ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    because i'm A GIRL [Sehun x Amber]

    ลำดับตอนที่ #11 : Cp10

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 57


    Chapter 10

    เพื่อน

     

     






     

    “ ตั้งแต่ก่อเรื่อง แกไม่คิดจะติดต่อกลับมาหาฉันบ้างเลยรึไง....”

     

     

    เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นในขณะที่หล่อนกำลังยกกระบวยรดน้ำต้นไม้ประดับริมหน้าต่างอย่างเชื่องช้า

    โอเซฮุนในชุดเนี้ยบเท่ห์พร้อมกลิ่นน้ำหอมโชยฟุ้งไปทั่ว แสดงถึงการเตรียมพร้อมไปทำงานต่อได้ทันทีหากการพบปะมารดาสิ้นสุดลงตามคำสั่งของฮวางจื่อเทาผ่านKakao talkที่แจ้งตารางงานเอาไว้เมื่อชั่วโมงก่อน

     

    เขาเบื่อที่ต้องทำงานกับพ่อก็จริง..

     แต่การได้ทำงาน บางครั้งก็ทำให้ลืมเรื่องราววุ่นๆในสมองไปได้มากกว่าที่คิด

     

    วันนี้ในบ้านหลังโตมีแต่ความเงียบสงบ แม่ของตนยังคงทำกิจกรรจกระจุกกระจิกแก้เบื่อเงียบๆเหมือนเคย และคุณย่าที่เอาแต่นั่งดูทีวีโดยไร้เสียงหัวเราะ ออกจะแปลกไปสักหน่อยทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก กลับดีซะอีกที่เธอไม่หาเรื่องโวยวายทะเลาะเบาะแว้งแบบครั้งก่อนที่เขาได้สร้างปัญหาทิ้งเอาไว้

     

    เขายังคงไม่รู้เรื่องราวถึงข่าวฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์ของพ่อตัวเอง...

     

    “เรียกผมมามีอะไรรึปล่าว ...อย่าบอกนะว่า...”

     

    ชายหนุ่มเริ่มตั้งคำถามหลังจากมาถึงได้ไม่นาน แน่นอนว่ามีหลิวอี้แสตนบายรออยู่ข้างนอกบนรถแทกซี่โดยทีไม่มีใครรู้

    เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน โอเซฮุนคงไม่มั่นที่จะก่อเรื่องอีกด้วยตัวคนเดียวแหงๆ

     

     

    “..ว่าอะไร.........คิดว่าแม่ยอมแพ้แกไปแล้วสินะ......

    นี่....ตั๋วบินไปเชจูตอนค่ำ งานมีวันพรุ่งนี้.....บัตรเชิญจากงานเปิดshopอัญมณีที่รีสอร์ททั้งหมดสองใบ

    พร้อมตั๋วบินสองที่จริงๆมันสำหรับพ่อและแม่ แต่ว่าแกคงรู้ว่าพ่อแกไม่มีทางไปแน่ๆ ส่วนแม่ก็อยากดูแลคุณย่า ....

    อีกอย่าง แม่นัดลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทให้แกไปดูตัวด้วย----ไม่ไปไม่ได้..เพราะตกลงเอาไว้แล้ว เสียมารยาท”


    ซองปริศนาบนโต้ะไม้ไม่ไกล้กันคือสิ่งที่ถูกกล่าวถึง
    เสี้ยวใบหน้าคมกระตุกยิ้มเมื่อสิ่งที่คิดเอาไว้ไม่ได้แต่กต่างจากความจริงสักเท่าไหร่

    ....
     

    “แม่กลัวผมจะหนีออกมาอีก เลยไล่ให้ผมไปหาคู่ไกลๆงั้นสิ..

    แม่อยากให้ผมทำแบบนี้ไปอีกจนถึงเมื่อไหร่” เซฮุนพึมพำราวกระซิบด้วยสีหน้านิ่งเฉย... แม่ไม่เคยมีเรื่องราวที่จะพูดคุยกับเขามากมายนัก ยกเว้นเรื่องการแต่งงาน'
     

     

    “แล้วแกจะขอบคุณฉัน..ทำตามที่ฉันบอกไปเถอะ เลิกดื้อเสียที”

     

    “แม่บังคับผมได้เปลี่ยนใจผมไม่ได้หรอกรู้เอาไว้..... ตกลงธุระที่ว่ามีแค่นี้..

