ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #31 : สัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 66


    “ฉันรับรองว่าน้องสาวของหนูจะปลอดภัย ไม่ต้องห่วงนะ” จ้าวลี่หยางยังคงยืนยันคำพูดเดิมของตน ตั้งแต่ร้านอาหารที่เธอเจอกับครอบครัวของอู่อี้เทียน มาจนถึงตอนนี้ที่พวกเขาแยกตัวออกไปอยู่อีกฟากของร้านอาหาร เพราะคำสั่งของชายชราตรงหน้าที่ยืนยันเสียงแข็ง ว่าเขาต้องการคุยเรื่องส่วนตัวกับเธอเพียงลำพัง...เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมากกระทั่งลูกสาวในไส้ของเขาอย่างจ้าวเฟยหรง กระทั่งหลานชายอย่างอู่อี้เทียนก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ฟังด้วย

    “ถ้าไม่ให้ห่วงเลยคงจะไม่ได้หรอกค่ะ” มาสฟ้ายังคงรักษาสีหน้าราบเรียบของเธอไว้ได้แต่สาวตาของเธอกลับเย็นเยือก ซึ่งเป็นครั้งแรกของจ้าวลี่หยากเลยทีเดียวที่ถูกใครสักคนมองด้วยสายตาเช่นนี้  “หนูมานี่เพราะเคยรับปากกับคุณไว้ เลยต้องปล่อยให้น้องล่วงหน้าไปที่นั่นก่อน ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้หนูคงเปลี่ยนใจแล้วลืมเรื่องที่เราเคยคุยกันเอาไว้แล้วไปที่เซี่ยงไฮ้พร้อมกับน้องตั้งแต่แรก”

    “ฉันคุยกับเวยหลงแล้ว เขายืนยันกับฉันเองแล้วว่าน้องสางของหนูปลอดภัย” จ้าวลี่หยางอยู่ไม่เป็นสุขเพราะคำพูดคล้ายกำลังคาดโทษเขาของเด็กสาว หากไม่ใช้มาสฟ้าเขาก็คงไม่รู้สึกยำเกรงเช่นนี้ แต่นี่เป็นเธอเด็กสาวที่เขาชื่อว่าเธอ ‘พิเศษ’  กว่าทุกคนที่เขาเคบพบเจอ  “ฉันรู้ว่าหนูไม่รู้จักเวยหลงแบบที่ฉันรู้จัก ให้หนูเชื่อใจเขามันคงจะเป็นเรื่องยาก”

     “มันเป็นเรื่องยากอยู่แล้วค่ะ คุณจะขอให้หนูเชื่อใจคนที่ลักพาตัวน้องสาวหนูไป ไม่ตลกไปหน่อยเหรอคะ”

    “ฉันรู้ว่าขอให้หนูไว้ใจเวยหลงเป็นเรื่องยาก” จ้าวลี่หยางสูดลมหายใจ เขาเองก็โกรธจนหน้ามืดแล้ะพอจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวคราวหลานตรงหน้านี้ เพราะหากว่าเขาเป็นเธอตอนนี้จ้าวเวยหลงได้ลงไปนอนในหลุมเรียบร้อยแล้ว  “ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคิดบ้าอะไรของมัน ถึงได้ไปพาตัวน้องสาวหนูมาแบบนั้น”

    “ลักพาตัวค่ะ” มาสฟ้าแกคำพูดของจ้าวลี่หยางเสียงเฉียบในวินาทีถัดมา คิ้วงามขมวดหากันนิดๆ เมื่อเธอนิ่วหน้า ไม่ค่อยชอบใจกับการเลือกใช้คำพูดของชายชราตรงหน้าสักเท่าไหร่  “ไม่ว่าคุณจะพยายามหาคำพูดดีๆ มาเรียกการลักพาตัวน้องสาวของหนูเท่าไหร่ มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอกค่ะ หนูแค่อยากให้น้องสาวของหนูปลอดภัยและคนเดียวที่จะทำได้ก็คือคุณ”

    “น้องสาวหนูต้องปลอดภัยแน่” จ้าวลี่หยางให้คำมั่น อีกอย่างเขาก็ทำอะไรอย่างอื่นให้เธอไม่ได้จนกว่าพวกเขาจะไปถึงเซี่ยงให้ “มันอาจจะไม่ดีพอสำหรับตอนนี้ แต่พอเราไปถึงเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่ ฉันจะพาหนูไปหาน้องสาวหนูทันทีเลย”

