คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Cp11
Chapter11
ของขวัญ
“ไม่น้อยหน้า ทายาทโรงแรมดัง โผล่ให้กำลังใจอดีตคนรักในงานเปิดตัวโครงการใหญ่หลังจากหนีหายไปกับมือถือสาม
สัญญาณร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่??”
ปลายสายที่เอาแต่เตร็ดเตร่ในสนามเด็กเล่นตลอดวันราวกับคนว่างงาน เร่งกดปิดข่าวในหน้าอินเตอร์เน็ตบนมือถืออย่างรวดเร็ว ร่างกายส่วนสูงไม่ถึง165เซนติเมตร เด้งผึงจากกระดานลื่นอย่างคล่องแคล่ว
หลายชั่วโมงที่เสียไปกับการเรื่อยเปื่อยไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พัก เดินวนรับโบรชัวร์หาพิเศษใหม่ๆกระทั่งกลับมานั่งพักและตัดสินใจเปิดมือถือขึ้นมาเล่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยและพบกับเซฮุนในนั้นอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากงานแถลงข่าวธุรกิจบางอย่าง ซึ่งเธอเองก็เพิ่งรู้จากข่าวบนหน้าเว็บไซต์สดๆร้อนๆ
มันไม่ใช่แค่งานที่จงอินไปร่วมด้วย แต่เป็นงานเปิดตัวกิจการบางอย่างของตระกูลเขาเลยต่างหาก
ผู้ชายคนนั้น..กำลังข่มตระกูลโอด้วยการเปิดตัวธุรกิจอันแสนรุ่งโรจน์ไปพร้อมๆกับช่วงเวลาที่ครอบครัวของเซฮุนกำลังถูกแฉด้วยข่าวเสียๆหายๆ
...เกมส์สกปรก
ไม่อยากนึกถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น....เด็กตุ้ดแรกรุ่นคงเข้างานไปแบบเท่ห์ๆ พราวทูพรีเซ้นซะจนใครๆสะดุดตาเข้าให้.. ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบว่าจะเกิดผลอะไรตามมา เป็นเธอคงปฎิเสธพ่อตัวเองตั้งแต่แรก เลี่ยงทุกวิถีที่ต้องเผชิญหน้ากัน
น่าขันที่ประธานโอช่างใจดีเหลือเกินให้ลูกชายไปพบปะคู่ขาเก่าตัวเอง ทั้งๆที่วางมาดรังเกียจของพวกนี้มาโดยตลอด คิดว่าแค่ไปทำงานงั้นหรอ…
ความรู้สึกคนเย็นชาเหมือนอิตาลุงบ้างานนั่นทุกคนเลยซะที่ไหน
...
...
“เธออยู่ไหน --- มาทำงาน…….
ฉันหมายถึง …มาทำงานชิ้นสุดท้ายให้ฉันหน่อย
ฉันรอหน้าร้านสะดวกซื้อซุกซองนะ”
…
เจ้าตัวปัญหาดูท่าไม่สู้ดีนัก..
…
“=_= งานสุดท้าย!? ให้มันแน่จริงเถอะน่า..-3-.
ฉันจะมีธุระส่วนตัวในชีวิตไม่ได้เลยให้ตายดิ ---แล้วช่วยรออยู่ตรงนั้นนะ ห้ามไปไหน”
“ฉันไม่มีอารมณ์เถียงด้วย...แค่นี้ละ”
....
=_=
ทุกอย่างถูกดูดกลืนไปกับสัญญาณโทรศัพท์สุดท้าย ไม่ได้ยินอะไรอีก นอกจากลมหายใจชุดใหญ่
บทสนทนาผ่านสายโทรศัพท์ระหว่างเธอและเขาเว้นระยะห่างไม่นานนักหลังภาพข่าวประเด็นร้อนของเซฮุนจะแพร่กระจายลงสู่โลกโซเชียลไปทั่ว
ความคิดร้อยแปดกำลังจ่อคิวเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน.... อันที่จริงมันน่าหงุดหงิดใจนิดหน่อยที่เซฮุนกลับมามีข่าวคราวอีกครั้งโดยที่คนในนั้นคือตัวอันตรายอันดับ1..... แน่นอนว่าเธอก็เคยโลดเล่นบนปกนิตยสารกอสซิบงี่เง่านี้เหมือนกันในช่วงแรกๆที่เซฮุนปฎิเสธการดูตัวจากแม่และพยายามใช้หลิวอี้มาเป็นข้ออ้างสร้างเรื่องราวชวนป่วนหัวด้วยเดทโง่ๆ
กับผู้หญิงที่คล้ายๆผู้ชายอะไรทำนองนี้-_-;;
..หลิวอี้หยุนปลอดภัยกว่าเป็นไหนๆ-_-
...
