ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    because i'm A GIRL [Sehun x Amber]

    ลำดับตอนที่ #2 : Cp1* 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 421
      1
      2 ส.ค. 56

     

    -1-









    “เลิกกันเถอะ  พอได้แล้วกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ ถือว่าฉันขอนายเถอะนะ อย่าเจอกันอีก”




    “อะ...จงอิน---นายว่ายังไงนะ เห้ย นายฟังสิ ได้ยินฉันมั้ย อย่าเพิ่งไป~!!! หรือ...




    หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น
    !??

     ...
    ...
    ..

    ...

    แหง
    ก็ผู้หญิงนี่นา...
    ..
    ..
    ..

     

    ผมเฝ้าจ้องมองแอลกอฮอล์สีใสในแก้วทรงสูงที่ตัวเองโอบจับเอาไว้อยู่ในมือ พลางคิดทบทวนคำพูดที่ยังคงกึกก้องอยู่ในโสตประสาทไม่จากไปไหน ประโยคบอกเลิกที่ดูง่ายดายของผู้ชายที่ผมคบหาด้วยเป็นเวลา6เดือนกับอีก25วัน

    มันจบลงไปเพียง5นาทีของเมื่อวานนี้

    ความรักที่เราเคยมอบให้กันอย่างหวานซึ้งก็สิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน

     

    คิมจงอินเป็นนักศึกษาจบใหม่ของของมหาวิทยาลัยโซลที่ทำงานด้านดนตรีอยู่ในบริษัทยักใหญ่แห่งหนึ่งในกังนัม เพราะรุปร่างที่สูงโปร่งและผิวสีแทนเข้มนั่นทำให้เขาโดดเด่นกว่าผู้ชายคนไหนๆที่ผมได้สานสัมพันธ์มา ดวงตาสีนิลที่ยากจะเข้าถึงเมื่อยามจ้องมองกับริมฝีปากกระจับอิ่มชวนหลงใหลทำให้ผมรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

    ถ้าหากการจบลงของเรามันมากจากผู้หญิงคนนึงที่ถือได้ว่าเป็นขวากหนามที่ผมหวาดกลัวมากที่สุดคนนั้น

     

    จองซูจอง”

     

    เด็กสาววัย19ที่มีผิวพรรณขาวสะอาดดูตัดกันกับเส้นผมพลิ้วไสวดุจแพรไหม แขนขาวผอมยาวราวกับนางแบบเป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มหลายๆคน ผมจำได้ว่าจงอินเคยคบหากับซูจองเป็นเวลาหลายปีก่อนที่เราจะมาเจอกัน

    แต่เพราะเด็กสาวต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา ความรักของเขาทั้งคู่จึงจบลงไป

    ผมไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้น อดีตคนรักของผมจะรู้สึกเจ็บปวดหรือหดหู่มากมายขนาดไหน

     

    ผมคิดกลัวมาตลอดถึงความรู้สึกที่ผิดแปลกแบบนี้ มันจะไปได้นานสักเท่าไหร่

     

    ไม่นานเกินรอ แล้วมันก็กลายเป็นความจริงเมื่อจองซูจองหวนคืนสู่ในที่ที่ควรเป็นของเธออีกครั้ง

     

    ผมกับจงอินเจอกันครั้งแรกเมื่อสมัยที่คุณพ่อได้ไปติดต่องานในด้านธุรกิจโรงแรมของครอบครัวเราให้เป็นสปอนเซอร์หลักของค่ายเพลงที่จงอินทำงานด้วยอยู่ อาจจะเพื่อเป็นพักให้กับศิลปินของค่ายSส่วนหนึ่งที่อยู่ในจีน

     

    ใช่แล้วครับ

     

    ครอบครัวของผมทำธุรกิจด้านการโรงแรม โรงแรมThe Shilla Seoul ที่มีสาขาหลายที่ทั้งในเกาหลีใต้และในจีนแผ่นดินใหญ่ ครอบคลุมไปถึงฮ่องกง  กิจการของตระกูลโอดำเนินมากว่า40ปี ตั้งแต่รุ่นคุณปู่เรื่อยมา ด้วยกิจการที่เก่าแก่เหล่านั่นทำให้พ่อหวังในตัวผมมากกว่าสิ่งอื่นใดทันทีที่ได้เรียนจบ

    ผมเหนื่อยหน่ายที่จะต้องติดสอยห้อยตามพ่อเพื่อเรียนรู้งานด้วยในทุกๆที่

    จนกระทั่งมาเจอเขา คนที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ความขยันภายในตัวของโอเซฮุนนั้น  มีอยู่มากมายขนาดไหน

    คงจะดีกว่านี้ถ้าเรายังคงอยู่เคียงข้างกันเหมือนเช่นแต่ก่อน

    แย่ชะมัดเลย..