    “ได้ค่ะ” มาสฟ้าพยักหน้าตอบรับ หากแต่สีหน้าและสายตาของหญิงสาวกลับราบเรียบ ยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดนั้นจนกว่าเธอจะได้เจอกับเหมือนฝัน ซึ่งจ้าวลี่หยางเองก็ไม่คิดที่จะถือโทษเด้ฏสาวที่กังขาคำพูดของเขา เพราะหากเขาเป็นเธอเขารับรองได้เลยว่านอกจากไม่ยอมเชื่อคำพูดของใครง่ายๆ แล้ว เขาจะเล่นงานทุกคนที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนในเรื่องนี้อย่างเสมอหน้า

    “เรื่องที่เราคุยกันเอาไว้ก็รอให้ถึงเซี่ยงไฮ้ก่อนแล้วกัน”

    “หนูจะไม่ให้อะไรกับคุณทั้งนั้นจนกว่าหนูจะเก็นกับตาว่น้องสาวของหนูปลอดภัยแล้วจริงๆ” มาสฟ้าเอ่ยเสียงเฉียบ ประกาศความตั้งใจอันแน่วแน่ของตัวเอง สายตาที่เหลือบมองหน้าชราคู่สนทนานั้นเย็นเยียบจนจ้าวลี่หยางต้องยอมแพ้

    การ ‘คุย’  ที่จ้าวลี่หยางหมายถึงนั่นก็คือคำทำนายที่เด็กสาวติดค้างเขาอยู่ ตั้งแต่คราวก่อนที่พวกเขาพบกัน ในครั้งแรกที่พวกเขาพบกันนั้นเธอได้มอบคำทำนายที่แม่นเสียยิ่งกว่าตาเห็นให้แก่จ้าวลี่หยาง

    มาสฟ้าทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากที่พวกเขาพบกัน มาสฟ้าบอกเขาทุกอย่างที่เขาต้องรู้ และทุกอย่างที่เขาต้องการจะรู้ทว่าเมื่อจ้าวลี่หยางถามสิ่งที่เขาลังเล ณ วันนั้น ว่าตัวเลือกที่ของผู้นำตระกูลจ้าวที่เขาเลือกไว้ในใจนั้นเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ มาสฟ้ากลับเลี่ยงที่จะตอบคำถามอย่างจงใจซึ่งทำให้จ้าวลี่หยางลังเลยิ่งกว่าเดิม

    อันที่จริงหญิงสาวนิ่งไปครู่ใหญ่พอสมควรกว่าจะยอมตอบคำถามอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จ้าวลี่หยางต้องการเลยแน่นนอนว่าเขาพยายามจะเค้นคำตอบที่ชัดเจนกว่านั้น ตามประสาคนหัวรั้นที่เคยได้ทุกอย่างอย่างที่ตนปรารถนา เขาพยายามอยู่นานทีเดียวจนเป็นฝ่ายมาสฟ้าที่ต้องยอมแพ้ และให้คำมั่นแก่เขาว่าหนึ่งปีหลังจากนั้นพวกเขาจะพบกันอีกครั้งหลัง และเมื่อวันนั้นมาถึงมาสฟ้าจะบอกคำถามที่เธอติดค้างเขาไว้

    และวันนี้ก็มาถึงวันที่เขาและเธอได้หวนกลับมาพบกันตามคำทำนาย แต่สุดท้ายจ้าวลี่หยางก็ยังไม่ได้สิ่งที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอดหนึ่งปีอยู่ เพราะหลานชายสิ้นคิดของเขาลักพาตัวน้องสาวของมาสฟ้าไป!

    “ฉันเข้าใจ...” ชายชราผงกศีรษะ ด้วยรู้ดีว่าคนของเขานั้นผิดเต็มประตู ไม่มีประโยชน์ที่จะตีโพยตีพายบังคับให้มาสฟ้ามอบทำนายให้เขาตอนนี้ อีกอย่างหากว่ามาสฟ้าไปที่เซี่ยงไฮ้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะสามารถทำนายได้ดีกว่าเดิม  “คนของฉันจะเตรียมเครื่องบินสำหรับพวกเราทันที ฉันจะพาหนูกลับไปเอาของที่โรงแรมที่หนูพักก่อน...จากนั้นก็ตรงไปสนามบินกันเลย”

