ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #24 : ซวยไปร้อยชาติ

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 67


    “พี่รู้ใช่ไหมว่าเรากลับตอนนี้ไม่ได้น่ะ”

    จ้าวเวยหลงหันขวับไปมองร่างสูงของญาติผู้พี่ที่นั่งไถ่หน้าจอมือถือไม่หยุด ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนด้วยความหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมอู่อี้เทียนจึงสามารถวางตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อยู่อีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุณป้าเฟยหรง...แม่ของเขาต่อสายตรงจากสนามบินสิงคโปร์ สั่งให้ทั้งเขาและอู่อี้เทียนไปเจอท่านที่เซี่ยงไฮ้ก่อนที่จะถึงกำหนดการเปิดพินัยกรรม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเขาและอู่อี้เทียนนั้นไม่สามารถบิดพลิ้วได้ เพราะทั้งคู่ล้วนนับว่าเป็นทายาทสายตรงของจ้าวลี่หยาง

    “อี้เทียน พี่ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า?”

    “ฉันไม่เข้าใจว่าแกจะเดือดร้อนอะไร เหมือนฝันก็คืนดีกับแกแล้วไม่ใช่หรือไง” อู่อี้เทียนกระแทกผมหายใจ ละสายตาจากรูปของมาสฟ้าบนหน้าจอมือถือขึ้นมามองหน้าจ้าวเวยหลงอย่างเสียมิได้ แน่นอนว่าสายตาของเขาย่อมเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิด ที่จ้าวเวยหลงกบ้าขัดจังหวะการขุดอินสตราแกรมส่วนตัวของมาสฟ้า “ก็เห็นคุยกันหนุงหนิงก่อนที่จะไล่ตะเพิดฉันออกมาจากบ้าน”

    “นั่นเพราะว่าพี่ไม่บอกก่อนว่าจะเข้าไป...”

    “บอกก่อนแล้วเหมือนฝันจะยอมให้ฉันเข้าไปหรือไง อย่าตลกไปหน่อยเลยน่าเวยหลง ฉันไม่โง่เหมือนแกนะ” อู่อี้เทียนตัดบท พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก ยิ่งได้ยินจ้าวเวยหลงออกหน้าปกป้องเหมือนฝัน อู่อี้เทียนก็ยิ่งรู้สึกอยากหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้หัวเราะเพราะความสุขหรอกนะ เขาหัวเราะเพราะสมเพชจ้าวเวยหลงต่างหาก

    รักใครไม่รักดันไปรักผู้หญิงอย่าเหมือนฝันเข้า แบบนี้มันซวยไปร้อยชาติชัดๆ

    “พี่คิดว่าพี่หลงมาสฟ้าจนโง่หัวไม่ขึ้น มันวิเศษวิโสกว่าผมนักหรือไง” จ้าวเวยหลงข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ็บใจแต่ก็ทำอะไรอู่อี้เทียนไม่ได้ เพราะเขายังจำเป็นต้องพึ่งพาญาติผู้พี่ที่จ้องเล่นงานเขาทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่ “ถ้าพี่ว่าเหมือนฝันร้ายกาจ แล้วอย่างมาสฟ้าจะเรียกว่าอะไร”

    “เพอร์เฟค” อู่อี้เทียนสามารถตอบกลับแทบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกัน ไม่เสียเวลาต้องครุ่นคิดหาคำตอบให้ยาก สำหรับเขาแล้วคำพูดเดียวที่จะใกล้เคียง พอสามารถใช้นิยามตัวตนของเธอก็คือคำว่าสมบูรณ์แบบเท่านั้น

    “ถามจริง?”

    “ก็บอกทางนั้นว่าแกจะรีบกลับ แล้วระหว่างซื้อเวลาก็รีบแจ้นไปขอให้เหมือนฝันติดสอยห้อยตามแกกลับไปเซี่ยงไฮ้ด้วยสิ” อู่อี้เทียนไม่ตอบคำถามนั้นแต่เลือกที่จะเอ่ยแนะนำญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงซังกะตาย ในสายตาของอู่อี้เทียนนั้น เขาเพียงคิดว่าในเมื่อเหมือนฝันก็ยอมคืนดีด้วยแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา “ประจบประแจงพ่อกับแม่เขาสักหน่อยด้วยล่ะ เดี๋ยวเขาจะไม่ยอมยกลูกสาวให้”

