คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Cp12
Chapter12
Save Me From Myself
ก้อนเมฆดำสนิทไร้ซึ่งสีสันกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์บางอย่างชวนให้หลงใหล ในมือของฉันเริ่มชื้นเหงื่อเมื่อหูทั้งสองข้างลดประสิทธภาพการทำงานลงจนอื้ออึง แม้ว่าเรากำลังทะยานสูงขึ้นจากพื้นดินที่เคยอาศัยหลายหมื่นหลายพันฟุต แต่ร่างกายของฉันในเวลานี้ราวกับว่าถูกบีบรัดเสียจนหายใจหายคอไม่ออก อากาศปลอดโปร่งปรกติทว่าทัศนะการได้ยินอู้อี้และอาการหมุนติ้วไม่หายกลายเป็นอุปสรรค
กระจกด้านซ้ายมือเผยให้เห็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถเห็นมันตลอดชีวิตหากไม่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนแลกกับการเดินทางสุดมหัศจรรย์เชื่อมแผ่นดินไปไหนมาไหน กรุงโซลถูกย่อเหลือจนกระจิ๋วหลิว แสงไฟจากถนนหนทางและตึกสูงต่างๆกำลังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในกาแลกซี่ยักษ์อันโอบล้อมไปด้วยดาวฤกษ์สีสันแตกต่างกัน ควันสีขาววูบวาบบนกระจกหนาแสดงให้เห็นว่าฉันยังมีชีวิต ความร้อนจากลมที่พ่นออกทางจมูกสร้างเจ้ารอยฝ้าโง่ๆนั่นไปเรื่อย ฉันไม่ได้ฝัน
โอเซฮุนอยู่ด้านของทางขวามือ เราแลกที่นั่งกันเพราะฉันอยากจะใช้เวลาสั้นๆให้คุ้มที่สุด เขาหลับตาพร้อมกับหูฟังอันโต ใบหน้าของเจ้าเกย์นี่ยังคงดูแย่เล็กน้อย แต่ก็นับว่าดีขึ้นมากหลังจากเมื่อสองชม.ก่อนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
ความเคลื่อนไหวภายใต้เปลือกตาสีชมพูทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้หลบสนิทจริงๆ เพียงแค่พักหรืออะไรสักอย่างก็เท่านั้น ใบหน้าเวลาคนตัวสูงแน่นิ่งทำให้ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อยระหว่างความจริงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังครุ่นคิด
ฉันคิดแค่นั้น
“ ไม่ได้เหมือนเกย์สักเท่าไหร่หรอก”
แต่แล้วฉันก็พูดมันออกมา
มันเป็นแค่ความคิดฉันที่ทะเร่อทะร่าแสดงตัวตนมากไปหน่อย แน่นอนว่าเซฮุนไม่รู้เรื่องเพราะเพลงอะไรสักอย่างที่ฟัง หรือถ้าเขาจะได้ยินมันก็คงไม่มีอะไรแตกต่าง ความคิดเห็นของฉันสำหรับเขาไม่ได้มีผลกระทบอะไรสักเท่าไหร่
ความจริงที่ฉันคิดมาตลอดว่านอกจากเรื่องราวความรักอับเฉา เซฮุนก็อาจจะเหมือนเด็กผู้ชายเจ้าสำอางธรรมดา
แต่เหตุการณ์เมื่อครู่วิ่งวาบผ่านเข้ามันสมองส่วนของการจดจำ
เขาเพิ่งร้องไห้งอแงเพราะแฟนเก่าซึ่งเป็นหนุ่ผิวสีไฮโซไปหมาดๆ
นั่นละคือคำตอบ
ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกยาวเหมือนคนวิ่ง และจับจ่อกับสิ่งที่อยู่ด้านนอกแทนการฟุ้งซ่านเรื่องไร้สาระ ภาพท้องทะเลลิบๆตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วท้องน้อย ฉันไม่เคยเห็นแม้กระทั่งทะเลด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมา สีของพื้นน้ำที่เลียบเคียงกับผืนดินให้ความรู้สึกราวกับว่าฉันได้ติดปีกไว้บนหลัง แม้ว่าสีสันของมันที่ฉันเอาแต่จดจ้องไม่เหมือนภาพในฝัน ความมืดหลงเหลือเพียงผิวน้ำสีมรกตและมืดดำ มันน่ากลัวไปพร้อมๆดึงความรู้สึกอยากค้นหาให้พลุกพล่าน สักพักความเบาหวิวนั้นค่อยๆทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องโอเซฮุนได้ในที่สุด เวลาไม่ยาวนักจริงๆกับการเดินทางไปยังหมู่เกาะชื่อดังของประเทศ
