คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : แขกของมาสฟ้า
แม้ว่าจะอยากรั้งอยู่บนห้องนอนของผู้หญิงที่เขารักแค่ไหน แต่จ้าวเวยหลงก็ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ ทันทีที่เขาวางร่างบอบบางของเหมือนฝันลงบนเตียง มาสฟ้าก็ไล่เขาออกมาจากห้องทันที ราวกับว่าเขาจะทำอะไรน้องสาวของเธออย่างนั้น ไหนจะแม่บ้านที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง แล้วบอกว่าจะจัดการเปลี่ยนเสื้อให้เหมือนฝันราวกับผีคนนั้นอีก จ้าวเวยหลงชักไม่แน่ใจแล้วครอบครัวของคนรักเขานั้น สุดท้ายแล้วคนที่น่าขนลุกที่สุดคือมาสฟ้าคนข้างตัวเขาตอนนี้หรือเปล่า
“คุณกลัวผมทำร้ายน้องสาวคุณขนาดนั้นเลยหรือไง” จ้าวเวยหลงถามอย่างอดไม่ได้ระหว่างที่เดินตามมาสฟ้าลงมาจากชั้นสอง “แล้วแม่บ้านของคุณก็เดินเบาอย่างกับแมว ถ้าไม่บอกผมคงนึกว่าเขาเป็นผีไปแล้ว”
“เรื่องผีๆ สางๆ นี่ต้องยกให้ยายฝัน ฉันไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไหร่” มาสฟ้ากระตุกยิ้ม ซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอนั้นเจ้าเล่ห์คล้ายกับว่าเธอเก็บงำความลับจากคนทั้งโลกเอาไว้
“ขอทีเถอะมาสฟ้า” ชายหนุ่มกลอกตาใส่มาสฟ้า คิดว่าลำพังแค่เรื่องที่มาสฟ้าเห็นอนาคตจ้าวเวยหลงก็ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะยอมรับได้ พอมาสฟ้าพูดเรื่องเหมือนฝันขึ้นมา เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับเหมือนฝันอีกอย่าง ที่หากจ้าวเวยหลงยอมรับว่ามันเป็นความจริงเมื่อไหร่ เขาอาจจะโดนปล่อยข่าวลือว่าเป็นพวกวิกลจริต จนไม่สามารถบริหารงานได้ “ขอให้ผมได้หายใจเต็มปอดสักนาทีไม่ได้หรือไง”
“อย่างนั้นก็ไปพักเถอะค่ะ อย่าดื้อที่จะอยู่มองประตูห้องนอนของยายฝันอยู่เลย”
“ผมแค่เป็นห่วงเหมือนฝัน แล้วก็ไม่ได้อยากจะมองแค่ประตูด้วย” จ้าวเวยหลงบอกเสียงห้วน “แต่แม่บ้านคุณปิดประตูใส่หน้าผม”
“ศรีทำงานกับเรามานานค่ะ อันที่จริงตอนอยู่ที่ร้านคุณก็น่าจะเจอนะ ฉันให้ศรีกับคนรถไปดูยายฝันอีกแรงเผื่อว่าคุณรับมือไม่ไหว”
“ผมเอาอยู่น่า” จ้าวเวยหลงนิ่วหน้า คิดว่ามาสฟ้ามองเขาเหยาะแหยะจนขนาดที่ว่ารับมือกับคนเมาไม่ได้เลยหรือไง เขาคือจ้าวเวยหลง...เป็นนำตระกูลจ้าวนะ หรือว่าเธอจะลืมไปแล้ว? “แล้วผมก็ไม่ได้เจอคนของคุณด้วย มาสังเกตอีกทีก็ตอนที่ใกล้ถึงบ้าน หวางเย่บอกว่ามีรถตามมาก็เท่านั้น ผมคิดว่าเป็นอี้เทียนเลยไม่ได้ทำอะไร”
“เป็นญาติผู้น้องที่น่ารักจังนะคะ” มาสฟ้าประชด มั่นใจว่าที่จ้าวเวยหลงไม่กล้าลงมือกับคนรถของเธอเพราะเข้าใจว่าพวกเขาเป็นของอี้เทียน นั่นก็เพราะว่าจ้าวเวยหลงรักตัวกลัวตาย ไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรหรอก “อิจฉาจัง”
