ไดอารี่ หมอจิ๋ว - ไดอารี่ หมอจิ๋ว นิยาย ไดอารี่ หมอจิ๋ว : Dek-D.com - Writer

    ไดอารี่ หมอจิ๋ว

    เรื่องราว สุข เศร้า เคล้า น้ำตา จากเรื่องราวของโรงพยาบาลในชุมชน

    ผู้เข้าชมรวม

    169

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    169

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.พ. 60 / 16:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่่องราวของหมอกับคนไข้ ในแต่ละวัน มีอารมณ์ที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งสุขเศร้า เคล้าน้ำตา เมื่อนำเรื่องเหล่านี้มาเรียงร้อย และอ่านซ้ำ ก็ทำให้ ทั้งนึกขำ ทั้งสุข และเศร้า ไปกับสถานการณ์ที่เจอในแต่ละวัน 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      23 กุมภาพันธ์ 2560

      เมื่อวานซืน ตรวจผู้ป่วยพม่าหญิงอายุ 30 ปี

       

      คนไข้ : โหม เมื้อวันโก่นปอดเอว เล้วห้ายโหมฉิดยาห้าย กียาเล้ว กียาเล้วสามวาน เล้วดีเขิ้น

      สุกิจ : เอ่อ คือ

      คนไข้ : เมื้อวัน โยะโขงหนะ เล้วปอดเอวหม่าย เล้วกียาต่อ ดีเขิ้น

      สุกิจ : เอ่อ คือ

      คนไข้ : เล้ว วานนี้ โยะโขงหนะ แล้วปอดเอวหม่าย แวลาไหจายแล้วเจบบบบบ ปายที่หลางโน่น

      สุกิจ : เอ่อ คือ

      คนไข้ : พอวันนี้ ตื่นมาปอดมั่ก ปอดมั่กๆ หยะฉี่ยาโหน่ย

      สุกิจ : เอ่อ ที่พูดมาทั้งหมด ฟังไม่รู้เรื่องเลย มีล่ามมาด้วยไหม

      คนไข้ : +^+'


      22กุมภาพันธ์2560

      เมื่อวานซืน อยู่เวร ตรวจผู้ป่วยชายอายุ 40 ปี ให้ประวัติว่า ล้มลงไปทับมีดซึ่งวางอยู่ที่พื้น เป็นแผลที่หัวไหล่ ด้านซ้าย แผลลึกถึงกล้ามเนื้อ มีกล้ามเนื้อฉีกขาด

       

      พยาบาล จ: โดนอะไรมา

      คนไข้ : พอดี ทำปลาอยู่แล้ว ลื่นล้ม มีดเลยปักเข้าไปที่ไหล่

      พยาบาล จ: แล้ว ล้มอีท่าไหน ถึงมีดไปปักที่หัวไหล่ได้ล่ะ

      คนไข้ : ไม่รู้

      พยาบาล จ: แล้วทำไม มีรอยข่วนที่คอด้วย

      คนไข้ : อันนั้น รอยเมียข่วน เมียหนีไปแล้ว

      สุกิจ : หมายถึง เมียหยิบมีดมาแทงที่หัวไหล่ต่อจากนั้น แล้วหนีไปเหรอ

      คนไข้ : -..- ' ไม่ใช่ ผมล้มไปทับมีดเอง

      สุกิจ : แต่ รอยมีดแทงอยู่ที่หัวไหล่ด้านซ้ายนะ แสดงว่าคนแทงต้องถนัดขวา แล้ว แนวมีดอยู่ในแนวดิ่งจากด้านบน ลงตรงมาที่หัวไหล่ แบบนี้ ไม่น่าจะล้มแล้วไปโดนมีดนะ ถ้าล้มโดนมีดคือต้องตีลังกา เอาหัวปักลงล่าง แล้วทิ่มกับมีดนะ (ดูcsi มากไปรึเปล่า)

      คนไข้ : -..- ' ผมล้มไปทับมีดเองครับ

      พยาบาล จ : แล้ว มีดหายไปไหนแล้ว

      คนไข้ : พอดี มีดกระเด็นหลุดออกมาเอง

      สุกิจ : พอถูกเมียแทง แล้ว เมียดึงมีดออกเลยเหรอ

      คนไข้ : '-..-' ผมล้มไปทับมีดเองครับ

      พยาบาล จ. : แผลลึกมากถึงกล้ามเนื้อ มันกระเด็นหลุดออกมาเองได้เลยเหรอ

      คนไข้ : -..-' มันหลุดออกมาเองครับ

      สุกิจ : เคยอ่านในการ์ตูนนะ (เรื่องขุนพลประจัญบาน) หลวงจีนวัดเส้าหลิน เขาฝึกกล้ามเนื้อ บางคนใช้พลังจากกล้ามเนื้อดันมีดหลุดออกมาเองได้นะ

      คนไข้ : '-..-' ประมาณนั้น

      พยาบาล จ. : แล้ว มีดไปไหนแล้วล่ะ

      คนไข้ : ทิ้งลงคลองไปแล้ว หาไม่เจอแล้ว

      สุกิจ : แล้ว ไม่เก็บไว้เหรอเผื่อ วันหลังเปลี่ยนใจแจ้งความ ตรงด้ามมีด ยังมีรอยนิ้วมืออยู่ (ดูcsi มากไปอีกแล้ว)

      คนไข้ : '-..-" ผมล้มไปทับมีดเองครับ

      สุกิจ : แล้ว เราไม่แค้นบ้างเหรอ ที่โดนแทง คิดจะไปเอาคืนรึเปล่า

      คนไข้ : ไม่ครับ ไม่แค้นครับ เอ้ย ผมล้มไปทับมีดเองครับ

      สุกิจ ; ดีนะ บางคน ยอมถูกทำร้าย แต่ ไม่ยอมบอกไม่ยอมแจ้งความ ผู้หญิงบางคน ถูกทำร้าย แต่ก็ไม่แจ้งความ แต่ ลงบาดแผลไว้เคลมประกัน บอกว่าล้มไปโดนเครื่องซักผ้า

      พยาบาล จ. : ว่าใครน่ะ -..-

      สุกิจ : เปล่า ยกตัวอย่างให้ฟังเฉยๆ (ทำไมร้อนตัว) แล้ว กลับไป ไม่กลัวเมียหยิบมีดมาแทงเพิ่มเหรอ

      คนไข้ : -..- ' ไม่กล้ว เอ้ย ผมล้มไปทับทีดเองครับ

       

      สรุป ไม่สามารถ ทำให้ผู้เสียหายสารภาพได้ (เหลือแต่ต้องเอาไปส่องหน้าเวลาซักแล้ว)


      21กุมภาพันธ์2560

      วันนี้ ทำแผลกดทับที่ก้นคนไข้ชายอายุ 50ปี โรคประจำตัวเป็นเลือดออกในกะโหลกเรื่องจาก อุบัติเหตุ ปัจจุบัน นอนลืมตาอย่างเดียว ไม่พูด ไม่แสดงความรู้สึกอะไร

       

      สุกิจ : แผลที่ก้นกบ ดูซีดนิดหน่อย น่าจะทา hydro gel นะ

      พยาบาลซอ: ให้ญาติไปซื้อมาแล้ว วางอยู่ข้างเตียง (กล่องสีฟ้า

      สุกิจ :งั้นเปิดเลยนะ (เปิดฝาจุก บีบยา---> ไม่ออก อ้อ ไม่ได้เจาะฝา เลยใช้ปลายฝาอีกด้านเจาะ ได้ เนื้อเจลใส ใส่ไว้ในผ้า gauze

      )

      สุกิจ : (หยิบกล่องมาดู) คลินิเจล เจลหล่อลื่น ขนาด50กรัม เจลใสสูตรน้ำไม่เหนียวเหนอะ หนะ ไม่มีสี ไม่ทิ้งคราบ ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เฮ้ย นี่ไม่ใช่ ยาใส่แผลกดทับนะ นี่มันky gel

      พยาบาลซอ : หา กำลัง จะใส่แผลพอดี

      สุกิจ : ป้า หลอดนี้ ห้ามเอามาใส่แผลคนไข้ มันเป็นเจลหล่อลื่น บางคนเขาใช้เวลามีอะไรกัน (จะบอกทำไมฟะ)

      ป้าผู้ดูแล : ก็ไม่รู้ เด็กมันไปซื้อมาจากร้านยา เห็นร้านว่าใช้แทนกันได้

      สุกิจ : ไม่ได้นะ ขืนใส่ไปในแผลลื่นปริ้ด ๆ เลย

      ป้าผู้ดูแล: งั้น เดี๋ยวเอาไปทิ้ง

      พยาบาลซอ : อย่าเพิ่ง เดี๋ยวเอาไปใช้เอง

      สุกิจ+ป้าผู้ดูแล : -..-

      พยาบาลซอ : ม่าย -..-' เอาไปใส่เวลาใส่สายยางให้อาหารทางจมูกคนไข้

       

      เฮ้อ เกือบทำแผลคนไข้ลื่นปรื้ดๆ แล้ว


      9กุมภาพันธ์2560

      เมื่อวานส่งเคส ผู้ป่วยชายอายุ60ปี มาด้วยไข้2วัน อาเจียน ความดันต่ำ bp 80/50 mmHg สงสัยว่าติดเชื้อในกระแสเลือด และมีภาวะไตวาย ไปรพ.ศูนย์ พยาบาลไปกับภรรยาคนไข้ กับรถrefer

       

      พอไปถึงรพ ศูนย์

      พยาบาล รพ ศูนย์ : คนไข้เป็นอะไรนะ

      พยาบาล refer : ไข้มา2วัน อาเจียนกินไม่ได้ ความดันต่ำ หมอสงสัยติดเชื้อในกระแสเลือด

      พยาบาล รพ ศูนย์ : ลุงมีอาการยังไงบ้าง

      คนไข้: ไข้อยู่5วัน แล้ว กินอะไรไม่ได้เลย

      ภรรยาคนไข้ : แกไข้ อยู่ 10วันแล้ว นอนติดเตียงตลอดเลย

      พยาบาล รพ ศูนย์ : อ้าว ยังไงกันแน่ คนนึง บอกว่า ไข้5วัน คนนึงบอก ไข้10วัน แล้ว พยาบาลreferบอกไข้2วันไม่ใช่เหรอ

      พยาบาล refer : 0o0' (อยากจะร้องเพลง อ้าว เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า)

       

      1กุมภาพันธ์2560

      วันนี้ ตรวจคนไข้เด็กอายุ2ขวบ มาด้วยอาเจียนมาก ประมาณ 10ครั้ง อ่อนเพลีย สาเหตุเพราะ ไปนั่งในวงเหล้าพ่อ พ่อนั่งกินเหล้าหงษ์ทอง เด็กเห็น พ่อกิน เลยเอามากินด้วย แต่แม่ไม่ทราบว่ากินไปเท่าไร เพราะ พ่อไม่ได้มาด้วย แถม กิน ตัวต่อไปด้วย เพราะเห็นพ่อกินเลยกินตาม

       

      กลับมาอาเจียนตลอด และหลับตลอด ไม่รู้เพราะ เมา หรือ กระเพาะอักเสบจากกินอาหารไม่สะอาด

       

      เฮ้อ อนาคต ของชาติ

       

      28มกราคม2560

      เมื่อวานมีญาติมาซื้อยาให้คนไข้ แต่จำชื่อจริง นามสกุล จริงไม่ได้ เพราะเรียกแต่ ป้าริมตลอด

       

      พนักงาน: คนไข้ชื่ออะไรคะ

      ญาติ : ป้าริม นามสกุล จำไม่ได้น่าจะปลอดภัย นะ

       

      พนักงาน เข้าไปหาบัตรอยู่พักนึง หาเท่าไรก็หาไม่เจอ

       

      พนักงาน : นามสกุลอื่นรึเปล่า ชื่อนี้ นามสกุลนี้ หาไม่เจอ

      ญาติ : ลองถามคุณหมอสิ คุณหมอน่าจะจำได้

      สุกิจ : +^+ ( คนไข้ ก็ไม่ได้มา นามสกุลก็จำไม่ได้ จะรู้ได้ไงเนี่ย ) นามสกุลน่า จะไม่ใช่นะ เพราะ นามสกุล ปลอดภัย ที่เรารู้จักมีคนเดียวคือ ........ กาญจนาพร

      พนักงาน +ญาติ : +^+ ( รู้จักแต่ดารา)

       

      สุดท้าย ญาติโทรไปถามถึงรู้

       

      26 มกราคม2560

      อังคารที่ผ่านมาตรวจคนไข้ชาย อายุ65ปี มารับยาเบาหวานตามนัด

       

      สุกิจ : ลุงวันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง

      คนไข้ : -..-

      สุกิจ : (สงสัยจะไม่ได้ยินเลยเพิ่มvolumeนิดนึง) ลุงกินยาแล้วมีปัญหาอะไรไหม

      คนไข้: -..- วันนี้มาเอายา ปวดเมื่อยขาด้วย

      สุกิจ : +^+

      ท่าทาง จะไม่ได้ยินอะไรเลย ในห้องตรวจ มีหูฟัง(stethtoscope2อัน อันนึงของผู้ใหญ่ อันนึงของเด็ก พอดี เมื่อคืนดูซีรีย์เรื่อง emergency couple นางเอกเจอคนไข้หูตึงเหมือนกันเลยเอาหูฟังใส่ให้คนไข้ แล้วพูดใส่diaphragm เลยเลียนแบบบ้างเอาหูฟังของเด็กใส่ให้แก แล้วพูดผ่านdiaphram

       

      สุกิจ : ฮัลโหล ๆ ลุงได้ยินไหม(พูดใส่หูฟังอีกด้าน)

      คนไข้: เออ ได้ยิน

      สุกิจ : กินยาแล้วมีปัญหาไหมลุง

      คนไข้: ไม่มี วันนี้ เขาให้มาเอาใบส่งตัวไปตรวจเรื่องหูไม่ได้ยิน

      สุกิจ : เดี๋ยวเขียนให้นะ

       

      สรุป ดูหนังดูละครย้อนดูตัว เอามาใช้ประโยชน์ได้ด้วย ใครว่าดูซีรีย์เกาหลีไม่มีประโยชน์

       

      25มกราคม2560

      เมื่อเช้าไปดูคนไข้ในวอร์ด กับอ.วสวัฒน์ จิตแพทย์

      คนไข้หญิงอายุประมาณ70ปี มานอนรพ ด้วยเรื่อง เพลีย เบื่ออาหาร กลางคืนจะพูดไม่รู้เรื่องวุ่นวาย กระโดดลงจากเตียง ดึงสายน้ำเกลือ โรคประจำตัวเป็นสมองเสื่อม ปัจจุบันใช้ยา exelon แปะวันละแผ่น

       

      อ.วสวัฒน์: สวัสดีครับป้า

      คนไข้ : =_= สวัสดี

      อ.วสวัฒน์ : ป้าคนนั้นใคร ครับ (ชี้มือมาทางลุกชายแก)

      คนไข้: ไอ้บ่าว

      อ.วสวัฒน์ : แล้วคนนั้นล่ะ (ชี้มาทางผม)

      คนไข้ : ลูก

      อ.วสวัฒน์ : แล้วคนนี้ ล่ะ (ชี้ไปทางหมอนก)

      คนไข้ :หมอ

      อ.วสวัฒน์ :แล้วผมล่ะ (คนไข้เคยรักษาอยู่กับอาจารย์)

      คนไข้ : พ่อ (สรุป แกคิดว่าผมกัยอ.วสวัฒน์เป็นพ่อลูกกัน)

      อ.วสวัฒน์ : แล้วคนนี้ทำงานอะไร (ชี้กลับมาที่ผมอีกครั้ง)

      คนไข้ : อยู่ออฟฟิส

      สักพักแกพยายาม เอามือมาแตะอาจารย์

      คนไข้ : แล้วมีลูกกี่คนล่ะ

      อ.วสวัฒน์ : สองคน

      คนไข้ : แล้วนี่ลูกคนโตเหรอ (ชี้มาทางผม)

      อ.วสวัฒน์ : ไม่ใช่ ลูก นี่เพื่อนร่วมงาน

      สุกิจ : พอดีไม่ใช่ลูกแท้ๆครับ

      อ.วสวัฒน์ : 0o0'

      สุกิจ: ลูกศิษย์ ครับ ลูกศิษย์

      คนไข้ : =o= อ้อ

      สุกิจ : ข้างนอกห้องนั่นก็ลูกเหมือนกัน ลูกแท้ๆเลย ลูกจ้าง

      คนไข้ : =o= อ้อ

       

      ไม่รู้ทำให้คนไข้สมองเสื่อมยิ่งสับสนรึเปล่า

       

      17มกราคม2560

      เมื่อกี้ ตรวจคนไข้หญิง อายุ70ปี มาด้วยเป็นลม ตอนมาถึง ที่erนอนนิ่งลืมตาอย่างเดียวไม่พูดอะไร สักพักแกถึงยอมพูด

       

      สุกิจ :ยายเป็นอะไรมาครับ

      คนไข้ : ไม่รู้บอกไม่ถูก

      ญาติ: แกเวียนหัว เลยเป็นลม

      สุกิจ : ก่อนหน้าจะเป็นลม แกทำอะไรอยู่เหรอครับ

      ญาติ :เอิ่มพอดี แกเครียดมาก

      สุกิจ: เครียดเรื่องอะไรเหรอครับ

      ญาติ : เอิ้ม

      สุกิจ : ญาติเสีย

      ญาติ : ไม่ใช่

      สุกิจ : หวยกิน ซื้อหวยไม่ถูก (พอดีวันนี้หวยออก) ให้ยืมเงินไปเงินไม่ได้คืน เจ้ามือหนี แชร์ล้ม ......

      ญาติ : เอิ่ม แกสูญเงิน

      สุกิจ : เท่าไรครับ

      ญาติ : 5000บาท

      สุกิจ : หา ป้าครับ5000บาทเอง ผมนึกว่าเป็นแสน

      ญาติ : พอดีแกทำงานหนัก หาเงินด้วยความเหนื่อยยาก แกเลยเครียด

      สุกิจ: ยายครับ เงินสูญไป5000 แต่ยายเครียดจนเป็นลม เดี๋ยวความดันขึ้นเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอะไรไปไม่คุ้มกับ5000บาท ที่สูญไปนะครับ

      ยาย : /u\ (แกเริ่มยิ้มออก)

      สุกิจ : ยายครับ เงินทองของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ นะครับ แต่ถ้ายายเป็นอะไร เงินหาเพิ่มไม่ได้แล้วนะครับ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักบาท คนแถวนี้ เล่นหวยปีนึงเป็นหมื่นเสียเกือบทุกงวด เขาไม่เห็นเครียดแบบยายเลย ( บุคลากรที่ได้ยินสะดุ้งกันเป็นแถบ )

      ยาย:/u\

      สุกิจ :งั้น คืนนี้ นอนรพ ก่อนไหม ถือซะว่า 5000ที่สูญไปเป็นค่านอนรพ แล้วกัน ยังไงยายใช้บัตรทองนอนรพ ฟรีอยู่แล้ว พรุ่งนี้ เช้ากับเที่ยงได้กินข้าวฟรีด้วย นี่ถ้าอยู่รพ เอกชนคืนนึงเป็นหมื่นเลยนะ

      ยาย : ฉันกลับบ้านดีกว่า

      สุกิจ : งั้นสัญญาก่อน เรื่องเงินสูญ ไม่เก็บ าคิดแล้ว เงินทองของนอกกายไม่ตายหาใหม่ได้

      ยาย :สัญญา

       

      สรุป ได้กลับบ้าน นัดพรุ่งนี้พบจิตแพทย์

       

      17มกราคม2560

      สัปดาห์ที่แล้ว ตรวจคนไข้หญิง อายุ 45 ปี เห็นถือถุงพลาสติกเดินเข้ามา ปรากฏว่า ในถุงพลาสติก คือ กระเป๋าหนังสีดำ ไม่แน่ใจว่า hermes รึเปล่า เห็นฝนก็ไม่ตก เลยถาม

       

      สุกิจ : ทำไม เอากระเป๋า ใส่ในถุงพลาสติก ล่ะครับ

      คนไ้ข้ : พอดี เดี๋ยวนี้ โจรเยอะ ทำงานร้านทอง แล้ว นั่งมอเตอร์ไซค์ มา มันไม่ปลอดภัย

      สุกิจ : แล้ว ใส่ถุงพลาสติก แล้วโจรจะไม่กระชากเหรอครับ

      คนไข้ : ก็อย่างน้อย ยังมีอะไรคว้าได้ หรือ โจรมันเห็นเราถือถุงพลาสติก มันก็คงไม่กระชาก

      สุกิจ : +^+

       

      หลังจากตรวจคนไข้เสร็จ แก ก็เอากระเป๋าหนังสีดำ ใส่กลับไปในถุงพลาสติก แล้ว ขึ้นมอเตอร์ไซค์ กลับบ้านเหมือนเดิม

       

      สรุป ความรู้ใหม่ ถ้าเราเอากระเป๋าอย่างดี ใส่ถุงพลาสติก โจรจะไม่กระชาก

       

      อีกเคสนึง เดือนที่แล้ว ตรวจคนไข้หญิง อายุ 70 ปี ไม่ได้พกกระเป๋าตังค์มา พอตรวจเสร็จ จะเก็บตังค์ แกถลกเสื้อขึ้น เปิดยกทรง เห็นกระเป๋าซิป อยู่ในยกทรง

       

      สุกิจ : ป้า ไ่ม่ซื้อกระเป๋ามาใส่เงินเหรอ

      ป้า : แบบนี้ ปลอดภัยกว่า โจรมันกรีดกระเป๋า หรือ กระชากเงินไปก็ไม่ได้

      สุกิจ ; ไม่กลัว โจรมันกรีดมาถึงยกทรงเหรอ

      ป้า : ถ้ามันกรีด ขึ้นมาถึงนี้ คงตายแล้ว

      สุกิจ : แล้ว ไม่กลัวโป๊ เหรอ เวลาชักเงินออกมาที ก็ต้องเปิดเสื้อ นมก็ไหลออกมาหรอก

      ป้า : แก่ป่านนี้ แล้วไม่อายหรอก

      สุกิจ : +^+

       

      สรุป ได้ความรู้ใหม่อีกเรื่อง การใช้กระเป๋าเงินแพงๆ ไม่ได้รับรองความปลอดภัย เท่าเอาเงินใส่ในยกทรง

       

      17 มกราคม2560

      เมื่อวาน ไปเยี่ยมบ้าน ญาติเด็กที่จมน้ำเสียชีวิต เป็นเด็กชายอายุ9ปี เป็นลูกคนโต ชื่อน้อง โชกุน แม่แยกทางกับพ่อ แม่แต่งงานใหม่ มีลูกกับสามีใหม่2คน เด็กเลยสนิทกับยาย วันที่เกิดเหตุเด็กขอไปเล่นน้ำที่คลองปอมแถวบ้านกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน พอกระโดดลงไป รอบแรก2คน เหมือนจะมีแรงดูดลงไปข้างใต้เนื่องจาก เป็นรอยต่อลงคลองอู่ตะเภาซึ่งน้ำค่อนข้างเชี่ยว รอบแรก ดึงกันขึ้นมาได้ แต่เด็กจะกระโดดลงไปอีกรอบ รอบนี้ จมหายไปเลย ต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ

       

      เด็กๆเลยไปตามผู้ใหญ่ กับยายของเด็กซึ่งอยู่ไม่ไกล ยายมาถึง ร้องไห้แทบจะขาดใจ เดินลงไปในน้ำ เอามือตะกุยดินใต้ พยายามงมหา ผ่านไปครึ่งชม. หน่วยกู้ภัย ถึงเจอ แต่ร่างของเด็กชาย บวมและเขียวหมดแล้ว สัปดาห์ ที่แล้วตั้งศพไว้ที่วัด ยายไปนอนเฝ้าทุกคืน คอยกอด คอยหอม คอยคุยกับร่างที่ไร้วิญญาณของหลาน ทั้งวันทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา3คืน จนหลวงพ่อ ต้องไปคุยด้วยว่า จิตของหลานไม่ได้อยู่ที่ร่างนี้แล้ว กลับไปอยู่ที่บ้าน และยังไม่รู้ว่าตนเองตายแล้วจนกว่าจะครบ49วัน ยายจึงยอมกลับไปนอนที่บ้านบ้าง แต่ยายยังรู้สึกผิดอยู่ที่เป็นคนอนุญาตให้หลานไปเล่นน้ำ แล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย

       

      หลังกลับมาบ้าน ช่วงแรกๆแกยังไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่อยากทำอะไร เห็นแม่เด็กบอกว่า มีวันหนึ่งตื่นมากลางดึกตะไปห้องน้ำเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งคุกเข่าในความมืด แกนึกว่าลูกคนกลาง เลยเรียกว่า น้องชมพู(ชื่อลูกคนกลาง ) ปรากฏว่าเด็กนิ่งไม่ตอบอะไร แกเลยเรียกอีกว่า นั่นโชกุนเหรอ เด็กคนนั้นพยักหน้า แล้วค่อยๆเลือนหายไป พอเล่าให้นานฟัง ยายบอกว่า แน่จริงให้หลานมาปรากฏตัวให้เห็น นอกจากไม่กลัว จะจับหอมให้หายคิดถึงเลย

       

      แกก็ขอให้ได้ฝันถึงหลานบ้าง ปรากฏว่าคืนนั้น ฝันเป็นจริง เห็นหลานใส่ชุดสีขาว มีแสงออร่ารอบตัว นั่งเล่นมือถือ ของยาย โดยมีเหล่าคนใส่ชุดขาวเรืองแสงเหมือนกันอยู่รอบๆ พอยายจะดึงมือหลานพากลับบ้าน แกสะบัดมือทิ้ง พูดว่า จะอยู่ที่นี่แหละ ยายไม่ต้องห่วง แล้วก้มเล่นมือถือต่อ แล้วแกก็ตื่น

       

      ปัจจุบันหลังงานศพหลานเสร็จ แกเริ่มไปขายของที่หน้าโรงงานต่อ ตอนบ่ายก็กลับมาบ้าน เริ่มทำใจได้ แกบอกว่า คิดถึงหลานคนนี้ เพราะผูกพันมาก เคย มีครั้งหนึ่งน้ำท่วม เหลือมาม่า อยู่3ห่อ น้องโชกุนบอกว่า เดี๋ยวแบ่งให้ยายห่อครึ่ง ผมกินห่อครึ่ง

       

      แม่เล่าให้ฟังว่าทุกเช้า จากบริเวณหน้าบ้านถึงงโรงเรียนน้องโชกุน ก็ยังได้ยินเสียงหมาหอนไปตลอดทางก่อนเข้าเรียน เหมือนกับว่าน้องยังเดินไปรร เหมือนปกติทุกวัน

       

      เมื่อวานไปเยี่ยมที่บ้านสีหน้ายังดูเศร้าอยู่บ้าง แต่แม่เด็กก็บอกว่า ดีกว่าช่วงแรกๆเยอะ เลยปลอบใจยาย ว่า ตอนนี้ หลานไปอยู่ในภพภูมิที่ดี แล้ว ที่เขามาเข้าฝันให้เห็นก็เพื่อจะบอกว่า เขาอยู่ที่สบายแล้ว มีความสุขแล้วไม่ต้องห่วง พอถามว่า สมมติว่าหลานอยู่แถวนี้ จะบอกอะไรน้องโชกุนไหม แกบอกว่า ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะ ไปสบายเถอะ ยายอยู่ได้

       

      นี่แหละความผูกพัน

       

      13มกราคม2560

      เมื่อวานซืน นัดช่างมาล้างแอร์ที่คลินิก เลยเปิดแอร์ไม่ได้ เลย เปิดประตู เปิดพัดลม แทน พอ6โมงเย็น กองทัพ ยุง ไม่รู้มาจากไหน บินว่อนเข้ามาในร้าน10กว่าตัว ยังกะโรงงานผลิตยุงปล่อยมา เรียกได้ว่าตรวจคนไข้ไป ยุงก็บินว่อนตอมหัวไป

       

      จนพอตรวจคนไข้คนหนึ่ง ขณะวัดความดัน

      คนไข้ : หมอ นั่นอะไรเกาะที่มือน่ะ

      สุกิจ : (ก้มดูเห็นยุงตัวเขื่อง กำลังสูบเลือดจากหลังมือเราจนกันแดงแจ๋)0^0 (เลยพยายามเกร็งมือไว้ หวังว่ารูขุมขนจะหนีบให้ปากยุงอยู่กับที่ กะจะใช้อีกมือตบ พอขยับมือ ......มันบินหนีไปแล้ว T^T

       

      หลังจากนั้น ทั้งหมอ ทั้งคนไข้ ถูกยุงตอมจนหัวหมุน กันไปหมด ตรวจไปเคล้ากับเสียงตบยุง แปะๆๆๆ ยังกะหลังชมละครเวที มิวสิคัล จบแล้วคนลุกขึ้นปรบมือให้

       

      ด้วยความสุดจะทนเลยไปเอาไม้ตียุงไฟฟ้า จากหลังบ้านมา คนไข้ ก็ขอด้วย กลายเป็นตรวจไประคนกับเสียง เปียะ ป่ะ ๆ จากเสียงช็อตยุง บางช่วง บางคนถือ สองมือยังกับรำสีนวล สลับกับ เสียงเปียะ ป่ะๆๆ พอวาดมือรำสีนวลไป ก็ตามมาด้วยเสียงเปียะป่ะๆ ตามมา จากบรรยากาศการตรวจคนไข้ กลายเป็นหมอกับคนไข้ ช่วยกันตียุง !!!จนหัวหมุน

       

      พอล้างแอร์เสร็จ เลยเปิดแอร์ ปิดกระจกได้ เห็นภาพกองทัพยุงบินมาเวียนว่ายตอมกระจกยังกับกองทัพซอมบี้รอเขมือบในwalking dead

       

      วันต่อมาเลยซื้ออาร์ท โนแมท พี90ที่ไล่ยุงไฟฟ้า ใช้ได้90วัน มาเสียบที่ปลั้กด้านหน้าคลินิก ปรากฏว่า .............. ยุงยังบินร่ายรำผ่านเครื่องอาร์ท โนแมท โดยไม่สะทกสะท้านอะไร มีตัวนึงเกาะบนผนังห่างจากอาร์ท โนแมท แค่2ฟุต แบบไม่รู้สึกอะไร ยังกับว่า เครื่องผลิตจากญี่ปุ่น ทำอะไร ยุงไทยไม่ได้ ไล่ได้แต่ยุงญี่ปุ่น สรุป ยุงไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

       

      ยอมแพ้

       

      7 มกราคม2560

      จากเหตุการณ์ไปเยี่ยมบ้านคนไข้จิตเภท เมื่อเดือนที่แล้ว

       

      (เมื่อวานนี้ ไปเยี่ยมบ้านคนไข้จิตเภท ผู้ชาย อายุ46ปี ชื่อพี่ไก่ แต่ก่อนเคยประกอบอาชีพเป็นตำรวจ มีเมียน้อย แล้วถูกเมียน้อยหลอกให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ เลยเครียดมากหมดอาลัยตายอยาก บางครั้งก็ทำร้ายพี่สาวที่เป็นผู้ดูแลจนตาเขียว เคยพาไปรักษาที่รพ จิตเวช แต่ผป ไม่ยอมกินยา วันนี้ เลยวางแผนว่า จะไปฉีดยาต้านโรคจิต ที่บ้าน โดยญาติบอกว่า ผู้ป่วยมีอาการโรคกระเพาะอยู่เดิม ก็ให้บอกคนไข้ว่า วันนี้ พาหมอมาตรวจที่บ้านและ ฉีดยาลดกรดหน่อย

       

      พอเตรียมตัวจะไปตอนบ่าย ปรากฏว่า ทีมผูกยึด รพ ไม่มีใครว่าง เหลิอแค่เรากับคนขับรถ2คน เลยต้องไปยืมตัวพี่ชิตจาก er เพราะถ้าแค่2คน อาจจับได้แค่แขน2ข้าง ต้องให้อีกคนช่วยกดขา