ฉันเหลือบมองฝ่ามือซีดที่วางอยู่บนเกาอี้ด้านข้างด้วยความรู้สึกขอบคุณ…
ถ้าอยากให้ท้องทะเลอันพิศวงยังคงน่าสนใจ จนกว่าจะมองเห็นพื้นดินได้เต็มตาอีกครั้ง ใบหน้าแน่นิ่งของเขาคือสิ่งที่ควรเลี่ยง
ฉันคิดแค่นั้น
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“ฉันสั่งสูทเอาไว้สำหรับงานพรุ่งนี้ มีร้านที่น่าไว้ใจ ถ้าอยากเปิดอีกห้องฉันใช้เส้นให้เธอได้ สนไหม
แต่งานสุดท้ายเอาอะไรมาก เราก็อยู่ด้วยกันจนฃินแล้ว หรืออยากจะขัดเขินตามประสาผู้หญิงเวลานี้ก็เต็มที่นะ ฉันขี้เกียจบังคับขู่เข็ญเพราะเงินก้อนสุดท้าย”
ฉันไม่ตอบอะไรเป็นเชิงว่าฉันไม่มีปัญหาอะไรถ้าเราจะรูมเมทกันอีกครั้ง
ความคิดแปลกประหลาดจากที่ไหนสักแห่งลอยแว่บเข้ามา
‘ครั้งสุดท้าย ....มันคือครั้งสุดท้าย..... ครั้งสุดท้าย.... ‘
อาจจะเป็นจิตสำนึกด้านชั่วร้าย ฉันกำลังรู้สึกอยากอยู่กับเจ้าเกย์นี่ กินนอนด้วยกันแบบเดิมๆ อย่างๆน้อยสามสี่วันที่นี่ก็ยังดีอะไรทำนองนั้น ฉันเริ่มสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระที่กำลังมากขึ้นๆ สำหรับอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันเข้าใกล้ความบ้าบิ่นเข้าไปทุกที
ส่วนสูงเกือบสองเมตรของเขาเหมือนจะยิ่งพุ่งชะลูดไปเป็นสองเมตร หรือสามเมตร เซฮุนดูผอมแห้งลงเมื่อถอดเสื้อโค้ทตัวหนาออกจนเหลือแค่เสื้อยืดธรรมดา เขาหิ้วมันเอาไว้บนแขนข้างหนึ่งในขณะที่มีเพียงกระเป๋าถือใบเล็กๆที่แทบไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยซ้ำ ในขณะที่ฉันเหมือนจะย้ายมาอยู่เป็นปีๆ
โชคดีที่ที่เชจูเหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าสถานที่ชุมชุนแบบในเมือง ทั้งชาวต่างชาติและคนหลากหลายไม่รู้จักพวกเราเท่าไหร่นัก นั่นหมายถึงฉันรู้สึกได้ถึงความไม่อึดอัดที่กำลังเดินเคียงข้างเซฮุนอยู่
พวกเราไม่ได้พูดจาสนทนาอะไร ฉันเองก็ไม่มีอารมณ์เริ่มต้นอะไรทั้งนั้น แหงล่ะ ใครจะไปมีฟีลลิ่งชวนคนเพิ่งอกหักคุยเล่น ถึงฉันอยากทำก็คงไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน -_- เส้นทางหลังจากออกจากลิพท์คับแคบทอดตัวสู่โถงและทางเดินเลียบขนาดยาวเข้าสู่ห้องพัก พื้นนุ่มนิ่มไปหมดด้วยพรมกำมะหยี่ สายตาอดจับจ้องไม่ได้ยามที่กดปลายเท้าลงแล้วเป็นรอยบุ๋ม
เซฮุนหยุดที่ห้อง 062
การ์ดสีเงินถูกเสียบและประตูบ้านใหญ่ก็ค่อยถูกเหวี่ยงออก ทันที่ที่วางการ์ดในตำแหน่งที่เหมาะบนฝาผนัง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในทุกอย่างเริ่มค่อยๆมีชีวิต ด้วยเวลาไม่ถึงเที่ยงคืนดีนักทำให้ฉันมองเห็นรายละเอียดการตกแต่งอย่างชัดเจนแบบยุโรปผสมผสานผ่านไฟสีส้มละมุน เซฮุนลัดเลาะเข้าไปในห้องอีกฝั่ง เสียงโครมครามเล็กน้อยเกิดขึ้น
“ พรุ่งนี้มีงานเปิดตัวจิวเวอรี่ดีไซน์ หลังจากนั้นมีดูตัว... “ เขาพูด
“จะให้ฉันไปด้วยละสิท่า ถึงอ้างเรื่องตั๋วเครื่องบินว่าเป็นค่าตอบแทนเนี่ยะ—กี่โมงว่ามา”
“ปล่าว—“
“เห?”
