คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Cp9
Chapter9
บางครั้ง
โลกสอนให้รู้จักคนรอบข้างมากกว่าตัวของเราเอง
ถ้าหากชีวิตที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเป็นตัวชี้วัด....
อะไรที่ทำให้คนอิจฉากันมากที่สุด..ก็คงจะเป็นความสุขที่แต่ละคนนั้นคงไม่มีทางเท่ากัน.....
อากาศยามเช้าในวันแรกของสัปดาห์ทำให้โอฮาจองมองเห็นสิ่งแวดล้อมนอกหน้าต่างบ้านได้มากกว่าเดิม หรือจะพูดง่ายๆว่ามันดูมีความหมายยิ่งขึ้นเมื่อตัดสินใจปล่อวางหนังสือพิมพ์ยามเช้าลงนั่นละ
หน้าบนสุดที่ถูกอ่านค้างเอาไว้แสดงให้เห็นถึงภาพสามีของตนกับสาวน้อยผมมันยาวบนรถโดยสารคันหรู ไม่มีรายละเอียดมากนักว่าเธอคนนั้นเป็นใครเพราะภาพและใบหน้าที่ไม่ชัดเจนด้วยพนักงานโรงแรมที่ห้อมล้อมจนดูเกะกะ
ถึงกรอบไม่ใหญ่ไม่โตในหน้าgossip ทว่ามันก็ทำให้หญิงมีอายุอย่างเธอรู้สึกกังวลไม่ใช่น้อย ถึงจะบอกว่าวัย58ปีสมควรจะปลงเรื่องราวต่างๆได้แล้วก็เถอะ
ติดก็แค่มันทำให้ภาพลักษณ์ของผู้นำบริษัทอย่างโอจางอุคที่กำลังมีเมกะโปรเจคมากมายแลดูหมดความน่าเชื่อถือลง...
การมีข่าวคราวชู้สาวบ่อยๆ ถึงจะเป็นนักธุรกิจแต่ความหมายที่มากกว่านั้นคือภาพลักษณ์บริษัทในด้านของการเป็นสปอนเซอร์ในองค์กรของรัฐ รวมถึงการหาผู้สนับสนุน
มันสมควรจะชินชา สักที
“ฮาจอง โทรศัพท์ของเธอดัง จะไม่รับหน่อยรึไง!?”
เสียงแหบๆของสตรีสูงวัยและมีอำนาจเหนือทุกคนภายในบ้านจากคุณแม่สามีร้องขึ้นจากห้องทำหารถัดไป เสียงรอสายดังเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่โอฮาจองกลับไม่รู้สึกด้วยความคิดฟุ้งซ่าน
เบอร์บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลกประหลาดที่ไม่ได้เซฟเอาไว้ เธอพยักเพยิดเป็นเชิงว่ารับทราบดีก่อนจะตัดสินใจกดรับกรอกเสียงทักทายลงไปก่อน
“ค่ะ...?”
(…….)
“เอ่อ...จ้ะ..ได้ยิน....ถามได้มั้ย ว่าใครพูด??”
(…….)
“....ใช่ฉันแม่ของโอเซฮุน ฉันเป็นคนพูด ฉันไม่มีทางลืมแน่ๆ ---ว่าแต่มีปัญหาอะไรหรือจ้ะถึงโทรมาหาแต่เช้า”
(……)
“เดี๋ยวนะ ใจเย็นๆ ฉันฟังไม่ทัน เธอมีปัญหาอะไรกันแน่”
(…….)
“.......นี่คือปัญหาของเธอสินะ...”
(……..)
....ฉันเป็นแม่ของเขา ฉันต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว ขอบคุณนะ อย่างน้อยๆก็เป็นเพื่อนที่ดีกับลูกชายของฉัน”
(…….)
“จ้ะ...ฉันรู้”
กรึก
เสียงตัดสายดังขึ้นพร้อมๆเสียงสัญญาณที่ว่างปล่าว
ไม่เสียงพูดจาอะไรตอบกลับอีก พร้อมๆกับใบหน้าของฮาจองที่ค่อยๆยกยิ้มขึ้นอย่างลืมตัว
-*_*_*_*_*_*
คืนวันเสาร์ที่ปั่นป่วน….
