ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    because i'm A GIRL [Sehun x Amber]

    ลำดับตอนที่ #10 : Cp9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 230
      0
      10 เม.ย. 57

    Chapter9

    บางครั้ง

    โลกสอนให้รู้จักคนรอบข้างมากกว่าตัวของเราเอง







     

                     

     

     

    ถ้าหากชีวิตที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเป็นตัวชี้วัด....

    อะไรที่ทำให้คนอิจฉากันมากที่สุด..ก็คงจะเป็นความสุขที่แต่ละคนนั้นคงไม่มีทางเท่ากัน.....

    อากาศยามเช้าในวันแรกของสัปดาห์ทำให้โอฮาจองมองเห็นสิ่งแวดล้อมนอกหน้าต่างบ้านได้มากกว่าเดิม หรือจะพูดง่ายๆว่ามันดูมีความหมายยิ่งขึ้นเมื่อตัดสินใจปล่อวางหนังสือพิมพ์ยามเช้าลงนั่นละ

     

    หน้าบนสุดที่ถูกอ่านค้างเอาไว้แสดงให้เห็นถึงภาพสามีของตนกับสาวน้อยผมมันยาวบนรถโดยสารคันหรู ไม่มีรายละเอียดมากนักว่าเธอคนนั้นเป็นใครเพราะภาพและใบหน้าที่ไม่ชัดเจนด้วยพนักงานโรงแรมที่ห้อมล้อมจนดูเกะกะ

    ถึงกรอบไม่ใหญ่ไม่โตในหน้าgossip ทว่ามันก็ทำให้หญิงมีอายุอย่างเธอรู้สึกกังวลไม่ใช่น้อย ถึงจะบอกว่าวัย58ปีสมควรจะปลงเรื่องราวต่างๆได้แล้วก็เถอะ

     

    ติดก็แค่มันทำให้ภาพลักษณ์ของผู้นำบริษัทอย่างโอจางอุคที่กำลังมีเมกะโปรเจคมากมายแลดูหมดความน่าเชื่อถือลง...

    การมีข่าวคราวชู้สาวบ่อยๆ ถึงจะเป็นนักธุรกิจแต่ความหมายที่มากกว่านั้นคือภาพลักษณ์บริษัทในด้านของการเป็นสปอนเซอร์ในองค์กรของรัฐ รวมถึงการหาผู้สนับสนุน

     

    มันสมควรจะชินชา สักที

     

    ฮาจอง โทรศัพท์ของเธอดัง จะไม่รับหน่อยรึไง!?

    เสียงแหบๆของสตรีสูงวัยและมีอำนาจเหนือทุกคนภายในบ้านจากคุณแม่สามีร้องขึ้นจากห้องทำหารถัดไป เสียงรอสายดังเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่โอฮาจองกลับไม่รู้สึกด้วยความคิดฟุ้งซ่าน

    เบอร์บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลกประหลาดที่ไม่ได้เซฟเอาไว้ เธอพยักเพยิดเป็นเชิงว่ารับทราบดีก่อนจะตัดสินใจกดรับกรอกเสียงทักทายลงไปก่อน

     

    “ค่ะ...?


    (…….)

     
    “เอ่อ...จ้ะ..ได้ยิน....ถามได้มั้ย ว่าใครพูด
    ??


    (…….)


    “....ใช่ฉันแม่ของโอเซฮุน ฉันเป็นคนพูด ฉันไม่มีทางลืมแน่ๆ ---ว่าแต่มีปัญหาอะไรหรือจ้ะถึงโทรมาหาแต่เช้า”


    (……)

     
    “เดี๋ยวนะ ใจเย็นๆ ฉันฟังไม่ทัน เธอมีปัญหาอะไรกันแน่”


    (…….)


    “.......นี่คือปัญหาของเธอสินะ...”


    (……..)


    ....ฉันเป็นแม่ของเขา  ฉันต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว ขอบคุณนะ อย่างน้อยๆก็เป็นเพื่อนที่ดีกับลูกชายของฉัน”


    (…….)

