คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ช่วยเหลือ
ความรู้สึกปวดแปล๊บที่ข้อมือ ทำให้เหมือนฝันเผลอชักสักหน้าด้วยความรำคาญใจ หลังวางสายจากพี่สาวเหมือนฝันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ยังเหลือความรู้สึกหงุดหงิดตกค้างอยู่บ้าง เมื่อคิดว่าตอนนี้พี่สาวของเธอกำลังใกล้ชิดกับผู้ชายคนหนึ่ง ต่อให้มาสฟ้าจะยืนยันว่ารู้จักเขามาก่อนและสามารถไว้ไว้ใจได้ก็ตาม แต่สำหรับคนที่มักจะอยู่ข้างกายพี่สาวจนแทบจะกลายเป็นเงาที่สองของมาสฟ้านั้น เหมือนฝันก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดีและสัญชาตญาณของเธอก็ร้องบอกแบบเดียวกัน
หญิงสาวกระแทกลมหายใจติดกันหลายต่อหลายครั้ง ยกมือกอดอกก่อนจะคลายออก ทำกลับไปกลับมาเช่นนั้น จนคนที่ตั้งใจจะจับตามองดูเธออยู่ห่างๆ อย่างจ้าวเวยหลง อดรำคาญไม่ได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเชื่อมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนหนึ่งที่มีความอดทนไม่เป็นสองรองใคร ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่มาหาเหมือนฝันแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“ผมจะเรียกหมอให้ ข้อมือคุณบวม” ความจริงแล้วข้อมือบางที่โผล่ออกจากแขนเสื้อนั้นมีขนาดใหญ่กว่าอีกข้างเกือบสองเท่า การที่บอกว่าเธอเพียงข้อมือบวมคงไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นคำพูดที่ดีที่สุดที่จ้าวเวยหลงสามารถนึกได้ในตอนนี้แล้ว
“ไม่เป็นไร” เหมือนฝันยกมือข้างที่ไม่เจ็บโบกมือปัดข้อเสนอนั้น ด้วยไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สำหรับเธอนั้นข้อมือบวมเท่านี้กินยาแก้ปวดที่มาสฟ้าเตรียมเอาไว้ให้อีกไม่กี่วันคงหาย “คงแค่ซ้นน่ะ ไม่กี่วันก็หาย”
“บวมขนาดนี้ไม่น่าจะแค่ซ้นนะ” จ้าวเวยหลงยังไม่วางใจ ตาคมยังคงเหลือบมองข้อมือของเหมือนฝัน เปรียบเทียบขนาดของข้อมือทั้งสองข้างสลับกันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแล้วก็ได้แต่นิ่วหน้า แม้ว่าข้อมือของเธอข้างหนึ่งจะมีผ้าพันไว้แต่นิ้วมือเรียวที่เริ่มบวมเป๋งนั่นก็ฟ้องจ้าวเวยหลงอยู่ตำตา ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถแสร้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องอาการบาดเจ็บของแขกคนพิเศษไปได้ “ขอผมดูหน่อย”
“เป็นหมอหรือไงคุณน่ะ”
“เปล่า” จ้าวเวยหลงตอบ พลางยื่นมือออกไปรอหญิงสาวด้วยความอดทนขณะเอ่ย “ไม่ต้องเป็นหมอก็รู้ว่าผ้าพันแผลของคุณน่ะกำลังทำให้ข้อมือคุณบวมกว่าที่มันควรจะเป็น”
“อย่ามาขู่กันให้ยากเลยคุณ มันก็คงบวมเฉยๆ นั่นแหละ กินยาแก้ปวดก็หายละ” เหมือนฝันยังคงยืนยันในความคิดของตัวเอง แม้ว่าจะรู้อยู่ลึกๆ ว่าที่พูดไปเมื่อครู่นั้นก็เพื่อปลอบใจตัวเองมากกว่าหวังให้จ้าวเวยหลงคล้อยตาม
“มือครับ” จ้าวเวยหลงย้ำ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อหญิงสาวยอมส่งมือข้างที่มีผ้าพันไว้มาให้เขาในที่สุด ชายหนุ่มลงมือปลดหมุดที่ยึดปลายผ้าออก ก่อนจะค่อยๆ คลายผ้าออกจากข้อมือเล็กด้วยเหตุผลเดียวก็คือเพื่อดูต้นเหตุของนิ้วบวมและการชักสีหน้าเป็นครั้งคราวของเหมือนฝัน ระหว่างนั้นจ้าวเวยหลงก็ชวนเธอคุยไปด้วย “พี่สาวของคุณสบายดีไหม?”