    “พูดถึงเรื่องพ่อแม่ของเหมือนฝัน พี่รู้จักท่านมาก่อนเหรอ” พอคุยกันมาถึงตรงนี้จ้าวเวยหลงก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ การที่อู่อี้เทียนถูกพ่อของเหมือนฝันเรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวโดยที่ไม่มีมาสฟ้าเข้าไปด้วย ชวนให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากว่าอู่อี้เทียนรู้จักพวกเขามาก่อน “ผมเห็นตอนที่พี่อยู่ในห้อง เหมือนพ่อของเหมือนฝันเขาไม่ค่อยเกลียดพี่เลย”

    “แล้วเขาจะมาเกลียดฉันเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับลูกสาวเขาเหมือนแกสักหน่อย”

    “พี่พูดเหมือนผมทำอะไร...โอเค ผมผิดจริง” เมื่ออ้าปากจะแย้งแล้วเหมือนว่าจ้าวเวยหลงจะฉุกคิดได้ เขาจึงเปลี่ยนสีหน้า เม้มปากแน่นอย่างจำนนกับข้อกล่าวหานั้น แล้วยกมือขึ้นสองข้างเป็นการยอมแพ้ “แต่ผมปรับความเข้าใจกับเหมือนฝันแล้วไง เพราะงั้นเรื่องก่อนหน้าไม่นับ”

    “ฉันรู้จักกับพ่อของมาสฟ้าจริง” เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของจ้าวเวยหลง อู่อี้เทียนก็ยอมรับว่าเขานั้นพอจะรู้จักกับคมกฤษมาก่อนหน้านี้จริงอย่างที่จ้าวเวยหลงเดา

    “ยังไง?”

    “ก็ไม่ยังไง เขาทำงานเก่งอย่างกับไม่ใช่คนแถมทำกำไรแต่ละปีอื้อซ่า ฉันก็เลยขอนัดเจอก็แค่นั้น” อู่อี้เทียนเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งที่ความจริงนั้นเรื่องความหลังของเขาตอนที่ขอนัดเจอกับคมกฤษและมือขวาของเขา นั้นค่อนข้างมีสีสันมากทีเดียว เพราะมือขวาคนที่ว่าก็คือมาสฟ้า...คนรักของเขาในตอนนี้นั่นเอง ส่วนเรื่องรายละเอียดที่คมกฤษกันไม่ให้เขาได้เห็นแม้แต่ปลายเส้นผมของมาสฟ้าในคราวนั้น เขาขอข้ามไปแล้วกัน “มาเจอกันอีกทีแบบนี้ มันก็กระอักกระอ่วนนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันคุยกับเขาจบแล้ว”

    “มาสฟ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า...ฝันล่ะ พี่เคยเจอมาก่อนไหม” จ้าวเวยหลงยังมีคำถาม

    “ฉันเจอแค่คุณคมกฤษ เขาเป็นพวกขี้หวง ขนาดเมียเขาเขายังไม่ยอมให้ฉันเจอเลย” สุดท้ายอู่อี้เทียนเล่าเรื่องเรื่องที่เคยเกิดขึ้นใหญ่ญาติผู้น้องฟังจนได้ ความสัมพันธ์ประหลาดระหว่างตระกูลจ้าวและบ้านอู่ของเขา ทำให้ทั้งอู่อี้เทียนและจ้าวเวยหลงนั้นแทบจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันเลย

    ซึ่งหากไม่มีเรื่องของเหมือนฝันและมาสฟ้า ทั้งเขาและจ้าวเวยหลงคงไม่ได้มาลงเอย มาช่วยเหลือกันและกันแบบนี้ คงจะยังเป็นเพียงแค่ญาติห่างๆ ที่รับรู้เรื่องของกันและกันผ่านข่าวตามสื่อต่างๆ เหมือนก่อนหน้า

    “อา งั้นเหรอ”

    “ทำไม ปอดแหกขึ้นมาหรือไง” อี้เทียนกระเซ้าลูกพี่ลูกน้องเมื่อจ้าวเวยหลงหน้าถอดสี ซึ่งเขาเองก็เข้าใจเพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน “กลัวเขาไม่ยกลูกสาวให้ว่างั้น?”

