คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ก็เหมาะกันดี
“ผมไม่ได้อยากเห็นหน้าเป็นพี่คนแรกทันทีที่มาถึงกรุงเทพนะ รู้ไหม?” จ้าวเวยหลงค่อนแคะญาติผู้พี่ของตนด้วยน้ำเสียงซังกะตาย สีหน้าของเขาเองก็แสดงออกว่าไม่สบอารมณ์ ที่สุดท้ายแล้วอู่อี้เทียนก็เป็นคนแรกที่เขาเจอ ทั้งที่ความตั้งใจของเขาในการมาที่นี่คือการมาตามปรับความเข้าใจกับเหมือนฝัน
“ช่วยไม่ได้ แฟนแกเป็นคนก่อเรื่อง แกต้องรับกรรมไป” อู่อี้เทียนยักไหล่ ทำให้ร่างสูงของผู้นำตระกูลจ้าวคนปัจจุบันได้แต่กระแทกลมหายใจ ตามด้วยการยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ เพื่อระบายความหงุดหงิด
“คราวนี้เหมือนฝันทำอะไรอีกล่ะ”
“ก็ตบตีคนเหมือนทุกที” อู่อี้เทียนเล่าด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ขณะที่จ้าวเวยหลงที่ฟังนั้นค่อยๆ เบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่าแค่เขาคลาดสายตาจากเหมือนฝันแค่ช่วงที่อยู่บนเครื่องบิน เจ้าหล่อนก็ยังสามารถสร้างเรื่องสร้างราวได้ขนาดนี้ ตบตีกับคนงั้นเหรอ...นี่แม่เจ้าประคุณมีงานอดิเรกคือการทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่วหรือไงกัน
“กับใคร?” จ้าวเวยหลงไม่คิดว่านอกจากเขาแล้ว เหมือนฝันจะยังสามารถโกรธใครจนถึงขั้นลงมือตบตีได้อีก แต่มาถึงตอนนี้จ้าวเวยหลงก็เริ่มตระหนักได้ว่าบางทีเขาอาจจะสำคัญตัวผิดไปเอง ไม่อย่างนั้นเหมือนฝันก็น่าจะมีความสามารถพิเศษในการเกลียดคนแปลกหน้าที่เขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้
“มาสฟ้าบอกว่าเป็นแฟนเก่าของเพื่อน” อู่อี้เทียนเล่า ขณะเดินผ่านจ้าวเวยหลงไปหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็น “แกน่าจะรู้อยู่แล้วนี่นา ก็เพื่อนคนเดียวกับที่ออกไปดื่มกับเหมือนฝันทุกวันนั่นแหละ”
“นี่พี่สะกดรอยตามมาสฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงรู้ว่าใครไปดื่มกับเหมือนฝัน” จ้าวเวยหลงนิ่วหน้า มั่นใจว่าญาติผู้พี่ของตนเองคงไม่ได้เพิ่งรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เว้นแต่อู่อี้เทียนเองก็สะกดรอยตามมาสฟ้าล่วงหน้าก่อนที่จะมาที่เมืองไทย
“แล้วแกล่ะ สะกดรอยตามเหมือนฝันตั้งแต่เมื่อไหร่?” อู่อี้เทียนตอบจ้าวเวยหลงด้วยคำถาม ที่ทำให้ร่างสูงได้แต่ขบกรามเข้าหากันแน่น จ้องหน้าคร้ามของคนที่มีเค้าหน้าแบบเดียวกับตัวเองด้วยสายตาขุ่นเขียว ก่อนจ้าวเวยหลงจะถามลอดไรฟัน
“พี่ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“แล้วแกต้องรู้ว่าฉันตามมาสฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยหรือไง” อู่อี้เทียนพูดโต้ด้วยสีหน้าราบเรียบ สายตาที่เขามองตอบจ้าวเวยหลงนั้นเย็นชาไร้อารมณ์หรือความรู้สึกใดๆ “บอกแล้วไงว่าถ้าแกไม่ยุ่งเรื่องของฉัน ฉันก็จะไม่ยุ่งเรื่องของแก"
“อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยน่า พี่คิดเหรอว่าเวลาทำมันจะง่ายอย่างที่พูดน่ะ” จ้าวเวยหลงสบถ “ผู้หญิงที่พวกเราสองคนรักเขาเป็นพี่น้องกัน เป็นฝาแฝด...ต่อให้ผมไม่อยากยุ่งกับพี่ ผมก็เลี่ยงไม่ได้”