    ผมไปละ ..

    คุณย่าสวัสดีครับ”

     

    ร่างสูงหันรีหันขวางไปยังคุณย่าของตนที่ยังคงนั่งอยู่เงียบๆ ก่อนที่แขนยาวจะคว้าเอาเสื้ออคลุมบนเก้าอี้พร้อมกับซองกระดาษสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึกเอาไว้จนสนิทติดตัวมาด้วย

    โอฮาจองยังคงแสดงท่าทีเฉยชาด้วยการไม่แม้แต่จะเหลียวมองลูกชายคนเดียวของตัวเองราวกับว่าเธอไม่ได้แยแสกับมารยาทของเขานัก ถ้าหากจะบอกว่านิสัยหยิ่งทะนงของเขานั้นได้มาจากใครคงเดาออกไม่ยาก

    เซฮุนตั้งใจเพิกเฉยแม่ของตนเพื่อแสดงอาการไม่พอใจเหมือนเคย
    ซึ่งเธอก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไร แค่เขายอมมาเหยียบบ้านของตัวเองก็นับว่าเพียงพอมากแล้ว

    เสียงย่ำเท้าปึงปังเบาลงและเมื่อเสียงเหวี่ยงประตูอัตโนมัติดังกรึก

    บทสนาทนาระหว่างคนสูงอายุเริ่มต้นขึ้นราวกับนัดหมาย

     

    “หลานฉันคงจะรู้สึกดีใช่ไหมถ้าเขาไม่เห็นของเหล่านั้นอีก ....ฉันมันผิดเองที่เลี้ยงจางอุคไม่ดี

    ถึงทำให้เธอกับลูกเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ….ฉันเห็นใบหน้าของเขามันผอมลงไปกว่าเก่าอีกนะฮาจอง…ฉันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ

    น้ำเสียงคนเป็นย่าสั่นเครือเล็กน้อยเพราะความรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้ ไม่ได้แม้กระทั่งติติงลูกชายแท้ๆของตนเพราะรู้แก่ใจดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรนักกับคนหัวแข็งประเภทนั้น

     ตั้งแต่เล็กๆโอจางอุคมักจะยึดถือความคิดตนเองเหนือสิ่งอื่นใด

     

    “คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะอย่าโทษตัวเองเลย---…ฉันชินเสียแล้ว จะมีก็แต่เซฮุนที่ยังต้องห่วง มาเจอเรื่องแบบนี้อีกคงจะกลับไปนึกถึงตอนเด็กๆ....เซฮุนไม่ยอมคุยกับจางอุคตั้งหลายปี
    ตอนนี้ลูกโตแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างถ้าเขาเกิดรู้ขึ้นมา แต่โชคยังเข้าข้างที่เค้ายังหาเพื่อนดีๆคบหาพอเป็นหูเป็นตาให้ได้"
    โอฮาจองก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปยังหญิงชราที่นั่งทอดสายตาหมดหวัง

    ในมือของเธอมีมือถือที่กำเอาไว้แน่น

     

    “เธอหมายถึงเด็กคนที่เซฮุนโกหกเราว่าเป็นผู้ชายนั่นสินะ”

     

    “ค่ะ ฉันได้คุยกับเค้ามาบ้าง ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่ต้องทำ ….แต่หลิวอี้เป็นเด็กผู้หญิง ที่ใจแข็งกว่าเซฮุนเยอะเลย ----

    ตลกดี บางเรื่องคนเป็นแม่ยังรู้น้อยกว่าเพื่อนลูกตัวเองด้วยซ้ำ

     

    มันไม่พอหรอก.....เราคือครอบครัวของเซฮุนนะ ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสิ หรือที่เซฮุนเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะฉันกันแน่ ใช่ไหม เค้าอาจจะเป็น....ชอบอะไรแบบนั้น...อาจจะเพราะฉัน…..ฉันรู้สึกผิดต่อทุกคนจริงๆ ฮาจอง หลานชายของฉันคงไม่สบายใจเอามากๆ ฉันจะทำยังไงดี”

     

     

    “อย่าคิดมากเลยนะคะ ฉันจะรีบจัดการพวกข่าวบ้าบอไร้สาระระหว่างลูกไปเชจูโดยเร็วที่สุด การไปครั้งนี้ของเซฮุนต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น คุณแม่สบายใจได้ “

    แม้ว่าความรู้สึกประหม่าจะมีมากเหลือเกิน ทว่าคนเป็นแม่ และลูกสะใภ้อย่างเธอกลับไม่สามารถแสดงมันออกมาได้อย่างเต็มที่….ใบหน้าที่สะสวยดูหม่นหมองอีกครั้ง

    สองมือที่กำเอาโทรศัพท์จนแน่นยกขึ้นมาแนบหู เบอร์ติดต่อปลายทางปรากฏเสียงรอสายพักใหญ่

     

    ….

    คุณจะกลับมาพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพเมื่อไหร่ ….

    ฉันแค่จะโทรมาพูดเรื่องของลูกชายเรา

    เลิกให้เขาเป็นทาสสักอาทิตย์ได้ไหม

    ถ้ายังไม่สามารถจัดการเรื่องตัวเองกับผู้หญิงในข่าวได้

    ฉันให้ลูกไปงานที่เชจูแทนมีอะไรฝากงานไว้กับพ่อหนุ่มลูกน้องคนสนิทของคุณก็แล้วกัน

    แค่นี้นะ”

     

     

    =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

     

     

     

    “ไปthe shillaต่อเลยครับ”

     

    เคำสั่งจากชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาฉับๆออกมาจากรั้วบ้านช่างไร้อารมณ์สิ้นดี ในมือขาวซีดยังหอบหิ้วของพะรุงพะรังออกมาด้วยพร้อมๆกับเสื้อคลุมที่ไม่คิดจะสวมทับทำเอาคนที่รออยู่ด้านในรถคิดคำถามไม่ถูก
    หลิวอี้รู้ดีช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเธอและเซฮุนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างติดลบ
    ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถนั่งนิ่งเฉยเหมือนคนบื้อได้อยู่ดี

     

    “นะนี่ ตกลงไม่มีดูตัวใช่รึปล่าว”

     

    “ฉันจะไปทำงานต่อ ---ฉันจะไปเจอคิมจงอิน เธอสนใจอยากมาด้วยไหมละ “ คนตัวโตเน้นย้ำชื่อของใครบางคนในประโยคอย่างชัดเจน ดวงตายาวเหลือบกลับมามองคู่สนทนาพลางเลิกคิ้วอย่างท้าทาย

     

    แต่เด็กสาวหาได้สนใจการประชดประชันทั้งหมด

    ในสมองของหลิวอี้เริ่มสวนกลับด้วยคำโต้เถียงเดิมๆ ผ่านอารมณ์ที่พุ่งสูง

     

    “ไปทำไม!!!??? นายยังจะอยากเจอไอ้หมอนั่นอีกหรอ ฉันเตือนนายแล้วนะเว้ย ว่าเค้าไม่ได้ดีอย่างที่นายคิดอะ!!

    เสียงตะโกนห้าวๆของเพื่อนไม่ได้ทำให้เซฮุนคิดได้มากขึ้น บางอย่างทำให้เขาถ่ายทอดมันออกมาเป็นพูดแถมฟังดูแย่เสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆสำหรับหลิวอี้หยุน

    แม้แต่ตัวของเขาเองเช่นกัน...

     

    “ฉันไม่เชื่ออะไรเธอง่ายๆแล้วล่ะหลิวอี้..อีกอย่างวันนี้จื่อเทาจะไปกับฉันด้วย

    เป็นอีเว้นโรงแรมใหม่ของครอบครัวจงอิน ฉันอาจจะได้เจอเขา แล้วเคลียร์เรื่องเราสองคนซะ รวมถึงการแต่งงานบ้าบออะไรนั่นก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่น--- เธอคิดเหมือนกันละสิว่าทำไมเขาถึงยังคงรู้เรื่องราวของฉันเหมือนเดิม

    เพราะว่าเขาอาจจะยังชอบฉันอยู่ไงล่ะ..

    ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขาฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอรับรู้---ถ้าเธอคิดอยากจะคบหากับคิมจงอิน

    เราสองคนก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป

     
    โอเซฮุนยังคงเป็นโอเซฮุนจอมยึดติดอยู่วันยังค่ำ...

     

    “เออ…..ได้ให้ฉันลงข้างหน้านั่นละ !

    แล้วนายจะรู้…….

