คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ตามสัญญา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าเรื่องมันจะง่ายแบบนี้” ในเช้าวันนี้เหมือนฝันเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เมื่อคืนนี้หลังจากที่ธอต่อสายหามาสฟ้าและได้รับการยืนยันว่า มาสฟ้าจะมาที่เซี่ยงไฮ้พร้อมปู่ของจ้าวเวยหลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่สามารถบอกกำหนดเวลาที่ชัดเจนได้แต่เท่านั้น เหมือนฝันก็พอใจกับคำยืนนันนั้นของมาสฟ้าอย่างมาก “นึกไม่ถึงเลยใช่ไหมคะ?”
“เป็นแบบนั้นก็ดีสิ” จ้าวเวยหลงยิ้มแหย เขาเองก็อยากให้เรื่องมันง่ายอย่างที่เหมือนฝันวาดหวังเอาไว้ แต่เอาจริงๆ จ้าวเวยหลงก็รู้แก่ใจว่ายังไง เรื่องมันก็จะไม่มีทางง่ายอย่างที่หญิงสาวคิด และหากเขาคาดเดาไม่ผิด...ซึ่งจ้าวเวยหลงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะเดาไม่ผิด ฝ่ายของฟ้าเฟยหรงและอี้เทียนไม่มีทางยอมปล่อยสองคนนั้นกลับเซี่ยงไฮ้ง่ายๆ “ผมไม่คิดว่าอี้เทียนเขาจะยอมง่ายๆ หรอกนะ แต่หากว่ามันเป็นแบบที่คุณว่าก็ดี เราจะได้หมดเรื่องปวดหัวไปอีกเรื่อง”
“ต่อให้ไม่ยอม หมอนั่นก็ทำอะรไม่ได้นี่คะ” เหมือนฝันนิ่วหน้านิดๆ เมื่อคิดถึงปัญหาที่กวนใจจ้าวเวยหลงอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถยิ้มแฉ่งอย่างที่เธอทำได้ แล้วเหมือนฝันก็แวะกัดอาหารเช้า จากโรงแรมดังที่จ้าวเวยหลงเตรียมไว้ให้คำใหญ่แล้วจึงพูดต่อ “พี่ฟ้ากลับพร้อมปู่ของคุณ ไม่เห็นเกี่ยวกับเขาตรงไหน”
“ครอบครัวของผมค่อนข้างซับซ้อน” จ้าวเวยหลงหรี่ตานิดๆ เมื่อคิดหาหนทางที่จะมาอธิบาย ว่าทำไมการที่อู่อี้เทียนไม่ยินยอมให้มาสฟ้าหรือจ้าวลี่หยางกลับมาที่นี่ จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการเดินทางกลับมาของคนทั้งคู่ “พูดให้เห็นภาพก็คือ...ถ้าอี้เทียนคิดจะขัดขวางการเดินทางหนนี้ของพี่สาวคุณจริงๆ เขาก็ทำได้ง่ายๆ เพราะต่อให้จะเป็นผมหรือกระทั่งปู่เอง ก็บังคับให้เขาปล่อยตัวมาสฟ้ามาง่ายๆ ไม่ได้หากเขาไม่ยอม แล้วถ้าเราต้องลงไม้ลงมือกิน ผมก็เสียเปรียกเพราะที่นั่นเป็นถิ่นของเขา”
“คุณคงไม่ได้จะไปชิงตัวพี่สาวฉันมาเหมือนที่ทำกันในหนังหรอกนะ” -เหมือนฝันหันขวับไปมองร่างสูงของคนที่นั่งร่วมโต๊ะ แต่ไม่ยอมแตะอาหารเช้าเว้นแต่กาแฟดำตรงหน้า “ถ้าเกิดพี่ฉันโดนลูกหลงขึ้นมาล่ะ ฉันไม่ยอมนะ”
“ผมไม่คิดว่าเราต้องทำถึงขั้นนั้น” แม้จะไม่ได้แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์แต่จ้าวเวยหลงรู้ดีว่าการเข้าห่ำหั่นกัน ระหว่างเขาและคนบ้านอู่นั้นจะไม่ร้างประโยชน์ให้ใคร เว้นแต่พวกที่เป็นอริของพวกเขา ดังนั้นการปะทะกันคงจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ต่อให้เป็นเรื่องของมาสฟ้าก็เถอะ “ขนาดตอนขึ้นรับตำแหน่งผู้นำ เราก็ยังไม่ต้องลงแรงกันขนาดนั้น ผมว่าพี่สาวคุณไม่เป็นไรหรอก”
“แน่ใจนะ?”