       

      พอไปถึง เห็น คนไข้นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้าน ถามก็ไม่ตอบ แต่พยักหน้าไว้หนวดเครารุงรัง ผอม วันนึงกินข้าวมื้อเดียว

      พยาบาล : เป็นไงบ้าง พี่ไก่ สบายดีไหม

      คนไข้ :-..- พยักหน้า

      พยาบาล : วันนี้ พาหมอมาตรวจพี่จุกถึงบ้านเลย พี่จุกปวดท้อง อีกไหม

      คนไข้ :-..- ส่ายหน้า (อ้าว คนไข้ไม่ปวดท้องแล้วไปต่อไม่ถูกแล้ว)

      สุกิจ : งั้นไหนๆ หมอมาแล้ว ขอตรวจหน่อยนะครับ เดี๋ยววัดความดันหน่อยนะครับ

      คนไข้ : -..- (พยักหน้า ยื่นแขนให้วัดความดัน พยาบาล เลยเข้าไปรัดแขน วัดความดัน ได้ 100/70 ปกติ )

      สุกิจ:งั้นเดี๋ยว ขอตรวจหน่อยนะครับ (ทำเป็นตรวจท้อง เคาะพุง พบว่าท้องอืด)

      (พอดี ญาติ ซึ่งเป็นพี่สาว กลับมาพอดี) 

      สุกิจ : ตรวจพี่จุก แล้วพบว่าท้องอืด มีอาการของโรคกระเพาะ เห็นว่าพี่จุกไม่กินยา เดี๋ยวขอฉีดยาลดกรดหน่อยนะครับ ( เล่นไปตามบท แต่จริงๆ ตกลงกับญาติเขาไว้ก่อนแล้ว เลย บอกให้พยาบาลตามพี่ชิต มาช่วยจับ)

      สุกิจ : เดี๋ยว หมอฉีดยาโรคกระเพาะหน่อยนะครับ (เลยรัดตัวแกไว้ แล้วให้พี่ชิต จับแขนอีกด้าน)

      คนไข้ :กรูไม่ฉีด กรูไม่ได้เป็นอะไร (พร้อมกับถอยตัวลงทางด้านล่าง พยาบาล ผ่อง ที่จะฉีดยาที่หัวไหล่ ก็ยักแย่ยักยัน จะฉีดดีไม่ฉีดดี เพราะคนไข้ไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวเข็มไปฉีดโดนสุกิจแทน)

      คนไข้ : กรูขอให้พวกมรึงตายโหง (มองแบบตาขวาง และตวาดด้วยเสียงอันดัง)

      (พี่นอม ที่ไปด้วยแกตกใจ เลยวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน พอตั้งสติได้แกเลยใส่รองเท้ากลับเข้ามาใหม่ คราวนี้ เลยให้คนขับรถช่วยกดเข่าเอาไว้ จนผ่องฉีดยาที่หัวไหล่ได้)

      คนไข้ : กรูขอให้พวกมรึงตายโหง (พอฉีดเสร็จแกสะดุ้งตัวขึ้นมายืน ทำตาขวาง เดินไปหาพี่สาว เราเลยเดินตามไปข้างหลัง เผื่อ แกวิ่งหรือทำร้ายคนอื่นจะได้รวบแกจากด้านหลัง ดีที่แกไม่ทำอะไรใคร แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม )

       

      หลังจากนั้น ก็พาพี่สาว มานั่งถามประวัติ ก็ได้ความว่า แต่ก่อนแกเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี ใครเดือดร้อนอะไรแกช่วยเหลือหมด รักใครทุ่มเต็มที่ แต่เล่นพนัน และถูกเมียน้อยหลอกให้เซ็นต์โอนบ้าน ที่ดิน และทรัพย์สินจนหมด จนไม่เหลืออะไรแกเลยเป็นแบบนี้ เฮ้อ )

       

      เมื่อวานนี้ ครบ1 เดือนหลังจากฉีดยา เลยไปเยี่ยมซ้ำเพื่อประเมินอาการ พี่สาว แกบอกว่า ปัจจุบัน พี่ไก่ อาการดีขึ้น ตอนเช้าไปช่วยเก็บมะนาวไปขาย เมื่อวาน ก็ออกมาชวนพี่สาวไปเดินห้าง ซื้อของ สัปดาห์ที่แล้ว ก็ไปตัดผม โกนหนวดโกนเครา จากเดิม ที่นั่งเงียบคนเดียวหน้าบ้าน ไว้หนวดไว้เครา ยาวจนเป็นฤาษี แต่ วันนี้ ถึงนัดฉีดยาเข็มต่อไป ก็ยังไม่ไว้ใจ เดี๋ยวอาจต้องมีการจับกันอีก เลยเตรียมทีมผูกยึดไว้3ท่านเหมือนเดิม

       

      พอไปถึงเห็นพี่ไก่ นั่งหล่อ อยู่หน้าบ้าน เหมือนรอรับพวกเรา ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว โกนหนวด โกนเครา หล่อเหมือนสมัยถ่ายรูป เป็นนายร้อยตำรวจ

       

      สุกิจ : แหม พีไก่ วันนี้ หล่อเลยนะครบ เหมือนพระเอกหนังเลยนะครับ

      ทีมงาน : จริงด้วย เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนเลย ตอนนี้ หล่อเลย

      พี่ไก่ : ^U^ (แกยิ้มออก ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มแก จากเดิมเห็นแต่นั่งนิ้งๆ ทำหน้าเครียดตลอด )

      สุกิจ : ตอนนี้ พี่ไก่ รู้สึกยังไง ครับ

      พี่ไก่: ก็ดีขึ้น ครับ แต่รู้สึกยังหนักๆ หัวอยู่ พอดีมีเรื่องให้คิดเยอะ แล้วกลางคืนก็นอนไม่หลับด้วย จากแต่ก่อนที่บังคับข่มตาให้หลับได้ แต่ ตอนนี้ พยายามบอกสมองให้หลับนี่ ไม่หลับเลยครับ กลางดึกเลยต้องลุกมาเดินไป เดินมา

      สุกิจ : ถ้างั้น ผมจ่ายยานอนหลับให้พี่ไก่ ทานไหม ครับ

      พี่ไก่ : ไม่ทานครับ เคยกินแล้ว ตื่นมามึนหัว ยาที่หมอรพ.จิตเวชให้มา ผมเอาไปทิ้งหมดเลย แต่ ไม่เคยบอกหมอเลย

      พี่สาวพี่ไก่ : เพราะ กินกาแฟมากไป รึเปล่า บอกหมอไปสิ

      สุกิจ . แล้ววันนึง พี่ไก่ กินกาแฟ วันละกี่ซองละครับ ตอนไหนบ้าง

      พี่ไก่ : 2ซอง ครับ ตอนเช้า

      สุกิจ : ถ้ายังไงลองเปลี่ยนเป็นนมร้อนๆ หรือ โอวัลตินดีไหมครับ พวกกนี้น่าจะมีผลต่อการนอนน้อยกว่า

      พี่ไก่ : -..- (เงียบไป)

      สุกิจ: เห็นวันนี้ พี่ไก่ดีขึ้นมากเลยนะครับ ถ้ายังไงฉีดยาอีกเข็ม ได้ไหมครับ

      พี่ไก่ :(ถลกแขนเสื้อยอมให้ฉีด)

      พยาบาล ผ่องเลยดูดยาเตรียมฉีด โดยทีมงานทุกคนยืนขึ้นเตรียมรับสถานการณ์แบบรอบที่แล้ว แต่ก็ผ่านไปด้วยดี

       

      สุกิจ : เห็นว่า ช่วงนี้ พี่ไก่ มีกิจกรรมเยอะขึ้นมากเลยนะครับ เห็นมีชวนพี่สาวไปเดินห้างด้วย

      พี่ไก่ : (อยู่ดีๆ ก็ลุกเดินออกไปจากโต๊ะ เข้าไปข้างหลังบ้าน)

      พี่กุ้ง : (สะดุ้งตัวขึ้นมา ไปยืนข้างหลัง แกเคยมีประสบการณ์ เจอคนไข้จิตเวชพกมีดออกมา เลยกลัวว่าแกจะไปหยิบปืนออกมา )

       

      สักพัก พี่ไก่ ออกมา พร้อมกับ กระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่เต็มไปด้วยวีต้ามิกซ์เบอรี่ เต็มตระกร้า

      พี่ไก่ : สวัสดีปีใหม่ครับ

      (ทั้งทีมงานทำอะไรไม่ถูก ครั้งนี้ ถือว่า ถูกคนไข้ทำเซอร์ไพรส์ )

      สุกิจ : งั้นขอเป็นตัวแทนรพ. รับมองกระเช้าปีใหม่นะครับ ขอบคุณพี่ไก่มากๆเลยครับ ของขวัญที่พี่ไก่ให้นี่ จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเลยครับ (เลย ถ่ายรูปร่วมกัน 3รูป หมู่พี่ป้าน้าอาเริ่มตาฝ้าฟาง จะได้กินวีต้ามิกซ์เบอรี่บำรุงสายตาหน่อย) แล้ว วันนี้ พี่ไก่ มีอะไรอยากจะพูด หรือบอกไหมครับ

      พี่ไก่ : คิดถึง คุณ อ. (ชื่อภรรยาคนที่2 ไม่มีลูกด้วยกัน) กับ ลูก ครับ (ลูกที่เกิดกับภรยาคนแรก ลูกคนโตผู้หญิง เรียนจบปริญญาแล้ว ส่วนคนเล็กผู้ชาย ตอนนี้ยังเรียนอยู่ ตอนนี้ไปอาศัยอยู่กับแม่) คุณอ. เขาไปดีแล้ว ไปรำไปรวยแล้ว ผมก็ขอให้เขาเจอแต่ความสุข (ได้ข่าวว่าหลอกให้พี่ไก๋ โอนทรัพย์สินให้แล้วหนีไป)

      สุกิจ : คุณ อ.เขาไปดีแล้ว พี่ไก่ ก็ต้องปล่อยวางบ้างนะครับ เรื่องอะไรที่ผ่านไปแล้ว บางเรื่องไม่ดี ไม่ต้องเก็บมาคิดก็ได้นะครับ

      พี่ไก่ : ตอนนี้ ก็ยังคิดถึงอยู่ ตอนนี้ ก็ห่วงทรัพย์สิน ผมมีปืนสมัยโบราณ ทองคำสมัยพระเจ้าตากในบ้าน ทรัพย์สินผมมีเป็นสิบๆล้านเลย (ตอนนี้ เริ่มพูดออกประเด็น เริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว หลังจากพูดเรื่องนี้ อยู่ดีๆ พี่ไก๋ ก็ลุกไปหลับบ้านอีกครั้ง)

      พี่กุ้ง : (สะดุ้ง โหยงไปหลบข้างหลังอีกครั้ง คิดว่ารอบนี้ ไปเอาปืนมาแน่ เลยส่งซิกกับทีมงานผูกยึดให้จับตาดู เผื่อจะได้วิ่งทัน)

       

      (ปรากฏว่า รอบนี้ ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือออกมา ท่าทาง แกแค่ห่วงสมบัติกลัวคนจะขโมย แกบอกว่า ของยังอยู่ครบ เห็นยิ่งพูดมาก ความคิดแกเริ่มสับสน เลย ลากันกลับ หวังว่า รอบหน้า พี่ไก่ จะช่วยเหลือตนเอง ได้มากขึ้น และอาการดีขึ้นทุกวัน เห็นคนไข้ดีขึ้น ทีมงานก็ปลื้ม ทางทีมวางแผนกับพี่สาวว่า ช่วงปิดเทอม จะให้ลูกชายแกมาบวชที่วัดแถวบ้าน จะได้มาเยี่ยมพี่ไก่ หลังจากไม่ได้เจอกันเกือบสองปี แต่ เรื่องนี้ ยังไม่ได้ประสานกับภรรยาคนแรกแกที)


      10 ธันวาคม2559

      เมื่อวานนี้ ไปเยี่ยมบ้านคนไข้จิตเภท ผู้ชาย อายุ46ปี แต่ก่อนเคยประกอบอาชีพเป็นตำรวจ มีเมียน้อย แล้วถูกเมียน้อยหลอกให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ เลยเครียดมากหมดอาลัยตายอยาก บางครั้งก็ทำร้ายพี่สาวที่เป็นผู้ดูแลจนตาเขียว เคยพาไปรักษาที่รพ จิตเวช แต่ผป ไม่ยอมกินยา วันนี้ เลยวางแผนว่า จะไปฉีดยาต้านโรคจิต ที่บ้าน โดยญาติบอกว่า ผู้ป่วยมีอาการโรคกระเพาะอยู่เดิม ก็ให้บอกคนไข้ว่า วันนี้ พาหมอมาตรวจที่บ้านและ ฉีดยาลดกรดหน่อย

       

      พอเตรียมตัวจะไปตอนบ่าย ปรากฏว่า ทีมผูกยึด รพ ไม่มีใครว่าง เหลิอแค่เรากับคนขับรถ2คน เลยต้องไปยืมตัวพี่ชิตจาก er เพราะถ้าแค่2คน อาจจับได้แค่แขน2ข้าง ต้องให้อีกคนช่วยกดขา

       

      พอไปถึง เห็น คนไข้นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้าน ถามก็ไม่ตอบ แต่พยักหน้าไว้หนวดเครารุงรัง ผอม วันนึงกินข้าวมื้อเดียว

      พยาบาล : เป็นไงบ้าง พี่จุก สบายดีไหม

      คนไข้ :-..- พยักหน้า

      พยาบาล : วันนี้ พาหมอมาตรวจพี่จุกถึงบ้านเลย พี่จุกปวดท้อง อีกไหม

      คนไข้ :-..- ส่ายหน้า (อ้าว คนไข้ไม่ปวดท้องแล้วไปต่อไม่ถูกแล้ว)

      สุกิจ : งั้นไหนๆ หมอมาแล้ว ขอตรวจหน่อยนะครับ เดี๋ยววัดความดันหน่อยนะครับ

      คนไข้ : -..- (พยักหน้า ยื่นแขนให้วัดความดัน พยาบาล เลยเข้าไปรัดแขน วัดความดัน ได้ 100/70 ปกติ )

      สุกิจ:งั้นเดี๋ยว ขอตรวจหน่อยนะครับ (ทำเป็นตรวจท้อง เคาะพุง พบว่าท้องอืด)

      (พอดี ญาติ ซึ่งเป็นพี่สาว กลับมาพอดี)

      สุกิจ : ตรวจพี่จุก แล้วพบว่าท้องอืด มีอาการของโรคกระเพาะ เห็นว่าพี่จุกไม่กินยา เดี๋ยวขอฉีดยาลดกรดหน่อยนะครับ ( เล่นไปตามบท แต่จริงๆ ตกลงกับญาติเขาไว้ก่อนแล้ว เลย บอกให้พยาบาลตามพี่ชิต มาช่วยจับ)

      สุกิจ : เดี๋ยว หมอฉีดยาโรคกระเพาะหน่อยนะครับ (เลยรัดตัวแกไว้ แล้วให้พี่ชิต จับแขนอีกด้าน)

      คนไข้ :กรูไม่ฉีด กรูไม่ได้เป็นอะไร (พร้อมกับถอยตัวลงทางด้านล่าง พยาบาล ผ่อง ที่จะฉีดยาที่หัวไหล่ ก็ยักแย่ยักยัน จะฉีดดีไม่ฉีดดี เพราะคนไข้ไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวเข็มไปฉีดโดนสุกิจแทน)

      คนไข้ : กรูขอให้พวกมรึงตายโหง (มองแบบตาขวาง และตวาดด้วยเสียงอันดัง)

      (พี่นอม ที่ไปด้วยแกตกใจ เลยวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน พอตั้งสติได้แกเลยใส่รองเท้ากลับเข้ามาใหม่ คราวนี้ เลยให้คนขับรถช่วยกดเข่าเอาไว้ จนผ่องฉีดยาที่หัวไหล่ได้)

      คนไข้ : กรูขอให้พวกมรึงตายโหง (พอฉีดเสร็จแกสะดุ้งตัวขึ้นมายืน ทำตาขวาง เดินไปหาพี่สาว เราเลยเดินตามไปข้างหลัง เผื่อ แกวิ่งหรือทำร้ายคนอื่นจะได้รวบแกจากด้านหลัง ดีที่แกไม่ทำอะไรใคร แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม )

       

      หลังจากนั้น ก็พาพี่สาว มานั่งถามประวัติ ก็ได้ความว่า แต่ก่อนแกเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี ใครเดือดร้อนอะไรแกช่วยเหลือหมด รักใครทุ่มเต็มที่ แต่เล่นพนัน และถูกเมียน้อยหลอกให้เซ็นต์โอนบ้าน ที่ดิน และทรัพย์สินจนหมด จนไม่เหลืออะไรแกเลยเป็นแบบนี้ เฮ้อ


      2 ธันวาคม2559

      วันนี้ หมอนก ตรวจคนไข้หญิง อายุ ประมาณ 76 ปี มาด้วยท้องผูกไม่ถ่ายมาเป็นเดือน ถ่ายเป็นมูก แต่ รอบนี้ แกไปซื้อ ยาระบาย มาแล้ว แล้ว ถ่ายเป็นมูก แกเลยกังวล

       

      หมอนก : ป้าเป็นอะไรมา

      ป้า : ป้าไม่ถ่าย ท้องผูก มาเป็นเดือนแล้ว ตอนนี้ เริ่มถ่ายเป็นมูกทุกวัน เลย (อยู่ดีๆ แกก็เอามือไปค้นในกระเป๋า)

      หมอนก : หาอะไรล่ะป้า

      ป้า : (หยิบกระปุกน้ำพริก ขึ้นมาจากถุง แล้ว วางบนเก้าอี้ตรวจ)

      หมอนก : ^U^ ของฝากเหรอป้า ขอบคุณ

      ป้า : ไม่ใช่ ป้ากังวล ป้า เลยเก็บขรี้เอามาตรวจ (ลักษณะเป็นเนื้อเละๆ มีมูกปน แต่ ไม่มีเลือด )

      หมอนก : * TT * เดี๋ยว ๆ ป้า อย่าเพิ่งเดี๋ยวเอาไปส่งห้องlab นะ ว้ายๆ ป้าอย่าวาง ๆ ๆ (หมอนก รีบตาลีตาเหลือก ไปบอกพยาบาลข้างหน้า ด้วยพลังเสียงแปดหลอด อันสูงปรี๊ด ให้พาป้าไปตรวจอุจจาระ)

       

      หลังจากป้า ออกไป หมอนก --> @TT@ (รีบหายาดม กระดาษทิชชู่ ใส่มาสค์ แล้ว หาน้ำกินไปอีกครึ่งขวด --> *TT*

       

      ( ดีจัง ที่ไม่ได้ ซื้อ บราวนี่ มาฝาก รอบหน้า เอาใส่กระปุกน้ำพริก มาดีกว่า )

       

      1ธันวาคม2559

      สัปดาห์ที่แล้ว มีคนไข้หญิงอายุประมาณ50ปี บ้านอยู่นาทวี ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านแถวนั้นว่าเดินไปเดินมาอยู่กลางถนน ชาวบ้าน กลัวจะถูกรถชน เลยแจ้งตำรวจและจับส่งรพ. ปรากฏว่าผู้ป่วยพูดไม่รู้เรื่อง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภท เลยถูกส่งต่อมารักษาที่รพ.ศูนย์ หลังจากอาการดีขึ้น แต่ คนไข้ไม่มีญาติ เลยต้องติดต่อสังคมสงเคราะห์ให้หาที่อยู่ให้ ทางรพ.ศูนย์เลยส่งผู้ป่วยมานอนรพ.ต่อที่ คลองหอยโข่งไปพลางๆ ระหว่างอยู่ที่นี่ คนไข้ติดละครมาก ต้องมายืนตรงประตู เกาะหน้าต่างดูทีวีตลอดเวลา

       

      เมื่อวานแกบ่นอยากกลับบ้านแล้ว

       

      ป้า : หมอ (ยกมือไหว้) ขอกลับบ้าน แล้ว

      สุกิจ : เห็นว่าไม่มีญาติ ไม่ใช่เหรอ แล้ว จะกลับบ้านยังไงล่ะ ที่อยู่ก็ยังไม่มี

      ป้า : ศตวรรษ บอกให้กลับบ้าน

      สุกิจ : จ็อด นั่นเหรอ (นึกว่า คนไข้อีกคน)

      ป้า : ไม่ใช่ ศตวรรษ ในสายโลหิต (ช่วงนี้ ช่อง7 เอาสายโลหิต มารีรัน ศตวรรษ ดุลวิจิตร เล่นเป็น หมื่นทิพย์)

      สุกิจ : อ๋อ หมื่นทิพย์ น่ะเหรอ (เคยดูเหมือนกันนะเฟ้ย)

      ป้า : ช่ายๆ

      สุกิจ : แล้ว ใครให้กลับบ้านอีก

      ป้า : ชาเย็น ชาเขียว น้ากบ ให้กลับบ้าน หมดเลย

      สุกิจ : น้ากบเป็นใครอ่ะ

      ป้า : คนในทีวี เขาบอก ให้กลับบ้าน ขอกลับบ้านนะ ชาเขียวก็ให้กลับ

      สุกิจ ; งั้น รอให้เขาหาที่อยู่ให้ก่อนนะ

       

      สรุป สุดท้าย ก็ยังไม่ได้กลับ ทางสังคมสงเคราะห์ กำลังติดต่อบ้านพัก คนไร้ญาติให้อยู่ น่าจะได้ประมาณกลางๆ เดือน ธันวา

       

      21พฤศจิกายน2559

      เมื่อวาน เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ7ปี ข้อมือขวาหัก มาแล้วเมื่อวันศุกร์ แต่หลังใส่เฝือกไปปลายนิ้วบวม และ เด็กบ่นเจ็บข้อมือมากขึ้น เลยกะจะ ตัดเฝือกแล้วใส่ใหม่ให้ เลยไปเอาที่ตัดเฝือกเลื่อยวงเดือนมาตัดให้ ปรากฏว่า ผ่าแยกด้านบนไปแล้ว เหลือที่รองระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ อีกนิดเดียวจะแยกออกหมดแล้ว เลย ให้พี่นุช ผู้ช่วยคนไข้เอากรรไกรมาตัดปรากฏว่า หั่นเท่าไรก็หั่นไม่ออก เด็กก็ร้องๆ ๆ ๆ เลย เอาเลื่อยวงเดือนมาตัดอีกรอบ เด็กก็ร้อง ๆ ๆ ๆ เลยเอากรรไกรจากพี่นุช มาตัดเอง ปรากฏว่า ปลายกรรไกรไม่คม เลย เลื่อนปลายกรรไกรเข้าไปใต้เฝือก จนเกือบถึงด้าม แล้วตัดฉึบ โดยไม่สังเกตว่า ตอนนี้ ปลายกรรไกรอยู่ที่ด้านหลังนิ้วชี้มือซ้ายของเรา ตัดฉึบ --> หนังตรงหลังนิ้วชี้ ของเราเปิดออก แผลค่อยๆ เปิด เลือดก็ค่อยๆ ไหล เลยไปล้างน้ำ พอดีไมมีอาการปวดเลย เลยคิดว่าแผลน่าจะไม่ลึก เลยให้พยาบาล เอาเทนโซพลาสปิดไปก่อน แล้ว ไปใส่เฝือกให้เด็กต่อ ขณะที่ปั้นเฝือกเลือด ก็ค่อยๆ ไหลจากแผล จากเฝือกสีขาว กลายเป็นสีเฝือกสีแดงจางๆ (เฝือกสีเลือดของแท้ แข่งกับ เพชรสีเลือด ใน blood diamond)

       

      หลังจากพันเฝือกเสร็จ ก็คิดว่า แผลคงไม่ลึกมั้ง เลย เปลี่ยนเป็นเทนโซพลาสแบบทีเหนียวหน่อย แล้วเดินกลับบ้าน ยิ่งเดือนเลือดก็ยิ่งไหล จนมาถึงบ้าน เลือดก็ชุ่มเทนโซพลาส พอดี หลังจากนั้น พยาบาล โทรมารายงานเคส ขณะที่รับโทรศัพท์ ก็เห็นเทนโซพลาสที่นิ้วชุ่มเลือด และมีลิ่มเลือดเกาะที่เทนโซพลาส ยังกะปลิงเกาะอยู่ (เหอะๆ ๆ จะเลือดออกไปถึงไหน) พยาบาลก็รายงานเคส อย่างสบายอกสบายใจ ขณะที่ปลายสายเห็นเลือดค่อยๆ ซึมจากนิ้วจะเป็นลม เลยตัดสินใจ เดินไปขอเย็บแผลที่ER

       

      พอมาถึง ทำเป็นเก่งว่า มาดูเคส จริงๆ นิ้วเลือดโชก เลยพูดเสียงอ่อยๆ ว่า เย็บแผลให้หน่อย ปรากฏว่า ไม่มีใครเสนอตัวเย็บให้เลย มีแต่ นักศึกษาพยาบาล ซึ่งกำลังเก็บเคสเย็บแผล เสนอตัวเย็บให้ เลย อนุญาติ (ขึ้นเขียง เป็นอาจารย์ใหญ่ให้)

       

      พอเริ่มเท่านั้นแหละ กำลังจะทำท่าจะฉีดยาชา

      สุกิจ : น้องๆ ทำไม ไม่เพนท์ (ทายาฆ่าเชื้อ ) ปูผ้า ก่อน ทำตามสเต็บ ให้ครบก่อนดิ

      นศ พยาบาล: ค่ะ (ตัวเล็กลงเรื่อยๆ)

       

      พอเพนท์ เบตาดีน

      นศ พยาบาล : พอดี พี่เขาสอนให้เพนท์ กว้างๆ ค่ะ (เลยเพนท์ จาก นิ้วชี้มือขวา ยาวไปจนถึง นาฬิกา g-shock ) หมอคะ นาฬิกา ของหมอ จะเพนท์ด้วยไหมคะ

      สุกิจ : +^+ น้องเดี่ยวปูผ้าฆ่าเชื้ออยู่แล้ว เพนท์แค่ฟิล์ด ที่เราจะเย็บตรงรูผ้าเจาะกลางก็พอ

      นศ.พยาบาล : ค่ะ (ตัวเล็กลงๆ )

       

      พอจะฉีดยาชา

      นศ พยาบาล : (ขณะจะหักปลายเข็ม90องศา มือสั่น ) มือทำท่าจะแทงก็ไม่แทง จะถอยก็ไม่ถอย แทงเข้าแทงออก อยู่สองสามรอบ

      สุกิจ : มั่นใจหน่อยดิ จิ้มเข็มเข้าไปเลย ต่อหน้าคนไข้ ต้องมั่นใจดิ

      นศ พยาบาล : (เหมือนเดิม ทำมือ แทงเข้าแทงออกอีก 2-3 รอบไม่จิ้มสักที ฉันก็เสียวไปด้วย ไม่รู้จะเกร็งตัว เมื่อไร )

      สุกิจ : ห่าย ไม่เวิร์คแล้ว ก.ฉีดยาชาให้หน่อย เดี๋ยวค่อยรอเย็บอย่างเดียวแล้วกัน (ตกลงให้พยาบาล ก. ฉีดยาชาให้ ตอนรู้สึกเข็มเข้าไปในเนื้อ เจ็บฉุดๆ)

      นศ. พยาบาล : ค่ะ (ตัวเล็กลงๆ)

       

      พอจะเย็บแผล

      นศ พยาบาล : หมอใช้ไหม เบอร์สองศูนย์ ใช่ไหมคะ (ยิ่งเบอร์น้อย เข็มจะยิ่งโต ไหมจะยิ่งใหญ่)

      สุกิจ : เฮ้ย แผลที่นิ้วนิดเดียว หนังฉันมิใช่หนังวัวนะ สี่ศูนย์ก็พอแล้ว

      นศ พยาบาล : ค่ะ (ตัวเล็กลงๆ )

       

      สุดท้าย เย็บเสร็จ ได้แผลอันสวยงาน จำนวนสี่เข็ม เฮ้อ


      21 พฤศจิกายน2559

      เมื่อวาน ตรวจคนไข้ชาย อายุ 76 ปี มาด้วย มีอาการหอบเหนือย แน่นหน้าอก เหงื่อแตกตัวเย็น lung : exp wheezing พ่นยาได้ไม่ครบโดส อยู่ดีๆ ก็หัวใจหยุดเต้น เลย ต้องใส่ ท่อช่วยใจ และปั้มหัวใจทันที คนไข้ มีโรคประจำตัวเป็นหัวใจโต และถุงลมโป่งพอง ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ พบ ST elevate at v1-4 ประมาณ 5 ช่องเล็ก สรุป อาการเข้าได้กับ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลังจาก ปั้มหัวใจ ฉีด adrenaline ทุก 2 นาที และให้ยาต้านเกล็ดเลือดไปแล้ว เป็นเวลา 30 นาที หัวใจแกไม่กลับมาเต้นใหม่ เลย ต้องแจ้งญาติ ว่าแกเสียชีวิตแล้ว ปรากฏว่า คนที่พามา เป็นเมีย กับลูกชาย

       

      สุกิจ : คนไหน ญาติลุง จ.ครับ

      (ป้า กับ ลูกชาย เดินเข้ามา เดินยิ้มมาเลย บอกว่า มีอะไรหมอ บอกมาได้เลย เห็นป้า อายุเริ่มเยอะ กลัวว่าเดี๋ยวตกใจ จะเป็นลมเลยพาแกไปนั่งตรงม้านั่งก่อน

      ป้า : ^U^ หมอ บอกมาได้เลย ป้าทำใจไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง

      สุกิจ : เอ่อ ป้าครับ พอดี ลุงจ. แกมาด้วยอาการหอบ ร่วมกับแน่นหน้าอกมาก เหงื่อแตกตัวเย็นน่ะครับ แล้ว แกช็อค อาการแกเข้าได้กับ โรคหัวใจขาดเลือดแทรกซ้อน กับ ถุงลมโป่งพอง น่ะครับ

      ป้า: ^U^ นั่นแหละ ป้ารู้อยู่แล้ว เพราะ เดือนที่แล้ว พาแกไปพบหมอตา จะผ่าตัดต้อกระจก หมอให้ไปพบหมอโรคหัวใจก่อน พอตรวจดู แกบอกว่าหัวใจลุงเหลือแค่ 2-3 % อยู่ได้อีกไม่นาน หลังจากนั้นมา ป้าก็ทำใจแล้ว

      ลูกชายป้า : ^U^ ครับ ตั้งแต่ นั้นมาก็ทำใจได้แล้วครับ แค่ ไม่รู้ว่าแกจะไปเมื่อไร

      สุกิจ : เอ่อ คือ ตอนนี้ ผมกับพยาบาล ปั้มหัวใจและฉีดยากระตุ้นหัวใจ เป็นเวลาครึ่งชม.แล้วครับ หัวใจแกไม่กลับมาเต้นใหม่ครับ ตอนนี้ แกไปสวรรค์แล้วครับ

      ป้า :^U^ ป้าว่าแล้ว

      ลูกชาย : ^U^ ผมก็ว่าแล้ว ว่าแกจะไปแล้ว

      สุกิจ : แสดงว่าทำใจไว้แล้วนะครับ เสียใจด้วยนะครับ

      ป้า : ^U^ ไม่เป็นไร ทำใจได้แล้ว 555

      ลูกชาย : ^U^ ผมก็เหมือนกัน 555

      สุกิจ :+^+ (ทำตัวไม่ถูกเลย เป็นครั้งแรกที่แจ้งการตายแล้ว ญาติยิ้มได้หัวเราะได้)

       

      16พฤศจิกายน2559

      ตอนแรก เมื่อวันจันทร์ เห็นขวดน้ำ ตั้งอยู่ใต้นาฬิกา หน้าห้องยา 3ขวด ก็ไม่คิดอะไร นึกว่า มีคนกินน้ำไม่หมด แล้วเอามาตั้ง