     

    “จ้ะ...ฉันรู้”

     

     

     

    กรึก

     

     

    เสียงตัดสายดังขึ้นพร้อมๆเสียงสัญญาณที่ว่างปล่าว
    ไม่เสียงพูดจาอะไรตอบกลับอีก พร้อมๆกับใบหน้าของฮาจองที่ค่อยๆยกยิ้มขึ้นอย่างลืมตัว

     

     

     

     

     
     

    -*_*_*_*_*_*

     

     



    คืนวันเสาร์ที่ปั่นป่วน….

     

     



     

     

    ผมมั่นใจว่าช่วงเวลาในผับวันนั้นมีใครสักคนในกลุ่มเพื่อนที่เป็นฝ่ายใช้มือถือโทรตามคนมารับโอเซฮุนผู้เมามายกลับมายังคอนโด

     

    อันที่จริงสติก็ยังพอหลงเหลืออยู่เยอะเชียวละ 

    ไม่นานสักเท่าไหร่ที่ฮวางจื่อเทากลับมาปรากฏตัวตรงหน้าผมอีกครั้ง หลังจากเราแยกกันไม่เกินหนึ่งวันดี

    ด้วยสาเหตุที่ว่าเบอร์ของเขาคือเบอร์โทรออกล่าสุดที่ผมใช้ มันจึงถูกสุ่มโทรตามเป็นเบอร์แรกและได้ผล

     

    จื่อเทาไม่เคยปฎิเสธเลยสักครั้ง

     

    น่าอายที่คำโกหกของผมกลายเป็นเพียงข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นนัก หลังจากใช้สิงนี้เป็นข้ออ้างเพื่อหยุดอยู่กับคอนโดแล้วออกมาดิ้นคนเดียวยามค่ำคืน



    เต้นให้ลืมความทุกข์ใจ อยากมีอะไรกับใครก็ได้แบบนั้นก็ยิ่งดี'

    .....

    .....

     

    รสชาติโซจูไหลเวียนอยู่ภายในปากตลอดทางที่กลับไปยังคอนโด ลมหายใจที่ทวีความร้อนระอุช่างไม่สบายตัวเอาเสียเลย

    ผมคิดว่าจื่อเทาคงสังเกตเห็นถึงสิ่งนั้นก่อนที่เขาจะตัดสินใจเสนอให้ผมลงหาซุปร้อนๆดื่มเพื่ออาการที่ดีขึ้นภายในซุปเปอร์เล็กๆก่อนจะถึงที่พัก

    ....

    ตลอดการย่างก้าว ภายในหัวยังคงไปเบาหวิว ไร้การทรงตัว มันโคลงเคลงเหมือนสติที่หลงเหลืออยู่

    แน่นอนว่าระดับความมึนตึงของมันเริ่มพุ่งสูงขึ้นตราบใดที่อารมณ์ของทั้งหมดไม่เสถียร

    เราเริ่มพูดคุยกับด้วยสติเท่าที่ผมมี ฮวางจื่อเทาพยายามใช้ผ้าขนหนูเย็นเฉียบประคบที่หลังคอและนวดให้ระหว่างการนั่งกินซุปสำเร็จรูปเบื้องหน้าร้าน

     

    แต่อยู่ดีๆกลับมีบางอย่างที่ทำให้สร่างเมาไวกว่าอาหารร้อนๆเสียอีก

     

    รถBMW มันขลับป้ายทะเบียนอันแสนคุ้นเคย...ผมไม่น่ามีสติสัมปัชชัญญะครบถ้วนกับเรื่องแบบนี้เลยให้ตาย.. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมน่าจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นมันซะ และทำอย่างอื่นที่ดีกว่านั้น


    ทำไมโอเซฮุนจะต้องทำลายภาพพจน์ตัวเองให้ดูย่ำแย่ถึงขนาดนั้นกันนะ ผมคงดูทุเรศมากๆ


    สิ่งที่น่าแปลกใจไม่ใช่รถของคิมจงอินที่ขับส่ายไปมาบนถนนแคบๆ

    แต่เพราะคนที่ก้าวขาลงมานั่นต่างหากที่น่าแปลกใจ...ทำไมถึงได้กลับกลายเป็นหลิวอี้หยุน 

    ผู้หญิงที่น่าจะขนข้าวขนของย้ายออกจากคอนโดของผมไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้าตามการสันนิษฐานของตัวเอง

    ทว่าผมดันพบเธออีกครั้งพร้อมกับแฟนเก่า
    ช่วงวินาทีนั้น

    ผมเริ่มตะโกนเรียกพวกเขาออกไปเหมือนคนบ้า...

