คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพื่อน
“ไม่ต้องขอโทษ” เขาว่าหน้าตาย ก่อนจะกระแทกลมหายใจแรงแล้วก้มหน้าลงไปประทับจูบหนักๆที่มุมปากอิ่มหนึ่งครั้งอย่างไม่อาจห้ามใจ “ผมชอบ”
“คุณมาที่นี่ทำไมคะ” ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวตั้งคำถามนั้นเห็นจะเป็นมาสฟ้า เพราะทันทีที่ได้ฟังคำถามอู่อี้เทียนกลับจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ พร้อมกับคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันมุ่น ด้วยเขามั่นใจว่าเธอต้องรู้อยู่แล้วอะไรที่พาเขามาที่นี่ ทว่ามาสฟ้ากลับมองเขาตาใส แสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่รู้จริงๆจึงถามเขาแบบนั้น
“ผมคิดว่าคุณจะรู้อยู่แล้วเสียอีก” ชายหนุ่มกระพริบตา ก้มหน้าสบตากลมโตของคนตัวเล็กแล้วพูดต่อ “ผมก็ต้องมาหาคุณอยู่แล้วสิ”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอคะ”
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วสิ ที่นี่มีอะไรน่าสนใจนอกจากคุณกัน”
“รู้แล้วค่ะ” มาสฟ้าคว้าหมับที่ท่อนแขนแกร่ง หวังให้เขาลดถ้อยคำที่ชวนให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะลง “ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ”
“งั้นเหรอ เมื่อกี้คุณยังสงสัยอยู่เลยนี่นา” อู่อี้เทียนเลิกคิ้วสูง ตาก็มองมาสฟ้าไม่คลาดไปไหน “ไม่อยากให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น เรามีอะไรให้ต้องปรับความเข้าใจกันอีกมาก แต่ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”
“เหรอคะ?” มาสฟ้าเป็นฝ่ายจ้องเขาด้วยสายตาสับสน จำไม่ได้ว่าระหว่างทั้งคู่นั้นมีเรื่องปะไรที่ต้องปรับความเข้าใจกันอีก “เรื่องอะไร”
“หลายเรื่องเลยล่ะ” อู่อี้เทียนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางใช้หัวนิ้วโป้งลูกแก้มนวลของมาสฟ้า พร้อมกวาดตามองไปทั่วหน้างามก่อนจะมาหยุดที่กลีบปากอิ่มของหญิงสาว เขาจ้องปากสีระเรื่อของเธอด้วยสายตาหลงไหล โดยไม่รู้เลยว่าสายตาลุ่มหลงของเขานั้นกำลังทำให้ท้องไส้ของมาสฟ้าปั่นป่วนเพียงไร
“แต่คุณตายแล้ว” มาสฟ้าหอบหายใจหนักเข้าปอดเพราะถูกสายตาร้อนแรงของอู่อี้เทียนกวาดมองไปทั่วร่าง หรืออาจจะเพราะฤทธิ์จูบหนักๆที่ได้รับจากไม่ทั้งตั้งตัวเมื่อครู่ด้วย
“อื้อหึ” อู่อี้เทียนครางในลำคอ ก่อนลดใบหน้าลงมาจูบกลีบปากงามอีกหน อย่างไม่อาจห้ามใจ “คิดถึงคุณจัง”
“คะ?”
