ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #36 : ลูกพี่ลูกน้อง

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 66


    ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไว้เพียงเพื่อไม่อยากปล่อยว่างทิ้งเฉยๆ ที่แม้แต่จ้าวเวยหลงเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ใช้มันรับแขกในวันหนึ่ง แต่วันนี้เขากลับได้ใช้มันกะทันหันโดยแขกที่ว่านั้น ยังเป็นแขกที่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้มีโอกาสต้อนรับพวกเขา ยิ่งคิดว่าเป็นอู่อี้เทียนและครอบครัวของเขายิ่งน่าตกใจเข้าไปใหญ่เลย

    “ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเราจะมาเจอกันแบบนี้” จ้าวเวยหลงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ หลังจากที่โดนปู่และป้าใหญ่กันออกมาเพื่อที่พวกท่านจะได้คุยกันตามประสาผู้ใหญ่ โดยที่มีอู่อี้เทียนเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม ก็อย่างที่เขาเพิ่งพูดไปนั่นแหละว่ามันน่าเหลือเชื่อ

    ถ้าก่อนหน้านี้มีใครบอกเขาว่าวันหนึ่งเขาจะได้นั่งร่วมโต๊ะกับอู่อี้เทียน จ้าวเวยหลงคงบอกให้คนคนนั้นไปรักษาอาการประสาทหลอน ยิ่งบอกว่าเขาจะได้ต้อนรับคนบ้านอู่ทั้งบ้านเหมือนตอนนี้จ้าวเวยหลงคงด่าคนคนนั้นว่าบ้า

    “แกแปลกใจที่เราเจอกันเหรอ” อู่อี้เทียนเลิกคิ้วสูง มองหน้าญาติผู้น้องของตนด้วยสายตาอัศจรรย์ใจ ราวกับว่ามีเขาสองข้างกำลังงอกออกมาจาหัวของจ้าวเวยหลง “เรื่องที่แกลักพาตัวน้องสาวของมาสฟ้ามาต่างหากที่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ นี่ถ้าแกบอกฉันว่าแกทำไปเพราะเมายา ฉันจะเชื่อเลย”

    “ผมไม่ได้เล่นยา” จ้าวเวยหลงแยกเขี้ยวตอบญาติผู้พี่ของตน แม้ว่าจะเพียงไม่กี่ครั้งที่พวกเขาพบหน้ากันในฐานะของลูกพี่ลูกน้อง แต่จ้าวเวยหลงก็ไม่ได้บ้าบิ่นขนาดที่จะทำตัวกร่าง ไม่แสดงความนับถืออันจอมปลอมต่อจ้าวเวยหลงขณะที่มีจ้าวลี่หยางอยู่ใกล้ๆ

    “ผมสิต้องถามพี่ ว่าจู่ๆ เกิดบ้าอะไรทำไมถึงได้ไปยุ่งกับพวกหมอดู ผมนึกว่าพี่เกลียดพวกนั้นเข้าไส้เสียอีก”
     

    “ฉันไม่ได้ยุ่งกับใครทั้งนั้น เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายมายุ่งกับฉัน” อู่อี้เทียนชะงัก จู่ๆ ก็หลันรู้สึกกระดากปากที่ต้องพูดถึงมาสฟ้าเมื่อม่านหมอกแห่งความโกรธคลายลง และได้มาเห็นว่าเหตุผลที่แท้จริงที่มาสฟ้าต้องลงทุน ไปพบกับจ้าวลี่หยางและบังเอิญเจอเขา ทุกอย่างที่หญิงสาวทำก็เพื่อน้องสาวฝาแฝดของเธอ

    แน่นอนว่าเเรื่องนี้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าหญิงสาวเป็นหมอดูไม่ได้ และเขาก็ยังคงเกลียดหมอดูอยู่เหมือนเดิม แต่อู่อี้เทียนก็รู้ดีว่าตนคงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเครื่องบินแล้วที่อู่อี้เทียนคิดว่ามาสฟ้าต้องรู้สึกอึดอัด หรืออย่างน้อยๆ เธอก็ควรจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าหญิงสาวกลับสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างปกติ

    ถึงจะไม่พอใจที่อีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่เขาก็โวยวาย หรือโทษมาสฟ้าไม่ได้ที่เธอไม่รู้สึกรู้สากับความโกรธที่เขามีให้เธอ และอู่อี้เทียนก็ถือโทษเธอไม่ได้ด้วย เขาจะกล่าวโทษหญิงสาวได้อย่างไรในเมื่อตั้งแต่ต้นกระทั่งตอนนี้ มาสฟ้าไม่ได้โกหกเขาเลยสักนิด เธอไม่ได้โกหกเขา ไม่ได้หลอกใช้เขา อีกทั้งไม่ได้ทำตัวร้ายกาจหรือพูดจาไม่ดีกับเขามาสฟ้าก็ไม่เคยทำ