     

    น้ำอุ่นจากดวงตาที่บวมตุ่ยกำลังไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างของผมอย่างช่วยไม่ได้ เพราะความรู้สึกผิดหวัง เจ็บปวดที่ยากเกินจะทนไหวถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์สีใสในมือ

     

    “เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ โอเซฮุน”

     

    มันคงจะเหมือนฝันสินะ ผมอาจจะกำลังนอนหลับอยู่แล้วก็ได้ ราวกับว่าผมได้ยินเสียงเพรียกของชายหนุ่มที่ผมรักมากที่สุดกำลังปลอบประโลมไอ้คนขี้แยอย่างผมให้สงบลง

    ใบหน้าคมคายเบื้องหลังหยดน้ำรื้นในดวงตาค่อยๆชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ 

    มือหนักวางทาบบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของผมเพื่อลูบไล้ราวกับช่วยขับไล่ความคิดว้าวุ่นเหล่านั้นให้เริ่มจางหายไป

     

    “ทำไมนายต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย จงอิน...”

     

    ผมได้แต่คร่ำครวญเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังเคลื่อนตัวเขามาเรื่อยๆจนร่างกายของราแนบชิดกันบนโซฟากว้างที่ผมจองเอาไว้นั่งดื่มแต่เพียงผู้เดียว


    ลมหายใจร้อนรดรินลงที่ปลายจมูกจนประสาทสัมผัสทั้งหมดบนใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด หัวใจดวงน้อยๆใต้เสื้อเชิ้ตสีดำกำลังเต้นไม่เป็นระส่ำทันทีที่ความนุ่มหยุ่นบริเวณริมฝีปากของเราเข้าหากัน

    ลิ้นร้อนทำงานตามธรรมชาติราวกับควานหาอะไรบางอย่างในนั้นอย่างหืดกระหายมาแสนนาน

     

    ผมไม่เคยจูบกับใคร

     

    ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว


    เฟิร์สคิสสิแสนอ่อนหัด..

     

    อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่ร่ำร้องหาเขามากจนเกินไป




    “ออกไอเอี๋ยวอี้!!!!!

     

    ว่ายังไงนะจงอิน

     

    ราวกับเสียงตะโกนจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลแสนไกลดังแว่วขึ้น .......เขากำลังพูดคุยกับผมงั้นหรอ หรืออะไรกัน


    “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไอ้เวร!!!!!!  แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงวะหา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


    ผลั่ว!!!!

     

    >O<#

    โอ้ย

     

     

    สุดท้ายเราต้องผละออกจะกัน


    ภาพคนด้านหน้าดูพร่าเบลอยากที่จะจับใจความ ดวงตาที่ต้องการการปรับตัวทำให้ลืมขึ้นยากกว่าปรกติ แสงไฟวูบวาบภายในผับทำให้ผมรับรู้อะไรได้บางอย่าง


    ใครสักคนตรงหน้าไม่ใช่คิมจงอิน..


    เมื่อทุกอย่างกลับมาชัดเจนเพราะรอยแสบบนแก้มซีดที่ร้อนวูบวาบไปทั่ว ผมได้แต่ยกมือที่อ่อนแรงขึ้นสำผัสรอยระบม เด็กผู้ชายตัวกระจิ้ดนึงกับใบหน้าคมกำลังจ้องมองมาที่ร่างไร้สติของผมด้วยแววตาดุเดือด ผมสีดำสนิทของเจ้าหมอนั่นชุ่มไปด้วยเหงื่อ สองแก้มเป็นสีแดงระรื่อพอๆกับผมที่ขึ้นรอยเห่อจากแรงตบ

     

    “นายกล้าดียังไงวะ กล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    มือเล็กกระชากคอเสื้อผมขึ้นจนลอยถึงแม้ว่าเนื้อตัวสูงโปร่งของผมจะไม่ได้ขยับตามด้วยแรงน้ำหนัก

     

    เห่อะ..

