คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :::The Forth Wish:::
:::The
รยออุคตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองที่หนักอึ้งจนพูดไม่ถูก ดวงตาของเค้าค่อยๆจะเปิดอย่างช้าๆเพื่อรับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ รยออุคบิดขี้เกียจเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนจะหันไปมองรอบๆตัว
“ที่ไหนเนี่ย”รยออุคอุทานลั่นด้วยความตกใจ
ทุ่งหญ้าสีเขียวถูกปูราบไปจนสุดลูกหูลูกตาดอกไม้หลากสีขึ้นสลับกันไปเป็นแนวทางเดินอย่างสวยงาม ท้องฟ้าโปร่งก็ยังมีสีฟ้าสวย แถมยังมีก้อนเมฆแค่ประปรายไม่เยอะมาก มองไปไกลๆยังมีปราสาทของอะไรซักอย่าง แต่ที่แปลกกว่านั้นยังมีสัตว์ประหลาดๆ เช่นกระต่ายบินได้ เต่าขับรถ และอีกมากมาย นอกจากนั้น คนเองยังรูปร่างแปลกๆ แต่งตัวก็ประหลาดพิลึก ว่าไม่พอรยออุครีบก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองก็ยิ่งอึ้งกว่า
รยออุคมองเสื้อผ้าตัวเองอย่างงงๆ เค้ามั่นใจว่าตอนแรกที่จำได้เค้าไม่ได้ใส่ชุดนี่แน่ แต่ชุดที่เค้าสวมใส่อยู่นี่ออกไปทางการ์ตูนเรื่องปีเตอร์แพนเลยทีเดียว
“คุณตื่นแล้วหรอ”เสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อเรียกให้รยออุคหลุดจากภวังค์ “งงไปเลยดิว่าที่ไหน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ผมก็อย่างรู้เหมือนกัน อ่ะนี่ผลไม้ที่พอหาได้แล้วคิดว่าจะกินได้อ่ะนะ”เยซองพูดพลางโยนผลไม้ที่หามาให้รยออุค แล้วมานั่งลงข้างๆ
“แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ”รยออุคถามพลางเอาผลไม้เข้าปาก
“ไม่รู้”เยซองยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะกินผลไม้เหมือนกัน
“เราจะออกไปได้ไง”
“ไม่รู้ดิ บอกตามตรงนะตอนแรกฉันนึกว่าฝันตบหน้าตัวเองจนบวมแล้วก็นะ...มันเป็นความจริง”
“ได้ข่าวมานะว่านายมันบวมอยู่แล้ว”คนตัวเล็กแซวเล่น
“งั้นไม่ต้องกินแล้ว”เยซองกระชากผลไม้ในมือของรยออุคก่อนจะแกล้งทำท่าเหมือนเด็กที่หวงของเล่น
“นายก็ทำงอนไปได้ ฉันล้อเล่นเฉยๆ ตอนนี่ที่นี้ มีแค่เราสองคนน้า”รยออุคว่าพลางเอามือของตัวเองไปควงที่แขนของเยซอง ก่อนจะเขย่าเบาๆออกแนวอ้อนๆ (ขอกิน)นิดๆ “คิดดูดิถ้านายไม่ให้ฉันกินแล้วเราจะมีแรงหาทางออกหรอ อีกอย่างนะมีกันอยู่แค่สองคนจะทะเลาะกันไปก็เท่านั้นอ่ะ”
“เออๆ”เยซองตัดบทก่อนจะยื่นผลไม้คืนให้อุคไปทานอย่างสบายใจ
กุก กุก
รยออุครู้สึกถึงแรงสั่นบางอย่างในกระเป๋าของตัวเอง เฮ้! โชคดีมากที่กระเป๋าของเค้ายังอยู่รยออุครีบหันหลังให้เยซองที่กำลังกินผลไม้อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วรีบเปิดกระเป๋าทันที และเค้าก็ได้รู้ว่าสิ่งที่สั่นนั้นคือกระจก...!
