คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :::The Second Wish:::
:::The Second Wish:::
เครื่องบินแล่นลงสู่รันเวย์ทันทีที่ถึงที่หมาย ร่างหนาเดินลงจากเครื่องบินทันที สนามบินของที่นี่ดูเงียบสงบกว่าที่โซลเยอะ และที่มุมหนึ่งของสนามบิน ผู้ชายผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งยืนโบกไม้โบกมืออยู่
“เย่! ฉันอยู่นี่ที่รัก” เสียงเรียกชื่อของเขาที่น่าอับอายเกิดขึ้นอีกครั้งและสร้างความเด่นอีกครั้ง คนในสนามบินเริ่มมองหาเจ้าของชื่อ เยซองทำได้เพียงหยิบแว่นตาดำมาสวมแล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาคนที่เรียก
“เฮ้! ไอมิสยูน้า”ลีทึกกอดคนเป็นเพื่อนด้วยความคิดถึงแต่เวอร์มาก
“เออๆ เอามือของแกออกไปได้แล้ว น่าอายจริงๆ”เยซองปัดมือปลาหมึกของทึกออกไปทันทีที่พูดจบ “ว่าแต่เราจะไปบ้านพักได้รึยัง”
“เอ่อ ยังๆ”
“ทำไม หรืออย่าบอกนะว่าคนทีบ้านฉันไม่ได้โอนเงินมาให้น่ะ”เยซองเลิกคิ้วถามลีทึก
“เปล่าๆ ฉันแค่ว่าจะพานายไปเที่ยวก่อนอ่ะ แล้วค่อยเข้าบ้านพักน่ะ อีกอย่างเห็นนายชอบถ่ายรูป เลยอยากพานายไปเดินเล่นริมชายหาดซักนิส”ลีทึกฉีกยิ้มกว้าง
“แค่นี่หรอ”เยซองถามซ้ำเพราะเห็นความมีพิรุธ
“เออ จะให้มีอะไรล่ะ”ลีทึกตอบปัดๆ “ไปขึ้นรถกัน รถคงมารอนานแล้วแหละ”
เยซองเดินตามลีทึกไปอย่างว่าง่าย แต่แม้จะรู้สึกแปลกๆก็ตาม แต่ก็ช่างเถอะมนไม่ก็ได้น่าสนใจอะไรขนาดนั้น เพราะตอนนี้เขาอยากนอนเต็มแก่แล้ว
รยออุคลงจากเครื่องได้ซักพักใหญ่แล้ว แต่ทว่ากลับหาคนมารับไม่เจอเลยซักคน ไม่รู้ว่าจำเวลาผิดหรือว่ายังไง รยออุคกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ปลายทาง
ตู้ดๆๆ....
(ฮัลโหลๆ)เสียงคนรับดูร้อนรนแปลกๆ
“เอ่อ อุคเองนะครับพี่ฮัน พี่อยู่ที่ไหนครับ ทำไมยังไม่มา”รยออุคถามปลายสายผู้มีศักดิ์เป็นพี่ โดยฮันคยองเป็นลูกของพี่สาวแม่ของรยออุคคนโต และยังมีแม่ยังมีพี่ชายอีกคนหนึ่งและก็มีลูกสองคนคือซองมิน และดงเฮ
(อุคพี่ขอโทษนะๆ พี่ไม่ว่างานมันเร่งน่ะ พี่ให้ซองมินไปรับแล้วนี่ ยังไปไม่ถึงหรอ)
“ครับๆ ไม่เป็นไร ผมจะลองโทรหาเค้าดู”
รยออุควางสายลง ก่อนจะกดเบอร์ไปยังซองมิน แต่ยังไม่ทันได้กด
“อุคๆ แฮ่กๆ”ซองมินวิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยท่าทางกระหือกระหอบก่อนจะเรียกรยออุคที่รออยู่
“ไปไหนมา ดูเหนื่อยมากมาย”รยออุคลี่ยิ้มบางๆ
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีลืมไปว่าอุคจะมาถึงตอนเที่ยงครึ่ง นึกว่าบ่ายครึ่ง เลยแอบแวะไปช็อปของถูกก่อน
จะมา แต่ให้ตายซิดีที่ดงเฮโทรมาถาม เลยรีบมาแทบตาย ว่าแต่รอนานมั๊ย”
“ก็ชั่วโมงกว่าๆน่าจะถึงอยู่”รยออุคพูดยิ้มๆ
“ขอโทษๆ งั้นอย่าเสียเวลากลับบ้านกันเหอะ”ซองมินลากรยออุคไปที่รถทันที
ระหว่างทางซองมินชวนรยออุคคุยสารพัดเรื่องจนแทบตอบไม่ทัน และแน่นอนสิ่งหนึ่งที่รยออุครับรู้ได้
เลยคือซองมินพูดเก่งขึ้นเยอะ
-------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------
ปุ!