    เชื่อมั้ยว่ากำลังผมโกรธ....

    ไม่อยากจะเชื่อตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมากมายขนาดนี้


    แค่โกรธ

    และโกรธอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    ในเวลานั้นผมกำลังคิดว่าตัวเองไม่ได้เมาอีกต่อไป'

     

    .........

    ........

     

    ทำไมผู้หญิงจะต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่าง

    ทำไม

     

     

     

     

    ...ชีวิตของผมคงมีแค่คำถามแบบนี้วนไปวนมาเหมือนตั้งระบบออโต้ ทำไม... ทำไม.... จนน่าโมโห

     

    ตอนเด็กโอเซฮุนมีชีวิตแบบไหนกันถึงทำให้เติบโตมาอย่างคนที่ล้มเหลวต่อการควบคุมอารมณ์ตัวเองเสมอ..

     

    ผมตื่นนอนตอน7โมงเช้าในทุกๆวันเพื่อพูดคุยกับคุณย่าในห้องนั่งเล่น มีสมุดการบ้านสองสามเล่มที่ทำค้างจากเมื่อคืน เพราะย่าไม่ไช่คนเรียนสูง ทุกครั้งผมจึงไม่ขอให้เธอต้องมาเสียเวลากับเรื่องของผมนัก

    ดวงตาทั้งสองข้างเห็นแต่ความวุ่นวาย พ่อเดินร้องเอะอะไปมาด้วยสองมือที่มีแต่กระเป๋า แม่ที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนโต๊ะที่มีกาแฟปริ่มขอบถ้วย

     

    ตั้งแต่คุณปู่เสียไปมีเพียงพ่อคนเดียวที่ต้องรับกิจการมาอย่างกระทันหัน โรงแรมของเราในอดีตถึงแม้จะเปิดมาหลายสิบปีแต่ปัญหารอยต่อของยุคสมัยและการปรับตัวทำให้เกิดหนี้สินมากชีวิตมาย บ้านของเราจึงไม่ได้มีความสุข รวมทั้งไม่ได้มีเงินล้นฟ้าอย่างใครคิด

    มีเพียงแค่ความทะเยอะทะยาน ...

    พ่อมักจะมีปัญหาเรื่องชู้สาวโดยตลอดเพราะการติดต่อธุรกิจที่ยุคหนึ่งป็นเพียงองค์กรที่บางเวลายังต้องอาศัยใบบุญของผู้อื่น

    ศิลปะการเข้าหา การสังสรรค์ แม้แต่การคบหาใครในระยะเวลาสั้นๆก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

     

    ...พ่อเป็นโรคเครียดและกินยาหลายอย่างเพื่อเร่งอาการหลับให้ไวขึ้น

    บางครั้งนอกเหนือการบอกเล่าจากย่า ผมรู้แค่ว่าพ่อมักจะหายไปจากที่บ้านเป็นอาทิตย์ แลเลือกที่จะไปโผล่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เราพบปะกันทางนั้นแทนเสมอโดยที่ผมไม่มีโอกาสถามความจริงอะไรได้เลย

    เนื้อหาถูกตีพิมพ์ไปต่างๆนาๆว่าพ่อมีสัมพันธ์ลึกซึ้งสาวการตลาดของบริษัทอาหาร นั่นเป็นข่าวแรกในยุคนั้นสมัยที่ผมเริ่มอ่านหนังสือออก

    และมันก็ทยอยมีมาอีกเรื่อยๆเมื่อโรงแรมของเราเติบโตจนมั่นคง

    ในขณะเดียวกันผมก็เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อนตามอายุเปลี่ยนไป..

    ปล่อยวาง และรู้จักพ่อเพียงแค่ในฐานะประธานโรงแรม

    ....

    ....

    เพราะผู้หญิงใช่ไหม

    .....

    ผู้หญิงมักจะแย่งอะไรดีๆในชีวิตของผมไปเสมอ

    .....