รยออุครีบหยิบมันออกจากกระเป๋าแล้วมาวางไว้ที่ตักเพื่อไม่ให้อีกคนเห็น ไม่นานชายร่างอ้วนที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นมาด้วยหน้าตาตื่น
“นายอยู่ที่ไหนน่ะ”ชินดงยิงคำถามทันที
“ไม่รู้ ตื่นมามันก็เป็นที่นี่”รยออุคตอบกลับทันที
“นายช่วยยกกระจกส่องดูวิวรอบๆได้มั๊ย ฉันเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักนะ”ชินดงขอให้รยออุคทำ รยออุคเองก็ทำอย่างว่าง่าย รยออุคหยิบกระจกส่องรอบๆ ก่อนจะวางมันลงที่เดิม
“ไม่จริงใช่มั๊ย”ชินดงกุมขมับ
“จริง มันคือเรื่องจริง ทำไมนายมีไรชินดง”รยออุคถามเบาๆ
“นายคุยกับอะไรอยู่น่ะ”เยซองเอ่ยปากถาม
“เอ่อ คุยกับผลไม้อยู่น่ะ เคยดูในการ์ตูนผลไม้มันพูดได้น่ะ”รยออุคแก้ตัวไปมั่วๆ อย่างน้อยอีกคนจะได้ไม่ติดใจสงสัย อย่างน้อยจริงๆอีกคนก็แค่ด่า
“ปัญญาอ่อน”ยังไม่ทันขาดคำอีตาบวมนี่ก็ด่ารยออุคจริงๆ แต่ทว่าคนตัวเล้กไม่ได้สนใจต่อปากต่อคำกับคำพูดนั้น
“เฮ้! มันยังไงกันแน่ชินดง”รยออุคย้ำคำถาม
“โอเค ฉันพอรู้ว่าเมื่อวานนายจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อุคนายไม่ได้โง่จนเลี้ยวผิดทาง แต่บางสิ่งทำให้นายต้องไปทางนั้น และแน่นอนมันคือสิ่งที่แอบตามนาย โชคดีมากที่พ่อหนุ่มคนนั้น...”
“เค้าชื่อเยซองน่ะ”รยออุคแนะนำ
“เยซองนั่นแหละตามมา ไม่งั้นนายอาจตายแลกชีวิตกับแม่นายก็ได้นะ”
“ร้ายแรงขนาดนั้น”รยออุคพูดเหมือนไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่แปลกเค้าเป็นลูกจะแลกชีวิตกับแม่ไม่เห็นเสียหาย
“ฉันอยากให้นายเปลี่ยนคำขอของนาย”ชินดงเสนอ “ถ้าไม่...ฉันก็ ช่างมันเถอะ แต่เอาเป็นว่า แม่นายอยู่กับฉันและแม่นายไม่ได้อยากให้นายขอพรข้อนี่เท่าไหร่”
“ไม่เชื่อ”
“อุค...”เสียงหญิงชราและภาพของหญิงชราที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในกระจก “นี่แม่เองนะ เปลี่ยนคำขอนั้นเถอะลูก ม่คงฟื้นไม่ได้แล้ว แล้วอีกอย่างแม่จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีลูก แม่ขอ... เพื่อความปลอดภัยของตัวอุคนะ”
“แม่!”รยออุคปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
“นะอุคแม่ขอ”
“ครับ”รยออุครับคำสั่นๆ หญิงชราคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะจางหายไป
