ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #13 : ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 66


    ความสัมพันธ์ระหว่างเหมือนฝันและจ้าวเวยหลงนั้นสลักซับซ้อนยิ่งกว่าสายไฟริมทาง ทั้งยังชวนให้ทุกคนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน โดยเฉพาะกับหวางเย่ หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดของจ้าวเวยหลง ผู้ที่อยู่ในทุกๆ เหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เจ้านายของเขาและเหมือนฝันพบกัน ตั้งแต่ที่เซี่ยงไฮ้ลากยาวมาถึงกรุงเทพฯ หวางเย่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของนี้ได้

    “ที่นี่เหรอครับท่านประธาน”

    “ถ้าเป็นร้านที่ท่านประธานส่งมาก็ร้านนี้แหละครับ” คนไทยคนเดียวที่อยู่ในทีมของหวางเย่อย่างพิมานนั้นเอ่ยรายงาน ค่อนข้างมั่นใจว่าข้อมูลที่เจ้านายของเขาส่งมาคือที่นี่อย่างแน่นอน อีกอย่างหลังจากที่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายของตนและคุณเหมือนฝัน พิมานก็แอบไปทำการบ้านมาตั้งแต่ที่รู้ว่ามาเมืองไทยหนนี้ เขาต้องมาคอยช่วยงานจ้าวเวยหลงและหวางเย่ พิมานก็สืบเรื่องของเหมือนฝันจนรู้ว่าเหมือนฝันนั้นมีชื่อเสียง แม้จะไม่ใช่ชื่อเสียงในทางที่ดีทั้งหมดแต่ว่าชื่อ เหมือนฝัน ก็เป็นชื่อที่หากได้ยินแล้วหลายๆ คนก็ต้องพากันร้องอ๋อ

    ด้วยหญิงสาวทั้งสวยและรวย พ่วงนามสกุลดังตามหลังมาอีกอย่าง ไหนจะกลุ่มเพื่อนที่เธอมักคบหาหลายคนก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง หลักฐานผู้ติดตามจำนวนหลายแสนในบัญชีอิสตราแกรมคงจะพอเป็นเครื่องยืนยันได้ ว่าเจ้าหล่อนเป็นที่รู้จักในวงสังคมพอสมควร

    “ยายตัวแสบ ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนหนักหนา” จ้าวเวยหลงสบถ ไม่ชอบที่เหมือนฝันออกมาเที่ยวเตร่โดยไม่บอกเขาแบบนี้ แต่จะทำไงได้ล่ะ...ตอนี้เขาเป็นคนที่เธอหมายหัวอยู่นี่นา โกรธยังไงก็คงได้แต่เก็บไว้ในใจเท่านั้นแหละ “คนที่มาสฟ้าบอกอยู่ไหน ไหนว่าจะมารอรับเราไง”

    “คนนั้นหรือเปล่าครับ” พิมานชี้ไปทางผู้ชายที่ชะเง้อคอ เพ่งมองป้ายทะเบียนรถของพวกเขาอยู่เช่นกัน ส่วนตัวนั้นเขาค่อนข้างมั่นใจว่านี่เป็นคนที่มาสฟ้าบอกกับพวกเขา แต่ในฐานะที่รับผิดชอบติดต่อกับคุณมาสฟ้าโดยตรง พิมานจึงไม่สามารถปล่อยให้มีเรื่องผิดพลาดได้ ชายหนุมจึงต้องกดมือถือต่อสายหาอีกฝ่าย และแน่นอนว่าเขาต้องได้เบอร์มาจากคุณมาสฟ้า “พี่ยืนอยู่หน้าร้านหรือเปล่าครับ ใช่ครับพี่ ทะเบียน 21”

    “ใช่หรือเปล่า?” จ้าวเวยหลงถาม สายตาก็สังเกตสีหน้าของพิมานไปด้วยเพื่อกระทั่งเขาเอี้ยวตัว หันหน้ากลับมาหยักหน้าแรงๆ เป็นคำตอบ จ้าวเวยหลงจึงหายใจได้คล่องขึ้น เขาก็คิดว่าตัวเองโดนมาสฟ้าหลอกแล้วเสียอีก