“ทำไมจะเลี่ยงไม่ได้ แกไม่พูดถึงฉัน ฉันไม่พูดถึงแกก็จบแล้ว” อู่อี้เทียนไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องยากตรงไหน
“แล้วถ้าเหมือนฝันขอให้ผมช่วยขวางพี่ ไม่ให้พี่เข้าใกล้พี่สาวเขาล่ะ ผมจะทำยังไง” จ้าวเวยหลงกระแทกเสียงถามอู่อี้เทียน ถึงเขาจะไม่ใช่คนที่ว่าง่ายแต่ตอนนี้เขามีชนักปักหลังอยู่ ต่อให้ไม่ชอบหรือไม่อยากทำตามคำสั่งของเหมือนฝัน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์เลือก “แล้วบอกไว้เลยนะ ว่ายังไงผมต้องเข้าข้างเหมือนฝันมากกว่าพี่อยู่แล้ว เพราะเขาคือคนที่จะมาเป็นเมียผม”
“นี่แกเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า” อู่อี้เทียนหัวเราะหึ เหล่มองหน้าญาติผู้น้องของตนด้วยสายตาสมเพช “เพิ่งมาเหยียบกรุงเทพได้ไม่ถึงชั่วโมง หน้าเขาก็ยังไม่ได้เห็นแต่คิดว่าเขาจะยอมตกลงเป็นเมียตัวเองเสียแล้ว”
“เหมือนฝันเขารักผม” จ้าวเวยหลงประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจ ไม่สนแม่ว่าอู่อี้เทียนจะไม่เชื่อแบบเดียวกับเขา
“รักพอที่จะลืมเรื่องที่แกจ้องจะเคลมพี่สาวเขาหรือเปล่าล่ะ” ถามแล้วอู่อี้เทียนก็เลิกคิ้วสูง มองหน้าจ้าวเวยหลงอย่างท้าทายเละกวนประสาท ที่ทำให้จ้าวเวยหลงได้แต่หน้าบูดบึ้งด้วยไม่รู้จะเถียงอู่อี้เทียนด้วยคำไหนดี “อย่าหลอกตัวเองหน่อยเลยน่าเวยหลง โตๆ กันแล้ว แกคิดจริงเหรอว่าเหมือนฝันจะยอมยกโทษให้แกง่ายๆ”
“มาสฟ้าบอกผมแล้ว” ความมั่นอกมั่นใจนี้ของจ้าวเวยหลงใช่จะไม่มีที่มา อันที่จริงเพราะคนที่ให้คำทำนายแกเขาคือมาสฟ้า พี่สาวของผู้หญิงที่เขารักต่างหาก จ้าวเวยหลงจึงยังรักษาความเชื่อมั่นอันเปี่ยมล้นนี้ไว้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาและเหมือนฝันก็จะได้ลงเอยกัน “มาสฟ้าบอกผมแล้วว่าดวงชะตาผมมีเกณฑ์จะได้รัก”
“แล้วแกก็เชื่อเหรอ?”
“แค่เพราะคำทำนายที่ว่าพี่จะตายเร็วไม่เป็นจริง ไม่ได้หมายความว่าที่เหมือนฝันคือความรักของผม จะเป็นเรื่องโกหก” จ้าวเวยหลงรู้ดีว่าอู่อี้เทียนนั้นไม่ได้เชื่อเรื่องงมงายพรรค์นี้ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่เชื่อ...แต่เมื่อได้พบเหมือนฝัน กระทั่งได้รับคำทำนายจากมาสฟ้า จ้าวเวยหลงก็เต็มอกเต็มใจที่จะเชื่อคำทำนายของหมอดูเช่นมาสฟ้า โดยเฉพาะเมื่อเป็นคำทำนายที่ว่าเหมือนฝันจะเป็นความรักของเขา
“ฉันไม่ยักรู้ว่าก็เป็นคนงมงายกับเขาไปอีกคน” อู่อี้เทียนเย้ยหยัน สำหรับผู้ที่เคยถูกทำนายว่าจะตายทั้งที่อายุยังน้อยเช่นเขา อู่อี้เทียนไม่สามารถรู้สึกใดๆ เว้นแต่รังเกียจได้ยินคำทำนายเหล่านั้น “มาสฟ้าก็คือมาสฟ้า ไม่ได้เป็นผู้วิเศษอย่างที่ใครๆ เขาเล่าลือกันหรอก”
“นั่นเพราะว่าพี่อยากเชื่อแบบนั้นต่างหาก” จ้าวเวยหลงจับผิด “คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอว่าพี่กำลังหลอกตัวเองอยู่ ผมน่ะ...ไม่เคยอยากเชื่อเรื่องพวกนี้เลยสักนิด” เสียงห้าวนั้นเอ่ยลอดไรฟันอย่างคนที่กำลังอดกลั้น “แต่มาสฟ้า...เว้นแต่เรื่องของพี่แล้วก็ทำนายตรงเผงจนน่าขนลุก ถ้าไม่เคยเจอกันผมคงไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนจริงๆ”