“เอาล่ะ นายยังไม่ต้องขอตอนนี้ เอาเป็นว่าตอนนี้นายต้องออกไปจากที่นี่ไม่อย่างนั้นนายจะต้องซวยแน่ๆ”ชินดงเสนอ
“ประเด็นคือฉันไม่รู้ไงว่าจะออกไปได้ยังไง เข้าใจมั๊ย”
“โอเค นายรีบไปหาแสงไปสีทองเหมือนที่นายเคยเห็นให้เจอ แล้วรีบเข้าไปในแสงนั้น แล้วมันจะพานายกลับ ส่วนเรื่องหาแสงสีทองนั้นฉันไม่แน่ใจเพราะฉันไม่เคยย่างก้าวเข้าไปในดินแดนแห่งนั้นเหมือนกัน แต่ที่เคยอ่านในตำราเทพมันบอกว่าแสงสีทองนั้นจะอยู่ภายในกึ่งกลางของเขาวงกต แต่มันอันตรายมากๆนายต้องระวังตัวให้มากๆนะ ฉันช่วยนายได้เท่านี้ เพราะฉันอ่อนแรงเต็มที แม้จะอยู่ในกระจกก็ตาม แล้วที่สำคัญนายต้องหาให้เจอก่อนเที่ยงคืนเพราะถ้าช้ากว่านั้นนายอาจได้แลกชีวิตแทนแม่โดยไม่ได้แม่คืนไปด้วยหรอก อ้อแล้วที่สำคัญอย่าตกใจเพราะหากว่าที่นี่ในยามอาทิตย์ตกดินจะเปลี่ยนไปก็ตาม ฉันจะพยายามช่วยนายอย่างดีที่สุด รีบไปเร็ว”ชินดงร่ายยาวสั่งมาพรืดเดียวจบแล้วก็หายไปทันทีพร้อมกับกระจกด้วย
“นายมีนาฬิการึเปล่าเย่”รยออุคถามอีกคนด้วยท่าทางร้อนรน “ถ้ามีดูให้หน่อยว่ากี่โมงแล้ว”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาเรียกผมสนิทสนมขนาดนั้น”เยซองลุกขึ้นยืนก่อนจะเชิ่ดใส่อีกคน
“ไม่ใช่เวลาเล่นนะ ฉันอยากบอกแค่ว่าตอนนี้เราต้องรีบหาแสงสีทองกลางเขาวงกตให้เจอก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นเราได้กลายเป็นผีแน่”รยออุครีบวิ่งไปข้างหน้าของอีกคนแล้วพูดเสียงดังชัดเจน
“งี่เง่าน่า ดินแดนนี่มันออกจะน่ารัก จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง”อีกคนพูดออกแนวไม่เชื่อ
“ขอร้องล่ะ เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้ขออะไรไปมากกว่าแค่นายเชื่อ แล้วช่วยกันหาแสงนั่น หรือนายไม่อยากกลับบ้าน เย่...”รยออุคอ้อนอีกคน
“เออๆ เชื่อก็เชื่อ เอาว่ะก็มีกันอยู่แค่สองคน”เยซองยกข้อมือของตัวเองมาดูก่อนจะบอกเวลา “แปดโมงเอง”
“เรามีเวลาตามหา16ชั่วโมง รีบไปเถอะ สำหรับที่ที่เราไม่รู้จักมันไม่มากเลยสำหรับเวลาแค่นี่”ว่าไม่พอรยออุคเลยรีบลากแขนของเยซองตามมาทันที
ทั้งสองรู้ดีแค่ว่าตอนนี้จะมามัวทะเลาะกันก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ต้องมีแต่ความเชื่อ...เชื่อใจกันและกันเท่านั้น...
