเพื่อนร่วมทางเข้ามาในอ้อมแขนเล็กๆของเธอ
ใบหน้าหวานแนบลงกับเนื้อผ้าที่คุ้นเคยอย่างน้อยๆเธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างโจทาโร่มองแขนบางๆของเธอโอบกอดเขาจากด้านหลังใบหน้าของเธอแนบกับแผ่นหลังของเขาราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน
----T----
แม้จะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้แล้วในระหว่างเดินทางไปร้านอาหารเธอยังคงแนบหน้าข้างหนึ่งไว้ที่แขนของโจทาโร่และไม่ยอมปล่อยแม้เขาจะรำคาญและบังคับให้เธอไปเกาะแขนของโปลนาเรฟหรือคะเคียวอินแทนแต่เธอให้เหตุผลสั้นๆแค่ว่าหน้าตาของเขานั้นดูน่ากลัวกว่าพวกคะเคียวอินน่าจะไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาใกล้อีก
พอมาถึงร้านอาหารทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นอุรุมิปล่อยเขาและเลือกที่จะไปเกาะคะเคียวอินแทนแม้โปลนาเรฟจะตีแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพึ่งพาได้ของเขาอุรุมิขมวดคิ้วใส่เขาและเมินเฉยต่อทุกการกระทำของเขา
"เดียวสิอุรุมิ! ฉันทำอะไรผิดทำไมเธอต้องเมินฉันขนาดนั้นด้วย"เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สับสนอย่างบอกไม่ถูก
ไร้ซึ่งคำตอบและอุรุมิส่งเสียงเมินใส่เขาทำให้เขาตกอยู่ในช่วงพะวงแห่งความคิดว่าตัวเขานั้นทำอะไรผิดแต่โชคดีที่เขานั้นยังมีอับดุลที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้
"อุรุมิจังเธอจะไม่ดื่ม ไจหน่อยหรออร่อยนะ เรื่องของโปลนาเรฟน่ะ เขาแค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง"
"รู้หรอกคะว่าแค่หยอกแต่..."เธอยกแก้วชาแนบริมฝีปากดวงตาสีทับทิมจ้องมองโจทาโร่ที่นั่งอยู่อีกด้านของเธอ"อุรุมิไม่ชอบเลยมันรู้สึกแย่มาก--.........อร่อยมาเลยค่ะ!!"
เธอตาลุกวาวเธอเริ่มกล่าวชมชารสเลิศในสายตาเธอไม่หยุด"สุดยอด!ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอร่อยขนาดนี้ อ่า~ลืมความวุ่นวายก่อนหน้านี้ไปเลยคะ~อุรุมิรู้สึกสงบมากเลยคะ"
มันเป็นสัญญาณที่ดีว่าเธอจะไม่งอแงอะไรอีกสักพักทุกคนเริ่มสั่งอาหารกันในขณะที่โปลนาเรฟไปเข้าห้องน้ำ
"เอ๋?? ไม่มีข้าวหน้าไข่ดิบหรอ?"เสียงหวานเรียกความสนใจจากทุกคนที่กำลังเลือกอาหารจากเมนูในมือเธอกล่าวอย่างเซ็งๆอีกครั้ง"อุรุมิอยากกินข้าวหน้าไข่ดิบจัง~"
"กินมากๆไปไม่ดีนะอุรุมิจัง"
คะเคียวอินออกความเห็นและเธอเริ่มบรรยายถึงความอร่อยของข้าวหน้าไข่ดิบถึงรสชาติในแบบที่เธอชอบแน่นอนเขาคงไม่ออกความเห็นอะไรเพิ่มนอกจากจะบอกว่ามันจะทำให้เธอท้องเสียและได้ใช้ห้องน้ำสาธารณะของอินเดียและแน่นอนว่าเธอเปลี่ยนความคิดเรื่องอาหารที่คิดจะสั่งในทันทีทำให้พวกเขาหลุดขำและ...แน่นอนเธอโกรธพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง...
ความสุขนั้นมักจะมาเพียงชั่วคราวเมื่อโปลนาเรฟวิ่งพล่านออกมาจากห้องน้ำและกล่าวกับทุกคนว่าเขาเจอสแตนด์ของคนที่ฆ่าน้องสาวของเขาและมีความตั้งใจที่จะแยกทางกับพวกโจสตาร์แม้อับดุลจะพยายามห้ามแต่โปนาเรฟยังไงก็คือโปลนาเรฟเขาเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพบุรุษแต่เขาก็ดื้อด้านมากเช่นกันและจะไม่มีใครหยุดเขาได้
"คุณโปลนาเรฟ..."