    ว่าเขาพูดถึงนายว่ายังไงบ้าง โอเซฮุน แล้วนายจะรู้เอง

    แล้วมีสติครบตอนไหนช่วยบอกด้วย จะเลิกจ้างฉันเมื่อไหร่ จะได้จบๆไปซักที  

    ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้เงินทองเยอะแยะไปอีกทำไมแล้วเหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องใช่จ่ายอีก

    ฉันหมดความทรงจำกับทุกๆที่ในประเทศนี้แล้ว เข้าใจนะ

    ลุงๆ อย่าเพิ่งขับเลยสิ จอดตรงนี้ละๆ “

     

    หลังจากเอ่ยบอกโชเฟอร์ปิดท้าย สองมือก็รีบกุลีกุจอผลักประตูรถแทกซี่โดยสารออกด้วยความไวแสงโดยที่ไม่หันกลับมามองอีก วันนี้คงเป็นอีกวันที่เธอจะใช้ชีวิตอยู่นอกคอนโดตลอดคืนและทบทวนเรื่องที่อยากจะพูดออกไปเมื่อเช้า

    รถแทกซี่คันสีเทาค่อยๆเคลื่อนตัวทิ้งไปพร้อมๆกับเบื้องหลังของโอเซฮุนที่สามารถมองทะลุผ่านจากกระจกหลัง

    เขายังคงจ้องมองไปด้านหน้าอย่างนิ่งเฉย

     

    หลิวอี้อยากจะเลิกทำหน้าที่อะไรแบบนี้แล้ว

    อยากลาออกจากงานบ้าๆและไปหาอะไรที่ทำเพื่อตัวเอง บ้านเด็กกำพร้าก็คงใม่ต้องการเงินของเธออีกในเมื่อการขายที่ทิ้งให้กับการสร้างโรงแรมละแวกนั้นก็คงได้ทรัพย์สินมากมายพอให้ตั้งตัว

     

    ทำไมฉันต้องมาสนใจกับไอ้ตุ้ดเด็กเห็นแก่ตัวอย่างนายทำไมวะ หา ไอ้เฮงซวย!!!!!

     

    =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

     




     

    บรรยากาศภายในโรงแรมเปิดใหม่ของตระกูลคิมกำลังคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายในวงการธุรกิจที่เฝ้าจับตามองพัฒนาการขององค์กรมาตั้งแต่ต้น ถึงแม้การทำโรงแรมที่พักจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับพวกเขา หากแต่ด้านธุรกิจต่างๆไม่ว่าในส่วนของเอนเตอร์เทรนหรือการท่องเที่ยวกลับเป็นที่รู้จักอย่างดีในวงกว้าง

     

    “จากนิตยสารxxx ครับ สองคน”

    เสียงของฮวางจื่อเทามักจะมีเสน่ห์เสมอสำหรับเซฮุนเวลาที่กำลังจริงจัง โดยเฉพาะในยามทำงานแบบเช่นตอนนี้
    เสน่ห์ผ่านรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างสามารถดึงดูดพนักงานสาวประจำเคาว์เตอร์ลงทะเบียนได้เป็นอย่างดี โดยคำซุบซิบทั้งหมดต่างพูดถึงความไม่น่าเป็นไปได้ของนิตยสารเศรษฐกิจธรรมดาๆที่กลับมีนักข่าวหน้าตาราวกับดารามาร่วมทำงาน

     

    พวกเขามาถึงสถานที่ในเวลาที่พอดิบพอดีในขณะที่งานกำลังเริ่มต้นขึ้น

     

    คำแถลงบนโพเดียมสะกดทุกสายตาด้วยผู้บริหารระดับสูงซึ่งหมายถึงคุณลุงของคิมจงอิน เขามีรูปร่างทีไม่สูงนักและผิวที่ขาวเหลืองแตกต่างจากหลานชาย

    ที่นั่งด้านหน้าหลงเหลือกระจัดกระจาย จื่อเทาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องนั่งแยกกับชายหนุ่มที่ติดตามมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้

     

    “อย่าลืมจดจำรายละเอียดโครงการด้วยนะครับ บางทีงานหรือโปรเจ็คของเขาอาจจะเป็นสิ่งที่จะต่อยอดให้กับโรงแรมของเราได้ถ้าหากเราเอาไว้ขัดเกลาอีกทีผมจะไปนั่งฝั่งโน้น ส่วนคุณก็นั่งฝั่งนี้ ถ้าจบงานเมื่อไหร่เราค่อยมาเจอกันตรงทางออก”

     