ผมมั่นใจว่าช่วงเวลาในผับวันนั้นมีใครสักคนในกลุ่มเพื่อนที่เป็นฝ่ายใช้มือถือโทรตามคนมารับโอเซฮุนผู้เมามายกลับมายังคอนโด
อันที่จริงสติก็ยังพอหลงเหลืออยู่เยอะเชียวละ
ไม่นานสักเท่าไหร่ที่ฮวางจื่อเทากลับมาปรากฏตัวตรงหน้าผมอีกครั้ง หลังจากเราแยกกันไม่เกินหนึ่งวันดี
ด้วยสาเหตุที่ว่าเบอร์ของเขาคือเบอร์โทรออกล่าสุดที่ผมใช้ มันจึงถูกสุ่มโทรตามเป็นเบอร์แรกและได้ผล
จื่อเทาไม่เคยปฎิเสธเลยสักครั้ง
น่าอายที่คำโกหกของผมกลายเป็นเพียงข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นนัก หลังจากใช้สิงนี้เป็นข้ออ้างเพื่อหยุดอยู่กับคอนโดแล้วออกมาดิ้นคนเดียวยามค่ำคืน
เต้นให้ลืมความทุกข์ใจ อยากมีอะไรกับใครก็ได้แบบนั้นก็ยิ่งดี'
.....
.....
รสชาติโซจูไหลเวียนอยู่ภายในปากตลอดทางที่กลับไปยังคอนโด ลมหายใจที่ทวีความร้อนระอุช่างไม่สบายตัวเอาเสียเลย
ผมคิดว่าจื่อเทาคงสังเกตเห็นถึงสิ่งนั้นก่อนที่เขาจะตัดสินใจเสนอให้ผมลงหาซุปร้อนๆดื่มเพื่ออาการที่ดีขึ้นภายในซุปเปอร์เล็กๆก่อนจะถึงที่พัก
....
ตลอดการย่างก้าว ภายในหัวยังคงไปเบาหวิว ไร้การทรงตัว มันโคลงเคลงเหมือนสติที่หลงเหลืออยู่
แน่นอนว่าระดับความมึนตึงของมันเริ่มพุ่งสูงขึ้นตราบใดที่อารมณ์ของทั้งหมดไม่เสถียร
เราเริ่มพูดคุยกับด้วยสติเท่าที่ผมมี ฮวางจื่อเทาพยายามใช้ผ้าขนหนูเย็นเฉียบประคบที่หลังคอและนวดให้ระหว่างการนั่งกินซุปสำเร็จรูปเบื้องหน้าร้าน
แต่อยู่ดีๆกลับมีบางอย่างที่ทำให้สร่างเมาไวกว่าอาหารร้อนๆเสียอีก
รถBMW มันขลับป้ายทะเบียนอันแสนคุ้นเคย...ผมไม่น่ามีสติสัมปัชชัญญะครบถ้วนกับเรื่องแบบนี้เลยให้ตาย.. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมน่าจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นมันซะ และทำอย่างอื่นที่ดีกว่านั้น
ทำไมโอเซฮุนจะต้องทำลายภาพพจน์ตัวเองให้ดูย่ำแย่ถึงขนาดนั้นกันนะ ผมคงดูทุเรศมากๆ
สิ่งที่น่าแปลกใจไม่ใช่รถของคิมจงอินที่ขับส่ายไปมาบนถนนแคบๆ
แต่เพราะคนที่ก้าวขาลงมานั่นต่างหากที่น่าแปลกใจ...ทำไมถึงได้กลับกลายเป็นหลิวอี้หยุน
ผู้หญิงที่น่าจะขนข้าวขนของย้ายออกจากคอนโดของผมไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้าตามการสันนิษฐานของตัวเอง
ทว่าผมดันพบเธออีกครั้งพร้อมกับแฟนเก่า
ช่วงวินาทีนั้น
ผมเริ่มตะโกนเรียกพวกเขาออกไปเหมือนคนบ้า...