“คุณนี่ปากร้ายขึ้นทุกวัน” จ้าวเวยหลงเอ่ยลอดไรฟัน เพราะเขาทำได้เท่านั้นเพราะมาสฟ้ามีทั้งฐานะเป็นคนรักของอู่อี้เทียนและพี่สาวของเหมือนฝัน ผู้หญิงที่เขาชอบซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอก็จะกลายเป็นพี่สาวภรรยาของเขาในอนาคต
“ก็ต้องฝึกเอาไว้บ้าง ตั้งแต่กลับมาจากบ้านคุณ อะไรๆ ก็ไม่เหมือนแต่ก่อน” มาสฟ้ายิ้มแฉ่ง แต่จ้าวเวยหลงกลับไม่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมาจากความรู้สึกยินดีแต่อย่างใด พอดีกับที่พวกเขาลงมาถึงชั้นล่าง จ้าวเวยหลงจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ทำแค่ยืนรอมาสฟ้าเงียบๆ ระหว่างมองเธอเดินไปหยิบแจกันดอกไม้ขึ้นมากอดแนบอก “ฝันไปส่งเวยหลงที่เรือนรับรองแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวกลับมา”
“เดี๋ยวพ่อรออยู่นี่” คมกฤษพยักหน้ารับรู้ เขาจับตามองลูกของเขาและแขกแปลกหน้า ตั้งแต่ที่หลังของพวกเขาเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว และทันทีที่ศรีเดินเข้ามาในบ้าน คมกฤษก็สั่งแม่บ้านของตนให้ไปดูแลเหมือนฝันทันที แค่เพราะต้องการขัดขวางไม่ให้จ้าวเวยหลงได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดเหมือนฝัน ซึ่งแผนการของเขาก็ประสบความสำเร็จเพราะไม่นานมาสฟ้าก็พาจ้าวเวยหลงกลับลงมาตามคาด
“ทางนี้ค่ะ เวยหลง”
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ” จ้าวเวยหลงบอกอย่างลนลานพร้อมค่อมหัวให้ผู้ใหญ่ในบ้าน กลัวว่าจะเสียมารยาทแต่ก็มองออกว่าทั้งคมกฤษและเชอลีนเกลียดขี้หน้าเขาค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้ว จึงไม่มีประโยชน์จะดันทุรัง พยายามทำคะแนนกับพวกท่านตอนนี้ สู้รอหลังปรับความเข้าใจเหมือนฝันให้เรียบร้อยก่อนก็ยังไม่สาย จากนั้นก็ค่อยทำความรู้จักกันไป
จ้าวเวยหลงขบคิดเรื่องต่างแล้วตีคลุมอย่างเข้าข้างตัวเองว่าภาษีของเขาก็ค่อนข้างดี เว้นแต่เรื่องที่เคยทำเหมือนฝันเสียใจเท่านั้น ซึ่งเขาก็วางแผนจะจักการปัญหานี้ทันทีหากไม่ติดว่าแม่ตัวดีชิงเมาจนภาพตัดไปเสียก่อน
“ไม่เก็บดอกไม้ไว้ในห้องตัวเองล่ะครับ” จ้าวเวยหลงเอ่ยทักระหว่างทางเดินไปยังเรือนรับรอง
“คะ?” ร่างระหงที่อยู่ด้านหน้าชะงักฝีเท้า เอี้ยวตัวกลับมามองจ้าวเวยหลงด้วยสายตาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเขาอธิบายมาสฟ้าจึงได้เข้าใจว่าจ้าวเวยหลงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ก็ดอกไม้นั่นไง อี้เทียนส่งมาใช่ไหมล่ะ ผมรู้นะ” จ้าวเวยหลงพูดพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ แม้ทั้งคู่จะอยู่ภายใต้แสงสลัวจากไฟที่ประดับทางเดิน แต่มาสฟ้าก็รับรู้สีหน้ากวนประสาทของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน “เมื่อเช้าเห็นเขาบ่น ได้ยินแว่วๆ ว่าจะหาดอกไม้ พี่เขาส่งมาคุณใช่ไหมล่ะ”