“คุณต้องกลับบ้านแล้ว ผมจะไปส่ง” ชายหนุ่มสั่งเสียงห้วนจัด ไม่เปิดช่องให้มาสฟ้าได้ต่อรอง แต่กระนั้นเธอก็ไม่สามารถโอนอ่อนตามคำสั่งของชายหนุ่มได้อยู่ดี
“ไม่ๆค่ะอี้เทียน ฉันมารับเหมือนฝันกับเพื่อน” มาสฟ้าผวาถอยหลัง กว่าจะจำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อรับเหมือนฝันกับอิงจันทร์กลับบ้าน ก็ตอนที่เขาออกคำสั่งแล้วว่าบอกว่าจะพาเธอกลับ “สองคนนั้นเมามากแล้ว เดี๋ยวฉันกลับเองค่ะ”
“ผมไม่ให้คุณขับรถกลับเองหรอก” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่าการที่ผู้หญิงขับรถด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อมาสฟ้าบอกว่าเธอจะกลับบ้านด้วยตัวเอง อี้เทียนกลับไม่สามารถทำตัวมีเหตุผลได้ อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอก...สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับมาสฟ้า เขาไม่เคยบังคับให้ตัวมีเหตุผลได้เลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
“ฉันไม่ใช่คนที่ขับรถไปคว่ำสักหน่อยนี่คะ” มาสฟ้าสวนคืน เล่นเอาคนที่เคยมีประวัติรถคว่ำเมื่อไม่นานมานี้นั้นถึงกับหน้าตึง เถียงไม่ออกจึงได้แต่ขบฟันเข้าหากันแล้วคาดโทษหญิงสาวไว้ในใจ เห็นแบบนั้นมาสฟ้าก็อดที่จะรู้สึกผิดกับความปากร้ายของตัวเองไม่ได้ ประโยคต่อมาเธอจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีเหตุผลมากขึ้น “ฉันกลับเองได้จริงๆค่ะอี้เทียน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“คุณก็รู้ว่าบอกให้ผมไม่เป็นห่วงคุณน่ะมันเป็นไปไม่ได้” ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างเขาและมาสฟ้าใครกันแน่ที่เข้าใจเรื่องได้ยากกว่ากัน “เพราะงั้นเลิกบอกผมแบบนั้นสักที”
“อย่างนั้นก็ช่วยเป็นห่วงฉัน แล้วพยายามทำตัวมีเหตุผลด้วยได้ไหมคะ” มาสฟ้าเกลี้ยกล่อม โดยที่ก็เหลียวมองไปในร้านพร้อมกัน ยิ่งรู้ตัวว่าเธอทิ้งเหมือนฝันและอิงจันทร์มาพักใหญ่แล้ว มาสฟ้าก็ยิ่งเป็นห่วงน้อง “ไว้เราค่อยเจอกันได้ไหมคะ ฉันทิ้งน้องมานานแล้ว”
“ผมมานี่ก็เพราะคุณ ถ้าผมไม่เจอกับน้องสาวคุณก็แปลกแล้ว” อี้เทียนพึมพำ ก่อนเลื่อนมือลงไปกุมมือของมาสฟ้า ยิ่งมือของเขาใหญ่แค่ไหนมือของมาสฟ้าก็ดูเล็กกระจ้อยลงเท่านั้นเมื่อถูกอุ้งมือของอี้เทียนกอบกุมไว้จนมิดชิด “มาเถอะ ผมจะเดินไปส่ง”
“แต่เหมือนฝันอยู่ข้างในนะคะ” มาสฟ้าปักเท้ากับพื้นแน่น ขืนตัวไม่ยอมเดินตามอี้เทียน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเองเป็นฝ่ายที่ดิ้นรนจะเข้าไปหาเหมือนฝันเองแท้ๆ “คุณจะเข้าไปได้ยังไง”
“ผมต้องกลัวน้องสาวคุณด้วยเหรอ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ รู้ดีว่าเขานั้นไม่เคยกลัวเหมือนฝัน ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ ยิ่งในอนาตเมื่อเหมือนฝันกลายเป็นน้องสาวของภรรยา ฝ่ายที่ต้องรู้สึกเกรงกลัวย่อมต้องเป็นเธอไม่ใช่เขา
“ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องกลัวไม่กลัวสักหน่อยนี่คะ แต่แค่เหมือนฝันไม่ชอบหน้าคุณ ยิ่งตอนนี้น้องฉันยิ่งเมาอยู่ด้วย เดียวก็มีเรื่องมีราวกันเปล่าๆ"
“ผมว่าคนที่คุณควรจะห่วง ไม่น่าจะใช่ผมแล้วล่ะ” เสียงห้าวนั้นเอ่ย ทำให้มาสฟ้าได้แต่นิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร กระทั่งอี้เทียนยกมือชี้ออกไปด้านหน้าของทั้งคู่ พอมาสฟ้ามองตามนิ้วของเขาชี้ไปเธอก็ต้องหน้าถอดสี เมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองกำลังกระโดดตัวปลิว ตั้งท่าสาวหมัดใส่ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ หญิงสาวก็ถึงกับต้องร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง
“ฝัน!”
