ภวังค์รัก (1/2) (มี E-Book) - นิยาย ภวังค์รัก (1/2) (มี E-Book) : Dek-D.com - Writer
×

    ภวังค์รัก (1/2) (มี E-Book)

    เจนติญา หญิงสาวที่มีครอบครัวอบอุ่นแม้จะมีเพียงแม่คนเดียว เรามาติดตามว่าเธอจะช่วยเหลือ ดวงวิญญาณสุดหล่อ ที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ รวมทั้งความหวัง ความฝันของเธอ ร่วมลุ

    ผู้เข้าชมรวม

    514

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    25

    ผู้เข้าชมรวม


    514

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  30 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  15 ต.ค. 66 / 13:53 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1

    : หญิงสาวในชุดกระโปรงลายดอกไม้

     

    แสงสีทอง ของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า แทบจะกลืนไปกับสีของท้องฟ้าที่ตอนนี้เป็นสีส้มทองไล่โทนสีอ่อนสวยงามดึงดูดทุกสายตา เสียงเครื่องยนต์เรือที่ปกติแล่นขวักไขว่ วุ่นวาย ก็ดูจะสงบลงในเวลานี้ มีเพียงแค่เสียงจากการจราจรด้านหลังของฉันที่ยังคงดำเนินตามปกติ เวลา 18.00 นาฬิกา ไฟประดับหลากสีสันที่ถูกประดับประดา ตกแต่งไว้สวยงามที่ยอดของเสาใหญ่ที่มีรูปทรงดอกบัวบาน เริ่มสว่างเปล่งแสงสวยงามเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวสะพานที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับต้น ๆ ของประเทศนี้

    บางครั้งหลังเลิกเรียนฉันก็มาใช้เวลาที่นี่ก่อนที่จะกลับถึงบ้าน ลมพัดพาความเย็นสดชื่นปะทะเข้ากับใบหน้า ความรู้สึกผ่อนคลายขยายตัวอยู่ภายในอย่างน่าประหลาดใจ

    ทางเดินที่ทอดยาวตามความยาวของสะพาน ถูกดูแลอย่างดี สะดวก สะอาด สวยงาม และไม่มีจุดอับสายตา รวมถึงกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามจุดสำคัญ ตั้งแต่เริ่มจนสุดสะพานบ่งบอกถึงความใส่ใจและการให้ความสำคัญสะพานแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งเมื่อชื่นชมความสวยงามของบรรยากาศของทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดินแล้ว การได้สังเกตอากัปกิริยาของผู้คนที่มาใช้เวลาหลังเลิกเรียน เลิกงาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เพลิดเพลิน ปลายสะพานอีกด้านหนึ่งมีผู้ชายน่าจะวัยเดียวกับฉันเดินทอดน่องช้า ๆ เหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังอ่อนแสงลงช้า ๆ

    ขยับเข้ามาเกือบจะถึงกึ่งกลางของสะพานมีหญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็ก ๆ สีครีมอ่อน เธอเหม่อมองไปที่ท้องน้ำด้านล่าง ผมยาวที่ถูกดัดลอนทิ้งตัวพลิ้วไหวด้านหลัง ผิวขาวแบบคนในเมือง ร่างบางของเธอสั่นเทา

    แม้ฉันจะยืนอยู่ห่างก็สังเกตเห็นถึงความไม่ปกติของเธอได้ ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นในความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก สมองของฉันพยายามจะหาเหตุผลให้กับความรู้สึกไม่ปกตินี้ของเธอ

    เธอเป็นอะไรรึเปล่า หนาวจากลมที่พัดเมื่อสักครู่หรือไร หรือว่าเธออกหัก.....

    จริง ๆ วันนี้ฉันเองก็มาที่นี่ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากเธอนัก บางอย่างในโลกนี้ก็ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย ฉันพยายามทำให้ความรู้สึกของตัวเองดีขึ้นไห้ได้อย่างน้อยก็ก่อนที่จะพาตัวเองกลับถึงบ้าน ฉันดูพ่ายแพ้และแตกสลายเหมือนเธอคนนั้นรึเปล่า...

    “ไม่………..!!!!