    น่าขันสิ้นดี

    นี่ผมเมาหัวราน้ำเลยสินะ ถึงได้เพ้อเจอหูหนวกตาบอดได้ขนาดนี้

     

    “อยากตายใช่ไหม  อยากตายใช่ไหม!!!!

    เสียงแหบตะโกนดังลั่นแข่งขันกับเสียงเพลง แต่ทว่าผมเองกลับได้แต่ยิ้มหยันด้วยอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน  ดวงตากลมโตนั่นสีดำสนิทเมื่อมองทะลุผ่านเข้าไปภายใน รูปร่างที่เตี้ยม่อต้อทำให้ผมอดขำไม่ได้ว่าตัวเองไปจับไอ้เด็กขาดสารอาหารที่ไหนมาปู้ยี้ปู้ยำแทนจงอินเมื่อครู่

     

    แต่นั่นมันเป็นเพียงการเริ่มต้น วันที่ผมเจอกับเธอครั้งแรก....
    ...


    ..

    ..
    ..(.40%ที่เหลือค่ะตื่นมาลงต่อ แห่ะ แห่ะ-_,-)
    ..



    “-[]-วันนี้เราต้องเดทกันนะ นี่ ฉันบอกแล้วว่าเธอห้ามหยิบผ้าขนหนูบนราวนั้นไปใช้แบบนั้นมันสกปรก!!!

     

    “=[]=ทำไมฉันจะใช้ไม่ได้ นายมีผ้าตั้งกลายผืน แบ่งให้ฉันใช่มั่งเซ่!!!

     

    “=O=ฉัน! รัง! เกียจ!! สิ่ง!ที่!ผู้หญิง!!ใช้!!! โอเคนะ”

     

    “>[]<ฉันไม่สกปรก!!! ถ้าอยากให้เขากลับมารักตัวเองละก็ ช่วยหัดเป็นคนมีมารยาทกว่านี้จะดีมากนะ คุณโอเซฮุน!!” ฉันยังคงตะเบ็งเสียงปาวๆๆๆ จนไม่อยากจะคิดว่าถ้าตัวเองมีลูกกระเดือกปูดโปนเหมือนไอ้ขรัวนั่นมันจะวิเศษณ์ขนาดไหน

    อ่า...

    ฉันคงร้องโวยวายได้ดังราวๆลำโพงงานวัดสักสามตัวเรียงกันแน่ๆ

    ทำไมฉันต้องมาเล่าเรื่องอะไรของตัวเองให้คนอื่นฟังด้วยนะ ไม่เห็นจะน่าสนุกสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ไอ้ตุ้ดเด็กนี่เป็นนายจ้างงของฉัน แล้วฉันก็เป็นลูกจ้างของเขา เรากำลังทำเรื่องประมาณว่าเป็นคู่เดทชายรักชายอะไรทำนองนั้นกันอยู่เพราะเจ้านายแอ้บแมนของฉันมีเหตุผลสำคัญระดับชาติ ด้วยความต้องการอยากจะให้แฟนเก่ากลับมาคืนดีนะสิ อีกอย่างนึง เพราะความเข้าใจผิดจากรูปพรรณสันฐานของฉันที่ดูจะถึกทึนเกินไปสักหน่อยเมื่อครั้งแรกเจอกันทำให้เขาตกลงปลงใจจ้างฉันเข้ามาทำงาน

     

    วันที่เด็กเร่ร่อนอย่างฉันได้ลาออกจากการทำงานที่บาร์เบียร์ของพี่ดงซิคอย่างเป็นทางการ

     

    แลกกับ1จูบรสชาติห่วยๆ

     

    การปะทะคารมกันภายในวันนั้นจุดประกายอะไรบางอย่างในหัวสมองแคบๆของเจ้าตุ้ดนี่ให้รู้สึกว่าฉันเหมาะเหม็งที่จะเข้ามาเป็นบัดดี้ของเขา

     

    เพราะ1 ฉันเหมือนผู้ชาย

    2 ฉันเป็นผู้หญิง

     

    เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

    1 ผู้หญิงก็จะเป็นฝ่ายเสียหาย

    2 เรื่องประมาณอย่างว่าไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่ๆ

    เพราะ ฉัน...