เด็กสาวจินตนาการไปว่าสาเหตุที่เจ้ามะเขือเรียกหาเธอทั้งที่เมื่อกลางวันเพิ่งกัดกันเหมือนหมาไปหมาดๆ คงเป็นเพราะคู่รักบันลือโลกอาจมีโอกาสและได้เคลียร์เรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาภายในงานแถลงข่าว กระทั่งคืนดีกันเรียบร้อยแล้ว...เหตุผลของคำพูดที่โอเซฮุนได้เอ่ยทิ้งเอาไว้ว่ามิชชั่นที่กำลังจะถึงจะเป็นงานครั้งสุดท้าย--เรื่องราวระหว่างหลิวอี้กับตุ้ดตัวโตเกิดขึ้นจากผู้ชายแค่คนเดียว
คิมจงอินคนตัวดำ
เซฮุนยังโง่เกินไป สำเรื่องความรักน่ะ
...
...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ริ้วรอยบนใบหน้าซีดไม่ต่างอะไรจากคนเป็นลูกนัก.ถ้าตัดเส้นผมดำแซมขาวที่ทำให้บ่งบอกอายุได้อย่างชัดเจนออกไป.. กระเป่าใบขนาดกลางสีน้ำตาลเข้มถูกหิ้วลงมาจากรถคันหรู
เนิ่นนานที่คนสูงวัยไม่ถึงจุดหมาย เวลาเล็กๆน้อยที่เสียไปดูท่าจะมาจากการเอาแต่เดินจ้องหน้าจอเครื่องมือสื่อสาร
ภรรยาที่เอาแต่เฝ้ามองอย่างนิ่งเงียบไม่ได้ส่งเสียงทักทายอะไรนักนอกจากฉวยเอาข้าวของเล็กน้อยๆจากเขาไปหอบหิ้วใส่มือไว้เสียเอง
ประโยคถามไถ่เริ่มขึ้นแม้ไม่ได้สบตากันโดยตรง
“คุณเรียกลูกเมื่อเช้าเพราะไอ้เรื่องดูตัวนั่นอีกใช้ไหม..?”
….
ความรักที่ยังยืนคือเรื่องไร้สาระที่กินไม่ได้ ..
โอจางอุคเป็นฝ่ายเอ่ยถ่ายขึ้นผ่านน้ำเสียงอันแสนเย็นชา ทว่าภรรยาของเขาดูจะแตกต่างออกไปด้วยอารมณ์ที่ผันผวน
“จัดการข่าวบ้าๆพวกนั้นเรียบร้อยหมดรึยัง..”
“หึ..ปูนนี้ยังจะคิดมากเรื่องสาวๆของผมอีกรึไง....”
“ฉันเป็นห่วงลูก...ไม่ได้หมายถึงคุณ
ถ้ายังอยากให้ลูกบ้างานตามรอยละก็ รีบจัดการข่าวคาวๆของคุณบนหน้าหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์โสครกให้หมดก่อนที่เซฮุนจะกลับมา คุณรู้ใช่ไหมสมัยนี้มือถือเครื่องเดียวก็รู้เรื่องโลกทั้งใบได้!”