    “ได้ค่ะ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” มาสฟ้าพยักหน้ารับเบาๆ อย่างขอไปที ตอนนี้เรื่องราวดำเนินไปอย่างที่เธอเห็นในนิมิตทุกอย่าง หญิงสาวจึงสามารถวางเฉยได้ และตอนนั้นเองที่ผู้หญิงอีกคนแทรกเข้ามาร่วมวงสนทนากับเธอและจ้าวลี่หยาง เป็นจ้าวเฟยหรงไม่สามารถอดทนยืนดูจ้าวลี่หยางพูดคุยกับคนที่ลูกชายเธอสนใจได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง

    แน่นอนหลังจากที่ถูกพ่อบังเกิดเกล้าของเธอกันออกไปอีกฟากของห้องอาหาร จ้าวเฟยหรงก็ซักบุตรชายของเธอ จนรู้ว่าแท้จริงแล้วมาสฟ้านั้นไม่ใช่คนรักของอู่อี้เทียน และพวกเขาก็เพิ่งเจอกัน แต่เป็นลูกชายของเธอเองนั่นแหละที่ชอบมาสฟ้าเข้าเต็มเปา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่สำหรับจ้าวเฟยหรง สำหรับคนเป็นแม่นั้นจ้าวเฟยหรงย่อมรู้ดีกว่าทุกคนว่าลูกของของเธอนั้นชอบอะไรไม่ชอบอะไร ซึ่งคงเดาได้ไม่ยากว่าสาวน้อยตาคมตรงหน้านี้เป็นทุกอย่างที่อู่อี้เทียนของเธอแพ้ทาง

    หากมองจากสายตาคนนอกหรือคนที่เคยเห็นบรรดาสาวๆ ที่อู่อี้เทียนเคยคบหานั้น ย่อมไม่มีใครคิดแบบเดียวกับเธอ แต่จ้าวเฟยหรงรู้ว่าอะไรคือเหตุผลที่อี้เทียนคบหากับสาวๆ พวกนั้น มันก็เพราะว่าเขารู้ว่าจะจัดการกับพวกเธอยังไง...อู่อี้เทียนเป็นคนฉลาดเขาไม่มีทางเลือกผู้หญิงที่เขาตกเป็นรองทุกทาง เข้ามาในชีวิตด้วยความสมัครใจเองหรอก แต่โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกเสมอใช่ไหมล่ะ...เห็นชัดๆ เลยก็คือมาสฟ้าที่โผล่พรวดเข้ามาในชีวิตของอี้เทียน โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนกระทั่งโอกาสที่จะให้ชายหนุ่มตั้งตัวยังไม่มีด้วยซ้ำ เหมือนว่าจู่เธอก็ร่วงจากฟ้าหล่นลงมาบนตักของเขา ที่ทำอะไรไม่ได้เว้นแต่หลงเธอหัวปักหัวปำ

    มาสฟ้าที่เป็นปริศนาที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ของอู่อี้เทียนคนนี้จะเป็นหายนะของลูกชายเธอ จ้าวเฟยหรงรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอสบตากับดวงตากลมโตคู่นั้น ผู้หญิงสวยที่เย็นชานิดๆ เหมือนกับไม่สนโลกหน่อยๆ คนนี้แหละ ที่เป็นจุดอ่อนทำให้ลูกชายเธอไม่ไหนไม่รอด

    “พ่อจะเอาเครื่องบินออกไปไหนคะ หนูคิดว่าพ่อจะอยู่หลายวันเสียอีก”

    “มีเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องพาหนูมาสฟ้ากลับเซี่ยงไฮ้ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” พอไม่มีลูกเขยที่เขาเกลียดขี้หน้า จ้าวลี่หยางก็สามารถพูดกับลูกสาวของตัวเองได้ปกติ และเขาก็มักจะโดนจ้าวเฟยหรงค่อนแคะเพราะเรื่องนี้อยู่เสมอว่าเขานั้นอคติ ตั้งแง่กับอู่เมิ่งหลิ่วเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง 

    “เรื่องอะไรคะทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

    “เรื่องส่วนตัว” จ้าวลี่หยางเหลือบมองหน้าหญิงสาวที่อายุน้อยสุดในวงสนทนา ก่อนจะถึงแขนเล็กของจ้าวเฟยหรง ลากลูกสาวของตัวเองออกมาหลังจากบอกมาสฟ้าด้วยน้ำเสียงที่ค่อยข้างเกรงอกเกรงใจ “แป๊บหนึ่งนะหนูมาส...”

