ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : มาสฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 66


     

    มาสฟ้ามองผู้ที่มีใบหน้าแบบเดียวกับเธอด้วยสายตาอ่อนใจ เกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ทั้งกังวลและเป็นห่วง ตั้งแต่ที่เธอและเหมือนฝันกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ สิ่งแรกที่เหมือนฝันตัดสินใจทำหลังจากถูกเธอลากไปเอ็กเรย์ข้อมือที่โรงพยาบาลแล้ว นั่นก็คือการพุ่งตัวไปร้านเหล้าพร้อมกับเพื่อนๆทันที ตั้งแต่วันนั้นจวันนี้ก็เกือบเดือนเห็นจะได้แล้วแต่เธอยังไม่เห็นวี่แววที่เหมือนฝันจะอยู่บ้านสักวัน

    “วันนี้ก็จะออกไปกินเหล้าอีกใช่ไหม?” มาสฟ้าถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้

    “ก็คงไปมั้งค่ะ พี่ฟ้าไปด้วยไหมล่ะ เมื่อคืนนี้ไอ้กี้มันถามถึงพี่ฟ้าด้วยนะ” ผู้เป็นน้องเหลือบมองเสี้ยวหน้างามของมาสฟ้าเพียงเสี้ยววินาที ก่อนลงมือจ้วงข้าวต้มตรงหน้าเข้าปาก

    “พี่รอไปรับเราเหมือนเดิมดีกว่าจ้ะ” มาสฟ้าคลี่ยิ้มพราย มั่นใจว่าเธอจะได้ทำหน้าที่รับส่งเหมือนฝันอีกไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่เดือดร้อนกับการเที่ยวเตร่ของน้องสาวฝาแฝด “ถ้าเจอกี้ก็ชวนมาททานข้าวที่บ้านสักวันสิ ถ้าอยากเจอพี่จริงๆก็รู้นี่ว่าพี่อยู่ที่บ้านตลอด”

    “ก็เพราะพวกมันรู้นั่นแหละค่ะว่าพี่ฟ้าอยู่แต่บ้าน เลยถึงได้ชวนพี่ฟ้าออกไปข้างนอกพร้อมฝัน”

    “อะไรกัน ยังไม่เลิกกลัวอีกเหรอ” มาสฟ้าถามเสียงกลั้วหัวเราะ จำได้ว่าหนล่าสุดที่เพื่อนของน้องสาวมาที่บ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง และนั่นทำให้เธออดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “เรื่องมันตั้งหลายปีแล้ว”

    “ก็พวกมันคิดว่าบ้านเราเป็นบ้านผีสิงไงคะ ถึงไม่กล้ามากัน” เหมือนฝันหน้าบึ้ง ในบรรดาเพื่อนๆของเธอ มีใครบ้างไม่รู้ว่าบ้านเก่าที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นหลังนี้ มีของฟรีแถมมาด้วย และเธอก็ไม่ได้หมายถึงบรรดาของเก่าที่คุณทวดของเธอสะสมไว้หรอกนะ 

    “ก็เราว่าบ้านคนอื่นเขานักนี่ว่าบ้านของเขามีแต่ผี พอเป็นบ้านตัวเองหน่อยจะมานึกโกรธหรือไง” มาสฟ้าอดไม่ได้ที่จะย้อนถามเหมือนฝัน ถึงครั้งหนึ่งที่หญิงสาวเคยเรียกบ้านของจ้าวเวยหลงว่าบ้านผีสิง เพราะว่าบ้านของชายหนุ่มมีวิญญาณอยู่หลายดวง

    “ไม่เหมือนกันสักหน่อยนี่คะ ผีบ้านเราเก๋กว่าตั้งเยอะ ให้หวยได้ด้วย” เหมือนฝันเชิดหน้า หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องจ้าวเวยหลงแล้วล่ะก็ เธอไม่มีทางยอมแพ้ให้เขาแน่ต่อให้เป็นเรื่องผีๆเธอก็ไม่ยอม