ขาทั้งสองข้างของโอฮาจองหยุดอยู่กับที่ แววตาของเธอแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่ต้องการจะสื่อพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน ปัญหาของชิวิตคู่ของเธอไม่ราบรื่นนัก...แน่นอนเป็นเพราะเงินทองที่กำลังมากขึ้นทว่าความสุขทั้งหมดกับค่อยๆลดลง
“ผมสั่งแล้วล่ะน่ะ!! อย่ามาขึ้นเสียง.... ผมไม่อยากให้คุณแม่รู้....รีบๆเข้าบ้านกันดีกว่า”
คนมีอำนาจเหนือกว่าแค่นเสียงลอดผ่านไรฟัน แม้ว่ามันจะไม่ได้ดังแต่สำหรับคนที่ได้ฟังนั้นเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมลงให้ไฟกลับยิ่งลุกโชน สีหน้าที่ไม่สู้ดีของประธานโอแสดงออกถึงความหงุดหงิดที่กำลังก่อตัวมากขึ้น เรื่องราวของพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ แน่นอนว่าโอจางอุคสั่งเก็บไปแล้วด้วยเงินปิดปากจำนวนมากตั้งแต่เดือนก่อน เป็นไปได้ว่าอาจจะมีใครสักคนฝ่ายตรงข้ามได้ซื้อต่อภาพเหล่านั้นไปจากนักข่าวนอกรีดผู้หิวเงิน
สิ่งที่น่าโมโหนั่นคือครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปด้วยมูลเหตุที่ไร้ซึ่งความจริง เพราะอดีตของจางอุคที่ไม่สดใสในด้านความรักนักส่งผลให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่
..จากเพื่อนของลูกชายที่นัดมาเอาเอกสารธรรมดาๆกลายเป็นกอสซิบนักธุรกิจใหญ่กำลังคั่วกับเด็กสาวรุ่นราวคราวลูก
ถ้าปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นไปได้ว่าการพบกันอีกครั้งกับเด็กสาวที่ชื่อดาอึนน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด อย่างน้อยๆก็เพื่อพูดคุยและชี้แจงความจริง หรือถ้าแย่หน่อยอาจถึงขั้นเตรียมคำถามหรือคำตอบสำหรับสัมภาษณ์หากสักวันนึงนักข่าวต้องการที่จะเล่นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
ติดที่ตลอดวันมานั้นเขายังไม่สามารถหาข้อมูลพื้นฐานที่ตรงกับรูปพรรณสัณฐานของผู้หญิงที่ชื่อ “จองดาอึน” ได้เลย
ปัญหาทั้งหมดจึงกลายมาเป็นเรื่องที่ภรรยาของเขากำลังใช้มันเพื่อบีบบังคับให้โอจางอุคปล่อยลูกชายคนเดียวของตัวเอง เปลี่ยนแปลงจุดหมายให้อยู่บนเส้นทางที่เธอเลือกให้แทน
“เลิกทำเป็นห่วงคนในครอบครัว....ถ้าฉันไม่บอกให้คุณกลับมาพาท่านไปหาหมอคุณก็คงขลุกอยู่กับงาน..
ไม่ก็เด็กๆ----โอเค ฉันจะทำเพื่อสุขภาพของคุณแม่ ฉันทำได้เสมอ... ก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว ..”
ฮาจองเลือกที่จะตัดบทด้วยถ้อยคำตัดพ้ออย่างที่เธอไม่คิดจะพูดออกมาอีก...ความน้อยใจฝังอยู่ในส่วนลึกแม้ว่าตลอดมาพยายามที่จะเมินเฉยเรื่องราวความรักใหม่ๆของคนเป็นสามี เรื่องแย่ๆมักจะลอยมากระทบหูอยู่เรื่อย ...บ่อยครั้งก็เหมือนน้ำเซาะหินที่มีแต่จะทำร้ายจิตใจให้อ่อนแอลง
-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*--
หลิวอี้หยุนคือมนุษย์ที่หายโกรธไวที่สุดในโลก..
กลิ่นแอร์บนรถเมล์โดยสารชวนให้เวียนหัวแม้ว่าจะชินชากับการเดินทางแบบนี้บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วนในชีวิต เพราะไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่หลิวอี้จึงไม่คิดจะใช้ยานพาหนะอื่นเพื่อการเดินทางสั้นๆ
ราวๆ20นาทีเมื่อรวมกับเวลาที่รถติดเป็นที่เรียบร้อย จุดหมายปลายทางเคลื่อนเข้ามาถึงอีกครั้งด้วยความเคยชิน
ร้านสะดวกซื้อชุกซองตั้งอยู่ริมถนนด้านใน..
สองขาประมวลผลหาทิศทางที่ถูกต้องจากสิ่งแวดล้อมละแวกคอนโด เธอคุ้นเคยมันดีนับตั้งแต่เริ่มทำงาน สอดส่ายสายตาหาไม่นานนักเพราะร้านขายของขนาดกลางตกแต่งด้วยสีเขียวอ่อนทั้งร้าน
แผ่นหลังของใครบางคนบนโต้ะกางขนาดย่อมหน้าร้านดูโดดเด่นด้วยไหล่กว้าง.. แน่นอนมีคุณป้าแก่ๆโต้ะข้างกันสวมใส่เสื้อสีแดงแปร๋นกำลังกินกาแฟไปพร้อมๆกับสนทนา เสียงคุยโทรศัพท์ของเจ้าหล่อนดังสนั่นทั่วฝั่งถนน..