    “อืม ไปเถอะ ฉันจะโน้ตเอาไว้ในมือถือเท่าที่ทำได้ ไว้คุยกันอีกที “

    โอเซฮุนตอบรับพลางชูมือถือขึ้นแสดงถึงอุปกรณ์ที่นำมาช่วยบันทึกระหว่างการทำงาน ความรู้สึกของเขาเหมือนตัวเองกำลังมาสอดแนมบางอย่างทั้งๆที่ความจริงแล้ว เซฮุนแค่อยากหาโอกาสเจอจงอินสักครั้งเพื่อจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด หรือไม่ก็อยากฟังคำอธิบายของจงอินเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อคืนก่อน 

    เด็กชายมั่นใจว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์ที่กำลังทวีเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ

    บางอย่างที่ต้องการคำอธิบาย บางอย่างที่ลึกๆแล้วเด็กชายหวังว่าจะได้ยินคำตอบว่าหลิวอี้ไม่ได้เกี่ยวข้อง
     

    ถึงแม้คำอธิบายจากเด็กสาวจะบอกปฎิเสธก็ตามที แต่แค่เซฮุนเห็นหน้าหลิวอี้เขากลับโมโหมากกว่าปรกติ

    เหตุผลสารพัดที่ค่อยๆถูกถ่ายทอดออกจึงไม่มีความหมายอะไรนัก

    ………….

    การบรรยายโครงการเริ่มต้นด้วยการร่ายประวัติของกลุ่มธุรกิจไปเรื่อยเปื่อย

    พอมาตั้งใจฟังแล้วรู้สึกว่าครอบครัวของจงอินมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดจนน่าทึ่ง

     

    “หลังจากนี้จะเป็นการเปิดตัวโปรเจ็คใหญ่ภายใต้โครงการที่เพิ่งดำเนินการอย่างสดร้อนๆ Beautiful Life Beautiful Place ซึ่งกลุ่มธุรกิจเครือข่ายKกรุ้ปได้วางแผนดำเนินงานมาได้หนึ่งปีพร้อมให้เปิดหุ้นและร่วมลงทุนทันที

    ในส่วนนี้ขอเรียนเชิญประธานบริหารฝ่ายการตลาด คิมจงอินขึ้มาชี้แจ้งถึงรายละเอียดรวมถึงหน้าตาของโครงการใหม่ของเราด้วยค่ะ”

     

    สิ้นเสียงฝ่ายพีอาร์ของบริษัทไฟทั้งห้องก็ค่อยๆหรี่ลงเผยให้เห็นจอมอนิเตอร์ที่ปรากฏภาพ3Dในวีทีอาร์สั้นๆ

    เสียงลั่นของชัตเตอร์เริ่มดั้งขึ้นเมื่อบุคคลที่ถูกเชิญเดินก้าวขึ้นยังเวที ใบหน้าของจงอินในวันนี้สดใสมากเหลือเกิน

    ……

    ความประหม่ากำลังเข้าครอบงำความรู้สึกของชายหนุ่มทีละเล็กทีละน้อยเมื่อสายตาจ้องมองไปยังดวงตาสีนิลอันยากอธิบาย

    ทว่าเสียงดนตรีและถ้อยคำเปิดหัวของโครงการใหม่ล่าสุดทำเอาเด็กชายได้สติและเริ่มหันเหความสนใจไปยังภาพบนจอตรงหน้า เมื่อเริ่มฟังพร้อมกับคำแนะนำของจงอินไปพร้อมๆกัน ชาร์ทและภาพสิ่งก่อสร้างเสมือนจริงทั้งหมดแลดูคุ้นตามากเหลือเกินถ้าไม่นับชื่อที่ถูกเรียกให้แตกต่างออกไปแค่นั้น

    ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดสรร ดีไซน์ การออกแบบผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเกาหลีและตะวันตก ซึ่งหากเป็นคนภายในจะรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเอกลักษณ์ของThe shilla และนักท่องเที่ยวมากมายมักให้ความสนใจเสมอๆ

    ไม่ว่าจะเปิดสาขาที่ไหนก็ตาม การนำวัฒนธรรมของสถานที่นั้นๆหรือประเทศนั้นๆมาเป็นส่วนประกอบด้วยนับว่าเป็นจุดเด่นของโรงแรมที่พ่อของเซฮุนพูดยึดถือมาโดยตลอด