-------------------------------------------------- ------------------------------------------ -------------------------
ปาร์ตี้
เสียงดนตรีบรรเลงไปเรื่อยๆจนจบงาน คนตัวกระเปี๊ยกที่นั่งอยู่บนบ่าของซองมินได้แต่นั่งอุดหูอย่างซักกะตาย ซองมินเองก็เป็นห่วงอุคมากๆ ดงเฮเองก็ออกเดินตามหาอุคแต่ก็พบแค่ความว่างเปล่า ไม่ว่าจะไปห้องน้ำ หรือเลี้ยวไปอีกทางที่ทึกไม่ให้ไป แต่ก็ไม่พบ ทึกเองก็เช่นกัน จนเมื่อแขกที่มางานทุกคนกลับไป ลีทึก ดงเฮ ซองมิน และคยูฮยอน ก็ยังหาไม่เจอ
“อุคไปไหนนี่หายไปตั้งแต่สี่โมงแล้วนะ ในห้องน้ำก็ไม่มี”ดงเฮลุกขึ้นเดินไปเดินมาด้วยอาการนั่งไม่ติดของคนเป็นห่วงเพื่อนมาก
“เย่ก็ด้วย พี่ชักว่าเรื่องนี้มันแปลกๆแล้วนะ”ลีทึกพูดอย่างกังวลใจ “แจ้งตำรวจดีปะ”
“จริงๆ แจ้งตำรวจ”ดงเฮรีบหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา
“นี่มินบอกเพื่อนนายดิ ว่านี่มันยังไม่24ชั่วโมงเค้าไม่รับแจ้งน่ะ”คยูฮยอนกระซิบบอกเจ้าของบ่าที่ตัวเองยืนอยู่
“นายอย่าจุ้นน่า มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยเพื่อนนะ”ซองมินเอ็ด
“มินคุยกับใครหรอ”ลีทึกถามพลางเกาหัวแกรกๆ
“รังแคน่ะครับพี่ทึก อย่าได้สนใจเลย”ซองมินตอบกลับ ทำเอาคนที่ถูกหาว่าเป็นรังแคเค้นไม่น้อย
“เค้าบอกว่าจะลงบันทึกประจำวัน”ดงเฮที่หายไปคุยโทรศัพท์กลับมาบอกหน้าจ๋อยๆก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจะถามซ้ำอีกครั้ง “เราจะทำยังไงดีอ่ะ”
ตอนนี้ทุกคนต่างนิ่งไปตามๆกัน ทั้งสองคนเล่นหายไปอย่างไร้วี่แววอย่างนี้ หาจนทั่วก็ไม่เจอ ทุกคนหมดปัญญาแล้วจริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าควรทำยังไงต่อ และไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่จะปลอดภัยรึเปล่า
“บอกพี่ฮัน”ซองมินเหมือนจะคิดอะไรออกจึงรีบโทรไปทันที
(ว่าไง ไปเที่ยวกันไม่บอกไม่เล่า พี่จะโกรธแล้วนะ แล้วนี่ทำไมยังไม่กลับ มันดึกมากแล้วนะ รีบกลับกันได้แล้ว)ฮันคยองร่ายยาวด้วยความเป็นห่วงน้อง
“พี่ฮัน ใจเย็นนะ อุคหายตัวไป ซองมินหาไม่เจอ ไม่มีใครหาเจอเลยซักคนพี่ฮัน”ซองมินพูดด้วยเสียงสั่น
(ห๊า! หายได้ไง แล้วเราอยู่ไหนกันพี่จะออกไปหาเดี๋ยวนี่)เสียงปลายสายตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
“โฮมเสตย์พี่ทึกฮะ”
ฮันคยองไม่ตอบแต่ตัดสายไปดื้อๆทันที สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ดงเฮกับซองมินรู้สึกผิดมากอย่างบอกไม่ถูก เพราะทั้งๆที่เป็นคนพารยออุคมาแต่ทำไมกลับช่วยเพื่อนไม่ได้เลย
------------------------------------ ----------------------------------------------- ----------------------------------
