ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #42 : บอกแล้วไง

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 66


    “ก็ถ้าใช่แล้วมันทำไมเหรอคะ คุณชายรอง”

    ทุกคนรู้ว่าจ้าวซ่งเหยี่ยนเกลียดคำเรียกนั้นเข้าไส้ คุณชายบรอง เป็นที่สองทุกอย่างทุกเรื่อง เป็นรองพี่สาวกระทั่งตำแหน่งผู้นำยังโดนลูกชายแย่งไป เขาเกลียดมากไม่เคยมีใครกล้าเรียกเขาแบบนี้เลย ตั้งแต่ที่แม่ของเขาเสียไปแล้วเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงน้านี้กล้าดียังไง มาเรียกเขาด้วยคำนั้น!

    ทุกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนตระกูลจ้าว ขนาดผู้ที่ข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้างด้วยการแต่งเข้ามาเป็นเขยยังมองมาสฟ้าเป็นตาเดียวล้วนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน เว้นแต่เหมือนฝันคนเดียวที่ไม่เข้าใจเรื่องราว ที่กำลังกวาดตามองบรรดาอากาศหรูบนโต๊ะ

    “มาสฟ้าเป็นแขกของฉัน อย่าเสียมารยาท” จ้าวลี่หยางเขม่นมองบุตรชายคนเล็กของตน เมื่อได้มาสฟ้าย้ำเตือนตอนที่เรียกจ้าวซ่งเหยี่ยนด้วยคำเรียกเมื่อครู่ ชายชราก็ผลันหูตาสว่างขึ้นมา “พวกแกเองก็เหมือนกัน” ประโยคหลังนั้นอดีตผู้นำตระกูลจ้าวเอ่ยพลางกวาดตามองบรรดาลูกหลานที่นั่งอยู่บนโต๊ะ

    บรรยากาศมาคุบนโต๊ะทำให้เหมือนฝันนั่งไม่ติด ตาลุกลิ่กมองไปยังพันธมิตรคนเดียวของเธอที่อยู่ในฝั่งของตระกูลจ้าวอย่างจ้าวเวยหลง ซึ่งอีกฝ่ายก็มองเธออยู่เช่นด้วยกัน สายตาของชายหนุ่มนั้นมีประกายความสับสนอยู่ในแววตา ก่อนที่เขาจะส่งสัญญาณบอกให้เธอช่วยเขาอีกแรง

    แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าเธอไม่เข้าใจว่าเขาต้องการให้เธอทำอะไรกันแน่

    “ก็ผมสงสัย ถามไม่ได้เหรอครับ” จ้าวซ่งเหยี่ยนจ้องมาสฟ้าเขม็ง สายตาของเขาคมกริบและเชือดเฉือนซึ่งผู้ถูกจ้องเองก็ไม่ได้สะทกสะท้าน เธอจ้องตอบสายตานั้นของชายคราวพ่อไม่มีหลบอย่างท้าทาย “ไม่ได้จะเสียมารยาทสักหน่อย”

    “ซ่งเหยี่ยน...” จ้าวลี่หยางปรามบุตรชาย สำหรับเขาแล้วจ้าวลี่หยางไม่เคยนึกอยากจะเพิ่มความขัดแย้ง ระหว่างครอบครัวเขาและมาสฟ้าไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ลำพังแค่เรื่องที่จ้าวเวยหลงไปฉกตัวน้องสาวของมาสฟ้ามาเขาก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ตอนนี้จ้าวซ่งเหยี่ยนก็มาทำแบบนี้อีก

    “สงสัยเรื่องของหนูเหรอคะ มีอะไรให้น่าสงสัยขนาดนั้นกัน” มาสฟ้ายังคองจ้องจ้าวซ่งเหยี่ยน สายตาของเธอนั้นว่างเหล่าและเย็นเยียบเพราะตอนนี้เธอไม่ได้มองหน้าจ้าวซ่งเหยี่ยนเสียทีเดียว หากแต่เธอกำลังมองสิ่งที่เขากำลังจะทำหลังจากนี้ต่างหาก“หรือว่ามีอะไรจะให้หนูช่วยคะ อยากรู้งั้นเหรอว่าใครจะได้เป็นผู้นำตระกูลจ้าวคนต่อ...”

