คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :::The First Wish:::
:::The first wish:::
แสงแฟลชสาดส่องเข้ายังภาพนางแบบและนายแบบทั้งหลายที่ยืนโพสท่าเป็นหุ่นอยู่ ภาพเหล่านั้นถูกสะท้อนกลับเข้ายังแผ่นฟิล์มของผู้เป็นช่างภาพ เขามีหน้าที่สั่งว่าให้คนเหล่านั้นทำท่าไหนที่จะสวยและดูดีเมื่อถ่ายรูป แม้ว่าเขาจะดุเหมือนเป็นคนควบคุมแทบทุกอย่างในกองถ่ายแฟชั่นแห่งนี้ หากถามว่าเหนื่อยไหม ใช่! เขาเหนื่อยแน่นอน แต่ก็เท่านั้น...เพราะคนที่ดังมีชื่อเสียงใช่คนที่เหนื่อยที่สุดอย่างเขาเสียเมื่อไหร่ กลับเป็นคนที่อยู่ในเฟรมของเขาเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะงานนี้คืองานที่เขาเลือกและเขาก็ชอบมันนี่
“เย่ค่ะ วันนี้พาซินดี้ไปทานข้าวเที่ยงได้มั๊ยค่ะ” นางแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งได้พักจากการถ่ายภาพเมื่อกี้ เข้ามาเกาะแกะเขา
“ไม่ดีกว่า งานผมยุ่งพอที่จะไม่ว่างพาใครไปเลี้ยงข้าวให้เสียเวลาเล่นหรอครับ”เยซองฉีกยิ้มสวยให้ซินดี้ ถึงแม้คำพูดเหล่านี้จะลงท้ายด้วยครับ มันสุภาพมาก แต่หากมองดูดีแล้วจะเห็นความแรงในคำพูดนี้อยู่ไม่น้อย
“โถ่! งานๆ อะไรก็งาน ซินดี้แค่อยากไปทานข้าวเท่านั้นเอง”
“ไปชวนเขาซิ คนที่พร้อมจะไปกับคุณน่ะครับ อย่ามาชวนผม” เยซองปรายตาไปยังนายแบบหุ่นล่ำที่คนทั้งกองรู้ดีว่ายัยซินดี้แอบมีอะไรๆไปถึงขั้นไหนๆแล้ว ก่อนจะเดินหนีแม่นางแบบจอมตื้อไปตรวจดูภาพที่ถ่ายไปในทุกเซตของวันนี้
“แรงได้อีกว่ะเย่ที่แกพูดกับน้องซินดี้เมื่อกี้” ฮีชอลเดินมาตบบ่าเพื่อนตัวเองเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเพื่อช่วยตรวจดูภาพเซตนี้
“เฮ้อ!”เยซองพ่นลมหายใจออกมายาวๆ “ใครๆก็รู้ว่ายัยนี่ต้องการอะไร แค่อยากให้ฉันเป็นสะพานเกาะให้ตัวเองดังไปก็เท่านั้นน่ะ ไร้สาระสิ้นดี! แล้วอีกอย่างใครๆก็รู้ว่ายัยนี่อยากเกาะฉันรวย”
คนเป็นเพื่อนอย่างฮีชอลยิ้มบางๆให้คนเป็นเพื่อนอย่างเยซอง ก่อนจะสนใจงานของตัวเองต่อ แต่ให้ตายเถอะ! เสียงบรรดานางแบบที่ปั้นหน้าสวยตอบคำถามหรูๆให้กับนักข่าวช่างดังได้ใจดีแท้ และแน่นอนคนอย่างฮีชอลก็ไม่ได้จะมีความอดทนสูงเท่าไหร่หรอก!