"อย่าห้ามฉันเลยอุรุมิถ้าเป็นเธอฉันก็รู้ว่าจะทำแบบเดียวกับฉัน..."
นับว่าเขารู้ใจเธอดี
เธอไม่อาจห้ามอะไรเขาได้เธอทำได้เพียงแค่หลบที่ด้านหลังของโจเซฟเท่านั้นแผ่นหลังของเขาค่อยๆห่างไปเรื่อยๆพร้อมกับความผิดหวังที่เอ่อล้นออกมาจากใจเธอ
.x.
ในโรงแรมทุกคนพักในห้องส่วนตัวของตนเองโจทาโร่พึ่งจะจัดข้าวของต่างๆของเขาเสร็จเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแม้เขาจะถามว่าเป็นใครแต่ก็ไร้ซึ้งคำตอบ
"..."
"....."
มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบและจนแล้วจนรอดเขายอมเปิดประตูให้กับแขกยามวิกาลของเขาและหญิงสาวผมบลอนด์ทองที่เขาคุ้นเคยอยู่ตรงหน้าเขา
"ต้องการอะไร.."
เธอเงียบเป็นคำตอบอีกครั้งแต่ใบหน้าเธอมู่ตลอดเวลาก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องและกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงของเขาอย่างถือวิสาสะ
"คุณโปลนาเรฟบ้าที่สุดเลยจริงไมโจคุง!!"
อ่า...ที่แท้ก็มาหาที่ระบายความโกรธนี่เอง
โจทาโรมีสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายในทันทีเขายังคงจัดการกับตัวเองและปล่อยให้คำพูดของหญิงสาวเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเธอบ่นโปลนาเรฟเป็นชุดว่าเขานั้นบ้าแค่ไหนถึงคิดแยกทางกับพวกเขาทั้งที่อาจจะมีผู้ใช้สแตนด์คนอื่นที่ไม่ใช่แค่คนที่ฆ่าน้องสาวเขาที่รอฆ่าเขาอยู่ หรือแม้แต่ที่เขาทิ้งเธอไปทั้งๆที่เธอสนิทกับเขามากที่สุด
"....คุณโปลนาเรฟจะนอนยังไงนะ..."
ประโยคที่เปลี่ยนไปของเธอทำให้โจทาโร่หันกลับไปมองเธอ
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างดวงจันทร์คืนนี้สวยแต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
"เขาจะอยู่ในโรงแรมดีๆไมนะ เขาจะได้นอนสบายๆไม... หวังว่าห้องน้ำที่เขานอนคงจะไม่สกปรกนะ หวังว่า...เขาจะกลับมาร่วมกลุ่มกับเราเนอะโจคุง"
น้ำเสียงหวานเอยอย่างแผ่วเบาเธอกอดเข่ามองเขารอคำตอบโจทาโร่มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเธอเขาเองก็เป็นห่วงโปโรนาเรฟ
"เดียวก็กลับมาเจ้านั้นน่ะ.."
น้ำเสียงนั้นนุ่มนวนจนอุรุมิเบิกตากว้างโจทาโร่ที่เห็นปฏิกิริยานั้นก็มีท่าทีที่ไม่พอใจเล็กน้อยและถามว่าการที่เธอทำหน้าแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง
"บ...แบบว่าอุรุมิไม่คิดว่าโจคุงจะพูดดีๆกับเขาเป็นด้วย..?จริงๆอุรุมิคิดว่าโจคุงเป็นประเภทที่พูดอะไรนุ่มๆแบบนั้นไม่เป็นน่ะ"
เธอเกาแก้มที่เริ่มขึ้นสีเล็กน้อยถ้าเขาพูดน้ำเสียงนี่บ่อยๆคงจะมีสาวๆตายเพราะเหตุนี้เป็นแน่
"หน้าเธอแดงไม่สบายงั้นหรอ?"
