ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #27 : ตั้งใจมา

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 65


    สำหรับอู๋อี้เทียนนั้นเขาหากถามว่ามีสิ่งที่เขาเกลียดรองกว่าการดูดวงและพวกหมอดูคืออะไร นั่นก็คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ หากเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ดี อู่อี้เทียนก็พอที่จะบอกให้ตัวเองหลับหูหลับตายอมรับมันไปได้ แต่นี่กลับไม่ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้สำหรับเขามันยิ่งกว่าคำว่าเลวร้ายเสียอีก

    สถานการณ์ตอนนี้มันทั้งอึดอัด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกชนิดที่ว่าหากทำได้อู่อี้เทียนก็อยากจะกลั้นใจตายเพื่อหนีปัญหาไปซะจบๆ

    ทั้งที่ความตั้งใจก่อนหน้านี้อู่อี้เทียนแค่ต้องการพามาสฟ้ามาที่โรงแรมเพื่อพูดคุยกัน ถามเธอว่าเธอนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับจ้าวเวยหลง ทำไมจ้าวเวยหลงจึงต้องสั่งให้คนสะกดรอยตามเธอด้วย หรือหากเธอต้องการความช่วยเหลือจากเขาอู่อี้เทียนก็แสนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ สำหรับเขาแล้วแค่ให้ได้ขัดขาจ้าวเวยหลงนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นเรื่องน่ายินดีทั้งนั้น

    แต่เรื่องมันกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่อู่อี้เทียนคิดเอาไว้ แค่หวนคิดถึงบทสทนาบนรถกระทั่งตอนนนี้ อู๋อี้เทียนก็แทบไม่อยากจะจินตนาการหลังจากนี้จะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ลำพังแค่ลองคิดเล่นๆ ดูเสี้ยววิเขาก็รู้สึกพรั่นพรึ่งจนขนหัวลุก ไม่อยากทำตัวเองขายหน้าหรือทำให้คนข้างตัวเกลียดขี้หน้าเขาไปเสียก่อน โชคยังดีที่เมื่อมาถึงโรงแรมทั้งเขาและมาสฟ้าก็ไม่ถึงขั้นเกลียดขี้หน้ากันเพราะหากเป็นอย่างนั้นเรื่องมันคงจะยากและซับซ้อนกว่าที่เป็นอยู่แน่ๆ

    ยิ่งถ้าพูดกันตามตรงอี้เทียนรู้สึกว่าเขานั้นถูกใจมาสฟ้าอย่างมาก มากชนิดที่ว่าเขากล้าจนบ้าพอที่จะประกาศว่าเขาตั้งใจจะนอนกับเธอเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เขาทำบ่อยนัก อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยเลยด้วยซ้ำ...ตอนนี้เองแค่เขายกมือถือมาตอบข้อความบรรดาสาวๆ ในลิสต์ อี้เทียนมั่นใจว่าในจำนวนสาวๆ พวกนี้ต้องมีสักคนสองคนที่ยินดีจะขึ้นเตียงกับเขาตอนนี้เลย แม้จะฟังดูเลวและหลงตัวเองไปสักหน่อยแต่อี้เทียนมั่นใจว่าหากเขาเสนอออกไปอย่างที่ใจคิดจริงๆ ก็มีคนที่พร้อมจะตอบสนอง

    ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไร แผนการที่อู่อี้เทียนคิดเอาไว้ในหัวว่าจะหว่านล้อมมาสฟ้าอย่างไร หรือจะใช้วิธีไหนเพื่อที่จะทำให้เธอใจอ่อน ความคิดเขาก็ถูกหยุดไว้เพียงเท่านั้น ณ วินาทีที่เขาและมาสฟ้าเข้ามาในโรงแรม ผ่านประตูมาถึงหน้าร้านอาหารที่เป็นจุดหมายปลายทางในหัวของเขามาได้เพียงไม่กี่อึดใจ อู่อี้เทียนก็จ๊ะเอ๋เข้ากับคนที่เข้าไม่อยากเจอหน้าที่สุดเข้าอย่างจัง พวกเขาประจันหน้ากันชนิดท่ีว่าแม้อยากจะหลบเลี่ยงก็ไม่สามารถทำได้

    “อี้เทียน...”