    “เป็นผู้หญิง”

    เพราะเค้า

    “เกลียดผู้หญิง”


    เจ้าเด็กเมื่อวานซืนนี่พูดเสมอว่าผู้หญิงคือตัวอันตราย ดูเหมือนสาเหตุจะไม่ได้มาจากอะไรที่ซับซ้อนนัก คงเพราะคนที่แย่งแฟนสุดหล่อมาดแมนแฮนซั่มของเขาไปก็คือหญิงสาวอรชรอ้อนแอ้นนางนึงซึ่งในความคิดของฉันเองเธอก็แลดูไม่ได้มีพิษภัยอะไรสักเท่าไหร่

    ฉันเคยเห็นสาวคนนี้หลังจากที่เราควงกันไปในงานเปิดเพลงของบริษัทค่ายเพลงที่อิตาจงอินอะไรนั่นทำงานอยู่นั่นล่ะ ดูเหมือนว่าจงอินจะตกใจเล็กน้อยที่ฉันกับเซฮุนแสดงท่าทีสนิทสนมกันตลอดเวลาราวกับเป็นคู่รักเมื่อยามที่เดินทักทายผู้อื่นในงาน

    แน่นอนว่าเซฮุนก็ยังคงรักษาภาพพจน์หน้าตาของครอบครัวเจ้าของธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างดี ด้วยการอ้างว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และสนใจดูงานด้านวงการบันเทิงของเกาหลี

     

    งานวงการบ้าบออะไร ความจริงฉันไม่ได้เรียนมหาลัยต่อด้วยซ้ำ -3-

    สิ่งที่ฉันถนัดที่สุดไม่ใช่วิชาประวัติศาสตร์เกาหลี หรือภาษาเกาหลี

    แน่นอน ฉันไม่ใช่คนเกาหลีนี่นา...


    ถ้าจะให้ชัวร์ๆ

    วิชาคณิตศาสตร์ต่างหาก พวกคิดคำนวณตัวเลขอะไรทำนองนี้ ฉันคิดว่าพรสวรรค์พวกนี้น่าจะติดมาตั้งแต่ฉันโผล่พ้นท้องแม่ออกมาแน่ๆ เหตุผลที่ให้มาพร้อมๆกับความอ้างว้างไร้คนรักและเอ็มดูเหมือนเด็กคนอื่นๆ

    มีเพียงคุณป้าผู้ดูแลสถานสงเคราะห์บอกเพียงว่าฉันเป็นเด็กตัวเล็กแม่ชาวจีนได้เอามาฝากไว้ เพราะพ่อที่เป็นคนเกาหลีแท้ๆได้หายตัวไป

    แม่อาจจะจนปัญหาในการหาเลียงเด็กผู้หญิงที่เธอให้กำเนิดมา..

     พระเจ้าคงรู้ดีกว่าใครๆว่าฉันจะต้องมีเส้นทางชีวิตที่ตกอับในอนาคตละมั้ง ท่านเลยประทานวิชาคำนวณเป็นกรดมาทดแทนสิ่งที่ฉันควรจะมีเหมือนเด็กๆคนอื่นๆ จากชีวิตบัดซบอันแสนอดอยากนับตั้งแต่แม่ทิ้งไปเมื่อ10กว่าปีก่อน แทนที่ที่ได้อิสระออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นที่เรียบร้อย โลกภายนอกก็เริ่มทำให้ฉันรู้จักการค้าขาย การรับจ้าง และการทำงานเลี้ยงตัวเองทุกๆวิถีทางมาตั้งแต่เด็ก

     

     

     

    ให้ตายสิ เขาแต่งตัวอยู่ในห้องของตัวเองมาได้ชั่วโมงกว่าๆแล้วทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ

    =_=

    ที่ว่าห้องของเขาน่ะ

    อันที่จริงที่สถานที่ซุกหัวนอนของเราทั้งสองคนมันก็ไม่ต่างอะไรจากห้องสูทรขนาดไหญ่ที่สร้างและตกแต่งไว้อย่างดีภายในคอนโดหรูแห่งนึงในกังนัม ภายในมีห้องซอกซอยเล็กๆยิบย่อย  เขาตกลงแบ่งห้องเก็บของขนาดไม่กว้างนักแต่ก็พออยู๋ได้ให้เป็นโซนพื้นที่ของลูกจ้างประจำที่ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างฉันได้อาศัย

     