    มาสฟ้ายังคงเป็นมาสฟ้าที่สมบูรณ์แบบ คนที่เต็มไปด้วยปริศนาชวนให้หลงไหลคนเดียวกับที่เขาเจอในครั้งแรก ต้ังแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้เธอก็ยังเป็นเธอ

    “อย่ามาหลอกผมให้ยาก ผมรู้หรอกว่าพี่ใหญ่คิดอะไรอยู่” แม้จะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องกัน แต่จ้าวเวยหลงก็ต้องเรียกอู่อี้เทียนเต็มยศ ในเมื่อเขาเป็นทายาทรุ่นหลานคนแรก อู่อี้เทียนก็ได้ตำแหน่งพี่ใหญ่ของรุ่นไปครอง

    “รู้เพราะมีคนรายงานน่ะสิ” อู่อี้เทียนกระตุกยิ้มมุมปาก ปรายตามองจ้าวเวยหลงอย่างดูถูก ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบโต้เพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้รู้สึกละอายที่ถูกอู่อี้เทียนจับได้ว่าเขานั้น ส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวของอู่อี้เทียนและครอบครัวของอีกฝ่ายไม่คลาดสายตา

    “มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วสิ ผมไม่ได้มีญาณทิพย์เหมือนแฟนพี่นี่นา”

    “แกเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” อู่อี้เทียนหัวเราะในลำคอ มั่นใจว่าจ้าวเวยหลงประชดประชันเขา ไม่ได้หมายความว่าอย่างที่พูดจริงๆ ทั้งเรื่องญาณทิพย์และเรื่องที่มาสฟ้าเป็นคนรักของเขา

    “ผมไม่เชื่ออยู่แล้ว” ว่าแล้วจ้าวเวยหลงก็ต้องเม้มปากแน่น ด้วยรู้แก่ใจว่าตอนนี้ความเชื่อที่เขาเคยมีกำลังถูกสั่นคลอน ซึ่งเป็นฝีมือของเหมือนฝันเสียส่วนมาก...ส่วนมาสฟ้านั้นคงต้องรอดูอีกที

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี เพราะถ้าแกเชื่อเรื่องพรรค์นั้นอีกคน ฉันคงประสาทกินก่อน”  พูดจบอู่อี้เทียนก็พยักเพยิดไปยังห้องทำงานของจ้าวเวยหลง ที่สามารถมองผ่านกระจกแล้วเห็นจ้าวลี่หยาง จ้าวเฟยหลงและอุอู่เมิ่งหลิ่วกำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่หากให้เดาเรื่องที่พวกเขาหารือกันอยู่ตอนนี้คงไม่พ้นเรื่องของมาสฟ้า และความสามารถที่เล่าลือกันปากต่อปากของเธอ

    “คงคุยกันเรื่องมาสฟ้า” จ้าวเวยหลงเองก็เดาแบบเดียวกัน แต่การที่เขาเรียกชื่อหญิงสาวอย่างสนิทสนมกลับเป็นสิ่งที่กวนใจอู่อี้เทียน ส่วนเหตุผลนั่นไม่ยากเกินคาดเดา เขาก็แค่หวงก้างเท่านั้นเอง

    “ก็คงอย่างนั้น...” เสียงเข้มของชายหนุ่มนุ่มลึกขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย มันซับซ้อนพอๆ กับความรู้สึกของเจ้าตัวตอนนี้

    “แค่นี้?”

    “อะไรแค่นี้?”

    “เปล่า แค่แปลกใจที่พี่ใหญ่พูดแค่นั้น” จ้าวเวยหลงเหล่มองหน้าคมคายของอู่อี้เทียน พลางคิดกับตัวเองว่า ไอ้คำพูดที่ว่าอู่อี้เทียนหล่อบัดซบนั้นของเหมือนฝัน เขาเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาเลือนๆ ล่ะ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังรู้สึกว่าอู่อี้เทียนหล่อมาก การที่เหมือนฝันคิดว่าเขาหล่อก็คงไม่แปลก  “นึกว่าจะ...แบบ พูดอะไรมากกกว่านี้เห็นพี่ชอบเขามากนี่”

    “เลิกพูดไร้สาระ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับมาสฟ้า” ตอนนี้เขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องที่จ้าวเวยหลงต้องรู้ “ก็แค่บังเอิญเจอกัน”

    “แบบนั้นก็ดี” จ้าวเวยหลงพยักหน้าเบาๆ กับตัวเอง รู้ว่าอู่อี้เทียนโกหกเขาแต่จะไปขู่เข็นให้อี้เทียนยอมรับ ก็คงเป็นไปไม่ได้หรือต่อให้ทำก็คงจะเสียเวลาเปล่า การที่อู่อี้เทียนกระด้างกระเดื่องใส่มาสฟ้าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

    ทั้งเขาและเหมือนฝันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย คิดหาสารพัดวิธีมาแยกอู่อี้เทียนออกจากมาสฟ้า ขอให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งเขาและเหมือนฝันต่างได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่

    “ฉันว่าพ่อแกมานะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×