ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อุรุมิเองค่า~
(มุมมองตัวละครอุรุมิอาจมีความแตกต่างจากคนอื่นพอสมควรหากทำให้ใครไม่พอใจขออภัยมา ณ ที่นี้)
(การเล่าเรื่องส่วนใหญ่จะถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครอุรุมิและอาจมีหลายจุดที่ถูกดัดแปลงจากอนิเมะจนอาจไม่ถูกใจใครหลายคนต้องขอโทษอีกครั้ง)
"จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากรับแกมาเลี้ยงนักหรอกนะ"
ปลายนิ้วเรียวชี้ไปทางมุมห้องของห้องใต้หลังคาอันมืดมิดภายใต้ความมืดมีร่างของเด็กสาวผมบลอนด์ทองนั่งกอดเข่าพร้อมชายตามองบุคคลตรงหน้าที่เธอเรียกว่า'แม่เลี้ยง'
"..."นัยต์ตาสีทับทิมสะท้อนภาพหญิงสาววัยกลางคนผมของเธอมีสีดำและผิวที่ขาวเนียนสวยด้านหลังของเธอมีเด็กหญิงตัวเล็กๆแอบซ่อนอยู่
"ไอซิสอย่าไปยุ่งกับมันให้มากนัก นังนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง"เธอพูดกระแทกเสียงดัง
เด็กหญิงพยักหน้ารับคำสั่งเบาๆแต่นัยต์ตาสีฟ้ายังมองเด็กน้อยตรงมุมห้องอยู่
ภายใต้ห้องหลังคาคือสถานที่เก็บของๆครอบครัวนี้บรรยากาศนั้นทั้งมืดและอับชื้นฝุ่นผงเกาะไปทั่วฟอนิเจอร์และพื้นไม้ มีเพียงพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆพอจะให้เด็กน้อยนอนได้
แก้มนิ้มแนบสัมผัสกับความสากของแผ่นไม้อย่างช้าๆบรรยากาศภายในยังคงวังเวงสายลมพัดผ่านลูกกรงเหล็กสัมผัสผิวกายขาวจนขนลุกร่างเล็กเริ่มคดตัวตามสัญชาตญาณเพื่อป้องกันตัวเองจากความหนาวเย็น ฝุ่นผงกระจายไปทั่วบริเวณแม้จะสูดเข้าไปจนจมูกเปลี่ยนสีแดงเธอก็ไม่อาจทำอะไรได้
"พี่คะ...?"เด็กหญิงตัวน้อยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นมาหาเธอพร้อมเรียกหาเธอที่กำลังหลับ
"...."
"ไม่ต้องห่วงนะคะพี่...ไอซิสนะไม่เชื่อคุณแม่หรอก"เธอเดินขึ้นมาอย่างช้าๆมือเล็กๆอันน่าทนุทนอมห่มผ้าให้พี่สาวที่น่าสงสารของเธอ แก้มนิ้มแนบไปกับไหล่ของผู้เป็นพี่อย่างอ่อนโยน
"....?"
ความสงสัยและความสับสนก่อตัวขึ้นในใจของเด็กสาวทำไมมันถึงอบอุ่นและ...
น่าทนุทนอม...
"ไอซิสก็ไม่โกรธพี่ด้วยที่พี่แย่งความรักจากพ่อไปจากหนูแล้วก็พี่เรฟด้วย"เธอกล่าวพร้อมตบไหล่พี่สาวเธอเบาๆราวกับกล่อมเด็กน้อยให้เข้า
นอนคำพูดเหล่านั้นปลอบประโลมใจเด็กสาวที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำตาสีใสเออล้นออกจากขอบตา ก้อนสะอื้นขึ้นกระแทกจุกอยู่ในลำคอเสียงสะอื้นดังเป็นระยะ เด็กหญิงตัวเล็กยังคงลูบปลอบประโลมเธอพร้อมคำพูดที่ใสซื่อตามประสาเด็ก
"ไอซิสจะยืนข้างพี่อุรุมิเอง!"
"ไอซิส..."