สายรุ้งมากมาย และสเปรย์ที่ถูกพ้นจนเต็มไปหมดที่สวนเล็กๆริมชายหาดของบ้านพัก ตอนนี่เยซองรู้แล้ว
ว่าพิรุธนั้นคืออะไร ความจริงแล้วแค่ลีทึกแอบจัดงานเลี้ยงต้อนรับไว้ก็เท่านั้น และเท่านั้นไม่พอ
เพื่อนฝูงตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ต่างมาร่วมงานกันมากมาย เยซองได้แต่ยิ้มบางๆและทักทายคนเหล่านั้นบ้างตาม
ประสาคนเข้าสังคมเป็น แต่ทันทีที่งานเลิก
“ทึก...ฉันสั่งให้จัดงานรึเปล่า”
(- - )( - -)(- - )( - -) ลีทึกส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้นเพราะสายตาของเยซองตอนนี้น่า
กลัวมาก
“แล้วจัดทำไม”
“ก็แค่อยากให้นายคลายเครียดไง แบบเห็นชอลโทรมาบอกว่านายอยากพักผ่อนอ่ะ”
“แล้วคิดว่างานเลี้ยงอะไรนี่มันทำให้ฉันสนุกหรอ”
(- - )( - -)(- - )( - -) ลีทึกส่ายหน้าแทนตำตอบเหมือนเดิม “แต่ก็เอาน่าๆนายยังโชคดีกว่าคนหลายคน
ออก บางคนนะมาคนเดียวแถมยังไม่มีคนเลี้ยงฉลองต้อนรับอีก มองโลกแง่บวกบ้างเซ่”
“ไปได้แล้ว”เยซองสั่งหน้านิ่งๆ
“ไปไหน” ลีทึกมองซ้ายขวาอย่างงงๆ
“ไปไกลๆจากฉันไง”
“เชอะ! แต่มีไรก็เรียกแล้วกันบ้านฉันอยู่ถัดจากบ้านนายไปแค่สองหลัง ไม่ก็โทรไปแล้วกัน”ลีทึกพูดจบแล้ว
ก็เดินออกไปอย่างขัดใจนิดๆ
เยซองมองบรรยากาศรอบๆห้องก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มๆ โฮมเสตย์ที่เยซองพักแห่งนี้เป็น
บ้านสองชั้น มี 1 ห้องนอน 1ห้องน้ำ 1 ห้องโถงใหญ่ไว้พักผ่อน และ1 ห้องครัว ซึ่งเหมาะมากๆกับการพักผ่อนคน
เดียวอย่างไร้คนมากวนใจ
----------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------
ทันทีที่มาถึงบ้านฮันคยองและดงเฮ เตรียมข้าวเย็นรอไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย แม้มันจะไม่ได้เริ่ดหรูอะไรแต่อุค
ก็รู้ดีว่าอาหารมื้อนี้ทุกคนตั้งใจทำ
“ไงอุคอาหารใช้ได้มะ ฉันทำเองกับมือ”ดงเฮอวด
“อร่อยๆ”
“ว่าแต่อุคจะเปิดร้านขายยาเลยหรอ”ฮันคยองผู้ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดถาม
“ครับ”
“แต่พี่ว่านะ อุคน่าจะทำงานเก็บเงิน และเก็บประสบการณ์ก่อนนะ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
จะได้ไม่เสียหายง่ายน่ะ”ฮันคยองเสนอ
“อืมก็จริงๆ”ซองมินเห็นด้วย
“แล้วถ้างั้นฉันจะไปหางานที่ไหนล่ะ คนที่นี่ฉันไม่รู้จักซักคน”
“เรื่องนั้น ด้อนท์วอรี่ ฉันมีเพื่อนเปิดคลินิกอยู่ กำลังขาดเภสัชอยู่พอดี สนใจมั๊ย”ซองมินเสนอ
“นายคยูอะไรนั้นน่ะซิ แหมๆไม่ต้องออกตัวมากขนาดนั้นหรอกมิน”ดงเฮแซว