    เสียงหวานหยดของสุภาพสตรีท่านหนึ่งขานเรียกชื่อชายหนุ่มดังมาแต่ไกล ทำให้มาสฟ้าต้องเอี้ยวตัวหันมองไปยังทิศทางเดียวกับต้นเสียง จึงยังไม่ทันเห็นหน้าพิพักพิพ่วนของเจ้าของชื่อ ไม่ถึงนาทีถัดมาตรงหน้าของอู่อี้เทียนและมาสฟ้าก็ปรากฏร่างของจ้าวเฟยหรง ที่ยิ้มกว้างอวดฟันขาวสะอาดทุกซี่ โดยด้านหลังของหล่อนนั้นติดตามมาด้วยร่างสูงของสามีที่จ้องลูกชายและหญิงสาวปริศนา ผู้ที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วยสายตายินดีระคนล้อเลียน สีหน้ากรุ้มกริ้มของพ่อและแม่ทำให้อู่อี้เทียนผุดภาพตัวเองสมัยเด็กตอนที่โดนพ่อแม่จับได้ว่าเขาทำเรื่องหน้าอายเข้าโดยบังเอิญ

    “อย่าครับ มันไม่ใช่อย่างที่พ่อแม่คิด” ชายหนุ่มตกที่นั่งคนกลางโดยไม่ตั้งใจนั้นไม่ปล่อยให้พ่อกับแม่ของเขาได้จินตนาการไปไกล อู่อี้เทียนก็ชิงยกมือเชิงห้ามเมื่อเห็นว่าจ้าวเฟนหรงผู้เป็นมารดาทำท่าว่าจะพุ่งเข้ามาประชิดตัวมาสฟ้า โชคดีที่เขาชิงเอ่ยปรามพ่อแม่ของเขาด้วยน้ำเสียงซังกะตายไว้ก่อน เมื่อเห็นท่านชะงักอู่อี้เทียนจึงถือโอกาสอธิบาย พร้อมกับแนะนำหญิงสาวข้างตัวให้จ้าวเฟยหรงและอู่เมิ่งหลิวได้รู้จัก “นี่แขกของผมครับ มาสฟ้า มาสฟ้าครับนี่พ่อกับแม่ของผม”

    “สวัสดีจ๊ะมาสฟ้า เราไม่เคยเจอแฟนอี้เทียนมาก่อนเลย” จ้าวเฟยหรงพุ่งตัวเข้ามาหาร่างบอบบางข้างตัวของบุตรชาย ไม่สนใจฟังคำว่า ‘เพื่อน’ ที่ลูกชายพูดเธอสักเท่าไหร่ ซ้ำยังอาศัยจังหวะที่มาสฟ้ายังงงๆ อยู่นั้นฉวยมือเล็กของเด็กสาวขึ้นมาจับแน่น ก่อนจะเขย่าเบาๆ ด้วยท่าทางตื่นเต้น พอๆ กับสายตาที่เปล่งประกายที่มองเด็กสาว “ดีจริงๆ ที่เราเจอกัน”

    “แม่..”

    อู๋อี้เทียนปรามมารดาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังอย่างที่ควร คล้ายทำไปเพราะต้องการแก้เก้อเสียมากกว่าแก้ไขความเข้าใจผิดจริงๆ จังๆ และท่าทางปฏิเสธอันแสนไม่จริงจังของลูกชายนั้นทำให้จ้าวเฟยหรงและอู่เมิ่งหลิวพอจะคาดเดาเรื่องราวได้เลาๆ ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและมาสฟ้า ซึ่งนั่นยิ่งทำให้รอยยิ้มของพวกเขาขยายกว้างยิ่งกว่าเดิม นึกเอ็นดูอู่อี้เทียนที่เสียอาการเพราะแม่สาวน้อยคนสวยตรงหน้าพวกเขา ใจหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมว่าผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายของพวกเขาไปไม่เป็นขนาดนี้ แท้จริงแล้วเป็นใครและนิสัยใจคออย่างไรกันแน่

    “ฉันชื่อเฟยหรงจ้ะ แม่ของอี้เทียน ส่วนนี่สามีของฉันเอง” ว่าแล้วก็ผายมือไปยังร่างของอู่เมิ่งหลิวก่อนจะหันกลับมาสนใจมาสฟ้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องเกร็งนะจ๊ะ พวกเราใจดี”

    “ของแบบนี้มันต้องให้คนอื่นพูดไหมคุณ” อู่เมิ่งหลิ่วที่ยืนดูทุกอย่างเงียบๆ มาครู่ใหญ่ออกปากค้านภรรยา น้ำเสียงที่เขาใช้เอ่ยก็ไม่ได้จริงจัง บอกให้มาสฟ้ารู้ได้เป็นนัยๆ ว่าครอบครัวนี้แท้จริงใครเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ นั้นน่าจะเป็นจ้าวเฟยหรง ผู้เป็นภรรยา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเพราะครอบครัวของเธอเองคนที่เป็นช้างเท้าหน้าที่แท้จริงแล้วก็คือแม่ ส่วนพ่อนั้นมีหน้าที่เพียงตามใจแม่แล้วก็ดูแลพวกเธอที่เป็นลูกเท่านั้น “ปล่อยมือก่อนดีไหม ไปจับเขาอย่างนั้นเด็กมันก็เกร็งหมด”