“นี่กองถ่ายไม่ใช่ป่า ถ้ายังไม่เลิกนิสัยเดิมๆก็เชิญกลับป่าไปซะ”คนทั้งกองเงียบลงทันที บ้างก็ย้ายกันออกไปสัมภาษณ์กันข้างนอก “ช่วยไม่ได้จริงๆ เสียงดังอยู่ได้”
--------------------------------------------- -------------------------------------------------------------- ----------
บรรยากาศเงียบมากจนได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น คนตัวเล็กนั่งอยู่บนโต๊ะเพื่อทำข้อสอบไฟนอล ข้อสอบชี้ชะตาว่าจะจบหรือไม่จบของตัวเอง รยออุคนั่งตรวจแล้วตรวจอีกเกี่ยวกับคำตอบของตัวเองว่าพลาดตรงไหน หรือ ตกหล่นอะไรรึเปล่า ผลคือไม่มี ข้อสอบครั้งนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆสำหรับคนอย่างรยออุค ที่ค่อนข้างจะเป็นคนเรียนรู้ช้า เข้าใจช้า แต่ในทางกลับกัน ความพยายามของรยออุคนั้นไม่เคยด้อยกล่าใคร และที่สำคัญที่สุดรยออุคเห็นจุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเองไม่ช้ากว่าใคร
รยออุคฝันไว้ว่าตัวเองจะเปิดร้านขายยาเล็กๆ อยู่ที่ที่มันไกลๆจากผู้คน อย่างเช่นตามต่างจังหวัด นั้นแหละคือความฝันของเขา รยออุคยิ้มบางๆให้กับข้อสอบก่อนจะเดินไปส่งให้อาจารย์ที่นั่งรอเก็บข้อสอบอยู่หน้าห้อง และไม่นาสัญญาณบอกว่าหมดเวลาการสอบก็ดังขึ้น
“อุคข้อสอบเป็นไง”ฮยอกแจเพื่อนต่างคณะของรยออุคเดิมาถามหน้าตาระรื่น
“ก็ยากนะ แต่น่าจะทำได้มั่ง”รยออุคหัวเราะแห้งๆ
“เห็นพูดงี้ตลอด แล้วคะแนนก็ท็อปตลอด”
“ก็ใครจะไปเก่งเท่าว่าที่คุณหมออย่างนายกับซีวอนเล่า”รยออุคประชดเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวแล้วปลีกตัวออกมา แล้วกลับบ้านของตัวเอง
ที่บ้านของรยออุค
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”ร่างเล็กร้องเรียกคนเป็นแม่
.....
...
..
.
ความเงียบเท่านั้นคือคำตอบ เสียงตอบของแม่หายไป รยออุคเดินไปเรื่อยๆมองตามห้องต่างๆเพื่อหาแม่ของตัวเอง แต่สิ่งที่พบก็มีแค่ความว่างเปล่า แม่หายไปไหน?
รยออุคทิ้งตัวลงที่โซฟาในห้องรับแขก ก่อนจะมองซ้ายมองขาวจนไปพบกับซองจดหมายสีขาวที่ถูกเสียบไว้กับแจกัน รยออุคหยิบมันขึ้นมาอ่าน ด้วยความอยากรู้
‘ถึงลูกของแม่...
ลูกสอบมาเป็นยังไงบ้าง แม่อยากยืนกอดลูกนะ อยากกอดลูกเหมือนทุกครั้ง แต่แม่ขอโทษที่แม่ทำไม่ได้ แม่จากอุคไปโดยไม่ได้บอกลาอุคเลย แม่ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย
ลูกอย่าลืมทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงนะ ความฝันของแม่ด้วย ตั้งใจเปิดร้านขายยาให้ได้นะ เงินทุนแม่พอมีเก็บไว้ ลูกก็ไปถอนมาได้เลย
รักลูกของแม่ที่สุด...’