ถึงอย่างนั้นโอเซฮุนก็ยังคงดูแปลกประหลาดกว่าใครอยู่ดี
“เห้ย!!....ทำไมไม่นั่งหันหน้าออกถนนวะ หันตูดแบบนี้คิดว่าฉันจะจำนายได้ตลอดเวลารึไง!!?” เด็กสาวร้องตะโกนพลางใช้มือฟาดไปบนหลังหนา เดิมทีก็อยากแกล้งเล่นๆ แต่หลังจากที่ใบหน้าซีดๆนั่นเงยขึ้นมาก็รู้สึกเปลี่ยนใจนิดหน่อย..
ไม่ใช่ว่าโอเซฮุนดูทรุดโทรมแบบอดนอน คราวนี้มันแย่กว่าตอนที่เขาไม่ได้นอนมาแล้วสามวันเลยต่างหาก
ดวงตาเย็นชาที่เอาแต่เหม่อมองออกไป ม่านใสสะท้อนภาพริมทางไม่กระดิกกระเดี้ยว เพราะจมูกที่แดงก่ำและริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรงแสดงให้รู้ว่ากำลังมีเรื่องอะไรบงอย่างก่อกวนหัวใจของเขาอยู่อย่างแน่นอน
ถึงแม้หลิวอี้จะลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงกันข้ามเพื่อเฝ้ารอ..ไม่มีวี่แววของปฎิกริยาตอบรับ นานแสนนานสำหรับการพบหน้าที่ไร้บทสนทนา
โอเซฮุนผู้เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ..
“....ไปเก็บของเถอะ”
“ดะ..เดี๋ยว----ไหนบอกจะไปทำงานกันไง...
งานสุดท้าย..”
เอ่ยถามออกไปด้วยใจที่หายวาบนิดหน่อย แน่นอนว่าหลิวอี้คิดว่าเรื่องเซฮุนบอกในสายโทรศัพท์ตอนแรกไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรนัก
คงจะมีอะไรที่เธอคาดเดาผิดต่อจากนี้…
แววตาของเขายังคงเศร้าหมอง ไม่เหมือนคนที่เพิ่งคืนดีกับแฟนแม้แต่นิดเดียว
“มีอะไร....ที่ ..ที่โรงแรมไม่โอเคงั้นใช่ไหม.......ไอ้หมอนั่นมันทำอะไรนายอีกอะดิ ใช่รึปล่าว!!??”
เอื้อมออกไปเขย่าแขนซีดให้รู้สึกตัวและบอกรายละเอียดทั้งหมดออกมา พายุเฮอริเคนที่หมุนติ้วภายในช่วงท้องของเด็กสาวกำลังเพิ่มขึ้นทวีคุณเมื่อเซฮุนกระชากมือกลับเอามาปกปิดใบหน้าทรงเต้าหู้เน่าของตัวเอง
“ไม่!!...ฉันโทรมแล้ว...หลิวอี้ฉันโทรมมากๆ ...“
ใช่ มันเป็นเรื่องปรกติที่โอเซฮุนห่วงแต่เรื่องรูปลักษณ์ของเขาเสมอๆ แต่ ไม่ใช่เวลาแบบนี้
ทำไมหมอนี่ต้องทำให้รู้สึกว่าเขากำลังจะปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กอนุบาลอยู่มะรอมมะร่อ
“นายบอกฉันดิเซฮุน....พูดในฐานะเพื่อนคนนึงจะได้มั้ย..ช่วยเห็นฉันเป็นเพื่อนสักวัน แล้วเล่ามา---
ตกลงเมื่อกลางวันนายไปเจอเขา ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ปล่าว..ก็ไหนตอนเราแยกกันนายออกจะดูมั่นใจขนาดนั้นนี่ หา”
เสียงกระโชกถูกดึงกลับให้เยือกเย็นลง เธอพยายามอย่างมากเมื่อรู้ว่าวินาทีหลังจากนี้คงมีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี
...
“..=_=..”