     

    “ครับ…. โครงการโรงแรมขนาดกลางที่วางแพลนเปิดตัวในมกราคมปีหน้า ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้ชานเมืองซึ่งมีบรรยากาศที่ดี และอาหารแห้งของชาวบ้านนั้นได้มีโอกาสได้ส่งออกสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยที่การท่องเที่ยวไม่ได้จำกัดเฉพาะโซลเสมอไป จุดเด่นคือการที่ผมจะทำให้ห้องพักแต่ละห้องมีการตกแต่งตามวัฒธรรมท้องถิ่นของเราในแต่ละยุคลงไปด้วย แน่นอนว่าผมคิดว่านักท่องเที่ยวจะต้องชื่นชอบ

    โครงการนี้ผมทั้งคิดและวางแผนด้วยตนเองอยู่นานมากเพื่อให้ทั้งหมดออกมาอย่างสมบูรณ์ และหวังว่าKกรุ้ปของเราจะได้เป็นหนึ่งในตัวแทนของการเผยแพร่วัฒนธรรมของเกาหลีสู่โลกตามคำแนะนำของรัฐบาลที่อยากให้กลุ่มธุรกิจมีการส่งเสริมด้านท่องเที่ยว……..

     

    เซฮุนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่คิมจงอินสร้างสรรค์ขึ้นมาทั้งหมดด้วยตนเองอย่างที่ปากของเขพร่ำบอกออกมาไม่หยุด

    ทั้งรอยยิ้ม และท่าทีที่แสดงถึงความมั่นอกมั่นใจ

    นั่นมันแผนงานของพ่อเขาชัดๆ มันคือแผนของการปรับปรุงโรงแรมในจีนแห่งหนึ่งที่พ่อได้เทคโอเวอร์เอาไว้เมื่อหลายปีก่อนเพื่อตกแต่งและสร้างใหม่ให้กลายเป็นอีกสาขาที่คาดว่าจะได้กระแสตอบรับที่ดี

    ภาพจำลองสถานที่ที่เสร็จสมบูรณ์ของคิมจงอินยิ่งทำให้เขาเห็นภาพมากขึ้นเข้าไปอีก สิ่งเหล่านั้นทำให้เซฮุนนึกหวนกลับไปนึกถึงเมื่อครั้งที่ยังคบหากับคนผิวเข้ม เซฮุนไม่เคยปิดบังเรื่องอะไรเกี่ยวกับตนเองเลยแม้แต่เรื่องเดียวเพราะชายหนุ่มมักจะคิดเสมอว่าจงอินเป็นคนรักที่เข้าใจตนมากที่สุด มากกว่าคนในครอบครัวด้วยซ้ำที่เอาแต่จับผิด

     

    ไม้เว้นแม่แต่เรื่องงานที่พ่อมักจะบังคับให้เด็กชายเข้าประชุมด้วย หรือทำงานร่วมด้วยมาโดยตลอด

     

    ซึ่งนั่นหมายถึงแผนงานต่างๆที่เขามักจะหยิบเอามาทำระหว่างที่นัดกินข้าวกับคิมจงอินราวกับคนโง่

    ใบหน้าที่เริ่มชาและภาพที่เคลื่อนไหวสะท้อนบนม่านตาสีดำสนิท

    พ่ออาจรู้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ถึงให้เขามาทำงานบ้าๆนี่ๆกับฮวางจื่อเทา--- พ่อกำลังฆ่าเขาทั้งเป็นด้วยความจริง

     

     

     

    “นายรู้มั้ยว่าโรงแรมพ่อกำลังได้ทำโฆษณาร่วมกับรัฐเพื่อนรณรงค์การท่องเที่ยวของประเทศ นายเห็นที่ฉันเอามาให้ดูใช่ไหม มีส่วนเจ๋งๆหลายที่เลย ฉันอยากจะเป็นคนช่วยออกแบบนะ แต่อย่างว่าละ พ่อคงไม่ไว้ใจ”

     

    “อื้ม…..ฉันก็อยากช่วยครอบครัวทำงานเหมือนกัน นายเอางานมาให้ฉันดูสิ ฉันว่าถ้าเราช่วยกันคิดแบบที่ให้พ่อนายไม่รู้ บางทีออกมาเจ๋งก็ได้นะเซฮุน^^

     

    “นี่ไง ฉันถ่ายมา เห็นแล้วนายจะอึ้ง ที่ฉันคิดเอาไว้นะด้านนอกตกแต่งดีไซน์ให้เป็นแบบจีนผสมตะวันตก ส่วนด้านในเราทำห้องพักให้เป็นไสตล์เกาหลี เพราะพ่อฉันคุยเอาไว้เห็นว่าจะเอาไปใช้ตกแต่งที่จีนนู่น พวกชาวจีนจะต้องทึ่ง แล้วก็ชื่นชอบในศิลปะเกาหลีของฉันชัวร์ๆ ^O^

     

     

    เห่อะ….