“จะไปไหนก็ไป มีที่เที่ยวสวยๆเยอะแยะ
เรื่องดูตัว ฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องมาร่วมงานอะไรทั้งงั้นอะ “
ฉันเริ่มพูดคุยกับเซฮุนโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้ากัน เสียงของเขายานคคางราวกับคนเหนื่อย ความเคลื่อนไหวกุกกักภายในห้องอีกด้านบ่งบอกว่าเจ้าหมอนี่อาจกำลังจัดแจงข้าของให้เข้าที่
มีเพียงฉันเท่านั่นที่ยังคงยืนงุนงงอยู่
สักพักไม่ถึง10วินาทีดี โอเซฮุนก็กลับมาปรากฤตรงหน้าของฉันอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าสีซีดของเขามีอารมณ์ขึ้นมากเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่กระตุกวาบขึ้นมาสั้นๆ
“ฉันขอเลิกจ้างเธอนับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ..หลิวอี้ งานของเธอคือนั่งเครื่องมาเป็นเพื่อนฉันแค่นั้นละ”
ฉันอาจจะกำลังเบิกตากว้างพอๆกับนกฮูก เหมือนสมองคิดไปหลายอย่างแต่กลับพูดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว แน่นอนว่ามันดูง่ายเกินไปกับการได้เงิน ฉันหวังว่าคงเป็นภารกิจสุดโหดเพื่อทิ้งทวน นั้นมีการแก้แค้นที่สาสม เราอาจจะต้องมาที่นี่เพราะเซฮุนต้องการ ภาพเสียงหัวเราะของฉันก่อนที่จะจากลากับเขาดังกึกก้องอย่างหลอกๆ ความสะใจทั้งหมดฉันคงคาดหวังไปเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงกลับไม่ได้มีอะไรเลย
มันหมายถึงเรายอมรับความพ่ายแพ้งั้นสิ
ฉันไม่ชอบเท่าไหร่
ฉันเริ่มกลืนน้ำลายที่ฝืดเหนียวลงลำคอพลางวางของทุกอย่างไว้ด้านข้าง
“ละพรุ่งนี้มีแผนอะไรรึปล่าว!?”
“ไม่...โชคดีที่แม่ฉันอนุญาตให้มางานทำนองนี้ ปรกติท่านไม่เคย— ฉันอยากดูแฟชั่นเครื่องประดับใหม่ๆที่เค้าออกแบบสั่งทำกัน ไม่น่ามีปัญหาอะไรถึงขนาดต้องมีแผน”
“แล้วทำไมตั๋วถึงมีตั้งสองใบ –แม่นายบอกหรอให้พาฉันมาด้วย?” ฉันพูด คิดสงสัยแต่ในสมองกลับนึกถึงสิ่งที่ตัวเองบอกโอฮาจองเอาไว้ก่อนหน้ามากกว่า สิ่งที่ฉันย้ำกับเธอถึงความฝันของโอเซฮุน เขาคลั่งไคล้แฟชั่น การแต่งตัว รูปลักษณ์ ดีไซน์ แววตาของคนตัวสูงเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงสิ่งที่ชอบแม้ว่าเขาจะส่ายหัวเพื่อให้คำตอบกลับมาก็ตาม
“ปล่าว—ตั๋วบินอีกใบของพ่อ ฉันไม่คิดจะชวยเขามาหรอก ถึงชวนมาเขาก็ไม่มาอยู่ดี
พอจะเขวี้ยงทิ้งฉันเลยนึกถึงเธอ อย่างน้อยๆเธอก็ได้ขึ้นเครื่องบินเล่นไง” เซฮุนเหมือนกำลังจะพยายามกู้วงจรสมองในส่วนของความกระตือรือร้นให้กลับมา ฉันเห็นเขาเริ่มยิ้มอยู่หลายครั้ง
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าโง่นี่ยังพอเห็นคุณค่าความเป็นเพื่อนของเราอยู่บ้างถ้าหากฉันจะต้องจบมิชชั่นทั้งหมดแล้วต่างฝ่ายต่างไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กล้ามเนื้อบนใบหน้าสั่งให้ริมฝีปากฉีกกว้างพร้อมๆกับโหนกแก้มที่ยกขึ้นจนดวงตาหยีลงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ฉันรีบหุบมันหลังจากนั่นไม่กี่วิ หวังว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉันแอบดีใจนิดหน่อย-_-
ใช่สิ ฉันก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ถึงคำบอกเล่า ถ้าหากไม่มีฉันไปด้วย ถ้างั้น เขาเองก็ต้องหนีงานดูตัวด้วยตัวเองคนเดียวงั้นหรอ
หรือไม่ เซฮุนก็อาจจะ...