นำเสียงแหบพล่านของหญิงสาวเอยขึ้นหลังจากที่ตัวเธอตื่นจากความฝันที่ยาวนานของตนเอง ความเจ็บปวดและความเมื่อยล้ารุมเร้าทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องโอดครวญเบาๆ
เธอพยายามลุกขึ้นเดินถือว่าดีที่เธอไม่เป็นอะไรมากหลังจากที่ใช่ความสามารถที่สูงเกินไปของสแตนด์ตัวเองและมันมักจะส่งผลเสียกับร่างกายเธอในระยะสั่นๆ
ดวงตาสีทับทิมทอดมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัยและต้องการรับรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเธอเองว่าเธอยังมีโอกาสที่จะหนีไปจากขณะเดินทางโจสตาร์ได้หรือไม่ แต่ในใจลึกๆเธอก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาที่ยังพาเธอมาด้วยทั้งๆที่เขาสามารถโยนเธอลงทะเลได้สบาย
"สิงคโปร์ ถ้านั่งรถไฟและไปขึ้นเรือต่อก็น่าจะพอไปถึงอินเดียได้.."
เธอไม่ได้หวังให้ดิโอมอบเงินรางวัลหรืออะไรให้เธอแต่สิ่งที่ทำให้เธอยอมก้มหัวให้ดิโอทำงานสกปรกให้ดิโอมาตลอดหนึ่งปีนั้นเพียงเพราะเขาบอกว่าจะยอมให้เธอได้พบกับน้องสาวที่เธอรักถ้าเธอกำจัดโจทาโร่ได้
แต่เธอตัดสินใจใหม่อีกครั้งหลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับโจทาโร่มันทำให้เธอรู้ดีว่าต่อให้ลอบฆ่าเขาตอนหลับเธอก็ทำไม่ได้เพราะเขาเป็นปีศาจร้ายในสายตาเธอไปแล้วและเธอไม่มีทางเอาชนะปีศาจแบบเขาได้อย่างแน่นอน
เธอจะเอาชีวิตตัวเองแลกกับการขอร้องดิโอเพื่อให้ได้เห็นหน้าน้องสาวที่น่ารักของเธอแม้จะเป็นเพียงเสี่ยววินาทีก็ยังดี
ลูกบิดประตูถูกบิดออกอย่างช้าๆอุรุมิมองซ้ายขาวดูต้นทางเพื่อหาทางหนีทีไล่เธอเดาว่าพวกโจสตาร์ต้องอยู่ใกล้ๆกับห้องที่เธออยู่กระเป๋าเป้ใบใหญ่เป็นสิ่งที่บอกว่าก่อนหน้านี้เด็กสาวที่ชื่อแอนน์อยู่ในห้องกับเธอต้องขอบคุณพวกโจสตาร์อีกครั้งที่ให้เกียรติในความเป็นเลดี้ของเธอ
เท้าเปล่าเก้าเข้าสู่โถงทางเดินอันว่างเปล่าหวังว่าคงไม่ทีใครออกจากห้องมาเจอเธอในตอนนี้และแน่นอนไม่มีใครจะออกมาเจอเธอในตอนนี้เพราะโจเซฟกำลังใช้สแตนด์ของเขาในการหาเบาะแสของดิโอ โปโรนาเรฟพักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ส่วนโจทาโร่คะเคียวอินและแอนน์ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกนับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ต่างคนต่างมีธุระของตัวเองจนไม่ว่างที่จะสนใจเธอ
อุรุมิแอบย่องเขาไปในห้องแห่งหนึ่งของแขกในโรงแรมโดยการงัดเงะประตูเล็กน้อยนับว่าโชคดีที่เธอได้เสื้อไหมพรมเปิดไหล่แขนยาวสีเหลืองส้มและกางเกงยีนส์ขาสั้นพับขาที่เธอพอจะใส่ได้และกระเป๋าเงินที่มีเงินอยู่ไม่กี่ดอลลาร์สิงคโปร์แต่ก็พอสำหรับค่าตั๋วรถไฟและค่าชอปปิ้งเล็กๆน้อยๆของเธอ
.x.