“ถ้าให้ผมประเมินจากที่ผ่านมาน่ะนะ”
“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง” เหมือนฝันถามเหินขึ้นจมูก เกือบจะหลงเชื่อเขาอยู่แล้วเชี่ยว “สรุปว่าแน่ในหรือไม่แน่ใจกันแน่”
“ผมค่อนข้างแน่ใจ” จ้าวเวยหลงย้ำเสียงหนัก หวังว่าการที่เขาทำเช่นนั้นแล้วจะทำให้เหมือนฝันยอมคล้อยตามเขาได้ “อีกอย่างผมก็ไม่คิดว่าอี้เทียนเขาจะต้องลงทุนลงแรง มาทะเลาะกับพวกเขาขนาดนั้นด้วย อย่างมากเขาก็คงแค่อยากเอาชนะแต่คงไม่บ้าขนาดกล้าขัดขวางปู่หรอก”
“ไหนคุณบอกว่าเขาอันตรายไง” เหมือนฝันท้วงพร้อมมองเขาด้วยสายตาจับผิดเป็นพิเศษ ทำให้จ้าวเวยหลงชะงักไปเล็กน้อยหวนคิดถึงสิ่งที่เขาเคยบอกเหมือนฝันแล้วชายหนุ่มก็นึกเสียใจ ตอนนี้ที่เขาพูดเพราะอยากททำให้เหมือนฝันรู้สึกว่าอู่อี้เทียนนั้นเป็นตัวอันตรายสำหรับเธอและมาสฟ้า เพื่อทำให้หญิงสาวยอมตกลงเป็นพันธมิตรกับเขาโดยง่าย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาผ่านไปยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงดี เขาก็โดนดัดหลังเพราะคำพูดของตัวเองเสียแล้ว
“ถึงเขาไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่อี้เทียนก็ไม่ใช่คนโง่...การที่เขาจะลงทุนมางัดข้อกับพวกเรา เพื่อผู้หญิงที่เพิ่งเจอหน้ากันแบบพี่สาวคุณน่ะผมว่ามันเป็นไปขึ้นได้ยาก เขาฉลาดต้องรู้สิว่าทำแบบนั้นมันจะได้ไม่คุ้มเสีย”
“สมัยนี้คนบ้าเยอะแยะไป” พอคุยมาถึงตรงนี้เหมือนฝันก็พอจะคลายกังวลได้นิดหน่อย กระทั้งหญิงสาวก็ไม่พ้นที่จึงพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “คนเราน่ะ บทจะหน้ามืดขึ้นมา อะไรก็เอาไม่อยู่หรอกนะ”
“คุณคิดว่าอี้เทียนเขาจะทำเพื่อพี่สาวคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะทำ” เหมือนฝันนิ่งไปครู่หนึ่ง เพื่อใช้เวลาใคร่ครวญหาคำตอบให้แก่คำถามของจ้าวเวยหลง “เพราะถ้าฉันทำสำเร็จ ฉันก็จะได้อยู่ใกล้ผู้หญิงฮอตแล้วก็ชนะคุณด้วย ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัวแหนะ”
“ก็หวังว่าอี้เทียนจะไม่คิดแบบเดียวกับคุณ” จ้าวเวลหลงได้ยินแบบนั้นแล้วก็ได้แต่กลอกตา คิดว่าไม่ว่าพวกเขาตกลงจะญาติดีกันแล้วแต่เหมือนฝันก็มิวายทิ้งความคิดที่จะเอาชนะเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ควรได้ยินตอนเช้าเสียนี่กระไร
ทว่าเหมือนฝันกลับไม่รับรู้ถึงเรื่องในหัวของจ้าวเวยหลง หญิงสาวยังคงเพลิดเพลินกับอาหารเช้าที่ชายหนุ่มเตรียมให้ จนผู้ที่มีเพียงกาแฟในมืออดที่จะมองดวงหน้างามที่กับกำลังเคลิ้บเคล้ม เหมือนกำลังกินอาหารที่อร่อยเกินบรรยาย รู้สึกอิจฉาคนตัวเล็กขึ้นมานิดๆ ไม่ได้