กลับสู่ดินแดนประหลาดอีกครั้ง รยออุคกับเยซองเดินตามทางเรื่อยๆ และเดินไปเรื่อยๆจนเจอป่าที่มีแต่พืชแปลกๆ ทั้งสองรู้แล้วว่าดินแดนที่ดูสวยงามขนาดนี้นั้นกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างเพราะว่ายิ่งเดินมันก็ยิ่งรู้สึกน่ากลัวและวังเวง ทั้งสองคนยังคนจับมือกันอยู่ ตอนนี้เยซองเป็นคนเดินนำเหมือนเดิมแม้จะไม่รู้ทางไม่มั่นใจซักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆและมั่นใจคือเขาผ่านต้นไม้สีแดงใหญ่กลางป่านี้มาหลายรอบแล้วไม่ไปไหนไกลเลย
“นี่มันอะไรว่ะ เดินผ่านหลายรอบแล้วนะเนี่ย”เยซองเตะก้อนหินแถวนั้นเพื่อระบายอารมณ์ ตอนนี้เขาหัวเสียเต็มที่จนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“นายใจเย็นดิ ฉันว่าเดี๋ยวเราก็เจอเองแหละ”รยออุคพูดเพื่อให้อีคนใจเย็นลง เยซองปล่อยมือรยออุคก่อนจะนั่งลงพักเหนื่อย
“เชื่อปะเกิดมาทั้งชีวิตผมไม่เคยทำอะไรลำบากขนาดนี้เลยนะคุณ”
“คิดมากน่าคิดซะว่ามันคือประสบการณ์ใหม่ๆไง นายก็หัดลำบากไว้ เผื่อวันไหนนายลำบากจะได้ไม่ท้อไง”รยออุคพูดเพื่อให้อีกคนรู้สึกมีกำลังใจ ส่วนตัวเองรยออุครู้ดีว่าเรื่องแค่นี้มันธรรมดามากถ้าหากเทียบกับความลำบากที่เค้าเคยประสบมา
“อุค คุณบอกว่าถ้าอาทิตย์ตกดินแล้วที่นี่จะเปลี่ยนไปใช่ป่ะ”เยซองพูดอย่างมีความหวังแล้วลุกขึ้นยืนราวกับรู้อะไรบางอย่าง “ตอนนี้บ่ายสามเข้าไปแล้ว อีกสองชั่วโมงจะห้าโมงเย็นดูจากดวงอาทิตย์แล้วน่าจะเริ่มตก”
“แล้วไงอ่ะ”รยออุคถามอีกคนด้วยความอยากรู้
“แปลว่าเขาวงกตนั่นมันต้องเปลี่ยนไปด้วย ผมล่ะอยากบอกคุณจริงๆว่าความจริงน่ะมันคือเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะต้องหากันในตอนกลางคืน”เยซองพูดให้เหตุผลอีกคน “แต่ตามหลักการแล้ว เรามาหาก่อนมันน่าจะได้เปรียบและแน่นอนผมคิดว่าเราอยู่ในเขาวงกตแล้วล่ะ เพียงแต่มันไม่ได้ทำเป็นกำแพง” เยซองยิ้มให้รยออุคอย่างมีความหวัง
“จะบ้าหรอ เขาวงกตมันจะ...”รยออุคจะแย้งแต่เยซองก็ตอบมาก่อน
“มองรอบๆดิคุณมันคือเรื่องบังเอิญใช่มั๊ยที่ต้อนไม้แดงพวกนี้จะอยู่เต็มไปหมด ทั้งๆที่ที่ผ่านมามันก็มีแต่ต้นไม้ธรรมดา แล้วดูดีๆอีกทีมันกลับปลุกได้เป็นแนวทางเดิน แม้มันจะต้นสูงก็ตามนะ แต่เอาเถอะ มองไปรอบๆตัวเราอยู่ท่ากลางต้นไม้แดงทั้งนั้น”
“ใช่ดิ งั้นแปลว่าเราอยู่ในเขาวงกตแล้วใช่ป่ะ งั้นเราไปหาไอ้แสงนั้นกันเถอะ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกแล้วอะไรๆมันจะแย่ไปกว่านี้น่ะ นายนี่มันฉลาดดีเหมือนกันนะนึกว่าจะดีแต่ไร้สาระไปวันๆ”
“ผมแค่ไม่อยากอวดเฉยๆหรอ”เยซองยักไหล่เชิงอวดนิดๆ
“ขี้โม้!”