    “แค่กๆ” จ้าวเวยหลงกระแอมเสียงดัง ตั้งใจทำเพื่อขัดจังหวะของมาสฟ้า ไม่ให้เธอได้จบประโยค ซึ่งก็ได้ผลผลเพราะมาสฟ้าหยุดและเบือนหน้ามองไปทิศทางของจ้าวเวยหลง คิ้วงามนั้นเลิกสูงขึ้นเชิงรอให้จ้าวเวยหลงพูดสิ่งที่เขาต้องการออกมา หากแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งมาสฟ้าจึงหันขวับกลับไปมองจ้าวซ่งเยี่ยนต่อ เดือดร้อนเหมือนฝันต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจ้าวเวยหลง ก่อนที่พี่สาวของเธอจะเลื่อยขาเก้าอี้ผู้นำของตระกูลของเขาสำเร็จ

    “พี่ฟ้าขา...อาหารเย็นแล้วนะคะ” เหมือนฝันเอื้อมมือไปเกาะท่อนแขนเสลาของผู้เป็นพี่ หันเหความสนใจของพี่สาวเธอไปจากการเล่นงานจ้าวซ่งเหยี่ยน ผู้ซึ่งมาสฟ้าจงเกลียดจงชังด้วยเหตุผลอะไรเหมือนฝันก็สุดจะรู้ แต่ตอนนี้เธอรู้เพียงอย่างเดียวก็คือเธอจะปล่อยให้มาสฟ้าเล่นงานจ้าวซ่งเหยี่ยนจนจนตรอกไม่ได้ เพราะหากมันเกิดขึ้นตอนนี้ในห้องอาหารแห่งนี้มันจะจบไม่สวยแน่ และคนที่จะได้ผลประโยชน์ที่สุดก็คืออู่อี้เทียน ไอ้หล่อที่พยายามซ่อนยิ้มมุมปากอยู่ตอนนี้!

    “เฮ้อ วันนี้อาหารอร่อยจริงๆ” เสียงพึมพำอย่างชื่นใจและดื่มดำกับรสชาติอาหารนั้นเป็นของใครไม่ได้นอกจากจ้าวเฟยหรงสุภาพสตรีจากตระกูลจ้าวเพียงคนเดียวในโต๊ะอาหาร ยิ่งได้เห็นน้องชายสารเลวของเธอถูกแม่สาวน้อยมาสฟ้าเล่นงาน อาหารในปากของเธอก็ยิ่งทวีความอร่อยขึ้นไปอีก! “ซูเจินนี่ฝีมือไม่เคยตกจริงๆ อยากย้ายไปสิงคโปร์ไหมจ๊ะ”

    “ถ้าอร่อยก็ทานเยอะนะคะ คุณหนูใหญ่” แม่บ้านผู้ที่เพิ่งได้มีโอกาสทำอาหารให้คุณหนูคนโปรดของเธอในรอบหลายปีบอกแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำชักชวนนั้นของจ้าวเฟยหรง

    การสนทนานี้ของพวกเธอทำให้บรรยากาศในห้องผ่อนคลายคง กระทั่งเหมือนฝันก็พลอยหายใจคล่องขึ้นไปด้วย ยิ่งเมื่อเห็นว่ามาสฟ้าลงมือทานอาหารที่เธอตักใส่จานให้เหมือนฝันก็หันไปสบตากับจ้าวเวยหลง ก่อนพร้อมใจกันผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่

    มีเพียงคนเดียวที่ยังไม่ลงมือตักอาหารเข้าปากนั่นก็คือู่อี้เทียน เขายังจ้องมาสฟ้าไม่วางตาโดยที่มือก็ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกเรื่อยๆ

    “พ่อคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ!” จ้าวเซ่งเหยี่ยนไม่สามารถข่มความโกรธของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป เขาใช้กำปั้นทั้งสองข้างทุบโต๊ะจนจานอาหารของเขากระดอน อาหารกระเด็นเลอะเทอะไปทั่วบริเวณ โดยมีเสียงอุทานของเหมือนฝันและจ้าวเฟยหลงเป็นฉากประกอบ “นี่มันบ้าชัดๆ นี่น่ะเหรอหมอดูที่พ่อเชื่อหนักหนา กระทั่งตำแหน่งตระกูลจ้าวยังยกให้เวยหลง....”