    “ไม่เป็นไรสักหน่อย “แต่มีหรือที่อดีตคุณหนูตระกูลจ้าวจะยอมทำตามง่ายๆ เจ้าหล่อนชักสีหน้าใส่สามีผู้หัวโบราณกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของตัวเอง แล้วจึงหันขวับมาหาผู้หญิงอีกคนในวงสนทนาเพื่อถามความเห็น ทว่ามาสฟ้ากลับรู้สึกว่าท่านหันมาหาเธอเพราะต้องการจะหาพวกมากกว่าที่จะอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ “ใช่ไหมจ้ะ หนูไม่ถือเรื่องนี้ใช่ไหม เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

    “เอ่อ...หนูไม่...”

    “แม่ครับ มาสฟ้าเขาเพิ่งมา ทำแบบนี้เขาตกใจแย่” อู่อี้เทียนที่เห็นสีหน้าลำบากใจของมาสฟ้า จึงพยายามช่วยหญิงสาวให้รอดจากเงื้อมมือของผู้เป็นมารดาอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าจะรู้ว่าความพยายามของเขาไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ก็ตามที

    “ตกใจอะไร แม่น่ากลัวเหรอ” คราวนี้แม้ต่อให้อู่อี้เทียนอยากจะตอบว่า ‘น่ากลัว’ ก็ยังต้องหุบปากฉับก่อนจะแสร้งมองเท้าตัวเองด้วยความรวดเร็ว เมื่อเจอกับสายตาคมกริบที่ผู้เป็นมารดาตวัดมองมาทางเขา

    “เปล่าเลยค่ะ ไม่ได้น่ากลัวเลยค่ะ” มาสฟ้ารีบชิงตอบก่อนที่สถานการณ์มันจะแย่ลงไปกว่านี้ จึงทำให้สีหน้าของจ้าวเฟยหรงดีขึ้นมาผิดหูผิดตาโดยที่ไม่รู้เลยว่าความใจอ่อนของเธอนั้นมันยิ่งเข้าทางคุณนายอู่คนสวยไปเต็มๆ

    “เห็นไหม บอกแล้ว พวกนี้น่ะคิดมาก” ว่าแล้วคุณนายอู่คนสวยก็เชิดหน้า ในลำคอส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะคล้องท่อนแขนเสลาเข้ากับท่อนแขนเล็กของมาสฟ้าอย่างสนิทสนมไม่ใช่คนที่เพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก

    ความสนิทชิดเชื้อที่อีกฝ่ายมีให้นั้นทำให้มาสฟ้ารู้สึกประดักประเดิดทั้งยังรู้สึกประหม่า ไม่รู้ว่าเธอควรจะวางตัวเช่นไรดี พอหันไปมองหน้าอู่อี้เทียนหวังจะขอความช่วยเหลือจากเขาอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบาๆ อย่างอับจน เชิงว่าเขาเองก็จนปัญญาไม่ต่างจากเธอนัก มาสฟ้าจึงรู้ว่าตอนนี้เธอหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว หากต้องการรอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณนายอู่เธอก็พึ่งตัวเองเท่านั้น

    หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติกลับมาหาตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันหญิงสาวก็พยายามเรียบเรียงภาพต่างที่ประดังประเดเข้ามาในหัวไม่หยุดไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากทีเดียวแม้จะเป็นเธอผู้รับมือกับเรื่องเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

    ภาพของสุภาพสตรีที่แสนมีชีวิตชีวาเช่นจ้าวเฟยหรง กำลังร่ำไห้อย่างคนที่หัวใจสลายภายในงานศพของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอนั้น ต่อให้มาสฟ้าจะเห็นอนาคตมามากมายแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถทำใจให้ชินกับสิ่งที่เห็นในนิมิตได้ ยิ่งอีกฝ่ายสัมผัสเธอใกล้ชิดแบบนี้แล้วด้วย...ภาพที่ว่าก็ยิ่งชัดเจนขึ้น มันชัดเจนจนมาสฟ้ารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก รู้สึกราวว่าเธอเองก็กำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของการสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิตไปไม่ต่างจากจ้าวเฟยหรงในภาพนิมิต

    แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้มาสฟ้ารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่คลาย การสูญเสียไม่เคยเป็นเรื่องดีก็จริง แต่ก็ไม่มีการเห็นนิมิตครั้งไหนที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจได้เท่าภาพงานศพของอี้เทียน...แต่ทำไมกันล่ะ