รยออุคยิ้มให้กับจดหมายของตัวเองบางๆ เค้ายังไม่ชินกับการจากไปของแม่เท่านั้น แม่ของรยออุคจากไปด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกเมื่อ 3 เดือนก่อน จนตอนนี้จะว่าไปมันก็นานมากแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ชินและทำใจไม่ได้อยู่ดี จนตอนนี้ทำให้รยออุคดูเหมือนคนเก็บเนื้อกับตัวและโลกส่วนตัวสูง ไร้ซึ่งความสดใสในตัวเองเหมือนเมื่อก่อนถึงแม้ในบางครั้งทุกคนจะมองว่าเค้าสดใสก็ตาม แต่หากมองดีๆแล้วเค้าคือคนที่มีความอ่อนไหวมากคนหนึ่ง
----------------------------------------- --------------------------------------------- -------------------------------
เยซองนั่งปรับแต่งรูปภาพ แสงและสี ให้สวยและดูเป็นธรรมชาติก่อนจะส่งไปยังสำนักพิมพ์ เยซองนั่งมองผลงานของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา ความจริงเขาก็ทำงานเยอะใช่ย่อย บางทีเขาควรจะพักซะบ้าง หยุดถ่ายแบบให้นิตยสารความสวยความงาม แฟชั่นยุคใหม่ไปซักพัก แล้วไปพักผ่อนถ่ายรูปธรรมชาติสวยๆที่ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการนั่งรีทัชภาพมากมายแบบนี้
ร่างหนาหยิบสมุดบัญชีธนาคารของตัวเองออกมามองก่อนจะยิ้มบางๆราวกับได้รางวัลให้กับชีวิต เขามีเงินพอที่จะไปเที่ยวพักผ่อนได้
“ชอล”
“หือ?”ฮีชอลถามเบาๆ แต่สายตายังคงไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
“กูว่ากูจะหยุดไปเที่ยวพักผ่อนใจว่ะมึงว่าไง”
“อืมดีๆ อยู่ที่นี่อ่ะปวดหัว ว่าแต่จะไปนานเท่าไหร่ย่ะ”
“3 เดือนได้” เยซองพูดอย่างไม่ยี่หระ
“3 เดือน!!!! บอสไม่ฆ่าตายหรอ”ฮีชอลละสายตาจากคอมพิวเตอร์ออกมาทันที
“กูเบื่อนางแบบพวกนี้เต็มทน”
“ฮะฮ่า เออ ไปเหอะ บอสไม่ด่าแกหรอก แกมันช่างภาพชื่อดังใครๆก็อยากได้ตัวกันทั้งนั้น ว่าแต่จะไปไหน แล้วไปวันไหน” ฮีชอลปรายตามองเล็กน้อย แล้วหันไปสนใจคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อ
“เชจูว่ะ สวยดีกูชอบ มันดูสดชื่น น่าจะไปอีกสองอาทิตย์ เคลียร์งานให้หมดก่อนน่ะ”
“มีที่พักแล้วหรอ”
“ยัง”เยซองส่ายหัวเบาๆ
“อืม... นี่ๆ”ฮีชอลคุ้ยๆบางอย่างในกระเป๋าตัวเองก่อนจะส่งให้อีกคน เยซองรับซองบางอย่างมาจากฮีชอล “นี่เป็นบ้านพักโฮมเสตย์ ของเพื่อนฉันเองแหละ ไม่ซิๆ ของเพื่อนเก่าเราอ่ะ”
“ใคร?” เยซองเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ทึกไง มันถามถึงแกบ่อยๆ” ฮีชอลยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าคนเป็นเพื่อนยังงงๆอยู่ “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันโทรไปบอกมันให้ พอถึงวันแกก็ไป เดี๋ยวให้ทึกไปรับ”
“เออ ขอบใจๆ กูกลับบ้านก่อนแล้วกันจะไปเคลียร์งาน” เยซองของตัวออกมาทันที แต่แปลกทำไมเขาถึงรู้สึกว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะไม่ธรรมดา...