    อ่า...เพราะฉันไม่มีหัวนอนปลายเท้า

    เส้นทางของชีวิตเลยไม่ได้มีให้เลือกมากนัก

    ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นๆก็คงไม่กล้ามาอาศัยร่วมกับชายหนุ่มสองต่อสองแบบนี้ถึงแม้ว่าเขาจะยืนกรานแล้วก็ตามว่าเป็นเพศทางเลือกก็ตามที

    ทำไงได้ ข้อเสนอมันล่อตาล่อใจ ค่าห้องที่ค้างเอาไว้ฉันก็จะได้ถูกปลดหนี้ แถมได้ห้องนอนใหม่  ภายในห้องหับสะอาดๆ ยังสามารถจิ้กของกินแพงๆในตู้เย็นสามประตูนั่นได้ทั้งวันอีกต่างหาก

    ก็แค่แลกกับการไปกินข้าวด้วย เดินด้วยกัน เสแสร้างแกล้งพูดจาฮะๆครับๆให้เจ้าดำนั่นเข้าใจผิด ทนฟังคำพูดจาน่ารำคาญอีกสักหน่อยๆ

    ถือว่าสบายมาก~…ง่ายกว่ายกขวดเหล้า ล้างจาน ทิ้งขยะ แบกลูกค้าขึ้นรถ บลาๆๆ ~~เป็นไหนๆ

     

    “ฉันดูดีแล้วใช่ไหม --^^ จงอินเคยบอกว่าฉันใส่เนคไทสีขาวแล้วดูดีด้วยล่ะ”

    รอยยิ้มจนแก้มใสยกขึ้นปิดเหมือนตาแป่ะแก่นั่นทำให้อดขำตามไม่ได้ โอเซฮุนเหวี่ยงเนคไทสามสี่เส้นลงบนเตียงเพื่อถามความคิดเห็นจากฉัน

    ถึงแม้ว่าเค้าจะตัวสูงโปร่งขนาดไหน แต่ด้วยนิสัยรวมๆและบุคลิกเหมือนเด็กประถมนั่น ชุดสูทรอะไรประเภทนี้ไม่เคยดูเข้าตาฉันเลยสักครั้ง จริงๆ ทั้งหมดตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันก็โกหกสลับกับการพูดความจริงไปบ้างว่ามันโอเค หรือไม่ก็เท่ห์ระเบิด

     

    “ใส่อะไรก็ใส่เถอะ ฉันเมื่อยจะแย่แล้วนะ วันนี้ต้องไปงานไหนอีกละ”

     

    “ไม่อะ วันนี้ไปหาแม่ฉัน”

     

    “-0-โอเคฉันจะได้เตรียมตัวถะ............

    ..O_O

    แม่?

    ....หะ....หา!!!????แม่!!! o[]Oแม่นาย!!!??????????” ฉันแผดเสียงสามล้านเก้าสิบแปดเดซิเบลดังสนั่นหวั่นไหว มือขาวซีดของชายหนุ่มยกขึ้นปัดป้องทั้งสองข้างใบหูอย่างจ้าละหวั่นก่อนที่เขาจะชักสีหน้าหงุดหงิดออกมาบ้าง

    “จะแหกปากทำไมเล่า ก็บอกไปหาแม่ก็ไปหาแม่ ไม่เคยเจอคนแก่รึไงกัน เซ้นแฟชั่นฉันกำลังผุดออกมาอยู่แล้วเชียว นี่เห็นมั้ยฉันลืมเลยว่าเมื่อกี้เนคไทของDULYที่ฉันคัดเอาไว้ไปอยู๋ไหนแล้ว โอ้ย”

     

    ยังไม่ทันที่เจ้าตุ้ดประสาทกลับจะได้ประสบพบเจอกับเนคไทดูลี่ดูแรกซ์อะไรนั่นฉันก็ก้าวปรี่เข้าไปประชั้นที่ร่างสูงด้วยความโมโหก่อนที่จะขยำปกคอเสื้อเขาให้สูงขึ้น การที่เราจะต้องไปเจอครอบครัวของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อยู่ในสัญญาว่าจ้างของฉันเลยนี่นา ใครๆก็รู้ฉันมักจะถูกผู้ใหญ่จับไต๋ได้เสมอยกเว้นพวกรุ่นราวคราวเดียวกันสมองนิ่มทั้งหลาย

     

    ถ้าคนในครอบครัวตระกูลโอรู้ ฉันจะโดนจับมั้ยนะ =_=

     

    “นี่ นี่ เอาหน้าอกแบนๆของเธอไปให้ไกลฉันเถอะน่ะ ฉันบอกแล้วฉันตายด้านกับเพศแม่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาแสร้งเป็นเหวี่ยงวือเพื่อให้ได้ไกล้ชิดฉันหรอกน่า ----ผู้หญิงก็งี้ละสิ มารยาร้อยแปด...เหมือนคนที่แม่หาให้ฉันเปี้ยป”

     

    หนอย ดูปากคอไอ้เด็กเวรนี่

    ..