    “หนูนั่งข้างฉันดีไหมจ้ะ หรือว่าอยากนั่งข้างอี้เทียนเขา”

    “ข้างคุณป้าก็ได้ค่ะ” มาสฟ้าดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ กะพริบตาสองสามครั้งเพื่อทวนคำถามของจ้าวเฟยหรงในหัวก่อนจะเอ่ยตอบ โดยไม่ได้หันไปถามความเห็นจากผู้ชายทั้งสองคนที่เดิมตามหลังมาติดๆ มาสฟ้าจึงไม่ได้เห็นความเสียดายในแววตาของอู่อี้เทียน

    “ดีเลยจ้ะ” จ้าวเฟยหรงว่าขณะยิ้มกว้างด้วยความสุขใจเต็มพิกัด เรื่องการที่เจอผู้หญิงที่อู่อี้เทียนคบหาอยู่นั้นไม่ด้เกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นเรื่องที่ผู้หญิงพวกนั้นอยากจะนั่งข้างธอหรือกระทั่งแค่เข้าใกล้เธอก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการที่สาวตาคมข้างๆ ไม่รังเกียจที่จะนั่งข้างเธอ จึงถูกใจจ้าวเฟยหรงอย่างมาก “ร้านนี่เป็นร้านโปรดของพวกเราเลยนะ รู้ใช่ไหม”

    “อย่างนั้นหรือคะ?” มาสฟ้ายิ้มพราย พยายามตอบคำถามของอีฝ่ายให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยรู้ดีว่าหากเธอพูดมากไปจะทำให้เรื่องที่ยุ่งยากอยู่แล้วยุ่งยากขึ้นไปอีก

    “ผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนน่ะครับ” เสียงห้าวของอู่อี้เทียนแทรกมา ขณะที่เขาดึงเก้าอี้ให้มาสฟ้า โดยที่จ้าวเฟยหรงนั้นมีสามีสุดที่รักของเธอคอยบริการ ก่อนที่ศรีภรรยาของเขาจะได้ขยับตัวเสียอีก...คล้ายกับว่าอู่เมิ่งหลิ่วทำมันบ่อยจนการดูแลจ้าวเฟยหรงนั้นได้ฝังอยู่ใต้จิตสำนึกของเขาเรียบร้อยแล้ว “คิดว่าที่นี่ปลอดภัยก็เลยพามาสฟ้ามา แต่ก็เจอพ่อกับแม่เข้าเสียก่อน”

    “เราชอบที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยหรอกนะ” อู่เมิ่งหลิวพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่อยากให้มาสฟ้าขวัญเสีย ซึ่งหญิงสาวรู้สึกของคุณในความพยายามของเขามากจริงๆ แม้ว่าเธอจะพอรู้เรื่องของครอบครัวเขามาก่อนแล้วแต่กับนับว่าเธอนั้นยังรู้เพียงผิวเผิน ไอ้คำว่าผิวเผินนั้นมาสฟ้ารวมไปถึงเรื่อง ‘ความซับซ้อน’ ของการดำรงของของครอบครัวเขาและเส้นทางการทำธุระกิจแสนน่าสนใจของอู่อี้เทียนนั่นก็ด้วย “ที่นี่อยู่ตรงกลางระหว่างบ้านของอี้เทียนกับบ้านของเราพอดีสะดวกเวลานัดกัน อีกอย่างอาหารก็อร่อย”

    “ดีจังเลยนะคะ ไว้หนูจะเอาวิธีนี้ไปเลือกร้านอาหารเวลานัดกับที่บ้านบ้าง” คนอายุน้อยที่สุดสบตากับอู่เมิ่งหลิ่ว ขอบคุณท่านทางสายตาซึ่งท่านเองก็น่าจะรับรู้ได้ เพราะสายตาที่จ้องตอบเธอมานั้นเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูและเมตตา พ่วงความเข้าอกเข้าใจคล้ายกับว่าท่านเห็นว่าเธอนั้นเป็นผู้ร่วมชะตาเดียวกันกับเขาอย่างเป็นทางการแล้ว

    “ที่บ้านหรือจ้ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวเฟยหรงก็เปรียบเสมือนได้สิทธิ์ซักไซ้เรื่องส่วนตัวของ (คนที่เธอเข้าใจว่าเป็น) แฟนลูกชายได้เต็มที่ “หนูไม่ได้อยู่กับที่บ้านเหรอ?”