     

    ทำไมผู้หญิงถึงต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่างด้วยล่ะ

    ผมล่ะเกลียดพวกผู้หญิงจริงๆนะ

    พอรึปล่าวสำหรับสาเหตุที่ผมขยะแขยงพวกเธอมาโดยตลอด

    และโหยหาคนที่จะอยู่เคียงข้างผมได้ตลอดเวลาที่ผมต้องการ

    ผมเกลียดคำถามที่ว่าทำไมโอเซฮุนต้องรักคิมจงอินอะไรมากมายขนาดนั้นด้วย

    พวกเขาพูดทั้งๆที่ไม่เคยมองเห็นความสำคัญผมแม้แต่ครั้งเดียวในยามที่ผมต้องการใครสักคน

    พวกเขาก็แค่มองแล้วพูดมันออกมาอย่างง่ายๆ

     

    ...

    มันแปลกด้วยหรอที่โอเซฮุนต้องการช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมา...

     

    ง่ายๆ..มันคงจะดีถ้าโลกนี้ไม่มีผู้หญิง...

     

    ผมคงไม่ต้องรู้สึกอะไรแบบนี้

    ....

    ทำไมผู้หญิงถึงต้องมีอิทธิพลไปกับทุกอย่างด้วยล่ะ

     

     

    -*-*-*-*-*--*-*-*-*

     

    09:15น.

     

    ,,,,,,,,,,,,,

     

    ตอนนี้ชักจะเป็นช่วงเช้าที่ค่อนไปทางสายซะแล้ว


     

    เบื้องหน้าฉันคือโอเซฮุนทายาทเจ้าของโรงแรมกำลังปฎิบัติภาระกิจเดิมๆของทุกวัน เนคไทสี่ห้าอันกองเป็นพะเนินเทินทึก มันมากกว่าปรกติด้วยความที่เขาอาจจะเอาไปเก็บที่ห้องพักตัวเองบนโรงแรมหรู --- เดาส่งๆไปน่ะ ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเจ้างั่งแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ คงไม่ต้องเดาสาเหตุว่าเพราะอะไร

    พอเช้าขึ้นมา ควางทรงจำของเจ้าตุ้ดเด็กก็ค่อยๆถูกดีลีททิ้งไป

    ยกเว้นฉันฝ่ายเดียวที่มีสติดีทุกอย่าง

     

    ความซวยของฉันมักจะมีมาเรื่อยๆเสมอๆ

     

    อีกหนึ่งสาเหตุที่ฉันไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดคุยกับโอเซฮุนได้ โดยเฉพาะตอนนี้ ไม่ใช่เพราะยังกลัวเรื่องการเข้าใจผิดระหว่างสถานะของฉันต่อคิมจงอินเพียงอย่างเดียว

    ฉันเองก็เหนื่อยจะอธิบาย ในเมื่อฉันได้พูดออกไปตามความสัตย์จริงเป็นที่เรียบร้อย

    แต่เป็นเพราะหนังสือพิมพ์เช้านี้ที่เซฮุนรับบริการรายเดือนเอาไว้ต่างหาก…. คือมันก็มาส่งเหมือนเดิมทุกวันหน้าประตู

    ถึงแม้เขาจะไม่เคยเปิดอ่านมันเพราะความขี้เกียจที่มีต่อตัวหนังสือ ทว่าวันนี้ฉันกลัวเหลือเกินว่าเจ้าตุ้ดจะเกิดอารมณ์บันเทิงหยิบมาพินิจพิจารณา

     

    ภาพของฉันกับพ่อของเขาเมื่อนานมาแล้วดันโผล่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เบ้อเริ่มเทิ่ม

     

    ถ้าเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพ่อตัวเอง บางทีเด็กมะเขือคงอยากจะหยิบขึ้นมาอ่านก็ได้ใครจะไปรู้

    นั่นละที่น่ากลัว

    การย้ายให้มันลงไปนอนนังขยะตั้งแต่รุ่งสางกลายเป็นหนทางที่ดีที่สุด

     

    พยายามปลอบตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอเซฮุนยังไม่รู้ว่าในวันนั้นหลิวอี้แต่งตัวแบบไหน เป็นผู้หญิงยังไง ต่อให้ดูภาพข่าวตาให้ตายก็คงนึกไม่ออก กว่าเราจะเจอกันอีกเย็นวันนั้นฉันก็ได้เปลี่ยนชุดถอดทั้งหมดคืนไปแล้ว