“หุบปากเถอะเวยหลง” อู่อี้เทียนไม่รอให้จ้าวเวยหลงได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็พุ่งตัวเข้าไปประชิดร่างสูงของจ้าวเวยหลง ใช้ท้องแขนกดลำคอของผู้นำตระกูลจ้าวเอาไว้อย่างไม่นึกเกรงกลัว ก่อนเป็นฝ่ายที่สบถลอดไรฟันใส่หน้าคมๆ ของจ้าวเวยหลงบ้าง “แค่เพราะฉันปล่อยให้แกเป็นผู้นำตระกูลจ้าว ไม่ได้หมายความว่าฉันจะปล่อยให้แกพูดจาพล่อยๆ กับผู้หญิงของฉันได้”
“พี่ไม่-ทำหรอก” จ้าวเวยหลงมองหน้าอู่อี้เทียน เอ่ยเสียงตะกุกตะกักด้วยความลำบากเพราะแรงกดที่หนักอึ้งอยู่ตรงลำคอ “ถ้าพี่ทำอะไรผม เหมือนฝันต้องเสียใจแน่ แล้วมาสฟ้าก็คงไม่ชอบที่น้องสาวของเขาเสียใจ”
“ฉันไม่คิดงั้นนะ” อู่อี้เทียนแสยะยิ้ม ออกแรงกดลำคอของจ้าวเวยหลงแรงยิ่งกว่าเดิม จนหน้าคมคายของจ้าวเวยหลงเริ่มเขียวคล้ำเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ “ตอนนี้เหมือนฝันเกลียดแกอยู่นี่ ไม่แน่ว่าถ้าแกเป็นอะไรไป เรื่องระหว่างฉันกับมาสฟ้าอาจจะง่ายขึ้นเยอะ”
“อ๊อก...พี่...พี่...”
“จำความรู้สึกตอนนี้เอาไว้ให้ดีนะเวยหลง จำเอาไว้ให้ดี ว่าแกมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร” อู่อี้เทียนเอ่ยเสียงเหี้ยม ทำให้จ้าวเวยหลงได้แต่พยักหน้าเร็วๆ รับคำ เห็นแบบนั้นอู่อี้เทียนจึงงยอมปล่อยร่างสูงออกจากใต้อาณัติ แล้วมองดูจ้าวเวยหลงพยายามสูดอากาศเข้าปอดด้วยสายตาไร้ความรู้สึก “ถ้าอยากให้ฉันช่วยแกตอนโหวตผู้นำตระกูลคนใหม่ ก็รีบเอาตัวเหมือนฝันไปให้พ้นๆ ทางฉันเสีย แกเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”
“ผมรู้หรอกน่าว่าต้องทำอะไร”
“แล้วก็อย่าปากดี พูดถึงมาสฟ้าของฉันแบบนั้นอีก” เสียงห้วนจัดนั้นคาดโทษ “ถ้ามีคราวหน้า ฉันจะทำให้แกไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลจอมปลอมนั่นด้วย”
“พี่จะมาแย่งทวงตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับไปหรือไง” จ้าวเวยหลงย้อนถามอย่างท้าท้าย ด้วยใจหนึ่งก็รู้ว่าอู่อี้เทียนไม่มีทางกลับมารับตำแหน่งตระกูลจ้าวจากเขา จ้าวเวยหลงไม่ชอบตำแหน่งผู้นำที่ว่านี้ก็จริงแต่เขาก็ปล่อยให้คนอื่นได้มันไปไม่ได้ แต่อู่อี้เทียนั้นเขามั่นใจว่านอกจากความรังเกียจแล้วอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกอื่นมาเจือปน กับเขาต้องข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าวเพราะเป็นครอบครัวของฝ่ายแม่ อู่อี้เทียนยังทำใจยอมรับได้ลำบากเลย
“ใครบอกแก” อู่อี้เทียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรี้ยม “ตอนนี้ตระกูลจ้าวก็เหมือนมังกรไม่มีหัวอยู่แล้ว ลองฉันขวางไม่ให้แกได้รับตำแหน่งผู้นำ คิดเหรอว่าตระกูลจ้าวจะอยู่ต่อไปได้นาน”
“ตระกูลจ้าวไม่ได้จะล่มสลายง่ายๆ แค่เพราะพี่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเสียหน่อย”
“ลองดูไหมล่ะ ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าถ้าฉันจากจะล่มตระกูลจ้าวขึ้นมาจริงๆ มันใช้เวลาสักเท่าไหร่กันเชียว”
“ไม่เอา!”