    “หนูอยู่กับน้องสาวค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่อยู่อีกที่” เช่นเคยมาสฟ้าตอบคำถามเท่าที่จำเป็น สั้นและตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะนี่เป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับเธอในการหลีกเลี่ยงปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นจากการพูดมากเกินจำเป็น

    พูดน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี...คุณทวดของเธอ ท่านสอนมาสฟ้าเอาไว้เช่นนั้น หลังจากที่ท่านรับรู้ว่าหลายสาวคนโตนั้นรับรู้ ‘อะไรๆ’ ได้มากกว่าคนอื่นเขา

    ‘รู้อะไรก็เงียบเอาไว้ อย่าพูดมาก...ไม่ใช่ทุกคนเขาหวังดีกับเราหรอกเจ้ามาส รู้ไหม?’

    “น้องสาวหรือจ้ะ อายุเท่าไหร่ล่ะ เอ๊ะ ไม่สิต้องถามก่อนว่าหนูน่ะอายุเท่าไหร่แล้วห่างจากน้องสาวกี่ปี”

    “ปีนี้ยี่สิบเจ็ดค่ะ น้องสาวก็อายุเท่ากันค่ะ” มาสฟ้าตอบยิ้มมๆ เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของทุกคนในโต๊ะ รอยยิ้มของมาสฟ้าก็ขยายกว้างขึ้นด้วยคาดไว้อยู่แล้วว่าจะได้รับสีหน้าเช่นนี้จากพวกเขา

    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เธอพูดเรื่องนี้มาสฟ้าก็มักจะได้รับสีหน้าและแววตาสับสนเช่นนี้จากคู่สนทนาเสมอ ก่อนหญิงสาวจะเฉลยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ที่ทำให้คิ้วของอู่อี้เทียนขยับสูงขึ้นด้วยคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย “เป็นฝาแฝดค่ะ”

    “อ้อ...” เป็นจ้าวเฟยหลงที่ร้องออกมา พร้อมกับสีหน้าเข้าใจของทุกคนเมื่อมาสฟ้าอธิบาย เรื่องที่หญิงสาวมีฝาแฝดนั้นแม้ว่าจะชวนให้แปลกใจอยู่บ้าง แต่มันก็ได้แปลกเกินว่าท่ีจะทำความเข้าใจ “มีแค่น้องสาวหรือจ้ะ แค่สองคนที่พี่น้อง?”

    “ค่ะ มีแค่พวกเรา” มาสฟ้าพยักหน้ารับเบาๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ทำให้บทสนทนาพลันชะงักลงไปดื้อๆ และนั่นพลอยทำให้ทุกคนในโต๊ะรู้สึกอัดอัดขึ้นมา เว้นแต่จ้าวเฟยหรงที่ยังทำหน้าครุ่นคิดอยู่ คล้ายกับว่าเธอกำลังลังเลว่าควรจะเอ่ยถามคนรักของลูกชายดีไหม แต่สุดท้ายเธอก็โพล่งคำถามอีกชุดออกไปอยู่ดี

    “อี้เทียนบอกว่าหนูเพิ่งมาใช่ไหมจ้ะ แล้วนี่พักอยู่ที่ไหนหรือ แล้วจะอยู่อีกหลายวันหรือเปล่า...นี่ถ้าอยู่หลายวันไปพักบ้านเราได้นะ”

    “หนูมาเจอคนรู้จักค่ะ พักอยู่ที่โรงแรมอีกที่ค่ะคงไม่รับกวนคุณน้า อีกอย่างหนูก็ที่นี่อีกแค่อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วค่ะ” มาสฟ้าตอบเพียงสั้นๆ เช่นเดิม รอยยิ้มแกนๆ ของเธอทำให้ผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะนั้นเข้าใจได้ว่าหญิงสาวไม่สะดวกที่จะบอกอะไรมากกว่านี้ ซึ่งพวกเขาก็ฉลาดและใจดีพอที่จะปล่อยเธอไป ไม่คาดคั้นเอาคำตอบแม้ว่าจ้าวเฟยหรงจะยังมีเรื่องที่อยากรู้อยู่ก็ตาม

    “แม่ครับ เราสั่งอาหารกันก่อนดีไหม?” อู่อี้เทียนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมาสฟ้าเอาไว้ ก่อนที่แม่ของเขาจะทำให้หญิงสาวอึดอัดไปมากกว่านี้ “หิวหรือยังครับมาสฟ้า”