       

      ผ่านไป1วัน ปริมาณ ขวดน้ำ เพิ่มเป็น6ขวด วางที่หน้า ห้องศูนย์สิทธิ กับ บริเวณหน้าบันได เพิ่ม

       

      พอมาวันนี้ เป็นวันคลินิก copd เลยนึกว่า นักกายภาพบำบัดิเอาไว้นับ ระยะทางการเดิน ในการตรวจ6minute walk

       

      พอถาม น้องต. นักกายภาพ ตอบกลับมาว่า ไม่รู้เรื่อง ปกติ กายภาพ ไม่ได้ใช้ขวดน้ำในการกายภาพ

       

      เลยสงสัยว่า ใครเอามาตั้ง

       

      เลยถาม เก่ง ผู้ช่วยคนไข้ของer เลย บอกว่า เป็นนวตกรรม ของแม่บ้านรพ เรา วางไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หมาฉี่ โดยเมื่อหมาเห็นขวดน้ำ จะเข้ามาดม เมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในขวดน้ำ หมาก็จะตกใจ และหนีไป

       

      ขอตบมือ ให้กับว่าที่ รางวัลชนะเลิศนวตกรรม ของรพ. ประจำปี 2560

       

      ปล. ปกติ เขาใช้ไล่แมลงวันไม่ใช่เหรอ แมลงวันพอเห็นเงาสะท้อนในขวดน้ำจะตกใจแล้วบินหนีไป ใช้กับหมาได้ด้วยเหรอ

       

      13 พฤศจิกายน2559

      ต่อจากเหตุการณ์ ตอนเย็น

       

      หลังจากนั้น เห็นเด็กผู้หญิง อายุประมาณ7ขวบ ยืนอยู่ข้างๆแถว คอยถือพัด ๆ ให้คนที่เดินผ่านไปมา แล้วพูดว่า "ใครเหนื่อย ใครล้า มาหาหนูได้ เดี๋ยวหนูช่วยพัดให้" (เป็นจิตอาสา ตั้งแต่เด็กเลย) คนที่ได้ยินก็ชมว่า หนูเก่งจัง แม่อยู่ไหนเนี่ย แกเลยชี้ไปตรงม้านั่ง เห็นผู้หญิงวัยกลางคน นั่งหน้าบูดอยู่ (สงสัยได้อาหารบูด) เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า แกกับลูกสาว มาจาก ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มากันตั้งแต่เมื่อวาน พอจะได้เข้าประตูพระบรมมหาราชวัง ลูกสาวดันมีอาการหอบ ต้องส่งรพ วันนี้ แก้เลยไม่กล้าพาลูกเข้าไปแล้ว

       

      สักพัก ผ่านห้องน้ำ คุณสาระภี เลยไปต่อคิว เห็นคนอยู่ในห้องน้ำ ก็ไม่ออกมาสักที เลยชะโงกหน้า เข้าไปดู ปรากฏว่า ป้า คนที่เข้าก่อนหน้า แกกดส้วม ไม่เป็น แกขอช่วยให้เข้าไปกดส้วมให้ ดีที่แกถ่ายเบา ไม่ถ่ายหนัก ไม่งั้นน่าจะกินบราวนี่ไม่ลง

       

      สักพักกลับมา ป้าชูชก (ป้าที่กินของฟรีทุกอย่าง ทุก5นาทีนั่นแหละ ) แกก็เดินสวนไปห้องน้ำ ซึ่ง ทำนาย ได้เลยว่า ไปถ่ายหนักแน่ๆ เพราะกินไปเยอะ (จะได้เคลียพื้นที่ มารับของต่อ)

       

      พอดี ช่วงเช้าไปซื้อ ชีสเค้ก จากร้านuncle tetsu เลยแกะออกมานั่งกิน ท่ามกลางสายตาเหยียดๆ จากธารกำนัล (อ้าว ก็คนอื่น กินแต่ของแจก ข้าวพะแนง ไข่ต้ม ไข่พะโล้ ขนมปัง น้ำแดง แล้วพวกแก เอาชีสเค้ก มากินกลางสนามหลวงเนี่ยนะ ที่สำคัญไม่ชวนอีกต่างหาก โดนเฉพาะ ป้าชูชก ขืนชวนหมดเกลี้ยงแน่)

      มีผู้หญิง ข้างหลัง มาจากเกาะสมุย ก็เอ่ยป่กถามว่า ชีสเค้กที่เด้งดึ๋งๆ ใช่ไหม ซื้อจากไหนน่ะ เลยบอกไปว่า เรามาจากบ้านนอก เห็นเขาไปซื้อจากพารากอน เราเลยเห่ออยากกินบ้าง แล้วชวนแกกิน แต่แกเกรงใจ

       

      รอแล้ว รอเล่า จนทุ่มนึง ใจก็ตุ้มๆต่อม ๆว่าจะได้เข้าไปพระบรมมหาราชวังรึเปล่า เพราะเขาตัดคิวที่3ทุ่ม แถมมีเจ๊ คนนึง มาทักคุณสาระภีว่า กระโปรงไม่เลยเข่า เขาไม่ให้เข้าหรอก ไปยืมผ้าถุงจากซุ้มกาละแม ดีกว่าไหม คุณสาระภี เห็นคนที่เดินออกมากระโปรงสั้นกว่าเยอะแยะไป แถมบางคนแม้กระโปรงจะยาวเลยเข่าแต่ผ่าข้าง จนเห็นขาอ่อน เลยใช้ วิธีทำตัวให้เตี้ยลง (จากที่โตโยเตี้ยอยู่แล้ว) จนเหลือตัวเท่าฮอบบิท

       

      จนสองทุ่ม จึงไปเข้าพระบรมมหาราชวัง (^u^) พอเข้า ไป ได้ยิน เจ้าหน้าที่บ่นบอกว่า มายืนตั้งแต่ตี5 ร้อนก็ร้อน ง่วงก็ง่วง อยากกลับบ้านแล้ว ตัดคิวเลยๆ (@o@) แต่ ก็เป็นแค่คำขู่ พอเข้าไปรู้สึกว่า ตื่นตากับความสวยงามจองพระบรมมหาราชวังมาก พอยิ่งเข้าไปเขตชั้นใน ได้ยินเสียงสวดบางคน ยกมือไหว้จากด้านนอก บางคนน้ำตาคลอ ค่อยๆ กระเถิบคิวกันเข้าไป จน ถึงที่เคารพ พระบรมศพ เขาให้นั่งพับเพียบปัดขาไปด้านขวา กราบแบบไม่แบมือ ลุกขึ้น(จบแล้ว) แม้จะเป็นช่วงสั่นๆ แต่ทุกอย่างทำให้เรานึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

       

      สุดท้าย เดินออกมารับของแจก จากประตูพระบรมมหาราชวัง ได้แก่ ข้าวพระราชทาน น้ำพระราชทาน ไวตามิลท์ พระราชทาน รวมเบ็ดเสร็จมาบ่ายสอง กลับสามทุ่ม รวม7ชม. แต่เป็นช่วงเวลาที่ลืมไม่ลง ตลอดชีวิต กับ สาระภี หนูพุ่ม

       

      13พฤศจิกายน2559

      สัปดาห์ที่แล้วไปซื้อ เสื้อเชิ้ตสีดำ ที่ร้าน H&M ปรากฏว่า ไปถึง เหลือแต่เสื้อไซส์ S!!!

       

      ด้วยความที่ไม่ได้กินข้าวเย็นที เลยคิดว่า น่าจะใส่ได้เลยเลือกเสื้อตัวนี้

       

      วันนี้ ใส่มาตั้งใจจะมาเคารพพระบรมศพ ที่ท้องสนามหลวง ตอนนั่งเครื่องบิน ก็ไม่รู้สึก อะไร

       

      พอตอนเที่ยง จะมานั่งกิน ทงคัตสึ ที่ร้าน saboten กะจะกินให้หายอยาก พอกินไปได้ครึ่งหนึ่ง คุณสาระภี ถามว่า ทำไมสปีด การกินลดลง อยากจะร้องเพลง ของอั๋น สิรคุปต์ ตอบกลับไปว่า "ฟิตเปรียะ ยังกับติดเทอร์โบ" เนื่องจาก เป็นร้านกึ่งๆบุฟเฟ่ต์ ขอข้าว กับน้ำซุปเพิ่มได้ แต่อย่าว่าแต่ขอเพิ่มเลย ตอนนี้ แม้แต่หายใจเข้าก็ยังลำบาก กระดุมเสื้อ แทบระเบิดออกมา นึกถึง หนังการ์ตูนสมัยก่อน เรื่อง เคนชิโร่ หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ที่มีฉากที่พระเอก โมโห เบ่งกล้ามจนเสื้อระเบิด ออกมา คิดในใจว่า ตรูจะกลายเป็นแบบเคนชิโร่ ไหมฟะ สุดท้ายกินไม่หมด

       

      พอมาถึง สนามหลวง เขามีการแจกข้าว แจกน้ำทุก 5นาที เรียกได้ว่า ไม่อดตายแน่นอน แต่ไม่กล้ากิน กลัวเป็นแบบเคนชิโร่ ในขณะที่ ป้าข้างหน้าเรา กินทั้ง ข้าวราดแกงหน่อไม้ ต่อด้วยน้ำเปล่า พอมีขนมปังมาแจกอีก แกก็กินอีก ตามด้วย ผัดซีอิ้ว ข้าวราดผัดพริก หัวมันต้ม เรียกได้ว่า ส่งอะไรมา แกรับได้หมด ไม่รู้มี4กระเพาะรึเปล่า

       

      วันนี้ มีพระราชพิธี ในพระบรมมหาราชวัง เขาเลยให้หยุดแถวก่อน45นาที ระหว่างนั้น ส.ห. เดิน เข้ามาบอก ให้ทุกคนที่ยืนรอให้นั่งก่อน เพราะ 45นาที เขาถึงจะเปิด พอเขามาบอกให้เรานั่ง เห็นเราไม่นั่ง เขาก็นึกว่า เราอดทน จริงๆอยากจะตอบว่า นั่งไม่ลงเฟ้ย กระดุมมันจะระเบิดออก

       

      ต่อมา มีเจ้าหน้าที่เอาน้ำใส่เครื่องพ่นยาฆ่าแมลง ใส่น้ำเย็น ฉีดคลายร้อนให้ผู้ที่มารอ บางคนไม่ชอบ ก็เบี่ยงหัวหลบกันใหญ่ ป้าคนนึง เห็นแกทำหน้าเฉยๆ ไม่หลบอะไร เจ้าหน้าที่เลยจ่อที่หัวป้าคนนี้ จนหัวแกเปียกกว่าเพื่อน พอมาถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่ไม่พูดพล่ามทำเพลง ฉีดใส่หน้าเราทันที เหมือนจะเป็นการบอกว่า หน้าแกเมลืองมาก เลยเอ่ยปากถามเจ้าหน้าที่ว่าน้ำมนต์เหรอ แกยิ้มไม่ตอบอะไร (หรือกลัวว่า เราจะรู้ว่า น้ำจากคลองแสนแสบ)

       

      10พฤศจิกายน2559

      เปรียบเทียบความเหมือนและ น่ารัก

       

      วันนี้ เดินสวนกับ กุ๊บกิ๊บ

       

      พยาบาล จ. : ขอยืมทรงผมนี้หน่อย จะเอาไปออกงาน

      สุกิจ : จริงด้วย เหมือน เบลล่า

      กุ๊บกิ๊บ : เบลลา รานี ?

      สุกิจ : เปล่า ............. หมาที่บ้าน มันชื่อ เบลล่า

      กุ๊บกิ๊บ : T^T

       

      4พฤศจิกายน2559

      เมื่อวาน ตรวจลุง อายุ 70 ปี มารับยาความดันตามนัด

       

      ลุง : หมอ ลุงปวดท้อง

      สุกิจ : แล้ว กินยาอะไรบ้างรึยัง

      ลุง : ทัมใจ

      สุกิจ : ลุง ปกติ ยาทัมใจ มันกัดกระเพาะนะ ถ้าลุงปวดท้องแบบนี้ อาการเหมือนกระเพาะเป็นแผลเลย กินแล้วก็ยิ่งปวดสิ ถ้ากินมากๆ กระเพาะทะลุได้นะ (ยาทัมใจเป็นยาจำพวกแอสไพริน มีผลข้างเคียงทำให้ระคายเคืองกระเพาะ)

      ลุง : เปล่า ไม่ได้กินยา

      สุกิจ : อ้าว แล้วเมื่อกี้ บอกว่า กินยาทัมใจ ไม่ใช่เหรอ

      ลุง : ไม่ใช่ หมายถึง ลุงปวดท้องแล้วไปหาพระ พระบอกให้ลุงทำใจ ลุงเลยกลับมาทำใจ ตอนนี้ เลยหายเลย

      สุกิจ : +^+ (อย่างงี้ ก็มีด้วย)

       

      31ตุลาคม2559

      วันนี้ มีเด็กผู้หญิงอายุ 15ปี 7เดือน มาขอคำปรึกษาเรื่อง มีบุตรยาก และ ประจำเดือน มาไม่สม่ำเสมอ มาประมาณ 2 เดือน ครั้ง อยุ่กับแฟน มา1ปี แล้ว ไม่มีบุตร lmp 15 กย 59*2วัน ผลตรวจ การตั้งครรภ์ ให้ผลลบ

       

      ปัจจุบัน เด็กเรียนกศน ชั้น ม.ต้นอยู่ครับ กรีดยางช่วยแม่ แต่ แฟน อยากมีลูก เด็กกังวลเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ เลย ไปซื้อ ยาขับประจำเดือน มาทานเอง

       

      เลยให้คำแนะนำ ว่า รอให้อายุ 18 ปี ก่อน ประจำเดือนถึงจะมาเป็นรอบปกติ เนื่องจาก ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เพิ่งเปลี่ยนจากเด็กหญิงเป็นนางสาวได้7เดือน ฮอร์โมนเพศหญิง ยังแปรปรวน อยู่ ทำให้ประจำเดือนไม่มาเป็นรอบได้ และ อายุยังน้อยอยู่ควร เอาเวลาไปเรียนให้จบชั้นม.ปลาย และ สร้างฐานะให้มั่นคงก่อน ค่อยคิดเรื่องมีลูก

       

      เฮ้อ เด็ก 15 ปี ก็มาขอคำปรึกษาเรื่องมีบุตรยากแล้ว

       

      30 ตุลาคม2559

      เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตรวจยาย อายุประมาณ70ปีถูกหลานชาย ใช้ไม้ตีหัว เป็นแผลฉีกขาด ขนาด1ซม ที่ศีรษะด้านซ้าย และ แผลฟกช้ำ ที่หน้าผากด้านขวา ยายบอกว่า ปีนี้ โดนหลานตีหัวเป็นรอบที่2แล้ว เวลาเสพยาบ้า แล้วอารมณ์เกรี้ยวกราด เที่ยวทุบทำลายข้าวของ ยายเลยโดนลูกหลง แนะนำ ให้แจ้งความ แล้ว แต่ตำรวจไม่กล้าบุกเข้าไปจับในบ้าน เพราะขังตัวเอง กลัวจะมีอันตราย เลยเพิ่งไปจับมาได้ ตอนบ่ายสอง วันพฤหัส

       

      ตอนมาถึง คนไข้พูดคุยพอรู้เรื่อง แต่พอจะให้ไปเก็บปัสสาวะ ก็อ้อยอิ่ง บอกฉี่ไม่ออกบ้าง เพิ่งฉี่ไป เดินไปเดินมา ขึ้นๆลงๆระหว่าง ห้องน้ำกับเปล รออยู่เกือบสองชม ก็ไม่ได้ทำอะไร หมอเวรวันนั้น ก็วางแผนจะreferไปรพ ศูนย์ เลยเข้าไปแนะนำว่า ถ้า จะreferเคสนี้ ก็ควรจะให้คนไข้สงบก่อน ไม่เช่นนั้น ไปบีบคอพยาบาลrefer จะทำยังไง

       

      เลยเจรจา กับคนไข้ ว่าเดี๋ยวให้น้ำเกลือก่อน ให้ฉี่ออก และ ให้ยาขับเยี่ยวก่อน(จริงๆจะฉีดยานอนหลับ กับยาระงับประสาท) ญาติ ก็ช่วยพูดบอกว่า กำลังรีบเดี๋ยวจะไปรับหลานกลับจากเลิกเรียนด้วยกัน และบอกให้ที ผูกยึดเตรียมตัวไว้

       

      สุดท้าย คนไข้ ก็ยอมกลับมานอนที่เตียง เลยรีบกอดคนไข้ ให้ทีมคนนึง จับแขน ที่เหลือ กดเข่าจับขา แล้วฉีดยา จนผู้ป่วยหลับ เลนให้ทีมรีบมัดแขนขา แล้วรอผลเลือด เนื่องจากรพ ศูนย์ ให้คัดกรองภาวะอื่นก่อน

       

      รอผลlab ประมาณชม นึง เห็นว่า คนไข้ตื่นมาอีกรอบเลยได้ยาฉีดไปอีก1dose แล้วได้refer ประมาณทุ่มนึง เฮ้อ ทำไมช่วงนี้ ดวงสมพงษ์ กับคนเมายาบ้าเนี่ย กับ Mamy Poko และ Chet Piwat

       

      29 ตุลาคม2559

      เมื่อกี้ ป้ามรึงกรู มาตรวจที่คลินิก อีกแล้ว ขณะที่ร้านเพิ่งเปิด แกก็นั่งรอ อยู่หน้าร้าน ปากก็อยุู่ไม่สุข แหลงไปเรื่อยๆ ตามประสาแก

       

      ป้า: หมอ ไปไหน ทาหลูดอยู่เหรอ

      เด็กหน้าร้าน : เดี๋ยวออกมา

       

      สักพัก เราเดินมาตรวจ

      ป้า: หมอ นั่ง ทาแป้ง ทาหลูดอยู่เหรอ

      สุกิจ : ป้า รู้จักหลูดด้วยเหรอ นึกว่า รู้จักแต่หยดอุทัยทิพย์ เอามาทาปาก แล้วนี่อะไรนิ หน้าขาวหมดแล้ว เอาดินสอพองโปะหน้ามาเหรอ

      ป้า : 555 ใช้แป้ง โว้ย

      สุกิจ : แล้ว นี่ใช้อะไรทาปากล่ะ เห็นปากแดงๆ นี่เลือดรึเปล่าเนี่ย เห็นพูดมาก เลย เลือดกลบปาก

      ป้า : 555 (พูดไม่ออก)

      สุกิจ : แล้ว ป้าเป็นอะไรมาล่ะ

      ป้า : ไม่ต้องถามแล้ว มั้ง

      สุกิจ : อ้าวแล้ว ไม่ต้องถาม แล้วจะรู้ไหมเนี่ย ไม่ใช่หมอดู โหงวเฮ้งซะหน่อย แค่ เห็นหน้า ก็บอกได้แล้ว ว่าเป็นอะไรมา (ก้มดูopd card) เห็นบางที ก็ปวดท้อง บางทีก็ปวดเข่า บางทีก็เป็นไข้ ตกลงวันนี้ เป็นอะไรมา

      ป้า : มันมีเสลด ในคอ เวลาล้มตัวลงนอน เสลดจะลงคอ ทำให้ไอ

      สุกิจ : มีอาการอื่นอีกรึเปล่าละ่

      ป้า : ................

       

      สรุปว่า อาการแกเข้าได้กับกรดไหลย้อน

       

      สุกิจ : ตกลง เป็นกรดไหลย้อนนะ เดี๋ยวจัดยาให้

      ป้า : เดี่ยว มรึงจัดยาแก้เข็ดให้กรูด้วย นี่เข็ดเอวทุกวัน กินยาพาราตลอดเลย กินมากเป็นอะไรรึเปล่า

      สุกิจ : แหม พูดภาษาพ่อขุนรามอีกแล้ว กินยาพาราติดต่อกันมากกว่าห้าวัน ก็ทำให้ตับไม่ดีได้ เวลาเข็ดเอวลองใช้วิธีอื่นด้วยนะ เช่น ประคบร้อน ไปนวดแผนไทย

       

      พอจัดยาเสร็จ

       

      ป้า: ยาเยอะ แบบนี้ ไม่ต้องมาทุกวัน แล้ว

      สุกิจ : ขืนมาทุกวัน เราหูดับพอดี ฟังป้าบ่นทุกวัน

      ป้า : 555 โอย ลุกไม่ค่อยขึ้นแล้ว

      สุกิจ ; แบบนี้ ล่ะ ใช้งานมา70 80 ปี เหมือนกับรถ ใช้งานมานาน เครื่องมันก็หลวม ล้อก็ไม่ค่อยดีแล้ว

      ป้า : เออ รู้แล้ว

       

      ตกลง เพิ่งปะทะ กับคนไข้จิตเวช ไปไม่กี่วัน วันนี้ ปะทะ กับป้ามรึงกรูอีกแล้ว สงสัย ต้องไปล้างหู แล้ว (เจอแต่คำหยาบ ตลอด)

       

      27 ตุลาคม2559

      เมื่อวานซืน อยู่เวร ถูกพยาบาลตามตอนตี4 ว่าให้มาเย็บแผลที่หน้าแข้งด้านขวา ของผู้ป่วยชายอายุประมาณ 30 ปี เนื่องจาก ผู้ป่วยทะเลาะกับเพื่อนแล้ว โดนเศษแก้วที่เท้า

       

      พอมาถึง ER เห็นแผลที่หน้าแข้งประมาณ 5 ซม. กับ แผลที่นิ้วหัวแม่เท้าด้านขวา ผิวหนังหลุดหายไป อยู่ดีๆ คนไข้ก็พูดว่า

       

      คนไข้ : หมอ มรึงดูแผล มรึงไม่ใช้ไฟฉายเหรอวะ

      สุกิจ : ?^?

      คนไข้ : มรึงเป็นตุ๊ด เหรอ

      สุกิจ : ?^? ผมเหรอ

      คนไข้ : มรึงนั่นแหละ ไอ้ตุ๊ด มรึงจะเย็บแผล ไหม ไอ้เชี้ย

       

      เลยเดินออกไปถาม แม่คนไข้ ที่พามา ปรากฏว่า คนไข้ ไปเสพยาบ้ามา แล้ว ทะเลาะกับเพื่อน พอกลับมาบ้าน ก็วุ่นวาย เที่ยวทุบทำลายข้าวของ ขู่จะเผาบ้านตัวเอง และ ไปเตะเศษขวดแก้ว จนเป็นแผลที่ขา เลย คุยกับแม่ว่า ถ้าอารมณ์รุนแรงขนาดนี้ น่าจะต้องเรียกตำรวจมาช่วยแล้วล่ะ แม่ ก็ตกลง แต่ อย่าให้คนไข้ กลับไปบ้าน ให้บำบัดเรื่องยาให้ดีขึ้นก่อน

       

      พอกลับเข้ามา เลย บอกให้พยาบาล เรียกทีมผูกยึดผู้ป่วยของรพ.มา แล้วเตรียมยาฉีดระงับประสาท haldol 5mg *2 dose , valium 10 mg *2 dose

       

      คนไข้ : ไอ้หมอ มรึงจะเย็บแผลหรือไม่เย็บ

      สุกิจ ; ก็ให้ฉีดยาก่อนสิ ถึงจะเย็บให้

      คนไข้ : เย็ดแมร่ ไอ้สัตว์ มรึงจะเย็บหรือ ไม่เย็บ

      สุกิจ : แม่คุณอยู่ข้างนอก อยากเย็บก็ให้ฉีดยาก่อนสิ

      คนไข้ : เย็ดแมร่ ไอ้เชี้ย (อยู่ดีๆ ก็เดินลงจากเตียงออกไปนอก ER )

       

      แม่คนไข้ : จะไปไหนนั้น

      คนไข้ : จะกลับบ้านแล้ว ไอ้เชี้ย เย็ดแมร่

      แม่คนไข้ : เย็บแผลให้เสร็จก่อนสิ เลือดไหลใหญ่แล้ว แล้ว ค่อยกลับบ้าน

      (คนไข้ ก็เลย ยอมกลับมาที่เตียงอีกรอบ )

       

      คนไข้ : ตกลงมรึงจะเย็บแผลไหม ไอ้เชี้ย เย็ดแมร่

      สุกิจ : ถ้างั้น ให้ฉีดยา ก่อนนะ (เลยบอกพยาบาล ให้เตรียมยา และ เตรียมทีมผูกยึด ได้ พี่สมบัติ พนักงานขับรถ และ ยาม มายืนคุมเชิงข้างๆ )

      พยาบาล : งั้น เดี๋ยว ฉีดยาบาดทะยัก กับฆ่าเชื้อ่ก่อนนะ (จริงๆ คือ ยาระงับประสาท พอกับผู้หญิง อารมณ์จะลง แต่ พออยู่ต่อหน้าแม่ หรือ สุกิจ อารมณ์มันจะเกรี้ยวกราด)

      สุกิจ : งั้น ฉีดยา haldol , valium แล้ว ขอเพิ่มketalar ด้วยนะ (เป็นยานำสลบ เพราะ ประเมินอาการแล้ว น่าจะวุ่นวาย)

       

      พอฉีดเข้าไป คนไข้หลับ สนิท เลยรีบเย็บแผล และ ส่งเข้าไปในวอร์ด ใช้ผ้าผูกยึดทั้งแขนและขา กับเตียง จนเช้า

       

      พอตื่นมาตอนเช้า คนไข้ จำอะไรไม่ได้เลย(รวมถึงที่ด่าผมว่าไอ้ตุ๊ด ไอ้เชี้ยด้วย) พูดคุยรู้เรื่อง อารมณ์ก็ไม่ฉุนเฉียวแล้ว มีอาจารย์จิตเวช มาราวด์ พอดี ก็บอกว่า อาการน่าจะสงบลงแล้ว ถ้าสังเกต อาการอีกสักวันสองวัน ก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่ แม่ เขาขอไม่พากลับบ้านก่อน ไม่งั้นกลับไปเผาบ้านตัวเองแน่ แต่ พอเวลาไม่เสพยา เป็นคนดีมาก ช่วยแม่ ทำงานบ้าน ยกของ พูดจาก็ดี เฮ้อ ยาบ้าเปลี่ยนคนให้เป็นสัตว์ได้จริงๆ

       

      11 ตุลาคม2559

      ปกติ หลังตรวจคนไข้เสร็จ ทุกครั้ง ถ้าคนไข้ ยกมือไหว้ ก็จะรับไหว้ เมื่อวาน ตรวจคนไข้ชาย อายุ 86 ปี มารับยาตามนัด และ มีปัญหาหูไม่ค่อยได้ยิน เลยเขียนใบส่งตัว ให้ไปรพ.ศูนย์ เพื่อไปตรวจการได้ยิน และใส่เครื่องช่วยฟัง

       

      ลุง: LO (ยกมือขวาขึ้นมาแบมือ)

      สุกิจ : อ๋อ ไฮไฟว์ เหรอลุง (ยกมือไปแตะมือแก) -O/ \O-

      ลุง : -..- เอิ่ม (ยังยกมือค้างอยู่ในท่าเดิม) LO

      สุกิจ : '-..- งั้น บ๊าย บาย แล้วกันลุง LO

      ลุง : -..- (ลุงยื่นมือมาลูบแขน พร้อมกับพูด) อายุ วรรณโณ สุขขัง พลัง

      สุกิจ : -..- (ประนมมือ) สาธุ (เฮ้อ กว่าจะรู้เรื่อง)

       

      6ตุลาคม2559

      สัปดาห์ที่แล้ว ประมาณสี่ทุ่ม มีผู้ป่วยชาย อายุ ประมาณ 30ปี มาด้วย ถูกรุมทำร้าย โดยการกระทืบที่หน้า โดยผู้ชาย3คน และบีบคอ แต่ มีอาการเจ็บหน้าอกด้วยเนื่องจากเพิ่งล้มรถ ไปเมื่อตอนบ่าย

       

      สุกิจ : ถูกรุมเหรอ ทำไมเขาเอาแต่กระทืบหน้า ล่ะ

      คนไข้ : พวกมัน อิจฉาในความหล่อของผม อูย มันเลยต้องการทำลายรูปโฉมผม อูย (เป็นรอยฟกช้ำที่แก้ม)

      สุกิจ : +^+ (หล่อตายล่ะ ) แล้ว คนที่ทำร้าย เป็นกะเทย เหรอ เห็นมีรอยเล็บที่คอ

      คนไข้ : เปล่า มันรุม บีบคอ

      สุกิจ : แย่งหญิง กันเหรอ

      คนไข้ : ประมาณนั้น

       

      หลังจากดูฟิล์มเอ็กซเรย์

      สุกิจ : เอ็กซเรย์ ปกติ ดี ไม่มีกระดูกร้าวอะไร กลับบ้านได้นะครับ

      คนไข้ : หมอ หลังจากนี้ ไม่ไปกินเหล้าเหรอ

      สุกิจ : ทำงานอยู่ กินเหล้าได้ไง

      คนไข้ : แหม เสียดายจัง ไม่มีลาภปาก

      สุกิจ : +^+ (มิน่า โดนตื้บ แต่ที่หน้า)

       

      2ตุลาคม2559

      จาก ปีที่แล้ว ที่ได้รับมรดกเป็นที่ดิน จ.กาญจนบุรี จากพี่สาว พ่อเลยชวนขับรถไปดูที่ดินที่ได้มา เนื่องจาก ได้ข่าวว่าแถวนั้น กำลังจะพัฒนา ทำให้ราคาที่ดินแถวนั้นขึ้นมาก ที่ดินอยู่ที่ต.รางสาลี่ พอไปถึงเมืองกาณจนบุรี วนหาสำนักงานที่ดินทั้งวัน จนสุดท้ายหาที่ดินเจอ แต่ เป็นที่ตาบอด ไม่มีทางเข้าออก อยู่กลางไร่อ้อย มีลูกชายเจ้าของไร่อ้อย(เดิม) ซึ่่งขายที่ให้พี่สาวและเพื่อน(รวมจำนวน10ท่าน ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งทั้งรศ. ผศ.) กำลังจูงควายไปเดินบนที่ดิน(ของเรา) และ ตัดอ้อยเลี้ยงชีพ

       

      สรุป คือ แกหลอกขายที่ เพื่อจะเอาเงินไปหมุน ปัจจุบัน ก็ยังตัดอ้อย บนที่ผืนเดิมอยู่ พ่อเห็นก็บ่นว่า ที่แบบนี้ ซื้อมาทำไมวะ อีกร้อยปี ก็ไม่เจริญ --> T^T

       

      เมื่อประมาณต้นปี ที่ผ่านมา เพื่อนท่านหัวหน้าER รพ. ชื่อ อ. มีความประสงค์อยากซื้อไร่อ้อย แถวกาญจนบุรี เพื่อทำไร่อ้อย เลยติดต่อมาที่เรา เลยบอกกับเขาไปตรงๆว่า เป็นที่ตาบอดนะ มีเจ้าของไร่อ้อยเดิมกำลังเดินจูงควายอยู่ด้วย ถ้าจะซื้อก็คิดดูก่อนได้นะ แล้วก็หายไป

       

      จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หัวหน้า ER เพิ่งมาบอกขณะที่กำลังจะทำหัตถการผ่าฝี

       

      หัวหน้า ER : คนที่จะซื้อที่กับหมอ ที่กาญจนบุรี ที่ชื่อ อ. ตายไปแล้วนะ

      สุกิจ : หาจริงเหรอ แค่ จะหลอกขายที่ที่กาญจนบุรี ถึงกับตายใส่ฉันเลยเหรอ

      หัวหน้า ER : ใช่ ก็ป่วยเป็น sle

      สุกิจ : ฮ่าย ทำชั่วไม่ขึ้นจริง ๆ กะจะหลอกขายที่ตาบอดซะหน่อย

      พยาบาล ฮ: เดี๋ยวเขาเป็นผีมาหลอกคืนนี้ หรอก

      คนไข้ : 5 5 5

      สุกิจ : อุตส่าห์ ได้ที่ตาบอดมาเป็นมรดก แถมได้คนตัดอ้อย มาช่วยตัดอ้อยอีกตะหาก แต่ ไม่ได้อะไรซักบาท

      คนไข้ : 5 5 5

       

      สุกิจ : อ้าว โดนคนไข้หัวเราะเยาะ อีกแล้ว

      (บรรยากาศ เหมือน เป็นรายการ ก่อนบ่ายคลายเครียด แต่พอทำการผ่าฝี คนไข้ ร้องไห้ ขนาดฉีดยาชาไป20 cc แล้ว และพ่นยาชาด้วย กลายเป็นรายการ club friday ซะอย่างงั้น ? )

       

      29กันยายน2559

      วันนี้ ไปนั่งกินกาแฟ ร้าน coffee addict

       

      เจ้าของร้านเลี้ยงหมาเพิ่ม อีกตัว พันธ์ ชิสุ ตัวผู้ ด้วยความที่หน้ามันบูด เจ้าของเลยตั้งชื่อว่า ไอ้บูด

       

      ขณะเล่นกับ เจ้าบูด หมาตัวเดิม คือจินนี่ (พันธ์ ปอม ) ก็เข้ามาขวาง เข้ามากัดรองเท้า (เหมือนเดิม) เจ้าบูดหมั่นใส้ เลยกัดจินนี่ สุดท้าย หมาทะเลาะกัน ตรงขาฉัน สุดท้าย ขาฉัน อยู่ท่ามกลางสงคราม หมา กลายร่างเป็นฉนวนกาซ่า สุดท้าย เจ้าของต้องมาแยก (ดีไม่งับเอาขาฉัน)

       

      25 กันยายน2559

      เมื่อวานพาหลานๆ ไปชิม ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ร้าน โกดอน

      มาถึงได้ห้านาที โต๊ะข้างๆ เพิ่งมา

       

      ผ่านไปอีกห้านาที โต๊ะเราเพิ่งได้

       

      ผ่านไปอีกห้านาที โต๊ะข้างๆวีน กับเด็กเสิร์ฟว่า

      "รอนานแล้วนะ น้ำหมดไปแก้วนึงแล้ว (เห็นสั่งน้ำแดง) รอนานแล้ว"

      เด็กเสิร์ฟ ก็ตอบว่า

      " วันนี้ คนเยอะ รอหน่อย กำลังทำจ้ะ "

      แกตอบกลับมาว่า

      " รอนานแล้ว " (ใจร้อนจัง สงสัย โมโหหิว) ผ่านไปประมาณ 1 นาที ก็ยกมาเสิร์ฟ (สงสัย เพราะ อากาศร้อน )

       

      หลังจากนั้น พาหลานๆ ไปทัวร์กิน บิงชูร้านloft

       

      โต๊ะข้างๆ เป็นผู้ชายสองคน คนนึง กำลังคุยโทรศัพท์ หัวฟัดหัวเหวี่ยง ประมาณว่า

      " ผมว่างหลัง3โมง แล้ว จองไว้ทำไมบ่ายโมง แล้ว จองไว้แล้วจะไปได้ยังไง "

      หลังจากนั้น เด็กเสิร์ฟ เอาบิงชูมะม่วง มาเสิร์ฟ

      หลังจากตักกินไปได้สามสี่คำ แกเรียก เด็กเสิร์ฟ มาวีนว่า

      " ทำไม ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย " เด็กเสิร์ฟก็ตอบไม่ได้ ตัวค่อยๆ เล็กลงๆ แล้ว ก็บอกให้เด็กเสิร์ฟ คิดตังค์แล้วก็เดินออกไป

       

      ส่วนโต๊ะเรา ไม่มีปัญหา กินหมดเกลี้ยง ทั้งสองที่

      ทำไม วันนี้เจอแต่คนขึ้วีนหว่า ?