    “ตามสบายค่ะ” มาสฟ้าไม่สนใจที่จะฟังพ่อลูกทะเลาะกันอยู่แล้ว หญิงสาวจึงตอบรับอย่างง่ายดายแล้วจึงแยกตัวไปนั่งโต๊ะว่างใกล้ๆ ก่อนถือโอกาสสั่งอาหารให้ตัวเองทีเดียวเลย พอเรื่องวุ่นวายคลายลงไปพอสมควรมาสฟ้าก็ผลันรู้สึกหิวขึ้นมา

    ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่จ้าวลี่หยางและจ้าวเฟยหรงเดินห่างออกมาไกลพอสมควร ชายชราที่ใช้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาแทนไม้เท้านั้นหยิกหมับเข้าที่หลังมือเล็ก ก่อนจะก่นด่าลูกสาวของเขาลอดไรฟันด้วยความเหลืออด

    “แกนี่มันอะไรนักหนา ตั้งแต่เล็กจนโตสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน ฉันแค่จะคุยกับหนูมาสฟ้าเขาเท่านี้ ถึงกับต้องปรี่เข้าไปขวางเหลยหรือไง เห็นคนอื่นเข้าใกล้ฉันหน่อยไม่ได้ จะเป็นจะตายหรือยังไง”

    “พ่อไม่ดูเหมือนคุยกับเด็กนั่นสักนิด เหมือนกำลังจะก้มลงไปอ้อนวอนเขามากกว่า” จ้าวเฟยหรงค้อนขวับให้ผู้เป็นพ่อของตนเอง แล้วชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งประหนึ่งรูปปั้นอยู่เบื้องหลังพวกเขา เธอรู้ว่ามาสฟ้านั้นเป็นคนสวยแต่พอได้เห็นเด็กสาวนั่งนิ่งๆ แบบไม่สนใจใครแบบนี้ มาสฟ้ากับดูสวยขึ้นกว่าเดิม สวยเหมือนไม่ใช่คน “พ่อไม่เห็นตัวเองก็พูดได้สิ”

    “ฉันเป็นงั้นเหรอ?”

    “ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้นหนูจะเข้าไปขัดคอพ่อทำไมเล่า” จ้าวเฟยหรงส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอแสดงความไม่พอใจพอเป็นพิธี ก่อนจะพยักเพยิดไปยังมาสฟ้าที่ยังนั่งนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว ว่าตอนนี้เธอได้ตกเป็นหัวข้อสนทนาของสองพ่อลูกที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “สรุปว่าหนูมาสฟ้านี่ยังไง พ่อรู้จักเขาตั้งแต่ตอนไหน”

    “นานแล้ว...”

    “แล้วรู้จักได้ยังไง พ่อไม่เหมือนคนที่จะไปคบหาเด็กคราวหลานเลย” จ้าวเฟยหรงจับสังเกตุ อีกทั้งมาสฟ้าก็ไม่ได้เหมือนผู้หญิงที่ชอบคบหาผู้ชายรุ่นที่แก่พร้อมลมโลงเหมือนพ่อของเธอด้วย จ้าวเฟยหรงจึงจินตนาการไม่ออกว่าทั้งคู่ไปรู้จักกันได้อย่างไร“แถมยังบังเอิญมาเจอกันที่นี่อีก โลกกลมไปไหม”

    “บังเอิญที่ไหนเล่า นี่น่ะหมอดูที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังไง คนที่ดุแม่นอย่างกับตาเห็นคนนั้นน่ะ”

    “หา หมอดูที่พ่อบอก...เด็กขนาดนี้เลยหรือคะ?”

    จ้าวเฟยหรงไม่มีทางลืมบทสนทนานี้ ส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะว่าธอและจ้าวลี่หยางคุยกันนับครั้งได้ แล้วพวกเขาก็คุยกันอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง อีกส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะว่าเธอเองก็สนใจเรื่องทำนองนี้อยู่พอตัว ความเชื่อที่เธอได้รับสืบทอดมาจากทั้งพ่อและแม่ซึ่งหลายครั้งต่อหลายครั้ง ที่จ้าวเฟยหรงต้องถูกและสามีของเธอค่อนแคะว่างมงายไม่เข้าท่า แต่ถึงจะถูกลูกและสามีค่อยยุแยง กระทั่งพยายามชักจูงให้เธอใช้ชีวิตด้วยการยึดเหตุผลและหลักการเป็นที่ตั้ง มันก็ไม่ส่งผลต่อความศรัทธาของเธอแม้แต่นิดเดียว