“เลิกปิดหน้า...แล้วจ้องตาฉัน โอเซฮุน!!”
“ฉัน.......อย่าบังคับฉัน…”
เสียงขัดขืนภายใต้ฝ่ามือใหญ่ดังอู้อี้เล็ดรอดออกมา...คำพูดข้างๆคูๆไม่ค่อยถูกจริตเด็กสาวเท่าไหร่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเอื้อมไปดึงข้อมือของฝ่ายตรงข้ามให้วางลงกับโต้ะเพื่อเผชิญหน้ากันตรงๆเหมือนเดิม
…
O_O
ระ
....
ร้องไห้?
...
ความรู้สึกอยากปกป้องมักจะเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม..เมื่อเจอหญิงสาวที่เขาคนนั้นหลงรักกำลังอ่อนแอ..
บทความหนึ่งใน หนังสือแห่งการให้’ บนกองข้าวของบริจาคผุดขึ้นมาในหัวสมอง
ตอนเด็กๆหลิวอี้มักจะฝึกอ่านภาษาเกาหลีผ่านวิธีมากมายเพื่อวางแผนปูทางสำหรับการดำรงชีวิตในอนาคต
มีหลายคนปกป้องให้เธอมีชีวิตอยู่รอดด้วยความรักและความหวังดี.. แม้ว่าทุกอย่างนั้นจะค่อยๆหาได้ยากมากยิ่งขึ้นเมื่อเติบโต
เธอกำลังรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้ด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าไม่เลิกร้องไห้ด้วยหน้าตาอุบาทว์ๆแบบนั้น ฉันเอานายตายแน่ๆ....”
พายุที่ไร้ตัวตนกำลังปั่นป่วนระบบความคิดทำให้เธอตัดบทออกไปด้วยความไวแสง มันไม่ได้มีอะไรดีไปกว่ากันนักเมื่อได้ยินคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม
“หุบปากเหอะน่า...”
ยังคงเถียงทั้งๆที่เหนือดวงตาคมคือคิ้วที่ขมวดยุ่ง สีหน้าจริงจังบ่งบอกถึงความเคร่งเครียดมากมายที่เขากำลังเป็นอยู่ สองแก้มสีซีดของร่างสูงมีคราบน้ำตาอุ่นๆไหลพาดไปทั่ว
“คิมจงอินอีกใช่ไหม...”
เด็กสาวหลุดชื่อของใครบางคนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ …รอบที่ล้านสำหรับชื่ออันแสนน่าเบื่อ
เสียงสูดน้ำมูกและมุมปากที่กระตุกเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเซฮุนจะแสร้งเมินและไม่สนใจราวกับว่าคำพูดเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น
“....เอานี่ไป ,,,สำหรับการช่วยเหลือ....ทั้งหมด.....” สองมือหนาคว้าเอาบางอย่างจากใต้ล่าง
ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกปิดสนิทด้วยสภาพยับเยินเล็กน้อย
ทว่า..อารมณ์ของหลิวอี้ไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องการกิ้ฟวอเชอร์ฟาดหัวหรืออะไรใดๆทั้งสิ้น...
“ฉันถามนายอยู่ ฉันไม่ได้ต้องการของอะไรสักหน่อย...!”
“....รับมันไป”
“หยุดร้องไห้แล้วตอบฉันสักทีเหอะ!! ---เป็นบ้าอะไรทำไมไม่บอกเล่า...เป็นผู้ชายรึปล่าววะหา!!??”
เรื่องตะโกนแหกปากไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับหลิวอี้หยุนแต่อย่างใด เซฮุนมีระดับการอดทนสูงขึ้นเมื่อพวกเขาได้ใช่ชีวิตร่วมกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เด็กชายจึงได้แต่ใช่น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบกลับผ่านท่าทีอ่อนล้า
“เธอไม่เคยแพ้รึไง.....ผิดหวัง...สักอย่างนึงที่อยู่ในนี้.....ฉันกำลังเป็น... ฉันกำลังรู้สึกแพ้ ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายฉันจะแยกชิ้นส่วนออกมาถ้ายังต้องพูดถึงคนๆนั้น,,,….”
แวบแรกของใบหน้าที่เลอะเทอะเงยขึ้นสบดวงตาคมของเด็กผู้หญิงอีกครั้ง
”.. ฉันอกหักแล้ว พังหมดแล้วพอใจรึยัง!!
