ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    because i'm A GIRL [Sehun x Amber]

    ลำดับตอนที่ #9 : Cp.8 ***100%**********

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 208
      2
      23 มี.ค. 57

    Chapter8

     

    บรรยากาศเดิมๆ อาจจะทำให้คิดถึงคนเดิมๆ...

    ..

    ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งนานเลยนะ—ฉันนึกว่าแกไปเป็นบาทหลวงแล้วซะอีก”

     

     

    เสียงห้าวแบบแปร่งๆของเพื่อนร่วมก๊วนในอดีตเอ่ยขึ้นท่ามกลางแสงสีวิบวับของผับย่านคังนัม ดวงตาคมหรี่ลงก่อนที่จะเบนความสนใจจากสหายไปยังเวทีที่กำลังมีการแสดงจนอึกทึก

    โอเซฮุนในชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปและกางเกงแส็ลคสีเทาทอดตัวยาวบนเบาะๆนิ่ม เขาเริ่มดื่มไปเล็กน้อยทันทีที่มาถึง

    --หลายคนรู้ดีว่ามีผับสำหรับเกย์อยู่มากมายในโซลตามรสนิยมของคนที่เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ออกตัวอย่างเป็นทางการ ทว่าเหล่านักดื่มและเที่ยวก็รู้กันเป็นอย่างดี

     

    มันคงน่าเบื่อถ้าวันหยุดที่เขาจงใจจะหยุดจะต้องจดจ่ออยู่กับห้องสี่เหลี่ยมตลอดทั้งวัน


    อีกอย่างที่สำคัญ ไม่ใช่กับคนอื่น ...แต่อย่างน้อยๆก็ตัวของโอเซฮุนเอง

    ผมของเขาย้อมกลับมาเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบคนปรกติทั่วไปเรียบร้อยแล้ว


    มันอาจจะเป็นแค่เทรนด์บางช่วงนั้นละ


    อย่างที่บอก ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อ เลยเข้านู่นออกร้านนี่ตลอดทั้งวัน.. อะไรสักอย่างที่น่าจะทำให้เขารู้สึกกับตัวเองดีกว่านี้  บางทีผมสีเข้มๆอาจจะทำให้ใบหน้าของเขาสดใสขึ้น ไม่ซีดเผือดคล้ายศพหมดออร่าเหมือนอย่างที่เป็น---

     

    “ไม่อยากเต้นหน่อยหรอ ทำหน้าเซ็งตั้งกะเข้ามาแล้ว หา!? นู่น คนเปิดแผ่นคืนนี้โสดนะ สนปะ หล่อด้วย แถมดีกรีระดับผับอเมริกานะจ้ะ” บอมซูเจ้าของร้านจีเวอรี่ชื่อดังตะโกนบอกในขณะที่วิ่งจี๋เข้ามานั่งยังเบาะตรงกันข้าม เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าของชอยบอมซูมากมายคล้ายกับว่าเพิ่งออกสนามรบมา

    หมอนี่คงเต้นแบบหัวฟัดหัวหมุนอีกตามเคย บอมซูมักจะเปิดเผยตัวตนเหมือนเซฮุนแบบนี้ ทุกครั้งที่มีปาร์ตี้ ใครๆก็รู้ครอบครัวเจ้าของร้านเพชรก็ไม่ได้มีนโยบายยอมรับเพศที่สาม

    “ ฉันไม่ชอบฝรั่ง” เซฮุนตอบส่งๆ แน่นอนว่า เขาก็ไม่ชอบพวกผิวเผือกผสมกระจริงๆนั่นละ

     

    “อ๋อ ...ลืมไปแกมีรสนิยมเป็นรุกแล้วอะดิ ดูจากไอ้หนุ่มตาโตๆตัวเตี้ยม่อต้อที่แกคบช่วงก่อนใช่ป่ะ....ฉันละอิจฉาแกจริงๆ จะทำอะไรก็ได้ตามใจ ไม่เหมือนฉัน ...เห้อ...” คนที่บอมซูหมายถึงก็คงไม่พ้นหลิวอี้


    ร่างสูงเบ้ปากเป็นเชิงว่าเขาก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่เพื่อนเสียดสีนัก ดูจากสภาพในเวลานี้..


    ไม่ว่าไปไหนใครๆก็มักจะพูดถึงหลิวอี้เสมอๆ ถึงมันจะน่าเบื่อกับชื่อสองพยางค์เชยๆนี่ แต่ก็ต้องทน เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาไม่ได้ชอบกันจริงๆ หรือแม้กระทั่งหลิวอี้เป็นเด็กผู้หญิง

     

    “เลิกพูดเถอะน่ะ คนยิ่งเซ็งๆ”


    พอพูดถึงคำว่าเซ็ง ฮวางจื่อเทาก็แว้บเขามาในความคิดชั่วขณะราวกับว่าเข้ามาย้ำเตือนให้เซฮุนรู้ถึงชายหนุ่มอีกคนที่เขาอาจจะสามารถอยู่เป็นเพื่อนเซฮุนได้ตลอดคืนถ้าหากชายหนุ่มต้องการ แต่ในเมื่อเซฮุนโหกไปแล้วว่าเขาไม่สบาย

    จะมากลับคำตอนนี้ก็ดูน่าเกลียด ไหนจะงานที่ฝากให้จื่อเทาทำแทนไปก่อนด้วยแล้ว

    อยู่แบบนี้ต่อไปดีกว่า


    -ฮวางจื่อเทา..-.