พูดจบเยซองก็เดินนำคนตัวเล็กมาเรื่อยๆ แต่ทว่าเขาทั้งสองกลับไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะดูอะไรที่จะบอกว่าเราอยู่กลางเขาวงกตแล้ว
ไม่นานระหว่างที่ทั้งสองเดิน รยออุคที่เดินปล่อยมือจากเยซองมาตั้งนานกลับรีบคว้าแขนเยซองมาควง ไม่ซิ!ออกไปทางกอดเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ทั้งคู่เดินไปพร้อมๆกัน ไม่มีใครนำใครทั้งสิ้น พระอาทิตย์ค่อยๆตกดินไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าที่เคยฟ้าสวยงามกลายเป็นสีเทาๆแถมพื้นที่พวกเขาเดินกันนั้นที่เคยโรยไปด้วยใบไม้สีแดง เหลือง ก็หายไปเป็นเหมือนพื้นธรรมดาที่ถูกปกคลุมด้วยหมอก ทึบมากซะจนแทบมองไม่เห็นทาง ต้นไม้สีแดงเหล่านี้ถูกเปลี่ยนเป็นกำแพงทึบสีดำอย่างที่เยซองเคยพูดจริงๆ
“น่ากลัวเนอะ”รยออุคบอกอีกคน
“ผมยังอยู่ ผมไม่ทำให้คุณตายหรอกน่าอย่าห่วงเลย ถึงผมจะดูเป็นคนเลวทรามก็ตามแต่เถอะ”เยซองพูติดตลก แต่ทว่าอีกคนกลับไม่ตลกไปด้วย
รยออุคเดินไปกับเยซองคนที่เค้าทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งแค้น กับสิ่งที่เยซองเคยทำ แต่ทว่าตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันหาไปไหนหมดก็ไม่รู้ คนตัวเล็กรู้ดีว่าตอนนี้เค้าต้องการให้เยซองอยู่ข้างๆมากที่สุด
“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนตามมานะ กี่โมงแล้วเย่”
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้น”ทั้งคู่เร่งฝีเท้าขึ้น “เอ่อแล้วผมต้องขอโทษจริงๆหมอกหนาเกินกว่าที่ผมจะเห็นนาฬิกาแล้วล่ะ แค่เห็นหน้าคุณผมยังมองไม่ค่อยเห็นอยู่แล้ว”
“อืมๆฉันก็ว่างั้นแหละ”รยออุคเห็นด้วย เพราะตัวเองก็ไม่ได้เห็นหน้าเยซองชัดขนาดนั้น
“ผมว่า...ไอ้เขาวงกตนี่มันดูโคตรคุ้นเลยนะ กำแพงสีดำนี่อีก”เยซองพยายามนึกถึงบางอย่าง “เอ่อผมว่ามันคุ้นๆมากๆเลยนะ”
“นึกดีๆซิเพราะตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าไอ้สิ่งที่มันตามเรามาน่ะมันจะเดินมาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีนะ”รยออุคพูดด้วยความกลัว
“ผมรู้แล้วว่ากึ่งกลางเขาวงกตนี่อยู่ที่ไหน ผมนึกออกแล้ว มันเหมือนที่นึง”เยซองพูดพลางพารยออุเดินไปทันทีอยย่างชำนาญ
“ที่ไหน”รยออุคถามกลับ
“เอาไว้เดี๋ยวผมจะบอกคุณ ผมกลัวว่าตอนนี้เราจะเสียเวลามานานเกินไป รีบไปที่กึ่งกลางนั้นกันเถอะ”
ไม่นานเลยจริงๆเยซองก็พารยออุคมายืนอยู่ตรงหน้าแสงสีทองจนได้ ตรงนี้หมอกดูบางลงเยอะมาก เยซองมองนาฬิกาข้อมือตัวเองอย่าดีใจ
“ห้าทุ่มสี่สิบห้า เรามาทันนะคุณ เข้าไปในแสงนั้นกันเถอะ”เยซองลากแขนอีกคนหนึ่งแต่ทว่ารยออุคกลับนิ่งเฉย
“นายเข้าไปเถอะ”รยออุคพูดเสียงสั่นเครือ “ได้โปรดทิ้งฉันไว้ที่นี่ ไปซิ!” รยออุคพูดทั้งน้ำตา
“ทำไมนายไม่ไป”เยซองจับมือคนตรงหน้าแน่นเพื่อจะลากเข้าไป แต่ทว่ากลับมีแรงบางอย่างรั้งเอาไว้