เสียงตะคอกหลังจากนั้นทำเอาทุกอย่างรอบตัวดูเงียบลง...
เพราะมันอัดอั้นเอาไว้จนไม่ไหว แน่นอนว่าหลิวอี้คือตัวเลือกที่เซฮุนอยากขอใช้มากที่สุด
ซึ่งผิดหวังนิดหน่อย--
“คิดว่าฉันจะต้องยินดีกับความเจ็บปวดคนอื่นอย่างงั้นหรอ.... นายคิดว่าฉันจะหัวเราะแล้วบอกว่าสมน้ำหน้านายอย่างนั้นน่ะหรอ!?”
เด็กสาวกับน้ำเสียงที่พยายามถ่ายทอดออกมาให้ดูแข็งแกร่ง แม้ว่าข้างในหัวใจจะรับรู้ถึงความกลวงโบ๋ไปหมด... สมองมีแต่สีดำสนิทจนคิดอะไรไม่ออกเพราะความรู้สึกแปลกประหลาด แรงดันอันแสนอึดอัดกำลังถีบดันให้เนื้อตัวแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“แค่พูดว่าไอ้ดำนั่นมันทำนายอกหัก พูดว่ามันไม่เอานายแล้วก็แค่นั้น แล้วเลิกเป็นบ้าเพราะผู้ชายคนนั้นสักทีไง....เซฮุน นายแค่เลิก ---“
บางครั้งน้ำตาของโอเซฮุนบ่งบอกว่าทุกอย่างกำลังดูไกลออกไป …
หลิวอี้หยุนสามารถทำทุกอย่างบนโลกนี้ได้ เธอเชื่อแบบนั้นเสมอ ถ้าหากได้รับโอกาส
แต่วันนี้กลับทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด มีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่หลิวอี้ไม่สามารถทำได้เลย แม้ว่าจะได้รับโอกาสแล้วก็ตาม…
เด็กชายตัวใหญ่ค่อยๆผ่อนลมหายใจราวกับว่าความเข้มแข็งกำลังกลับคืนสู่ที่ของมันอย่างเชื่องช้า
“เกมส์…โอเว่อร์…..”
รอยยิ้มแห้งๆกระตุกวาบ
“อืม …
ดีไม่ใช่หรอ..มันจบแล้ว…มะเขือเน่า”
“…… “
“ไม่อยากเล่าให้ฉันฟังจริงๆหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”
“เล่าไป ….ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี…”
“นั่นดิ …”
“ขอโทษ”
“เห?”
เสียงสะอึกสะอื้นขาดหายไป— ดูเหมือนว่าคำพูดที่แผ่วเบากลับทำให้หลิวอี้ตื่นตัวมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านั้น
โอเซฮุนกับคำขอโทษ’ เขามักจะให้ความสำคัญกับคำนี้เสมอ.. คำที่ได้รับยากยิ่งกว่าอะไรดี
“ขอโทษทำไม …โห่ ฮะฮะ Vt=_=”แค่นเสียงหัวเราะออกมาเอาซะดื้อๆ รู้สึกไม่คุ้นชินนักกับท่าทางที่จริงจัง และการจดจ้องจากดวงตาของอีกฝ่ายที่ไม่ได้หลุบต่ำอีก อันที่จริงเขาไม่ใช่คนที่ขี้เหร่นัก ถึงจะขอบตาแดงก่ำ ขี้มูกไหลเยิ้ม ใบหน้าบวมตุ่ย
มะเขือก็ยังคงดูดีเสมอ…
“ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นละ …” เด็กชายสูดลมหายใจที่มีแต่เสียงฟึดฟาดเข้าปอดกระทั่งไหล่กว้างยกสูง ทั้งสองมือถูไถไปรอบๆกรอบหน้าซีดราวกับว่าต้องการจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งด้วยคำพูดเท่ห์ๆ
ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกนำมาวางไว้บนโต้ะอีกครั้ง
“ไปด้วยกันนะ…..…มันคงเป็นงานสุดท้าย ….แล้วก็เป็นของตอบแทนที่ฉันบังเอิญได้มา..