เชื่อมั้ยว่ากำลังผมโกรธ....
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมากมายขนาดนี้
แค่โกรธ
และโกรธอย่างบอกไม่ถูก
ในเวลานั้นผมกำลังคิดว่าตัวเองไม่ได้เมาอีกต่อไป'
.........
........
ทำไมผู้หญิงจะต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่าง
ทำไม
...ชีวิตของผมคงมีแค่คำถามแบบนี้วนไปวนมาเหมือนตั้งระบบออโต้ ทำไม... ทำไม.... จนน่าโมโห
ตอนเด็กโอเซฮุนมีชีวิตแบบไหนกันถึงทำให้เติบโตมาอย่างคนที่ล้มเหลวต่อการควบคุมอารมณ์ตัวเองเสมอ..
ผมตื่นนอนตอน7โมงเช้าในทุกๆวันเพื่อพูดคุยกับคุณย่าในห้องนั่งเล่น มีสมุดการบ้านสองสามเล่มที่ทำค้างจากเมื่อคืน เพราะย่าไม่ไช่คนเรียนสูง ทุกครั้งผมจึงไม่ขอให้เธอต้องมาเสียเวลากับเรื่องของผมนัก
ดวงตาทั้งสองข้างเห็นแต่ความวุ่นวาย พ่อเดินร้องเอะอะไปมาด้วยสองมือที่มีแต่กระเป๋า แม่ที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนโต๊ะที่มีกาแฟปริ่มขอบถ้วย
ตั้งแต่คุณปู่เสียไปมีเพียงพ่อคนเดียวที่ต้องรับกิจการมาอย่างกระทันหัน โรงแรมของเราในอดีตถึงแม้จะเปิดมาหลายสิบปีแต่ปัญหารอยต่อของยุคสมัยและการปรับตัวทำให้เกิดหนี้สินมากชีวิตมาย บ้านของเราจึงไม่ได้มีความสุข รวมทั้งไม่ได้มีเงินล้นฟ้าอย่างใครคิด
มีเพียงแค่ความทะเยอะทะยาน ...
พ่อมักจะมีปัญหาเรื่องชู้สาวโดยตลอดเพราะการติดต่อธุรกิจที่ยุคหนึ่งป็นเพียงองค์กรที่บางเวลายังต้องอาศัยใบบุญของผู้อื่น
ศิลปะการเข้าหา การสังสรรค์ แม้แต่การคบหาใครในระยะเวลาสั้นๆก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
...พ่อเป็นโรคเครียดและกินยาหลายอย่างเพื่อเร่งอาการหลับให้ไวขึ้น
บางครั้งนอกเหนือการบอกเล่าจากย่า ผมรู้แค่ว่าพ่อมักจะหายไปจากที่บ้านเป็นอาทิตย์ แลเลือกที่จะไปโผล่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เราพบปะกันทางนั้นแทนเสมอโดยที่ผมไม่มีโอกาสถามความจริงอะไรได้เลย
เนื้อหาถูกตีพิมพ์ไปต่างๆนาๆว่าพ่อมีสัมพันธ์ลึกซึ้งสาวการตลาดของบริษัทอาหาร นั่นเป็นข่าวแรกในยุคนั้นสมัยที่ผมเริ่มอ่านหนังสือออก
และมันก็ทยอยมีมาอีกเรื่อยๆเมื่อโรงแรมของเราเติบโตจนมั่นคง
ในขณะเดียวกันผมก็เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อนตามอายุเปลี่ยนไป..
ปล่อยวาง และรู้จักพ่อเพียงแค่ในฐานะประธานโรงแรม
....
....
เพราะผู้หญิงใช่ไหม
.....
ผู้หญิงมักจะแย่งอะไรดีๆในชีวิตของผมไปเสมอ
.....