    “พี่ไม่กลัวเหรอ ผมไม่เคยเก็นพ่อตาที่ไหนใจดีกับลูกเขยสักคน อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนบ้านเรา”

    เรื่องนี้ต้องเป็นอู่อี้เทียนที่รู้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะพ่อของเขาก็เคยถูกจ้าวลี่หยางกีดกันเหตุเพราะฐานะที่แตกต่าง แต่สุดท้ายท่านก็แพ้ให้กับความใจเด็ดของลูกสาวตัวเอง ที่ยื่นคำขาดว่าไม่ว่ายังไงท่านก็จะแต่งงานกับผู้ชายที่ท่านรัก แม้ว่าจะต้องตัดขาดจากครอบครัวของตัวเอง และต้องไปเริ่มต้นสร้างตัวใหม่กับผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาในตอนนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่โจษจันท์อย่างมาก

    ตำนานรักของคุณหนูคนโตตระกูลจ้าวและหนุ่มนักศึกษายากจนที่หล่อมาก จนกว่าจะมีอู่อี้เทียนได้ระหว่างทางความรักของพวกเขานั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ได้ลำบากสาหัสสากันอย่างที่เขาลือต่อๆ กันหรอก เรื่องในวงน้ำชาพวกนั้นถูกแต่งเต็มเสริมแต่งหลายๆ อย่างเข้าไปโดยเหล่าแม่บ้านที่ว่างงาน แต่ไม่ว่าจะแบบไหนอู่อี้เทียนที่เคยจอประสบการณ์แบบนี้มาบ้างก็ไม่นึกอยากจะลองมีมันด้วยตัวเอง

    “มาสฟ้าหาเงินเก่ง พ่อเขาไม่กล้าตัดขาดหรอก” อู่อี้เทียนวิเคราะห์อย่างมีหลักการ ตั้งแต่ที่เขารอดจากความตายมาได้เขาก็ทำการบ้าน ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมาสฟ้านั้นอู่อี้เทียนสืบหามาแล้วทั้งหมด เว้นแต่เรื่องไอ้แฟนเก่าสารเลวนั่นที่ไม่รู้ว่าเขาพลาดไปได้ยังไง “แม่ของมาสฟ้าเองก็เป็นผู้หญิงฉลาด พวกท่านเที่ยวรอบโลกกันมาหลายปีแล้ว เขาต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยทำงานให้”

    “แล้วคนคนนั้นก็คือมาสฟ้า?” จ้าวเวยหลงเดา

    “ใช่ ซึ่งแกควรจะดีใจที่มันเป็นมาสฟ้า ไม่ใช่เหมือนฝัน”

    “แล้วทำไมผมต้องดีใจด้วย”

    “ก็ถ้าฉันเป็นเหมือนฝันแล้วฉันหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้ ฉันคงไม่อยากไปเป็นคุณนายตระกูลจ้าวให้แกหรอก” อู่อี้เทียนว่าด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย การเป็นคนรักของผู้นำตระกูลจ้าวว่ายากแล้ว การขึ้นมาเป็นคุณนายตระกูลจ้าวยากยิ่งกว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า “รีบจับเหมือนฝันให้อยู่หมัดก่อนที่เขาจะไหวตัวทันนะเวยหลง แกก็รู้ว่าญาติฝั่งแกมันเป็นตัวปัญหาแค่ไหน”

    “ญาติผมก็ญาติพี่เหมือนกันแหละน่า” จ้าวเวยหลงหน้ายุ่ง พออู่อี้เทียนเตือนเขาแบบนี้เขาถึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าเรื่องระหว่างเขาและเหมือนฝันนั้น ยังมีเรื่องให้ต้องฝ่าฟันกันอีกเยอะ

     

    ในบรรดาเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นคนเดียวที่ดูจะยินดีจะไม่สามารถหุบยิ้มได้ก็คืออิงจันทร์ผู้ถูกหวย...อีกแล้ว นับจากวันที่เธอฉกกระดาษนั่นมากจากมือของแม่บ้านเพื่อนสนิท ทั้งตัวเธอและครอบครัวของเธอก็ไปกว้านซื้อล้อตเตอร์รี่กันมาแทบจะหมดทุกแผง ดังนั้นจะมาเรียกว่าอิงจันทร์เฉยๆ เหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้อีกแล้ว จากนี้ทุกคนจะต้องเรียกเธอว่าคุณอิงจันทร์ เพราะเธอคือเศรษฐีหน้าใหม่คนล่าสุด

    “แต่หนูมาสไม่รับชอบของแพงๆ ใช่ไหมนะ?” คำพูดนั้นเป็นมากจากคุณย่าของอิงจันทร์ ผู้ที่นั่งอยู่ถัดจากเธอไปหนึ่งที่นั่ง “จะให้ยายเชอลีนรู้ก็ไม่ได้ ตากฤษยิ่งแล้วใหญ่ ขืนรู้ว่าแกถูกหวยเพราะมาสฟ้าบอกล่ะก็ โกรธเราไปอีกร้อยชาติ”