--------------------------------------------------------------- --------------------------------------------- ---------
วันประกาศผลสอบ
“เย่!” เสียงดีใจดังลั่นจากคนตัวเล็กๆ “ฮยอกฉันสอบผ่านอ่ะ อาทิตย์หน้าฉันจะได้รับ ปริญญาแล้ว”
“ดีใจด้วยๆ ว่าแต่ความฝันของนายอ่ะว่าไง เริ่มมันเลยมั๊ย ได้ข่าวแอบไปขอใบอนุญาตมาแล้วนี่”ฮยอกยิ้มกว้างให้คนเป็นเพื่อน
“ก็นะ คนมันตื่นเต้นอ่ะ เข้าใจมะๆ วางแผนว่าจะไปเชจูอ่ะ อีก2อาทิตย์”
“มีร้านแล้วหรอ”ฮยอกเลิกคิ้วถามคนเป็นเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ให้ฉันช่วยมั๊ย”ซีวอนที่แอบฟังอยู่เสนอตัว
“ไม่ๆ พอดีฉันมีญาติอยู่ที่นั้นน่ะ แล้วอีกอย่างบ้านแม่ที่นั้นก็ยังไม่ได้ขาย ตอนนี้ก็ให้ญาติฉันจัดการอยู่”รยออุคยิ้มอย่างภูมิใจ
“โชคดีแล้วกัน แต่วันนั้นฉันอาจไปส่งไม่ได้อ่ะไม่ว่ากันนะ”
“ไม่ๆ ฉันรู้พวกนายมีสอบอย่างห่วงเลย”
“อย่างนี้ดิค่อยเหมือนรยออุคคนเดิมที่สดใสหน่อย”ซีวอนตบบ่ารยออุคเบาๆก่อนเดินจากไปฮยอกก็ด้วย
รยออุคยิ้มบางๆกับผลสอบของตัวเอง และอาทิตย์หน้าก็จะคือวันรับปริญญา วันที่เค้ารอคอยมาตั้งนาน แต่เอาเถอะ แม้แม่จะไม่ได้เห็นความสำเร็จก็ตามแต่รยออุครู้ดีว่าแม่ต้องรู้ ความฝันของเขาเสร็จไปอีกขั้น
------------------------------------- --------------------------------------------- -----------------------------------
2 อาทิตย์ต่อมา
ที่สนามบิน ผู้คนขวักไขว่มาก ทั้งเตรียมตัวจะออกบ้าง ทั้งเครื่องเพิ่งลงบ้าง บ้างเครื่องจอดพักบ้าง เยซองถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาญาติที่เดินทางตามมาส่ง และบรรดานางแบบที่เพิ่งรู้ข่าว ว่าเยซองจะไปเชจู เยซองใส่แว่นตาดำพรางใบหน้าเนียนของตัวเองไม่ให้พวกนักข่าวเห็นเพราะเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่
“แม่ครับ ผมโตพอแล้วนะ แม่ไม่ต้องไปส่งหรอก”เยซองบอกแม่ที่ยังคงตามไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง เยซองรู้ดีว่าแม่ตัวเองเป็นโรคหอบหืด คนเยอะๆแบบนี้อาจเป็นลมได้
“ได้ยังไงล่ะ”คนเป็นแม่หยิกเบาๆที่ต้นแขนลูก “แกน่ะหรอโต ยังเป็นเด็กๆอยู่เหมือนเดิมแหละ ไม่ได้ๆ แม่ต้องไปส่ง”
“แต่แม่...”เยซองหยุดเล็กน้อย “แม่จะตามมาคนเดียวได้มั๊ยครับ ไอ้ขบวนสิงโตแล้วพวกนางแบบพวกนี่เอาออกไปก่อนได้มั๊ยครับ”
“ไม่ได้ๆ”แม่ขึ้นเสียงสูง “แม่ฉลองเราอยู่นะ ฉลองที่เราโตแล้วเรากำลังจะไปผจญโลกคนเดียว ฮือ”ว่าแล้วคนเป็นแม่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“แม่! ใจเย็นๆครับ”เยซองกอดแม่ก่อนจะพูด “แม่ครับไม่เป็นไรหรอ ผมไปพักผ่อนนะ ไม่ได้ไปรบ”
“กรี๊ด!”บรรดานางแบบนำโดยซินดี้กรี๊ดลั่นเมื่อได้ยินประโยคที่เยซองพูด “เยซองไม่ได้ไปรบ”
เยซองส่ายหน้าเบาๆ ก็บอกแต่ต้นแล้วว่าไปพักผ่อนไม่ได้ไปรบไม่รู้จะเวอร์ไปไหน พูดตามตรงเลยว่า เหนื่อยใจ! - -
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับแม่ เครื่องจะออกแล้ว” เยซองปลีกตัวจากแม่แล้วบรรดานางแบบและกองเชิดสิงโต- - มาเข้าห้องน้ำ เขารู้สึกว่าบรรยากาศในห้องน้ำสวรรค์กว่าข้างนอกเยอะ (หมายถึงเรื่องความเงียบ)
หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย เยซองก็ล้างมือตามปกติ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป รยออุคที่ยืนทำภารกิจเพิ่งเสร็จก็เดินมาล้างมือเหมือนกัน แต่ก็ต้องงงเมื่อเจอพาสปอร์ต!