“ก็แค่อยากช่วยอุคอ่ะ”ซองมินตวาดแก้เขิน
“นี่พูดเรื่องอะไรกันหรอ”อุคมองอย่างงงๆ
“อย่าสนใจมันสองคนเลย ว่าแต่สนใจรึเปล่า”ฮันคยองถาม
“ครับๆ สนใจ”
“งั้นไปพรุ่งนี้เลย!”ซองมินเสนอลั่น
“ออกตัวไปมั๊ยมิน”ฮันคยองมองอย่างอนิจจา ก่อนที่บทสนทนาในโต๊ะจะเริ่มครึกครืน
แม้อาหารมื้อนี้จะไม่ได้จัดฉลองอย่างเริ่ดหรูก็ตาม แต่มันก็เป็นมื้อที่อร่อยและมีความสุขที่สุดในช่วง3
เดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ และตอนนี้อุคก็พอรู้แล้วว่าคนที่ชื่อคยูกับซองมินกำลังมีอะไรบางอย่าง แอบแฝงใน
ความสัมพันธ์อยู่
“กินเสร็จแล้วไปนอนได้แล้วเดี๋ยว พี่ล้างจานเอง”ฮันคยองเสนอ
“แต่...”ทั้งสามคนที่เหลือค้าน
“ไปนอนเถอะ”
ซองมินพารยออุคมายังห้องนอนที่จัดไว้ บ้านนี่เป็นเพียงตึกแถว 4 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นที่ว่างๆสำหรับ ดูโทรทัศน์หรือเรียกง่ายๆคือห้องรับแขก และห้องครัวและโต๊ะกินข้าว ชั้นสองเป็นห้องนอนของดงเฮ และ ซองมิน
(คนละห้อง) และชั้นสามเป็นห้องนอนของซองมิน และห้องเก็บของที่อยู่ข้างๆกัน ชั้นสี่เป็นของฮันคยองทั้งชั้น
เพราะเป็นทั้งห้องนอนและห้องทำงานของฮันคยองเลยด้วย ในทุกชั้นจะมีห้องน้ำ 1ห้อง และซองมินกับดงเฮจะ
แย่งกันเป็นประจำ
หลังจากรยออุคอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็นั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง ก่อนจะหยิบกระจกที่เพิ่งได้เมื่อ
กลางวันมาดู จริงๆแล้วมันก็แค่กระจกธรรมดานี่
วาบ!
แสงสีขาวสะท้อนออกมาทันทีจนรยออุคต้องหลับตาลง
“สวัสดี”เสียงทักที่คุ้นๆดังขึ้นจากกระจก
“เฮ้ย!” รยออุคตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
“ตกใจอะไรผมเป็นคนให้กระจกคุณไง แล้วก็ขอโทษด้วยที่เมื่อกลางวันแอบแวบหายตัวไปน่ะ ความจริงไปจัดการผมที่มันรุงรังมา”ชายร่างอ้วนยิ้มร่า “อ้อๆ แล้วผมชื่อชินดงครับ อย่ากลัวผมเลยๆ”
“โอเคๆ”รยออุคสูดายใจลึกๆ ก่อนจะหยิบกระจกขึ้นมาดูอีกครั้ง ชินดงกำลังยืนยิ้มร่าอยู่อย่างมีความสุข
“นายต้องการอะไร”
“ที่ผมมาผมแค่จะมาย้ำคุณว่าเรื่องที่ผมพูดน่ะมันคือเรื่องจริง คุณต้องหาเขาให้เจอ แล้วให้เขามาพูดสิ่งที่
คุณปรารถนาใส่กระจกนี่ แล้วคำขอนั้นจะเป็นจริง”
“ทำไมมันยากอย่างนั้น”
“ถ้าง่ายแล้วจะทำให้มันลึกลับทำไมอ่ะ”ชินดงตอบกวมๆก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นายขมวดคิ้วทำไมอ่ะ”รยออุคถามคนในกระจก
“คนในกระจกอ่ะ”เสียงดงเฮดังมาที่ข้างๆหูของรยออุค
