ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #8 : คำเตือนครั้งที่หนึ่งจากคนแปลกหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 65


    “คนไร้มารยาทอย่างคุณ ทั้งชีวิตฉันคงเจออยู่ไม่กี่คนหรอกค่ะ”

    เจอคำพูดเช่นนั้นเข้าไปจ้าวเวยหลงเกือบเผลอปล่อยแก้วเครื่องดื่มในมือด้วยความตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่าร่างทรงคนนี้จะกล้าดีใช้คำพูดเช่นนี้กับเขา นี่คงคิดว่ามีปู่ของเขาคอยให้ท้าย เธอจะสามารถดูหมิ่นเขาอย่างไรก็ได้สินะ

    ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มคุกรุ่นขึ้นอย่างอันตราย ทำให้บรรดาคนสนิทที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ นั้นถึงกับลอบสูดลมหายใจหนักๆ เข้าปอด เพื่อสะกดความตื่นตระหนกเพราะอารมณ์ที่กำลังเปลี่ยนไปของผู้เป็นเจ้านาย

    “ที่บ้านของคุณคงไม่เคร่งครัดเรื่องมารยาทสินะครับ อย่างนั้นผมคงต้องขอเตือนด้วยความหวังดี ว่าที่นี่เป็น...”

    “ขอบคุณที่หวังดีค่ะ แต่ดิฉันไม่ขอรับไว้จะดีกว่า” เหมือนฝันตัดบทก่อนที่เสียงทุ้มจะได้พูดจบประโยค ตามด้วยกระแทกลมหายใจ ดวงหน้าหวานซึ้งของเธอนั้นมีแววความเบื่อหน่ายและรำคาญอย่างมากยามที่กวาดตามองจ้าวเวยหลงตั้งแต่หัวจรดอก มองเขาขึ้นลงด้วยสายตาเหยียดหยามที่ทำให้จ้าวเวยหลงเผลอขบกรามเข้าหากันด้วยความโกรธ

    “ดูจากการกระทำของคุณแล้ว คำเตือนของคุณคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่หรอก และถ้าคุณคิดว่าที่บ้านของคุณสอนมารยาทขั้นต่ำในการเข้าสังคมได้อย่างเหมาะสมแล้ว คุณก็น่าจะกลับไปให้คนที่บ้านสองอีกสักรอบนะคะเพราะดูท่าแล้วคนที่ควรจะได้รับการอบรมที่ว่านั่นน่าจะเป็นคุณมากกว่าฉัน” หญิงสาวเอ่ยแล้วกะพริบตาปริบๆ อีกครั้งอย่างไร้เดียงสา ไม่เข้ากับคำพูดโหดร้ายที่เธอเพิ่งสาดใส่หน้าเขาเลยสักนิด “แล้วฉันพูดเนี้ยก็เพราะความหวังดีนะคะ ไม่ได้มีเจตนาต่อว่าคุณว่าคุณไร้มารยาท เหมือนไม่มีคนคอยอบรมสั่งสอนหรอก อย่าเข้าใจผิดนะคะ”

    “คุณพูดกับคนที่พบหน้ากันครั้งแรกอย่างนี้หรือครับคุณผู้หญิง” จ้าวเวยหลงเอ่ยถามลอดไรฟัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าดูถูกและเหยียดหยามเขาอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ทำมาก่อน หล่อนคิดว่าหล่อนเป็นใครกัน!

    “แล้วคุณล่ะคะ พูดกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วยคำพูดแบบนี้เหรอ?” เหมือนฝันจิกตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดูแคลนอีกครั้ง ตามด้วยการเบ้หน้าใส่เขาด้วยกริยารังเกียจเสมือนจ้าวเวยหลงเป็นขยะเปียกชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่ผู้นำตระกูลจ้าวที่เขาภูมิใจหนักหนา “คุณคิดว่าตัวเองสูงส่งมากหรือยังไง ถึงได้ปากดีมาสั่งสอนฉันแบบนี้ ฉันจะบอกความลับอะไรให้เอาไหมคะ?”

    “อะไร”

    เสียงห้าวนั้นกระด้างเหลือเกินในความรู้สึกของคนฟัง หากผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นลูกน้องของเขา จ้าวเวยหลงมั่นใจว่าหล่อนจะต้องลนลาน ลงไปคุกเข้าขอเขาไม่ใช่ลอยหน้าลอยตา มองเขาด้วยสายตาท้าทายอยู่แบบนี้!