    หลังจากที่พิมานพยักหน้าเป็นคำตอบได้ไม่นาน รถของพวกเขาก็เคลื่อนมาหยุดที่ประตูทางเข้า แล้วร่างสูงของผู้จัดการร้านก็ปรากฏให้จ้าวเวยหลงเห็นทันทีที่ประตูรถด้านหลังเลื่อนเปิด ผู้จัดการร้านที่มาสฟ้าติดต่อไว้นั้นเป็นชายร่างท่วม ท่าทางใจดีที่มีสายตาโล่งใจมากที่พอกับจ้าวเวยลงสักที

    “คุณคงเป็นเวยหลง ผมแม็กครับ”

    “เวยหลงครับ แล้วนี่บอดี้การ์ดผม” จ้าวเวยหลงก้าวลงจากรถก่อนจะสัมผัสมือที่ยื่นมา กล่าวทักทายพร้อมแนะนำผู้ที่มากับเขาอย่างเป็นกันเอง ท่าทางสบายๆ เป็นกันเองของผู้เป็นนายนั้นทำให้หวางเย่และพิมานต่างแปลกใจ กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ทั้งคู่ยังคงยืนประหนึ่งรูปปั้นหลังจากที่เดินลงจากรถตามจ้าวเวยหลงมา “เหมือนฝันอยู่ในร้านไหมครับ”

    “ยังอยู่ครับ” แม็กตอบพลางผงกศีรษะ แต่รอยยิ้มของเขากลับจางลงเมื่อคิดถึงภาพของเหมือนฝันที่เขาเห็นก่อนจะผละออกมา “คงกำลังสนุกเลยล่ะ”

    “ผมควรดีใจไหม?” จ้าวเวยหลงรู้สึกไม่ดีกับคำพูดนั้นจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคำพูดที่ว่าเหมือนฝันกำลังสนุก ถึงได้ทำให้เขาขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสามาเหตุ “ฟังแล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี”

    “คุณฝันเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลครับ” หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือเขารับมือกับเหมือนฝันที่เมามายมาจนคล่องมือแล้ว แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ลำบากเกินกำลังของเขาและทีมงาน อีกอย่างวันนี้คุณมาสฟ้ายังโทร.มาที่ร้านด้วยตัวเอง ไม่ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นแม็กก็ไม่กล้าทำให้คุณมาสฟ้าผิดหวัง หรือปล่อยให้เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของเขา “คุณมาสฟ้าคงแจ้งเรื่องนี้กับคุณเวยหลงแล้วใชไหมรับ”

    “เปล่าครับ เขาแค่บอกให้มารับเหมือนฝันที่นี่”

    “โอ้” แม็กทำหน้าไม่ถูกไปเสี้ยววินาทีก่อนจะรีบหยิกตัวเองให้ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “อย่างนั้นเหรอครับ แต่คุณฝันก็ไม่ได้มาที่นี่พักใหญ่แล้วล่ะครับ”

    “ปกติอาทิตย์หนึ่งเขามาที่นี่กี่วันครับ” จ้าวเวยหลงคิ้วกระตุก รู้ว่าความอยากรู้อยากเหนกำลังจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวโดยใช่เหตุ แต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ให้ถามไม่ได้ เขาอยากรู้ว่าชีวิตก่อนหน้าที่เหมือนฝันเจอกับเขานั้นเธอให้ชีวิตยังไง สังสรรค์ยังไงแล้วกลุ่มเพื่อนของเธอมีใครบ้าง

    “ก็เกือบทุกวันนะครับ” แม็กตอบอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะรีบอ้อมแอ้มอธิบาย เมื่อเห็นแววตาของชายหนุ่มนั้นดุดันขึ้นเพราะคำตอบของเขา “มาทานอาหารช่วงบ่ายกับเพื่อน ดื่มนิดหน่อยแล้วคุณมาสจะมารับกลับก่อนมื้อเย็น”