โจทาโร่ได้ค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับคะเคียวอินพฤติกรรมที่ดูก้าวร้าวรุนแรงและกวนประสาทมากเกินกว่าที่จะเป็นคะเคียวอินที่เขารู้จักแต่โจทาโร่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเขาเพราะคิดว่าคะเคียวอินเหนื่อยและถูกกดดันมากเกินไปสำหรับการเดินทางในครั้งนี้แต่เขาก็ยังคิดอีกแบบหนึ่งว่าคะเคียวอินอาจถูกบงการจากอะไรบางอย่างอยู่
"โจทาโร่ เชอร์รี่นั้นกินรึเปล่า? พอดีฉันกำหิวนะ"
ประโยคที่ฟังแล้วรู้ว่าเจ้าเจ้าของประโยครู้สึกหิวแค่ไหนคะเคียวอินหยิบเชอร์รี่ออกจากไอศกรีมโคนของโจทาโร่ก่อนจะออกแรงผลักร่างของเขาเต็มแรงโชคช่วยที่เขาสามารถคว้าราวเหล็กไว้ได้แอนน์ที่เห็นเหตการณ์ทั้งหมดรู้สึกช็อคและกอดมือที่จับราวเหล็กของโจทาโร่ไว้แน่นเธอหวาดกลัวที่จะต้องเห็นเพื่อนร่วมทางของเธอตายต่อหน้าต่อตา
คะเคียวอินกลับเริ่มพูดติดตลกและขอโทษโจทาโร่ด้วยท่าทางที่กวนประสาทและย้วยโมโหเขาอย่างจงใจคะเเคียวอินเลียเชอร์รี่ที่ได้มาจากโจทาโร่และส่งเสียง'เรโระ'ในขณะที่เขายังเลียด้วยท่าทางที่ประหลาดและสำหรับโจทาโร่มันช่างเป็นการกระทำที่ดูน่าขยะแขยง
เมื่อเคเบิ้ลคาร์มาถึงโจทาโร่ออกคำสั่งกับคะเคียวอินให้ขึ้นไปเพราะเขาต้องการที่จะจัดการกับอะไรก็ตามที่ทำให้คะเคียวอินมีสภาพแบบนี้เขาต่อยเต็มแรงที่ใบหน้าของหนุ่มเชอร์รี่แต่ปากกลับขาดแหว่งราวกับอุบัติเหตุร้ายแรงโจทาโร่ได้รู้แล้วว่านี้ไม่ใช่คะเคียวอินและเขากำลังเผชิญหน้ากับผู้ใช้สแตนด์รายใหม่
.x.
สัมภาระที่จำเป็นทุกสิ่งอย่างอยู่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ถึงแม้เงินจะไม่พอซื้อครีมบำรุงผมอีกสักสองสามขวดอุรุมิก็พอใจอยู่เล็กๆที่ซื้ออย่างอื่นมาด้วย
เคเบิ้ลคาร์เคลื่อนตัวไปช้าๆทำให้อุรุมิเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามเธออดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นตอนกลางคืนเมืองน่าจะสวยงามขึ้นขนาดไหนและมันจะเป็นการดีที่เธอได้มานั่งคนเดียวไม่ใช่กับคุณพ่อที่นอนกรอนอยู่ข้างๆเธอปล่อยให้ลูกชายนั่งเงียบๆเหงาๆอยู่ข้างๆแต่ยังดีที่หนุ่มน้อยยังมีไอติมปลอบใจและน้องหมาผู้น่ารักกับ...
คุณป้าที่เธอจำไม่ได้ว่าตอนขึ้นมามีหล่อนอยู่
อุรุมิสายหัวไล่ความคิดแปลกๆออกไปเธอน่าจะไม่ทันสังเกตเห็นหล่อนก็ได้และเธอก็กลับเข้าสู่ห่วงความคิดของตัวเองอีกครั้งเธอคิดว่านั่งคนเดียวก็ดีแต่พอคิดๆดูอีกทีเธอนึกถึงบางอย่างที่อาจทำให้ทริปเคเบิ้ลคาร์นี้สวยงามขึ้นกว่าเดิม
"ถ้าอุรุมิมีแฟน เดทแรกของเราก็คงต้องเป็นทริปเคเบิ้ลคาร์ชมวิวที่สิงคโปร์นี้ละ~"เธอหัวเราะคิกคักกับตัวเองมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งพร้อมกับมโนภาพชายในฝันของเธอที่ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนเธอเองก็รู้สึกเขินที่ตัวเองมีพลังมโนภาพที่รุนแรงเช่นนี้
อ่า.. ใช่เขาใส่ชุดสีดำแบบที่เธอชื่นชอบผิวเขาออกแทนในแบบคนเอเชียแต่สำหรับเธอถือว่าโอเคเขาสูงยาวเข่าดีราวกับนายแบบดวงตาสีน้ำทะเลนั้นช่างหน้าหลงไหลและใช่เขามีสแตนด์ที่หล่อเหมือนร่างต้นเลย
ชุดสีดำเป็นชุดกักคุรัน
ตัวสูง
และเขามีสแตนด์
"เอ๊ะ?"เธอร้องราวกับพึ่งนึกอะไรออก
"ORA!!"