“อย่างนั้นก็เป็นเด็กดี แล้วรีบๆ ลากผู้หญิงของแกออกไปให้พ้นหูพ้นตาฉัน” อู่อี้เทียนออกคำสั่ง
“…”
“แล้วก็ไม่ต้องคิดที่จะทำอะไรแผลงๆ ด้วย ง้อไม่ได้ก็ไปกราบกรานเขาเสีย ฉันไม่สนว่าแกจะทำยังไงแค่พาเหมือนฝันกลับไปเซี่ยงไฮ้ได้ก็พอ”
“มันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ” จ้าวเวยหลงอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้า อู่อี้เทียนเหมือนเรื่องทุกอย่างมันจะแก้ไขได้ง่ายๆ เหมือนฝันโกรธเขากระทั่งกล้าหอบพี่สาวกลับบ้าน ขนาดที่ว่าเขาตั้งใจขังพวกเธอทั้งสองไว้ในบ้านของเขาก็ยังขวางเหมือนฝันไม่ได้ ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่เมืองไทย...ที่บ้านของพวกเธอโดยมีครอบครัวของทั้งสองคอยหนุนหลัง จ้าวเวยหลงไม่เห็นหนทางอื่นนอกจากง้องอนเหมือนฝันให้กลับมารักเขาอีกหน จนยอมให้เธอติดตามเขากลับไปที่เซี่ยงไฮ้ แต่ลำพังการง้องอนเหมือนฝันก็ลำบากมากพอแล้ว ตอนนี้เวยหลงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเข้าถึงตัวเหมือนฝันได้ยังไง โดยที่ไม่โดนเหมือนฝันชกหน้าหงาย แล้วตอนนี้อู่อี้เทียนยังจะมากดดันเขาอีก
“พี่อยากให้ผมแยกเหมือนฝันออกจากมาสฟ้า พี่ก็ช่วยผมสิ”
“ฉันอีกแล้วเหรอ?”
“เจอกันครึ่งทางไง พี่ได้สิ่งที่พี่อยากได้ ผมก็ได้เหมือนฝันคืน”
“อย่างแกคงไม่ได้อยากได้แค่เหมือนฝันหรอกมั้ง”
“ก็ถ้าผมบอกว่าจะเอาทุกอย่าง พี่จะช่วยผมหรือเปล่าล่ะ”
“ตราบใดที่ฉันจะได้มาสฟ้า ต่อให้ต้องลุยนรกหรือช่วยงูพิษอย่างแก ฉันก็จะทำ” อู่อี้เทียนเอ่ยเสียงเฉียบ ทำให้จ้าวหลงหน้าเบ้ รู้สึกพิลึกกับคำพูดเมื่อครู่นี้ของญาติผู้พี่แปลกๆ จนอดไม่ได้ที่จะท้วงออกมา
“พูดแบบนั้นจะไม่ดูเหมือนว่าที่หมกมุ่นกับมาสฟ้าเกินไปเหรอ” เขายังหน้าเบ้แม้จะโดนอู่อี้เทียนตวัดตาคมกริบมองหน้า “เหมือนพวกโรคจิตเลย”
“คนโรคจิตไม่ได้จะมีแค่ฉันหรอกเวยหลง คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าที่ผ่านมาแกเองก็ส่งคนสะกดรอยตามเหมือนฝันไม่ให้คลาดสายตาน่ะ ถ้าฉันโรคจิต แล้วอย่างแกจะเรียกว่าอะไร”
“ก็เหมือนฝันชอบทำให้ผมเป็นห่วงนี่” ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เห็นจ้าวเวยหลงในมุมนี้ กระเง้ากระงอกเหมือนเด็กเอาแตใจคนหนึ่ง “แค่ปล่อยให้คลาดสายตาไม่กี่ชั่วโมงก็ไปก่อเรื่องแล้ว จะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้ยังไงล่ะ”
“ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันถึงอยากให้แกเอาเหมือนฝันไปห่างๆ จากมาสฟ้า” อู่อี้เทียนสำทับ ชี้ให้จ้าวเวยหลงเห็นว่าระหว่างมาสฟ้าและเหมือนฝันใครกันแน่คือตัวปัญหา
“โห ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกัน ก็คิดจะเข้าข้างกันไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้เลยเหรอครับ”
“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นแกมีปัญหาอะไรด้วย”
“ไม่กล้ามีหรอกครับ” ผู้นำตระกูลจ้าวก้มหน้างุด ไม่กล้ามีปัญหากับอู่อี้เทียนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงหัวเรี้ยวหัวต่อ ที่เขาจำเป็นต้องอู่อี้เทียนเป็นทัพหลังในการเปลี่ยนผ่านผู้นำตระกูลจ้าวอย่างเป็นทางการแบบนี้ “พี่ว่าไงผมก็ว่างั้น”
“อย่างนั้นก็ไปจัดการปัญหาของแกให้จบ ฉันไม่มีเวลารอแกขนาดนั้น”
“รู้แล้วน่า ก็รีบอยู่เนี่ย ใจเย็นสิครับผม”
ความคิดเห็น