    “มาสฟ้าไม่มาด้วยสินะ”

    “ครับ คุณมาสเธอจะสั่งอาหารไปทานที่บ้าน ไม่ก็เป็นคุณฝันซื้อกลับบ้านไปฝาก” แม็กที่ทำงานเป็นผู้จัดการร้านมานานและคลุกคลีกับลูกค้าเป็นส่วนมากเพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการทำงาน เขาย่อมรู้จักลูกค้าประจำของเขาดีทุกคน โดยเฉพาะคุณฝันที่เคยมีเรื่องกุ๊กกิ๊กอยู่กับหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้าน ก่อนจะห่างหายกันไปซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่หญิงสาวหายไปจากร้าน กระทั่งประมาณครึ่งเดือนก่อนนี้ที่เหมือนฝันกลับมาทานอาหารที่ร้านอีกครั้ง และเมื่อช่วงเย็นที่โทรมาถามว่าที่ร้านยังเหลือโต๊ะว่างอยู่ไหม จากนั้นก็เป็นมาสฟ้าที่โทรเข้ามาที่มือถือส่วนตัวของเขา ฝากให้เขาดูแลเหมือนฝันระหว่างรอให้เพื่อนของคุณมาสมารับคุณฝันกลับบ้าน

    ซึ่งคนหลังนั้นเป็นคนที่แม็กไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝันว่าวันหนึ่งเธอจะติดต่อโดยตรงเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขารังเกียจหญิงสาวแต่อย่างใด ดีใจด้วยซ้ำที่เขาได้คุยกับมาสฟ้าผู้ลึกลับตัวต่อตัว...คุณมาสฟ้าที่มักจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแต่กลับร่ำรวยติดอันดับคนนั้น ไม่ว่าใครก็อยากคุยกับเธอเป็นธรรมดา อ้อ แล้วไอ้ข่าวลือแปลกๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาสฟ้านั่นอีก...ข่าวลือที่ว่าเจ้าหล่อนเป็นต้นเหตุว่าทำไมคนงานในบ้านถึงได้ถูกหวยแทบทุกงวด ยิ่งทำให้คนที่มีความหลงไหลในตัวเลข อย่างแม็กอยากจะพูดคุยกับคุณมาสฟ้าสักครั้งก็ยังดี

    “นั่นไงครับ คุณฝัน”

    จ้าวเวยหลงหันมองตามนิ้วของผู้จัดการ ก่อนจะต้องสบกออกมายาวเหยียด เมื่อภาพที่เขาเห็นนั้นคือเหมือนฝันยืนเต้นสุดเหวี่ยงอยู่บนโต๊ะ โดนรอบตัวเธอนั้นมีเพื่อนๆ คอยส่งเสียงเชียร์กับยกมือถือขึ้นมาถ่าย เรียกว่าพวกเธอทำทุกอย่างเว้นแต่ห้ามปรามเหมือนฝัน เท่านี้ก็พอที่จะทำให้จ้าวเวยหลงหัวเสียได้แล้ว

     

    เหมือนฝันรู้สึกว่าเท้าของเธอลอยจากพื้นโต๊ะแล้วหญิงสาวก็ร้องกรี๊ดออกมาเบาๆ คิดว่าตัวเองพลัดตกลงจากโต๊ะ แต่เมื่อคว้าจับท่อนแขนแกร่งที่รัดรอบเอวของเธอแน่นเหมือนคีมเหล็ก หญิงสาวก็ชักสีหน้าเมื่อตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเธอเพิ่งถูกลากลงมาจากโต๊ะ

    “ใครวะ!”