ประตูเคเบิ้ลคาร์ถูกดึงออกไปต่อหน้าต่อตาทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้วโจทาโร่เข้ามาในเคเบิ้ลคาร์ก็เห็นอุรุมินั่งนิ่งทำหน้าราวกับอดอะไรตายอยากมานาน
"ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!!"
"เรื่องนั้นมันฉันต่างหากที่อยากพูด!!"เธอเริ่มต่อว่าเขาในทันทีแม้เขาจะทำหน้าหน่ายๆแต่ตอนนี้เขากำลังหาวิธีกำจัดสแตนด์ที่กำลังกัดกินมือของเขาช้าๆไม่มีเวลามาโต้เถียงกับเธอ
เขาขอไอติมจากเด็กชายที่ดูจะกลัวเขามากแม้ว่าเขาสัญญาว่าจะซื้อใหม่ให้แถมยังโดนคุณป้าทักจนต้องหันไปตอบให้เสียเวลาอีกเขายกมือขึ้นมาทำให้อุรุมิได้เห็นบางสิ่งที่เกาะมือเขาอยู่
"กี้!!!นั้นมันอะไรนะคะ!ขี้มูกหรอ!!?"เธอเริ่มกรีดร้องพร้อมสายหัวไปมาอย่างขยะแขยงทุกครั้งที่ได้มอง
"หุบปากยัยเพิ้ง!ถ้าไม่เงียบจะเอามันป้ายหน้าแกซะ!"
โจทาโร่เอาไอติมไปแนบกับสิ่งนั้นและมันส่งผลร้ายมากกว่าดีมันกลายเป็นหนามทิ้มแทงมือของเขาอุรุมิกรีดร้องด้งยความตกใจอีกครั้งเมื่อทุกอย่างชลมุลวุ่นวายในที่สุดมุนษย์ป้าที่นั่งร่วมทางกับเธอตอนไหนก็ไม่รู้ได้เผยร่างที่แท้จริงออกมาและยังทำให้น้องหมาที่เธอเล่นด้วยก่อนหน้านี้ได้พบกับจุดจบอันน่าสยดสยอง
"โอ๊ะโอ๋? เธอคงจะเป็นอุรุมิจังสินะงานง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้นะน่าสมเพช"
"จะให้อุรุมิที่เป็นมนุษย์ธรรมดาไปสู้ชนะสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไงกันคะ!!"
เธอกล่าวกระแทกเสียงพร้อมกับชี้นิ้วไปทางโจทาโร่ที่ถูกสแตนด์เยลโล่ เทมเพอรันซ์เข้าเล่นงานซึ่งเธอดูจะรังเกียจสแตนด์นี้พอสมควรเพราะเธอทำหน้าขยะแขยงทุกครั้งที่ได้เห็น
เพราะสำหรับเธอมันเหมือนน้ำมูกเหนียวๆที่เป็นสีเหลือง...
ถึงแม้จะมองเป็นก้อนสไลม์ดึ๋งๆได้ก็เถอะ...
รับเบอร์ โซลเริ่มกล่าวโอ้อวดถึงความแข็งแกร่งของสแตนด์ของเขาและยังคงพูดจาดูถูกโจทาโร่จนน่าโมโหเห็นได้ชัดว่าฝ่ายเสียเปรียบคือโจทาโร่และอุรุมิก็เริ่มคิดภาพในหัวตัวเองอีกครั้ง
ภาพแรก คือเธอไปกับรับเบอร์ โซลหลังจากที่เขาจัดการกับโจทาโร่เขาไปรับรางวัลและเธอแอบอ้างถึงความพยายามที่ช่วยเขากำจัดโจทาโร่และได้พบน้องสาวในที่สุด
ภาพที่สอง คือเธอปล่อยให้ทั้งคู่ฆ่ากันให้ตายและยังคงเดินทางไปหาดิโอเพื่อบอกว่าตนเองฆ่าโจทาโร่สำเร็จและขอให้เขาพาไปพบน้องสาว
ภาพที่สาม เธอร่วมมือกับโจทาโร่และหวังว่าคนที่ดิโอส่งมาจะทำให้พวกโจทาโร่ตายได้สักวันและแอบอ้างถึงการหลอกให้พวกโจทาโร่เชื่อใจจนฆ่าพวกเขาสำเร็จ
ภาพที่สี่ เธอร่วมมือกับโจทาโร่ออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาและฆ่าดิโอช่วยทั้งชีวิตเธอและน้องสาวตัวเองจนรอดปลอดภัยตลอดชีวิต
ภาพนับล้านเข้ามาในหัวเธอในขณะเดียวกันโจทาโร่ยอมรับถึงความแข็งแกร่งของสแตนด์เยลโล่ เทมเพอรันซ์ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้และเขาบอกว่าตระกูลของเขามีไม้ตายกันหีบที่มีไว้ใช้หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไปนั้นก็คือ
"เผ่นก่อนยังไงละ!"