    นึกประมาทใจที่ปล่อยให้โดนถ่ายมาแต่ทำยังไงได้ ฉันไม่ได้เป็นประธานาธิบดีโอบาม่าหรืออองซานซูจีสักหน่อยจะได้คอยมีบอดี้การ์ด

     

    ตลอดเวลาเช้านี้ฉันเลยต้องปล่อยให้ตัวเองคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบๆ

    เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างเสียที

    หนึ่งอย่าง สองอย่างหรือมากกว่านั้นที่ฉันจะทำมัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สมควรฉันว่ามันก็น่าลองเสี่ยง

    ร่างสูงๆของเขายังคงเดินยักย้ายไปพร้อมๆกับเสื้อผ้านับสิบ

    ฉันค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขาโดยปราศขากเสียง

     

    “นี่ โอเซฮุน”

     

    “วันนี้คงเข้าทำงานสาย

    มีนัดกับแม่..สงสัยคงดูตัวเหมือนเดิม

    ไม่อยากซวย ไปด้วยหน่อย”

     

     

    อึก
    -_-

    ฉันกลืนประโยคที่ตั้งใจจะบอกลงลำคอฝืดเหนียวไปอย่างกระทันหันเมื่อผู้ชายตรงหน้าเป็นฝ่ายชิงเอ่ยเสียก่อน

     

    จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อสายโทรศัพท์เมื่อเข้า

    ลิวอี้เป็นฝ่ายที่โทรไปหาแม่ของโอเซฮุนสดๆร้อนๆ


    แถมพูดอะไรเลอะเทอะไปตั้งเยอะตั้งแยะ




     

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    บนห้องทำงานบนตึกสูงมีเพียงเสียงเลื่อนของเม้าส์โน้ตบุคและท่วงทำนองจากการคลิกดูตารางงานซ้ำไปซ้ำมา

    คนหนึ่งมีเส้นผมสีขาวสลับสีดำแสดงถึงอายุที่มากโข อีกด้านหนึ่งคือชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา

    การพูดคุยเริ่มเมื่อกว่ายี่สิบนาทีก่อนพร้อมกาแฟแก้วร้อนต้อนรับวันใหม่ของอาทิตย์ปลายเดือน

     



    โครม!!

     

    เสียงมัดหนังสือพิมพ์กระดอนลงยังถังขยะข้างโต้ะด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    ดวงตาชั้นเดียวปิดลงพร้อมกับสูดอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกยาว

     

    “ฉันสั่งให้กำจัดต้นตอภาพพวกนี้ทิ้งให้หมด ….แต่ก็เหลือมาอีกจนได้….

    ไอ้พวกคิดสกปรก!!!” เสียงแหบเค้นออกมาตามอารมณ์ทำเอาคนหนุ่มยกสายตาขึ้นมาจากจอมือถือกว้าง

     

    “กระแสพวกนีไม่นานหรอกครับ จะให้ผมลองติดต่อเส้นสายเพื่อแจ้งเก็บพวกรูปพวกนี้อีกดีมั้ยหรือจะให้ติดต่อคุณดาอึน เพื่อนของเซฮุนที่มาหาเราในโรงแรมวันนั้น เผื่อเธออาจจะเสียหาย จะมาเอาเรื่องกับท่านได้นะครับ ยังไงซะกับอารึมท่านก็บริสุทธิ์ใจ พอมีเหตุผลรองรับ”

     

    ชื่อเด็กสาวที่ถูกพาดพิงจากปากฮวางจื่อเทาทำเอาโอจางวุคเลิกคิ้วสีเทาขึ้นมองภาพเล็กๆจากหนังสือในถังขยะข้างตัวอีกครั้งหนึ่ง

     

    “ช่างมันเถอะ ฉันมีวิธีจัดการ เด็กคนนั้นเธอเป็นเพื่อนของเซฮุน ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ป่านี้เซฮุนก็คงมาหาเรื่องพ่ออย่างฉันตั้งแต่เช้าแล้ว….” จางอุคเปรย “ที่แน่ๆสายโด่ง เขายังไม่ตื่นอีกรึไง นี่นอนที่อยู่ชั้นไหน ฉันมีงานให้นายกับเซฮุนไปทำร่วมกันวันนี้ช่วงบ่าย ฉันให้นายดูแลเขา ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ อีกหน่อยต้องไปทำงานร่วมกันที่จีน โรงแรมฉันจะรอดไหม!?