    “ฉันมีพ่อมีแม่ค่ะ” เหมือนฝันพูดพลางยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองเบาๆ สองครั้ง เผื่อว่าจ้าวเวยหลงจะไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงใคร “แถมยังมีพี่สาวที่มารยาทดีกว่าคุณล้านเท่าคอยสั่งสอนฉันอยู่แล้ว คงไม่ต้องรบกวนคนที่มีมารยาทน้อยนิดอย่างคุณมาช่วยสั่งสอนฉันอีกแรงหรอก สู้คุณเก็บคำพูดพวกนั้นไว้สอนตัวเองจะดีกว่านะคะ”

    ว่าจบเหมือนฝันก็ยิ้มพรายพร้อมกับความสะใจในแววตาที่ฉายแวววับวับ ดวงตาคมซึ้งนั้นจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ตรงข้ามที่กำลังเปลี่ยนสีจากขาวเป็นแดง แดงเป็นเขียวด้วยความโกรธอันมหาศาลที่เขาเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก มือหนากำเป็นหมัดแน่นขณะที่จ้าวเวยหลงพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แม้ว่าเขาจะเกลียดหญิงสาวมาก...มากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่จ้าวเวยหลงก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ความโกรธที่เขามีตอนนี้ ครอบงำเขาและทำให้เขาเผลอทำสิ่งที่เขาจะต้องเสียใจที่หลังอย่างแน่นอน

    อีกทั้งมันก็เป็นความผิดเขาเองที่ประมาทหญิงสาวเกินไป จนชะล่าใจว่าเธอคงไม่กล้าที่จะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขามากนัก แค่เพราะคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าคงจะเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เคยเจอกับเขา คิดว่าเธอคงจะพอมีความคิดและหวาดกลัวเขาอยู่บ้าง แต่เขากลับคิดผิด

    นอกจากเธอจะไม่กลัวเขาแล้ว หล่อนยังไม่มีแม้แต่วี่แววว่าจะสนใจว่าเขาเป็นใคร ทำอะไรมาก่อน ทันทีที่สบโอกาสเห็นช่องที่จะเล่นงานเขาได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเจ้าหล่อนก็หวดเขาด้วยคำพูดชนิดที่ทำให้จ้าวเวยหลงถึงกับตั้งรับไม่ถูก ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองหมดท่าเท่านี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต

    แถมสีหน้าของกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะของเจ้าหล่อนในตอนนี้ทำให้จ้าวเวยหลงรู้ได้ไม่ยากว่า ผู้หญิงปากจัดนี่ไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอต่อว่าเขาไปเลยสักนิด!

    “ผมเห็นแล้วครับ ดูจากมารยาทของคุณ พ่อแม่กับพี่สาวคุณ คงสั่งสอนคุณมาอย่างดีที่เดียว” จ้าวเวยหลงเอ่ยลอดไรฟัน เหลือบมองดวงหน้าเย้ยหยันของหญิงสาวที่ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นบูดบึ้งเพราะคำพูดประชดประชันของเขาด้วยความพอใจ คิดว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โดนเธอเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวล่ะน่า...เพระาอย่างนั้นแล้วอารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้านี้ของจ้าวเวยหลงจึงค่อยๆ ลดลง “แล้วเป็นเพราะคำสอนของพ่อแม่คุณด้วยหรือเปล่าครับ คุณถึงได้ยึดอาชีพนี้เป็นหลัก?”

    “อาชีพนี้?”

    เหมือนฝันที่กำลังคิดหาคำพูดเจ็บแสบมาเอาคืนไอ้ผู้ชายปากกรรไกรตรงหน้า ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นหลังได้ได้ยินประโยคสุดท้ายของชายหนุ่ม ก็จะไม่ให้เธองงได้ยังไงตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมา เหมือนฝันก็ยึดอาชีพเกาะพี่สาวกินเป็นหลักไม่ได้ทำงานทำการอะไรทั้งนั้น!

    “อาชีพอะไรมิทราบ”

    เธอกระแทกเสียงถามชายหนุ่มกลับไป พูดแล้วก็นึกก่นด่าความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ยิ่งเห็นสายตาสมใจที่เขาที่ทำให้เธออยากรู้ได้ เหมือนฝันก็อยากกัดลิ้นตาย แล้วหญิงสาวจึงยกมือขึ้นตลบผมยาวของตนไปไว้ด้านหลัง ด้วยกริยาเชิงบอกว่า เธอนั้นไม่แคร์เรื่องที่ชายหนุ่มพูดถึงเลยสักนิดพร้อมสำทับว่า

    “ฉันจำไม่ได้เลยว่าตัวเองทำอาชีพอะไร เพราะตั้งแต่เกิดมาอย่างที่เดียวฉันทำ แล้วพอจะนับว่าเป็นสัมมาอาชีพได้ก็คือผลาญเงินไปวันๆ”

    ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่จ้าวเวยหลงเชื่อคำพูดนั้นของหล่อน เขาเชื่ออย่างหมดใจเลยว่าผู้หญิงคนนี้พูดความจริงเรื่องที่เธอนั้นผลาญเงินไปวันๆ และหากว่าเจ้าหล่อนชอบใช้เงินอย่างที่ปากว่าจริง เรื่องที่เธอเป็นนักตุ้มตุ๋นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ก็น่าจะเป็นความจริงเช่นเดียวกัน

    ก็จะมีอาชีพอะไรที่จะสามารถหาเงินมาให้เธอล้างผลาญได้เร็วเท่ากับการหลอกเอาเงินจากความงมงายของคนอีกเล่า

    แต่น่าเสียดายที่เหยื่อของเธอดันเป็นจ้าวลี่หยางเสียได้ หากเป็นคนอื่นจ้าวเวยหลงคงไม่เดือดร้อนและปล่อยให้เธอทำมาหากินแบบนี้ต่อไป

    “ผมว่าคุณคงไม่ชอบคำตอบของผมหรอก” เจ้าเวยหลงยิ้มกริ่ม ทำให้เหมือนฝันรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมายิบๆ ความมั่นใจว่าไม่มีใครกวนประสาทได้เก่งเท่าเธอของเหมือนฝันเริ่มสั่นคลอนขึ้นมานิดๆ แล้วเหมือนกันเมื่อมาเจอผู้ชายคนนี้แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังพอเหลือความอดทน เธอใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายข่มความโกรธแล้วยิ้มแยกเขี้ยวเมื่อเอ่ยตอบโต้ร่างสูง

    “ตอบมาเถอะ ส่วนเรื่องที่ฉันจะชอบหรือไม่ชอบคำตอบของคุณ เดี๋ยวฉันตัดสินใจเอง”

    “อย่างนั้นผมก็ไม่เกรงใจล่ะนะครับ”

    เมื่อหญิงสาวประกาศชัดก็ไม่มีอะไรให้จ้าวเวยหลงต้องห่วง อีกทั้งเขาก็เสียเวลาประเมินหญิงสาวมาพอแล้ว ตั้งแต่คุยกันมาจ้าวเวยหลงไม่ได้รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นอันตรายต่อเขาแต่อย่างใด เว้นแต่เรื่องที่เธอปากร้ายหาช่างสรรหาคำพูดร้ายกาจมาเล่นงานเขา เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

    ไอ้เรื่องความน่ากลัวที่เธอมีสัมผัสพิเศษบ้าบอที่ใครๆ หลายคนเคยบอกกับเขา จ้าวเวยหลงกลับไม่รู้สึกถึงมันเลยสักนิด เท่านี้ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่เขาเดาว่าเธอเป็นเพียงนักตุ้มตุ๋นนั้นไม่ใช่เรื่องผิดคาด

    “เชิญ”

    เหมือนฝันกระแทกลมหายใจด้วยความรำคาญ คิดกับตัวเองในใจว่าเขาจะลีลาไปถึงไหน ถึงเธอจะประกาศว่าเธอไม่ทำงานทำการก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเต็มใจให้เขามาผลาญเวลาของเธอเล่นหรอกนะ เวลาของเธอถึงจะไม่มีค่าอะไรมาก แต่ก็มีค่าเกินกว่าจะมาเสียมันให้กับคนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาดแบบเขา

    คนโง่แล้วยังไม่รู้ตัวว่าโง่อย่างนี้ คุยไปก็มีแต่เสียกับเสีย เสียทั้งเวลาเสียทั้งอารมณ์

    “เรื่องที่คุณแอบอ้างตัวว่ามี...เอ่อ...ความสามารถพิเศษจนทำให้ปู่ของผมหลงเชื่อน่ะ”

    ถึงแม้ว่าจ้าวเวยหลงตั้งใจที่จะมาพูดเรื่องนี้กับหญิงสาวโดยเฉพาะ แต่พอถึงเวลาที่เขาต้องพูดกับเธอจริงๆ จ้าวเวยหลงก็อดที่จะรู้สึกกระดากปากไม่ได้ การที่เรียกใครสักคนว่าร่างทรงต่อหน้าพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เขาคิดภาพเอาไว้เลย หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะใบหน้างามหยดและแววตาคมซึ้งของคนตรงหน้าเขานี้ ที่เป็นให้จ้าวเวยหลงรู้สึกไม่สะดวกใจที่เรียกเธอว่าร่างทรง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาคงไม่มีทางเลือกอื่นเว้นแต่พูดเรื่องนี้กับหญิงสาวให้ชัดเจน ต่อให้เธอจะไม่พอใจเขามันก็ต้องพูด