    =_=

     

    “เมื่อกี้ว่าฉันทอม! แล้วมาตอนนี้ว่าฉันมารยา! อยากโดนลูกจ้างบอกเลิกงานก่อนจริงๆสินะ ....ฉันก็ไม่มีรสนิยมกินตุ้ดหรอกจะบอกให้!! --- ฉันแค่อยากรู้ว่านายจะให้ฉันไปที่บ้านทำไมในเมื่อที่เราคุยกันมันไม่ได้มีรายละเอียดส่วนไหนจะแจ้งถึงตรงนี้เลยนี่!! ถ้าที่บ้านนายจับได้ละ หา??เซฮุน ฉันอาจจะโดนข้อหาสิบแปดมงกุฎเลยนะ นายไม่รู้หรอ ฉันมันคนไม่มีบ้านนะ ฉันไม่มีงานทำแน่นอนด้วย ใครจะมารับประกันชีวิตฉันเล่า ไอ้เด็กบ้า!!

    คนตัวเล็กกว่าตีโพยตีพายด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง

     

    “พี่สาว........หุบปาก---แล้วเดี๋ยวผมจะอธิบาย... นู่น!รีดเสื้อใหม่ให้ผมด้วย...ปกคอเสื้อที่นูน่าจับมันยับจนทุเรศแล้ว โอเซฮุนไม่ใส่เสื้อผ้ายับๆนะครับ...=*=.......”

    คนเป็นน้องพูดจายียวนกวนประสาทด้วยแววตาเรียวที่หรี่เล็กลง ฉันรู้ดีเขากำลังพยายามประชดหรืออะไรสักอย่างด้วยถ้อยคำสุภาพชวนอ้วกแบบนั้น แน่นนอนว่าฉันยังคงโกรธ และอยากจะพ่นคำด่าร้อยพันคำออกมาซะให้หูเจ้าหมอนี้ตึงกันไปข้างนึง

    แต่ถ้ารวบรวมสติแล้วนึกถึงสถานะพร้อมเม็ดเงินที่จะได้ราวกับท่อนไม่ที่สับหว่างขวางความคิดที่ลุกโชนให้หรี่ดับลงอย่างช้าๆ ที่ละนิด ทีละนิด จนกระทั่งสมองซีรีบลัมก้อนโตที่กำลังทำงานอย่างสับสนนั่นเริ่มหันเหไปยังภาระหน้าที่ที่ควรทำคือการมุ่งหน้าค้นหาเตารีดไอน้ำราคาแพงที่เก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้ารักษาอุณภูมิภายในห้องโถงออกมาเพื่อจัดการเสื้อเชิ้ตตัวสีฟ้าอ่อนนั่นให้เรียบร้อยเหมือนเดิม

     

    ฉันจะต้องมีเงิน ฉันจะต้องเก็บเงินต่างหากเล่า....ฉันอาจจะได้เรียนต่อหลังจากนี้และมีอาชีพที่ไม่ใช่ขี้ข้าคนอีกต่อไป-_-^

    เอาน่า.....

     

    หลิวอี้หยุน เธอจะต้องทำให้พ่อที่ทิ้งเธอไปอิจฉาในความสำเร็จของเธอสิ

     

    *พรุ่บ พรึ่บ!!*(ไฟลุกน่ะ=_=)

     

    ความคิดและปณิธธานจุดไฟในตัวของฉันให้โชติช่วงไปด้วยความทะเยอะทะยานอีกครั้งเพียงเวลาอันสั้น

    ราวกับเครื่องจักรกลับคืนชีพ*0*

    สองขาที่ก้าวฉั่บกลับมายังห้องนอนของเจ้ากร้วกนั้นหวังเพียงเพื่อนำเสื้อเชิ้ตเจ้าปัญหามาสะสางตามคำสั่ง

    ทว่า..