    010xxxxxxxxxxxx
    -----------------------------------------------------------------------

    -หลิวยี้ยี้ยี้-

    010xxxxxxxxx
    ------------------------------------------------------------------------

    -ฮวางจื่อเทา..-.

    010xxxxxxxxxxxx
    ------------------------------------------------------------------------

    -หลิวยี้ยี้ยี้-

    010xxxxxxxxx

     ------------------------------------------------------------------------


    “........ฮึ่ม=3=”


    โอเซฮุนค่อยๆปล่อยมือถือให้วางแน่นิ่งบนโต้ะ เพื่อละสายตาจากสมุดโทรศัพท์ในเครื่องมือสื่อสาร นิ้วยาวเบี่ยงเบนความสนใจไปยังแก้วที่มีแอลกอลฮอล์สีใสจนล้น


    แก้วแล้วแก้วเล่าค่อยผ่านลงคอไปอย่างง่ายดาย—ความเบื่อหน่ายอาจจะทำให้อึดมากกว่าเดิม

    ภาพทุกอย่างค่อยๆพร่ามัว ทว่าสติทั้งหมดของคนหนุ่มก็ยังพอหลงเหลือ...


    -หลงเหลือน้อยละสิไม่ว่า-


    สองขาเริ่มตะปัดตุเป๋แหวกคนเป็นสิบๆบนพื้นที่โล่งสำหรับโชว์

    คนตัวผอมไม่รู้ว่าเขาไปเอาพลังงานมาจากไหนทั้งๆที่ก็ไม่ได้เอาอะไรใส่ท้องเลยตลอดวัน

    เพลงมากกว่า2อัลบั้มได้ เซฮุนก็ยังคงเต้น เต้น เต้น โดยไม่คิดจะกลับไปนั่งอีก ทั้งๆที่ตอนแรกเขาไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะปลดปล่อยเท่านี้มาก่อน

     

    “ใครก็ได้เอาเซฮุนกลับมาทีสิ!!นางบ้าไปแล้ว โอ้ยเอานางกลับมา!

    หนึ่งในเพื่อนเที่ยวของชายหนุ่มหวีดร้องเมื่อสังเกตเห็นลูกเจ้าของโรงแรมชื่อดังเสื้อแสงเริ่มหลุดรุ่ยเหมือนผีบ้าผีบอ แขนขาเก้งก้างของเขาเหมือนหุ่นกระบอกที่ไร้รูปทรงที่ทวีความอันตรายหากใครเผลอไปเข้าไกล้

     

    “ปรกติมันเต้นซะที่ไหน บอมซูเอาเพื่อนหล่อนออกไป เร็วๆ ....วะว้ายย~!!!OOนี่ นางจะมาปล้ำอะไรกับผู้ชายตรงนี้ นี่โอเซฮุนหยุดเดี๋ยวนีนะยะ!!!!!!!!!

     

    “โอ้ยเรื้อนมาก เห้ยเซฮุน นั่นมันเด็กฉันนะวะ เห้ย!!!!!!!!!!!

    O_O
    >_<

     

    ...

    เสียงโหวกเหวกดังขึ้นสูสีพอๆกับเสียงเพลง

    สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครห้ามคนเมาอย่างเขาได้—นอกเสียจากยืนมองร่างสูงเริ่มละเลงจูบอันแสนเร่าร้อนกับชายฉกรรจ์แปลกหน้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกเช่นเคย

     

    บรรยากาศรอบตัวอาจจะร้อนระอุและเปรอะเปรื้อนไปด้วยเหงื่อ

    เสียงโห่จากบอมซูผู้อิจฉาและเพื่อนๆในคลับที่ส่งเสียงเชียร์

    ....

    ...

    แค่แปลกดี..ที่จูบคราวนี้ ไม่มีคิมจงอินอีกต่อไป...

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

     

     

    20.50น.

     


    “บ้าจริง นี่ตั๋วที่ไวสุดมีคี่ตอนสามทุ่ม ถ้างั้นกว่าจะถึงก็คงไม่ดึกเลยรึไง โอ่ยยอยากจะบ้า=_=


    สองมือเล็กขยี้ผมเผ้าที่สั้นให้แลดูกระเซะกระเซิงเข้าไปอีก เวลานี้มีคนขวักไขว่น่าปวดหัวสำหรับสถานีรับส่งระหว่างคยองกีกับโซลและเมืองต่างๆอีกมากมาย เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูเทศกาลเลยไม่มีตั๋วโดยสารที่ถี่นัก

    กว่าจะออกมาจากที่หมู่บ้านก็ล่อไปครึ่งวันค่อนวัน จนป่านี้ก็เพิ่งได้จองตั๋วรอบที่เร็วที่สุด

     

    เร็วกับผีนะสิ TT

     

    เด็กสาวยืดขาสองข้างออกไปเพื่อคลายความเมื่อยหลังจากเดิน นั่งๆเป็นเวลานานบนม้านั่งที่รองรับเอาไว้รอบๆ


    “ไอ้หมอนั่นจะยังอยู่ที่คอนโดหรือไปโรงแรมนะเนี่ยะ =_=

    “......ไม่ใช่เรื่องของฉันปะวะ---พอถึงที่นั่นก็แค่บอกความจริงไปก็จบ คิมจงอินมันไม่ดีก็จบ

    แยกกัน เราก็เก็บเงินตัวเองไว้ กลับไปหาแม่ โอเค พอกัน กึด!!