    “สั่งเลยก็ได้ค่ะ” ถึงแม้ว่ามาสฟ้าไม่ได้รู้สึกอยากอาหารแม้แต่นิดเดียว แต่เธอก็ยอมรับความช่วยเหลือจากอู่อี้เทียนแต่โดยดี แม้กระทั่งอู่เมิ่งหลิวที่สังเกตุเด็กสาวผู้ที่บุตรชายของเขาแสดงออกว่าสนใจเป็นพิเศษ ก็ยังต้องลอบเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่ามาสฟ้ายอมโอนอ่อน คล้อยตามอู่อี้เทียนอย่างง่ายดาย...ท่างว่าง่ายของมาสฟ้านั้นไม่ใช่แบบผู้หญิงที่อู่อี้เทียนเคยคบหามาเท่าไหร่ ปกติเจ้าตัวแสบของเขาจะชอบผู้หญิงที่พยศหน่อยๆ รั้นและไม่ยอมเชื่อฟังใคร ผู้หญิงที่ท้าทายให้คนอยากเอาชนะ...แบบนั้นต่างหากที่มักจะดึงดูดอู่อี้เทียน

    แต่สำหรับเด็กสาวตรงหน้าเขาคนนี้...ตรงข้ามสิ่งที่อู่เมิ่งหลิวเคยคิดว่าเป็นสเปคของลูกชายชอบมาตลอด เรียกว่าแทบจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ มาสฟ้าจากที่เขาเห็นนั้นทั้งเงียบขรึมจนเกือบจะเป็นคนเย็นชาในความรู้สึกของอู่เมิ่งหลิว ที่สัมผัสได้ตลอดตั้งแต่เจอหน้าจนพูดคุยกันเล็กน้อย แม้จะอยู่ใกล้กันแค่นี้อู่เมิ่งหลิวกลับรู้สึกว่ามาสฟ้านั้นเหมือนคนละโลกกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง...

    จากสายตาของคนที่ผ่านโลกมามาก ผู้ที่มีภรรยาเป็นถึงอดีตคุณหนูคนโตของตระกูลจ้าว อู่เมิ่งหลิวกล้าพูดเลยว่าจากเห็นเด็กสาวตาคมตรงหน้าเขาก็พอจะบอกได้ว่าเด็กคนนี้เงียบดูไม่มีพิษมีภัยหากเนื้อแท้นั้นกลับฉลาดเป็นกรด ดูจากสายตาคมกริบนั่นปะไร...

    แต่กระนั้นมาสฟ้าก็ยิ้มอ่อนหวานซึ่งไม่ต่างจากกับดักล่อให้คนมาติดกับ มาสฟ้าเปี่ยมไปด้วยอันตรายที่เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ บอกได้แค่ว่าทุกครั้งที่เขาสบตากับมาสฟ้าเขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอันเป็นปริศนา ที่ชวนให้อยากรู้เกินกว่าจะห้ามใจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเธอ รู้ว่าต้องหนีห่างแต่ก็อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง หรือว่านี่เป็นสิ่งอู่อี้เทียนกำลังรู้สึก สิ่งที่ดึงดูดลูกชายของเขาทำให้อู่อี้เทียนไปไม่เป็นคือสิ่งนี้?

    อย่างที่เขาบอกว่ามาสฟ้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนเทพีแห่งความตาย ที่สามารถมองทะลุผู้คนไปถึงจิตวิญญาณ คล้ายกับว่าเพียงหล่อนตวัดสายตามองหล่อนก็จะรู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ น่าเกรงขามและก็น่ากลัวในขณะเดียวกัน

    “คุณชอบอาหารแบบไหนเป็นพิเศษไหม นี่ถิ่นผม ผมแนะนำให้ได้นะ” อู่อี้เทียนรีบเสนอตัว พร้อมกับรอยยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ปรากฎบนหน้าหล่อเหลา เป็นยิ้มที่ทำให้มาสฟ้าละความสนใจจากการจ้องหน้าอู่เมิ่งหลิ่วไปมองเขาได้

    “ไม่มีค่ะ ฉันไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ”

    “แมงกะพรุนก็ไม่ชอบเหรอ” อี้เทียนถามทะเล้น แต่กลับทำให้มาสฟ้าถึงกับต้องเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม ตามด้วยการถลึงตามองคนร้ายกาจที่กล้าเกี้ยวพาเธอซึ่งหน้าทั้งที่พ่อแม่ของเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายเลยจริงๆ “น่าจะลองชิมดูนะครับ ไม่แน่ว่าลองแล้วอาจจะชอบก็ได้”

    “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่เคยกิน เดี๋ยวจะท้องเสีย”

    มาสฟ้าไม่ยอมหลงกลคนเจ้าเล่ห์ยอมให้เขาได้สมใจง่ายๆ อีกทั้งยังดักทางคนเจาชู้จ้องเขาด้วยสายตารู้ทันทว่าอู่อี้เทียนกลับไม่สะทกสะท้าน หรือละอายใจที่มาสฟ้ารู้ทันแฝนการจีบเธอซึ่งหน้าของเขา ก็แล้วทำไมเขาต้องอับอายด้วยล่ะในเมื่อเขาอยากให้เธอรู้ว่าเขากำลังจีบเธออยู่