"แล้วทำไมถึงเป็นเผ่นละ!!"
รูขนาดใหญ่ถูกเจาะที่พื้นเคเบิ้ลคาร์ในขณะที่ร่างสูงกระโดดผ่านลงไปรับเบอร์ โซลจ้องมองร่างที่โดดลงไปอย่างภาคภูมิเขาอยากเห็นตอนที่โจทาโร่เหลือแต่กระดูกเต็มทนเขาควรยืนมองดูสแตนด์ของเขากัดกินร่างกายของโจทาโร่จนร่างนั้นเหลือแต่กระดูกจริงๆ
แต่กรรมจากตอนที่เขาผลักโจทาโร่ได้สนองคืนแล้วเขาลืมไปเลยว่าอุรุมิยังอยู่บนนี้เธอกระโจนเขาใส่เขาแขนเรียวทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเขาแน่และพาเขาดิ่งลงด้านล่างไปพร้อมกัน
"ทำอะไรของแกยัยผู้หญิงสาระเลว!!"
เขากล่าวและมือยังคงทุบตีหญิงสาวที่โอบกอดเขาลงมาจากเคเบิ้ลคาร์แม้เธอจะดูน่ารักใสซื่อ ไร้พิษภัยแต่เธอก็ร้ายกาจกว่าที่เขาคิด
ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดถูกโอบกอดด้วยท้องทะเลสีครามสแตนด์ทำหน้าที่ปกป้องร่างกายของรับเบอร์ โซลได้ดีเยี่ยมและเขาพยายามที่จะฆ่าอุรุมิโดยการกดหัวเธอลงไปให้มากที่สุดหญิงสาวดิ้นรนไปมาอากาศในปอดเริ่มลดน้อยลงทุก
แขนอันทรงพลังของสตาร์แพลทตินั่มรัดคอของเขาไว้ไม่ยอมให้หนีไปได้จนอีกฝ่ายต้องคลายการป้องกันทั้งหมดเพื่อหายใจและปล่อยอุรุมิให้เป็นอิสระเธอถูกคว้าขึ้นจากน้ำด้วยมือของโจทาโร่เธอสำลักน้ำเล็กน้อยก่อนจะหาที่ยึดเกาะก็คือแขนของเขาหน้าของเธอแนบไปกับเนื้อผ้าที่เปียกปอนของชุดกักคุรันเธอมองบุคคลที่เธอเกาะอยู่ดวงตาสีทับทิมสบเขากับดวงตาสีน้ำทะเลของเขา
"ข...ขอบคุณค่ะ.."เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
โจทาโร่ไม่ได้กล่าวตอบอะไรเขายังมีหนี้แค้นที่ต้องจัดการให้จบและเมื่อใช้กำลังขู่จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจมามากมายนั้นก็ทำให้โจทาโร่หันกลับมาสนใจอุรุมิที่ยืนฟังข้อมูลพวกนั้นกับเขา
"ลุกขึ้นมาได้แล้ว"
"โอ้ยๆๆ!เจ็บๆเบาๆหน่อยสิคะ! อุรุมิอุสาห์ช่วยคุณจนได้ข้อมูลมาเลยนะ"
"หรอ? ไม่เห็นจะได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง"
"เดียวเถอะ!!"