“หลอกถามฉันอยู่เหรอ?” เหมือนฝันกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วมองหน้าคร้ามด้วยสายตารู้เท่าทัน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่จ้าวเวยหลงเงยหน้าขึ้นมา สายตาของทั้งคู่จึงสบกันพอดี
จังหวะตกหลุมรักเหมือนในละครเป๊ะ หญิงสาวค่อนแคะในใจด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่มเป็นทุนเดิม
“หลอกตรงไหน ผมถามคุณตรงๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง?” จ้าวเวยหลงไม่รู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีแล้วเพราะหากเขารู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงขบขันแล้วคิดว่าเหมือนฝันนั้นเป็นพวกเพ้อเจ้อ
“ก็จริงของคุณ” เหมือนฝันหรี่ตา คิดทบทวนคำพูดของจ้าวเวยหลงอีกครั้งก่อนจะพบว่าที่เขาพูดนั้นก็ถูก “แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกหมือนว่าตัวเองกำลังโดนหลอกเลยนะ”
“คงเพราะคุณกำลังถูกหลอกอยู่ล่ะมั้ง”
“หมายความว่าไง?”
“พี่สาวของคุณน่ะ ผมคิดว่าเขากำลัวหลอกคุณ” เสียงห้าวจงใจหยุดเพียงไว้เท่านั้นเพราะอยากกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเหมือนฝัน ซึ่งก็ได้ผลตามที่วางแผนเอาไว้ เพราะขณะที่คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเป็นปมด้วยความกังวล หลังเห็นข้อมือเล็กของเหมือนฝันเต็มตาได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็ถูกหญิงสาวเร่งเร้าให้บอกเรื่องที่เขารู้ให้เธอฟัง
“จะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาลีลาเรื่องมาขนาดนี้แล้ว”
“ผมเล่าแน่ แต่ต้องตามหมอก่อน” จ้าวเวยหลงรู้ว่าเรื่องที่พี่สาวของเหมือนฝันไปเกี่ยวข้องกับญาติตัวร้ายของเขานั้นสามารถรอต่อไปได้อีกหน่อย แต่ข้อมือเล็กที่บวมจนผิวขาวซีดรอบข้อมือก็ยังเริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างน่ากลัวของเธอซึ่งวางอยู่บนตักนั้นเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนในความรู้สึกของจ้าวเวยหลง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาวเหยียดครั้งหนึ่งก่อนตำหนิคนข้างตัวอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก “นี่คุณทนอยู่ได้ยังไง ไม่เจ็บเหรอ?”
“เจ็บแหละ แต่ทนได้” เหมือนฝันก้มมองตามสายตาของจ้าวเวยหลง หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่พ้นหาเรื่องทะเลาะกับเขาแค่เพราะไม่ชอบขี้หน้า หากแต่เสียงทุ้มเมื่อครู่นี้แฝงความกังวลและเป็นห่วงเธออยู่ไม่น้อย หญิงสาวก็ได้แต่ถอนหายใจแรงก่อนยอมเล่า หวังทำให้จ้าวเวยหลงคลายความกังวลลง “ฉันเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ น่ะ ข้อมือซ้นเท่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกคุณ”
“ไหนบอกว่าที่บ้านไม่ได้ลำบากไง ทำไมถึงเจ็บตัวบ่อย” จ้าวเวยหลงยังคงมีเรื่องสงสัยไม่หยุดหย่อน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังสามารถจัดการสั่งให้หวางเย่จัดหาหมอมาตรวจดูข้อมือของเหมือนฝันได้ “ตกลงที่คุณพูดมาเรื่องไหนที่จริงบ้างไหมครับ คุณผู้หญิง”