     

    คำพูดประกอบท่าทางเหมือนพวกโรคจิตเล็กๆกับตัวเอง....

    มือถือเครื่องใหญ่ถูกทารุณกรรมโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ...

    หลายวันมานี้มันโดนทั้งปาทิ้ง ทั้งตี ทั้งเขย่า เพราะอารมณ์เจ้านายที่ไม่อยู่กับที่แท้ๆ

    เสียงถอดถอนลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมๆก้มฟุบลงกับกระเป๋าเป้ที่ย้ายมาไว้ข้างหน้า หลังจากความอ่อนล้าตลอดวันเริมส่งผล แค่คิดเรื่องของวันต่อไปๆก็ยิ่งทำให้รู้สึกหนักอึ้งไปทั่วทั้งตัว อารมณ์เบื่อหน่ายทำให้ประสาทรับรู้ของเธอหมดประสิทธิภาพไปชั่วขณะหนึ่ง มันแย่ลงกระทั่งไม่สามารถแยกแยะเสียงฝีเท้าที่ไกล้เข้ามาประชิด

    เงาจากร่างของใครบางคนที่ลอบฟังอยู่นานหยุดอยู่กับที่ตรงหน้าเด็กสาวได้ครู่ใหญ่โดยไม่ทันสังเกต

    เงาปริศนาที่เฝ้าตามเธอมาตลอดทั้งวัน......

    เพื่อรอตกลงอะไรบางอย่าง....

     

     

     

    “ว่าไงแอมเบอร์....อยากกลับโซลด้วยกันมั้ย”









    ------------60%-------------------

     

     

     

    แอมเบอร์ชื่อที่น้อยคนนักจะรับรู้ กระตุ้นให้ประสาททั้งหมดตื่นตัวอีกครั้ง

    ด้วยความตกใจทำให้ของบางส่วนบนตักหกคะเมนลงมาiระเนระนาดยังพื้น

    ดวงตากลมถึงกับเบิ่งกว้างเมื่อรับรู้ว่าผู้มาเยือนคือใคร

     

    จงอิน..

    นะ...นายเรียก...เมื่อกี้?”

    ...

     

    อ๋อ........แค่..อ่านตามพวงกุญแจที่นายห้อยบนเป้นั่นเฉยๆ

    ทำไมหรอ.. มีอะไรรึปล่าว?...
    จะว่าไป ...เรายังไม่เคยทำความรู้จักกันตรงๆเลยนะ “

    ตึก ตึก ตึก 

    หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ มันไม่เหมือนเวลาที่กำลังรู้สึกขัดเขิน ตรงกันข้าม มันกลับเป็นความตกใจแบบคาดไม่ถึงมากกกว่า
    ความปั่นป่วนของร่างกายถูกสมองสั่งการให้เริ่มลุกลนอยู่อย่างนั้น นัยน์ตาทั้งสองข้างเบิกโพลงพอที่จะมองเห็นใบหน้าของจงอินที่อยู่ในชุดสูทรลำลองได้อย่างชัดเจน  เลือดเริ่มสูบฉีดแม้ว่าการกระทำที่แสดงออกมา หลิวอี้แลดูจะนิ่งเฉยก็ตามที

     

    อย่างนี้นี่เอง...อะ---ฉันชื่อ...หลิวอี้ หลิวอี้หยุน

    อยากจะเอามือตบหน้าตัวเองสักสองสามครั้งโทษฐานแสดงอาการประหม่าไม่มีความเท่ห์เอาเสียเลยต่อหน้าต่อตาคู่ต่อสู้-*-
    เร่งปรับน้ำเสียงที่เจือความประหม่าให้คืนสู่โหมดออนไลน์พร้อมไฝว้
    ช่วงนี้ยุ่งๆ ฉันแวะมาทำธุระ มีอะไรมั้ย ส่วนชื่อของนายฉันรู้แล้ว ไม่ต้องมาแนะนำอะไรทั้งนั้นน่ะ

     

    อ๋า...แสดงว่าเซฮุนคงพูดถึงฉันเยอะเลยสิ...ถ้างั้นยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
    ฉันเองก็แวะมาทำธุระแถวนี้เหมือนกัน พวกเรานี่ใจตรงกันนะว่ามั้ย

     

    เด็กหญิงย่นจมูกพลางเบือนหน้าเซ็งๆหนี เมื่อประโยคใจตรงกันชวนยี้ของคิมจงอินพาให้รู้สึกหยะแหยง –

    คำบอกเล่าผ่านริมฝีปกหนาและดวงตาเซื่องๆถึงธุระปะปังของคนผิวเข้มพาลให้หลิวอี้เริ่มนึกถึงเรื่องราวที่ตัวเองเพิ่งประสบมาเมื่อกลางวันหมาดๆ

     

    “ธุระสำคัญ มากสินะ”

     

    “อื้ม... เรื่องงานนิดหน่อย ..
    ที่ฉันเดินมาหานายถึงนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นนายเอาแต่วนเวียนแถวนี้นานแล้ว จะกลับโซลรึปล่าว ไหนๆฉันก็จะกลับโซลพอดี มาด้วยกันสิ”

     

    “ไม่เป็นไร ฉันกลับเองง่ายกว่า...ฉันไม่ชอบกลับกับคนอื่นท่าไหร่”

     

    ผู้ชายด้วยกัน กลัวอะไร...”