    “หุบปาก!” เสียงตะคอกของจ้าวลี่หยางนั้นดังกึกก้อง อำนาจของอดีตผู้นำตระกูลจ้าวนั้นเปี่ยมล้นชนิดที่ว่าเพียงการขึ้นเสียงเพียงครั้งเดียวของเขานั้น สามารถหยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้องอาหารได้ เมื่อทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเสียงเข้มจัดของชายชราก็เอ่ยขึ้น “แกกับเฟยหรงไปคุยกับฉันในห้องทำงาน แกด้วยเมิ่งหลิว”

    พูดจบร่างผอมกระหร่องของจ้าวลี่หยางก็ขยับลุก โดยมีคนสนิทของเข้าปรี่เข้ามาช่วยเหลือ จ้าวลี่หยางเดินไปในห้องทำงานของจ้าวเวยหลงที่อยู่ในปีกเดียวกันของตึกด้วยฝีเท้ามั่นคง ด้านหลังนั้นเป็นจ้าวซ่งเหยี่ยน จ้าวเฟยหรงและสามีของเธอเดินตามไปติดๆ

    คล้อยหลังบรรดาผู้ใหญ่เหมือนฝันก็ผ่อนลมหายใจดังๆ อีกเฮือก แล้วยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนไรผมตอนที่เธอไม่รู้ตัวก่อนจะก้มกระซิบกระซาบกับพี่สาวฝาแฝดของตน

    “น่ากลัวเหมือนตอนที่แม่ดุเราเลยค่ะ”  เหมือนฝันพึมพำภาษาไทยกับมาสฟ้า คำพูดนั้นของผู้เป็นน้องทำให้ผู้เป็นพี่หลุดขำก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ กับตัวเองอย่างอ่อนใจแล้วเอ็ดเหมือนฝันอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

    “กินไปเถอะ ไม่ต้องพูดมาก”

    “ฝันคงกินอะไรไม่ลงแล้วล่ะค่ะ” เหมือนฝันส่ายหน้าดิก ตอนนี้เธอหมดความอยากอาหารไปเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าอาหารตรงหน้าจะน่าทานมากแค่ไหนเหมือนฝันก็กระเดือกไม่ลงจริงๆ “เว้นแต่ไวน์นี่ อร่อยดี”

    “คุณไม่น่ามาที่นี่เลย” เสียงทุ้มนั้นของอู่อี้เทียนดังขึ้น และนี่ประโยคแรกที่เขาเลือกที่จะพูดกับมาสฟ้า ผู้เดียวที่เขามองตลอดช่วงเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ที่ครอบครัวของเขาแวะไปรับเธอกับเหมือนฝัน กระทั่งโกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ สายตาของอู่อี้เทียนก็ยังไม่ละจากดวงหน้าของมาสฟ้า

    “คุณบอกฉันแล้วค่ะ” มาสฟ้าเอ่ยตอบอู่อี้เทียนพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะที่เหมือนฝันนั้นหน้าบิดเบ้อย่างไม่สบอารมณ์ จากทั้งคำพูดเมื่อครู่ของอู่อี้เทียนและสายตาที่เขาใช้มองมาสฟ้า แม้จะปราศจากคำพูดใดๆ แต่เหมือนฝันก็สัมผัสได้ สายตาแบบนี้เธอเห็นผู้ชายหลายคนใช้มองพี่สาวเธอมานักตานัก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  “คุณเองก็ไม่ควรมาที่นี่เหมือนกันนะคะอี้เทียน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×