ทำไมผู้หญิงถึงต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่างด้วยล่ะ
ผมล่ะเกลียดพวกผู้หญิงจริงๆนะ
พอรึปล่าวสำหรับสาเหตุที่ผมขยะแขยงพวกเธอมาโดยตลอด
และโหยหาคนที่จะอยู่เคียงข้างผมได้ตลอดเวลาที่ผมต้องการ
ผมเกลียดคำถามที่ว่าทำไมโอเซฮุนต้องรักคิมจงอินอะไรมากมายขนาดนั้นด้วย
พวกเขาพูดทั้งๆที่ไม่เคยมองเห็นความสำคัญผมแม้แต่ครั้งเดียวในยามที่ผมต้องการใครสักคน
พวกเขาก็แค่มองแล้วพูดมันออกมาอย่างง่ายๆ
...
มันแปลกด้วยหรอที่โอเซฮุนต้องการช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมา...
ง่ายๆ..มันคงจะดีถ้าโลกนี้ไม่มีผู้หญิง...
ผมคงไม่ต้องรู้สึกอะไรแบบนี้
....
ทำไมผู้หญิงถึงต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่างด้วยล่ะ
-*-*-*-*-*--*-*-*-*
09:15น.
“,,,,,,,,,,,,,”
ตอนนี้ชักจะเป็นช่วงเช้าที่ค่อนไปทางสายซะแล้ว
เบื้องหน้าฉันคือโอเซฮุนทายาทเจ้าของโรงแรมกำลังปฎิบัติภาระกิจเดิมๆของทุกวัน เนคไทสี่ห้าอันกองเป็นพะเนินเทินทึก มันมากกว่าปรกติด้วยความที่เขาอาจจะเอาไปเก็บที่ห้องพักตัวเองบนโรงแรมหรู --- เดาส่งๆไปน่ะ ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเจ้างั่งแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ คงไม่ต้องเดาสาเหตุว่าเพราะอะไร
พอเช้าขึ้นมา ควางทรงจำของเจ้าตุ้ดเด็กก็ค่อยๆถูกดีลีททิ้งไป
ยกเว้นฉันฝ่ายเดียวที่มีสติดีทุกอย่าง
ความซวยของฉันมักจะมีมาเรื่อยๆเสมอๆ
อีกหนึ่งสาเหตุที่ฉันไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดคุยกับโอเซฮุนได้ โดยเฉพาะตอนนี้ ไม่ใช่เพราะยังกลัวเรื่องการเข้าใจผิดระหว่างสถานะของฉันต่อคิมจงอินเพียงอย่างเดียว
ฉันเองก็เหนื่อยจะอธิบาย ในเมื่อฉันได้พูดออกไปตามความสัตย์จริงเป็นที่เรียบร้อย
แต่เป็นเพราะหนังสือพิมพ์เช้านี้ที่เซฮุนรับบริการรายเดือนเอาไว้ต่างหาก…. คือมันก็มาส่งเหมือนเดิมทุกวันหน้าประตู
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเปิดอ่านมันเพราะความขี้เกียจที่มีต่อตัวหนังสือ ทว่าวันนี้ฉันกลัวเหลือเกินว่าเจ้าตุ้ดจะเกิดอารมณ์บันเทิงหยิบมาพินิจพิจารณา
ภาพของฉันกับพ่อของเขาเมื่อนานมาแล้วดันโผล่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เบ้อเริ่มเทิ่ม
ถ้าเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพ่อตัวเอง บางทีเด็กมะเขือคงอยากจะหยิบขึ้นมาอ่านก็ได้ใครจะไปรู้
นั่นละที่น่ากลัว…
การย้ายให้มันลงไปนอนนังขยะตั้งแต่รุ่งสางกลายเป็นหนทางที่ดีที่สุด
พยายามปลอบตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอเซฮุนยังไม่รู้ว่าในวันนั้นหลิวอี้แต่งตัวแบบไหน เป็นผู้หญิงยังไง ต่อให้ดูภาพข่าวตาให้ตายก็คงนึกไม่ออก กว่าเราจะเจอกันอีกเย็นวันนั้นฉันก็ได้เปลี่ยนชุดถอดทั้งหมดคืนไปแล้ว