    เสียงเนิบลากต่ำก่อนที่ความรู้สึกเย็นเฉียบที่ข้อมือจะเริ่มขึ้น

    และจบลงด้วยการสะบัดออกอย่างรวดเร็ว

     

    “-*-เห้ยมาจับฉันทำไม!!

     

    “เป็นผู้ชายขี้กลัวหรอนายน่ะ ^^ ...

    ดูเหมือนเราอาจจะยังเกร็งๆ......เอางี้มั้ยละ ..ให้ฉันเล่าอะไรให้นายฟังเพลินๆระหว่างเดินไปที่รถมั้ย...

    นายคิดว่าสาเหตุที่ฉันเลิกกับเซฮุนเพราะอะไรกัน---เค้าเคยเล่าให้นายฟังมั่งรึปล่าว”

     

    “ทำไมฉันต้องไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้าด้วยวะ”

     

    “ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับเซฮุนเยอะแยะเลยที่อยากจะคุยกับนาย—ก็แค่อยากบอกเล่าให้นายฟัง

    ถ้าเซฮุนบอกว่าอยากแต่งงานกับนายแบบที่เขาพูดในวันนั้น นายจะได้เตรียมรับมือเอาไว้

    หรือถ้าไม่แน่ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ตอนจบ ...จะได้ไม่เสียใจไง

    เกย์อารมณ์ไม่คงที่หรอกนะหลิวอี้”

     

    อะไรบางอย่างในม่านตาดำสนิทคู่นั้นช่างขวนขนลุก แม้ว่าสีผิวและส่วนสูงระดับมาตรฐานจะทำให้จงอินดูเป็นผู้ชายที่โดเด่นด้วยสรีระที่เพอร์เฟ็ค น่าเข้าหา 

    ก็แค่พูดแทนผู้หญิงโดยรวม
    แต่ไม่รับประกันถ้าหากได้รู้จักกันแล้วนั่นละ
    ....

    ตลอดเวลาหลายนาที คำพูดมากมายเหมือนจะช่วยทำให้บรรยากาศความแปลกหน้าลดลง ทว่่่ากลับยิ่งแย่กว่าเก่า ในเมื่อสิ่งที่จงอินพยายามจะสื่อ ไม่สามารถคาดเดาความหมายและทิศทางได้เลย
    หลิวอี้หยุนรู้สึกเหมือนกำลังถูกแหย่ให้สติขาดผึงผ่านประโยคบอกเล่าวกวน
    เรื่องราวที่แฝงไป
    การดูถูกโอเซฮุน อดีตรักเก่าของเขาที่เคยคบหามาด้วยกันนานแสนนาน

     
    เฮ่อะ...

    เกย์ งั้นหรอ เกย์แล้วไปทำให้พ่อใครตายรึปล่าว??

    -3-

     

    เด็กสาวได้แต่สงสัย ก่อนที่เธอจะตัดสินใจคว้าเป้และข้าวของทั้งหมดเพื่อหาช่วงเวลาพิสูจน์

    ไม่แน่ใจนิดหน่อยว่าการที่ตัวเองลงทุนแบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกส่วนตัวอะไรใดๆทั้งสิ้น

    เป็นเพียงความสงสัยในสิ่งที่จงอินพูด

    ความลับของเซฮุนที่เขาจะเล่า...

    ดูท่าคนฉลาดแกมโกงอย่างผู้ชายแซ่คิมคงจะไม่มาบอกเรื่องราวอะไรใครง่ายโดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งรู้จัก
    แต่อย่างว่าอีกนั่นละ ไม่มีความสำเร็จอะไรที่ได้มาโดยไม่มีการลงทุน
    อย่างดีที่สุดก็แค่ภาวนาไว้ว่าคงจะเป็นอะไรที่ไม่แย่นัก

     

    แม้ว่าร่างกายที่เป็นผู้หญิงยังจะต้องรักษาความลับเอาไว้ แต่การยิ่งโลเลดูท่าว่าจะทำให้จงอินสงสัยเอาได้ 
    การแสดงด้านที่เด็ดเดี่ยวและทะมัดทะแมงอย่างชายชาตรีที่สมจริงดูจะเหมาะสมมากกว่า
    พูดคุยกับคนเจ้าเล่ห์อย่างก็คงต้องยอมเสียสละความขี้ขลาด
    ลูกเต้าคนรวยอยู่ดีๆคงไม่ได้อยากมาญาติดีอะไรกับเธอนักหรอก
    เพียงแค่จ้องมองผ่านม่านตาที่ซุกซ่อนความเลวร้ายนั่นก็ทำให้เข้าใจมากพอแล้ว


     

    อย่ากกลับบ้านกับแอมเบอร์คนหล่อก็จัดมา อยากจะเล่าเรื่องอะไรร้อยแปดพันเก้าก็จัดมา

     

    ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะโอเซฮุน...