    “ที่ว่าให้หวยได้น่าจะเป็นพี่มากกว่านะ” มาสฟ้าขมวดคิ้ว จำได้ว่างวดก่อนหน้านี้ที่คนงานถูกหวยกันทั้งบ้านนั่นก็เพราะเธอให้หวยแก่พวกเขาก่อนบินไปเซี่ยงไฮ้ 

    “ถึงอย่างนั้นผีบ้านเราก็เจ๋งกว่าอยู่ค่ะ” คนเดียวในบ้านที่ความสามารถในการเห็นคนที่ล่วงลับไปแล้วนั้นยืนยันเสียงแข็ง “ผีบ้านเราทั้งสวยทั้งใจดีแล้วก็บุญเยอะกันทั้งนั้น ไม่เหมือนที่อยู่ในบ้านของ...หมอนั่น”

    “จ้าๆ เราว่ายังไงก็ตามนั้นแหละ” มาสฟ้ายักไหล่ ไม่รู้ว่าจะเถียงกับเหมือนฝันต่อไปเพื่ออะไร หญิงสาวจึงลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วเครื่องดื่มของตนคิดมือมา แวะรินน้ำผลไม้ที่เธอเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานนั้นลงในแก้ว ทว่าก็เกือบเผลอปล่อยแก้วที่ว่านั้นร่วงแตกเพราะคำถามของผู้เป็นน้องสาว

    “แล้วพี่ฟ้ายังฝันร้ายอยู่ไหมคะ?”

    “จ๋า?” มาสฟ้าเงยหน้า หมุนตัวกลับมามองหน้าเหมือนฝันเพื่อทวนคำถามอีกครั้ง เผื่อว่าเมื่อครู่นี้เธอได้ยินคำถามผิดไป “พี่อะไรนะ พี่ฟังไม่ชัด”

    “พี่ฟ้ายังฝันร้ายอยู่ไหมคะ” เหมือนฝันถามย้ำอีกครั้ง มองมาสฟ้าวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงโดยไม่ทันสังเกตุถึงความผิดปกติจากสีหน้าของพี่สาว

    “ไม่แล้วจ้ะ ก่อนหน้าที่ฝันร้ายคงเพราะเครียดน่ะ” มาสฟ้าโกหก เธอยังคงเห็นหน้าของอู่อี้เทียนในเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่ก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจอยู่ทุกคืน ภาพเดียวกนเหมือนในนิมิตที่เธอเห็นเมื่อหลายปีก่อน จนตอนนี้มาสฟ้าก็ยังเห็นภาพนั้นอยู่ ทั้งที่ภาพนั้นได้กลายเป็นอดีตที่ผ่านมาร่วมเดือนแล้วก็ตาม

    ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ปกติเลยสำหรับคนที่เห็นนิมิตอย่างมาสฟ้า การที่เธอเห็นอนาคตนั้นเป็นที่มาสฟ้าเคยชิน แต่การที่เธอเห็นในอดีตแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งกระทั่งตอนนี้มาสฟ้าก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้คืออะไร 

    “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ”

    “ไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะค่ะ ก็ฝันมีพี่สาวกับเขาอยู่คนเดียวนี่นา”

    “ถ้ารู้ว่ามีพี่คนเดียวไม่ลองอยู่บ้านกับพี่สักวันล่ะ” เสียงกระแหนะกระแหนนั้นเป็นเสียงใครไม่ได้เว้นแต่คุณเชอลีน คุณแม่คนสวยของมาสฟ้าและเหมือนฝันที่ตะโกนมาจากบันไดขั้นสุดท้ายของบ้าน โดยที่ด้านหลังของท่านนั้นมีคมกฤษสามีของท่านยืนส่งยิ้มให้ลูกสาวทั้งสองของพวกเขาอยู่ 