นึกประมาทใจที่ปล่อยให้โดนถ่ายมาแต่ทำยังไงได้ ฉันไม่ได้เป็นประธานาธิบดีโอบาม่าหรืออองซานซูจีสักหน่อยจะได้คอยมีบอดี้การ์ด
ตลอดเวลาเช้านี้ฉันเลยต้องปล่อยให้ตัวเองคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบๆ
เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างเสียที
…
หนึ่งอย่าง สองอย่างหรือมากกว่านั้นที่ฉันจะทำมัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สมควรฉันว่ามันก็น่าลองเสี่ยง
ร่างสูงๆของเขายังคงเดินยักย้ายไปพร้อมๆกับเสื้อผ้านับสิบ
ฉันค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขาโดยปราศขากเสียง
“นี่ โอเซฮุน”
“วันนี้คงเข้าทำงานสาย
มีนัดกับแม่..สงสัยคงดูตัวเหมือนเดิม
ไม่อยากซวย ไปด้วยหน่อย”
อึก
-_-
ฉันกลืนประโยคที่ตั้งใจจะบอกลงลำคอฝืดเหนียวไปอย่างกระทันหันเมื่อผู้ชายตรงหน้าเป็นฝ่ายชิงเอ่ยเสียก่อน
จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อสายโทรศัพท์เมื่อเข้า
หลิวอี้เป็นฝ่ายที่โทรไปหาแม่ของโอเซฮุนสดๆร้อนๆ
แถมพูดอะไรเลอะเทอะไปตั้งเยอะตั้งแยะ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
บนห้องทำงานบนตึกสูง…มีเพียงเสียงเลื่อนของเม้าส์โน้ตบุคและท่วงทำนองจากการคลิกดูตารางงานซ้ำไปซ้ำมา
คนหนึ่งมีเส้นผมสีขาวสลับสีดำแสดงถึงอายุที่มากโข อีกด้านหนึ่งคือชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา
การพูดคุยเริ่มเมื่อกว่ายี่สิบนาทีก่อนพร้อมกาแฟแก้วร้อนต้อนรับวันใหม่ของอาทิตย์ปลายเดือน
โครม!!
เสียงมัดหนังสือพิมพ์กระดอนลงยังถังขยะข้างโต้ะด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ดวงตาชั้นเดียวปิดลงพร้อมกับสูดอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกยาว
“ฉันสั่งให้กำจัดต้นตอภาพพวกนี้ทิ้งให้หมด ….แต่ก็เหลือมาอีกจนได้….
ไอ้พวกคิดสกปรก!!!” เสียงแหบเค้นออกมาตามอารมณ์ทำเอาคนหนุ่มยกสายตาขึ้นมาจากจอมือถือกว้าง
“กระแสพวกนีไม่นานหรอกครับ จะให้ผมลองติดต่อเส้นสายเพื่อแจ้งเก็บพวกรูปพวกนี้อีกดีมั้ยหรือจะให้ติดต่อคุณดาอึน เพื่อนของเซฮุนที่มาหาเราในโรงแรมวันนั้น เผื่อเธออาจจะเสียหาย จะมาเอาเรื่องกับท่านได้นะครับ ยังไงซะกับอารึมท่านก็บริสุทธิ์ใจ พอมีเหตุผลรองรับ”
ชื่อเด็กสาวที่ถูกพาดพิงจากปากฮวางจื่อเทาทำเอาโอจางวุคเลิกคิ้วสีเทาขึ้นมองภาพเล็กๆจากหนังสือในถังขยะข้างตัวอีกครั้งหนึ่ง
“ช่างมันเถอะ ฉันมีวิธีจัดการ เด็กคนนั้นเธอเป็นเพื่อนของเซฮุน ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ป่านี้เซฮุนก็คงมาหาเรื่องพ่ออย่างฉันตั้งแต่เช้าแล้ว….” จางอุคเปรย “ที่แน่ๆสายโด่ง เขายังไม่ตื่นอีกรึไง นี่นอนที่อยู่ชั้นไหน ฉันมีงานให้นายกับเซฮุนไปทำร่วมกันวันนี้ช่วงบ่าย ฉันให้นายดูแลเขา ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ อีกหน่อยต้องไปทำงานร่วมกันที่จีน โรงแรมฉันจะรอดไหม!?”