     

    ระยะทางจากโซลออกมาต่างจังหวัดไม่นานมากสักเท่าไหร่ เพราะภูมิประเทศของเกาหลีที่ไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนจีน ซึ่งแต่ละมณฑลกว่าจะเชื่อมต่อถึงกันได้ก็ใช้เวลานั่งรถโดยสารกันเป็นวันๆ

    เบาะที่นั่งด้านหน้าของรถฺBMWคันสีดำคับแคบเรียกได้ว่าไม่ได้สบายเหมือนอย่างที่เด็กสาวเคยจินตนาการเอาไว้ยามที่เห็นมันจอดตามโชว์รูมรถต่างๆ แถมหน้าปัดบอกแรงขับก็พุ่งพรวดๆตลอดเวลาจนหูตาสว่าง ดวงตาของชายหนุ่มสอดส่ายซ้ายขวาเพื่อระวังรถด้านข้างอย่างจริงจังโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว


    ต่างจากที่หลิวอี้คิดเอาไว้ว่าคงจะได้รู้อะไรดีๆบ้าง

    การรอคอยยนานแสนนานมีเพียงแค่คำพูดสั้นๆ

     

    “หิวรึปล่าวนายอะ”  // เซฮุนมีความลับอะไรกันแน่”

    =_=

    คำถามที่จุกรอมาสักพักถูกยิงออกไปราวกับปืนกระบอกใหญ่ที่ง้างไกเตรียมเอาไว้

    อาการลุกลนของผู้โดยสารด้านข้างทำให้คิมจงอินกระตุกยิ้มเล็กๆพร้อมกับรถชะลอความเร็วลงเมื่อถนนด้านหน้าส่งสัญญาณไฟแดง

    ชายหนุ่มเลยมีเวลามากพอที่จะหันมาตอบคำถามคู่กรณีของตัวเองที่กำลังเฝ้ารอคำตอบด้วยสีหน้าฉุนเฉียว

     

    “ ไม่หิวก็ดีแล้ว ฉันจะบอกว่าฉันมีที่หนุนคออยู่ เห็นนายนั่งไม่สบาย

    ใช่สิ อีกอย่างนึง”

     

    “....”

     

    หลิวอี้กำลังรู้สึกเหมือนได้ดูฉากในซีรีย์สักเรื่องที่เคยเห็นออนแอร์ในKBSเมื่อสองปีที่แล้ว

    .....

    เสียงของจงอินทิ้งช่วงก่อนที่มือหนานั่นจะเอื้มโอบตัวของเธอเอาไว้เพื่อดึงเอาเซฟตี้เบลที่ยังไม่ได้ถูกใช้งานให้ลากยาวออกมาคาดจนล็อคตัวได้พอดี

    มันไม่นับกับการใช้ใบหน้าเรียบนิ่งยื่นเข้ามาอ้อยอิ่งไกล้ๆกับสันจมูกคมๆของเธอซึ่งนับระยะห่างเพียงสองสามนิ้วเท่านั้น

    ม่านตาที่จับจ้องอยู่บริเวณตัวล็อคเริ่มเบนกลับมามองใบหน้าบึ้งตึงของเด็กสาวระยะประชิด

     

    บางทีเค้าก็ชักรู้สึกคุ้นหน้าๆหลิวอี้หยุนขึ้นมาตะหงิดๆ

     

    กลิ่นน้ำหอมฉุนกึ้กทำเอาหลิวอี้แทบอยากจะกระโดลงและซัดหน้าไอ้มนุษย์ประหลาดนี้สักสองสามหมัด

    ทว่า สัญญาณไฟเขียวกลับมาอีกครั้ง พอกับจังหวะของร่างสูงที่เอี้ยวตัวกลับไปทำหน้าที่คนขับเหมือนเดิม

     

     

    “เซฟตีเบลสำคัญมากสำหรับคนเหยียบ160แบบฉันนะ— ถ้านายไม่ใส่เกิดอะไรขึ้นระหว่างนี้ฉันไม่รับผิดชอบ”

     

     

    “ถ้าคิดจะทำตัวเป็นพระเอกหนังเกย์แบบเมื่อกี้อีก ฉันจะถ่มน้ำลายใส่คอนโซนรถหรูนายแน่ๆคิมจงอิน...”

    ความโมโหปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ฟังอะไรต่อยืดยาวนัก
    ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหาเงินซื้อข้าวให้เธอกินยิ่งไปใหญ่

    แค่รู้สึกหน้าโง่ที่พลาดเอาซะแล้ว ทุกอย่างกำลังบ่งบอกว่าเธอถูกหลอกด้วยเหตุผลบางประการที่ทำให้จงอินเสแสร้งมีน้ำใจชักชวนหลิวอี้ให้กลับบ้านด้วยรถของเขาเอง

     

    บางครั้งก็พาลคิดไปว่าถึงเซฮุนจะเป็นผู้ชาย(ที่จิตใจเป็นหญิง)

    แต่ยังไงซะเจ้ามะเขือหน้าซีดนั่นก็ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยกว่าเป็นไหนๆในสถาณการณ์เดียวกันอย่างนี้

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า...นายคงไม่รู้สินะ..แฟนคนปัจจุบันฉันเป็นผู้หญิง จองซูจองไงล่ะ

    ฉันเลิกสนใจอะไรทำนองนั้นมานานามากแล้ว—

    ฉันอาจจะบอกให้นายระวังตัว ถ้านายเป็น ผู้หญิง ที่โดยสารมากับฉัน

    แต่ในเมื่อไม่ใช่....ก็สบายใจได้

    อ่า..ใช่สิ นายก็เหมือนเซฮุนนี่นา...หรืออาจจะหวั่นไหวกับฉันเข้าซะแล้วล่ะ”

    ..