    -_-;;

    เป็นอันต้องสะดุดเพราะแผ่นหลังเปลือยปล่าวขาวสะอาดตรงหน้า=_=^

    ไหล่กว้างขึ้นกล้ามเนื้อเล็กน้อยเมื่อร่างสูงเร่งแรงกระตุกป้ายยี้ห้อเนคไทในถุงพลาสติกที่คัดออกมา ดูท่าว่าจะมีเสื้อผ้าใหม่ๆที่ยังไม่ได้ใช้มากมายเต็มไปหมด โอเซฮุนยังไม่รู้ว่าฉันกำลังจดจ้องบนผิวพรรณที่ราวกับปุยสำลีอย่างถือวิสาสะ

    เสี้ยวหน้าคมที่หันรีหันขวางอยู่แบบนั้นเตือนสติให้ฉันต้องหันหลังกลับทันควันราวกับโจรที่หลบหนีการถูกจับผิด

    เขาคงไม่ทันเห็นใช่มั้ยว่าฉันเผลอทำอะไรเมื่อครู่น่ะ>’’< บ้าจริง

     

    “อ้าว ..มาแล้วหรอ....แล้วก็ไม่ให้สุ่มให้เสียง ......นี่เสื้อฉัน เธอรีดเฉพาะอีส่วนที่เธอจับมันเมื่อกี้ก็พอ สายแล้วเนี่ยะ แม่เอาฉันตายแน่ -*- ....”

     

    “-0-เออ! วะ....วางไว้ตรงนั้น”

     

    “-0-*ก็มารับไปสิ จะหันหลังทำบ้าอะไรเล่า ยื่นมือรับของจากคนให้โดยที่ไม่มองหน้าเขาจะรู้ไหมว่าของอยู่ตรงไหนนะ หันมาเซ่ !

     

    -_-^

     

    โธ่ ไอบ้านี่นิ มันคิดว่าฉันเป็นพระอิฐพระปูนแหงเลย ถึงพูดจาไม่รู้เรื่องอยู่ได้

    หลิวอี้หยุนได้แต่หันก้นเหี่ยวๆให้เจ้าเด็กตุ้ดด้วยความคิดอันแสนสับสนเหมือนเดิมจนกระทั่งเสียงแปร่งคล้อยเข้ามาไกล้พร้อมกับสำผัสที่ทำให้สะดุ้งโหยง

    โอเซฮุนอยู่ไกล้ร่างกายถึกๆของฉันไม่เกินสามคืบ……..

    ...

    ..

     “ฉันพูดเพราะหน่อยทำเป็นทำตัวไม่ถูกหรอ ชอบหรอ นูน่า นูน่าน่ะ -*-....สติเธอหายไปไหนห่ะ ไหนหน้าเธออยู่ที่ก้นหรอ ไหนเอาก้นมาให้ฉันคุยสิ เอาหน้าเธอไปไกลๆ -*-….

    .....เธอนี่มันยัยเจ้กพิลึกคน“

     

    เซฮุนโก้งโค้งร่างกายผอมกร่างลงต่ำราวกับจะพูดจากับก้นฉันให้ได้เสียจริงๆทันทีที่ถ้อยคำจิกกัดนั่นจบลง สองมือเรียวที่พยายามจับไหล่เพื่อบังคับคนตัวเล็กให้หันมาพูดคุยกันซึ่งๆหน้าถูกยกออกก่อนที่เขาจะหันเหไปสนใจเนคไทและแอสเซสเซอรี่บนเตียงที่เรียงรายอีกครั้ง

     

     

    ฉันว่าอากาศบริสุทธิ์ในห้องนอนดูท่าจะน้อยไป

    อึดอัด เหมือนจะเป็นลมให้ได้เลย----

    มันอาจจะเหมาะกับการนอนคนเดียวนั่นละที่เจ้าเด็กตุ้ดทำถูกต้องที่สุด

    ฉันต้องรีบออกไปให้ไว......ห้องเก็บของขนาด4ตารางเมตรของฉันยังจะให้ความรู้สึกสบายกว่านี้ด้วยซ้ำ-*-

     

    พื้นที่สีขางของเจ้าตุ้ดเด็กคือห้องอันตราย

    ฉันไม่สมควรย่างกรายเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง

    ...

    กฏข้อแรกองหลิวอี้หยุน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×