คมกฤษคิดว่าตัวเองโชคดีมาตลอดที่สุดท้ายแล้ว ลูกสองคนทั้งคนของเขานั้นคลอดออกมาเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ด้วยเชื่อคำโบราณที่ว่าลูกผู้หญิงจะมีเรื่องให้ปวดหัวน้อยกว่าลูกผู้ชาย โดยที่ลืมไปว่าภรรยาของเขา ผู้เป็นแม่ของลูกนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยเลือดนักสู้ซึ่งเลือดนักสู้ที่ว่าก็จะส่งต่อไปถึงลูกๆของพวกเขา ตอนนี้คมกฤษคิดเพียงว่าตนที่สามารถรับมือกับภรรยามาจนกระทั่งพวกเขาแต่งงานและมีลูกได้ การรับมือกับลูกสาวอีกสองคนก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่
กระทั่งตอนนี้ที่สภาพลูกสาวคนหนึ่งของเขานอนพับอยู่กับพื้น ส่วนอีกคนนั้นยืนหน้าจ๋อย ก้มหน้ามองเท้าไม่กล้าสู้หน้าเขา โดยที่ไม่ไกลยังมีเพื่อนของลูกสาวที่นอนหลับพับอยู่ซบหน้ากับประตูสภาพดูไม่ได้ คมกฤษก็รู้แล้วว่าที่ผ่านมาเขาอาจจะประเมินความสามารถในสร้างสร้างหายนะของลูกต่ำไปกว่าความเป็นจริง
“ทำไมหนูทำแบบนี้ลูก”
นั่นเป็นคำถามเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของคมกฤษ และเขาก็ถามได้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดคำไหนดี ชายที่เคยมั่นใจว่าตนผ่านโลกมามาก และเห็นอะไรมามากพอที่จะไม่ตกใจกับเรื่องใดๆทั้งสิ้น
แต่พอมาวันนี้วันที่ลูกของเขาเมายับและเพิ่งจะผ่านการทะเลาะวิวาทกับผู้ชายมาอกสามศอกมา (จากที่มาสฟ้าเล่า) คมกฤษก็ต้องพูดตามตรงๆว่าเขามืดแปดด้าน ขนาดตอนที่เจอกับภรรยาของตนแรกๆ เขายังไม่เคยรู้สึกอับจนคำพูดเหมือนอย่างตอนนี้เลย
“ฟ้าของโทษค่ะพ่อ ฟ้าออกมาข้างนอก....รู้ตัวอีกทีฝันก็พุ่งเข้าใส่ฤกษ์แล้ว”
“ฤกษ์? ลูกชายคุณต๋อยน่ะเหรอ”
“ค่ะ แฟนเก่าคนนั้นของกี้นั่นแหละ” มาสฟ้าตอบเสียงค่อย ก่อนจะเหลือบมองหน้าของผู้เป็นพ่อ หวังสังเกตระดับความโกรธจากสีหน้าพ่อของเธอ แต่เมื่อโดนอีกฝ่ายตวัดสายตาดุดันกลับมา หญิงสาวก็ต้องรีบเสหลบตา ก้มลงมองปลายเท้าตัวเองตามเดิม
“คนเดียวกับที่เป็นเรื่องเป็นราวกันอยู่ใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ถ้าแบบนั้นคุยกับเราไป คงไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน” คมกฤษถอนหายใจ เมื่อเดาสาเหตุของการทะเลาะวิวาทของลูกๆได้แล้ว เขาก็ได้แต่กวาดตามองเหมือนฝันและอิงจันทร์ที่ยังหลับอยู่เบื้องหลังของมาสฟ้า “แล้วรถที่มานั่นใคร จะอยู่ข้างนอกไปทั้งคืนเลยหรือยังไง”
“อ้อ เพื่อนฟ้าเองค่ะ” มาสฟ้ามองไปนอกรั้วของบ้านที่มีรถคันใหญ่ของอู่อี้เทียนจอดติดเครื่องอยู่ เหมือนว่าเขาเองก็อยากแน่ใจว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับเธอขึ้นอีก จึงไม่ยอมกลับไปที่โรงแรมเสียที ทั้งที่ก่อนหน้านี้มาสฟ้าก็ย้ำกับเขาหนักแน่นแล้ว ว่าเธอสามารถจัดการเองได้ “เขาคงเป็นห่วงค่ะ”