“ฉันว่าฉันจะลองไปดูตัวสักครั้ง—“ น้ำเสียงหนักแน่นถ่ายทอดความคิดตกตะกอนของฉัน เซฮุนพูดพลางยกแขนสองข้างไวๆ เขาถอดเสื้อยืดตัวนอกออกแล้วเหวี่ยงมันลงไปบนพรมสีครีมสะอาด
…
ฉันพยายามใสใจในสิ่งที่เรากำลังเจรจากัน แต่ใบหน้ากลับเริ่มร้อนวูบ มันไม่ใช่ครั้งแรก แน่นอนมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเปลือยต่อหน้าหลิวอี้หยุน ฉันถึงไม่จำเป็นจะต้องตื่นเต้นอะไร แต่อย่างที่บอกว่าหมู่นี้ฉันชักรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความผิดปรกติบางอย่าง นั่นคือสิ่งที่สร้างความเครียดให้ฉันมากทีเดียว อารมณ์ขึ้นๆลงอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะที่ฉันไม่สามารถควบคุมอาการผีเข้าผีออกของตนได้
ฉันพยายามจ้องมองเพียงแค่ใบหน้ามะเขือยาวของโอเซฮุนแทนการจับจ่อไปยังกล้ามเนื้อเล็กน้อยที่พองขึ้นพองลงยามหายใจ..
เขาพูดต่อหลังจากนั้น แต่เพราะหูของฉันเริ่มอื้อึงอีกรอบ
“ฉันอยากทำตามที่แม่บอกสักครั้งนึง----คงคิดว่าฉันยอมแพ้แล้วสินะ
เธอว่ามั้ยว่าการแต่งงานของฉันอาจเป็นหนทางการแก้แค้นที่ดีที่สุด” เจ้างั่งบอก เขาหยิบเสื้อกล้ามในตู้ออกมา มันเป็นเสื้อกล้ามสำเร็จสีขาว ไม่แน่ว่าเซฮุนอาจจะสั่งมาก่อนหน้า แลดูเหมือนโรงแรมที่นี่จะเป็นสาขาของที่บ้านเซฮุนแหงแซะ มีห้องสูทและชุดหรูให้เช่าด้านล่างลอบบี้ มีเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆง่ายๆหลายอย่างเปิดร้านขายเป็นห้างขนาดย่อม ฉันสังเกตเห็นก่อนที่จะขึ้นลิพท์
..
ฉันเริ่มฟุ้งซ่านอีกรอบจนลืมว่าเราพูดคุยอะไรค้างเอาไว้
“เป็นบ้าอะไร ตื้นตันใจหรอ!? ฉันไม่ได้เสียเงินตัวเองซื้อตั๋วบินให้เธอมาเที่ยวจริงๆสักหน่อย
เงิน.. แม่... ฉัน ...อ่านปากฉันให้ชัดแล้วรีบเก็บของถ้ายังอยากออกไปHangoutทิ้งทวน แถวนี้มีร้านดื่ม เร็วเข้า ฉันยิ่งเซ็งๆ อยากสูดอากาศริมทะเลให้มันลืมๆ...อยากแต่งตัวเป็นผู้หญิงดูไหม ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา ฉันซื้อในราคาลดได้นะ ร้านด้านล่างน่ะ” ใบหน้ากระหยิ่มย่องของเขากลับมาอีกครั้ง ฉันไม่แปลกว่าทำไมความปั่นป่วนเมื่อครู่ถึงหายไปได้ไวราวกับโกหกทันที่ๆโอเซฮุนเริ่มคืนร่างเดิม หมอนี่ดูภูมิใจในอภิสิทธิ์ที่ตัวเองมีอย่างเหลือล้นเมื่อสาธยายว่าไอ้นั่นไอ้นี่ตนเองได้ข้อยกเว้นจนน่าหมั่นไส้
อย่างว่าละนะ ถึงแม้ฉันเองจะเป็นผู้หญิง ถึงฉันกำลังจะตกงานในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าทันทีที่เลยเที่ยงคืน แต่ยังไงซะฉันก็ยังคงเป็นหลิวอี้ หลิวอี้หยุนเด็กสาวตัวเตี้ยผมสั้น ใบหน้าไม่ได้เป็นรูปทรงตัววีน่าหลงใหล ไม่ได้มีแขนขาเล็กจ้อยน่าทนุถนอม ฉันยังคงเป็นฉัน
ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้ต่อให้ไม่มีเซฮุน เขาคงเช่นกัน
“เอาแบบนี้มั้ย...ไหนๆก็เลี้ยงส่งวันทำงานวันสุดท้าย อย่างน้อยๆตอนนี้เรายังเป็นคู่ขากันอยู่—มาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำดูกันเถอะ”
ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดคาดิแกนตัวหนาออกบ้าง อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เซฮุนเคยพูด มันทำให้ฉันนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา บางอย่างที่ฉันก็ยังไม่เคยนึกลอง ใบหน้าของเซฮุนนิ่วลงเล็กน้อยราวกับเด็กที่พยายามทำความเข้าใจ
“นายลองเป็นผู้หญิง แล้วฉันจะเป็นผู้ชาย นายเคยบอกว่าไม่เคยลองแต่งแบบนั้นสักครั้งใช่ไหม
เรา..มาคบกันคืนนี้
นายต้องชอบซี่ ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา---นายชอบแบบนี้ไม่ใช่หรอ ไปกันเถอะ!