บางสิ่งที่รยออุคว่าแอบตามมานั้นตอนนี้ปรากฏตัวแล้ว มันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีหน้าตา ใส่ชุดคลุมสีน้ำตาลขาดวิ่น และที่สำคัญขาไม่แตะพื้น แรงที่รั้งรยออุคไว้มันก็มีเพียงสิ่งนี้นั้นเอง
“แกเป็นตัวอะไรกันแน่ปล่อยมืออุคซะ ไม่ใช่เรื่องของแกอย่างมาแส”เยซองมองตาขวางอย่างเอาเรื่อง
“แกซิอย่ามายุ่ง เด็กนี่มันบังอาจเล่นเกม และขออะไรแบบนั้นข้าจะสนองมันไง”สิ่งนั้นตอบกลับด้วยเสียงแข็งกร้าว
“ไปซะเย่ ทิ้งฉันไว้ที่นี่ นายไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”รยออุคตะโกนไล่เยซอง
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง คุณต้องมาอยู่ที่นี่มันก็เพราะผม ผมจะทิ้งคุณได้ยังไง อย่าพูดอะไรแบบนั้น คุณบอกให้ผมเชื่อคุณ แล้วคุณไม่เชื่อผมหรอ ผมจะพาคุณกลับไปให้ได้” เยซองประกาศเสียงแข็งเหมือนกัน
“เด็กพวกนี้พูดจากันนานน่ารำคาญ”สิ่งนั้นเหมือนจะเสกอะไรบางอย่างใส่เยซองแต่ทว่า รยออุคกลับเอามือที่เยซองปล่อยออก กระชากเสื้อคลุมสีน้ำตานั้นอย่างเร็วจนสิ่งนั้นกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง
“ไปเถอะ”รยออุคลากเยซองเข้าไปในแสงสีทองนั้นอย่างเร็ว ทั้งคู่อยู่ในแสงสีทองพร้อมกัน “ถ้าตอนนี้นายขอได้นายจะขออะไร”
“คุณชอบถามคำถามพรรค์นี่หรอ ว่าแต่ทำไม แสงนี่มันไม่พาเรากลับซักที่”เยซองพูดอย่างร้อนรน “ผมจะขอให้คุณกลับไปอย่างปลอดภัย”
“แล้วนายล่ะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า อย่างน้อยผมก็ได้รู้สึกว่าการที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่นมันดีแค่ไหน”เยซองตอบปัดๆ
ทันทีแสงก็สว่างวาบขึ้นมาทับที แต่ในเวลาเดียวกันผ้าคลุมนั้นก็ฟื้นอีกครั้งแล้วเสกบางอย่างเข้ามาหารยออุคที่อยู่ในแสงสีทอง แต่ทว่าเยซองกลับเห็นก่อน เลยกอดรยออุคไว้แล้วหันรยออุคไปอีกฝั่งและแสงโดยเวทมนต์ของผ้าคลุมนั้นก็พุ่งเข้าสู่แสงสีทองที่ทั้งคู่อยู่ ในฝั่งที่เคยเป็นของอุคแต่ตอนนี้เยซองต่างหากที่เป็นคนอยู่และรับมันไปเต็มๆ
และไม่นานทุกอย่างก็หายไปเหลือเพียงผ้าคลุมนั้นท่ามกลางเขาวงกตที่ยืนอยู่ด้วยความเจ็บใจอย่างถึงที่สุด
*****************************************************************************************************
ปล.หวังว่าจสนุกกันนะค่ะ >< หนุกไม่หนุกยังไงก็เม้นบอกกันเเล้วกัน
ปล.กะจะเเต่งให้มันออกตื่นเต้นๆ ไม่รู้คนอ่านจะตื่นเต้นตามรึเปล่า555+
ปล.อาจมีพิมพ์ผิดบ้าง เอาไว้ไรท์เตอร์จะมาแก้ไขให้อย่างเร่งด่วนนะค่ะ พอดีตอนนี้มีคนมารอใช้คอมไรท์เตอร์เลย
ต้องรีบพเนจร จรรีก้นไปที่อื่น555+ (เข้าใจนิดนึงทั้งบ้านมีคอมเครื่องเดียว^0^X)
***ปล.อันนี้สำคัญ อย่าลืมติดตาม Serve Sweet Menu ด้วยนะค่ะ น่ารักดีๆ น่ารักมากๆด้วย คนละเเนวกับเรื่องนี่เลย5555+ อย่าลืมเเล้วกันนะค่ะ
รักคนอ่านทุกคนนะค่ะ ขอบคุณมากที่ติดตาม
ความคิดเห็น