“คนที่ไหนอยู่ในกระจก ผีชัดๆ”ซองมินที่อยู่อีกฝั่งก็พูดตอบ
“เฮ้ย!!!” ดงเฮและซองมินโวยวายลั่นก่อนจะมุดลงในผ้าห่มของอุคด้วยความกลัว
“นายหายไปก่อนได้มั๊ยชินดง”รยออุคสั่ง ชินดงทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะหายวาบไป
“อุค...นายเล่นของหรอ...”ดงเฮถามเสียงสั่น
“ใช่นั้นมันผีใช่ม้าย ฮือ”ซองมินถามมาอีกคน
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะเล่าให้นายสองคนฟังก็ได้ แต่นายต้องช่วยแนแล้วห้ามบอกใคร”
ดงเฮและซองมินโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มอย่างกล้าๆกลัวๆ รยออุคถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย จากนั้น
ก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“พวกนายต้องช่วยฉันแล้วห้ามบอกใครนะ”รยออุคสั่งเด็ดขาด
“ได้เลยๆ แล้วพวกเราจะช่วย แล้วใครว่ะมันจะมาขอพรอะไรเกี่ยวกับนาย”ดงเฮเกาหัวแกรกๆ อย่างงงๆ
“ก็ถ้าอุครู้เค้าจะมาให้เราช่วยมั๊ยล่ะ”ซองมินผลักหัวดงเฮอย่างหมั่นไส้
“ว่าแต่นายสองคนเข้ามาได้ไง” รยออุคหรี่ตาถาม
“เอ่อ...”
“ยังไง!”รยออุคถามลั่น
------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------
ซองมินพารยออุคมาสมัครงานกับคนชื่อคยูฮยอนตั้งแต่เช้า และแน่นอนคืออุคเข้าทำงานได้เลย ก็อย่างว่า
คนมันเส้นใหญ่มากๆนี่ รยออุคเริ่มทำงานทันที ส่วนซองมินขอตัวไปทำงานของตัวต่อ ตอนนี้รยออุคสนิทกับ
คยูได้พอตัวแล้ว
“อุค ตอนนี้มันพักเที่ยงแล้วนะ ไปหาอะไรทานก่อนก็ได้ หรือไม่ก็ไปกับหมอก็ได้”คยูชวน
“ไม่ดีกว่าๆ หมอจะเข้าโรงพยาบาลตอนบ่ายไม่ใช่หรอเดี๋ยวจะเสียเวลา อีกอย่างคนใข้ยังเยอะอยู่เลย
ถ้าผมไปตอนนี้ใครจะจัดยาช่วยคุณหมอที่เหลือล่ะครับ”รยออุคคลี่ยิ้มกว้าง
“แต่...”คยูยังไม่เลิกชวน
“เอาเถอะครับ ชีวิตคนไข้สำคัญนะครับ แถวนี่มีร้านอาหารเยอะแยะ ผมหาทานเองได้ฮะ”รยออุคทำงาน
ต่อทันทีที่พูดจบเพราะรายการยาจากคุณหมอที่ตรวจอยู่ส่งออกมาแล้ว คยูได้แต่มองอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดิน
จากไปจากร้าน
.
..
.
นาฬิกาบอกเวลาแล้วว่าตอนนี้คือเวลาบ่ายสาม แต่คลินิกแห่งนี้คนยังไม่ซาลงเลยซักนิด คงเป็นเพราะที่
นี่เป็นคลินิกค่อนข้างใหญ่ มันแผนกการรักษามากพอๆกับในโรงพยาบาล แต่เภสัชกรกลับมีแค่ 7 คนผลัดเวรกัน
ทำแทบไม่ทันเท่านั้น
“อุคนายยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ก็บ่ายสามแล้ว ไปหาไรกินเหอะ เดียวฉันดูแลให้”ยุนอาเภสัชกรสาวบอกอีก
คนที่กำลังยุ่งกับการจัดยา
“แต่ว่า...”