       

      22 กันยายน2559

      สัปดาห์ที่แล้ว นัด ตรวจ ผู้ป่วยเด็กชาย อายุ 14 ปี มาด้วยล้มแล้วปลายแขนซ้ายบวม ผิดรูป เอ็กซเรย์ พบว่ากระดูกปลายแขนหัก (colles fracture) เลยใส่เฝือกให้ที่ปลายแขน และนัดตรวจซ้ำ 2 สัปดาห์ กลับมาเฝือกสะอาดเอี่ยมอ่อง

       

      สุกิจ : อยู่รร. ไม่มีใครเซ็นต์ชื่อให้ที่เฝือกเลยเหรอ

      เด็ก : ไม่มี

      สุกิจ : ไม่มีเพื่อนเลยเหรอ

      เด็ก : มี

      สุกิจ : ครูถามถึงบ้างรึเปล่า

      เด็ก : ถาม

      สุกิจ : ถามว่าอะไร

      เด็ก : ถามว่านี่อะไร เลยตอบว่าเฝือก

      สุกิจ : แล้ว เพื่อนล่ะ ยกแขนขึ้นแล้วบอกว่านี่อาวุธเหรอ

      เด็ก : ^U^ ประมาณนั้น

      สุกิจ : รอบหน้า ให้เพื่อนมาช่วยกันเซ็นต์ชื่อ อวยพร บนเฝือกหน่อยนะ ชาตินึง เพื่อนจะแขนหักซักทีนึง มาร่วมอวยพรกันหน่อย เฝือกไม่ต้องเอาสะอาดมากนะ เอาลายเซ็นต์เยอะๆ เลย

      เด็ก : -..-' ครับ ๆ

       

      ส่วนใหญ่ เฝือกรพ. อื่นจะกลายเป็นแบบสีๆ ฉูดฉาด เล่นแบ็คไลท์ สะท้อนแสงได้ เซ็นต์ชื่อไม่ได้ เหลือแต่ เฝือกรพ.เรานี่แหละ ที่ยังเป็นเฝือกปูนอยู่ แต่ก็เซ็นต์ชื่อได้นะ แสดงว่า ถึงความห่วงใย ที่ยังเหลืออยู่ในสังคม

       

      21กันยายน2559

      วันนี้ ตรวจเด็กพม่า อายุ 1 ปีกว่าๆ ที่คลินิก

      ขณะที่นั่งรอตรวจ ได้ยินเสียงครืด คราด ๆ ๆ ปรากฏว่า เด็กพม่าเอาเก้าอี้ ในร้าน ลากไป ลากมา ครืด คราด ๆ ๆ จนพ่อแม่ ต้องอุ้มขึ้นบ่า ให้เลิก

       

      สักพัก ได้ยินเสียง ปิีบ ๆ ๆ ๆ ปรากฏว่า เป็นเสียงรองเท้าเด็ก เดินไป เดินมาทั่วร้าน จนรู้สึกเวียนหัว

       

      สักพัก ได้ยิน ตึง ปรากฏว่า เด็ก ไปค้นตรงชั้นวางopd card แล้ว ลากของหล่นลงมา รู้สึกเวียนหัว ยกกำลัง 2

       

      พอถึงคิวตรวจ

      สุกิจ : เด็กเป็นอะไรมา

      พ่อเด็ก : เป็นข้าย ไอ น้ำมูก อ๊วก ไปหนนึง เพลีย กินอะไรม่ายด้าย

      สุกิจ : +^+ แต่ เห็นไม่ซึมเลยเนอะ เห็นเดินขึ้นเก้าอี้ ลากของ เดินไป เดินมาตลอด

      พ่อเด็ก : เด็กมันไม่กินข้าว มันกินแต่ขนมอย่างเดียว

      สุกิจ : (ตรวจดู คอก็แดงนิดหน่อย ท้องอืดเล็กน้อย ) เด็กน่าจะติดหวัดมาก่อน แล้ว มีอาการของหวัดลงกระเพาะ นะ เดี๋ยวจ่ายยาให้

       

      หลังจากนั้น แม่เด็กตรวจด้วย มาด้วยอาการปวดเมื่อยขา และ ปลายแขน พอตรวจขาแม่ เด็กก็จะขึั้นมานั่งตัก พอจะตรวจแขนแม่ เด็กก็จะกินนม โอย วุ่นวาย ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไปหมด --> เวียนหัว ยกกำลัง 3

       

      สักพัก แม่เด็ก รับยานึกว่า เสียงในร้านจะสงบแล้ว ได้ยินเสียงบิ๊บ ๆ ๆ ๆ มาอีกรอบ เด็กกลับมาเดินอยู่ตรงหน้าร้าน เพราะ พ่อเด็กเป็นล่ามให้คนไข้พม่าคนอื่นต่อ เสียง ปิ๊บ ๆ ๆ ๆ จากรองเท้า ขณะที่ถามอาการ --> เวียนหัวยกกำลัง 4 รอบนี้ ต้อง ดมยาดม --> T O T เป็นลมดีกว่า

       

      21 กันยายน 2559

      วันนี้ ตรวจ เด็กหญิง อายุ 13 ปี มาด้วย ปวดหัว ปวดตื้อเป็นพักๆ 4 วัน มักจะเป็นเวลาเย็น ตอนกลับจากรร. พ่อเสียชีวิตแล้ว ส่วนแม่ทำงานรับจ้างอยู่ที่ปัตตานี เด็กถูกส่งตัวมาอยู่กับคริสตจักรหลังค่ายรัตนพล ให้เงินใช้จ่ายวันละ 10 บาท เรียนหนังสือที่วัดปลักคล้า จริงๆ จะได้ขึ้นม.1ปีนี้ แต่ สอบตก เลยซ้ำชั้นอยู่ป.6 เวลามีอาการปวดหัว ที่คริสตจักร จะแนะนำให้สวดขอพรจากพระเจ้า ปัจจุบัน อาการไม่ดีขึ้น คนข้างบ้านเลยพามาตรวจ

       

      สุกิจ : แล้ว เวลาเรียนนั่งข้างหน้า หรือตรงกลาง หรือข้างหลัง

      เด็ก : นั่งข้างหน้า

      สุกิจ : แล้ว ถ้านั่งที่อื่น มองเห็น ไหม (สังเกตเด็กดูตาเข เหมือน ด้านซ้ายจะเข)

      เด็ก : มองไม่เห็น

      สุกิจ : เคยวัดสายตาแล้วไหม

      เด็ก : เคยวัดแล้วที่ปัตตานี เขาบอกว่าสายตาสั้น

      สุกิจ : แล้ว ใส่แว่นเวลาเรียนไหม

      เด็ก : ไม่ได้ใส่

      สุกิจ : ทำไมไม่ใส่ ล่ะ

      เด็ก : ขี้เกียจ

      สุกิจ : แล้ว เวลามองกระดานดำมองเห็นเป็นยังไง

      เด็ก : เห็นตัวหนังสือมันซ้อนๆ กัน

      สุกิจ : แล้วเวลามองคน เห็นคนเป็นสองคนไหม

      เด็ก : (ชี้มือไปทางคนที่พามา) เห็นยายเป็นสองคน

      สุกิจ : แล้วแบบนี้ เวลาเรียนรู้เรื่อง เหรอ

      เด็ก : ไม่รู้เรื่อง เวลามองไม่เห็นก็ต้องถามเพื่อนเอา

      สุกิจ : งั้น เดี๋ยว ลองวัดสายตาดูหน่อยนะ

       

      พอส่งไปวัดสายตาผล ข้างขวา 20/70 w ph 20/70 ข้างซ้าย 20/70 w ph 20/70 สรุป ที่มองไม่เห็นน่าจะไม่ใช่แค่ สายตาสั้นอย่างเดียวแล้ว (คนสายตาสั้น เวลามองผ่าน pin hold จะสามารถแก้ไขได้ แต่เด็กคนนี้มองผ่านpin hold ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดี) พอตรวจ cover uncover test น่าจะมี ตาซ้าย เขออก

       

      สุกิจ : สรุป ที่เด็กปวดหัว น่าจะเกิดจากตาเขและสายตาสั้นด้วยนะครับ เลยทำให้ปวดหัวบ่อย และเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง น่าจะลองพาไปพบจักษุแพทย์หน่อยนะครับ ไม่ต้องสวดขอพรให้หายปวดหัว แล้วนะครับ เด็กป่วยครับ

      คนพามา : เดี๋ยว ต้องบอกแม่เด็กก่อน พอดีที่นี่ ไม่มีญาติเลย

      สุกิจ : อ้าวแล้วมาอยู่กับใครละครับ

      เด็ก : มาอยู่กับแม่เลี้ยง

      สุกิจ : อ้าว แล้ว บอกว่าพ่อตายแล้ว แล้วแม่เลี้ยงเป็นใครล่ะ

      เด็ก : แม่หนู่เป็นเมียน้อย แล้ว แม่เลี้ยง เป็นเมียหลวง

      สุกิจ : -..- ' อ้าว แล้วหนูมาอยู่กับเมียหลวงของพ่อเหรอ (งง ปกติในละครไทย เมียหลวงไม่ค่อยเอาลูกเมียน้อยมาเลี้ยงนะ ยกเว้นเรื่อง นางทาส )

      เด็ก : ไม่ใช่ๆ

      คนพามา : เอิ่ม เด็กเล่าไม่ค่อยรู้เรื่อง ตอนอยู่รร. ครูก็ถามแบบหมอนี่แหละ ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

      เด็ก : แม่เลี้ยง อยู่ที่ปัตตานี กับ แม่แท้ๆ ส่วนมาอยู่นี่ มาอยู่กับยาย

      สุกิจ : สรุป มาอยู่กับยายเนอะ ถ้างั้น ว่างๆ ให้ยายพาไปตรวจหน่อยนะ

      คนพามา : เดี๋ยวค่อยบอกแม่เด็กอีกทีนะ


      7 กันยายน2559

      วันนี้ จ๊อด มาเป็นจิตอาสา เล่นกีตาร์ให้คนไข้ฟังที่ OPD ขณะที่เล่นไปชม.นึง จิตติกร (จิตรกรที่ชอบวาดภาพเหมือนลิง ให้บุคลากร ) อยากเล่นบ้าง เลย มาขอแจม ให้จ๊อดไปพัก

       

      เพลงแรก แกขอsolo เองก่อน (เพลงสากล เพลงอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่ออก)

       

      ผ่านไป แกบอก เพลงแรกต้องโหมโรงก่อน

       

      พอเพลงที่สอง (ไม่บอกด้วยจะดีดเพลงอะไร) พอฟังทำนองได้ว่า เป็นเพลง ย้ำ ของ bodyslam เลย คลอเพลงไปให้ (พอดี จิตติกรเสียงแหบ ) เล่นไป ร้องไป แต่ ฟังยากมาก เดี๋ยว ทำนองช้า เดี๋ยวเร็ว คนคลอ ตามไม่ทันจ้า

       

      พอเพลงที่สาม แกบอกว่า คราวนี้ขอคาราบาว แล้วก็ขึ้นเลย (พอเลาๆ ว่าเป็นเพลงทะเลใจ ) เลยร้องคลอให้ แต่ ร้องยากมาก เดี๋ยว ดีดแบบคลาสสิค คือ ดีดไป เคาะจังหวะไป เดี๋ยว ดีดเร็ว เดี๋ยวหน่วง ร้องตามยากมากยิ่งกว่าร้องตามอ๊อฟ ปองศักดิ์ ในคอนเสิร์ต สรุป ยอมแพ้ แล้ว เลย ให้แกร้องกับโซโล่เอง

       

      ปรากฏว่า ผ่านไป 15 นาที แกยังนั่งดีดและsolo อยู่ จนพยาบาล มาตามบอกว่า จิตติกร ดีดกีตาร์ จนเลือดออกที่นิ้วแล้ว เลยไปดู

       

      แล้วก็จริงดังว่า นิ้วชี้ที่ดีดกีตาร์ แตกเป็นแผลยาประมาณ0.5ซม. แต่ แกยังดีดๆ อยู่ ยิ่งดีด เลือดก็ยิ่งกระเด็นไปโดนสายกีตาร์ และ ลำตัวกีตาร์ (เรียกได้ว่า กีตาร์โลหิต ของแท้) ยิ่งเล่นเลือดก็ยิ่งสาด ดีไม่กระเด็นไปโดนคนไข้ คนอื่น เลย บอกให้หยุดเล่น บอกว่าไม่ให้เล่นแล้ว เลือดเปรอะกีตาร์จ๊อด หมดแล้ว แล้ว พาไปทำแผล กลับมาต้องขอโทษขอโพย แม่จ๊อด แกทำหน้าเจื่อนๆ พอเห็นเลือดเปรอะ กีตาร์ เลยถามว่า แกไม่ได้เป็นโรคติดต่อใช่ไหม เลยบอกว่าไม่มี และ หาสำลีแอกอฮอล์ มาเช็ดให้

       

      เฮ้อ สรุป ทั้ง ร้องล่ม กีตาร์เลือด วอดวายแท้

       

      4 กันยายน2559

      เมื่อวาน ตรวจเด็กผู้ชาย มาด้วยไข้2วัน

       

      สุกิจ : เด็กอายุเท่าไรครับ

      เด็ก : -u- (ยิ้ม อย่างเดียวไม่ตอบ)

      แม่เด็ก : @^@ รอบที่แล้ว ไปรพ เจาะเลือด อายุได้ 7ปี 8 เดือน 12 วัน

      สุกิจ : +^+ เอิ่ม แล้ว ตอนนี้เด็ก อายุ เท่าไรครับ

      แม่เด็ก : ไม่รู้ ค่ะ อายุเกิน7ขวบ แตกี่เดือน กี่วันนับไม่ถูก ?^?

      สุกิจ : '-^- เอ่อ งั้น หนูอยู่ป. ไหนแล้ว

      เด็ก : ป.2 แล้ว

      สุกิจ : งั้นคงจะ8ขวบ แล้วเนอะ

      แม่เด็ก : ประมาณนั้น

      สุกิจ : เอิ่ม คราวหน้ากะอายุคร่าวๆก็ได้นะครับ พอดีจะดูน้ำหนักว่าสมอายุไหมน่ะครับ

      แม่เด็ก: ค่ะ

       

      มึนเลย !!!


      29 สิงหาคม2559

      วันนี้ มีพนักงาน 7-11 มารักษาเรื่อง หูดที่นิ้วโป้ง เลย จี้ไฟฟ้า ให้

       

      สุกิจ : นิ้วโป้ง เจ็บแบบนี้ แล้ว คิดเงินที่แคชเชียร์ได้เหรอ

      พนักงาน 7-11 : ช่วงนี้ ลา 4 วันครับ

      สุกิจ : แล้ว ปกติ หลังคิดเงิน เสร็จต้องพูด " รับขนมจีบ ซาลาเปา เพิ่มไหมครับ" นี่เขาบังคับไหม

      พนักงาน 7-11 : บริษัท เขาสอนให้พูด

      สุกิจ : ต่อให้ลูกค้า ซื้อยาเบื่อหนู ก็ต้องพูด "รับขนมจีบ ซาลาเปา เพิ่มไหมครับ "

      พนักงาน 7-11 : +^+ ใช่ครับ

      สุกิจ : โอเคร เยี่ยมมาก (บริษัท เขาอบรมพนักงานได้ดีจริงๆ ขายของเพิ่มได้ด้วย แม้จะซื้อยาเบื่อหนู)

       

      25 สิงหาคม2559

      เมื่อประมาณสี่เดือนที่แล้ว opd screen พบผู้ป่วยหญิง นับถือศาสนาอิสลาม โรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง มีปัญหาเรื่องความดันสูงมาก 200+/100 และ คัดกรองภาวะซึมเศร้า ให้ผลบวก (screen 2Q +ve) เลยส่งไปพบพี่กุ้งๆ ถามว่า ทำไมแกถึงไม่สบายใจ แกตอบว่า "แกตายไม่ได้ ตายตาไม่หลับ เพราะ ลูกสาวแกป่วยเป็นบ้า มา40ปีแล้ว ตอนนี้ ถูกขังอยู่ในขนำหลังบ้าน ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ พูดก็ไม่เป็นภาษามนุษย์ ถ้าแกตายไปแล้ว ใครจะดูแลลูกสาว ทำให้แกเครียดมาก ความดันก็ขึ้น "

       

      หลังจากนั้น เลยไปเยี่ยมบ้าน ผู้ป่วยรายนี้ กับพี่กุ้ง ก็พบว่า เป็นอย่างที่ป้าคนนี้บอก ลูกสาว แกพูดจาไม่รู้เรื่อง ถูกขังอยู่ในขนำหลังบ้าน ถามอะไร ก็ไม่สบตา พูดไม่เป็นภาษา กลางคืน อยู่ดีๆ ก็ร้องเพลงโหวกเหวก ฟังไม่รู้เรื่อง เวลาอารมณ์เกรี่ยวกราด ก็เคยทำร้ายแม่ และต้องใช้คนมาช่วยจับ 4 คน เลยถูกขังอยู่ในขนำนี้ 40 ปี แล้ว แม่แกเล่าให้ฟังว่า เริ่มป่วยตั้งแต่ อายุ17ปี ตอนนั้นไปรักษาที่รพ.สวนสราญรมย์ แล้ว คนไข้แอบหนีออกจากรพ. ค่อยๆเดิน ขอพักตามวัด ตามมัสยิด ถามหาคนรู้จัก จนมีคนมาบอกแม่แก เลย ตามไปเจอ สุดท้าย เลยไม่พาไปรักษาที่สุราษฏ์ แล้ว ขังไว้ที่ขนำหลังบ้าน จนนับเวลาได้40ปีแล้ว ปัจจุบัน อายุ 57 ปี

       

      เลยนำเรื่องราวไปปรึกษาจิตแพทย์ที่มารพ.เรา ปรากฏว่า จิตแพทย์ให้ญาติพาคนไข้มารพ. และเนื่องจากเป็นมานานแล้ว ควรส่งไปตรวเอ็กซเรย์สมองที่รพ.หาดใหญ่ด้วย

       

      กลายเป็นว่า ญาติพามาไม่ไหว เพราะคนไข้ไม่รู้เรื่องเลย แถมเวลาเอะอะโวยวายอาละวาด ต้องใช้ผู้ชายจับถึง4คน ผมเลยตัดสินใจให้พี่กุ้ง ลองใช้ยาต้านโรคจิต (fendex) ฉีดดูเดือนละครั้ง เพราะ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว คนไข้ก็ไม่รู้เรื่อง ญาติก็พามารพ.ไม่ได้น่าจะลองกันสักตั้ง

       

      วันแรกที่ฉีดยา พี่กุ้งต้องพาชายฉกรรจ์ ไปช่วยกันจับ 6 คน แต่ จะฉีดยา คนไข้ ถกผ้าถุงไม่ฉีด เฉยเลย ไม่ดิ้น ไม่ร้อง ไม่โวยวาย ผ่านไป3เดือน (ฉีดเดือนละเข็ม) คนไข้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ พูดจาเริ่มรู้เรื่องขึ้น เริ่มช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น ตักข้าวกินเองได้ เริ่มช่วยแม่ ขยี้ผ้าตอนซักได้บ้าง อาบน้ำเองได้ วันนึงอาบตั้ง4-5 รอบ

       

      วันนี้ เลย ไปเยี่ยมบ้าน พร้อมกับ พี่กุ้ง กับน้องผ่อง เห็นคนไข้ หน้าตาแจ่มใสขึ้น เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้าน จากเดิมที่มอมแมม อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง กลายเป็นอาบวันละ4-5รอบ พูดคุยรู้เรื่อง

      พี่กุ้ง : วันนี้ กินข้าวกับอะไร

      คนไข้ : ช้อนสีฟ้า (แกถือช้อนสีฟ้าติดตัวไว้ตลอด ไว้เตรียมกินข้าวเต็มที่)

      พี่กุ้ง : แล้ว ตอนเที่ยงกินอะไร

      คนไข้ : ก๋วยเตี๋ยว

       

      คนไ้ข้ขอออกจากหนำ เดินนำเรา พาพวกเรามานั่งคุยกันตรงลานบ้าน

      พอพี่กุ้งไปเจอแม่คนไข้ ๆ แกแทบจะโผมากอดพี่กุ้ง แกดีใจมาก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับที่มาตอนแรก แกบอกว่า แบบนี้ แกหมดห่วงแล้ว ตายตาหลับแล้ว (แต่ยังมีปัญหาขาดยาความดันอยู่ แกไม่ไปตามนัด แล้วไปกินยาตามบ้าน) เลย บอกแกว่า ทางอำเภอทราบเรื่องแล้ว ตอนนี้ คนไข้ยังไม่มีบัตรประชาชน ชื่อตามทะเบียนบ้านก็ไม่มี ทางอำเภอ เขาจะมาถ่ายรูปที่บ้าน และ สอบถามหน่อย แล้ว จะให้พาไปถ่ายรูปทำบัตรประชาชนที่อำเภอ จะได้ทำบัตรทอง และ บัตรผุ้พิการต่อได้เลย ได้เงินเพิ่มมาเดือนละ 800 (น้องชายแกยิ้มใหญ่ แกบ่นว่า ช่วงนี้คนไข้กินเยอะ กินชาเย็นทุกวันเลย ค่าข้าววันนึงเกือบร้อย)

       

      น่าจะ ปลดโซ่ตรวจสำเร็จนะ เห็นแม่คนไข้ ยิ้มออก ทีมงานก็ชื่นใจ 40 ปีที่ถูกขังอยู่ในขนำ 40 ปีที่ไม่รับรู้อะไรผ่านไปในชีวิต วันนี้ คนไข้ออกมาได้แล้ว แถมชอบออกมานั่งหน้าบ้าน และ ช่วยเหลือตนเองได้หลายอย่าง เห็นแบบนี รู้สึกดีจัง

       

      23 สิงหาคม 2559

      วันนี้ ตรวจพระภิกษุ อายุ 68 ปี ได้คิวด่วน เนื่องจาก เป็นพระ และสูงอายุ

       

      สุกิจ : นิมนต์ หลวงพ่อ ครับ เป็นอะไรมาครับ

      พระ: หมอดู ก้อนที่แก้มหน่อย ตัดออกได้ไหม

      สุกิจ : (คลำดูเป็นเม็ดแข็งๆ เหมือนสิวอุดตัน ขนาดประมาณ0.5ซม. อยู่ตื้นๆ) ตัดออกได้ ครับ เล็กนิดเดียว เดี๋ยวจี้ออกให้ก็ได้ครับ

      พระ: จะเป็นแผลเป็นไหมหมอ

      สุกิจ : ก็อาจเป็นได้ครับ เพราะ หลวงพ่ออายุค่อนข้างเยอะแล้ว เวลาเกิดแผลก็เป็นแผลง่ายกว่าหนุ่มๆสาวๆครับ

      พระ : งั้น หมอ ตัดออกแล้วเย็บได้ไหม จะได้ไม่เป็นแผลเป็น หลวงพ่อกลัวไม่สวย

      สุกิจ : -..- ได้ครับ แต่หลวงพ่อ อยู่ในสมณเพศ ยังไม่ปลงเรื่อง รูป เวทนา อีกเหรอครับ ถ้าเป็นหนุ่มๆสาวๆ ผมคงไม่ว่าอะไรนะครับ แต่ ท่านเป็นพระสงฆ์นะครับ น่าจะปลงเรื่องนี้บ้างนะครับ

      พระ: +^+ แค่ กังวลเล็กน้อยน่ะ เวลา ใช้มีดโกนแล้วมันสะดุดน่ะ

      สุกิจ : เดี๋ยวหลวงพ่อไปรอที่ห้องฉุกเฉินเลยนะครับ

      พระ : เจริญพร

       

      (นรกจะกินหัวฉันไหม เนี่ย เดี๋ยวนี้ถึงขั้นตำหนิพระสงฆ์องค์เจ้าแล้ว วันหลังเดินสวนกับผม เห็นลุงตัวแดงๆมีเขา นุ่งโจงกระเบน เกาะอยู่บนหัวไม่ต้องแปลกใจนะครับ)


      21สิงหาคม2559

      หลายเดือนก่อน ไปซื้อของที่โลตัสเอ๊กซ์เพรส ซื้อ น้ำปลา กับอะไรนิดหน่อย ประมาณ 50 บาท

      ปรากฏว่า คิดตังค์ เสร็จ ได้คูปอง ลดราคาสินค้า มูลค่า 1500 บาท --> )^0^( ทำไมช่างโชคดีเช่นนี้ ขนาดซื้อลอตเตอรี่ ยังไม่เคยถูกเลย

       

      พอดูเงื่อนไข ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ครบ 10000 บาท ลด 1500 บาท --> T^T

       

      9 สิงหาคม2559

      เมื่อวาน ประมาณ3ทุ่ม ขับรถไปแถวคลองหลังรร.แสงทอง เห็นเด็กนักเรียน เต็มไปหมด

       

      สุกิจ : เดี๋ยวนี้ เลิกเรียนดึกขนาดนี้เลยเหรอ ขยันกันจัง

       

      พอไปถึง ร้านเจ๊เพ็ญ เพื่อกินข้าว ได้ยินเสียงเด็กเสิร์ฟ

       

      เด็กเสิร์ฟ : เฮ้ย ไปจับโปเกมอนกันเร็ว ตรงคลองหลังรร. แสงทอง เด็กไปจับกันเต็มเลย

      สุกิจ : -..- (ตรูนึกว่าขยัน)

       

      คืนวันเดียวกัน พี่พยาบาล ก รับโทรศัพท์ จากหัวหน้าer

      พยาบาล ก : มีเรื่องอะไรด่วนเหรอ

      หัวหน้าer : พี่ ก ฉันรู้วิธี หาลูกบอล เพื่อจับโปเกมอน แล้ว ต้องไปหมุนลูกบอลแถวรพ หาดใหญ่

      (ทันใดนั้น ได้ยินเสียงตะโกนจากในโทรศัพท์)

      พี่จ.(สามีหัวหน้าer) : เฮ้ย ไอ้อ้วน ใช้ให้ไปซื้อข้าว หายไปเป็นชม. ที่แท้ไปจับโปเกมอน

      หัวหน้าer: +^+

       

      เมื่อตะกี๋ นี้ ขณะนั่งเขียนออเดอร์ คนไข้ เพื่อนอนรพ

      พยาบาล ก : หมอ มีโปเกมอน เกาะอยู่บนหัวหมอ

      สุกิจ: หาตัวอะไรนะ

      พยาบาล จ.: ใช่งูรึเปล่า

      พยาบาล ก : จับได้แล้ว เป็นpidgey

      สุกิจ: +^+ (รู้สึกโปเกมอน จะมีผลกระทบกับชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ)

       

      5 สิงหาคม2559

      ปัจจุบัน มีนโยบาย ให้พยาบาล เดินตามราวด์ ทุกเตียง วันนี้ เลยมี พยาบาล Hana Zeezaa เดินตามราวด์ เลยรู้สึกไม่ชิน

       

      สุกิจ : วันนี้ รู้สึกเหมือนเป็นควาญช้างเลย

      Hana Zeezaa : ทำไม

      สุกิจ : เหมือน มีช้างเดินตามตลอดเลย

      Hana Zeezaa : +^+ (ว่าตรูใช่ไหม เนี่ย)

       

      สักพัก พยาบาลSan Da เดินมาด้วย เดินนินทากับเจ้า Hana Zeezaa

       

      Hana Zeezaa : ใส่รองเท้าประสาอะไรเนี่ย รูระบายก็ไม่มี 555

      San Da : จริงด้วย เหมือนพวกชาวประมง

      Hana Zeezaa : จริงด้วย รองเท้าใหญ่ ยังกับเรือ

      San Da : สงสัยไปหยิบจากโรงเกลือ มา

       

      ด้วยความที่ได้ยิน ที่เจ้าพวกนี้ นินทาตลอด

      สุกิจ : '+^+ เฮ้ย คนมีการศึกษา เขาไม่นินทากันต่อหน้าเฟ้ย เขานินทากันลับหลัง ทั้งนั้นแหละ

      Hana Zeezaa : นี่ไม่ได้นินทาลับหลังนะ นินทาระยะเผาขน เลย

      San Da : หมอ ใส่รองเท้าอะไร nike เหรอ

      สุกิจ : adidas ตะหาก

      San Da : รุ่น ที่เขาเอาไปโยนแถวโรงเกลือน่ะเหรอ

      สุกิจ : ไอ้เชย นี่มันรุ่น yeezy เชียวนะเฟ้ย (ยกเท้าให้ดู พร้อมเปิดรูปในมือถือ ให้ดูเปรียบเทียบ )

      San Da : อืม เหมือนกันเลย ของปลอม ใช่ไหมเนี่ย

      สุกิจ : ปลอมอะไร (มันรู้ได้ไงฟะ ตรูยังไม่รู้เลย) แท้เลย

      San Da : แท้ แบบซื้อจากโรงเกลือ 555

      Hana Zeezaa : ช่าย 555

      สุกิจ : T^T (ช่วยด้วย ถูกรุม)

       

      25 กรกฏาคม2559

      วันนี้ ตรวจคนไข้เบาหวาน ผู้ชายอายุ60ปี อาชีพรับจ้าง ผิวคล้ำๆ ใส่แว่น ดูผอม

       

      สุกิจ : (เห็นในประวัติทานยา metformin วันละเม็ด น้ำตาลวันนี้ก็ปกติดี ) ทานยาแล้วมีปัญหาไหมครับ

      คนไข้ : ปกติดีครับ

      สุกิจ : เห็นในประวัติทานยา แค่วันละเม็ดวันละครั้งใช่ไหมครับ

      คนไข้ : ครับ

      สุกิจ : (เหลือบเห็นในopd card เห็นหมอ น.โน๊ต ไว้ว่า คนไข้พูดไทยไม่ได้ but can speak english very well ) อ้าว ลุงพูดไทยไม่ได้เหรอ เห็นหมอคนก่อนเขียนไว้ว่า พูดไทยไมไ่ด้ but can speak english very well

      คนไข้ : อ่อ พอพูดได้บางคำ แต่พูดไม่ชัด แต่ ก่อนเคยอยู่มาลายู l have ever stay in malaysia and i come back to china

      สุกิจ : อ้าว ลุงเคยอยู่เมืองจีนด้วยเหรอ

      คนไข ้: no china town in malaysia , i go to work at malaysia ............................. (แล้ว แกก็บ่่นเป็นภาษาอังกฤษ ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง)

      สุกิจ : ok i see , you will take this card to the nurse in front of the door

      คนไข้ : ok , ไปใส

      สุกิจ : +^+ (ปรับอารมณ์ไม่ทันเลย ใส่พูดอีสานด้วยฟะ) เอ่อ เอาบัตรไปให้พยาบาลหน้าห้องครับ

      คนไข้ : where is she ?