“แค่เพื่อนเหรอ?” คมกฤษตวัดสายตาคมกริบมองหน้ามาสฟ้าอย่างจับผิด มั่นใจว่าเขานั้นรู้จักเพื่อนของลูกทุกคน และหากว่าคนที่อยูบนรถคันนั้นเป็นเพียงเพื่อนของมาสฟ้าจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องนั่งหลบอยู่ในรถ เว้นเสียแต่ว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ที่มาสฟ้าบอกเมื่อครู่นี้นั้นมีลับลมคมในมากกว่าที่เอ่ย
“ก้อ...ค่ะ” มาสฟ้าอึกอัก ไม่กล้าสู้สายตาจับผิดของพ่อ แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนักจึงเลี่ยงด้วยการอธิบายเพิ่มด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “เพิ่งรู้จักกันไม่นานค่ะ”
“อย่างนั้นก็ไปบอกให้เขากลับเถอะ ดึกมากแล้ว” คมกฤษออกคำสั่ง ซึ่งแทบจะนับครั้งได้ทีเดียวที่เขาจะทำเช่นนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหรอก ในเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปกติเลยสักอย่าง ตั้งแต่ลูกสาวทั้งสองของเขาออกไปสังสรรค์กับเพื่อน มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ชาย แถมตอนนี้ยังมีใครไม่รู้มาจอดรถเฝ้าหน้าบ้านอีก ไม่ให้หงุดหงิดได้หรือ?
“เดี๋ยวฟ้าพาน้องขึ้นบ้านก่อน...”
“ให้นอนอยู่นี่แหละ เมาจนขึ้นห้องเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้นอนตรงนี้” เสียงดุนั้นนับว่าเป็นคำประสาสิทธิ์ที่แม้แต่มาสฟ้าก็ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน หญิงสาวได้แต่หันมองหน้ากับคนที่ควบตำแหน่งแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงของเธอ ที่ยืนปั้นจิ่มปั้นเจ่ออยู่ที่นอกประตู ไม่กล้าโผล่เข้ามาแทรกระหว่างบทสนทนา เพราะทั้งบ้านนี้คนที่ศรีเกรงกลัวที่สุดก็เห็นจะเป็นคุณผู้ชายของบ้านอย่างคมกฤษ
“ศรีจ๋า รบกวนหาหมอนกับผ้าห่มมาให้เด็กๆทีนะ อีกเดี๋ยวฉันจะกลับมา”
“ได้ค่ะคุณมาส” แม่บ้านของครอบครัวรับคำ ก่อนจะวิ่งสับเท้าขึ้นไปชั้นสองเพื่อจัดหาหมอนและผ้าห่มตามที่ได้รับคำสั่ง
“บอกเขาด้วยว่าให้ขับออกไปเงียบๆ แม่เขานอนอยู่” คมกฤษไม่ถึงกับขวางมาสฟ้าไม่ให้ออกไปหา ‘เพื่อน’ ของเธอที่อยู่นอีกฟากรั้ว แต่ก็ไม่ถึงกับวางใจจึงเอ่ยกึ่งปรามลูกสาวคนโตของตนอยู่ในที “รีบไปรีบกลับ”
“ค่ะ” มาสฟ้าพงกหน้ารับคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้านนอกก่อนจะเปลี่ยนเป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ที่หมายของเธอนั้นชัดเจนซึ่งก็คือรถคันใหญ่ที่ติดเครื่องยนต์ที่อยู่นอกรั้วบ้านเศวษรฐา
ความคิดเห็น