    “ลูกชอบแมงกะพรุนตั้งแต่เมื่อไหร่” จ้าวเฟนหรงขมวดคิ้ว ก้มมองเมนูอาหารในมือด้วยเธอค่อนข้างมั่นใจว่าร้านประจำของครอบครัวไม่มีแมงกะพรุนในเมนู “ร้านนี้มีเมนูแมงกะพรุนตั้งเมื่อไหร่กัน ไม่เห็นจำได้เลย”

    “สั่งเหมือนเดิมไหมครับ” อู่เมิ่งหลิวที่พอเดาเรื่องราวที่ลูกชายและแขกคนสวนของเขากำลังจีบกันมากกว่าที่จะคุยเรื่องแมงกะพรุนจริงจัง เอื้อมมือไปแตะหลังมือของภรรยาเรียกความสนใจของจ้าวเฟนหรงมาที่ตัวเอง พลอยทำให้เธอหมดความสนใจในเจ้าแมงกะพรุนเจ้าปัญหาไปโดยปริยาย “หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษ”

    “ฉันอยากกินหลายอย่าง...” จ้าวเฟยหรงพึมพำ พลางพลิกหน้าเมนูในมือไปพร้อมกัน “เราสั่งหลายๆ อย่างดีไหมคะ หนูมาสฟ้าเขามาที่นี่เป็นครั้งแรกให้เขาลองหลายๆ อย่าง”

    “ตามใจคุณ” อู่เมิ่งหลิ่วตกปากรับคำภรรยา การที่ท่านเอาอกเอาใจภรรยาเหมือนกับคู่รักที่เพิ่งแต่งงานนั้นทำให้มาสฟ้ามีรอยยิ้มชื่นชมบนใบหน้า ทำให้อู่เมิ่งหลิ่วที่เห็นว่าเธอกำลังยิ้มเพราะเห็นเขาจู๋จี๋กับภรรยานั้นขยิบตาเบาๆ ส่งให้มาสฟ้าคล้ายกับบอกว่าเรื่องนี้เราสองคนรู้กันเงียบๆ ก็พอ ความรู้สึกปลอดภัยแสนขี้เล่นจากชายที่อาวุโสทำให้มสฟ้าคลายความรู้สึกเกร็ง และไม่เป็นตัวเองที่มักจะเกิดขึ้นยามที่เธอเจอผู้คนเป็นครั้งแรกลงไปกว่ากว่าครึ่ง อันที่จริงตอนนี้มาสฟ้าก็แทบจะเป็นตัวของตัวเองร้อยเปอร์เซ็น เพราะอู่อี้เทียนเองก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเวลาที่อยู่กับเขาไม่ต่างกัน

    “คุณแพ้อะไรหรือเปล่าครับมาสฟ้า” เสียงห้าวของคนในความคิดทำให้มาสฟ้าต้องหวนกลับมาสนใจเมนูอาหารในมือปากงามค่อยเม้มเข้าหากันแน่นอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก พร้อมกับที่มุมปากของอู่อี้เทียนขยับยกเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ ที่ทำให้พ่อและแม่ของเขาหันมองหน้ากันพร้อมใจ ปราศจากคำพูดแต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมรู้ไส้รู้พุงลูกชายของตัวเองดีที่สุด “ถ้าไม่กินอะไรก็บอก...ชิบ-!”

    คำสบถอย่างหงุดหงิดจากอู้อี้เทียนที่เกิดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นทำให้บรรดาคนในโต๊ะนั้นหันขวับไปมองอี้เทียนเป็นตาเดียว ทั้งสบสนและตกใจโดยเฉพาะกัยมาสฟ้าที่กำลังจดจ่อกับรายชื่ออาหารต่างๆ อยู่

    อู่อี้เทียนหลุดเสียงสบถก่อนจะขบกรามเข้าหากันแน่นอย่างไม่สบอารมณ์จนมาสฟ้ามองเห็นเส้นเลือกที่ลำคอหนาของเขาค่อยๆ ปูดโปนขึ้นมา บอกชัดว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร แต่อะไรล่ะที่ทำให้อี้เทียนโกรธเป็นฟืนเป็นไปได้ในเสี้ยววินาทีแบบนี้