อาจจะดูลวกๆ
....แต่เธอคงไม่เคยขึ้นเครื่องบินใช่ไหม
ถือซะว่าซ้อมก่อนจะบินกลับบ้านก็แล้วกัน …”
ไม่ได้จับจ้องอีกฝ่าย เพียงแต่เฝ้ามองนิ้วมือตนเองที่กระดิกไปมาอย่างเชื่องช้า
ทิ้งให้พายุฝน ฤดูร้อน หิมะสีขาวพรั่งพรู ฤดูกาลเป็นสิบถาโดฃถมเข้าใส่ ความรู้สึกของหลิวอี้เหมือนหน้าปัดนาฬิกาที่ตายแล้ว เดินง่อนแง่นไร้ทิศทาง
“....ฉันคงไม่เอาเธอมายุ่งกับเรื่องอะไรแบบนี้อีกละล่ะ ..
ไปแบบในแบบที่เธอเป็นเธอ …ถ้าเธออยากเป็นผู้หญิงก็ทำได้ …ไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้อีก
ไปเก็บของเหอะ…ฉันจะรอแถวนี้”
…
“นายอยากจะพูดอะไรก็พูดง่ายๆได้เสมอสินะ ...แน่ใจใช่ไหมว่ามันจะโอเคถ้าไม่มีฉัน
แค่ผ่านไปครึ่งวันก็กลับมาร้องไห้งี้อะหรอ...”
ขาสองข้างของเด็กสาวเด้งพรวดอัติโนมัติเพื่อประท้วงสิ่งที่ได้ยิน
“ตอนนี้ลูกเห็บตกเต็มตัวฉันไปหมดแล้ว...ฝนก็ตก....แถมหิมะก็เยอะแยะไปหมด ...หน้าร้อนมาถึงไวกว่าที่คิด...,มีแค่ฉันไงที่รู้สึกแบบนั้น นายเคยหนาว เคยร้อน เคยรู้สึกเปียกทั้งๆที่ทุกอย่างไมได้เกิดขึ้นรึปล่าว”
“เธอเพ้อเจ้ออะไรอีก”
“ฉันบอกแล้วนายไม่เห็นหรอก --- ฉันไปเอาของ
ฉันหมายถึงจะไปเก็บของ..
นายนั่งรออยู่ตรงนี้ล่ะ”
“เดี๋ยว!?”
“.......”
ร่างเล็กๆหลับมาหยุดอยู่กับที่
เหมือนเวลาที่เราเรียนวิทยาศาสตร์ แสงมักจะไวกว่าเสียงอะไรทำนองนั้น ถ้าจะยกทฤษฎีที่เหมือนจะทำให้ดูฉลาดออกมาเปรียบเทียบ
มือของเธอมีเหงื่อเยอะแยะไปหมด เยอะเหมือนไปเปียกฝนมา และมันก็ร้อนเหมือนฤดูร้อน
เซฮุนไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนบอกนัก...สิ่งที่หลิวอี้พูด ---เขามีมันสมองเพื่อบันทึกเพียงขนาดเท่าฟลอบบี้ดิสเก่าๆ
เสี้ยวใบหน้าที่หันกลับมาเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนที่เด็กชายจะนึกประโยคสั้นๆออกมา
“ช่างเถอะ..เธอยังไม่ได้แกะของในนั้นดูเลยนะ”
“แต่ของสิ่งนั้นก็ทำให้ฉันต้องไปอยู่ดี…จะก่อนจะหลังฉันก็ดีใจเหมือนกัน.....
แล้วจะมัวจับฉันไว้ทำไมวะ ปล่อย”
“...นั่นดิ”
ไม่มีความชัดเจนในสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้
ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งตัวเอง เขาเริ่มมีรสนิยมแบบผิดแปลกอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่รู้ว่าพ่อทำให้แม่เสียใจ ตั้งแต่รู้ว่าผู้หญิงโหดร้าย ตั้งแต่มีคนเข้ามาดูแล เหตุผลในหนึ่งร้อยข้อมันคงจะต้องมีสักสิ่งที่ย่ำแย่กระทั่งทำให้เขาไม่เคยรู้สึกพิเศษอะไรกับเพศตรงข้ามอีก
โอเซฮุนคิดเสมอว่าแววตากลมโตนั่นไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเขานัก แม้เพียงจ้องมองครั้งแรก
ครั้งที่สอง
ครั้งที่สาม
ดวงตามักจะเป็นหน้าต่างของหัวใจ…หัวใจของเด็กชายไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากความรักเก่าๆที่แห้งเฉา
แต่ของหลิวอี้กลับมีหลายอย่างที่อยู่ในนั้น...ชีวิตที่น่าอิจฉาในแววตาคู่สวย แม้ภายนอกเธอนั้นจะไม่ได้มีอะไรเลยให้คนรอบข้างปรารถนานัก
เขาเคยบอกกับเพื่อนตัวเล็กว่าต้องการประกายวิบวับภายในม่านตาสีน้ำตาลเข้มของเธอ.. หลิวอี้มักจะเข้าใจว่าโอเซฮุนทำสิ่งเหล่านั้นด้วยพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนเสมอ
แน่นอน
...