      สุกิจ : in front of the door (ชี้ไปทางหน้าห้องตรวจ)

      คนไข้ : ok , thank you very much

      สุกิจ : you're welcome , have a nice day , what's up

      คนไข้ : ว่อทแซบ

       

      โอย ตรวจแก เสร็จแล้ว มึนหัวอย่างแรง พูดไทยคำ อังกฤษคำ บางทีก็เว่าอีสาน

       

      25 กรกฏาคม2559

      วันนี้ ผ่านไปชิมกาแฟ ที่ร้าน coffee addict อยู่ตรงข้าง index เจอหมาพันธ์ ปอม น่าจะอายุประมาณ2เดือน ชื่อ จินนี่

       

      พอเข้าไปนั่งในร้าน จินนี่ วิ่งเข้ามากัดเชือกรองเท้า

       

      สุกิจ : เฮ้ย อย่ากัดเชือกดิ (เอามือปัดจินนี่ ออก)

      จินนี่ : (สู้มือ พยายาม จะดึงเชือกรองเท้า)

      สุกิจ : เอาเชือกคืนมานะ (ดึงเชือกจนคืนมาได้ ผูกใหม่)

      จินนี่ : (ไปกัดเชือกรองเท้าอีกข้างนึง)

      สุกิจ : เฮ้ย อย่ากัดเชือกอีกข้างดิ (เอามือดังเชือกคืน)

      จินนี่ : (กัดแน่น ไม่ยอมคืนให้)

      สุกิจ ; เดี๋ยวขาด (เลยเอามือไปผลัก)

      จินนี่ : (หันมาเล่นงานมือแทน ไล่งับมือเป็นพัลวัน สักพัก กลับไปงับเชือกรองเท้าต่อ )

      สุกิจ ; เฮ้ย เดี๋ยวขาด (เชือกที่อุตส่าห์ ผูกใหม่ ดึงหลุดอีกแล้ว)

      เจ้าของร้าน : กาแฟ ได้แล้วครับ อุ้ย (เห็นจินนี่ กำลังเปิดศึกแย่งเชือกรองเท้ากับลูกค้าอยู่) จินนี่ มานี่เลย อย่าไปกัดเชือกรองเท้าเค้า

      จินนี่ : (พอได้ยินเสียง มันเลิกกัดเลย เข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ แสดงว่ากลัวเจ้าของ )

      สุกิจ : (ได้เชือกรองเท้าคืนแล้ว) TUT แหม มันจะถอดรองเท้าให้ตลอดเลยนะครับ

      เจ้าของร้าน : มันชอบกัดรองเท้าครับ รองเท้าผม มีเชือกที่ไหน มันกัดหมดแหละครับ

       

      สรุป ได้กาแฟอร่อย หอมดี ร้านใช้เครื่องชงกาแฟ rancilo แบบที่ใช้ในร้านแบล็คแคนยอนเลย ราคาก็ไม่แพง ประมาณ 40 บาท ใครอยากอุดหนุน และ อยากสู้กับจินนี่ เชิญเลย ตรงข้าม index living mall หาดใหญ่ใน

       

      24 กรกฏาคม2559

      วันนี้ ขับรถผ่านไปทางร้านโบ๊ท เบเกอรี่ ร้านที่เปิดมา30กว่าปี ติดประกาศขายตึก ส่วนร้านน่าจะย้ายไปอยู่อีกถนนนึง

       

      เลยนึกถึงตอนเป็นนักศึกษา สอบเสร็จ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงดำ มานั่งกินข้าว ผู้ชายจากโต้ะข้าง เดินมาถาม

       

      ผู้ชายโต้ะข้างๆ : น้องๆ กระดาษทิชชู่ หน่อย

      สุกิจ : +^+ บ๋อย อยู่นู่นครับ ผมมากินข้าวครับ

      (เด็กเสิร์ฟร้านนี้ แต่ก่อน ใส่เชิ้ตขาวกางเกงดำ)

      เพื่อนๆโต้ะข้างๆ : 555 ไม่รู้เรื่องอะไร เลยมึง

      ผู้ชายโต้ะข้างๆ : ขอโทษน้อง ก็ไม่รู้นี่หว่า เห็นใส่ชุดเหมือนกัน

      สุกิจ: T^T (หน้าตากรูนี่ อนาคตไกลเลย บ๋อย)

       

      22กรกฏาคม2559

      เมื่อวานไปดูหนังเรื่อง lights out ที่เซนเฟส อุ่นหนาฝาคั่ง ด้วยบรรดาวัยรุ่น กลัวผี (แต่อยากดู

       

      เรื่อง ประมาณว่า ปิดไฟผีจะโผล่มา ซึ่งไม่รู้จะโผล่ตรงไหน มักเป็นด้านหน้า หรือ ด้านหลัง เวลาไฟดับปุ้บ ก็มักจะมีเสียงจากวัยรุ่นด้านหลัง

       

      วัยรุ่น1: อยู่ข้างหลังมืดๆนั่นไง หันไปดูสิวะ (ทำยังกะ คนเล่นมันจะได้ยิน สิ่งที่แกบอกอย่างงั้นเหรอ)

       

      บางช่วง

      วัยรุ่น2 : ตรูไม่กล้าเปิดตา ตรูกลัว เฮ้ยอย่าดึงมือตรูออก (แกล้งกันซะอย่างงั้น)

       

      พอช่วงกลางเรื่อง นางเอกไปจุดเตาผิงเพื่อไม่ให้ไฟดับ พอผีทิ้งเศษดินลวงมาไฟดับ วัยรุ่นข้างหน้า ตะโกนพร้อมกัน

      หมู่มวลวัยรุ่น : เชี้ยยย

       

      สรุป เป็นการดูหนังกับหมู่มวลวัยรุ่นกลัวผี(แต่อยากดู) ที่น่ากลัวอิ้บอ๋าย

       

      15กรกฏาคม2559

      วันนี้ เกิดอุบัติเหตุ นักศึกษาจากม.ศิลปากร มาช่วยทำจิตรกรรมฝาผนังที่วัด แล้ว กำลังจะขับรถมอเตอร์ไซค์ พ่วงข้างไปวัด เพื่อไปตลาด ไปกัน3คน ปรากฏว่า รถเสียหลัก ตกลงในคูน้ำ น้องผู้หญิงคนที่ซ้อนกระเด็นไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ถูกเหล็กหมุดเสาไฟฟ้า ตำไปที่เพดานปากด้านบน จนทะลุถึงกระดูก รถพยาบาลนำส่ง

       

      พอมาถึง พบว่า มีแผลที่เพดานปากขนาด3ซม.ลึกทะลุกระดูก และ แผลฉีกขาด3แผล ที่ริมฝีปากล่าง เลยให้ไปเอ็กซเรย์ หลังจาก เอ็กซเรย์เสร็จ พยาบาล กำลังเย็บแผลที่ปากด้านล่าง

       

      นักศึกษา : หมอ อย่าให้เสียโฉมนะคะ

      พยาบาล อ : ค่ะ (พอดี มีแผลทะลุถึงกันที่ใต้ริมฝีปากล่าง)

      นักศึกษา : หมอ ช่วยทำให้ใต้ริมฝีปากเป็นหลุมได้ไหมคะ จะได้สวยหน่อย

      พยาบาล อ. +^+ (เลยขอช่วยเรามาดู) พอดีน้องเขาจะให้เย็บให้ใต้ริมฝีปากเป็นหลุมหน่อย จะได้สวยหน่อยน่ะค่ะ

      สุกิจ : อืม แต่ส่วนใหญ่ วัยรุ่น มักจะชอบริมฝีปากล่างเจ่อๆ แบบแองเจลิน่า โจลี่ ไม่ใช่เหรอ (ประตูผีโพลิคลินิก ดำเนินการ)

      นักศึกษา : ใช่เลยค่ะ งั้น เอาริมฝีปากแบบแองเจลิน่า โจลี่เลยนะคะ หมอ ทำให้หน่อยนะคะ

      สุกิจ : +^+ เอิ่ม พอดี หนูมีแผลที่เพดานปาก ทะลุกระดูกนะ เดี๋ยวต้องส่งตัวหนู ไปรักษากับหมอศัลยกรรมตกแต่งที่รพ.ศุนย์น่ะจ่ะ

      นักศึกษา : ทำให้ริมฝีปากหนู เป็นแบบ แองเจลิน่า โจลี่ได้ใช่ไหมคะ

      สุกิจ : +^+ เอิ่ม เดี๋ยว หนูไปถึงรพ.ศูนย์ หนูอยากได้แบบไหน หนูบอกเลยนะคะ(จริงๆ หลังเย็บสัก2-3วัน ปากก็เจ่อ แบบ แองเจลิน่า โจลี่อยู่แล้ว)

      นักศึกษา : ^U^ อูยเจ็บปาก TUT จะได้สวยขึ้น

       

      แล้ว ก็ทำการส่งนักศึกษาไปรพ.ศูนย์ ไป ทำตามความฝันต่อไป เฮ้อ หลอกเด็กอีกแล้วเรา

       

      14 กรกฏาคม 2559

      ช่วง2อาทิตย์ มีลุงคนนึง อายุ ประมาณ 77ปี มาด้วยอาการปัสสาวะไม่ออก มักจะมารพ.ช่วงกลางคืน ด้วยกระเพาะปัสสาวะโป่งตึง พยาบาลER เลยใส่สวนปัสสาวะให้ และคาสายสวนไว้ก่อน ให้ยาฆ่่าเชื้อไปกิน และนัดวันรุ่งขึ้น มาพบหมอ

       

      พอเช้าวันถัดมา แกมาพบหมอ

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : (ดูในสายสวนและถุงรองรับปัสสาวะ เยี่ยวก็ลงไปในถุงดี) ลุง คาสายเยี่ยวอยู่ เยี่ยวมันก็ลงไปในถุงนี้แหละ ไม่ต้องเบ่ง

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวหน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : ลุง คาสายสวน เยี่ยวมันก็ลงไปในถุงรองรับเยี่ยวในสายสวนสิ

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวหน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : +^+ ลุงควรจะคาสายสวนไว้ก่อน ซักอาทิตย์นึงนะ ให้มันหายอักเสบก่อน กินยาฆ่าเชื้อให้ครบก่อน

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวหน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

       

      (สุดท้าย ก็ต้องยอมถอดสายสวนให้แก)

       

      พอคืนนั้น แกกลับมาอีก ด้วยเรื่อง กระเพาะปัสสาวะโป่งตึง เพราะเยี่ยวไม่ออก เลยต้องใส่สายสวนกลับเข้าไปอีกรอบ พอมาตอนเช้า แกกลับมาพบหมออีก

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : ลุง เมื่อวานก็ถอดออกแล้วรอบนึง พอกลางคืน ก็เยียวไม่ออกอีก

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : คาไว้ก่อนอาทิตย์นึงนะ วันนี้ ไม่ถอดให้แล้ว

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      (สุดท้าย แกพูดเหมือนเดิม ก็เลยไม่ได้ถอดให้)

       

      พอช่วงบ่ายแกกลับมาอีก จะถอดสายสวนปัสสาวะออกให้ได้ เจอหมออีกคน เลย้จำใจเอาออกให้

       

      พอตกกลางคืน เหมือนเดิมอีกแล้ว เยี่ยวไม่ออก กระเพาะปัสสาวะโป่งอีกแล้ว เลยต้องใส่สายสวนใหม่ อีกรอบ พอตอนเช้า แกกลับมาพบหมออีกแล้ว

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : รอบนี้ ไม่ถอดให้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ ก็มาใส่ใหม่อีก

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

       

      สรุปไม่ถอดสายสวนให้ พอตอนบ่าย แกก็กลับมาเหมือนเดิม รบเร้าพยาบาล จนยอมถอดสายสวนให้ คืนนั้น ก็กลับมาเหมือนเดิม รอบใหม่เลย ไม่คาสายสวนแล้ว เพราะ แกขับมอเตอร์ไซค์มาเองทุกวัน เลย สวนด้วยลูกยางแดง เป็นพักๆ เวลาแกเยี่ยวไม่ออก แล้วเพิ่มยาลดขนาดต่อมลูกหมากให้ แต่ ก็ยังมีบางวันที่คาสายสวนให้ พอครั้งนี้ ไม่มีใครเอาสายสวนออกให้ แกเลยดึงออกเองที่บ้าน จนเลือดนอง พอครบนัด1สัปดาห์ แกมาตรวจเยี่ยว ปรากฏว่า ยังเจอการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ

       

      หมอ : ลุง ยาฆ่าเชื้อ ที่ได้ไป ลุงได้กินครบไหม

      ลุง : ยาอะไร ไม่รู้อยู่ตรงไหน (แกมีลูกชายสองคน แต่ไม่ได้อยู่กับแก เวลาแกมารพ. ก็ขับมอเตอร์ไซค์มาเองคนเดียว หูก็ไม่ค่อยได้ยิน พูดอะไรกับแก ก็จำไม่ค่อยได้ )

      หมอ : +^+ งั้น รอบนี้ ฉีดยาฆ่าเชื้อหน่อยนะ

       

      สรุป ยาที่ให้ไป แกไม่ได้กินเพราะจำไม่ได้ว่ายาตั้งตรงไหน แล้ว แกก็มารพ.ทุกวันอยู่แล้ว เลยฉีดยาฆ่าเชื้อให้แกวันละเข็ม แล้ว นัดอีกสามวัน ปรากฏว่าการติดเชื้อไม่ดีขึน เลย ให้แกนอนรพ. ฉีดยา นอนรพ.ได้2วัน หมอให้กลับบ้าน วันนี้แกกลับมาอีกแล้ว

      ลุง : ถอดสายเยี่ยวให้หน่อย เยี่ยวไม่ออกเลย

      หมอ : ลุง ก็เยียวมันลงในถุงอยู่แล้ว เห็นเมื่อวานเพิ่งกลับบ้าน ยาที่ได้จากรพ. ได้กินไหม

      ลุง : ยาอะไร ไม่เห็นได้อะไรเลย เมื่อวานกลับบ้านตัวเปล่า (หมออีกคนที่อยู่เวรเมื่อวาน ชะโงกหน้ามา ว่าเมื่อวานมีญาติผู้หญิงของแก ไปรับยาให้แล้ว แต่ แกบอกว่าไม่ได้ )

      หมอ : งั้น เดี๋ยว สั่งยาให้อีกนะ รอบนี้ คาสายเยี่ยวอาทิตย์นึงนะ (หมออีกคนนึง ชะโงกหน้ามาว่า รอบนี้จะคาได้ซักกี่วัน )

      ลุง : (แกพยักหน้า หงึกๆ)

       

      พอแกออกจากห้องตรวจ แกเดินไปบอกพยาบาล ว่าเอาสายเยี่ยวออกให้หน่อย พยาบาล ก็แนะนำให้ไปรับยา แล้ว แกเดินไปห้องฉุกเฉิน บอกพยาบาลER ว่า วันนี้ยังไม่ได้เจอหมอที ทั้งที่เมื่อกี้ เพิ่งออกจากห้องตรวจ และ มีหมอชะโงกหน้ามาดูจำนวน 3 ท่าน เฮ้อ น่าจะสมองเสื่อม และความจำมีปัญหาด้วยแล้ว

       

      13 กรกฏาคม 2559

      วันนี้ ตรวจคนไข้เด็กหญิง อายุ 13 ปี

      เพิ่งย้าย โรงเรียนได้3 เดือน เนื่องจาก เข้าม.1

       

      3เดือนที่ผ่านมา มักจะมีอาการหายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก ขณะเข้าแถวหน้าเสาธง บางวัน ก็เป็นตอนบ่ายๆ จนแม่ต้องไปรับที่รร. พามารพ. พอมาถึง ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น hyperventilation syndrome ได้ยาคลายกังวลกลับไปทาน แต่ อาการก็เป็นใหม่ ทุกสัปดาห์ พยายาม ซักถามว่า ที่รร.ครูดุไหม การบ้านเยอะไหม มีปัญหากับเพื่อนๆ รึเปล่า เด็กก็ปฏิเสธ

       

      หลังจากนั้น แม่พาไปตระเวณรักษาหลายแห่ง ทั้งรร.แพทย์ , รพ.ศูนย์ รพ.เอกชน ได้ยามาทาน อาการก็ไม่ทุเลา ยังมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่มเหมือนเดิม

       

      3วัน ที่ผ่านมา อาการเป็นมากขึ้น เด็กรู้สึกว่าเหมือนมีเจ้าเข้าทรง บางครั้ง ก็พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ชาย ตวาดใส่แม่ว่า " อย่ามายุ่งกับกรู " บางวัน บอกว่า ศาลเจ้าอยู่หลังวัดสองพี่น้อง ให้เอาธูปไปไหว้ ปรากฏว่า แม่ก็พาเด็กขับมอเตอร์ไซค์กันตามทางที่เด็กบอก ทั้งที่เด็กไม่เคยไปวัดนี้มาก่อน สามารถบอกทางถูก แล้ว มีศาลอยู่หลังวัด เด็กบอกให้เอาธูปไปจุด แล้วปัก หลังจากนั้น อาการก็กลับมาเป็นปกติ

       

      ช่วงกลางคืน มักจะมีอาการกำเริบ ถ้าใครทำให้ไม่พอใจ จะวิ่งหนีออกจากบ้าน ต้องให้ผู้ชายช่วยกันจับ 3-4 คนถึงจะอยู่

       

      เช้านี้ แม่เลยพามาที่รพ. แต่ ขณะรอตรวจทำท่าจะวิ่งหนี แล้ว อยู่ดีๆ ก็ล้มลงเป็นลมที่หน้าคลินิกจิตเวช เลย ต้องเรียกทีมผูกยึดผู้ป่วยมาเตรียมไว้ก่อน และ ประคองเด็กไปนั่งบนเก้าอี้ วางแผน จะส่งไปรพ.ศูนย์ ขณะที่รอ เด็กก็พูดด้วยเสียงเหมือนตวาดว่า " กรูจะกลับบ้าน อย่ามายุ่งกับกรู กรูไม่รักษา" ต้องให้บุคลากรช่วยกันจับ และ ผูกยึดกับเตียง 4 คน แล้ว ฉีดยาระงับประสาท หลังจากฉีดไปเข็มแรก เด็กยังไม่สงบ ยังวุ่นวาย ขณะแทงน้ำเกลือ เลย ต้องฉีดยาอีกหนึ่งเข็ม อาการถึงจะสงบลง และ ส่งตัวไปรพ.ศูนย์ได้

       

      ถามประวัติในครอบครัว พบว่า มีประวัติปู่เป็นโรคอารมณ์สองขั้ว ไม่ได้กินยาต่อเนื่อง บางวันจะไม่นอนเดินไปเดินมา บางทีอารมณ์ก็ครื้นเครงผิดปกติ บางวันก็ซึมเศร้า

       

      ถามจากอาจารย์สงสัยว่าเด็กอาจเป็นโรคซึมเศร้า ที่มี psychotic feature ด้วย แล้ว มาแสดงอาการเด่นด้านอาการทางจิต ซึ่งเด็กคนนี้ มาตรวจที่รพ.เราบ่อย ตอนเด็กๆ เคยมีประวัติ มาฉีด streptomycin แต่ก่อนเป็นเด็กร่าเริง

       

      เฮ้อ

       

      11 กรกฏาคม 2559

      สัปดาห์ ที่แล้วไปเยี่ยมบ้าน ได้ข้อมุลจากรพ.ศูนย์ ว่าเป็นคนไข้หอบหืด เด็กอายุ 2 ขวบ

       

      พอไปเยียมบ้าน ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้หญิง เป็น ดาวน์ซินโดรม มีโรคประจำตัวเป็นหัวใจรั่วและหอบหืด ปัจจุบันยังไม่ได้ผ่าตัด

       

      แม่เด็กเล่าให้ฟังว่า ตอนที่รุ้ว่าน้องเป็นดาวน์ เสียใจมากเลย เพราะ ฝากพิเศษกับหมอที่รพ.ศูนย์ แถมตอนท้อง กังวลว่าลูกจะไม่สมบูรณ์ เลยไปอัลตราซาวด์ ทุกเดือนเลย แถม อายุแม่ ก็ยังไม่เยอะแค่ 25 ปี เอง โอกาส ลูกเป็นดาวน์ ก็ค่อนข้างน้อย

       

      ปรากฏว่า ตอนผ่าท้องคลอด แม่เด็กเล่าให้ฟังว่า หมอพยายามบล็อคหลังให้ชา แต่ ตรงหน้าท้องก็ยังไม่ชาซักที หมอเลย เปลี่ยนเป็น วางยาสลบ ทำให้ตอนเด็กคลอดออกมา ไม่ได้เห็นหน้าแต่ต้น

       

      พอเด็กคลอดเสร็จ หมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ด้วยความดีใจ พ่อเด็ก เดินเข้าไปถามหมอที่ผ่าตัดว่า ลูกเขาเพศอะไร หมอตอบว่า ไม่รู้ แล้ว เดินจากไป พ่อเด็กก็งงว่า ทำไมผ่าตัดคลอดถึงบอกไม่ได้ว่าเพศอะไร ?

       

      พอเขาไปอยู่ ห้องพิเศษหลังคลอด หมอก็มาดูแผลผ่าตัดอย่างเดียว ไม่ได้คุย ไม่ได้ถามอะไร

       

      สุดท้าย เขามารู้ว่า เด็กเป็นดาวน์ เพราะ นักศึกษาพยาบาลมาถามว่า รู้หรือยัง ว่าลูกคุณเป็นโรค ดาวน์ ซินโดรม ซึ่งแม่เด็กก็ตกใจ ตอนแรก ไม่รู้ว่า เด็กดาวน์ คือ อะไร จนได้มาค้นข้อมูลจากอินเตอร์เนท เอง ถึงได้รู้

       

      หลังจากนั้น ชีวิต ก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่พ่อเด็กทำงานประจำ อยู่ร้านคอมพิวเตอร์ ก็ขอลาออก มาดูแลเด็ก ทั้งที่ทำงานดีมาก จนเจ้านายขอร้องไม่ให้ลาออก แม่เด็กที่เคยทำงานออฟฟิศ ก็ลาออกเช่นกัน มาทุ่มเวลาให้กับการดูแลเด็ก ซื้อหนังสือกระตุ้นพัฒนาการมาอ่าน แล้วคอยนวดแขนขาและกระตุ้นพัฒนาการเด็กทุกวัน จนปัจจุบันเด็กเดินได้ ไม่มีขาโก่ง วิ่งได้ ไปฉี่หรืออึ บอกได้ เล่นไอแพด ได้ ชอบเอานิ้วไปจิ้ม แอพที่เป็นเพลงมีตัวการ์ตูนเต้น แล้ว โยกตาม แต่ บางครั้ง ยังติดพฤติกรรม เอานิ้วจิ้มไอแพด มาใช้ในชีวิตจริงด้วย เช่น เวลาเห็นหน้าคนอื่น จะเอานิ้วมาจิ้มจมูกคนอื่น เหมือนเป็น แอพ หรือ เอานิ้วมาจิ้มจมูกแม่ เหมือนทำให้แอพโผล่ขึ้นมา เลย ไปแนะนำให้ใช้หนังสือนิทาน แล้วให้พ่อแม่อ่านให้ฟัง จะได้เป็นการสื่อสารสองทาง แล้ว ลดพฤติกรรมติดไอแพด ลง

       

      เขาเคยสงสัยว่า เขาสลับลูกกับคนอื่นรึเปล่า เพราะ ก่อนหน้าเขาจะผ่าตัดคลอด มีคนที่รอผ่าตัด5คน เขาเป็นคนสุดท้าย คนก่อนหน้าเขา ผ่าตัดเสร็จ พยาบาลวิ่งออกมาตามหมอที่ผ่า พูดว่า " เด็กที่ออกมาเป็นผู้หญิงนะ เป็นแอ่น แอ้น ด้วย " ทั้งสามี และ ภรรยา เลย ไปตรวจโครโมโซม และ dna ทั้งคู่ ปรากฏว่า เป็นลูกเขาทั้งคู่

       

      ยายของเด็ก พอเห็นเด็กเป็นโรคนี้ ด้วยความไม่รู้ก็พาไปตรวจที่รร.แพทย์แห่งหนึ่ง ไปบอกหมอว่า หมอช่วยผ่าตัดให้เด็กหายโรคดาวน์หน่อย เสียเงินเท่าไรไม่ว่า ขอให้เด็กหายจากโรคดาวน์ก็พอ (ซึ่งโรคดาวน์ เป็นโรคความผิดปกติ ของโครโมโซม ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ) ซึ่งหมอ ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ

       

      ปัจจุบัน แม่เด็กบอกว่า ไม่อยากมีลูกแล้ว เพราะ ต้องการทุ่มเทเวลาให้ดูแล คนนี้ให้เต็มที่ เลย แนะนำให้ดูหนังเรื่อง เดอะดาวน์ ซีรีส์ เป็นคนธรรมดามันง่ายไป เพื่อเป็นประสบการณ์ในการดูแลเด็กดาวน์ และ เด็กบางคน พอโตขึ้นสามารถเรียนจบได้ถึงชันปริญญาตรี มีหน้าที่การงานที่ดีทำ และ ดูแลตนเองได้

       

      12 กรกฏาคม 2559

      สัปดาห์ที่แล้วไปเยี่ยมบ้าน กับพี่ริน เห็นพี่พยาบาล น. นั่งอยู่ที่จุดคัดกรอง

       

      พี่ริน : พี่เป็นห่วงพี่น. มากเลย

      สุกิจ : ทำไม ครับ

      พี่ริน : แกนั่ง อยู่จุดคัดกรอง คนเดียว ตั้งแต่ เช้า จรดเย็น แดดเลียหน้าแก จนเป็นฝ้าหมดแล้ว ควรซื้อยาทาฝ้า แจก พยาบาลจุดคัดกรอง นะ

      สุกิจ : แล้ว จะรับไปบอก กรรมการบริหารนะครับ

       

      วันนี้ ไปบอกพี่น. แล้ว ปัจจุบัน แกใส่mask ปิดเฉพาะ ปาก กับแก้ม สรุป ฝ้าไม่ขึ้นที่แก้มกับคาง ไปขึ้นที่หน้าผาก แทน ?