“เดี๋ยวคนมันก็น้อยแล้ว ไปหาอะไรกินเถอะ ที่นี่คลินิกนะไม่ใช่สถานที่ทรมานคนเพื่อใช้แรงงาน”ยุนอายิ้ม
บางๆ
“อืมๆ งั้นเดี๋ยวมานะ”
รยออุคเดินมาหาร้านอาหารแถวๆริมชายหาดทาน เพราะคลินิกนี่อยู่ใกล้ชายหาดมาก แค่ข้ามถนนไปก็
เท่านั้น
“ป้าครับผมของบะหมี่ทะเลครับ”รยออุคสั่งอาหารแล้วมานั่งยังที่โต๊ะ ก่อนที่สายตาจะมองทอดไปยังชาย
หาดสีขาวสะอาด ทะเลสีฟ้าสะอาด ตอนนี้บ่ายสามแล้วเลยทำให้คนเล่นน้อยเป็นพิเศษเพราะแน่ซิใครๆก็รู้ว่า
แดดตอนบ่ายสามนี่มันร้ายกาจแค่ไหน
แต่นกจากชายหาดสีขาวแล้วขาวคนหนึ่งกำลังยืนถ่ายรูปมันอยู่อย่างไม่กลัวร้อน เขาสวมแว่นตาสีชาแล้ว
ถ่ายรูปธรรมชาติอย่างมีความสุข ดูจากท่าทางไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นช่างถ่ายรูปแน่ๆ เพราะท่าทางสันทัดเอื้อ
ต่อการถ่ายรูปของเขาดูยังไงก็รู้ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ รยออุคเลยละสายตาจากสิ่งนั้นแล้วหันมาสนใจอาหารบน
โต๊ะ
“ป้าครับบะหมี่ทะเล”เสียงหนึ่งที่มาสั่งอาหารแล้วนั่งโต๊ะข้างๆกับรยออุคดังขึ้น ให้ตายเถอะเขาคือ
คนเมื่อกี้
เยซองถอดแว่นกันแดดของตัวเองออก ก่อนจะนั่งดูรูปที่ถ่ายไว้แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่บางอย่างก็ทำให้
เขาต้องหันไปยังโต๊ะข้างๆอย่างไม่เข้าใจเหตุผล ผู้ชายร่างเล็กที่กำลังกินบะหมี่ทะเล อย่างเดียวกับที่เขาสั่ง
คนข้างๆดูเป็นคนตัวเล็กๆ บางทีอาจดูติดไปทางผมมมากด้วยซ้ำ เยซองแอบหยิบกล้องขึ้นมาแอบถ่ายรูปตอนคน
ตัวเล็กกำลังกินบะหมี่ทะเลอยู่
“บะหมี่มาเสิร์ฟแล้วค่ะ”
เยซองรับบะหมี่มาทานแล้วละความสนใจจากคนข้างๆ
“ป้าครับเก็นเงิน”รยออุคเรียกแม่ค้าก่อนจะจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ทว่าเยซองที่กำลังยกบะหมี่ซดอยู่นั้นกลับรู้สึกว่ามีคนอ้วนๆที่ไหนไม่รู้มีคนเข้าอย่างจัง ดังนั้นน้ำซุปที่ยังไม่ทัน
เข้าปากก็กระเด็นอยู่บนเสื้อของรยออุคที่เพิ่งลุกออกจากที่นั่งซะแล้ว
ซ่า!!!!
“เฮ้ย!” รยออุคขมวดคิ้วแน่นด้วยความโกรธ ให้ตายซิ! นี่เค้าต้องไปทำงานต่อนะ “นี่คุณครับกินมูมมาม
ไปมั๊ย”
“ผมไม่รู้ อยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้มาชนผม ผมขอโทษคุณแล้วกัน”เยซองตอบอย่างปัดๆ แต่ในเสียงแอบแฝงไป
ด้วยความรู้สึกไร้ความรับผิดชอบเต็มไปหมด
“ใครชนคุณ ผมไม่เห็นเห็นใครเลย คุณจะไม่รับผิดชอบหรอ ผมต้องไปทำงานต่อนะ”รยออุคตวาดลั่น ก็นี่
มันวันเริ่มงานของเค้านี่นา คลินิกยังไม่ปิดด้วยซ้ำ จะขอลาครึ่งวันก่อนก็น่าเกลียด
“เอ๊ะ!”เยซองตบโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นตวาดต่อ “แล้วคุณจะให้ผมทำไง ก็มันเป็นอุบัติเหตุ ผมจะไปดูดน้ำซุป
จากเสื้อคุณมาได้รึเปล่าล่ะ แล้วอีกอย่างผมก็เสียหายนะผมยังไม่ได้ซดน้ำซุปเลย”