     

    “เดี๋ยวคงมา พอดีสุดสัปดาห์ที่ผ่านเซฮุนกลับไปนอนที่คอนโดน่ะครับ

    แต่เขาแจ้งมาเมื่อสองชั่วโมงก่อนว่าจะแวะเข้าบ้านปทำธุระสักครู่เดี๋ยวค่อยวกมาที่นี่

    ว่าแต่งานอะไรครับ?

     

    “เด็กที่ทำงานในค่ายเพลง ….ไม่สิ คนที่เซฮุนเคยคบคนนั้น นายอาจจะยังไม่รู้จักจองอินอะไรสักอย่าง

    ฉันเองก็ไม่รู้มาก่อนสมัยที่มาดิวงานให้โรงแรมเรา ความจริงครอบครัวไอ้หมอนั่นมันทำโรงแรมกระจอกๆไม่ถึงสามดาว บ่ายวันนี้โรงแรมของลุงเด็กนั่นจะเปิดโปรเจ็คใหญ่ คงเป็นอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เชฮีบอกว่าเชิญสื่อไปเยอะแยะ ฉันอยากให้พวกนายพาเซฮุนไปเปิดหูเปิดตา

    บางทีการที่การเห็นเด็กรุ่นเดียวกันกำลังประสบความสำเร็จ เซฮุนอาจจะมีแรงพลักดัน ยิ่งพวกเขารู้จักกันยิ่งดีไปใหญ่ ฉันอยากให้เซฮุนรู้สึกกระตือรือร้นมากกว่านี้

    อ้อใช่ไปขอบัตรผู้สื่อข่าวจากพีอาซะ มันเป็นงานปิด พวกนายอาจจะเข้าไปดื้อๆไปได้ ฉันบอกให้มิยองขอบัตรจากนิตยสารที่เราจะพอมีคอนเนคชั่นไว้ให้พวกนายเรียบร้อยแล้ว ห้อยเข้าไป ทบ่สำคัญบอกให้เซฮุนจดจำรายละเอียด วิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยโปรเจ็คของพวกเขามาส่งฉันด้วย

    เข้าใจใช่ไหมที่ฉันพูดมาทั้งหมด”

     

    โอจางอุคมักจะเป็นคนรอบคอบแบบนี้เสมอๆ….

     

    จื่อเทาเองก็ชินชาดีตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงแรมแม่อย่างชินลาที่โซล แม้แรกๆจะหวังแค่ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆสำหรับสาขาในจีนก็ตาม คนผิวเข้มเริ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้จักบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างคิมจงอินไปพร้อมกับการเออออในขณะที่คนสูงอายุอธิบาย

     

    คิมจงอินเคยชักชวนโรงแรมเล็กๆในจีนอย่างเขามาร่วมหุ้นด้วยกันเมื่อสมัยธุรกิจของตระกูลฮวางยังไม่ถูกเทคโอเวอร์โดยthe shilla  

    ทว่า สำหรับโอจางอุคการไม่รู้อะไรเลยพร้อมแสดงท่าทีด้อยกว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด

    ชายหนุ่มยกยิ้มพลางเอ่ยตกลง

     

    “ครับ ผมจะรีบติดต่อเซฮุน แล้วถ้าเป็นยังไง จะติดต่อท่านอีกทีแน่นอน”












    TBC




    ++++++++++++++++++



    ฟิคคนกากกลับมาแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าตกลงตัวเองแต่งมาต้องการอะไรจากสังคม

    โอ้ยมันคือไม่หวานแหววเลย แต่งไปหงุดหงิดเอง หาช่องเองไม่ได้ ฮืออออออ(บ่นอีกละ)

    ไรเตอร์บ่นเสร็จ ขอขอบคุณ กราบจ๊วยๆกับรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนเลย><
    ทั้งอ่านทั้งเม้น หูยย
    แรงใจอะแรงใจ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะคะ ถ้าไม่เลิกอ่านกันไปซะก่อน ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ มีเวลาจะมาปั่น ฟิคกากจากคนกากๆ
    อัพดึกเรื่อยชักเบลออีกแว้ว
    ฝันดีค้าบบบบ

    ขอบคุณค่าา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×