    “ผมเอง” จ้าวเวยหลงตอบกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิดพอๆ กับคนตัวเล็ก หลังถูกเขาขัดจังหวะการโชว์เสต็ปเท้าไฟของเธอ เหมือนฝันเพ่งมองใบหน้าที่เธอรู้สึกว่าคุ้นแปลกๆ จนมั่นใจว่าผู้ชาย ที่กล้าดีลากเธอลงมาจากโต๊ะคือจ้าวเวยหลงแน่แล้ว เหมือนฝันก็แยกเขี้ยวแล้วเริ่มดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนของจ้าวเวยหลงสุดกำลัง ปากก็ก่นด่าเขาด้วยคำพูดแสบทรวงไปด้วย เอาให้สมกับความแค้นที่เธอมีต่อเขา

    “ไอ้คนเฮงซวย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน ไอ้คนชั่ว”

    “คุณเมาแล้ว” จ้าวเวยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ สีหน้าของเขาก็ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ซึ่งความจริงนั้นจ้าวเวยหลงรู้สึกโกรธเหมือนฝันมากเพียงแค่ตอนนี้เขาพยายามใจเย็น ข่มความรู้สึกไม่พอใจของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้น
    “แล้วเสือกไรมิทราบ” เหมือนฝันสาดคำพูดเจ็บแสบใส่หูจ้าวเวยหลงราวกับไม่รู้จักคำว่าเกรงกลัว หากเธอไม่ถูกเขารวมตัวไว้จนเท้าลอยสูงขึ้นจากพื้น เธอคงใช้ศอกถองไปด้านหลังแรงๆ เพื่อเอาคืนเขา หรือไม่ก็กระทืบเท้าเขาสุดแรงเหมือนพวกนางเอกในละครทำกัน

    “คุณเมาแล้ว” จ้าวเวยหลงพยายามใช้เหตุผลกับคนไร้สติ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเลยสักนิด กลับกันเหมือนฝันกลับเป็นฝ่ายพยายามกวนอารมณ์ของเขาให้ขุ่นมัว และท้าทายความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดของเขาอย่างที่ใครก็ไม่กลาทำมาก่อน

    “เสือก!”

    “เหมือนฝัน!” จ้าวเวยหลงเผลอขึ้นเสียงใส่คนตัวเล็ก ก่อนจะหลับตาแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนๆ เหมือนฝันและคนที่อยู่รอบตัวของพวกเขาจ้องมอง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองดูเขาพยายามรับมือกับคนเมาความอยากรู้อยากเห็น เว้นแต่เหมือนฝันที่กำลังทำทุกอย่างที่เพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของจ้าวเวยหลง ไม่ก็ทำได้เพื่อหาหนทางเล่นงานจ้าวเวยหลง จนคนตัวโตชักจะหมดความอดทน “เลิกดิ้นสักที มาสฟ้าให้ผมมรับคุณกลับบ้านนะ”

    “โกหก!” เสียงเล็กๆ นั้นตะวาดกลับ ไม่มีทางเชื่อคำโกหกของจ้าวเวยหลงเป็นครั้งที่สอง พอสิ้นคำประกาศกร้าวของเธอ ก็ตามมาด้วยเสียงแตกของขวดเครื่องดื่ม ซึ่งเกิดจากการที่คนตัวเล็กดิ้นปัดๆ จนเท้าพาลไปปัดถูกโต๊ะอื่นที่อยู่ไม่ไกลให้ล้มลง “ปล่อยฉันนะ!”

    “ไม่” จ้าวเวยหลงเองก็รู้ว่าการปล่อยเหมือนฝันนั้น ไม่ต่างจากการยื่นมืดให้หญิงสวปักเข้าที่อกตัวเอง แค่เหมือนฝันหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาได้ เธอก็พร้อมที่จะซัดเขาไปกองกับพื้น และเธอก็คงเล่นงานเขาทันทีที่มีโอกาส ขอแค่เป็นอิสระจากท่อนแขนของเขาและกำปั้นเล็กๆ ของเธอเท่านั้น “ผมจะพาคุณกลับบ้าน เหมือนฝันเลิกดื้อสักที”

    “ปล่อยฉัน!” คราวนี้เสียงดิ้นรนของเหมือนฝันนั้นแฝงด้วยความสิ้นหวัง ไม่เข้าใจว่าจ้าวเวยหลงเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา ทำไมเธอถึงไม่สามารถหนีไปจากอ้อมแขนของเขาได้ ดังนั้นเหมือนฝันจึงต้องใช้วิธีอื่น ที่เธอไม่ถนัดเลยนั่นก็คือการต่อรอง “ปล่อยฉัน แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

    “ฉลาดนี่ แต่ไม่เอาดีกว่า” จ้าวเวยหลงยิ้มกริ่ม รู้ทันคนเจ้าเล่ห์

    “ไอ้...”