    “เมื่อกี้พูดว่าไงนะ..”

     

    “...อย่าสนใจเลย นั่งต่อเถอะ...ใกล้ถึงแล้ว นายจะลงไหน..แยกหน้านู่นคอนโดเซฮุนละนะ นายนอนกับเขารึปล่าวละ..”

     

    “ถอนคำพูดที่ว่าเซฮุนเมื่อกี้เดี๋ยวนี้!”

     

    “ตกลงบ้านนายอยู่ไหน ฉันจะได้” 


    “ไอ้ดำ---ถอนคำพูดที่ว่าเซฮุนมันเดี๋ยวนี้ หูตึงรึไง!!??

     
    แน่นอนว่ามีหรอที่คนอย่างคิมจงอินจะไม่รู้สึก


    “..............ไม่ต้องพยายามเป็นพระเอกนักหรอก
    เธอน่ะ...”

     
    เรื่องนั้นรู้อยู่แก่ใจดี

     

    “หึ.....ฉันทำเพราะฉันเป็นมนุษย์ที่ยังพอรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราต่างหาก ไอ้... โอ้ย!!..จอดโว้ย!! ก่อนที่ฉันจะต่อยนาย!!!จอด!! ฉันจะลงมันตรงนี้ละ!!!

     

    รถคันสวยหักหลับกระทันหันเข้าเลียบฟุตบาทกระทั่งของทุกอย่างด้านหลังเทกระจาดไปรวมกันด้านข้างจนหมด ทันทีที่เกิดความโกลาหลย่อมๆขึ้นจากการก่อนกวนของหลิวอี้ ดูท่าว่าการขับเคลื่อนของคิมจงอินจะไม่สามารถดำเนินต่อไปอย่างปกติสุขได้อีก

    อารมณ์ที่ปั่นป่วนของเด็กสาวกำลังจะระเบิดออกในไม่ช้า


    นอกจากจะรู้สึกอยากด่าตัวเองที่โง่เชื่อขึ้นมาแล้ว กลับยิ่งรู้สึกเหมือนเล่นเกมส์แพ้แบบขาดทุนอย่างย่อยยับเพราะสาเหตุที่ยังหาคำตอบไม่ได้

    สีหน้านิ่งๆและแววตาไม่เต็มตื่นของเขายังคงทอดยาวด้วยมือสองข้างที่สัมผัสเอาไว้บนเกียร์รถ ปล่อยให้หลิวอี้ดิ้นพรวดพราดหอบข้าวของมากมายของตัวเองไปกองยังพื้นฟุตบาทด้วยคำสบถด่าทอนับล้านระหว่างนั้น


    คิมจงอินไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรมากนัก เพียงแต่เดิมเขาไม่ได้มีแผนอะไรด้วยซ้ำกับการที่ชักชวนให้หลิวอี้นั่งมาด้วย
    มีแค่เพียงความนึกสนุกบวกกับความสงสัยที่ยังค้างคาในใจระหว่างความสัมพันธ์ของเซฮุนและคู่ขาคนใหม่ที่กลายเป็นผู้หญิง ถึงแม้พวกเขาสองคนบอกว่าจะแต่งงานกัน แต่เท่าที่เขารับรู้ โอเซฮุนกลับป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่าหลิวอี้เป็นเด็กผู้ชาย

     

    ถึงไม่สามารถหลอกล่อให้หลิวอี้หยุนเปิดเผยความลับเรื่องราวเหล่านั้นได้ก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกสนุกเสียมากกว่าผิดหวัง

     

     

    “อ้อนี่.....เซฮุนก็ไม่มีทางชอบเธอจริงๆหรอก ..แอมเบอร์ ฉันแค่หวังดี

    ฉันไปก่อนละ ยังไงก็หาทางกลับต่อเอาแล้วกันนะ ^^

     

     

    รถคันสีดำเคลื่อนตัวด้วยเสียงอึกทึกเหมือนเครื่องจักรโรงงานใหญ่ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดโต้ตอย

    สร้างลมหนาวๆแบบพายุขนาดย่อมพัดวูบเข้าปะทะใบหน้า..

    เสี้ยววินาทีเท่านั้น ราวกับว่าอันตรธานหายไป.... พร้อมๆกับอีกเสียงหนึ่งที่เข้ามาทดแทน...

    ใครบางคนตรงหัวมุมถนนและน้ำเสียงที่คุ้นเคย

    ....

    ....

     

    ....

    “หลิวอี้------นั่นเธอรึปล่าว.!?

     

     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

     

    เซฮุนก็ไม่มีทางชอบเธอจริงๆหรอก...

    ไม่มีทาง..

     


    เรื่องนั้น..ฉันไม่เคยแคร์อยู่แล้วละ --ฉันทำเพราะเงินนี่...

    ...

    .....

    .....

    365วันไม่ได้ยืดยาวสักเท่าไหร่ถ้ามานึกๆดูอีกที

    อย่างเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา ก็ถือว่าไม่ได้เนิ่นนานอะไร
     

    ฉันกำลังย่ำเท้าบนถนนฟุตบาทๆแห้งในฤดูที่แปรปรวน หลังทั้งหมดเริ่มปวดไปทั่วเพราะความหนักจากข้าวของที่ขนไปขนมา ขนมนมเนยที่เตรียมซื้อเอาไว้ยังคงครบถ้วนสมบูรณ์

    อย่างว่า...