“อร่อยไหม” จ้าวเวยหลงเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับเขา เป็นคนแรกในรอบหลายปีซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องประหลาดมาก พอๆ กับการที่เธอเป็นแขกคนแรกที่ได้พักอยู่ในบ้านหลังนี้นั่นแหละ แต่จ้าวเวยหลงก็รู้สึกว่าเหมือนฝันคนนี้มีมักมีทำสิ่งให้เราแปลกใจอยู่เรื่อย และหลังจากนี้หญิงสาวก็คงทำให้เขาประหลาดใจไม่หยุด ดังนั้นเขาควรยอมรับและทำใจให้ชินกับเธอโดยเร็วจะดีที่สุด เพราะเหมือนฝันก็คือเหมือนฝัน...ไม่มีคำนิยามหรือคำอธิบายอื่นที่เหมาะสมกับเธอไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในความคิดของจ้าวเวยหลง
“ท่านประธานครับ”
“อรุณสวัสดิ์ หวางเหย่” เสียงห้าวของจ้าวเวยหลงนั้นติดแววห้วนนิดๆ หลังเอ่ยทักทายผู้มาใหม่ หวางเย่ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเครื่องแบบประจำตัวของทีมรักษาความปลอดภัย นั้นเดินตรงมาหาผู้เป็นนายทันทีหลังจากนาฬิกาแตะตัวเลขแปดโมงสามสิบนาที ซึ่งเป็นเวลาเริ่มงานอย่างเป็นทางการของทีมรักษาความปลอดภัย หรือจะพูดอีกอย่างคือการเปลี่ยนกะจากทีมกลางคืนให้ไปพัก โดยที่ทีมกลางวันจะมารับช่วงต่อแบบเดียวกับที่พวกเขาสับเปลี่ยนกันเมื่อคืนนี้ หลังจากที่จ้าวเวยหลงและเหมือนฝันมาถึงบ้านพักแห่งนี้
“คุณผู้หญิง..."
“มอนิ่งค่ะ” เหมือนฝันทักทายหวางเย่อย่างสนิทสนมผิดกับจ้าวเวยหลง พร้อมกับโบกมือหย่อยๆ ทำให้ใบหน้าตึงเครียดของชายในชุดซาฟารีนั้นค่อยอ่อนโยนลง พร้อมคิ้วหนาที่ขมวดมุ่นเล็กน้อยของเขาก็คลายลง
เมื่อคืนนี้หลังจากที่รอเจ้านายของตนอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวจนค่อนคืน ในที่สุดจ้าวเวยหลงก็มาพบเขาตามที่บอกไว้ เพียงเพื่อที่ตักเตือนหรือในความรู้สึกของหวางเย่ คือจ้าวเวยหลงนั้นข่มขู่เขาเตือนให้เขาอยู่ห่างจากเหมือนฝีน ให้เขาวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้ยามที่อยู่ใกล้กับหญิงสาว ซึ่งจ้าวเวยหลงย้ำให้เขารู้สถานะของเหมือนฝัน ว่านอกจากเธอจะเป็นแขกของจ้าวลี่หยางแล้วเหมือนฝันยังเป็น ‘พันธมิตร’ ของจ้าวเวยหลงอีกด้วย และหลังจากนี้เขาต้องปฏิบัติต่อใหญิงสาวเสมือนเธอเป็นเจ้านายคนหนึ่งของเขา
การนัดพบกับเหมือนฝันนอกเหนือจากการรับรู้ หรือได้รับอนุญาตจากจ้าวเวยหลงก่อนจึงเป็นเรื่องต้องห้ามหลังจากคืนนี้ จ้าวเวยหลงประกาศชัดด้วยคำพูดและสายตาคมกริบของเขา ว่าหลังจากนี้การที่หวางเย่หรือใครก็ตามจะเข้าใกล้กับเหมือนฝันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ล้วนเป็นเรื่องต้องห้ามทั้งสิ้น