ทำในสิ่งที่เราอยากทำอย่างที่นายเคยพูดกับฉันไง” ฉันยื่นมืออกไปในขณะที่แววตาเรียวยาวของเจ้ามะเขือหรี่ลงราวกับพินิจพิจารณา คำว่าคบเหมือนก้อนเนื้อที่จุกอยู่ในคอ มันฝืดและกระดากที่ต้องพูดออกมาแบบง่ายๆ ฉันรู้ว่าความคิดนี่มันบ้าสุดๆ แต่มันไม่อะไรหลุดโลกเท่าสิ่งที่เราทำด้วยกันมาทั้งหมดแล้วล่ะ
เพิ่มอีกหน่อยคงไม่เสียหลาย
ฉันไม่ค่อยชอบให้เขามีสีหน้าแย่ๆนานนักถ้าจะสารภาพกันตรงๆ ฉันคงไม่มีโอกาสไปต่อยหน้าดำๆของไอ้คิมจงอินอีก
ฉันมีอำนาจเพียงที่จะทำให้เพื่อน’มีความสุขได้ ก็เท่านั้น
นั่นสิ.. คิมจงอินทำให้เริ่มฉันหงุดหงิดอีกแล้วเมื่อใบหน้ามะลู่ทู่กลับมาลอยเคว้งในหัวสมอง ฉันเริ่มอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเขาออกมา แม้จะรู้ว่าโอเซฮุนคงไม่ต้องการได้ยินชื่อเจ้าเบื้อกนี่สักพัก
“ฉันอาจจะเป็นแฟนที่เด็ดกว่าคิมจงอินก็ได้ ใครจะไปรู้!...เร็วเข้าเซฮุน!!”
แล้วฉันก็พูดในสิ่งที่คิดออกมาอีกครั้ง
-*-*-*-*-*-*-*-
TBC
*ถอนหายใจโล่งอก* ถึงเชจูสักทีสินะพวกเธอทั้งสอง
ใกล้จะเทศกาลพอดี จะสงกรานต์แล้ววววว กำลังจะมีวันหยุดแล้วววววววว หนีมาพิมพ์ทิ้งเอาไว้ เห็นมีรีดเดอร์อยากให้สองคนสวีทกัน
เรานี่ก็นะ ช่างยืดเยื้อเสียเหลือเกิน
มันคงเป็นไสตล์สินะT^T เรามีความรู้สึกว่าสำหรับคู่นี้มันจะหวานมากก็ไม่ได้ จะไม่มีเลยเราก็ไม่ได้ เราก็ติ่งไง อยากมโนไง จะค่อยๆแทรกไปอย่างเนียนๆ ก่อนที่ฟิคจะจบน้ะ อิอิ *ยิ้มเจ้าเล่ห์* ขอขอบคุณคอมเม้นขาประจำทุกคนก่อนเลยย อยากจะเอาดินสอพองไปประ เอาน้ำสงกรานต์ไปสาด รักและเทิดทูนรีดเดอร์ฝุดๆ -////-5555555555555
เอาเป้นว่าเจอกันตอนหน้านะ อย่าเพิ่งหนีหาย จุ้บ ♥
**เค้าแก้คำว่าสูทแล้วน้า ลืมเอ่ยขอบคุณเลยที่เตือน เดี๋ยวจะตามไปแก้ในตอนเก่าด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยTT
ความคิดเห็น