    น่าขยะแขยงนัก ความรักที่ด้อยค่า

    …..

    นายพูดมาได้ยังไงว่าคิดเอง ทั้งๆที่สิ่งที่พูดออกมามันเป็นความคิดของฉันล้วนๆ

    แถมแผนผังทั้งหมดก็เป็นของพ่อฉัน คิมจงอิน…….

     

    ลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาสดร้อนๆ เพราะความโกรธของเขาเพิ่มมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่ามันมาถึงจุดไหน

    รู้ตัวอีกทีก็ไม่ได้สนใจจดบันทึกสิ่งที่ได้ยินอีกต่อไป กระทั่งวีทีอาร์และไสลด์บรรยายจบลง ไฟทุกดวงกลับมาเปิดสว่างอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับคำถามจากผู้สื่อข่าวด้านข้าง

     

    “เอ้ะ,….คุณคือลูกชายของประธานThe shillaรึปล่าวครับ??....

    ใช่สิ คุณคงพอจะทราบข่าวของคุณพ่อ…..

     .....

    “เซฮุน กลับกันได้แล้ว ขอโทษนะครับ ผมกับเขาต้องขอตัว “

    ภาษาเกาหลีแปร่งๆของฮวางจื่อเทาดังขึ้นสวนกลับอย่างทันท่วงที ชายวัยกลางคนที่ห้อยป้ายคนนี้อาจจะตั้งใจมาเขียนข่าวการเปิดตัวโครงการของจงอิน ทว่ากลับมาพบเจอเซฮุนโผล่มานั่งข้างๆเสียก่อน

     

    เจ้าตัวลืมนึกไปว่าตัวเองโด่งดังไม่ต่างไปจากพ่อนัก

    แค่มีชื่อเสียงในด้านที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

     

    ถึงอย่างนั้นร่างสูงที่ถูกดึงออกจากกองทัพนักข่าวที่กำลังเริ่มผลุดลุกผลุดนั่งจากเก้าอี้กลับรู้สึกอยากรู้คำถามที่ยังฟังไม่จบ

     

     

    …..

    ……

    “ข่าวพ่อยังไม่จบดี ลูกชายก็แอบมาให้กำลังใจแฟนเก่าอย่างคิมจงอิน เล่นได้ไม่รู้เบื่อจริงให้ตาย พวกประเด็นรักร่วมเพศเนี่ยะ ”

     

    แน่นอนว่านักข่าวยุคใหม่มีความสามารถเพียงแค่นี้เท่านั้น

     

     

     

     

    “จะหาอะไรกินรึปล่าว ผมไม่เห็นคุณกินอะไรเลยนะ หาอะไรง่ายๆกินไหม”

     

    ฮวางจื่อเทายังคงเหมือนเคย ถามไถ่และดูแลเขาเสมอ ….
    ถึงจะบอกว่าเพราะจากคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปซะทั้งหมด
    .......

     

    โอเซฮุนในชุดสูทรที่ดูสง่าผ่าเผยไม่ปรากฎคำตอบรับใดๆ แขนยาวยกขึ้นเท้าเอาไว้ระหว่างกระจก

    ถนนข้างทางที่ไหลผ่านสายตาไปเต็มไปด้วยความคิดที่ไม่หยุดนิ่ง

    ราวกับคนหูหนวกที่จมอยู่ในวังวน ขอบตาที่ร้อนผ่าวไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างชัดเจน

    ถึงเขาจะเป็นตุ้ด เป็นเกย์ เป็นอะไรก็ตาม ใช่ว่าโอเซฮุนจะชอบแสดงด้านที่ออนแอเสมอไป

    แม้ความรู้สึกที่มีได้พังทลายเป็นเสี่ยงเรียบร้อย

     