ในขณะที่โจทาโร่จะลากเธอขึ้นจากน้ำเยลโล่ เทมเพอรันซ์เขาพันตัวทั้งคู่ไว้ใบหน้าของอุรุมิแนบเขากับอกของโจทาโร่ได้ยินเสียงหัวใจเขาชัดเจนมากตอนนี้มันกำลังเต้นด้วยความตื่นตกใจ
"ข้าจะฆ่าพวกแกทั้งคู่ให้ตายๆไปซะเลย ลาก่อนนะเจ้าพวกโง่!!"
รับเบอร์ โซลหัวเราะอย่างภาคภูมิอีกครั้งอุรุมุพยายามดิ้นให้หลุดออกจากสแตนด์ที่น่าขยะแขยงนี้แต่ไม่เป็นผลเธอเริ่มกีดร้องโวยวาย"โธ่!! จะทำยังไงต่อไปดีละคะ อุรุมิยังไม่อยากตาย!!!"
ในขณะที่เธอกำลังหมดหนทางเสียงหัวใจของโจทาโร่กลับมาเต้นปกติและสุดท้ายจากเสียเปรียบก็กลายเป็นได้เปรียบและในที่สุดเขาก็ส่งรับเบอร์ โซลไปนอนกินข้าวต้มในโรงพยาบาลได้
ทุกอย่างสงบลงอุรุมิช่วยดึงโจทาโร่ขึ้นมาจากน้ำแม้เขาตะทำเองได้ก็ตามเขากำบังจะเดินกลับโรงแรมแต่เวียงใสรั้งเขาไว้ก่อน
"อุรุมิขอดูมือข้างนั้นหน่อยสิ.."
เธอยื่นมือที่ถูกปกคลมด้วยแขนเสื้อจนเหลือเพียงนิ้วไม่กี่นิ้วออกมาแบเพื่อให้เขาวางมือของเขาไว้บนมือของเธอแต่ไม่ เขาไม่ทำเขายังเอามือล้วงกระเป๋าและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ได้โปรดนี่อุรุมิขอร้องเลยนะ~"เธอหยอดลูกอ้อนที่คิดว่าน่าจะได้ผลที่สุดแต่ก็ผลเป็นอย่างที่เคยเขาไม่สนใจเลยด้วยซ่ำแถมยังเมินหน้าหนีและทำถ้าจะกลับไปที่โรงแรมต่ออุรุมิยู่ปากด้วยความรู้สึกน้อยใจที่เขาไม่สนใจเธอจนในที่สุดเธอก็กระชากมือเขาออกจากกระเป๋าจนได้
เขาด่าตวาดเธอทันทีกับนิสัยที่เธอทำและเขาก็บอกว่าเกลียดผู้หญิงประเภทเธอมากที่สุดอุรุมิยักไหล่จริงๆเธอควรจะรู้ได้แล้วว่าโจทาโร่ไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนโยนถ้าอยู่ต่อหน้าเธอผ้าเช็ดหน้าสีแดงถูกหยิบออกมาซับเลือดบนมือของเขาเธอไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกสักระยะ
"จ๊างง~ เสร็จแล้ว~"เธอปล่อยมือออกจากฝ่ามือใหญ่โชว์ผลงานการพันแผลให้เขาดูเขาดูไม่ค่อยชอบใจกับมันเท่าไหร
.x.
"แล้ว? ทำไมเธอถึงติดมากับเราด้วยละโจทาโร่กะปล่อยทิ้งไว้ที่สิงคโปรไม่ใช่หรอ?"
เจ้าของชื่อไม่เอยตอบอะไรกลับเขาเบือนหน้าหนีไม่อยากตอบคำถามพวกนั้นโปโรนาเรฟทำท่าทีหนักใจในขณะที่มองเพื่อนร่วมทางใหม่ที่นั่งดื่มน้ำผลไม้อย่างสบายใจข้างๆเขา
โจเซฟออกความเห็นว่าอย่างน้อยๆมีเธออยู่ก็ไม่เสียหายแต่ถึงกระนั้นก็ต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดแม้อุรุมิจะไม่ชอบใจก็ตามเธอเดินไปยืนท่ามกลางคณะเดินทางโจสตาร์
"ฉันชื่อ อุรุมิ คะสแตนด์ของฉันคือ THE EYES ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!"
การแนะนำตัวครั้งนี้คือการที่เธอได้เข้าร่วมกับคณะเดินทางโจสตาร์อย่างเป็นทางการ
**************************************************
อุรุมิเองค่า!พบกันต่อในตอนต่อไปนะคะ♡♡
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น