    ไม่มีใครจะให้แล้วนี่

    ที่สำคัญ ฉันกำลังหงุดหงิดเหมือนตัวจะแตกออกมาเลย ...พยายามมองข้อดีแล้วนะ แต่มันกลับไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่นิด ฉันเดินทางมาถึงโซลภายในเวลาไม่ถึง1ชม.อะไรทำนองนี้ ในใจกลับรู้สึกหวิวๆแปลกๆเหมือนอยากจะทำร้ายร่างกายไอ้มืดนั่น
    แบบนั้นอาจจะหาย

    ฉันคงอยู่กับเซฮุนมากไปจนรู้สึกถึงความรักที่เขารักษามันเอาไว้

    เวลาจงอินพูดอะไรเลยรู้สึกราวกับว่ากลายเป็นเซฮุนซะเองที่ได้ยินอยู่

    น่าโมโหนัก ผู้ชายที่เคยกินตุ้ดกินเกย์แต่พอเลิกเสือกมาดูถูกเขาลับหลัง—

     

    ฉันได้แต่สงบสติ เป่าลมออกปากอยู่แบบนั้นตลอดทางเพื่ออารมณ์ที่ดีขึ้น กระทั่งมาถึงคอนโดในที่สุด
    ทางเข้าที่มีกระจกใสกั้นเอาไว้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

    มันกลายเป็นบ้านของฉันไปแล้วสินะ...=_= เมื่อไหร่กันที่จะได้ไปพ้นๆสักทีละ

     

    AMBer…

     

    -_-

     

    กระตุกพวงกุญแจต้นเหตุออกเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

    ทำไมต้องรู้สึกว่าจงอินรู้อะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ชื่อจริงของฉันบนพวงกุญแจทำมือนี่อาจจะเป็นสาเหตุ

     

    แอมเบอร์...... แอมเบอร์

     

    ชื่อบ้านี่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนกระชากหน้ากากออกมาเลย

    เห้อ....

     ...

    ...

     

    “.....บนถนนเมื่อกี้เธอไม่ได้ยินที่ฉันเรียกรึไง..”

    เสียงของใครบางคนจากด้านหลังระหว่างเฝ้ารอตัวเลขชั้นของลิพท์ที่ค่อยๆเลื่อนต่ำลงมา...

    ใบหน้าซีดๆและผมสีน้ำตาลเข้มของโอเซฮุนดูไม่ชินตาสักเท่าไหร่ สภาพเด็กชายในส่วนสูงร่วมสองเมตรกำลังพยายามทรงตัวด้วยมือข้างหนึ่งของเขาที่ยันกับต้นไม้ปลอมต้นใหญ่ไม่ไกลกันนัก

    กลิ่นโซจูบนร่างกายของเจ้าเด็กโง่นี่แรงจนกลบกลิ่นน้ำหอมจนหมด ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน ที่แน่ๆเขาเพิ่งจะกลับเข้ามาเหมือนกัน หากสังเกตจากสภาพ ชุด และร่องรอย

     

    “เรียกบ้าอะไร ฉันพึ่งจะมาถึง พึ่งจะเจอนายครั้งแรกของวัน พูดอะไรไม่รู้เรื่อง นายเมาแล้ว เรียกสติหน่อย”

     

    “เธอไปไหนกับจงอินมางั้นหรอ....”

    น้ำเสียงจากใบหน้าป่วยๆนั่นกำลังทำให้ฉันอกแตกตายอีกครั้งหนึ่ง...

    หมอนี่ไปเห็นตอนไหนวะเนี่ยะ โอ้ยทำไมซววยแบบนี้นะ!!

    สมองของฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้อีก คำพูดที่สรรหามาแก้ตัวเลยเข้าข่ายห่วยแตกบรม

     

    “ฉันไม่ได้ไปไหนมากับไอ้ดำทั้งงั้นอะ...เมาแล้วตาฝาดอะดิ”

     

    พูดจบไม่วายเบนความสนใจให้ออกไปยังหน้าต่าง...ตัวเลขลิพท์ที่ลดทอนต่ำลง ...หรือไม่อะไรก็ได้รอบๆตัวอย่างเสแสร้งเพราะลืมนึกถึงสิ่งสำคัญไป ถ้าเซฮุนมาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่

     

    โอเซฮุนสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่เหมือนกับคนกำลังเหนื่อย..

     

    “ฉันจำป้ายทะเบียนยันสีรถได้----เธอจะยังโกหกฉันอีกใช่ไหม เธอลงจากรถเขามากับไอ้ของบ้าๆพวกนี้ โทรถามจื่อเทามั้ยละ พิสูจน์ว่าฉันเห็นถูกต้อง!!?

    คำอธิบายชวนให้ความรู้สึกของฉันกระตุกวูบไปจมอยู่ที่ตาตุ่ม...เหมือนเหตุการณ์วันนี้สวรรค์ไม่เข้าข้างเท่าไหร่นัก บรรยากาศเริ่มแย่ลงเรื่อยๆทันทีที่ลิพท์ลงมาถึงชั้น1 ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการที่เราสองคนก้าวเข้าไปอาศัยในตู้สี่เหลี่ยมแคบๆสองต่อสอง...

    ถึงสองขาของเซฮุนจะดูโงนเงน ทว่าดวงตาของเขามันค่อยๆเย็นชาลงเรื่อยๆจนน่ากลัว

     

    “ถามจริง นายไม่เคยคิดจะคุยเหมือนคนปรกติกับฉันบ้างเลยรึไง นอกจากหาแต่เรื่องมาให้ทุกวันๆน่ะ หา!?