ร่างเล็กหยิบพาสปอร์ตขึ้นมาดูก่อนจะมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเกาหัวอย่างสงสัย ในห้องน้ำก็ไม่มีใคร
“หรือจะเป็นคนเมื่อกี้ว่ะ”รยออุคอุทานเบาๆ
รยออุคเดินเอาพาสปอร์ตไปยื่นให้ประชาสัมพันธ์ไว้ แล้วฝากข้อความสั้นๆบางอย่างถึงเจ้าของพาสปอร์ต ก่อนจะเดินออกมาสวนกับขบวนเชิดสิงโตของเยซอง รยออุคทำเพียงปรายตามองอย่างอนิจจาเท่านั้นกับทั้งขบวนเชิดสิงโต และเหล่าบรรดาคนสวยๆราวนางแบบที่มายืนกรี๊ดกร๊าด
“ท่าจะบ้า”รยออุคยิ้มบางๆกับภาพที่เห็นแล้วเดินผ่านไปขึ้นเครื่อง
ฝ่ายเยซองหลังออกจากห้องน้ำ ก็ออกมาล่ำลาแม่ แฟนคลับ(นางแบบ) และขบวนเชิดสิงโต แต่พอจะไปขึ้นเครื่องเท่านั้น
“แม่ๆ”เยซองจับดูกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเดินทาง ทุกกระเป๋า ก่อนจะรู้ตัวว่า “แม่พาสปอร์ตหาย!”
“หา!”แม่ของเยซองอุทานลั่น
ตุ้งแฉ่! เสียงขบวนเชิดสิงโตหยุดลงอย่างอึ้งๆ และ
“กรี๊ด!”เสียงจากบรรดานางแบบที่ไม่เต็มบาทกรี๊ดกร๊าด
“เห็นมั๊ยแม่บอกแล้ว ว่าเราน่ะมันไม่รู้จักโต แล้วอย่างนี้จะห่างแม่ได้มั๊ยเนี่ย คนเป็นแม่พูดอย่างเป็นห่วง “ยืนเซ่อทำไมล่ะ ไปช่วยกันหาพาสปอร์ตเซ่ เครื่องลูกฉันจะขึ้นแล้ว”
“ค่ะ!” บรรดาแฟนคลับนางแบบหายวับไปทันที (ความจริงเขาน่าจะบอกว่าอะไรซักอย่างหายไปตั้งแต่แรกนะ พวกนี่จะได้หายๆไปซักที- - เยซองคิดอย่างนั้น)
“ไปหาซิเย่!”คนเป็นแม่ลากแขนลูกชายไปยังประชาสัมพันธ์เป็นที่แรก
“มีอะไรให้รับใช้ค่ะคุณนาย”โอปเรเตอร์สาวสวยยิ้มพร้อมถาม
“คือพอมีคนเก็บพาสปอร์ตได้มั๊ยครับ”เยซองถามอย่างร้อนรน
“มีค่ะ”โอปเรเตอร์สาว ค้นหาอยู่ซักพักก่อนจะหยิบพาสปอร์ตมายื่นให้เยซอง “แล้วก็โพสอิทที่ติดอยู่นั้นจากคนที่เก็บได้ถึงคุณค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”
เยซองเดินออกจากประชาสัมพันธ์แล้วตรงไปขึ้นเครื่องบิน แต่ก่อนจะขึ้นเครื่อง แต่กว่าจะล่ำลาแม่และบรรดาแฟนคลับได้ก็ปาไปเครื่องเกือบออก แต่ยังดีที่เขาขึ้นทัน เยซองนั่งที่นั่งวีไอพี ต่างกับรยออุคที่นั่งแค่ชั้นธรรมดา
ระหว่างเดินทางเยซองหยิบพาสปอร์ตขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าโพสอิทนั้น เขียนด้วยหมึกสีดำตัวโตๆว่า
‘STUPID’
เยซองขย้ำโพสอิทนั้นแน่น ใครหน้าไหนกล้าดียังไงมาว่าคนอย่างเขาทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน
“เหอะ! ขอให้ฉันได้เจอคนที่เขียนไอ้โพสอิทนี่ด้วยเถอะ กล้ามากที่เขียนด่าฉัน” นี่คือความปรารถนา(ปนความแค้น)ของเยซองที่หลุดปากพูดออกมาลอยๆ