    ก็เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่

    “ความสามารถพิเศษ?” เหมือนฝันพึมพำเสียงเบา คล้ายกับว่าเธอนั้นพูดกับตัวเองมากกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ความสับสนบนใบหน้างามนั้นปรากฏให้เห็นในแววตาทว่าไม่นานมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเข้าใจ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแห่งความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด

    เป็นสีหน้าที่จ้าวเวยหลงรู้ได้ทันทีโดยไม่มีคำด่าทอจากหญิงสาว ว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธเขาแล้วจริงๆ

    โกรธจัดเสียด้วย แต่ทำไมกันล่ะ...ก่อนหน้านี้เขาพูดจาไม่ดีกับเธอไปตั้งเท่าไหร่เธอไม่เห็นจะโกรธเขาขนาดนี้ แต่กลับมาโกรธจัดตอนที่เขพูดถึงเรื่องที่เธออ้างตัวเป็นผู้วิเศษนี่น่ะเหรอ?

    “ความสามารถพิเศษ ที่ว่าสามารถรู้อนาคตหรือเปล่า” เหมือนฝันต้องการคำยืนยันเพื่อความแน่ใจ เมื่อจ้าวเวยหลงพยักหน้าน้อยๆ อย่างเสียมิได้เป็นคำตอบ หญิงสาวถึงกับต้องสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอดเพื่อสงบสติอารมณ์

    เขาคิดว่าเธอเป็นมาสฟ้า ที่เขาพูดจาร้ายกาจเมื่อกี้ก็เพราะเขาคิดว่าเธอเป็นพี่สาวของเธอ! เขากล้าดียังไงที่มาพูดจาสั่วๆ แบบนี้กับมาสฟ้าคนดีของเธอ ไอ้คนเฮงซวย!

    “ผมรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัว ผมก็ไม่ได้อยากไปก้าวก่ายการทำมาหากินของคุณหรอก แต่นี่มันปู่ของผม...การที่คุณทำให้ท่านหลงผิด จนเชื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องจนพาลทำให้คนในครอบครัวของผมเดือดร้อนแบบนี้ ผมว่ามันเกินไป”

    “เรื่องอะไรที่ปู่ของคุณเชื่อจนทำให้คุณเดือดร้อน”

    “ผมไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าผมเดือดร้อน” น้ำเสียงของจ้าวเวยหลงห้วนจัดเมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว พร้อมกับสีหน้าของเขาที่ค่อยๆ มืดครึ้มลงตามภาวะอารมณ์

    “แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องทำให้คุณเดือดร้อน ไม่อย่างนั้นคุณคงมามาอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้หรอก” เหมือนฝันเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ สายตาที่เธอใช้กวาดมองเขานั้นมีแววดูถูกและเย้ยหยัน มุมปากงามขยับยกสูงทำช่วยเสริมให้ใบหน้าสวยนั้นเย่อหยิ่งขึ้นกว่าเดิม “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าปู่ของคุณเป็นใคร แต่ขอเดาเลยว่ามันคงไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ แน่”

    แม้ว่าถ้อยคำเมื่อครู่นี้จะไม่เหมือนคำทำนายแม้แต่น้อย แต่จากคำเล่าลือที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวก็ทำให้จ้าวเวยหลงไม่อาจจะชะล่าใจ เขาซึมซับถ้อยคำเมื่อครู่เก็บไว้ในใจทุกคำ แม้ว่าเขาไม่เชื่อคำทำนายพวกนี้แต่ไม่แน่ว่าคำทำนายนี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่เขาในอนาคต

    ดังนั้นฟังไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ ใช่ไหม?

    “นี่เป็นคำทำนายจากคุณหรือครับ?”

    “เปล่า เป็นข้อสันนิษฐานที่ตั้งขึ้นโดยบนพื้นฐานของความโลภ”

     

     

    พระ-นาง คู่นี้เขาด่ากันได้ถึงใจจังเลยค่ะ ซู่ซ่านแซ่บซ่า ตอนนี้ก็คงเหลือแค่กระโดดข้ามโต๊ะไปจิกหัวหันแล้วล่ะค่ะคุณขา ถถถถ ไม่ได้คาดวังอะไรหรอกนะคะ แต่ว่าตั้งตารอมาก // พี่ฝันของหนู สู้เขาข่ะ! อย่าแพ้!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×