    อู่อี้เทียนได้ยินการพูดคุยของจ้าวลี่หยางและจ้าวเฟยหรงทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน และเพราะเหตุนั้นทำให้สีหน้าที่มึนตึงก่อนหน้านี้ของเขาค่อยๆ กหลายเป็นดุดัน แบบเดียวกับสายตาที่ชำเลืองมองร่างบอบบางของมาสฟ้า ซึ่งกำลังดื่มดำกับอาหารตรงหน้าอยู่อีกฟากห้องของอาหาร

    ‘หมอดูงั้นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน’

    เขาไม่สนเลยสักนิดว่ามาสฟ้าจะเป็นใครก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเป็นแม่มดที่อยู่เบื้องหลังแผนการทางยุทธศาสตร์ของธุรกิจใหญ่หลายเจ้า กระทั่งเธอจะเป็นลูกสาวของผู้ชายที่อู่อี้เทียนรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นเสือเขี้ยวลากดินแวดวงธุรกิจที่เขาทำอยู่ มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าต้องถอยห่างจากเธอ กลับกันเสียอีกยิ่งรู้ว่ามาสฟ้าเป็นใครเขายิ่งอยากรู้จักอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิม

    แต่หมอดูนี่น่ะ...เขายอมตายเสียดีกว่า

    “มาสฟ้าไม่ใช่หมอดู เธอเป็นนักธุระกิจ”  อู่อี้เทียนเอ่ยเสียงห้วน ไม่มีทางเชื่อเรื่องที่เพิ่งได้ยิน “ผมรู้จักพ่อของเขา ด็อกเตอร์คมกฤษ์ คุณเข้าใจผิดแล้ว”

    “งั้นเหรอ?”  จ้าวลี่หยางตวัดสายตามองหน้าหลายชายคนโตของตนก่อนจะยิ้มหยัน “แกรู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร ทำงานอะไรแล้วทำไมแกไม่คิดบ้างล่ะ ที่บริษัทของเขามาได้ไกลขนาดนี้ ประสบความสำเร็จแบบนี้เพราะว่าได้คำทำนายมาสฟ้า”

    “เรื่องนั้นมันไร้สาระสิ้นดี หมอดูก็คู่กับหมอเดา...หากินกับความโง่คนอื่นทั้งนั้น” อู่อี้เทียนแยกเขี้ยว เขาเกลียดหมอดูเข้าไส้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และเขาก็มีเหตุผลที่ดีพอที่ทำให้เขาเกลียดคนพวกนี้เข้าไส้เสียด้วย หากคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ง่ายๆ เขาก็ต้องบอกเลยว่าเสียใจด้วย “อยากมากก็ทำให้ชีวิตของไอ้พวกงมงายย่อยยับ ชิบหายไปตามกันเท่านั้นแหละ ไม่สร้างประโยชน์”

    “อี้เทียน...” ผู้หญิงที่งมงายไม่แพ้จ้าวลี่หยางนั้นเรียกชื่อบุตรชายหวังปราม ความปากร้ายของเขานั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่จ้าวเฟยหรงนึกเสียใจ ที่เขาได้รับความสามารถพิเศษส่วนนี้ไปจากเธอ

    “ถอนทำพูดแกซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน” ชายชราที่ใช้คำทำนายชี้นำชีวิตมาตลอด ซึ่งหลายครั้งเขาก็รู้สึกเสียใจที่ทำเช่นนี้ อดรู้สึกหน้าชาเพราะคำพูดของหลานชายไม่ได้ และเรื่องที่เขาเสียใจที่สุดก็คือการเรียกซินแซมาทำนายดวงชะตาให้อู่อี้เทียน ครั้งที่เขาอายุได้เพียงไม่กี่ขวบ คำทำนายที่ว่าเด็กชายจะเติบโต เก่งกาจและเปี่ยมไปด้วยอำนาจสมกับเป็นทายาทคนแรกของตระกูล-และจำจากไปด้วยอายุยังน้อย

    คำทำนายที่ทำให้เขาสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวและหลานชายคนโตไป

    “ผมไม่ถอน ผมจะพูด ใครมันจะทำไม!”

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×