“เห็นแก่ตัว เห็นแก่กิน ไร้ความรับผิดชอบ คนแบบนายไม่น่ามีบนโลกหรอก”รยออุคเถียงกลับ
“แล้วไง แล้วคุณอ่ะ ดีนักหรอ คนขอโทษแล้วก็ไม่ให้อภัย จะเอายังไงห๊ะ ว่ามาดิ๊”เยซองขึ้นเสียงสูง
บรรยากาศตอนนี้เตรียมประทุได้ทุกเวลาแล้วจริงๆ
“คุณก็ขอโทษแบบจริงใจหน่อยได้มั๊ยเล่า”
“ผมเป็นของผมอย่างนี่คุณจะมายุ่งอะไร”
“คุณมัน...!”รยออุคไม่รู้จะพูดอะไรต่อ มันก็จริงที่ว่าเสื้อมันเละขนาดนี้จะให้คนตรงหน้ามาเก็บกลับไปก็
ไม่ได้
“เอาอย่างนี้แล้วกัน”เยซองถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำข้างนอกออก เผยให้เห็นเพียงเสื้อยืดสีขาวบางๆธรรมดา
เท่านั้น แล้วยื่นให้รยออุค “เอาไป”
“ให้ฉัน!”รยออุคถามอย่างงงๆ
“หรือคุณจะใส่เสื้อตัวนี้ไปทำงานก็ตามใจคุณเหอะ”เยซองยื่นให้รยออุค “จะเอาไม่เอา ถ้าจะเอา ก็หยิบไป
เร็วๆ”
“อืม ขอบใจ”รยออุคหยิบมันมาทันที
“งั้นจบเรื่องนะ ขอลา”เยซองเดินเชิดออกไปจากร้านทันที
“เดี๋ยว!”รยออุคตะโกนไล่หลัง “ฉันจะคืนเสื้อนายได้เมื่อไหร่ที่ไหน”
“จะเอาไปใส่เลยก็ยังได้นะคุณ”เยซองหันมายิ้มฟันขาวให้แล้วเดินจากไปทันที
รยออุคที่ยืนอยู่กำลังจะออกจากร้านเหมือนกันเพื่อจะไปหาห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ออก
จากร้าน
“พ่อหนุ่มๆ”ป้าเจ้าของร้านเรียก
“ครับ”
“คนเมื่อกี้เพื่อนพ่อหนุ่มหรอ”
“เอ่อ... คนรู้จักครับ ทำไมหรอครับ”
“เค้าลืมจ่ายเงินป้าน่ะ พ่อหนุ่มก็จ่ายมาด้วยเลยแล้วกันนะ”
รยออุคได้แค่หยิบเงินออกมาจ่ายอย่างว่าง่าย แต่ใจจริงแล้วแค้นเจ้าของแจ็คเก็ตนี่จะตายอยู่แล้ว รู้จักกัน
หรือก็ไม่ ทำไมเค้าต้องมาจ่ายเงินให้คนที่ทำเค้าตัวเลอะเทอะอย่างนี้ด้วย...!
“อย่าให้เจออีกนะ แม่จะเล่นให้เละ”รยออุคได้แค่ผูกใจเจ็บไว้
เยซองหลังจากเดินออกจากร้านได้ซักพัก เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมจ่ายเงิน เลยรีบวิ่งกลับไปที่ร้าน
“ป้าครับเมื่อกี้เท่าไหร่ครับๆ”เยซองถามอย่างร้อนรน
“เพื่อนพ่อหนุ่มคนเมื่อกี้จ่ายไปแล้วล่ะ”ป้าตอบยิ้มๆ
“เพื่อนผม?”
“คนที่ผอมๆไง”
เยซองนึกออกทันที ก่อนจะยิ้มบางๆขอโทษป้าเจ้าของร้านแล้วเดินออกมาจากร้าน
“ถ้าเป็นไปได้ บางทีผมขอให้ผมได้เสื้อแจ็คเก็ตคืนก็ดีนะ ฮะฮ่า”เยซองพูดยิ้มๆ เขาไม่รู้ซักนิดว่าคำขอเขา
จะเป็นจริงรึเปล่าและที่สำคัญเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือคำขอ เขาคิดว่ามันเป็นแค่เพียงคำพูดลอยๆในอากาศเท่านั้น
*******************************************************************************************************
ปล.อย่าลืมติดตามกันเรื่อยๆนะค่ะ
ปล.ดูแลสุขภาพกันมากๆนะค่ะ คือ ช่วงนี้คนเป็นหวัดกันมหาศาล รักษาสุขภาพนะค่ะ^^
ความคิดเห็น