    “เราให้คนบ้านนั้นรู้เรื่องไม่ได้นะคะคุณแม่” คุณพริ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างตระหนก ความสนิทสนมที่ทั้งสองครอบครัวมีต่อกันนั้นทำให้ทุกคนในบ้านของอิงจันทร์ทราบดีว่า บ้านของมาสฟ้านั้นไม่ชอบใจเรื่องทำนองนี้อย่างมาก อาจจะเพราะเรื่องไม่ดีที่เคยเกิดขึ้นสมัยก่อนทำให้ครอบครัวของมาสฟ้าไม่ค่อยข้างมีอคติกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ

    “ฉันก็พูดอยู่นี่ไงเล่า ปัดโถ่”

    “กี้จะให้สิทธิ์ฟ้าทำเล็บที่ร้านฟรีไตลอดชีวิตค่ะ นี่ไง” ว่าแล้วอิงจันทร์ก็โบกบัตรสีทองที่มีโลโก้ร้านทำเล็บของเธอไปมา อวดให้คุณย่าและแม่ของเธอดู “แล้วจะให้ยกหุ้นร้านกับฟ้าเขาด้วยอีกสักสิบเปอร์เซ็น ไม่น้อยไปใช่ไหมคะ?”

    “ไม่น้อยๆ” มือเหี่ยวย่นนั้นโบกปัดไปมา เมื่ออิงจันทร์หาทางออกได้แล้วเธอก็เบาใจ ในหัวก็คิดเปรียบเทียบว่าก่อนหน้าที่ที่อิงจันทร์ยกเลิกงานแต่งกระทั่งต้องทำใหผิดใจกันกับครอบครัวของอดีตหลานเขย ตัวท่านยังไม่รู้สึกเครียดเท่ากับตอนนี้ แต่ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรครอบครัวของไอ้คนสับปรับพวกนั้นจะเอามาเทียบกับครอบครัวเศวษรฐาของมาสฟ้าได้ยังไง “แล้วจู่ๆ จะเอาไปให้เลยหรือไง คนบ้านนั้นฉลาดจะตายเดี๋ยวก็สงสัยแย่”

    “งั้นเราอย่าให้ใครรู้เรื่องเงินพวกนี้ดีไหมคะ” อิงจันทร์เสนอพลางตบเบาๆ ที่กระเป๋าถือใบเขื่องข้างตัว ซึ่งบรรจุเงินสดจำนวนหลายล้านเอาไว้ “รู้กันแค่เราสามคนไปก่อนสักพัก”

    “เราคงโกหกหนูมาสฟ้าเขาได้หรอก” คุณพริ้มทอดถอนใจ เธอเชื่อเรื่องแปลกที่เกี่ยวข้องกับมาสฟ้าและเหมือนฝันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร การที่คิดจะปกปิดบางสิ่งบางอย่างจากคนบ้านนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

    “แล้วแบบนั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะค่ะ ขืนยายฝันรู้ว่าเราเอาหวยจากฟ้า มันเอากี้ตายแน่เลยค่ะ” อิงจันทร์หันมองย่าและแม่ของตนหวาดๆ

    “ก่อนจะกลัวยายฝันน่ะ กลัวแม่กับพ่อเขาดีกว่าไหม ขืนคุณกฤษรู้เข้าคงเข้าหน้ากันไม่ติด” คุณพริ้มขึงตามองบุตรสาวที่กังวลจัดลำดับเรื่องที่ควรกังวลผิดพลาด

    “กลัวแม่ฝรั่งนั่นเถอะ บ้านนั้นคนนี้น่ากลัวสุดแล้ว” ผู้ที่อาวุโสสุดในบ้านนั้นพึมพำ ซึ่งทำให้อิงจันทร์และคุณพริ้ม ผู้เป็นแม่ลอบมองหน้ากันด้วยสายตาหวาดหวั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอิงจันทร์นั้นคิดว่าเงินก้อนนี้เป้นทุกขลาภโดยแท้ ไปขึ้นเงินมายังไม่ทันได้ใช้ก็มีเรื่องให้ปวดหัวแล้ว “สมัยสาวๆ สร้างเรื่องสร้างราวไว้ตั้งเท่าไหร่ ดีที่แต่งงานแล้วตามสามีไปอยู่เมืองนอก ไม่อย่างนั้นยายฝันอย่าหวังว่าจะได้สร้างชื่อ”