ไม่ใช่ทุกครั้งไป…
ไม่รู้ว่าทำไม..
จนถึงตอนนี้ มันคงจะดีขึ้น ถ้าหากเด็กชายปลดปล่อยให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
กลับไปเป็นโอเซฮุนไอ้เกย์น่ารังเกียจไร้ซึ่งความรัก ทำงานอะไรก็ได้ตามที่ครอบครัวอยากให้ทำ หมดเวลาดื้อด้านเมื่อรับรู้ว่าการแข่งขันและการหักหลังที่แท้จริงมันเลวร้ายเพียงใด.. หาหนทางกู้ศักดิ์ศรีที่เสียไปให้กลับคืน
เมื่อถึงตอนนั้น...ความรู้สึกเจ็บมันจะต้องหายไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีใครต้องมาเกี่ยวข้องอีก
น้ำตาทั้งหมดชะล้างความผิดหวัง และความโกรธ
เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เล่าเรื่องราวอะไรให้หลิวอี้รับรู้ แม้กระทั่งสิ่งที่จงอินได้ทำ ..ไม่ร้องไห้เมื่อเธอมาถึง พูดแบบมั่นใจอย่างคนมีชัยชนะและบอกลาลูกจ้างชั่วคราวแบบเท่ห์ๆไปซะด้วยตั๋วบินไปเชจู
ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลย
….
เมื่อไหร่ที่มีใครสักคนแสดงท่าทีว่ากำลังห่วงและด้านที่อ่อนโยน กำแพงมักถูกพังทลายเสมอและเมื่อถึงตอนนั้นเรามักจะรู้สึกอยากปลดปล่อยออกมาให้หมด …ลืมอคติและความต้องการ ขอแค่มีคนยืนอยู่ในห้องที่มืดมิดข้างๆ เพื่อเฝ้ารอ แม้ว่าสิ่งที่ทำจะผิดหรือถูก
เขาถึงยิ่งร้องไห้ออกมาราวกับเด็กโง่ เพราะสีหน้าที่จริงจัง คำพูดห้วนๆที่เกรี้ยวกราด
ความเคยชินที่ทำให้รับรู้ว่านั่นหมายถึงความห่วงใย
….
เซฮุนก็ไม่เคยเพื่อนอยู่แล้ว…ชีวิตตั้งแต่ต้นที่เขาต้องเอามันกลับคืนมาเสียที
ของขวัญและคำบอกลาจึงมีเพียงเท่านั้น
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
มันไม่ถึงเกาะสักที เพราะอะไรกัน ความอืดอาดเกิดขึ้นเสมอสำหรับไรเตอร์คนนี้T_T
สงสัยต้องซื้อเจ็ทส่วนตัวให้พวกนางละ เผื่อจะไปถึงเชจูไวกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่โซลอยู่เลยสินะ แย่จริง
รีดเดอร์อย่างเพิ่งหงุดหงิดแล้วขว้างคีย์บอร์ดใส่เรานะ #ตั้งบังเกอร์หลบ
ขอบคุรมากๆนะคะที่เข้ามาเช็คมาอ่านกัน คือแบบเห้ยยยเราไปเคลียร์งานมา นี่ยังไม่หมด แต่แวะมานั่งพิมพ์ เลยเลอะๆอย่างที่เห็นT-T
จะรีบไปให้ถึงเชจูไวไวนะคะ ถ้าถึงเชจู อีกไม่กี่ตอนน่าจะจบ
แง่งงง ขอบคุณที่เสียสละเวลาคอมเม้นให้เรานะ เป้นกำลังใจที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ ฮี่ๆ จุ้บจ้วบ
>_<
เจอกันตอนหน้าบนเรือพายไปเกาะเชจูนะคะ จะรีบแจวให้ถึง 555555555
♥♥♥
ความคิดเห็น