“เดี๋ยวคงมา พอดีสุดสัปดาห์ที่ผ่านเซฮุนกลับไปนอนที่คอนโดน่ะครับ
แต่เขาแจ้งมาเมื่อสองชั่วโมงก่อนว่าจะแวะเข้าบ้านปทำธุระสักครู่เดี๋ยวค่อยวกมาที่นี่
ว่าแต่…งานอะไรครับ?”
“เด็กที่ทำงานในค่ายเพลง ….ไม่สิ คนที่เซฮุนเคยคบคนนั้น นายอาจจะยังไม่รู้จักจองอินอะไรสักอย่าง
ฉันเองก็ไม่รู้มาก่อนสมัยที่มาดิวงานให้โรงแรมเรา ความจริงครอบครัวไอ้หมอนั่นมันทำโรงแรมกระจอกๆไม่ถึงสามดาว บ่ายวันนี้โรงแรมของลุงเด็กนั่นจะเปิดโปรเจ็คใหญ่ คงเป็นอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เชฮีบอกว่าเชิญสื่อไปเยอะแยะ ฉันอยากให้พวกนายพาเซฮุนไปเปิดหูเปิดตา
บางทีการที่การเห็นเด็กรุ่นเดียวกันกำลังประสบความสำเร็จ เซฮุนอาจจะมีแรงพลักดัน ยิ่งพวกเขารู้จักกันยิ่งดีไปใหญ่ ฉันอยากให้เซฮุนรู้สึกกระตือรือร้นมากกว่านี้
อ้อใช่…ไปขอบัตรผู้สื่อข่าวจากพีอาซะ มันเป็นงานปิด พวกนายอาจจะเข้าไปดื้อๆไปได้ ฉันบอกให้มิยองขอบัตรจากนิตยสารที่เราจะพอมีคอนเนคชั่นไว้ให้พวกนายเรียบร้อยแล้ว ห้อยเข้าไป ทบ่สำคัญบอกให้เซฮุนจดจำรายละเอียด วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยโปรเจ็คของพวกเขามาส่งฉันด้วย
เข้าใจใช่ไหมที่ฉันพูดมาทั้งหมด”
โอจางอุคมักจะเป็นคนรอบคอบแบบนี้เสมอๆ….
จื่อเทาเองก็ชินชาดีตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงแรมแม่อย่างชินลาที่โซล แม้แรกๆจะหวังแค่ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆสำหรับสาขาในจีนก็ตาม คนผิวเข้มเริ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้จักบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างคิมจงอินไปพร้อมกับการเออออในขณะที่คนสูงอายุอธิบาย
คิมจงอินเคยชักชวนโรงแรมเล็กๆในจีนอย่างเขามาร่วมหุ้นด้วยกันเมื่อสมัยธุรกิจของตระกูลฮวางยังไม่ถูกเทคโอเวอร์โดยthe shilla
ทว่า สำหรับโอจางอุคการไม่รู้อะไรเลยพร้อมแสดงท่าทีด้อยกว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด
ชายหนุ่มยกยิ้มพลางเอ่ยตกลง
“ครับ ผมจะรีบติดต่อเซฮุน แล้วถ้าเป็นยังไง จะติดต่อท่านอีกทีแน่นอน”
TBC
++++++++++++++++++
ฟิคคนกากกลับมาแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าตกลงตัวเองแต่งมาต้องการอะไรจากสังคม
โอ้ยมันคือไม่หวานแหววเลย แต่งไปหงุดหงิดเอง หาช่องเองไม่ได้ ฮืออออออ(บ่นอีกละ)
ไรเตอร์บ่นเสร็จ ขอขอบคุณ กราบจ๊วยๆกับรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนเลย><
ทั้งอ่านทั้งเม้น หูยย
แรงใจอะแรงใจ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะคะ ถ้าไม่เลิกอ่านกันไปซะก่อน ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ มีเวลาจะมาปั่น ฟิคกากจากคนกากๆ
อัพดึกเรื่อยชักเบลออีกแว้ว
ฝันดีค้าบบบบ
ขอบคุณค่าา
ความคิดเห็น