    สายตาที่คอยชำเลืองมองมาสฟ้าอย่างหวานเชื่อมตลอดการสนทนานั้นแปรเปลี่ยนขุ่นขวาง ทำให้ทุกคนในโต๊ะต้องหันไปมองหาสาเหตุที่ทำให้อารมณ์โกรธของอี้เทียนปะทุขึ้นมา และก็ไม่ยากเพียงกวาดสายตาไปทั้งจ้าวเฟยหรงกับสามี กระทั่งมาสฟ้าเองก็เห็นผู้ที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อู่อี้เทียนสบถหยาบคายออกมา

    เป็นจ้าวลี่หยาง...พ่อของจ้าวเฟยหรงและตาของอี้เทียนนั่นเองที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าบอดี้การ์ดนั้นเองที่เป็นสาเหตุชายชราที่อยู่ในวงล้อมของเหล่าบอดี้การจำนวนมากนั้นเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเขา สายตาเหยี่ยวนั้นแม้จะฝ้าฟางไปเล็กน้อยเพราะกาลเวลา แต่กลับไม่เคลื่อนไปจากใบหน้าอันแสนคุ้นเคย ใบหน้าที่อยู่ในความทรงจำของเขามาตลอด

    จ้าวลี่หยางก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วยความช่วยเหลือจากไม้เท้าคู่กาย แต่ก่อนที่เขาจะถึงร่างระหงของผู้ที่เขาตั้งใจจะมาพบหน้า เขาก็ถูกขัดขวางไว้โดยร่างกำยำของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานชาย ทั้งอู่อี้เทียนและอู่เมิ่งหลิว...สองพ่อลูกรีบก้าวเข้ามาขวางโดยใช้ตัวของพวกเขาขงางกั้นระหว่างจ้าวเฟยหรงและจ้าวลี่หยาง

    ทำให้ชายเหี่ยวย่นของชราเผลอชักสีหน้า แล้วตวัดตามองหลานนอกคอกและลูกเขยที่เขาไม่เคยชอบขี้หน้าด้วยความรำคาญใจ

    “อย่ามขวาง ฉันไม่ได้จะมาหาเรื่อง” จ้าวลี่หยางเอ่ยลอดไรฟัน ทั้งที่ตาขุ่นขวางยังตรึงอยู่ที่หน้าอู่อี้เทียนและอู่เมิ่งหลิ่วอยู่ไม่คลาดไปไหน เมื่อหนุ่มบ้านอู่ทั้งสองไม่ยอมขยีบจ้าวลี่อยางจึงออกคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าเดิม “หลีกไป”

    “เรานัดกันตอนเย็นไม่ใช่หรือครับคุณพ่อ” อู่เมิ่งหลิวเป็นคนเดียวที่สามารถยิ้มรับสายตาและน้ำเสียงไม่เป็นมิตรจากจ้าวลี่หยางได้ ขณะที่ผู้ซึ่งมีสายเลือดตระกูลจ้าวสองคนอย่างจ้าวเฟยหรงและอู่อี้เทียน ทั้งคู่ต่างจ้องตอบชายชราด้วยสายตาและสีหน้าเป็นอริแบบเดียวกัน โดยเฉพาะกับอู่อี้เทียนที่แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ยินดีกับการพบหน้ากันครั้งนี้มากกว่าใครเพื่อน

    แต่จ้าวลี่หยางเองก็ดูไม่สนใจว่าบรรดาลูกหลานของเขาจะรู้สึกอย่างไรกับการปรากฏตัวของเขา อันที่จริงอดีตผู้นำตระกูลจ้าวนั้นไม่แยแสด้วยซ้ำว่าจ้าวเฟยหรงและครอบครัวของเธอจะคิดอย่างไรต่อเรื่องนี้

    เพราะเหตุผลที่เขาปรากฏตัวในวันนี้คือบอบบางของสาวน้อยตาคมที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของอู่อี้เทียน มาสฟ้ายังคงสวยงามและเป็นปริศนาแสนลึกลับที่แม้แต่จ้าวลี่หยางก็ยังไม่สามารถไขปริศนาที่ว่านั้นได้

    “หนูบอกฉันว่าเราจะเจอกันอีกอีกที่นี่” มือเหี่ยวย่นของจ้าวลี่หยางยื่นผ่านใบหน้าตกตะลึงของอู่อี้เทียนไปยังหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเขา ท่ามกลางความสับสนและตะลึงงันของคนครอบครัวอู่ทั้งครอบครัว “หนูไม่ได้โกหกฉันจริงๆ ด้วย เราเจอกันอีกจริงๆ”

    “ใช่ค่ะ เราเจอกันแล้ว”


     


     

    เอ่ออออออ คือความจริงแล้วคุณมาสเขาก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนเลยนะคะ เพราะหนยางยังอีกยาวไกลค่ะ นี่แค่เริ่มต้น // จิบเหล้าย้อมใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×