    “ถ้าคุณแม่ไม่พูด หนูเองก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ” คุณพริ้มถอนหายใจ ตอนนี้ทุกคนในวงสังคมล้วนจดจำเชอลีนในฐานะผู้หญิงที่โชคดีมีสามีที่แสนสมบูรณ์แบบ เพราะคมกฤษนั้นทั้งหล่อและรวย แถมยังตามใจภรรยาไม่เคยนอกลู่นอกทาง แม้แต่ชำเลืองมองผู้หญิงคนอื่นยังไม่มีข่าวลือลอยมาถึงหู จนเผลอคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าคมกฤษทั้งรักและหลงภรรยาสุดสวยของเขา “เมื่อก่อนนี้คุณเชอลีนเขาร้ายมากนี่คะ จำได้ว่าพ่อกี้เขาเคยเล่าให้ฟังแค่มีผู้หญิงอื่นมองคุณกฤษคุณเชอลีนก็ง้างหมัด”

    “แค่ง้างหมัดน้อยไปสิหล่อน” ผู้ที่มีความจำเรื่องเก่าๆ แม่นยำกว่าลูกสะไภ้นั้นเอ่นเสียงขึ้นจมูก จำเรื่องเก่าๆ ได้ก็เพราะว่าท่านนั้นมักจะมีโอกาสทบทวนเรื่องเก่าๆ กับเพื่อนๆ ในวงสังคมยามออกไปทานอาหาร ลูกใครเคยทำอะไรอยู่ที่ไหนล้วนถูกขุดมาพูดคุยทั้งสิ้น โดยเฉพาะบ้านที่พักหลังชอบทำตัวลึกลับไม่ค่อยออกงานสังคมอย่างบ้านของมาสฟ้าจึงมักจะตกเป็นประเด็นการสนทนาอยู่เสมอ แม้ส่วนมากจะพูดถึงเพราะความริษยาและอยากรู้อยากเห็นก็ตามที่ “ตามราวีพวกผู้หญิงที่เข้าหาตากฤษตั้งเท่าไหร่ แม่พวกนั้นก็ใจสู้กันจริงๆ เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันไปไม่น้อยก็ยังไม่เลิกรา อยากจะแย่งผัวคนอื่นเขาให้ได้ ดีที่ตากฤษไม่เล่นด้วยแถมยังให้ท้ายเมีย จะตบจะตีให้ก็ตามไปประกันตัว ตั้งแต่ตอนนั้นก็โดนคนเขาว่าหลงเมียจนโง่หัวไม่ขึ้น เขาก็ไม่ยักอายนะ ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเวลาควงกันออกงาน”

    “....”

    “มีเจ้าสองแฝดก็ยังพอเห็นหน้าค่าตาอยู่บ้าง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหลังงานศพย่าทวดของมาสฟ้าล่ะมั้งที่หายหน้าหายตากันไปทั้งบ้าน ที่ยายฝันคุยกับผีตลอดงานนั่นไงล่ะ”

    “ค่ะ กี้จำได้” อิงจันทร์ไม่แน่ใจเรื่องความหึงหวงของคุณป้าเชอลีนที่คุณย่าของเธอพูดถึงก่อนหน้า แต่หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในงานศพของคุณย่าทวดของมาสฟ้าและเหมือนฝัน อิงจันทร์จำได้อย่างแม่นยำเพราะตอนที่เหมือนฝันคุยกับวิญญาณคุณย่าทวดที่เพิ่งเสียไปหมดๆ เธอก็อยู่ตรงนั้นด้วยและอิงจันทร์ก็ไม่นึกอยากจะตกอยุ่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวเหมือนฝันแต่เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากเห็นสายตารังเกียจที่คนพวกนั้นมองเพื่อนสนิทของเธอ “ถ้าเป็นหลังงานศพก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะถ้าเป็นกี้กี้ก็ไม่อยากเจอใครแล้วเหมือนกัน”

    คนน่ารังเกียจพวกนั้นจะติดต่อพบเจอไปเพื่ออะไร

    “แล้วคุณย่าว่ากี้ควรเอาของพวกนี้ไปให้ฟ้ายังไงดี ยายฝันถึงจะไม่รู้”

    “ค่อยให้วันเกิดเขาดีไหม อีกไม่กี่เดือนแล้วนี่ เขาเกิดกลางปีกันใช่ไหม หากจำไม่ผิด”

    “จริงด้วยค่ะ คุณย่านี่เก่งจริงๆ เลย” อิงจันทร์ยิ้มหวานประจบ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อหาทางออกได้สักที “สมกับพี่เป็นย่าของกี้”

     

    เมื่อไหร่วาสนาแบบนี้จะเป็นของศรีบ้างนะคะ ศรีน่ะ…อยากจะเป็นเศรษฐีณีกับเขาบ้างล่ะเกินนนนน // ลงไปชักกับพื้นแบบน้องหลิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×