"อะ...อ่าา..อ-อุรุมิแค่ร้อนเท่านั้นเอง! อินเดียนี่ร้อนจังเลยนะคะ! อุรุมินี้ทนแทบไม่ไหวเลย"
โจทาโร่หยิบรีโมทแอร์ห้องมาดู"23 องศา"
"กะ...ก็!...ก็มัน...โธ่!!อุรุมิไม่อยากคุยกับโจคุงแล้ว!!ไปดีกว่า!"
เธอกล่าวพร้อมปาหมอนใส่เขาและฮึดฮัดลงจากเตียง เสียงทั้งหมดจบลงเมื่อประตูถูกปิดกระแทกอย่างแรงโจทาโร่เองก็พยายามรั้งไม่ให้เธอไปจากห้องแต่ก็ไม่ทัน
"ให้มันได้อย่างนี้สิ...ยัยนั้นเอากักคุรันฉันติดมือไปด้วย.."
เช้าวันถัดมาเธอเอาเสื้อมาคืนเขาในสภาพที่มัน...เปื้อนน้ำลาย
การดีดหน้าผากเธอแรงๆคือการทำโทษที่ดีที่สุดของเขา...
.x.
โปลนาเรฟไม่กลับมาอีกสิ่งที่โจทาโร่กับอุรุมิคิดไว้มันไม่ได้เป็นไปดั่งที่คิดทุกคนเองก็หวังให้เขากลับมาเช่นกันไม่มีใครริเริ่มบทสนทนาอะไรเลยอุรุมิที่เอาคางเกยโต๊ะอยู่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
"น่าเบื่อ..."
อุรุมิกล่าวจบเธอก็ลุกขึ้นร่างของเธอหายลับไปเมื่อประตูปิดลงนั้นทำให้ทุกคนถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่มันคงเป็นเรื่องที่ทำใจยากสำหรับอุรุมิทุกคนรู้ดีถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ดีเธอต้องออกไปตามหาโปลนาเรฟแน่
.x.
มันไม่ใช่เรื่องง่าย...
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หญิงสาวจะสงบใจลงได้แม้อีกใจจะอยากให้โปลนาเรฟตายๆไปเสียแต่มันก็ขัดใจเธอ
จริงๆแล้วเธอคิดว่าการเข้าร่วมกับคณะเดินทางโจสตาร์เป็นอะไรที่ดีแต่เธอก็แอบอยากให้พวกผู้ใช้สแตนด์ที่ดิโอส่งมาฆ่าพวกเขาซะให้หมดแต่ถ้ารอดจนกำจัดดิโอได้ก็ดีไปอีกแบบ
เลือกสองแบบแต่ก็วินๆทั้งสองฝ่าย
"อุรุมิจังง~"
เสียงที่หน้าขนลุกดังมาจากที่ใดที่หนึ่งเธอหยุดเดินพร้อมมองข้ามไหล่ถึงจะได้ยินแค่เสียงแต่เธอรับรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงที่น่ารังเกียจนั้นอยู่ใกล้ๆเธอ
"ยังไม่ตายอีกหรอเรฟ... ฉันนึกว่าดิโอสูบเลือดเธอจนหน้าด้านๆของเธอแห้งไปแล้วซะอีก..."
"ปากยังมีแต่สุนัขนะยัยเด็กเหลือขอ"น้ำเสียงเธอเริ่มเย็นชามากขึ้น"แค่จัดการกับคณะเดินทางเล็กๆนี้ยังทำไม่ได้ยังมีหน้าจะกลับไปหาท่านดิโออีกหรอ?? ถึงท่านจะอภัยให้แต่คงไม่มีทางที่จะได้เจอไอซิสหรอก"
อุรุมิกำมือแน่เธอรังเกียจเรฟเข้ากระดูกดำตั้งแต่เด็กและเกลียดขี้หน้าในแบบที่จะไม่ยอมเคารพอีกฝ่ายเป็นพี่น้องเธอไม่มีวันลืมกับสิ่งที่เรฟทำ
"เป็นพี่สาวที่รักน้องสาวดีจริงๆนะแต่กลับปกป้องน้องไม่ได้แถมยังเป็นฝ่ายถูกปกป้องอีกน่าสมเพช"
มันสุดทนแล้วที่เธอจะฟังและเธอก็ระเบิดความโกรธออกมาในทันที
"คนที่ขายน้องสาวตัวเองเพื่อให้ได้เงินมาหาคนชั่วๆอย่างดิโอนะไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ทำกันหรอก!!!"