    เสียงตะโกนดังทะลุเสียงต่าง ๆ รอบตัว ฉันหลุดออกจากห้วงคำนึงของตัวเอง เสียงตะโกนที่ว่า ดังมาจากปลายสะพานอีกด้าน ผู้ชายที่เดินทอดน่องอยู่ในตอนแรกนั้น ตอนนี้กำลังวิ่งขึ้นมาที่กลางสะพาน สายตาที่ดูตื่นตระหนกของเขาจ้องมองไปที่จุดกึ่งกลางสะพาน จุดที่ผู้หญิงชุดดอกไม้คนนั้นยืนอยู่ ฉันมองตามสายตาของเขาที่ไปหยุดที่หญิงสาววัยทำงานสวมชุดดอกไม้ ตอนนี้เธอกำลังปีนราวสะพานขึ้นไป โดยแทบไม่สนใจเสียงดังโหวกเหวกที่ดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอเลย เธอกำลังจะ...

    “อย่านะ………………..!!!!!!!!!!!!

    ฉันกรีดร้องออกไปอย่างสุดเสียงเมื่อตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองเริ่มออกวิ่งไปทิศทางเดียวกันกับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน ไปที่ผู้หญิงคนนั้น ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งไปข้างหน้า ทำไมฉันรู้สึกว่าสะพานนี้ช่างยาวเหลือเกิน ผู้หญิงคนนั้นหยัดตัวขึ้นยืนบนราวสะพานโดยไม่สนใจเสียงหรือสิ่งรอบตัวเธอที่เกิดการชุลมุนขึ้นนับตั้งแต่เธอเริ่มปีนราวสะพาน เมื่อยืดตัวขึ้นเธอไม่พยายามที่จะทรงตัวแต่กลับปล่อยให้ร่างกายของเธอหลุดลอยออกจากราวสะพานอย่างไม่ไยดีทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

    ผู้ชายใส่ชุดสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นเหมือนอยู่ ๆ เขาก็อยู่ตรงนั้น เขายืนอยู่บนราวสะพานจุดเดียวกับเธอคนนั้น ฉันแอบแปลกใจว่าเขามาจากทิศทางไหนหรือตอนไหน ดูเขาสงบเยือกเย็นเหลือเกินสวนทางกับความโหวกเหวกวุ่นวายทุกอย่างตอนนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอและฉันก็เข้าใจในทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร

    “ไม่......................!!!!!!!!!!!

    ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตา ฉันเกือบจะถึงตัวเธออยู่แล้ว ไม่ได้นะ .......พวกคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าเขาเอาไว้สักส่วน เพื่อไม่ให้เขาร่วงหล่นตามผู้หญิงคนนั้นลงไป

    เขาหันมาจ้องมองฉันด้วยความตื่นตะลึง ดวงตากลมโตนั้นแฝงความแปลกใจ ริมฝีปากของเขาขยับยิ้มเหมือนกำลังดีใจ ฉันเชื่อว่าตัวเองจะจดจำรอยยิ้มนั้นไปอีกนาน ริมฝีปากของเขาขยับเหมือนเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับฉัน แต่แรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เขาร่วงหล่นลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่างเกือบจะพร้อม ๆ กับเธอคนนั้นและก่อนจะตกกระทบผิวน้ำเขาคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกกระแสน้ำพัดหายเงียบไป เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ทะลึ่งโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา เหมือนตัวเธอพุ่งขึ้นมาแบบกระโดดพ้นจากน้ำ เธอนั้นยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนและอยู่ในอาการตื่นตระหนก หันรีหันขวาง เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง เรือกู้ภัยโยนห่วงยางและดึงตัวเธอขึ้นเรือกู้ชีพอย่างปลอดภัย ตอนนี้จำนวนผู้คนบนสะพานเพิ่มจำนวนมากขึ้น

    “แล้วเขาคนนั้นล่ะ....ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

    พี่คะ พี่กู้ภัยคะ รบกวนช่วยดูรอบ ๆ ช่วยมองหาผู้ชายชุดสีขาวที่ตกลงไปด้วยค่ะ”

    ฉันยังคงพยายามมองหาอะไรก็ได้ที่มีสีขาวสว่าง ทั้งในน้ำ ริมฝั่งหรือบริเวณที่ห่างออกไป แต่ไม่มีใครโผล่พ้นน้ำขึ้นมานอกจากผู้หญิงคนนั้นที่ได้รับความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ทีมเรือกู้ภัยยังคงวนเรือ

    เพื่อตามหาอะไรหรือใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ในบริเวณนั้นจากคำบอกเล่าของฉัน

    “ไม่พบใครอีก น้องเห็นคนอื่นนอกเหนือจากผู้ประสบเหตุอีกหรือครับ.....