    “ด่าผม ตีผมได้ตามใจ คุณเมาแล้ว” จ้าวเวยหลงแสร้งเป็นไม่เห็นว่าเหมือนฝันแยกเขียว เตรียมสบถด่าเขาโทษฐานที่กล้าโผล่หน้ามาให้เธอเห็นอีกครั้ง แต่ว่าเขาคงไม่มีทางเลือกมากนักที่ทุกอย่างมันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ก็เพราะเขาทำตัวเองทั้งหมด “กลับบ้านกัน ผมจะไปส่ง”

    “ไม่!”

    “อย่างนั้นคุณก็เตรียมคำตอบดีๆ เอาไว้ด้วยแล้วกัน เพราะถ้าผมลากคุณกลับไม่ได้ มาสฟ้าคงถาม แล้วผมก็ไม่กล้าที่จะโกหกคนที่เห็นทุกอย่างอย่างพี่สาวคุณด้วย” พอได้ยินชื่อของมาสฟ้า เหมือนฝันก็หยุดดีดดิ้น เม้มปากแน่นอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสะบัดหน้ามองจ้าวเวยหลง คนสับปลับที่เธอควรจะซัดเขาให้ลงไปก่อนอยู่บนพื้นให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไม่แน่ว่าทำแบบนั้นเธอจะหายแค้นเขาก็ได้ แต่คงไม่มีทางรู้เว้นแต่ว่าเธอจะลงมือทำอย่างที่คิดจริงๆ

    “พี่ฟ้าให้คุณมารับฉันงั้นเหรอ?”

    “มาสฟ้าบอกผมว่าผมจะเจอคุณได้ที่ไหน”

    “คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดคุณงั้นเหรอ”

    “คุณถามเพื่อนพี่สาวคุณได้” ไม่ว่าเปล่าจ้าวเวยหลงยังพยักเพยิดไปทิศทางที่แม็กยืนอยู่ ขณะเดียวกันตาคมของจ้าวเวยหลงก็ฉายประกายวาววับอย่างคนที่มั่นใจว่าตนถือไพ่เหนือกว่า “ลองถามเขาดูว่ามาสฟ้าพูดอะไรกับเขา”

    “...” เมื่อเหมือนฝันนิ่งขึงไปอย่างคาดไม่ถึงและอาจจะเพราะยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดเขาเสียทีเดียว แต่แค่เห็นว่าเหมือนฝันสงบนิ่งในอ้อมแขนเขาได้สักที เท่านี้จ้าวเวยหลงก็พอใจแล้ว เขากระตุกยิ้มมุมปาก แล้วลดใบหน้าประทับจูบหนักๆ ลงขมับข้างหนึ่งของหญิงสาว ก่อนจะพูดเสียงกลั้วะหัวเราะที่ทำให้เหมือนฝันตัวสั่นเทิ้มเพราะความโกรธขึ้นมาอีกคำรบ

    “บอกแล้วไงว่าต่อให้คุณมีปีกคุณก็หนีผมไม่พ้น เหมือนฝัน”

     



    ยอมๆเขาไปเถอะค่ะทูนหัวของศรี ผู้ชายที่หล่อ รวยและทั้งรักทั้งหลงเราใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ถ้าแค้นมากก็ชกสักหมัดสองหมัดแล้วฮุบสมบัติเขามาเป็นของเขา เดี๋ยวทูนหัวคนดีก็หายแค่นเองค่ะ เชื่อศรีคนนี้เถอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×