เงียบ...
ทุกอย่างเงียบลงทันตาเห็นทุกคนจ้องมองเธอราวกับว่าเธอเป็นคนเสียสติที่คุยอยู่คนเดียว เธอไม่เห็นวี่แววของเรฟแม้แต่น้อย
รึเธอควรเลือกแค่ทางเดียวคือให้พวกโจทาโร่กำจัดดิโอ
การใช้ความคิดทั้งหมดหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงปืนที่ดังสนั่นและเสียงกรีดร้องจากผู้คนดังจากถนนใกล้ๆนี่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าใช่คนธรรมดายิงกันแน่ๆ
"โปลนาเรฟ!!"
เธอคิดได้ดังนั้นจึงรีบฝ่าฝูงชนแอร์อัดเพื่อไปให้ถึงที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดแต่ภาพที่เห็นกลับกลายเป็นตัวของอับดุลที่นอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับบาดแผลบนหน้าพากเขาเธอตะโกนร้องเรียกชื่อของอับดุลด้วยหัวใจที่สั่นกลัว
เธอวิ่งมาดูอาการของเขาทันทีพระเจ้าเขาถูกยิงเข้าที่หน้าผากรูม่านตาเธอขยายออกเธอเพ่งมองร่างกายของเขาเพื่อดูอวัยวะภายในของและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองของเขาช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีสมองเขาไม่เป็นอะไรมันเฉียดกะโหลกเขาไปหัวใจตับปอดทุกอย่างยังคงทำงานอยู่
เธอรู้สึกโล่งใจพร้อมกับตะโกนขอให้คนแถวนั้นช่วยพาอับดุลไปโรงพยาบาลไม่ก็คลินิกใกล้ๆนี้เพื่อรักษาเขาและในที่สุดโจทาโร่และโจเซฟก็พบตัวเธอ
การรักษาอับดุลอยากลำบากพอสมควรอุรุมิ โจทาโร่และโจเซฟร่วมกับการรักษาอับดุลในครั้งนี้ด้วยและทั้งสามตกลงกันว่าจะไม่เอยปากอะไรเกี่ยวกับการที่อับดุลยังมีชีวิตรอดเพื่อให้อับดุลรักษาตัวได้อย่างเต็มที่
"ไหวรึเปล่า?"
"อุรุมิร้อนตาไปหมดเลย..."
เธอใช้สแตนด์THE EYESมากเกินไปทำให้ตาเธอเริ่มร้อนจากการเพ้งมองและกระพริบนาน้อยครั้งของเธอตอนนี้เธอเกาะแขนโจทาโร่พร้อมซุกหน้าไปกับแขนนั้นหลับตาเพื่อพักผ่อนดวงตาของเธอปกติเขาคงไม่พอใจแต่รอบนี่เขายอมเธอ
โจเซฟปลื่มภาพที่เห็นตรงหน้ามากหลานชายเขาเป็นพวกพูดน้อยต่อยหนักจริงๆถึงเขาจะรู้ว่าที่อุรุมิมักจะเกาะแขนโจทาโร่นั่นเป็นเพราะเธอรู้สึกปลอดภัยกว่าแต่นานๆทีเขาจะได้เห็นหลานชายผู้น่ารักมีท่าทีห่วงใยผู้หญิงแบบนุ่มฟูแบบนี้
"ขอโทษนะแล้วก็...ขอบคุณนะโจคุงอุรุมิทำโจคุงลำบากอีกแล้ว"
"...."
เขาเงียบเป็นคำตอบทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา"โจคุง?"
"ให้มันได้งี้สิ..."
เขาดึงหมวกตัวเองลงเล็กน้อย
'อุรุมิไม่ได้คิดไปเองใช่ไมว่าจริงๆแล้วเขากำลังเขิน?'
เธอคิดพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับกอดแขนเขาแน่นขึ้นและอุรุมิก็เริ่มหยอกล้อเขาด้วยการแซวเขาว่าเขินเธอแน่นอนเขาปฏิเสธหัวแข็ง
"โอ้...โฮลี่พ่อว่าเราได้เห็นหน้ามาดามคุโจในอนาคตแล้ว..."โจเซฟกล่าวพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความยินดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น