       

      7 กรกฏาคม 2559

      วันนี้ มาดูเคสอุบัติเหตุที่ ER ตรวจผู้ชายวัยรุ่น อายุ 16 ปี มาด้วย อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ มีต้นแขนขวาบวมผิดรูป น่าจะกระดูกหัก

       

      สุกิจ : เป็นคนขับ หรือ คนซ้อน

      คนไข้ : ผมนั่งข้างหน้าครับ ตอนแรก ผมก็ขับ พอดีมีโทรศัพท์เข้า ก็เลยยื่นมือไปรับมือถือ แล้ว ให้เพื่อนที่อยุ่คนกลาง จับแฮนด์รถแล้วขับต่อแทน ก็เลย ชนกับ ท้ายรถกะบะ

      สุกิจ : +^+ (เดี๋ยว นี้ ขับมอเตอร์ไซค์ แทนกันแบบนี้เลยเหรอ)

       

      สักพักนึง ได้กลิ่นตุ่ยๆ ที่ER

      สุุกิจ : ได้กลิ่นละมุด

      พยาบาล ก : พอดี คนไข้เอามาฝาก บอกว่าจะให้คนท้อง ปรากฏว่า ตั้งใจจะให้พยาบาล ท. (ซึ่งไม่ได้ท้อง แค่ อวบอ้วน เล็กน้อย)

      สุกิจ : ดี ไม่ฝาก ให้พี่กุ้ง (ตอนนี้ กำลังลงพุง อาทิตย์ที่แล้ว แกเดินไปดูคนไข้จิตเวช ซึ่งเป็นนักดนตรี คนไข้บอกว่า เดี๋ยวเล่นดนตรีให้คนท้องฟังหน่อย)

       

      สักพัก หมอ น. เดินผ่านมาที่ ER

      สุกิจ : กลินน้ำหอมใหม่ ER หอมไหม

      หมอ น. : เหมือน คนกินเหล้าแล้ว อ๊วกออกมา

      สุกิจ : นั่นแหละ น้ำหอมกลิ่นใหม่ มีสามกลิ่น กลิ่นละมุด กลิ่นสะตอ และ กลิ่นทุเรียน

      หมอ น. : -..- อืม กลิ่นใช้ได้เลย (แล้วก็เดินจากไป ทั้งที่ตอนแรก จะมาช่วยตรวจเคสอุบัติเหตุ)

       

      สรุป ปัจจุบัน ER ใช้น้ำหอม 3 กลิ่น เลือกได้ตามใจชอบ

       

      28 มิถุนายน 2559

      วันนี้ ตอน8.30น. โทรส่งต่อเคสเด็ก ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถพ่วง มีประวัติชัก ไปรพ.ศูนย์ โอเปอร์เรเตอร์ เลยต่อไปที่opd เด็ก

       

      พยาบาล opd: ฮัลโหล

      สุกิจ : พอดี จะขอrefer case เด็กอายุ12ปี ประสบอุบัติเหตุ มีประวัติชัก ครับ

      พยาบาล opd : หมอยังไม่มาประทับซักองค์เลยค่ะ

      สุกิจ : แหม เหมือนดั่งสมมติเทพ เลยนะครับ

      พยาบาล opd : +^+ เดี๋ยว จะให้ชื่อหมอไป แล้วให้โอเปอร์เรเตอร์ต่อสายให้แล้วกันนะครับ (สุดท้าย ก็ได้โทรrefer สำเร็จ)

       

      เลยมานั่งคุยต่อที่ ER

       

      สุกิจ : เห็นไหม รพ.ศุนย์ เขา เปรียบหมอที่opd ดุจ สมมติเทพเลย พี่ ก. ต้องหัดเคารพบูชา หมอแบบสมมติเทพ บ้าง

      พยาบาล ก : เคสนี้ ถูกแมงมุมกัด ไม่เห็นมีอาการอะไรเลย ส่งไปopd ดีกว่า

      สุกิจ : วันนี้ หมอ opd ก็กระผม นี่แหละ (พอดีเมื่อคืน อยู่เวรer เลยมาดูเคสช่วงรอยต่อเวร )ไม่เห็นลดภาระฉันลงเลย ทำไมสมมติเทพ กับ ทาส ช่างต่างกันเช่นนี้ เดี๋ยวดูเองเลย เพราะ ส่งไปทางนั้น ฉันก็ตรวจอีกนั่นแหละ

      หัวหน้า ER : 5 5 5

       

      24 มิถุนายน 2559

      อาทิตย์ ที่แล้ว มีคนไข้ชาย อายุประมาณ 28 ปี มีอาการทางจิต คิดว่าตนเองเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 บอกว่า ตนเองเป็นคนเดียวที่จะรักษาในหลวงจากการประชวรได้ มีประวัติใช้ยาเสพติด และ มีอาการหวาดระแวงคนจะมาทำร้าย ไม่กล้ากินอาหารเพราะกลัวคนจะวางยาพิษ เห็นผีเดินในบ้านเต็มไปหมด พยายามจะพกมีดติดตัวไว้ตลอดเพราะกลัวคนจะมาฆ่า แม่ พาไปรักษาที่รพ.หาดใหญ่ ปรากฏว่า จิตแพทย์แนะนำให้มานอนรพ. ให้แม่คนไข้เลือกระหว่างรพ.จิตเวช กับ รพ.คลอง ญาติเลือกรพ.คลอง

       

      พอมาถึง คนไข้ ไม่ยอมให้ทำอะไรเลย มัดตัวก็ไม่ได้ พอพยาบาลจะเดินเข้าไปจับตัว

      คนไข้ : ไม่เอา ผู้หญิง

       

      หมอ ภ. ซึ่งเป็นผู้ชาย ผิวเข้ม มาตรฐานชายไทย เลยเดินเข้าไป

      คนไข้ : ตุ๊ด ก็ไม่เอา

      หมอ ภ. : +^+ (ตรูนี่นะ ตุ๊ด เสียสถาบันตุ๊ดอย่างแรง)

       

      เลยต้องระดมสรรพกำลัง จับคนไข้ ฉีดยา จนสงบไป พอตอนเช้า ปรากฏว่า วุ่นวายอีก เลยต้องส่งตัวไปรพ.จิต ต่อ แต่ นอนที่นั่นได้วันเดียว คนไข้ก็ถูกส่งกลับมา เพราะ รพ.จิต บอกว่า คนไข้มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (obstructive sleep apnea syndrome ) จิตแพทย์ที่รพ.จิต ไม่มีใครใส่ท่อช่วยหายใจเป็น ถ้ามีปัญหา เลยส่งกลับมาที่รพ. คลอง ต่อ

       

      ผ่านไป 1 อาทิตย์ คนไข้ เริ่มพูดคุยรู้เรื่อง เริ่มยอมรับการรักษา แต่ อารมณ์ยังรุนแรง วันหนึ่งคนไข้ จะขอหมอ อ. ให้ปลดที่ผูกยึด แต่ แม่ไม่อยากให้ปลด แกเลยโกรธ

      คนไข้ : แม่ ยุ่งอะไรด้วย ไม่รักษาแล้ว โกรธแม่แล้ว เดี๋ยวกลับไป จะไปเสพยาให้เต็มที่เลย ให้สมองเสียเลย

      หมอ อ. : -..-

      แม่คนไข้ : (ตัวเล็กลง ๆ ค่อยเดินออกไปข้างๆ ) T^T

      หมอ อ. : นี่ แม่นะ แม่เป็นคนให้ร่างกายเรา ให้แขน ให้ขา เรา ถ้า ไม่มีแม่ ก็ไม่มีเราวันนี้ นะ

      คนไข้ : (ยกมือไหว้หมอ อ.) T^T ขอโทษคร้าบบบ

       

      ช่วงนี้ คนไข้เริ่มคุยรู้เรื่องมากขึ้น อารมณ์รุนแรงน้อยลง แกมีความสามารถในการดูดวง พยาบาล ซ.(ซึ่งเป็นผุู้ชาย) เลยลองของ

      พยาบาล ซ : ดูดวงให้หน่อย

      คนไข้ : นี่ มีเนื้อคู่เป็นผู้ชาย นะเนี่ย

      พยาบาล ซ : )0o0( แม่นมาก รู้ได้ไงเนี่ย

      (แต่แกไม่รับใบ้หวย ไม่ให้เลขนะจ้ะ )

       

      21 มิถุนายน 2559

      วันนี้ เป็นวันที่ประเมิน HA ขั้น2 ครบรอบanniversary 10 years (รพ.อื่นเขาผ่านขั้น3 กันเป็นชาติแล้ว )

      วันนี้ ถูกไล่ให้ไปตามทีม back office อาจารย์ถามถึงทีมเครื่องมือ

       

      อาจารย์ : การส่งซ่อมเครื่องมือ ของช่างรพ.เรา เป็นอย่างไรบ้าง

      สุกิจ : ความสามารถของช่างเรา เท่าบริษัทแอปเปิ้ล ที่ผลิตไอโฟนเลยครับ

      อาจารย์ : ^U^ เก่งขนาดนั้นเลย

      สุกิจ : คือแทบไม่ซ่อมเลย ส่วนใหญ่ แทงจำหน่าย ซื้อใหม่ครับ

      อาจารย์ : -..- '

       

      พอไปดูระบบบำบัดน้ำเสีย

      อาจารย์ : แล้วน้ำผ่านการบำบัดแล้วไปไหนล่ะ

      พ่อบ้าน : ผ่านไปทางท่อหน้ารพ. แต่ เนื่องจาก ด้านหน้ารพ.อยู่สูงกว่า เลยทำให้น้ำไม่ออกสู่ชุมชน

      อาจารย์ : อ้าว แล้วน้ำไปไหน

      พ่อบ้าน : ก็ไหลเวียนอยู่ภายในรพ. นี่แหละครับ

      สุกิจ : มิน่า เวลาแปรงฟัน บ้วนปาก แล้ว รู้สึกน้ำมันหวานๆ เป็นน้ำที่ผ่านเลือด ผ่านหนอง ผ่านอุจจาระ ปัสสาวะมานี่เอง

      อาจารย์ : @ TT @ (อาจารย์ เพิ่งผ่านการแปรงฟันจากน้ำก๊อก ในรพ.มา)

       

      15 มิถุนายน 2559

      วันนี้ตรวจ ฝรั่ง มาจากสวิตเซอร์แลนด์

       

      สุกิจ : good morning

      ฝรั่ง : good morning

      สุกิจ : what's your name (เห็นเขียนในopd card ว่า นาย อู้ด ฮาน เจ้าอู้ดเจ้าหน้าที่ในห้องบัตรใส่ชื่อคนไข้ เหมือนชื่อมัน)

      ฝรั่ง :my name is ude hans

      สุกิจ : how are you

      ฝรั่ง : umm i'm not clever in english

      สุกิจ: T^T (แล้วตรูล่ะไม่แรงกว่าเรอะ ที่ฝรั่งพูดไม่รู้เรื่องเลย) me too

      ฝรั่ง : ชี้ไปที่เท้า swelling (ตรงหลังเท้า ดูบวม แดง ร้อน)

      สุกิจ : itching ?(ทำท่าเกา)

      ฝรั่ง : no ,no pain

      สุกิจ : do you have fever(ทำท่ากุมหัวเหมือนตัวร้อน)

      ฝรั่ง : no

      สุกิจ : i think you have cellulitis

      ฝรั่ง : what

      สุกิจ : it's infection , it had germs at your feet . That made your feet inflammation.(ทำท่าทางประกอบไปด้วย)

      ฝรั่ง : oh (พยักหน้า เหมือนรู้เรื่อง)

      สุกิจ : i will give you the antibiotics to kill germs . You will take this medicine for 5 days.

      ฝรั่ง : ok

      สุกิจ : when do you go back to switzerland (ดันไปหาเรื้องชวนคุยเขาอีก)

      ฝรั่ง : 6 months

      สุกิจ : oh a long time

      ฝรั่ง : i will stay in thailand for 2 months ,go to malaysia for 1 month and come back to thailand . I will go to switzerland in november

      สุกิจ : ok have a nice day

      ฝรั่ง : thank you (ฝรั่ง จะจับมือ เราดันไหว้ พอเราจะจับมือ ฝรั่งดันไหว้ตอบ ไม่match กันซักที เฮ้อ เป็นการคุยกับคนไข้ที่เมื่อยมือมาก)

       

      14 มิถุนายน 2559

      เมื่อวาน ป้ามรึงกรู มาตรวจที่ร้าน (อีกแล้ว)

      ขณะที่ ทุกคนในร้าน กำลัง ยุ่งๆ เนื่องจาก วัดความดัน กับ ตรวจคนไข้กันอยู่

       

      ป้า : (เดินเข้ามาในร้าน พร้อม กับบุคลิก เอะอะ เจี๊ยวจ๊าว กับ ชาวบ้าน ที่นั่งอยู่ไปทั่ว แล้วมองมาทาง หมอ และ พนักงาน ) วันนีัหมอสวยจังเว้ย

      หมอ + พนักงาน : (กำลังวุ่น) -..- '

      ป้า : วันนี้ หมอ สวยจังเว้ย

      หมอ + พนักงาน : (กำลังวุ่น) '-..-"

      ป้า : หมอ ไม่มองกรูเลยโว้ย เดี๋ยว กรูถอดเสื้อ เดินในคลินิกดีกว่า

      หมอ + พนักงาน : )0o0'( เฮ้ย ป้า กำลังวุ่น กันอยู่ทั้งร้าน อย่าทำแบบนั้น เด็ดขาด เดี๋ยวคนในร้านหนีหมด

      ป้า : อ้าว ก็ไม่มีใครสนใจกรูเลยนี่หว่า

      หมอ + พนักงาน : T T ทุกคน กำลังยุ่งอยู่ ใครจะมีเวลาไปสนใจป้าตลอด

      ป้า : ^U^ (สรุป มีคนสนใจแกทั้งร้าน สมใจอยาก)


      12 มิถุนายน 2559

      เดี๋ยวนี้ ด่านตรวจสนามบินดอนเมือง เข้มขึ้นเยอะเลย

      ด่าน: ถอดเข็มขัดด้วยค่ะ วางบนสายพาน

      สุกิจ: อ้าว ถ้ากางเกงหลุดจะทำไงครับ

      ด่าน: ไม่ถือค่ะ -u-(ทำอย่างกับว่าเห็นจนชิน)

      สุกิจ: (ถอดเข็มขัดวางบนสายพาน ค่อยๆเดินหิ้วหูกางเกงผ่านเครื่องตรวจ)

      ด่าน: ใส่เข็มขัดได้เลยค่ะ

       

      พอผ่านด่านตรวจไปนิดนึง มีแผ่นโฆษณา กาแฟดาว ที่พี่เบิร์ด เป็นพรีเซนเตอร์ ซุ้มอยู่ gate 55 (เครื่องที่ไปหาดใหญ่อยู่ gate 42 เดินผ่านด่านตรวจมาก็เจอเลย)เลยตัดสินใจลองชิมซะหน่อย เลยยอมเดินไป

       

      ช่วงแรกทีพื้นเลื่อนให้ระยะทาง200เมตร คุณสาระภี ขอลาก่อน ขอรอตรงทางเดิน

       

      ช่วงกลางยังมีพื้นเลื่อน ให้ระยะทาง200เมตร ไม่มีสัญญาน "สิ้นสุดทางเลือกแบบที่สุวรรณภูมิ ในใจบ่น ไกล ๆ ๆ ๆ เอาพรื้ออออออ "

       

      ที่เหลืออีกครึ่งทาง เดินเท้า ผ่าน ทั้ง ร้านปีกไก่บอนชอน ร้านblack canyon กว่าจะถึงร้านดาวคอฟฟี่ซึ่งอยู่ปลายสุดสนามบิน เหนื่อย พอดี

       

      พอถึงร้าน พนักงานกำลังก้มก้มตาวางของบนเคาเตอร์

      สุกิจ: คาปูชิโน่เย็นแก้วนึงครับ

      พนักงาน : (ตะโกนไปให้พนักงานชายด้านหลังได้ยิน คาปูเย็นแก้วนึง) 85บาท ค่ะ

      สุกิจ: (ให้แบ้งร้อยไป)

      พนักงาน : ทอน 15บาทค่ะ

      สุกิจ : +^+ (เหรียญบาทล้วนๆ 15เหรียญ กะจะให้เดินกลับ แล้วกางเกงร่วงลงมาให้ได้ใช่ไหมเนี่ย)

      พอรับกาแฟ มา ถือว่า เป็นกาแฟที่หอมมัน นุ่ม ใ้ช้ได้เลย ถือว่าไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์เดินมา (แต่ ถ้ามีปัญญาจ้างพี่เบิร์ดเป็นพรีเซนเตอร์ ช่วยประมูลซุ้มที่มันอยู่ใกล้ๆหน่อยจะได้ไหม)

       

      พอมองกลับไปยังขากลับต้องเดินล้วนๆ อีก1กิโล ไม่มีพื้นเลื่อน พร้อมเหรียญบาทในกุงเกงอีก15เหรียญ เฮ้อ

       

      15 มิถุนายน 2559

      เมื่อวานซืนสอบสัมภาษณ์ เวชศาสตร์ป้องกัน สาขาสุขภาพจิตชุมชน

       

      ปรากฏว่า อยู่กลุ่ม4 ซึ่งมีอาจารย์ คุมสอบสัมภาษณ์ถึง5คน (กลุ่มอื่น3คน ) หนึ่งในนั่นคือ นพ.วินัย วิริยะกิจจา อดีต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ( )0o0( ตายแน่ตรู)

       

      กลุ่มสี่ อาจารย์ ถามคำถามแรก บ้านเธออยู่ถนนอะไรนะ

      สุกิจ:ศุภสารรังสรรค์ ครับ

      อาจารย์ : ผมมีลูกเขยคนนึง นามสกุล ศุภรังสรรค์ ไม่รู้เกี่ยวอะไรกับถนนรึเปล่า

      สุกิจ: -..-' (ไม่รู้จะตอบอะไร ความมั่นใจลดลง50%)

       

      (สรุป รอบหน้าสอบซ่อม ผมจะไปหาคำตอบครับ ถนนจุติอุทิศ ผู้บริจาคคือนายจุติ ถนนนิพัทธ์อุทิศ ผู้บริจาคคือ ขุนนิพัทธ์จีนนคร ถนนศุภสารรังสรรค์ คือ ขุนศุภสารรังสรรค์ ครับ)

       

      3 มิถุนายน 2559

      วันนี้ ใส่เฝือกดามกระดูกไหปลาร้า(ใส่ figure of eight ) เด็กอายุ 10 ปี ก่อนเข้าไป ก็ไม่ได้คิดอะไร ให้พยาบาลจัดท่า

       

      พยาบาล : หนู ยืดอกขึ้น มือเท้าสะเอว

       

      เด็กก็นั่งบนเก้าอี้ไม่มีพนัก มือ เท้าสะเอว ยืดอกขึ้น =<I I>=

       

      พยาบาล : *^* (เอิ่ม กลิ่นลาเวนเดอร์ โชยเลย แต่ไม่มีใครพูดอะไร)

       

      สุกิจ : เดี๋ยว เตรียมสำสีรองเฝือก (พอดี รพ.ไม่มีfigure of eight 2 นิ้ว เลย ใช้วิธี เอาเฝือก มาพันแทน )

      ผู้ช่วยคนไข้ : *^*

      สุกิจ : เดี๋ยว ขยับแขนนิดนึงนะ

      เด็ก : o/==

      สุกิจ : *^* (ขมคอ เลย มิน่า ไม่มีใครพูดอะไรเลย)

      เด็ก : อีกข้างนะ ==\o

      สุกิจ : *^* (กลั้นหายใจ จนเสร็จ)

       

      สุกิจ : เอิ่ม คุณแม่ วันนี้ อย่าเพิ่งให้โดนน้ำ ก่อนนะ เดี๋ยวเฝือกแตก รอสักวันนึงก่อนนะ แต่ กรุณาเช็ดตัวด้วยนะ กลิ่นตลบอบอวลหมดแล้ว

      แม่เด็ก : ^++^ พอดี ไมไปรับจากสวนยาง เลย ไม่ได้อาบน้ำที

       

      พอออกจาก ที่กั้นม่าน --> (กระผม) เป็นลม

       

      26พฤษภาคม 2559

      เมื่อวานมีเด็ก 5 ขวบ มาตรวจ มาด้วย ไข้1 วัน

       

      สุกิจ : เด็กเป็นอะไรมาครับ

      พ่อเด็ก : ไปรับกลับมาจากโรงเรียน กลับมาถึงบ้าน อ๊วกไป3ครั้ง แล้วครับ

      เด็ก : ไม่ใช่ ๆ ครั้ง เดียว อ๊วกที่โรงอาหาร 1 ครั้ง อ๊วกที่ห้องเรียน 1 ครั้ง อ๊วกที่หน้าเสาธง 1 ครั้ง

      สุกิจ : แบบ นี้ ก็ 6 ครั้ง เลย สิครับ

      เด็ก : ไม่ใช่ ๆ อ๊วก ครั้งเดียว

      สุกิจ : อ้าว ที่บ้าน 3 ครั้ง ที่โรงเรียน 3 ครั้ง

      เด็ก : ไม่ใช่ๆ อ๊วก ครั้งเดียว (น่าจะเหมือนกินเหล้า กินแก้วเดียว แต่รินหลายที )

      พ่อเด็ก : +^+' คือ รวมๆ 3 ครั้ง นั่นแหละ ครับ

      เด็ก : ไม่ใช่ซะหน่อย (พูดไปก็ เกาจั๊กกะแร้ไป )

      สุกิจ : เห็นเกาจั๊กกะแร้ ตลอดเลย ไม่ค่อยได้อาบน้ำ เหรอ

      เด็ก : อาบ เป็นภูมิแพ้ ตะหาก

      พ่อเด็ก : พอดีแกเป็นภูมิแพ้อยู่เดิมน่ะครับ

      สุกิจ : แล้ว วันนี้ พอกินอะไรได้บ้างรึเปล่าครับ

      เด็ก : กินได้

      สุกิจ : วันนี้ จะฉีดยาแก้อ๊วก ไหมครับ

      เด็ก : ไม่เอา ไม่ฉีด

      สุกิจ : งั้น กลับไปต้อง กินยานะ อยู่บ้านกินยายากไหมครับ

      พ่อเด็ก : ไม่ยาก ครับ

      สุกิจ : โอเคร ถ้า ไม่ยอมกินยา ค่อยฉีดเนอะ

      เด็ก : ไม่เอา ไม่ฉีด

       

      (ปล .เด็ก ฉลาด ชาติ เจริญ คนนี้ ไม่กลัวหมอเลย ถามอะไรตอบได้ ยิ่งกว่า อับดุล อีก )

       

      17 พฤษภาคม 2559

      ป้า อ. คนไข้ที่นอนรพ.มาเดือนกว่าแล้ว ด้วยเรื่อง ประสาทหลอนและสมองเสื่อม ปัจจุบัน ยังพูดลิ้นแข็งๆ แต่ พอช่วยเหลือตนเองได้อาบน้ำเองได้ ตักข้าวกินเองได้ รอแต่ลูกมารับกลับบ้าน

       

      วันนี้ พี่พยาบาล บอกว่า อาการแกกำเริบ ชี้ไปทางหลังห้อง บอกว่าเห็นแมวดำตาย ระวังรถจะถอยไปเหยียบศพแมว เลยคิดว่า น่าจะเพิ่มยาต้านโรคจิตให้แกหน่อย

       

      วันนี้เลยไปคุยกับแก ว่า เห็นศพแมวดำอยู่ตรงไหน แกชี้ไปที่จอดรถเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่ามีอะไรดำๆ อยู่หลัง ที่จอดรถจริงๆ

       

      เลยให้ ผุ้ช่วยคนไข้ เข้าไปอยู่กับแกในห้อง แล้วให้แกชี้ตรงที่แกเห็น แล้ว เราเดินไปที่อะไรดำๆ ที่แกเห็นแล้วหยิบมาให้แกดู ปรากฏว่า เป็นถุงดำ (จริงๆนะ) แล้ว หยิบมาให้แกดู ถึงหลังห้อง แกหัวเราะ 5 5 5 แล้วบอกว่า อ้อ ถุงดำ ไม่ใช่แมวดำ

       

      สรุป แกไม่ได้อาการกำเริบนะ แค่ ดูผิด

       

      13 พฤษภาคม2559

      ที่รพ. มีพยาบาลอยู่ท่านนึง ขับรถhonda civic สีดำ ไม่ค่อยได้ขับออกไปไหน ส่วนใหญ่ จอดโชว์ที่รพ. เหมือนโชว์รูมรถ

       

      วันหนึ่ง ขับรถไปbig C คลองแห ขากลับ รพ.คลองหอยโข่ง ขับกลับทางถ.ลพบุรีราเมศร์ ตั้งแต่ ช่วงเย็นๆ ตะวัน ยังไม่ตกดิน ขับตรงไปเรื่อยๆ ขึ้นสะพาน ทางลงจากสะพาน มีทางแยกซ้าย --> ไม่เลี้ยว

      ขับไป อีกมีทางแยกซ้าย เขียนว่าทางไปสนามบิน --> ไม่เลี้ยว

      ขับไปอีก เจอ สี่แยก มีป้ายเลี้ยวซ้ายทางไปสนามบิน --> ไม่เลี้ยว

      สุดท้าย ขับไปจนเจอสามแยก เลย เลี้ยวซ้าย แล้ว ขับตรงไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และ เรื่อย ๆ จากที่มีแดด กลาย เป็นสภาพรอบข้างมืดมิด ไปหมด จนแกต้องบ่นว่า

       

      พยาบาล ซ : ใส่ คลองหอยโข่ง ไกลจังวะ

       

      ขับไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไฟสองข้างทางค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ

       

      พยาบาล ซ : ใส่ คลองหอยโข่ง ไกลจังวะ

       

      จนเจอ ป้าย อ. รัตภูมิ

       

      เรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า หลงทางเสียเวลา หลงติดยาเสียอนาคต รถมีไว้ขับ มิได้ไว้จอดโชว์

       

      12 พฤษภาคม 2559

      วันนี้ เป็นกรรมการตัดสิน เรื่องเล่า มีเรื่องเล่าน่าสนใจมากมาย

      เรื่องหนึ่ง เป็นของรพ.สต. โคกม่วง เรื่องครรภ์เสี่ยง ไม่สิ้นสุด

       

      ผู้หญิง อายุ 42 ปี G4P2A1 มีลูกกับสามีเก่าซึ่งเลิกไปแล้ว14ปี ปัจจุบันมีสามีใหม่ ประจำเดือนขาดไป 2เดือน ไปตรวจการตั้งครรภ์พบว่าท้อง แต่ เนื่องจากอายุเริ่มมากจึงต้องส่งไปรับการฝากครรภ์ ที่รพ.ศูนย์ พอไปรพ.ศูนย์ตรวจเลือดพบว่าเป็นเบาหวาน จำเป็นต้องใช้ยาฉีดเพื่อลดน้ำตาลในเลือด เลยต้องนอนรพ.(คนที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ใช้ยากินไม่ได้จ่ะ) ปรากฏว่า บ่ายวันนั้น มีโทรศัพท์ จากรพ.ศูนย์ โทรเข้า รพ.สต.โคกม่วง

      เสียงพี่พยาบาล : น้องๆ รู้จักคนไข้ ชื่อ... ที่ถูกส่งมาจากรพ.สต. โคกม่วง รึเปล่า

      พยาบาล รพ.สต. : รู้จักค่ะ

      พี่พยาบาล : พอดี คนไข้หนีออกจากรพ.ค่ะ ช่วยตามหน่อยค่ะ

       

      พยาบาล รพ.สต. เลยตามไปที่บ้านคนไข้ ปรากฏว่า คนไข้ล็อคประตูไม่ให้ใครเข้าบ้าน พอเห็นพยาบาล แกก็กลัวว่าจะถูกจับตัวกลับไปรพ.

      คนไข้ : อย่ามาเผือกนะเว้ย เรื่องของตรู ยุ่งจริงๆพวกนี้

      พยาบาล เลยพยายามเจรจาเพื่อจะเข้าไปสอบถาม แต่จนแล้ว จนรอด แกก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ เลย กลับกัน

       

      วันต่อมา สามีผู้ป่วยโทรมา บอกว่า ช่วยไปคุยให้หน่อย เพราะ คนไข้ ขังตัวเองอยู่ในบ้านมาวันนึงแล้ว เลย ตามไปเยี่ยมบ้านอีกรอบ ปรากฏว่า คราวนี้ คนไข้เปิดประตูอยู่เลยเข้าไปได้ พอเข้าไปพูดคุย ถึงได้รู้ว่า คนไข้ไม่ยอมกลับไปรพ.ศูนย์เพราะกลัวน้ำตาลสูง ไม่อยากฉีดยา รอบนี้ เลยให้มารักษาที่รพ.คลองหอยโข่ง แล้ว ปรับยาที่รพ. แต่ ก็ปรับไม่สำเร็จ เลย ต้องส่งไปรพ.ศูนย์อีกแห่งหนึ่ง ปรากฏว่ารอบนี้ หมอพาไปอัลตราซาวด์ พบว่า ท้องไม่มีตัวอ่อน รอบนี้ เลยขูดมดลูก

       

      พยาบาล ก็โล่งใจ นึกว่าจะหมดปัญหาที่ไหนได้ สัปดาห์ต่อมา คนไข้พาลูกสาวอายุ14ปี มาตรวจด้วยเรื่องสงสัยว่าตั้งครรภ์เนื่องจากประจำเดือนขาด พอตรวจปัสสาวะก็พบว่าท้องจริงๆ ฝ่ายชายก็เป็นนักเรียนอยู่ม.5 ไปบอกพ่อแม่ ฝ่ายชายก็ไม่ยอมรับ บอกว่ารอให้ลูกชายเรียนจบก่อน

       

      พยาบาลเลยพาไปฝากครรภ์ก็พบว่ามีภาวะซีด เลยให้ยาบำรุงเลือดกินไปก่อน ส่วนฝ่ายแม่เด็กก็มีปัญหาอีก บอกว่า ทะเลาะกับพ่อเด็ก เพราะ พ่อเด็กไปมีกิ๊ก มีอยู่วันหนึ่งแกเอายาฆ่าหญ้า ใส่ไปในน้ำชา กะจะให้พ่อเด็กกินแล้วตาย แต่ หลุดปากบอกออกมาก่อน เลยรอดหวุดหวิด (ยาฆ่า่หญ้าโดยเฉพาะparaquat ฤทธิ์รุนแรงมากนะ แค่ช้อนโต๊ะเดียว ก็ทำให้ตายได้แล้ว ไม่มียาต้านพิษด้วย)

       

      ไปๆมาๆ ปรากฏว่า ฝ่ายชายยอมให้ไปอยู่ด้วย ไปปลูกหนำกันอยู่ในสวนยางเพราะฝ่ายชายบอกว่าไม่เรียนแล้ว แต่พอเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายชาย เด็กก็มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้อีก เพราะฝ่ายแม่สามีไม่ค่อยชอบ ตามตัวบางวันก็มีรอยยุงกัด บางวันก็มีรอยฟกช้ำ

       

      ต่อมาเมื่อเด็กคลอด ก็มีปัญหา เด็กแรกเกิดนน.ตัวน้อยอีก พอหลังคลอด แม่สามีก็ไม่ให้กินนมแม่ เพราะความเชื่อส่่วนตัวแก แต่ พยาบาลก็ให้เหตุผลว่า เงินก็ไม่มี เลี้ยงนมแม่แหละประหยัดที่สุดแล้ว ถ้าจะให้กินนมผง แม่สามีจ่ายให้ไหมล่ะ แกก็ค่อยๆเงียบไป

       

      พอกลับบ้าน ก็เลี้ยงลูกไม่เป็นอีก เพราะไม่มีประสบการณ์ เปลี่ยนผ้าอ้อมก็ไม่เป็น อาบน้ำเด็กก็ไม่เป็น โชคดี ที่มีเพื่อนบ้านเพิ่งมีลูกเหมือนกันเขาเลยมาสอนให้ทั้งเปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำให้เด็กด้วย

       

      ไม่รู้จะเจอเรื่องอะไรอีกเนี่ย ครรภ์เสี่ยงไม่สิ้นสุดจริงๆ

       

      3 พฤษภาคม 2559

      เมื่อคืน วันอาทิตย์ ผู้หญิงอายุ 45ปี เดินมาจ่ายค่าทำแผลให้ลูกที่ER

       

      คนไข้ : เท่าไร

      พยาบาล ท : ฮ๊า ๆ ๆ

      คนไข้ : (-..- จะหัวเราะทำไมฟะ จิตไม่ว่าง แล้ว) เท่าไร

      พยาบาล ท : ฮ๊า ๆ ๆ

      คนไข้ : +^+ จะหัวเราะ ทำไมนิ เท่าไรนิ

      พยาบาล ท : ห้าร้อยห้าสิบห้าบาท

      คนไข้ : +^+ (ไม่บอกแต่แรก)

       

      1พฤษภาคม 2559

      หลายวันก่อน มีคนไข้ชาย อายุประมาณ15ปี มานอน รพ ด้วยเรื่องวัณโรคปอด เนื่องจากจำเป็นต้องตรวจ HIV ทุกคน พยาบาล น. จึงเข้าไปถาม ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

       

      พยาบาล น : น้องเคยมีเพศสัมพันธ์ กับผู้หญิงไหมคะ

      คนไข้ : ไม่เคย ครับ

      พยาบาล น : แล้วเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายไหมคะ

      คนไข้ : อ อ อ อะไรนะครับ

      พยาบาล น : น้องเคยมีเพศสัมพันธ์ กับผู้ชายไหมคะ

      คนไข้ : ม ม ม ไม่เคย ครับ

       

      หลังจากออกจาก ห้องจึงได้เล่าให้พยาบาล ซ (ซึ่งเป็นผู้ชาย )ฟัง

      พยาบาล น : แกเข้าไปดูให้หน่อยต่ะ ฉันถามว่า เคยมีเพศสัมพันธ์ กับผู้ชายรึเปล่า มันตอบอ้ำๆอึ้งๆ

      สุกิจ :เดี๋ยวนี้ อยากรู้ว่าเป็บอีแอบไหม ถึงขั้นใช้ยุทธวิธี ผีเห็นผี เลยเหรอ

      พยาบาล ซ : ไม่เอา เดี๋ยว ฉันดูเอง

       

      สักพัก คนไข้ มายืนแอบตรงประตู station nurse

      คนไข้ : พี่ ๆ มาดูหน่อย พัดลมในห้องมันไม่หมุน

      พยาบาล น : เดี๋ยวเข้าไปดูให้

       

      สักพักกลับออกมา

       

      พยาบาล ซ : ฉันว่าใช่ว่ะ ฉันเห็นมายืนกระมิดกระเมี้ยน ตั้งแต่ประตู

      พยาบาล น : ฉันว่าแล้ว เข้าไปบอกว่า พัดลม ไม่หมุน เปิดเบอร์ 2 ก็ไม่หมุน เบอร์3 ก็ไม่หมุน สรุปไม่ได้เสียบปลั้ก 555

       

      สรุป นอกจาก ประเมิน สมรรถนะคนไข้แล้ว สามารถ ประเมินเพศสภาพคนไข้ได้ด้วย

       

      30 พฤษภาคม 2559

      เมื่อเย็นมีฝรั่ง หัวแตก มาทำแผลที่er ชื่อ mcinle jacqueling พอพยาบาลเห็นชื่อ

       

      พยาบาล ต .: ใส่ถุงมือ เข้าเคสช่วยหมอดีกว่า (ขณะนั้นมีเคสเย็บแผลที่หน้าผาก)

      พยาบาล จ.: งั้นเดี๋ยวช่วยเสิร์ฟยาชา

      (พวกนี้ กลัวฝรั่ง กว่ากลัวผี อีก )

       

      พยาบาล ท. : T^T (ไม่มีใครช่วยเลย) คุณแมคนิล เอ้ย แมคอินลี เอ้ย.มะซิอินลี เฮ้ย อ่านชื่อ ว่า อะไรวะเนี่ย

      นินจา คอลล่า: เดี๋ยว ไปเรียกเอง (มองไปทางฝรั่ง ซึ่งนั่งอยู่หน้าห้องer) คัม เหี้ย

      ฝรัง : -..-?