“ค่ะ วันนี้มีดอกไม้มาส่งตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้ว” มาสฟ้าตอบพร้อมรอยยิ้มทว่าไม่พูดอะไรไปมากว่านั้น ปล่อยให้จ้าวเวยหลงเข้าใจไปเองว่าดอกกุหลาบสีขาวในแจกันที่เธอถือมา เพื่อประดับเรือนรับรองนั้นเป็นดอกไม้ของอู่อี้เทียน แทนที่ดอกกุหลาบแดงที่มาสฟ้ายัดมันลงในแจกันใบโปรดจนครบดอก ที่ตอนนี้วางเด่นหราอยู่ในห้องนอนของเธอ
“ผมไม่เคยนึกฝันเลยว่าอู่อี้เทียนจะเป็นพวกคลั่งรัก ถ้าไม่เห็นเขาอยู่กับคุณผมก็คงไม่เชื่อ”
“เหรอคะ ฉันว่าเขาโรแมนติกออก” มาสฟ้าปกป้องเจ้าของเหล่าดอกกุหลาบสีแดง ที่ตอนนี้เธอเลื่อนขั้นให้มันเป็นดอกไม้โปรดของเธอแทนที่ดอกแม็กโนเลียไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อคิดถึงสายตาดุๆ ของคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทน ามาสฟ้าก็เม้มปากแล้วว่าเสียงอ้อมแอ้ม “โรแมนติกแบบเถื่อนๆ”
“ถ้าเน้นตรงคำว่าเถื่อนๆล่ะใช่เลย” จ้าวเวยหลงยิ้มกว้าง นึกดีใจที่แม้ว่ามาสฟ้าจะนึกชอบอู่อี้เทียนแค่ไหน เธอก็ยังไม่ถึงขั้นตาบอดสนิท “ผมบอกอี้เทียนไปแล้ว แต่เพื่อความยุติธรรมผมจะบอกคุณอีกทีก็แล้วกัน...ว่านอกจากคุณแล้วผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะกับอี้เทียนได้เท่าคุณอีก”
“พูดเอาใจฉันไปก็เท่านั้นแหละค่ะเวยหลง ฉันช่วยอะไรคุณเรื่องยายฝันไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว” มาสฟ้าหรี่ตา คิดเอาเองว่าจ้าวเวยหลงคงพูดประจบ หวังเอาใจเธอเพราะอยากให้เธอหนุนหลังเขา ให้เธอช่วยเขาอีกแรงก็เท่านั้น เขาไม่ได้หมายความอย่างที่เพิ่งพูดจริงๆ ทว่านาทีต่อมามาสฟ้าก็เป็นฝ่ายเลิกคิ้วสูง เป็นฝ่ายมองจ้าวเวยหลงด้วยสายตาแปลกใจเสียเอง
“แค่ที่คุณทำให้ผมก็ขอบคุณมากแล้ว อีกอย่างที่พูดเมื่อกี้ก็ไม่ได้ประจบอะไรคุณหรอก ผมเล่าให้ฟังเฉยๆ ว่ากับอี้เทียนผมก็พูดแบบนี้ ถ้าไม่เชื่อวันหลังเขามาก็ลองถามเขาดูสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเชื่อ”
“พี่เขาก็ดูชอบนะ ทั้งๆ ผมไม่ได้ชมสักหน่อยแต่ก็ยังยิ้มรับหน้าบาน” จ้าวเวยหลงเล่า หวนคิดถึงสีหน้าที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาของญาติผู้พี่ จากดุกันเป็นอ่อนโยนแค่เขาพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องมาสฟ้า ทำให้เขาอดที่จะขนลุกเกรียวไม่ได้ “ท่าจะเพี้ยน”
“ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ตามสบายเลยนะคะ” มาสฟ้าทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดชวนให้เธอหงุดหงิด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกเขามาถึงเรือนรับรอง ในฐานะเจ้าบ้านมาสฟ้าจึงต้องแนะนำแขกฐานเลี่ยงไม่ได้ หลังหญิงสาววางแจกันลงที่โต๊ะเล็กใกล้หน้าต่าง มาสฟ้าก็ชี้บอกร่าสูงที่ก้าวตามหลังเธอเข้ามาในห้องพักสำหรับแขก “แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ของทุกอย่างอยู่ในห้องน้ำแล้ว ส่วนเสื้อผ้าก็อยู่ในตู้ คุณคงใส่ได้”
จ้าวเวยหลงกวาดตามองรอบห้องแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วสูง ข้าวของทุกอย่างภายในห้องนั้นถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย กระทั่งชุดนอนที่พับเป็นระเบียบอยู่บนเตียง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชุดนอนยี่ห้อที่จ้าวเวยหลงใช้เป็นประจำ ซึ่งหากเจ้าของบ้านไม่ใช่มาสฟ้าเขาก็ไม่รู้ว่าใครจะสามารถต้อนรับเขาได้พร้อมสรรพขนาดนี้
“คุณเห็นว่าผมจะมาที่นี่งั้นเหรอ จากนิมิตของคุณ?”
“ค่ะ เห็นจากนิมิต” ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามาสฟ้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจากนิมิต แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอมันเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ แล้ว ความรู้สึกมันคนละเรื่องกันเลย เรียกว่าประทับใจถูกไหมนะ? จ้าวเวยหลงคิดแล้วก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ กับตัวเองอย่างพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มาสฟ้าเตรียมไว้ “ดึกแล้ว คุณไปพักเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
“ขอบคุณนะครับ” จ้าวเวยหลงพึมพำ ก่อนจะกวาดมือไปรอบตัว “สำหรับทุกอย่างเลย”
“ยินดีค่ะ” พุดจบมาสฟ้าก็เดินออกไปจากเรือนรับรอง เหลือแค่จ้าวเวยหลงเอาไว้กับความเงียบและกลิ่นหอมอันน่าพอใจรอบกาย ทุกสิ่งทุกอย่างบอกว่าเรือนรับรองแห่งนี้ได้รับการดูแลจากเจ้าของบ้านอย่างดี ไม่ยอมให้มีกลิ่นเหม็นหรือฝุ่นให้เขาเห็นเลย
มาสฟ้าเป็นคนที่ละเอียดออ่อนมากจริงๆ ขนาดดอกไม้ที่อู่อี้เทียนส่งมาให้ยังเจียดแบ่งมาจัดต้อนรับแขกอย่างเขา ไม่รู้ว่าถ้าอี้เทียนรู้เข้าจะโมโหแค่ไหนกันนะ
คิดดังนั้นแล้วจ้าวเวยหลงก็ล้วงมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปแจกันดอกไม้ส่งไปให้อู่อี้เทียน หวังกวนประสาทอีกฝ่ายให้หงุดหงิดเล่นๆ เสร็จแล้วจ้าวเวยหลงก็จัดการปิดเสียงมือถือ โดนมันลงบนเตียงแล้วเขาก็คว้าชุดนอนที่มาสฟ้าจักเตรียมไว้ให้เดินเข้าห้องน้ำไป
มันกล้าาาาา มันริอาจจะท้าทายพ่อเลยเหรอ เวยหลงแกนี่ไม่เจียมกะลาหัวจริงๆ ลืมไปแล้วเหรอว่าแฟนคุณมาสของศรีเขาเป็นใคร // ดันหลังแฟนคุณมาสนะคะ อย่าทำอะไรศรี ศรีไม่รู้ไม่เห็นด้วยเลยจีงๆค่ะ ถถถถถ
ความคิดเห็น