“ก็จริงทุกเรื่องนั่นแหละ” เหมือฝันแหวชายหนุ่มเสียงแหลมขึ้นจมูก ญาติดีกันได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องกลับมาวางมวยกันอีกรอบในหัวก็คิดว่าเขาช่างกวนประสาทเธอเก่งจริงๆ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นผู้นำตระกูลจ้าว เหมือนฝันคงคิดว่าจ้าวเวยหลงรับจ้างบรรดาคู่อริของเธอ เพื่อมาปั่นประสาทเธอให้เธอกลายเป็นคนบ้าเพื่อแก้แค้นแน่ เพราะชายหนุ่มนั้นดูจะมีความสามารถเรื่องนี้เป็นพิเศษ “ฉันไม่ได้เดือดร้อนเงิน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะได้อยู่บ้านสงบๆ ไม่ไปตบตีกับใครนี่ ถ้าชีวิตฉันมันง่ายดายขนาดนั้นเราคงไม่ต้องมาเจอกันหรอก”
“ก็จริง” มาถึงตรงนี้จ้าวเวยหลงก็พอจะเข้าใจได้ ที่เหมือนฝันพูดมาเมื่อครู่นั้นแม้ว่าจะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้ผิดไปทั้งหมดเสียทีเดียว ยิ่งนิสัยมึงมาพาโวยอย่างหญิงสาว การที่เธอบอกว่าเธอย่อมมีเรื่องตบตีกับชาวบ้าน กะทั่งมือซ้นเป็นปกตินั้นไม่ได้น่าแปลกใจเลยสักนิดเลยสำหรับจ้าวเวยหลง เรื่องนี้เขาเชื่อเธอหมดใจเลยว่าเธอพูดจริง
“ทำไมคราวนี้ยอมเชื่อฉันง่ายๆ ล่ะ ไม่จับผิดต่อแล้วหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรให้ต้องจับผิดนี่” จ้าเวยหลงพึมพำ เงยหน้าสบตากับเหมือนฝันเสี้ยววินาทีก่อนจะพูดต่อ “อยู่กับคุณไม่กี่ชั่วโมงผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าที่บอกว่าชอบตบดีกับคนน่ะคุณพูดจริง คนอะไรชวนทะเลาะเก่งชะมัด”
“หลอกด่ากันนี่”
“เห็นไหม พูดไปอยู่แหม็บๆ ชวนทะเลาะอีกแล้ว”
“อ้าว! ก็มันเพราะคุณหาเรื่องฉันก่อนไม่ใช่หรือไง” เหมือนฝันชักสีหน้า ไม่พอใจที่จู่ๆ เขาก็มาโยนความผิดให้เธออย่างนี้“ถ้าคุณไม่เริ่มก่อนฉันจะไปทะเลาะกับคุณทำไม”
“นั่นน่ะสิ” คราวนี้จ้าวเวยหลงไม่ยอมแพ้ จ้องตาเหมือนฝันตอบอย่างไม่มีใครยอมใคร “ผมยังไม่ได้หาเรื่องอะไรคุณเลยแท้ๆ แต่ทำไมคุณยังหาเรื่องทะเลาะกับผมได้อยู่อีกครับ คุณผู้หญิง”
“เลิกเรียกฉันว่า คุณ-ผู้-หญิง” เหมือนฝันแยกเขี้ยว ขบฟันข่มความโกรธ รู้ว่าที่เขาเรียกเธอด้วยสรรพนามนั้นก็เพื่อประชดประชันไม่ได้เรียกเพราะอยากให้เกียรติ
“ถ้าผมไม่เลิกเรียกแล้วคุณจะทำอะไรผมครับ คุณผู้หญิง” จ้าวเวยหลงยังยียวน ย้ำเสียงหนักตรงสรรพนามแทนตัวหญิงสาวก่อนจะเผยยิ้มกว้างของผู้ชนะออกมาเยาะเย้ยเหมือนฝัน ทำให้เกลียดชื่อเรียก ‘คุณผู้หญิง’ ได้แต่แสดงอาการฟึดฟัดไม่พอใจก่อนจะลงท้ายด้วยการมองค้อนจอมกวนประสาทไปวงใหญ่ ทำให้จ้าวเวยหลงถึงกับหลุดเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจ
ไม่ใช่ทุกครั้งที่ปะทะคารมกับแม่ตัวแสบนี่แล้วเขาจะชนะนี่นา...ดังนั้นการที่เขารู้สึกเบิกบานเช่นนี้ก็คงไม่แปลก ราวกับว่าอะไรอะไรที่เคยขวางหูขาวงตาก็พลันดูเข้าที่เข้าทางไปหมด ดีจริงๆ
“เลิกยิ้มแบบนั้นสักที”
“ทำไม หล่อล่ะสิ” คิ้วคมเลิกสูงอย่างท้าทายรอให้เธอแย้ง พร้อมกับมุมปากหนาที่กระตุกขึ้นนิดๆ ทำให้ใบหน้าดุดันของจ้าวเวยหลงกลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันตา ประกอบกับคำพูดตอนท้ายของเขา ยิ่งทำให้เหมือนฝันอยากลุกขึ้นไปตั้นหน้าคมๆ ของชายหนุ่มให้ล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น เผื่อว่าทำอย่างนั้นแล้วมันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ถึงเขาจะหล่อจริงอย่างที่พูดแล้วอย่างไร อย่างน้อยก็ควรจะกระดากปากไม่ก็แกล้งทำเป็นถ่อมตัวสักหน่อย เธอก็คงยอมพยักหน้าเห็นด้วยได้ไม่ยาก นี่อะไร...พูดยอตัวเองมาได้หน้าตาเฉย คนอะไรมั่นหน้าจริงๆ
555555 แต่ว่าไม่ได้นะคะ เพราะว่าคุณเขาหล่อจริงไม่ติงนัง ส่วนเรื่องมั่นอันนี้ศรีก็ไม่ขอเถียงเช่นเดียวกัน // กลั้น
ความคิดเห็น