    “จื่อเทา จอดร้านสะดวกซื้อข้างหน้านี่ละ ฉันว่าจะกลับคอนโด เย็นนี้ฉันมีธุระของแม่ที่ต้องทำ
    ยังไม่รู้กำหนดแน่นอน ส่วนพ
    วกรายละเอียดทั้งหมดวันนี้ฉันจะส่งเมลล์ให้พ่อที่หลังเอง ”
    เซฮุนเอ่ยแจงถึงธุระที่กลายเป็นสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในเวลานี้
    แม้ว่าตอนแรกมันคือสิ่งที่อยากจะทำให้พังพินาศก็ตาม


    ไปไหนก็ได้ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ลำบากใจ สูดอากาศบริสุทธิ์กับทะเลดูสักครั้ง

     

    “คุณจะหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อแค่นั้นน่ะหรอ จะไปหาร้านดีกินก็ได้นี่”
    คนขับเบนดวงตาคมมายังเจ้านายที่แลดูมีสภาพไม่ดีนัก ก่อนที่คนตัวขาวจะเริ่มโต้ตอบ

     

    “ไม่อะ ฉันมีธุระเย็นนี้ อาจจะยาวๆ พ่อคงรู้ นายไม่ต้องถามมากหรอก

    พ่อให้นายมาดูแลเรื่องการทำงาน ไม่ใช่ดูแลชีวิตฉัน

    สิ้นประโยคสุดท้าย ได้ผลสำหรับจื่อเทา ความเงียบจึงได้ชัยชนะอีกครั้ง เซฮุนอาจจะปากร้ายกว่าเดิมสิบเท่าหรือยี่สิบเท่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ปลดปล่อย

    นั่นเป็นสิ่งที่ผู้คนรอบตัวชายหนุ่มจำเป็นต้องชินชา การทำให้เซฮุนเหมือนได้ใช้ชีวิตคนเดียวบนโลกสักชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรนัก ทว่านั่นหมายถึงการทำให้เขาเริ่มเย็นลงอย่างช้าๆโดยที่ไม่มีใครเดือดร้อน

     

    ร้านสะดวกซื้อตรงหน้ากำลังทำให้เขานึกถึงกลิ่นโซจูธรรมดาสักขวด และ เพื่อน'

    ทันทีที่ปลายเท้าแตะกับฟุตบาทพร้อมอากาศบริสุทธิ์ภายนอก

    ไม่มีฮวางจื่อเทา….. ไม่มีใครอีก…. ใบหน้าที่ร้อนระอุและขอบตาที่ร้อนไปหมดเริ่มต้นอีกครั้ง

    ตั้งแต่เด็กแล้วที่การร้องไห้มักจะทำให้โดนล้อเสมอ…. เพราะผิวที่ขาวมักจะทำให้เบ้าตาเป็นจ้ำแดงอยู่อย่างนั้นเป็นวันๆ..

    โอเซฮุนไม่ชอบเลยเวลาที่เขารู้สึกด้อยค่าหรือกำลังดูย่ำแย่ต่อโลกภายนอก มือซีดข้างหนึ่งยกขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้ราวกับว่าไม่อยากให้ใครเห็นความหล่อเหลาที่เคยภูมิใจกับค่อยๆสลายไปกับความรู้สึกที่ค่อยๆระเบิดออก

     

    วันนี้มันแย่มากจริงๆ….

     

    เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ชอบมันเท่าไหร่ถูกกดโทรออกไปอีกครั้ง

     
    .......
    ....

    “เธออยู่ไหน...
    มาทำงาน…….

    ฉันหมายถึง มาทำงานชิ้นสุดท้ายให้ฉันหน่อย...

    ฉันรอหน้าร้านสะดวกซื้อซุกซองนะ”

    =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=


    TBC
    รีบปั่นตอนนี้มาลง ฮี่ๆ^^หลังจากนี้คงต้องทิ้งระยะไปทำงานสักพัก
    #ร่ำไห้ TOTฝากด้วยนะคะ ขอบคุณรีดเกอร์เจ้าเก่าทุกคนเลย ตอนนี้เห็นคอมเม้นก็รู้แล้วว่ามีใครบ้าง ฮ่าๆๆ^O^
    รวมถึงรีดเดอร์ใหม่ที่่หลงเข้ามานะคะ ขอบคุณมาก
    ไว้เจอกันตอนต่อไปที่เกาะเชจูน้าา ฮ่าๆๆ^O^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×