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยเอ่ยถามพร้อมกับทีมเจ้าหน้าที่ ที่กำลังตามหาผู้ที่โทรแจ้งเหตุการณ์

    “ผมไม่เห็นคนอื่นนอกจากผู้หญิงคนนั้นครับ ผมเป็นคนโทรแจ้งเหตุครับ”

    ผู้ชายอีกฝั่งหนึ่งของสะพานปรากฏตัวขึ้นพร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมกู้ภัย ฉันรู้สึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่บอกว่าผู้ชายชุดสีขาวกระโดดลงไปช่วยเธอ และจมหายไปต่อหน้าต่อ ฉันมั่นใจว่าเขาเองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อม ๆ กับฉัน

    “ผู้ชายที่ใส่ชุดสีขาว ที่กระโดดตามลงไปไงคะ จะมีแค่ผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงกันคะ”

    ฉันยืนยันหนักแน่นและเชื่อว่าเขาก็ต้องเห็นผู้ชายชุดขาวคนนั้นเพราะเขาเองก็อยู่ในจุดอีกด้านหนึ่งของสะพานที่ไม่ไกลไปจากฉันนักในตอนนั้นเขาต้องเห็นสิ

    “ป้าเห็นแค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียว”

    “ผมก็ไม่เห็นคนอื่นเหมือนกัน”

    คุณป้าร่างท้วมหน้าตาใจดีที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีรุ้ง เอ่ยขึ้น พร้อมทำใบหน้างุนงง และผู้ชายที่ใส่เสื้อส่งอาหารสีเขียวเอ่ยสนับสนุน พวกเขามาจากไหนกันนะ อาจจะไม่เห็นผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เหมือนฉันที่ไม่ได้สังเกตว่าพวกเขาอยู่ในบริเวณนั้น แต่ผู้ชายคนนั้น คนที่ปลายสะพานอีกด้านต้องเห็นเขาสิ คนทั้งคนนะ

    “ทางทีมกู้ภัยจะขับเรือวนดูรอบ ๆ อีกครั้งนะครับ แล้วขอจบภารกิจช่วยเหลือเพราะตอนนี้ก็มืดแล้ว ขอบคุณที่โทรแจ้งเหตุ และให้ความร่วมมืออย่างดีครับ”

    ทีมกู้ภัยจากไป แต่ฉันยังคงมองสิ่งมีชีวิตหรืออะไรสักอย่างในผืนน้ำข้างล่าง ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือฝันกลางวันแน่ ๆ

    “เธอไม่เห็นเขาจริง ๆ เหรอ ผู้ชายชุดสีขาวที่ตกลงไปพร้อมกันไม่เห็นจริง ๆ ใช่ไหม”

    ฉันเอ่ยถามผู้ชายคนนั้นขณะที่เขากำลังหันหลังกลับเดินไปทางปลายสะพานอีกด้าน ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อนที่ไหนสักแห่ง

    “ผมไม่เห็นใครนอกจากผู้หญิงที่ตกลงไปคนนั้น”

    เขาตอบกลับแบบสงบและมั่นใจ ขณะที่พูดก็มองเข้ามาในดวงตาของฉัน ฉันจึงรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก ก็คงเป็นฉันที่ฝันกลางวัน หรือไม่ก็คงเป็นผีหลอกตอนกลางวัน

    “คุณคงจะตกใจมาก”

    “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ขอตัวนะ”

    ฉันเอ่ยก่อนที่จะหมุนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามและเริ่มก้าวเดินออกจากสะพานเพราะ ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบไม่ใช่ตอนเย็นย่ำแล้วแต่เป็นหัวค่ำโดยไม่สนใจผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้กับฉัน เลยเวลากลับบ้านตามปกติของฉันมามากแล้ว

    กลับรึยังลูก ถึงไหนแล้ว”

    “ใกล้จะถึงแล้วค่ะแม่”

    ฉันตอบข้อความแม่ แม่คงอยากรู้ว่าวันนี้เป็นยังไงเหมือนทุกครั้งที่แม่รู้ว่าจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแม่จะเร่งให้ฉันกลับถึงบ้านโดยที่แม่ทำอาหารรอกลับไปทานพร้อมกัน อาหารเย็นที่บ้านฉันหวนคิดถึงช่วงเวลานั้น เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนยังคงชัดเจนในความทรงจำ

    “เพล้ง!!!!........

    เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น ดังออกมาจากบ้าน ใจฉันกระตุก มือเย็นเยียบแม้จะหวาดกลัวและพอจะเดาเหตุการณ์ได้ ฉันรีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน ภาพเหตุการณ์ ที่ผู้ชายคนนั้น พ่อของฉัน ยืนอยู่ที่โต๊ะทานข้าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นเทา โกรธจัด เขายังคงตะโกนพร่ำก่นด่าแม่ด้วยเสียงอันดัง เศษจานข้าวแตกกระจายอยู่ที่พื้น แม่ของฉันคุกเข่า เก็บกวาดทำความสะอาดเศษอาหารด้วยตัวสั่นเทา

    ฉันในวัยนั้นไม่เข้าใจว่า.......

    “เกิดมาจนคือความผิดอย่างหนึ่ง”

    “การทำลายข้าวของมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นหรืออย่างไร”

    แม่เก็บกวาดจานชามบนพื้นและเศษอาหารที่กระจายอยู่บนพื้น แม้กระทั่งเสียงสะอื้นไห้ ก็ทำให้อารมณ์โมโหของเขาเพิ่มขึ้นได้ ความรู้สึกตื่นกลัวแล่นมาจับขั้วหัวใจ กลัวว่าแม่จะได้รับอันตราย บาดเจ็บ ทันทีที่แม่เห็นฉันแม่จะพยายามทำให้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นอุบัติเหตุ เป็นเรื่องไม่ตั้งใจเหมือนทุกครั้ง แต่แววตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และมือที่จับไม้กวาดนั้นกำลังสั่นเทา

    แม่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย ฉันเองก็กลัวเขาแต่ความโกรธนั้นดูเหมือนจะมีอำนาจมากกว่าความกลัว แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยทำร้ายฉัน

    หรือแม่ แต่การกระทำแบบที่เขาทำอยู่นี้ การทำลายข้าวของ การตะโกนด่าทอ มันก็คือรูปแบบของการทำร้ายอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือไง

    “กลับมาแล้วเหรอ...เจน หิวรึเปล่า”

    แม่ข่มเสียงที่กำลังสั่นด้วยรอยยิ้ม ดวงตาอ่อนโยนมีน้ำตาที่เอ่อล้นจวนเจียนจะไหลอาบแก้ม

    “วันนี้การบ้านเยอะมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูทำเสร็จแล้วจะลงมาช่วยนะคะ”

    ฉันพยายามควบคุมความตกใจ ความกังวลไม่ให้แสดงออกผ่านน้ำเสียงของตัวเอง เปล่าเลย ฉันไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉัน แต่ฉันกลัวแทนแม่ กลัวว่าน้ำตาที่แม่กำลังอดกลั้นเอาไว้จะไหลออกมา

    สายตาของฉันจับจ้องไปที่ใบหน้าของแม่ แต่ก็ยังเห็นว่า “เขา” ผลุนผลันเดินออกไปด้วยอาการหงุดหงิดเต็มที่ผ่านหางตา ฉันไม่ได้ขยับไปที่ห้องตัวเองแม้แต่ก้าวเดียว

    “ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก....”

    นั่นคือคำพูดที่เขาทิ้งเอาไว้เสียงร้องไห้ของแม่เบากว่าทุกครั้ง แม่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ฉันสวมกอดแม่แน่นเพราะเข้าใจไปเองว่านั่นอาจจะทำให้แม่หยุดร้องไห้ได้ แต่เปล่าเลยไม่ใช่แบบนั้นฉันต่างหากที่

    ร้องไห้ดังกว่าแม่ บางส่วนของฉันได้ขาดหายไปตั้งแต่วันนั้น เราร้องไห้อยู่นานจนฉันหลับไป ตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้แม่กับฉันก็ไม่พูดถึงพ่ออีกนับแต่นั้น

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น