รยออุคนั่งนิ่งๆไประหว่างทาง โดยมีชายอ้วนๆท่าทางลึกลับนั่งมาข้างๆ แม้จะรู้สึกแปลกๆแต่ก็รู้สึกเฉยๆคิดซะว่าถ้าเราไม่ยุ่งกับเขา เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก
“คุณกำลังเจอคนบางคน คำขอของเขาจะเป็นผล”ชายอ้วนข้างๆพูดออกมาลอยๆ
“พูดกับผมหรอครับ”รยออุคหันไปหาชายอ้วนอย่างกล้าๆกลัว ผมของชายอ้วนยาวปรกหน้าจนมองไม่เห็นลูกตา ชายอ้วนตอบกลับมาเพียงแค่การพยักหน้าเบาๆ “ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ที่ผมพูดคือสิ่งที่คุณกำลังจะเจอ นี่คือของคุณ”ชายอ้วนหยิบกระจกแบบด้ามถือกรอบสีเงินให้แก่รยออุค รยออุครับมันมาอย่างงงๆและแปลกใจตัวเองไม่น้อยว่าทำไมอยู่ดีๆตัวเองก็ไปรับของแบบนี้มา
“มันจะช่วยอะไร”
“เมื่อคุณเจอคนคนนั้น คำขอพรของเค้าจะส่งผลสัมฤทธิ์ต่อคุณ กระจกบานนี้จะคอยนำทางให้คุณไปพบกันโดยไม่รู้ตัว และคุณต้องค้นให้พบว่าใครคือคนขอพรเหล่านั้น และเมื่อคุณพบสิ่งมหัศจรรย์ก็จะเกิดกับตัวคุณ และสิ่งที่คุณขอจะเป็นจริง”
“เป็นไปได้ไง”
“ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง มันไม่เสียหายไม่ใช่หรอที่จะเสี่ยง”
“แล้วผมจะเจอได้ไง”รยออุคถาม แล้วถ้าผมหาไม่เจอล่ะ”
“คุณมีเวลาแค่ 3 เดือน เพราะเขาคนนั้นก็มีเวลาแค่ 3 เดือน ถ้าหลังจากนั้นคำขอของคุณจะไม่มีผลอะไรเลย ผมบอกคุณหมดทุกอย่างแล้ว โชคดี”
รยออุคมองกระจกตรงหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆอีกครั้ง และสิ่งที่พบก็คือความว่างเปล่า เขาหายไปไหนล่ะ! ผีหลอกกลางวันหรอ ความจริงเค้านั่งคนเดียวมาตลอดเลย
“กระจกเนี่ยหรอ ถ้ามีแน่จริงอ่ะนะ ฉันขอให้แม่ฉันฟื้นขึ้นมา ทำได้มั๊ยล่ะ”รยออุคขอพรปนท้า แต่ทันไดกระจกก็สว่างวาบขึ้นมาเป็นแสงสีขาว ก่อนจะหายไป ตอนนี้เหงื่อเค้าตกไปหมดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น!
แล้วรยออุคจะรู้มั๊ยว่าคนที่ตามหาก็อยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน ส่วนเยซองจะรู้มั๊ยว่าคนที่กล้าด่าเขาว่าโง่ก็นั่งอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน
*****************************************************************************************************
ปล.เรื่องนี้ลองแต่งเเนวที่แปลกจาเรื่องเดิมดูค่ะ คือต่างเยอะมากยั่งไงก็ฝากด้วยนะค่ะ^^
ปล.อ่านเเล้วอย่าลืมเม้น ติ ชม ด่า หรืออะไรก็ได้นะค่ะ อย่างน้อยจะได้เอาไว้ปรับปรุงเเก้ไข
ปล.เรื่องนี้จะเเต่งให้สนุกๆ พยายามจะไม่เครียดนะค่ะ^^ ที่สำคัญจะพยายามหาเวลามาเเต่งเเล้วอัพเรื่อยๆ
ความคิดเห็น