      นินจา คอลล่า : คัม เหี้ย (กรุณาใส่ สำเนียงใต้ come here)(พร้อมกวักมือเรียก)

      ฝรั่ง : ok (ดี ฝรั่ง ไม่นึกว่าด่ามัน)

       

      พอฝรั่ง เข้ามาer

      นินจา :ฮ้าว อ่า ยู้ (ว่าพรื้อ) (กรุณาใส่สำเนียงใต้เอง)

      ฝรั่ง : -/:;()฿&@

      พยาบาล ท :(มั่นใจสุดๆ เพราะ อยู่เวร รพ กท หญ มาก่อน) what's the matter (สำเนียงชัดเปรียะ)

      ฝรั่ง : -/:;()฿&@"

      พยาบาล ท: -..- อือๆ (ฝรั่ง มันพูดไรวะ พูดยาวชิปเป๋ง แต่ทำหน้าเหมือนเข้าใจหมด)

      ล่ามชาวไทย(เข้ามาพอดี)

      พยาบาล: )@U@( (สวรรค์ทรงโปรด)

      ล่าม : พอดี เมื่อ2วันก่อน เขาประสบอุบัติเหตุ แล้วไปเย็บแผลที่อนามัย วันนี้ อนามัย ปิด เลยมา ทำแผลที่นี่ครับ

      พยาบาล : @u@ (รอดแล้ว) แล้ว มาทำอะไรแถวนี้

      ฝรั่ง : -/:;(฿฿&""@

      ล่าม : มาสอนหนังสือ

       

      สรุปกว่าจะรู้เรื่อง ก็ได้รับการทำแผลตามต้องการ เฮ้อ

       

      29 เมษายน 2559

      วันนี่ อยู่เวร

       

      พยาบาล ท. : เขียนอ่านไม่ออกเลย ลายมือหมา เอ้ย หมอ

      สุกิจ : แหม เดี๋ยวนี่ เรียกหมา เป็นหมอ เอ้ย หมอ เป็นหมา เลยนะ เดี๋ยวนรกกินหัวแกหรอก (กำลัง debride แผล อีกเคสอยู่)

      พยาบาล ท : นี่ amitrip 10 หรือ 25 เนี่ย

      สุกิจ : ก็คนไข้ทำยาหาย เลยมาเอาก่อนนัด ดูตามorder รอบที่แล้วได้เลย

      พยาบาล ท : -..- (ลายมือ อ่านยาก จะตาย)

       

      พอเข้าไปในวอร์ด เด็กเป็นไข้ 6วัน แม่ต้องการพาไปรักษา รพ เอกชน เลย พิมพ์ บันทึกข้อความ ให้

      พยาบาล ฮ : ทำไมไม่เขียนล่ะ

      สุกิจ : เขียนไปก็อ่านไม่ออก เปลืองกระดาษ

      พยาบาล ฮ: รู้ก็ดี

      สุกิจ : +^+ (มีครูอนุบาล น่ารัก ๆ สักคน มาสอนผมคัดลายมือไหมคร้าบบ)

       

      27 เมษายน 2559

      วันนี้ รพ เรา มีการทาสีรั้ว รพ ใหม่ พี่อ้อย ยืน ดูอยู่กับ พ่อบ้าน พอดีเดินผ่าน

       

      พี่อ้อย : เป็นไงบ้างหมอสีรั้ว รพ สวยไหม

      สุกิจ : (เป็นรั้วสีเหลืองตัดกับสีน้ำตาล) สวยดี เหมือนรั้วของวัดเลย

      พี่อ้อย: +^+

      สุกิจ : ตัดกับสีฟ้า ของแฟลตเลย อันนั้นเหมือนสุเหร่า (แฟลตสีฟ้า อยู่ด้านหลังรพ )

      พี่อ้อย : +^+

      สุกิจ : มองข้างนอก เหมือนวัด พอเข้าไปข้างในเหมือนสุเหร่า ถือว่าเป็นความแตกต่างที่ลงตัว

      พี่อ้อย + พ่อบ้าน : +^+ (แกคิดไปเองคนเดียวอ่ะดิ)

       

      27 เมษายน2559

      เมื่อวาน ตรวจ จิตรกรวาดภาพเหมือน(ลิง) มารับการฉีดยาจิตเวชตามนัด

       

      จิตรกร : หมอ ถามอะไรหน่อย ไม่รู้หมอจะเชื่อรึเปล่า

      สุกิจ : อะไรล่ะ ลองบอกมาก่อนสิ

      จิตรกร : ผืนคันที่ก้น นี่เมื่อไรจะหายล่ะ (เปิดให้ดู เป็นวงแดงๆ ที่ก้น)

      สุกิจ : เป็นกลากที่ก้น หรือ เชื้อราน่ะ

      จิตรกร : เมื่อไร จะหายล่ะหมอ เป็นตั้งแต่ นอนรพ.รอบที่แล้ว (มานอนรพ.เมื่อสองเดือนที่แล้ว )

      สุกิจ : (เห็นใส่กางเกงยีนส์ ตัวเดิม หมวกก็ใบเดิม ตั้งแต่ ที่นอนรพ.รอบที่แล้ว ) แล้ว กางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ซักบ้างรึเปล่า

      จิตรกร : ซักอะไร ใครเขาซักกางเกงยีนส์กัน เขาไม่เคยซักกันหรอก

      สุกิจ : ตั้งแต่ นอนรพ. รอบที่แล้วก็ไม่เคยซักเลยเหรอ

      จิตรกร : ช่าย ใส่ตัวเดิมมาตลอด นี่แหละ

      สุกิจ : นั่นแหละ ถ้า ยังไม่ซักกางเกงยีนส์ ยังใส่ตัวเดิมตลอด แถมอากาศร้อนๆแบบนี้ เหงื่อก็ยิ่งออก ยิ่งอับ ทายาฆ่าเชื้อราทั้งชาติก็ไม่หาย

      จิตรกร : อ้าว แล้ว เมื่อไรหายล่ะ

      สุกิจ : ซักกางเกงดิ แล้ว เปลี่ยนเป็นกางเกงผ้าที่มันไม่อับบ้าง

       

      เลยส่งไปฉีดยาที่ห้องฉุกเฉิน แกเจอพี่กุ๊ก เลยโชว์ฝีมือวาดภาพเหมือน(ลิง) ดังที่ปรากฏเมื่อวาน

       

      จิตรกร : หมอ มีกีตาร์ ไหมล่ะ

      สุกิจ : ไม่มีหรอก

      จิตรกร : เสียดายจัง ถ้ามี จะดีดกีตาร์โชว์ให้คนไข้เบาหวาน ฟังให้เคลิ้มเลย (รอบที่แล้ว ที่มานอนรพ. แกเอากีตาร์มาแกะเพลง ใกล้รุ่ง มาดีดให้ฟัง ใช้ได้เลย )

      สุกิจ : รอบหน้าเอามาด้วยสิ

      จิตรกร : เพื่อนมันเอาคืนไปแล้ว

      สุกิจ : อ้าว ไม่ใช่กีตาร์เราเหรอ เห็นครั้งที่แล้วกีตาร์สายขาด ยังดีดเป็นเพลงได้เลย (รอบที่แล้ว กีตาร์ขาดไปสายนึง แต่ยังดีดเป็นเพลงอยู่นะ)

      จิตรกร : จะบ้าเหรอ หมอ กีตาร์สายขาด ใครมันจะไปดีดได้

      สุกิจ : +^+ (ถูกคนไข้ด่าว่าบ้าอีกแล้ว ก็แกนั่นแหละ ดีดให้ฟัง)

       

      25 เมษายน2559

      เมื่อวันศุกร์ เพิ่งกลับจาก นครศรีธรรมราช วันนี้ อยู่เวร ER รพ.

       

      พยาบาล ก. : หมอไม่เจอหน้าหลายวัน ไปวัดไข่ เหรอ

      สุกิจ : ) OoO'( วัดไข่ อะไร ต่อให้ยาวถึงสะดือ หรือ พันรอบเอว เขาก็ไม่วัดกันหรอก

      พยาบาล ก. : -..-' อ้าว ก็เพิ่งไปนคร ก็ไปวัดไข่ กันไม่ใช่เหรอ

      สุกิจ : ต่อให้สั้น เท่าแต็ด (ภาษาใต้ หมายถึงเล็กมาก) เขา ก็ไม่วัดกันหรอก (หงายมือ เอานิ้วหัวแม่โป้ง แตะกับนิ้วก้อยเปรียบเทียบ)

      พยาบาล จ. : เขาหมายถึง วัดไอ้ไข่ ที่นครนู่น ไม่ใช่วัดไข่

      สุกิจ : +^+ เหรอ ไปมาแล้ว ไปเที่ยวมาแล้ว (นึกไปเรื่องวัดขนาดอย่างเดียวเลย)

      พยาบาล ก.: )-..-') (กว่าจะรู้เรื่อง)

       

      19 เมษายน2559

      วันนี้ หลังตรวจคนไข้ ล้างมือที่อ่างล้างมือหลังห้องตรวจ ล้างเสร็จ รู้สึกมือสกปรก กว่าเดิม ฝุ่นเต็มมือ ไปหมด เลยเอาผ้ามากางดู ปรากฏ ว่า ผ้าเต็มไปด้วยฝุ่น เลยเชิญ ผู้ช่วยคนไข้ มาดูผลงาน

       

      ผู้ช่วย : ก็มันมีหนู กับแมวมาวิ่ง บนเพดาน ก็เลยฝุ่นลงบนผ้า

      สุกิจ : -..- (เลยชี้ลงบนกล่องผ้า) แล้วนี่อะไร

      ผู้ช่วย : กล่องผ้าดิ

      สุกิจ : แล้ว ทำไมไม่ใส่ผ้าไปในกล่อง วางด้านบนทำไร

      ผู้ช่วย : -..-' หมอจะได้สะดวก ไง (เถียงคำไม่ตกฟาก)

      สุกิจ : แล้วสะดวก แต่ ยิ่งเช็ดมือ ยิ่งสกปรกแบบนี้ จะวางไว้ทำไร (วันหลังเช็ดกางเกงดีกว่า)

      ผู้ช่วย : "-..-' วันหลังหยิบไม่สะดวก ไม่รู้ด้วยนะ (เถียงคำไม่ตกฟาก)

      สุกิจ : หลังใส่ ก็ดึงผ้า ลงมาดิ จะได้ ดึงง่าย

      ผู้ช่วย : (สุดท้าย เอามาปัดฝุ่น ใส่กลับเข้าไปในกล่อง ได้ดังภาพสุดท้าย)

       

      7 เมษายน2559

      ช่วงเช้า วันนี้ ญาติเตียง13 คือ ป้าจ.อายุ ประมาณ60ปี มาเยี่ยมคนไข้ กับลูกสาว อายุประมาณ 30ปี ทั้งสองคนป่วยเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนทั้งคู่ ปรากฏว่า เพื่อนของเตียงนี้ อีกคนมาเยี่ยม เป็นผู้หญิง ซึ่งเคยมีเรื่อง เขม่น กับป้าจ และลูกสาวมาก่อน พอมาเจอกันในวอร์ดก็เกิดอาการเขม่นกัน โดยลูกสาวป้าจ. เดินเข้าไปจิกหัวแล้วตบคนนี้ ส่วนป้าจ. ก็เป็นฝ่ายสนับสนุนโดยไปล็อคข้างหลังหญิคนนี้ พอได้ทีเอาคืน ก็เอาหัวลูกป้าจ. โขกกับขอบเตียง สร้างความตกใจให้กับเตียงอื่นๆอย่างมาก พยาบาลจึง ต้องเข้าไปห้าม หัวหน้าวอร์ด เข้าไปล็อคป้าจ.จนแขนเคล็ด ส่วนคนอื่นก็ไปช่วยแยก2คนนี้ออก แต่ก็ยังตะโกนด่าทอ กันตลอด พยาบาล จึงโทรตามพ่อบ้านมาดู

       

      พ่อบ้าน: ตามผมมาทำไม เรียกตำรวจดิ (แล้วก็ไป)

      ผู้ช่วยคนไข้ห้องบัตรผ่านมาพอดี

      หัวหน้าวอร์ด : น้องมาช่วยใช่ไหม

      ผู้ช่วยคนไข้ : เปล่าผมมาเอาชาร์ท (ยืนดูอยู่พักนึงแล้วก็ไป)

       

      พยาบาลเลยโทรตามทีมผูกยึดผู้ป่วยจิตเวชมา พร้อมกับเรียกตำรวจมาระงับเหตุ

      คนไข้เตียง14 : เป็นพยาบาลยังไง ระงับเหตุไม่ได้ ผมเป็นหอบ เดี๋ยวอาการยิ่งกำเริบหรอก

      ญาติเตียงอื่น:คนไข้เห็นภาพแบบนี้แล้วยิ่งเครียด ญาติผมอาการหนักขึ้นจะทำยังไงล่ะ

      หัวหน้าวอร์ด : (ตัวเล็กลงเรื่อยๆ) ค่ะๆ

       

      รอประมาณ20นาที ตำรวจ ก็มาถึง พร้อมกับทีมผูกยึดคนไจ้จิตเวช ขึงพาทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันหน้าer สุดท้ายก็ปล่อยไปทั้งคู่ เพราะไม่มีใครเอาเรื่องกัน

       

      สรุปพยาบาล ถูกด่าฟรีอีกแล้ว แล้ว ใจก็ยังไม่ดี เพราะ ไม่รู้ว่าญาติทั้ง2ฝ่ายจะกลับมาอีกเมื่อไร เลยเข้าไปคุยกับคนไข้ แล้วขอส่งคนไข้ไปรพ ศูนย์แทน เนื่องจากเป็นไข้อยู่3อาทิตย์ แล้ว คนไข้ ก็โอเค เฮ้อ

       

      4 เมษายน2559

      วันนี้ คนไข้ เตียง1เป็นมะเร็ง วันนี้ต้องกินอาหารอ่อน เพื่อไปตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ พรุ่งนี้ ซึ่งต้องทานอาหารอ่อน ก่อนไปทำหนึ่งวัน แต่ พยาบาลลืมสั่ง อาหารอ่อน ปรากฏว่า อาหารที่ได้มาเป็น ข้าวสวยกับแกงส้ม

       

      มีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาดังนี้

       

      สุกิจ : เอาน้ำ แกงส้มราดข้าวไปเลยสิ ให้ท่วมๆ คราวนี้ อาหารแข็งก็กลายเป็นอาหารอ่อน อร่อยด้วย

      พยาบาล ก : ซื้อ โจ้กคนอร์รสไก่ ให้ แต่ปัญหาคือ ไม่มีเครื่องหมายฮาลาล จ้า (คนไข้เป็นมุสลิม)

      พยาบาล : งั้น เอาข้าวสวยไปต้มเป็นโจ๊กดิ

      สุกิจ : ขโมย อาหารปั่น เตียง 11มาให้สิ พวกแพทย์ใช้ทุน ทำบ่อย เวลาอยู่เวรดึก หิว ไม่มีอะไรกิน ขโมยอาหารปั่น ในตู้เย็นคนไข้กิน

       

      สรุป หาข้าวต้ม ให้ กินกับไข่เค็ม

       

      4เมษายน2559

      เมื่อกี้ กลับห้องพัก ร้อนมาก เลยเปิดแอร์มิตซู ซึ่งอายุการใช้งานยังไม่ถึง 1ปี พอกดสวิตซ์ แทน ที่จะมีลมออกมา กลายเป็นเสียงดัง ครึ้ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ หลังจากนั้น หน้าใบพัด ก็เปิด ออก สิ่ง ที่ออกมา ไม่ใช่ลม แต่เป็นจิ้งจก กระเด็นออกมา ตัวนวลวอดแวด หมดแล้ว สภาพ คงไม่รอด ตายคาที่ สรุป วันนี้ ทำบาป อีกแล้ว อโหสิ ด้วยเน่อ (เมื่อวานเพิ่งถวายสังฆทาน ไปเอง เฮ้อ)

       

      30 มีนาคม 2559

      ที่วอร์ด มีคนไข้จิตเวช หญิง อายุประมาณ60ผี เป็น สมองเสื่อม และมีอาการทางจิตด้วย ตอนที่มา ถอดเสื้อ แก้ผ้า วิ่งพล่านใน รพ บุคลากรต้องช่วยกันจับ พอผู้ชาย เข้าไปจับแก เกือบโดนแกปล้ำ

       

      พอมานอนรพ เวลาหมอ ผู้ชาย เข้าไปดูอาการ แกจะยิ้มชอบใจ แล้วชอบเอามือมาลูบตามต้นแขน พอจะออกจากห้องแกจะคว้ามือไว้แน่น จนเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยแกะมือแกออก

       

      แต่พอพยาบาลผู้หญิงเข้าไปดู แกจะไม่ชอบ แกจะหยิกแขน เวลา ผู้ช่วยคนไข้พาไปอาบน้ำ มีอยู่รอบนึง พอจะเอามือไปล้างจิ้มิแก แกขรี้ใส่มือผู้ช่วยเลย หรือ บางครั้ง แกทำท่าจะเอามือมาบีบคอผู้ช่วยเวลาอาบน้ำ

       

      เวลาพูด แกจะพูดแบบลิ้นเบี้ยวๆ ฟังไม่ค่อยชัด พอตรวจเสร็จ มักจะขอตังค์ 20บาท ซึ่งหมอบางคนก็ให้ บางคนก็ไม่ให้ แล้วชอบคุยเรื่อง อวัยวะเพศ วันนี้ เลยพาอาจารย์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์มาดู

       

      อาจารย์ : ป้า เป็นยังไงบ้างครับ

      ป้า : ร่อแร่ ๆๆๆๆ(ฟังไม่ออก)

      อาจารย์ : แล้วรู้ไหมนี่ใคร (ชี้มาที่กระผม)

      ป้า : พ่อ

      สุกิจ : -..-' (ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ)

      อาจารย์ : แล้วคนนี้ ล่ะ (ชี้ไปทางหมอ ภ.)

      ป้า : ลูก

      อาจารย์ : หมาบถึงเขาเป็นพ่อลูกกันเหรอ

      ป้า : ช่ายยย 555

      สุกิจ : -..-" (นี่ฉันดูแก่เป็นพ่อหมอ ภ. เลยเหรอเนี่ย เดี๋ยวไปหาดร เซปิง ทำface off ซะเลย ผมฉันเยอะกว่าด้วย)

      อาจารย์ : แล้วอยู่นี่ แล้วเป็นไงบ้าง

      ป้า : ชอบคนมีครวย (เซ็นเซอร์นะจ้ะ)555

      สุกิจ : แสดง ว่าชอบผู้ชายดิ

      ป้า:ช่าย555 ชอบคนมีครวย 555 หาผัวให้หน่อย

      อาจารย์ : (ทำหน้าเจื่อนๆ พอดี มีโทรศัพท์ ดัง เลยไปคุยข้างนอก)

      ป้า: (เดินเข้ามาจับแขนกระผม) ชอบคนรวย

      สุกิจ : คนนู้น นู้น รวย (ชี้ไปทางหมอ ภ.พกมาตั้งห้าแสน )

      ป้า : ขอตังค์ 20บาท

      สุกิจ: วันนี้ ไม่ได้พกตังค์มา

      ป้า : ขอตังค์20บาท

      (คนอื่น ทยอย กันเดินออกจากห้องคนไข้ เหลือเราเดินต่อท้าย แกเลยรีบลงจากเตียงมาจับแขนเราอีกรอบ)

       

      ป้า: ขอตังค์20บาท

      สุกิจ : วันนี้ไปก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่

      ป้า : (แกดึงมือเราไปหอม)

      สุกิจ: )0o0(' (เมื่อเช้าตรูเพิ่ง ขรี้ แกหอมมือซ้ายที่ล้างก้นเลย แกเลยสะบัดมือทิ้ง แล้วรีบหนีออกจากห้องพร้อมทีมงาน )

      ป้า: ขอตังค์ ยี่สิบบาท(แกมายืน เกาะกระจกขอตังค์ ต่อ เฮ้อ)

       

      17 มีนาคม 2559

      เมื่อวานตรวจ คนไข้หญิงอายุ 40ปี มาด้วยถูกสามีซึ่งเมาเหล้า ใช้เลื่อยฟันที่แขนขวา และท้ายทอย ที่แขน มีแผลประมาณ 5 แห่ง แต่ละแผลเป็นรอยหยักเหมือนฟันเลื่อย

       

      สุกิจ : วันนี้จะนอนรพ ก่อนไหม เดี๋ยวกลับไปถูกสามีทำร้ายอีก

      คนไข้ : ไม่นอน อยากกลับบ้าน จะไปอยู่กับป้า

      สุกิจ : แล้ว แจ้งความไหม

      คนไข้ : ไม่แจ้ง คงไม่กลับไปอยู่ด้วยแล้ว ขืนอยู่ต่อเดี๋ยวตาย ฟันแบบนี้กะเอาตายเลย หนูไม่เคยเข้ารพ เพราะเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ อยู่ด้วยเพราะห่วงลูก ตอนนี้ลูกโตแล้ว เดี๋ยวจะรับไปอยู่ด้วย

      สุกิจ : งั้นเดี๋ยวเย็บแผลก่อนนะ (เย็บยากมาก เพราะ แผลขอบหยักแบบฟันเลื่อย พอตัดให้ขอบเรียบ ผิวหนังก็ไม่พอเย็บ ตึงเกินอีก) แต่ก่อนเคยถูกทำร้ายแบบนี้รึเปล่า

      คนไข้ : ปกติ มีแต่ตีมัน ถ้าไม่กินเหล้าเป็นคนดี พอเหล้าเข้าปากเท่านั้นแหละ เปลี่ยนเป็นคนละคน

      สุกิจ : อ้าว เวลาไม่เมา มีแต่ตีสามี แล้วแบบนี่เก็บกดรึเปล่า พอเมาก็เลยมาแก้แค้น

      คนไข้: ใช่มั้ง

      สุกิจ : แล้วแน่ใจรึเปล่าว่าเมาจริง อาจจะแกล้งเมาแล้วแก้แค้น

      คนไข้ : 555 เมาแน่นอน ดูออก

      สุกิจ : แล้ว ตอนที่ถูกฟันทำอะไรอยู่ล่ะ

      คนไข้ : กำลังเดินเข้าบ้านไม่รู้ตัว โชคดี เอาแขนรับไว้ได้ แล้วเลื่อยที่ใช้ ก็ไม่ใช่เลื่อยแบบในเมืองนะ เป็นเลื่อยแบบบ้านๆเลย

      สุกิจ : โดนเยอะนะเนี่ย เหมือนกับหนีออกมาจากหนังสยองขวัญเลย นี่ถ้าบอกคนอื่นว่า หนีเจสัน ศุกร์13มา เขาก็เชื่อนะ

      คนไข้ :555

      สุกิจ : ตอนที่เดินเข้าบ้าน ทำไมไม่ทันรู้ตัวล่ะว่าเขาจะมาทำร้าย

      คนไข้: พอดี เดินเพลินๆ ร้องเพลงอยู่

      สุกิจ: เพลงอะไร ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน เหรอ เขาเลยทิ่มให้หลายแผลเลย

      คนไข้: 555 หมอนี่ตลกเนอะ

       

      กว่าจะเย็บเสร็จใช้เวลาประมาณชม. นึง

      พยาบาล จ: หมอลงบาดแผลด้วย เคสคดี

      สุกิจ : เห็นว่า ไม่แจ้งความไม่ใช่เหรอ

      พยาบาล จ : ทำไมล่ะ

      สุกิจ : ก็ไม่มีอะไรมากมายอ่ะนะ แค่ เขาบอกว่ารักผัวมาก ไม่นอกใจ แต่แผลโดนใบเลื่อยเต็มแขนเลย น่าทำคลิป แบบ คลิปรักผัวเนอะ

      พยาบาล จ : 555 (เอา หัวมุดไปใต้โต้ะ บอกว่า กลัวถูกฟ้อง)

       

      12 มีนาคม 2559

      เมื่อวาน ไปเยี่ยมบ้านคนไข้หญิงอายุ70ปี เพิ่งออกจากรพ ศูนย์ ด้วยเรื่อง หอบหืด และเส้นเลือดสมองแตก เอาเครื่องช่วยหายใจออกยาก เนื่องจากโรคประจำตัวเป็นหอบ และเสมหะมาก เลยต้องเจาะคอให้ยืมเครื่องดูดเสมหะ ไปใช้ที่บ้าน เวลาพูดเลยไม่มีเสียง ต้องอ่านปากเอา

       

      พยาบาล : ยาย เป็นไงบ้าง

      ยาย : (เอามือชี้ที่หน้าอกทั้งสองข้าง แล้วอ้าปากพูด) =o=

      พยาบาล : อะไรนะยาย

      ยาย : (เอามือชี้ที่หน้าอกตอนแรกนึกว่าเจ็บหน้าอก แต่พออ่านปากได้ความว่า) นมเหี่ยวหมดแล้ว พอนอน รพ แล้วนน ลดไปตั้งสิบโล นมหายหมด

      พยาบาล: แต่ก่อนนมใหญ่มากเหรอ ป้า

      ยาย : (เอามือชี้ที่นม) แต่ก่อนสมัยอายุ50 นมใหญ่มาก (แกทำมือเท่าแตงโม) เดี๋ยวนี้เหี่ยวแห้งหมดแล้ว /^\

      พยาบาล : ขนาดนั้นเลยเหรอ

      ยาย : สมัย ยังสาวๆ อายุ สามสิบ ทั้งขาวทั้งใหญ่เลย

      พยาบาล: +^+ (คุยไปคุยมา ไหงออกเรื่องนม) แล้วยายวันนี้ อยากให้ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

      ยาย: (แกชี้ไปที่ปาก)พอนน ลดลง แก้มตอบลง ฟันปลอมเลยไม่พอดี

      พยาบาล : เลยอยากทำฟันปลอมใหม่

      ยาย : (พยักหน้า ) อยากสวย

      พยาบาล : เดี๋ยวหายเหนื่อยแล้วค่อยไปทำบล็อคฟัน ที่รพ นะ แล้วได้ออกกำลังกายบ้างรึเปล่า

      ยาย : (แกทำท่าเดิน) เดินทุกวัน (แกทำมือหมุนรอบ) เดินรอบบ้าน (ทำท่าส่ายเอว เหมือนเวลาเต้นฮูล่าฮูป แล้วทำท่าโยกเหมือนกับ เต้นอ้อดแอด)

      พยาบาล: แล้วทำวันละกี่รอบล่ะ

      ยาย : (ชูสองนิ้ว) เดินวันละ2รอบ (ทำท่าเต้นฮูล่าฮูป แล้วแบมือ)วันละ5รอบ (เต้นอ้อดแอด ) วันละ5รอบ

      พยาบาล : เก่งจัง แล้ว ดีใจไหมที่มาเยี่ยม

      ยาย: (แกน้ำตาซึม เลยส่งกระดาษทิชชู่ให้) แกบอกว่าใครมาเยี่ยม ก็ชอบทั้งนั้นแหละ ( เมื่อวานลูกสาวแกเพิ่งกลับไปสิงคโปร์)

      พยาบาล : งั้น ไว้รอบหน้ามาเยี่ยมใหม่นะ

      ยาย : TUT (แกโบกมือ บ้ายบาย)

       

      สรุป การเยี่ยมบ้าน ได้อะไรมากกว่าที่คิด


      11มีนาคม2559

      วันนี้ ไปเยี่ยมบ้านคนไข้หญิงอายุ 70 ปีมีปัญหาinfected bed sore ที่ก้นกบ เนื่องจาก เคยล้มในห้องน้ำ แล้วกระดูกสันหลังเคลื่อน เลยทำให้ขาไม่มีแรงทั้งสองข้าง นอนรพ อยู่8คืน กลับมาบ้าน ลูกชายแกเลยทำเตียงจากไม้ และวัสดุแถวบ้านให้นอน แล้วติดล้อที่ขาเตียง โดยเอาแบบมาจากเตียงที่รพ ต้นทุน ประมาณร้อยกว่าบาท แล้ว ซื้อ เบาะลมมาวางรอง แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว ปลายเตียง ทำเป็นที่วางจานข้าว และมีไม้กั้นเตียงขวางพาด กันแกหล่นกลางคืน แถม กลางวัน ใช้พยุงให้แกลุกนั่ง และห้อยขาข้างเตียงได้

       

      เวลากลางคืน แกก็จะผลักเตียงเข้าไปในห้องนอนด้านข้าง แล้วรูดม่าน ปิดประตู (เหมือนยายได้นอนม่านรูดทุกวันเลย)

      น่าให้ลูกชายแกมาทำงาน รพ จัง (ปัจจุบัน เตียง ที่รพ พังไปหลายตัวแล้ว ไม่เคยได้ซ่อม วางไว้ในโรงเก็บของ รอแทงจำหน่าย กับซื้อใหม่)

       

      1มีนาคม2559

      เมื่อวานซืน ป้าหอม คนไข้ความดัน ของรพ. เดินเข้ามาคุยกับคุณสาระภี

       

      ป้าหอม : น้องๆ ป้าถามอะไรหน่อย

      สาระภี : มีอะไรน่ะป้า

      ป้าหอม : ปกติ หมอสุกิจกินยาอะไรอยุ่น่ะ ป้าเห็น แกเดินเร้วเร็ว ป้าจะได้ให้ลูกชายป้ากินบ้าง ลูกป้า มันขี้เกียจ วันๆเอาแต่นอน ไม่ทำอะไรเลย

      สาระภี : เดี๋ยว ถามหมอให้นะ

       

      (พอดี เราเดินผ่านหน้าopd พอดี )

      สาระภี : ป้าหอม ฝากถามอะไรหน่อย

      สุกิจ : อะไร

      สาระภี : ป้าหอม ฝากถามว่า หมอกินยาอะไรอยู่ เห็นเดินเร็ว แกจะได้ให้ลูกชายแกกินบ้าง

      สุกิจ : +^+ (กินยาบ้ามั้ง) ไม่ได้กิน ป้า ปกติก็เดินเร็วอยู่แล้ว

      ป้าหอม : ป้า ถาม เผื่อว่า จะได้ให้ยาลูกป้ากินบ้าง มันขี้เกียจ มันนอนทั้งวัน (ลูกป้า เป็นโรคจิตเวช รับยาอยู่รพ.จิตเวช)

      สุกิจ : ไม่ได้กินยา(ที) ป้า ที่เดินเร็ว เพราะอาชีพ เวลามีคนไข้ด่วนต้องรีบไป จะได้รีบช่วยชีวิต

      ป้าหอม : ม่าย ป้าถาม เผื่อว่า หมอมียาอะไร ลูกป้า จะได้เดินเร็วเหมือนหมอ

      สุกิจ : ไม่ได้กินยา (บ้า) นะ บอกแล้วว่าโดยอาชีพ ป้าครับ เขาบอกว่า เดินเร็วขึ้นหนึ่งนาที ก็จะมีเวลาเหลืออีกหนึ่งนาที นะ (พวกสโลว์ไลฟ์ อย่าโกรธนะ)

      ป้าหอม : +^+ (แกหน้าบูดๆ เหมือนว่า เราไม่ยอมบอกสูตรยาให้แก )

       

      สักพัก เดินเข้าห้องตรวจ ไป

      ป้าหอม : ไป บอกหมอทำไม หมอด่าป้าเลยเห็นไหม

      สาระภี : +^+ ( ก็อย่ากรู้เอง ไม่ใช่เหรอ )

       

      29 กุมภาพันธ์ 2559

      สัปดาห์ที่แล้ว ตรวจผู้ป่วยหญิงอายุ 17 ปี มาด้วย ล้มรถจักรยานยนต์ มีรถกู้ชีพนำส่ง รพ.