“มีอะไรหรือเปล่า ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามรบกวนเวลาส่วนตัว” เสียงดุดันของจ้าวเวยหลงนั้นดึงหวางเย่ให้กลับมาจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน แต่เพียงเสี้ยววินาทีหวางเย่ก็ต้องหลุมตาต่ำ เมื่อสบตาเข้ากับสายตาวาววับของผู้เป็นนาย “ถ้าไม่มีอะไรด่วนก็ออกไปก่อน คุณผู้หญิงเขายังทานอาหารไม่เสร็จ"
“ไม่เป็นไรค่ะ ตามสบายเลย” เหมือนฝันรีบบอก ด้วยเธอไม่ได้รู้สึกเก้อกระดากหรืออึดอัด หากจ้าวเวยหลงจะคุยธุระกับหวางเย่ต่อหน้าเธอ อีกอยากแม้ว่าเธอจะเพิ่งตื่นนอนแต่เหมือนฝันก็มั่นใจว่าสภาพของเธอ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งหน้านั้นก็ไม่ถือกับว่าเลวร้ายจนพบแขกไม่ได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงยังทานอาหารเช้าของตัวเองต่อไปอย่างมีความสุข “อาหารเช้าอร่อยมากเลย ขอบคุณนะคะ”
คำพูดนี้ของเหมือนฝันนั้นเอ่ยกับหวางเย่ รู้ว่าเขาเป็นคนจัดเตรียมอาหารเช้าให้เพราะดวงวิญญาณคนรักของเขาเพิ่งบอกกับเธอ เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกว่าการเริ่มต้นด้วยการคุยกับผีแต่หัววัน ก็ไม่ถือว่าแย่เสียทีเดียว
“ด้วยความยินดีครับ” หวางเย่ค่อมหัวรับคำขอบคุณ มั่นใจว่าหญิงสาวจะต้องพอใจกับอาหารเช้าอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เขาเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของเจ้านาย “ผมมีเรื่องที่ต้องแจ้งครับท่านประธาน เรื่องคุณลี่หยางกับเอ่อ...พี่สาวของคุณผู้หญิง”
“มีอะไร” ทั้งจ้าวเวยหลงและเหมือนฝันเอ่ยถามคำเดียวกันออกมาพร้อมกัน จนหวางเย่เองยังต้องเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจทว่าเขาก็รักษาสีหน้าได้ดีเพราะนอกจากการเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วหวางเย่ก็ไม่ได้เผยความรู้สึกอื่นออกมาอีก ว่าเขานั้นแปลกใจออกมามากกว่านี้ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด สมกับเป็นคนที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตมาอย่างเจนจัด เพราะหากว่าหวางเย่ทำให้คนทั้งสองรู้ตัวว่าเขานั้นประหลาดใจมากแค่ไหน ทั้งเหมือนฝันและจ้าวเวยหลงคงรู้ตัวและรีบเปลี่ยนสีหน้า ไม่มองเขาตาแป๋วอยู่อย่างนี้
“ทีมของเรารายงานว่าคุณมาสฟ้าเดินทางมาที่นี่พร้อมคุณจ้าวลี่หยางจริงอย่างที่แจ้งเอาไว้ครับ” หวางเย่กระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกขบขันแล้วจึงเอ่ยรายงาน
“แล้ว?”