     

    ฉันพูดกับเซฮุนที่พุ่งพรวดเข้ามาที่หลังจากความรู้สึกส่วนลึก.... ถึงจะบอกว่าพูดกับคนเมาไม่มีประโยชน์

    ยังไงซะก็คงต้องได้ระบายออกไปสัหน่อยก็ยังดี อาจจะดีด้วยซ้ำถ้าหากฉันหลุดด่าอะไรออกไปแล้วเขาจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง จำบ้างหลงลืมบ้างเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง..

    ความเหนื่อยล้ามันทำให้ฉันไม่มีอารมณ์จะต่อกลอนกับใครได้อีกแล้ววันนี้

    ...

    ดูเหมือนฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตกค้างจะทำให้เขาเอาแต่อึกอักอยู่ในลำคอ

    ...

    แขนแข็งของร่างสูงด้านข้างเริ่มยกขึ้นพาดไหล่เตี้ยของฉันอย่างถือวิสาสะ มันหนักอึ้งทั้งๆที่แบกรับเป้ใบโตอยู่... ราวกับว่าเขากำลังจะลงไปนั่งกองกับพื้นแต่พยายามฝืนตัวเองให้ยืนด้วยขาสองข้าง

     

    เห้อ..

     

    “เธอคงชอบจงอินสินะ....เธอกับเขาหักหลังฉัน...เธอบอกเขาละสิเธอเป็นผู้หญิง..แบบนี้นี่เอง

    เธอขนของจะย้ายออกก็เพราะแบบนั้น...เพราะฉันเป็นผู้ชายไงละ ทำให้ตายยังไงจงอินก็ไม่กลับมา ...”

     

    เสียงทุ้มแปร่งไร้ความมั่นใจโดยสิ้นเชิง

    จริงอยู่ฉันไม่เห็นใบหน้าของเขาอีก เพราะเซฮุนเอาแต่ก้มหน้าและทำตัวโอนเอน ถึงเขาจะค่อยๆพร่ำบ่นออกมาอย่างเพ้อเจ้อ ฉันกลับรู้สึกเจ็บปวดลึกๆอย่างช่วยไม่ได้กับถ้อยคำตัดพ้อเหล่านั้น

    ทำไมเพศถึงเป็นตัวปัญหานักละ

    เรารักใครสักคนทำไมจะต้องเลือกด้วยว่าเขาเป็นแบบไหน หรือเป็นใคร

    รักก็คือรักแค่นั้น..

    แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมไปหน่อยหรอ

    ......

    “ฟังฉันนะเซฮุน----ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันไม่มีทางชอบไอ้ดำนั่นโอเคมั้ย..

    วันนี้ฉันกลับไปที่คยองกี บ้านเด็กกำพร้าที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง..แล้วบังเอิญเจอจงอิน เขาหลอกว่าจะพูดคุยเรื่องนายกับฉัน ฉันเลยตกลงกลับมาด้วยกัน มันไม่ได้มีอะไรนอกนั้นเลย”

     

    ค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น พลางกระชับแขนข้างหนึ่งของเจ้าตุ้ดเอาไว้เพื่อประคองไม่ให้เขาลงไปกองกับพื้นระหว่างนั้น  ร่างกายของเซฮุนเริ่มเย็นเฉียบในขณะที่ความเงียบเขาครอบคลุม

    ตัวเลขสีแดงบ่งบอกชั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ...

    วันนี้เขาคงนัดจื่อเทาออกไปแฮ้งเอ้าท์ที่ไหนสักแห่ง...ความจริงแล้วถ้าฮวางจื่อเทาเป็นคนดีขึ้นมา

    การที่เซฮุนเปิดรับใครบ้างอาจจะทำให้เขาเจ็บปวดน้อยลงกว่านี้

    ถ้าจื่อเทาไม่ได้พูดคุยกับเซฮุนเพราะประธานโอก็คงจะดีสินะ

     

     

    ฉันคงทำได้เพียงแค่คุยกับสาระร่างไร้วิญญาณแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

     

     

    “ถึงยังไงซะ...คงเหมือนที่จงอินบอก...

    เพราะฉันเอง..ก็คงไม่มีวันที่จะเป็นผู้ชายได้จริงๆแบบที่นายต้องการ...

    ฉันถึงปลอดภัยกับนายที่สุดสินะ.. ถูกมั้ย...โอเซฮุน....”

    .

    ให้โลกแตกได้นายก็ไม่มีวันชอบฉันอยู่ดี...






    TBC



    ไม่รู้จะพูดอะไรดี แงงงงงขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้น ฮี่ๆ
    ^^รีบแวะมาอัพช่วงตีสองตีสามเป็นเวลาดี555555555 เวลาที่พิมพ์ผิด และบรรยายฟิคกากสุด 
    #ให้อภัยติ่งมือใหม่ฟิคชายหญิง TOT เจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้นะคะ จะแวะมาอัพ
    แท่กในทวิตเตอร์ไว้เม้ากับเค้าได้นะตะเอง  แค่แท่ก ฟิค #บอก ^[++++]^ ยิ้มกว้างง
    ขอตัวไปนอนก่อนน้าา เจอกันตอนนหน้าจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×