       

      สุกิจ : เป็นอะไรมาเหรอ

      คนไข้ : หนูจำไม่ได้เลยค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้แต่ว่า เมื่อกี้เอาบัตรเอทีเอ็มของแม่ ไปกดตังค์ที่หน้าเซเว่น แถวสามแยกวัดโพธิ์ หลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้น หนูจำไม่ได้เลย T ^ T ฮือ ๆ ๆ

      สุกิจ : แล้ว เจ็บตรงไหนบ้างล่ะ

      คนไข้ : (เอามือชี้ตรงหน้าผาก แต่ไม่พบบาดแผลอะไร ) หนูปวดหัว หนูคิดถึงแม่ T ^ T ฮือ ๆ ๆ

      สุกิจ : เดี๋ยว แม่ก็คงมา เดี่๋ยวไปเอ็กซเรย์ ก่อนนะ

      คนไข้ : หนูคิดถึงแม่ โทรเรียกแม่หนูมาให้หน่อย T^T ฮือๆ ๆ

      สุกิจ : +^+ (บรรยากาศclub friday มาอีกแล้ว อยู่ดีๆ มีโทรศัพท์ดัง เลยเอื้อมมือไปรับให้คนไข้ ) สวัสดีครับ รพ.คลองหอยโข่งครับ

      คนในโทรศัพท์ : น้อง... อาการเป็นยังไงบ้างครับ

      สุกิจ : ไม่ทราบเป็นอะไรกับคนไข้ครับ

      คนในโทรศัพท์ : เป็นพี่ชายครับ

      สุกิจ : น้องเขามีประวัติสลบ จำเหตุการณ์ไมไ่ด้ น่ะครับ แต่ ดูอาการน่าจะยังไม่มีอะไรอันตรายตอนนี้ เดี๋ยวจะส่งไปเอ็กซเรย์ก่อนนะครับ จะคุยกับน้องเขาไหมครับ

      คนในโทรศัพท์ : ดีครับ (เลยยืนโทรศัพท์ให้คนไข้)

      คนไข้: พี่ ๆ หนุจำอะไรไม่ได้เลย ฮือ ๆ เมื่อกี้ จำได้แค่ว่าเอาบัตรเอทีเอ็ม แม่ไปกดตังค์หน้าเซเว่น หลังจากนั้น จำอะไรไม่ได้เลย ฮือๆ ๆ พี่รีบมารพ.หน่อยได้ไหม หนูกลัว ฮือ ๆ ๆ ToT หนูคิดถึงแม่

       

      (สักพักเลยส่งคนไข้ ไปเอ็กซเรย์ พร้อมกับขุ่นแม่ คนไข้เดินทางมาถึงพอดี )

       

      แม่คนไข้ : คนไข้เป็นอย่างไรบ้างคะ

      สุกิจ : ผล การเอ็กซเรย์ ปกตินะครับ แต่ คนไข้มีประวัติสลบ จำเหตุการณ์ไม่ได้น่าจะต้องนอนรพ.ดูอาการซักคืนนึงก่อนครับ

      แม่คนไข้ : (โผเข้าไปกอดลูก ร้องไห้กันสองคน ยังกะ club firday the series ) ฮือ ๆ ๆ ToT

      คนไข้ : แม่ ฮือ ๆ ๆ ToT

      ................................................ (กอดคอ กันไป กอดคอกันมา ประมาณ 5 นาทีได้ จนน้ำตาเต็มเตียง เลอะพื้นเต็มไปหมดแล้ว หลังจากนั้น ส่งผู้ป่วยไปวอร์ด )

       

      สุกิจ : เดี๋ยว บอกให้ พี่นุช มาถูพื้นหน่อยนะ

      หัวหน้า ER : ทำไมอ่ะ

      สุกิจ : น้ำตานองพื้นจนเท้าเหนียวหมดแล้ว เนี่ยคราบน้ำตาทั้งนั้นเลย

      หัวหน้า ER : -..-

      (หลังจากนั้น มี คนไข้ ล้มมอเตอร์ไซค์ ติดๆ กัน มาอีก 3 คันได้ ประวัติ เหมือนกัน คือ รถบรรทุกน้ำมันเถื่อนทำน้ำมันรั่ว ตรงทางไปวัดโคกกอ แล้ว ตรงนั้น เป็นทางโค้ง ทำให้มอเตอร์ไซค์ ที่ผ่านไปทางนั้น ล้มกันหมด เลย โทรไปแจ้งโรงพัก ว่าให้ช่วยไปตังกรวย ไม่ให้คนผ่านหน่อย ก่อนจะมีคนล้มมอเตอร์ไซค์มาอีก )

       

      16 กุมภาพันธ์ 2559

      วันนี้ ไปเยี่ยมบ้านยาย อายุ70ปี โรคประจำตัวเป็นสมองเสื่อม พูดไม่รู้เรื่อง และอัมกฤกษ์ อ่อนแรงด้านซ้าย ผู้ดูแลหลักเป็นสามี อายุพอๆกัน มีลูกเก้าคน

      ลูกชายคนโต เอาบ้าน แกไปจำนองกับธนาคาร แล้วไม่ส่งเงิน ทั้งต้น ทั้งดอก เขาเลยยึดบ้านแก แต่ แกไม่ยอมย้ายออก ธนาคารเลยขายต่อบ้าน ให้คนอื่น พอดี มีคนสนใจก็เลยซื้อ ปรากฏว่า ครอบครัวนี้ยังอยู่ วันนึง เจ้าของบ้านคนใหม่ เลยเข้าไปคุยกับครอบครัวนี้ ไปเจอกับลูกชายคนโต ไม่รู้คุยอีท่าไหน เลยถูกลูกชายคนโต ชักปืนมายิงตายคาที่เลย หลังจากนั้น ลูกชายแกเลยติดคุก

       

      ส่วนลูกชายคนรอง ก็ติดยาบ้า ต้องเล่นยาทุก2ชม พฤติกรรมก้าวร้าว ครั้งที่แล้วพยาบาลไปเยี่ยมบ้าน แกตะโกนใส่หน้าว่า "จะเยี่ยมก็เยี่ยมไป ไม่ต้องมาถามอะไรกรู " หลังจากนั้น ก็ไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ เบิ้ลเครื่อง พ่นควันไอเสียใส่หน้าพยาบาลแล้วขับรถออกไป ส่วนพยาบาลเห็นท่าไม่ดี เลยลากลับก่อน

       

      ส่วน อสม ที่ไปด้วยใจ พอเจอบ้านนี้เข้าไปก็ส่ายหัว ขอลาขาด

       

      ส่วนลูกคนอื่นๆ ก็กระจัดกระจายไปหมด เหลือแต่ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งบ้านอยู่ควนลังมาเยี่ยมทุกวัน

       

      สภาพบ้าน เห็นว่ารอบแรก รกรุงรังมาก ยายขรี้เยี่ยวไว้เต็มพื้น รอบนี้ สะอาดหน่อยยายใส่แพมเพอร์ส นอนอยู่บนฟูก เห็นแขนซ้ายแก้เริ่มติดในท่างอ ยกแขนไม่ขึ้น เลยออกมาคุยกับสามีแกซึ่งนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน

      พยาบาล: แล้วปกติ แกเดินได้ไหม

      สามี : แกค่อยๆถด(คืบคลาน) ไปได้

      (สักพัก แกเรียก )

      คนไข้ : บ่าว ๆ (แปลว่า ผู้ชาย)

      สามี :แกคิดถึงหลานชายแก แยกบ้านออกไปเดือนนึงแล้ว

      คนไข้: บ่าวๆ (แกมองมาทางเรา และกวักมือเรียก)

      (สักพัก แกคลานออกมาจากห้องแก มานอนตรงพื้นหน้าบ้าน )

      คนไข้ : บ่าวๆ (แกคลานมาจับขาเรา) บ่าวๆ แล้วนอนตรงพื้น

      (สักพัก แกคลานมาจับตรงขอบแคร่ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน ด้วยความกลัวว่าแกจะล้ม เลยเข้าไปประคองแขน ปรากฏว่า แกพยายาม เดิน แม้ชาจะสั่น ๆ สามีแกเลยต้องเข้าไปประคองอีกด้าน จนแกเดินได้มั่นคง แล้วประคองแกกลับเข้าในห้อง)

       

      หลังจากคุยเรื่องยา ของแกซึ่งมีถึง12ชนิด และ สุขภาพคุณลุง ก็ลากลับ ทำให้ได้รู้ว่า

      1.การมีลูกมาก ไม่ได้บอกถึงคุณภาพ ไม่ได้บอกว่าลูกจะกลับมาดูแลตอนแก่

      2.แม้ คนไข้จะเป็นทั้งอัลไซเมอร์ และอัมพฤกษ์ แต่ถ้าเรากระตุ้นดีๆ ก็พาเดินรอบบ้านได้ ป้องกันอาการข้อติด

      3.การไปเยี่ยม บ้านอาจทำให้ คนไข้คิดว่าเราเป็นลูกหลาน ต่อไปอาจได้รับมรดกแบบบุญหล่นทับก็ได้ (แต่คงไม่ใช่บ้านนี้ เพราะมีแต่หนี้สิน)

      4.การซื้อบ้านมือสองมีความเสี่ยง

      ควรไปดูด้วยตนเองก่อนว่าธนาคารได้ทำการไล่เจ้าของเดิมไปรึยัง มิเช่นนั้นอาจเป็นเช่นนี้(การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจ)


      6กุมภาพันธ์2559

      เมื่อกี้ กะจะซื้อซาลาเปาที่ร้านโกอ้วน เลย จอดรถข้างถนนตรงแถวร้านบะหมี่กูฟู ข้างเสาไฟฟ้าแล้วเดินไป พอกลับมา เยียะเปียะ เจอคนเมา ยืนฉี่ ข้างล้อรถตรูเลย (ปกติ คนยืนฉี่ ต้องยืนหันหลังให้ถนน แต่นี่ยืนหันหน้าออกถนน ฉี่ข้างล้อรถตรูเลย)

       

      สุกิจ: จะขึ้นรถครับ

      คนเมา: อั้นไม่อยู่แล้ว รอเดี๋ยว (ฉี่ข้างล้อรถต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน)

      เพื่อนคนเมา : (หันมามอง เอามือมาชี้หน้า) นี่ๆ หมอสุกิจ นี่ มาทำอะไร น่ะหมอ (ยื่นมือมาจับขวา มาจับมือตรูด้วย ไม่รู้ เพิ่งฉี่เสร็จมารึเปล่า? แต่ไม่ได้ล้างมือแน่ๆ)

      สุกิจ : มาซื้อของ

      คนเมา : เสร็จแล้ว

      เพื่อนคนเมา: แหมเสียดายจัง กะจะชวนหมอไปกินเหล้าซะหน่อย

      สุกิจ : ไม่เป็นไรครับ มีธุระ (รีบขึ้นรถแล้วขับออกไป ต้องล้างรถอีกแล้วตรู)

       

      5กุมภาพันธ์2559

      สัปดาห์ ที่่แล้ว มีผู้ป่วย ที่มีอาการจากการขาดเหล้า มานอนที่ห้องแยกจิตเวช เลย มีการเปิดกล้องวงจรปิด ซึ่งมีสามจุด คือ ในห้องคนไข้ 2 จุด และ ทางเดิน 1 จุด ปรากฏว่า ในช่วงเดียวกัน มีคนไข้หญิงที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ (vivo) มีโรคประจำตัว เป็นหัวใจรั่ว ซึ่งไม่สามารถหย่าเครื่องช่วยหายใจได้ ถูกส่งมาจากรพ.หาดใหญ่

       

      ปรากฏว่า คืนนั้น โทรศัพท์มือถือของน้องทองกวาวหลานป้าที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งวางไว้ที่ข้างเตียง หายไป

      พอตอนเช้า ทองกวาวเดิน มาบอกพยาบาลว่า มือถือหาย สงสัยคนนี้ที่เป็นแม่เด็กห้องแยกเอาไป แล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

      เมื่อคืน ผู้หญิงคนนี้ แก มีเดินไปถามน้องทองกวาวว่า

      แม่เด็กห้องแยก : น้องๆ สมมติ ว่ามือถือน้องหาย คนขโมยเขาเอาไปปลดล็อครหัสได้ไหม

      ทองกวาว: ก็หนูรู้รหัสคนเดียว จะเอาไปเปิดได้ยังไง

      แม่เด็กห้องแยก : แล้วถ้า เอาไปเปิดที่ร้านทำได้รึเปล่า

      ทองกวาว: ไม่ได้ มือถือ ของหนู หนูไม่ให้ใครเอาไปหรอก

       

      เลยไปกล้องวงจรปิดดู ปรากฏว่า เมื่อมาดูกล้องวงจรปิดบริเวณทางเดิน ปรากฏว่า เห็นญาติผู้หญิงซึ่งมาเฝ้าลูกบริเวณห้องแยก มาด้อมๆ มองๆ บริเวณขอบหน้าต่างซึ่งติดกับเตียงที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ เดินเวียนมา ประมาณสามถึงสี่รอบ

       

      เลยสงสัย ว่าญาติผู้ป่วยคนนี้ เป็นคนเอาไป เลยไปเรียกตัวมา บอกว่า มีการบันทึกภาพวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน จะเปิดภาพให้ดู แกมีท่่าทีลุกลี้ลุกลน เลยรีบเก็บของเสื่อผ้า จะเดินออกไปตามทางเดินรพ. ผู้ช่วยคนไข้ เลยไปดักไว้ตรงทางเดินไม่ให้กลับบ้าน ให้มาที่station nurse พอมาถึง พยาบาลเลยเปิดภาพในกล้องวงจรปิดให้ดู บอกว่า แกน่าสงสัยที่สุด ที่จะขโมยมือถือไป เลยขอค้นของในเป้ ซึ่งแกก็ให้ค้น แต่ ขณะที่ค้น แกก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เที่ยวขยับผ้าถุงที่ผูกอยู่ที่เอวไปมา เดี๋ยวซ้ายมั่ง ขวามั่ง พยาบาล ฮ.สงสัย เลยขอค้นตัวด้วย ปรากฏว่า เจอโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวสีเดียว กับของป้าที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ ที่หายไป

       

      พยาบาล : มือถืออันนี้ เอามาจากไหน ล่ะ

      แม่เด็กห้องแยก : ไปซื้อมา เอามาจากเซเว่น

      พยาบาล : งั้นไหน ลองปลดล็อคให้ดูหน่อย

      แม่เด็กห้องแยก : +^+' (พยายาม กดรหัสอยู่หลายครั้ง ปรากฏว่าเข้ารหัสไม่ได้ แสดงว่า ไม่รู้รหัส) ลืมไปแล้ว

      พยาบาล : งั้นลองให้ญาติของป้าเตียงที่มือถือ ลองโทรเข้าดู (ปรากฏว่า มีชื่อของญาติ ขึ้นที่มือถือเครื่องนี้ ) อ้าว แล้วถ้าเป็นมือถือของคุณ ทำไม มีเบอร์ของญาติคนนี้ ขึ้นที่เครื่องล่ะ

      แม่เด็กห้องแยก : เอ่อ ( +^+") ก็ไม่รู้ มือถือเครื่องนี้ มาอยู่ที่ฉันได้ยังไง สงสัยตอนเข้าห้องน้ำ มีคนเอามาใส่ไว้

      พยาบาล : ไม่ต้องเลย หลักฐานบอกว่า คุณไปหยิบของเขามา

      แม่เด็กห้องแยก : ฉันไม่ได้ขโมย มือถือ ฉันซื้อมาเซเว่น (ยังจะแถอีก)

      พยาบาล : งั้น เดี๋ยว ไปแจ้งความ กันดีกว่า มั้ย (ทำท่าชักชวนญาติ ป้าที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ)

      แม่เด็กห้องแยก : '+^+" (ทำใจดีสู้เสือ) แน่จริง ไปแจ้งเลย

       

      สุดท้าย น้องทองกวาว แกไม่เอาความ เพราะได้มือถือคืนแล้ว อีกอย่าง ลูกของคนนี้ ก็มีอาการป่วยมาก จึงไม่อยากจะเอาเรื่อง นี่ถ้า คืนนั้น ลุงที่มีอาการขาดเหล้า ไม่ได้มานอนห้องแยกจิตเวช คงไม่ได้เจอหลักฐาน จากกล้องวงจรปิดแบบนี้

      หลังจากเหตุการณ์นั้น ญาติห้องแยก ก็ยังเข้ามาเดินในรพ. อย่างไม่สะทกสะท้านอะไร เหมือนกับเหตุการณ์ไม่เคยเกิดขึ้น เฮ้อ คนเรา

       

      พอหลังจาก นั้น มีการเดินมาถามกับน้องทองกวาวว่า  ใครน้อ ช่างใจร้าย ลักของเด็ก"

       

      พอหลังจากรู้ว่าเขาไม่เอาเรื่อง แกเอาขาไปนอนไขว่ห้างบนเตียง กินแอ้ปเปิ้ล กระดิกขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (น่าจะปสด นิดๆแล้วล่ะ)

       

      12 มกราคม 2559

      เมื่อวาน ตรวจผู้ป่วยมอญ อายุ ประมาณ 30 ปี 

      หมอจิ๋ว : เป็นอะไรมาเหรอ
      คนไข้ : เป็นข้าย ปวดหัว (พอพูดก็ยกขาขึ้นมาตั้งบนเก้าอี้ข้่างนึง ปวดเมื่อยขาด้วย 
      หมอจิ๋ว :+^+ (เหมือนนั่งคุยบนพื้นบ้านเลย) มีอาการอื่นอีกไหม 
      คนไข้ : มีน้ำมูก ไอ ด้วย (พอพูดเสร็จก็ยกขามานั่งขัดสมาธิ) 
      หมอจิ๋ว : +^+ ( ดูเป็นกันเองจัง) มีอาการอาเจียนด้วยรึเปล่า 
      คนไข้ : ม่ายมี (พูดเสร็จ ก็สลับขาอีกข้างยกขึ้นมาตั้งบนเก้าอี้ ) 
      หมอจิ๋ว : +^+ ( เอาข้าวมาตั้งวงกินกันเลยดีไหมเนี่ย) แล้ว มีท้องเสียด้วยไหม 
      คนไข้ : ม่ายมี (พูดเสร็จ ก็เอาขามานั่งขัดสมาธิ บนเก้าอี้ )
      หมอจิ๋ว : (เอาวะ เลย เอาขาทั้งสองข้าง มานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้บ้าง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ) แล้ว กินยาอะไร บ้างรึยัง 
      คนไข้ : +^+ (เริ่ม สะดุ้งแล้ว เริ่มรู้ตัวแล้ว แต่ยังนั่งขัดสมาธิท่าเดิมบนเก้าอี้) กินแต่ แดฟฟี่ (จริงๆ คือ ทิฟฟี่ คนไข้ พูดไม่ชัด ) 
      หมอจิ๋ว : (เริ่มเมื่อย เลยเปลี่ยนเป็นตั้งขาข้างเดียวบนเก้าอี้ ) กินแล้วดีขึ้นไหม 
      คนไข้ : +^+ ( คงคิดว่า จะคุยกันแบบนี้จริงๆ เหรอ ) ม่ายดี 
      หมอจิ๋ว : (เริ่มเมื่อย ยอมแพ้แล้ว กลับมานั่งปกติเหมือนเดิม ) เคยมีโรคประจำตัว ไหม
      คนไข้ : ^U^ (คงคิดว่า ชนะแล้ว) ม่ายมี

       

      10 มกราคม 2559

      วันนี้ ตรวจเด็กชายอายุ 3 ปี มาด้วย เอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในรูจมูกด้านขวา 

      หมอจิ๋ว : (เห็นเด็กถือปืนเด็กเล่นสีดำๆ ) เด็กเอากระสุนปืนเข้าไปในจมูกเหรอครับ 
      แม่เด็ก : เปล่าค่ะ มันเป็นปืนเด็กเล่นแบบใส่กระสุนไม่ได้ แต่อะไรก็ไม่รู้ เอาใส่เข้าไปในจมูก เห็นเป็นสีเขียวๆ 
      หมอจิ๋ว : (ส่องไฟเข้าไปในรูจมูก เห็นเป็นสีเขียวๆจริงด้วย) เป็นลูกปัดกลมๆ หรือ เป็นแท่งๆ ครับ 
      แม่เด็ก : ไม่รู้ค่ะ เห็นเด็กบอกว่า ตกลงมาจากฟากฟ้า แล้ว หล่นใส่ไปในรูจมูก
      หมอจิ๋ว : อุกาบาด เหรอ 
      แม่เด็ก : ไม่น่าจะใช่นะ 

      เลยลองใช้คลิปหนีบกระดาษ คล้องดู ก็เอาไม่ได้ เลยเปลี่ยนเป็นแคลมป์ตรง หนีบออกมา ขณะที่หนีบต้องใช้คนจับเด็กสามคน คนนึงจับหัว คนนึงจับตัว แม่จับขา ตกลงออกมาเป็น จุกสวมไม้แขวนเสื้อสีเขียว 
      แม่เด็ก : แล้ว เอาจุกใส่เข้าทำไมนิ 
      เด็ก : T^T (ไม่ยอมตอบ) 
      แม่เด็ก: แล้ว ไปเอามาจากไหนนิ จุกไม้แขวนเสื้อเนี่ย
      เด็ก : T^T 
      แม่เด็ก : หวัดดี ขอบคุณคุณหมอก่อนเร็ว 
      หมอจิ๋ว : วันหลังห้ามเอาใส่เข้าไปแล้วนะ ไม่งั้นรอบหน้า ใส่กลับเข้าไป สองรูจมูกเลยคราวหน้า 
      เด็ก : > ^ < (โกรธแล้ว ไม่ยอมหวัดดี เดินออกไปแล้ว) 
      หมอจิ๋ว : +^+ (สร้างเด็ก เป็นศัตรู อีกรายนึงแล้ว)

       

      8 มกราคม 2559

      คนไข้ หญิงอายุ 60 ปี มีปัญหาเส้นเลือดอุดตันที่ขาซ้าย ขาซ้ายบวมช่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้ ต้องให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนแพมเพอร์ส และให้อาหารทางสายยาง เพราะไม่มีญาติ สามีก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังพูดได้ (ยังต่อปากต่อคำกับพยาบาลได้อยู่) 

      พยาบาล: ทำไม ไม่คุยกับยายเตียงข้างๆ บ้างล่ะ 
      คนไข้ : ไม่อยากคุย
      ผู้ช่วยคนไข้ : ไม่อยากคุย หรือ ไม่มีใครคุยด้วย
      คนไข้: +^+ : วันหลัง อย่าคิดไปเองคนเดียว
      ยาย : 555

      ขณะจะยกตัวเพื่อเปลี่ยนแพมเพอร์ส 
      คนไข้ : ชอบทำอะไรเจ็บๆ 
      พยาบาล : +^+

      คืนนั้น ตี2 คนไข้ ถ่ายไว้เต็มแพมเพอร์ส แล้ว โยนขรี้ ไปไว้บนหัว 
      พยาบาล: +^+ (ต้องมาอาบน้ำ เช็ดตัว เปลี่ยนแพมเพอร์สให้ ตอนตี2เนี่ยนะ)

      วันต่อมา
      คนไข้ : อยากกินปู หาปูให้กินหน่อย
      พยาบาล: +^+ (ฉันเองยังไม่ค่อยได้กินเลย) ทำตัวแบบนี้นั้น อย่าว่าแต่ปูเลย ปูอัดก็ไม่ได้กิน
      คนไข้ : +^+

      เมื่อวานซืน คนไข้มีนัดทำอัลตราซาวด์ ขา ที่รพ ศูนย์ พยาบาล ต้องพาแกนั่งรถเข็นไป มีคนไข้นั่งรอเต็มหน้าห้องตรวจ
      คนไข้ : ช่วยไปบอกพยาบาลหน้าห้องหน่อยได้ไหม ว่าขอเข้าคนแรก 
      พยาบาล : +^+ ( เพิ่งมาตอนสิบโมงจะแซงคิว เขาได้ยังไงล่ะ) 
      สุดท้าย รอทำอัลตราซาวด์ กว่าจะได้กลับสี่โมงเย็น อดกินอาหารเที่ยง 

      วันนี้ อ่านผล อัลตราซาวด์ ตกลงมีเส้นเลือดอุดตันที่ไปเลี้ยงขาซ้ายจริงๆ แต่ ในท้องมีก้อนขนาด10ซม ไปกดทับเส้นเลือดดำเส้นนี้ และเจอก้อนขนาด 4ซม ในตับ สรุปว่า สงสัยว่าแกเป็นมะเร็งในมดลูก ระยะ4 น่าจะกระจายไปตับแล้ว
      วันนี้ ไปราวด์ แกนอนลืมตา แต่ไม่พูดอะไรเลย ถามอะไรก็มอง แต่ไม่ตอบ สงสัยว่าแกน่าจะรู้แล้วว่าเป็นอะไร เลยทำให้ซึมลง 

      เนื่องจาก ไม่มีญาติ ทำให้ ไม่มีเงินไปซื้อ แพมเพอร์ส ไม่มีเงิน ไปซื้อ อาหารปั่นมาให้ทางสายยาง พยาบาลเลยต้องเรี่ยไร เงินจากบุคลากร รวมเงินได้3700บาท 

      อาจจะดูใจร้าย (ในบางโมเมนต์) แต่จริงแล้วใจดี และทำเพื่อคนไข้นะ

       

      7 มกราคม 2559

      วันนี้ตรวจ คนไข้เด็กชาย อายุ10ปี มาด้วยปวดเข่าขวา เป็นๆหายๆ เป็นเดือนแล้ว พ่อกับแม่พามา

      หมอจิ๋ว: คิดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรครับ
      ขุ่นแม่ : พอดี เด็กชอบเล่นฟุตบอลค่ะ เล่นทุกวัน พอกลับมาบ้านก็ปวดเข่าทุกวัน 
      หมอจิ๋ว : แล้วเด็ก มีล้มกระแทก หรือวิ่งเลี้ยงฟุตบอล อยู่แล้วถูกสไลด์ล้มไหมครับ (ยังพุ่งล้มเอาจุดโทษในฟุตบอลโลก)
      ขุ่นแม่ : มีไหมลูก
      เด็ก : -..- เปล่า
      หมอจิ๋ว: งั้นขอตรวจหน่อยนะ (เข่าก็ไม่ได้ผิดรูปอะไร ไม่บวม ขยับได้เต็มที่ แต่ผอมไปหน่อย อายุ10ปี น้ำหนักแค่24กิโล เด็กอายุ10ปี น่าจะหนักประมาณ 28-30กิโล)
      ขุ่นแม่: หมอ คะ เป็นไปได้ไหม พอกลับจากเล่นฟุตบอล เด็กไม่กินข้าวเลย กินแต่ผลไม้
      หมอจิ๋ว : กินเหมือนนางแบบเลย (กินคลีนสุดๆ) หนุ่มอยากเป็นนางแบบ หรือ นักบอล? (ถามมิเกรงใจขุ่นแม่ กระโดดเตะปากเลย) 
      เด็ก: -..- อยากเป็นนักบอล
      หมอจิ๋ว : งั้นวันหลังกลับจาก เล่นบอล ต้องกินข้าวด้วยนะ ไม่ใช่กินแต่ผลไม้ ขาลีบจนจะเป็นนางแบบแล้ว (พูด มิเกรงใจทีมคริส กับลูกเกด รายการthe faceเลย) คนอยู่ด้วยข้าว ด้วยอาหารนะ (ตามด้วยสอนบริหารเข่า) 
      ขุ่นแม่ : ได้ยินไหมลูก วันหลังกลับจากเล่นต้องกินข้าวนะ หรือวันหลังเล่นไม่ต้องใช้เท้านะ (เล่นบอลยังไงฟะ ไม่ต้องใช้เท้า)
      หมอจิ๋ว :งั้นหัดตีกอล์ฟแทน ดีไหม ไม่ต้องใช้เท้าแล้ว (อุตส่าห์ แนะนำ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ทีปัญญาเล่น) 
      เด็ก : -..-'

       

      5 มกราคม 2559

      เมื่อกี้ ตรวจคนไข้ชายอายุ 59 ปี มาด้วย หูด้านขวาอื้อ มา1สัปดาห์ 

      คนไข้ : พอดี ีมีแมลงตัวเล็กๆ บินเข้าไปในหูครับ ผมเลยเอาน้ำหยอดเข้าไป 
      หมอจิ๋ว : นานเท่าไร แล้ว ครับ 
      คนไข้ : 2 เดือนแล้วครับ 
      หมอจิ๋ว : แล้ว หูอื้อมาตลอดสองเดือนเลยเหรอครับ 
      คนไข้ : เปล่าครับ เพิ่งอื้อมาได้อาทิตย์เดียว พอดี ผมเอาไม้พันสำลี ไปปั่นหูด้วยครับ 
      หมอจิ๋ว : แล้ว หลังปั่นหู หลังจากนั้น หูก็อื้อมาตลอดเลยใช่ไหมครับ 
      คนไข้ : เปล่า ครับ ผม เลิกปั่นหูมาเดือนนึงแล้วครับ 
      หมอจิ๋ว : อ้าว แล้ว คิดว่าสาเหตุที่หูอื้อเกิดจาก อะไรครับ 
      คนไข้ : ๑ ^ ๑ อืมมม ไม่รู้ครับ 
      หมอจิ๋ว : เดี๋ยว ขอตรวจหูหน่อยนะครับ (เลยเอาที่ดูหู ส่องดู พบว่า เป็นแก้วหูทะลุ ) สรุปว่า เป็นแก้วหูทะลุนะครับ คิดว่าเกิดจากอะไรเหรอครับ 
      คนไข้ : อ๋อ อาทิตย์ที่แล้ว ผมเอาไม้ไปเขี่ย 
      หมอจิ๋ว : เห็นว่าเลิกปั่นหูมาเดือนนึงแล้วไม่ใช่เหรอครับ 
      คนไข้ : ไม้ไปเขี่ยครับ ไม่ได้ปั่น 
      หมอจิ๋ว : +^+ (อ้าวไม่เหมือนกันเหรอเนี่ย) 
      คนไข้ : หมอครับ มีข้อสงสัยครับ 
      หมอจิ๋ว : ถามมาเลยครับ 
      คนไข้ : ตอนอายุ16 ผม เคยรถมอเตอร์ไซค์ล้ม มีหัวกระแทก หมอคิดว่า เป็นสาเหตุทำให้แก้วหูทะลุไหมครับ 
      หมอจิ๋ว : +^+ แล้ว ตอนนี้ คุณลุงอายุเท่าไรแล้วครับ 
      คนไข้ : 59 ครับ 
      หมอจิ๋ว : แสดงว่า ล้มมอเตอร์ไซค์ ไป 43 ปีแล้ว คงไม่ได้เพิ่งมาเกิดอาการเมื่ออาทิตย์ที่แล้วใช่ไหมครับ ก็คงไม่เกี่ยวกันนะครับ 
      คนไข้ : ๑ ^ ๑ น่าจะใช่ครับ 
      หมอจิ๋ว : งั้น เดี่ยวนัดมาดูสองอาทิตย์ก่อนนะครับ วันนี้ รับยาไปทานก่อนนะคับ 
      คนไข้ : ครับ (เฮ้อ กว่า จะซักกันรู้เรื่อง )

       



       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×