“แต่ว่ามีครอบครัวของคุณอี้เทียนตามมาด้วยครับ ตอนนี้คนของเราที่อยู่ในทีมรักษาความปลอดภัยของคุณลี่หยางได้เรื่องมาเท่านี้ เพราะคุณลี่หยางไม่อนุญาตให้ใครเว้นแต่คุณมาสฟ้ากับครอบครัวคุณอี้เทียน แล้วก็ผู้ช่วยของเขาอีกคนขึ้นเครื่อง”
“หมายถึงว่าไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยอื่นบนเครื่องเลยเหรอ” จ้าวเวยหลงนิ่วหน้า รายงานที่ได้รับนั้นมีหลายเรื่องให้ปวดหัวเหลือเกิน ทั้งครอบครัวของอี้เทียนแล้วก็เรื่องการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม “ทีมของบ้านอู่ก็ไม่มีด้วย”
“นอกจากคุณอี้เทียน คุณเมิ่งหลิ่วแล้วก็คุณเฟยหรง ผมก็ไม่ได้รับรายงานว่ามีคนอื่นอีกครับ”
“หมายถึงว่าบ้านนั้นจะมาที่นี่ ตัวเปล่า?” จ้าวเวยหลงไม่มีทางปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง เขารู้จักอู่อี้เทียน...ถึงต่อให้ไม่รู้จักแต่ถ้าหากเขาเป็นอู่อี้เทียนแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่เขาจะให้พ่อกับแม่ของเขากลับมาเซี่ยงไฮ้-โดยไม่มีทีมรักษาความปลอดภันเต็มกำลัง ที่นี่ไม่ต่างจากบ่อจระเข้ที่ห้อมล้อไปด้วยดงงูพิษ ต่อให้โง่บรมก็ไม่มีทางเข้ามาที่นี่ตัวเปล่า “แน่ใจใช่ไหมได้ได้รับรายงายมาถูก”
“แน่ใจครับ อีกอย่างคุณลี่หยางก็สั่งคนให้ทำความสะอาดบ้านตระกูลจ้าว ทำความสะอาดเรือนของคุณนายเป็นพิเศษด้วยครับ เห็นกำชับว่าจะมีแขกคนสำคัญ”
เรือนที่หวางเย่กำลังพูดถึงนี้เป็นเรือนส่วนตัวของคุณย่าจ้าวเวยหลงเอง ท่านเสียไปตั้งแต่เขาเล็กๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาพบหน้าอู่อี้เทียน- ในฐานะลูกพี่ลูกน้องเพราะตั้งแต่นั้นเรือนหลังนั้นก็ถูกปิดแน่น ห้ามใครเข้าใช้แม้แต่ลูกหลานสายตรงก็ห้ามเฉียดเข้าไปใกล้ เพราะจ้าวลี่หยางหวงที่นั่นหนักหนาแต่คราวนี้พอเป็นลูกสาวคนโตที่กลับมาบ้านท่านกลับยอมเปิดเรือนพักส่วนตัวของคุณย่า เพราะหากไม่ใช่เพราะป้าใหญ่ จ้าวเวยหลงก็นึกไม่ออกว่าปู่ของเขาจะยอมเปิดบ้านให้ใครพักอีก
“อย่างนั้นป้าใหญ่ก็คงมาจริงๆ”
“เอ่อ แต่คุณอี้เทียนจองห้องพักในโรงแรมไว้แล้วครับ ห้องพิเศษสองห้องสำหรับตัวเองแล้วก็พ่อแม่เขา”
“แล้ว...”
“ผมว่าเรือนพักของคุณนาย น่าจะจัดเตรียมไว้สำหรับ...พี่สาวของคุณผู้หญิง” ได้ยินเท่านั้นทั้งเหมือนฝันและจ้าวเวยหลงก็พากันอ้าปากเหวอ อย่างคนที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งหวางเย่เข้าใจความรู้สึกของคนทั้งคู่ดีเพราะถ้าเขาเป็นจ้าวเวยหลงหรือเหมือนฝันตอนนี้ เขาคงคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงเหมือนกัน
“ตามลู่เหวิ่นให้ฉันที” -จ้าวเวยหลงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกหามือขวาของตน ที่ตอนนี้น่าวิ่งวุ่นจัดการกับปัญหาร้อยแปดอยู่ “บอกให้เขารีบมาที่นี่ ที่ออฟฟิศให้คนอื่นรับหน้าไปก่อน”
“ได้ครับ”
ความคิดเห็น