    “แม่อ่ะ!” เหมือนฝันที่ไม่กล้าลองดีกับผู้เป็นแม่นั้นได้แต่กระฟัดกระเฟียด แล้วก้มหน้ากินมื้อเช้าของเธอต่อ

    “มอนิ่งค่ะแม่” มาสฟ้ายิ้มกว้างกับภาพนั้น คิดไม่ออกเหมือนกันหากว่าไม่ใช่แม่ของเธอแล้วจะมีใครทำให้เหมือนฝันกลัวแบบนี้ได้อีก จากนั้นมาสฟ้าก็หันไปทักทายร่างสูงของผู้ชายเพียงคนเดียวในครอบครัวเศวษรฐา “มอนิ่งค่ะพ่อ”

    “มอนิ่งจ้ะ” คมกฤษเองก็มีรอยยิ้มแบบเดียวกันกับลูกประดับอยู่บนใบหน้า ขณะเดินแซงหน้าภรรยามาหอมขมับมาสฟ้าโดยที่ปากก็เอ่ยตอบลูก แต่ก็ยังไม่ลืมแวะหอมเหมือนฝันอีกคนเพื่อความเท่าเทียมก่อนที่จะทรุดนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน “วันนี้มื้อเช้ามีอะไรบ้างลูก หอมไปถึงข้างบนเชียว”

    “ข้าวต้มของฝันค่ะ มีขนมปังกับไส้กรอกด้วยถ้าคุณพ่ออยากได้”

    “ขอแค่ข้าวต้มก็พอจ้ะ แล้วหนูเชอลีนล่ะครับจะทานอะไร”

    “ขอน้ำส้มกับไส้หรอก แล้วก็ขนมปังแผ่นนึ่ง” คุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยตอบโดยไม่มีความลังเลในน้ำเสียง “เนยที่แม่ซื้อมายังเหลืออยู่ไหม?”

    “ฟ้าซื้อมาเพิ่มแล้วค่ะ คุณแม่จะรับด้วยใช่ไหมคะ?” มาสฟ้ายิ้มละมัย เรื่องนิสัยเลือกกินของแม่เธอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ได้แล้ว ด้วยท่านถูกคุณพ่อตามใจมาตั้งแต่สมัยคบหากันเป็นแฟนจนวันนี้ซึ่งหากนับๆดูอาจจะเกินสามสิบปี ต่อให้ความเลือกกินของแม่จะทำให้เธอที่รับผิดชอบดูแลเรื่องต่างๆในบ้านนั้นลำบากกว่าเดิมนิดหน่อย แต่มาสฟ้าก็ไม่มีความคิดที่จะขัดใจแม่ของเธอ

    “แบบนั้นก็เอา” ผู้เป็นแม่พยักหน้าหงึก ก่อนจะโน้มตัวลงไปซบหน้ากับต้นแขนของสามี ทำให้คนเป็นลูกทั้งสองของพวกเขาได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้าด้วยเบื่อหน่ายกับภาพที่เห็น ด้วยพวกเธอเห็นมันมาตั้งแต่จำความได้กระทั่งวันนี้ พ่อกับแม่ของเธอก็ยังสวีทหวานกันไม่หยุด

    “ขอบคุณนะครับ” คมกฤษเอ่ยขอบคุณลูกสาวแทนคู่ชีวิตของตนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำส้มจากมาสฟ้ามาลงตรงหน้าภรรยา ก่อนเอ่ยเสียงค่อยอย่างอ่อนหวานที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะสามารถทำได้ “น้ำส้มค่ะหนูเชอลีน”

    “หนูเชอลีนเบื่อแล้วคุณกฤษ เราไปญี่ปุ่นกันสักอาทิตย์ไม่ได้เหรอคะ?” คำนี้ออกจากปากผู้ที่ไม่เคยอยู่บ้านเกินสามวัน ตั้งแต่วันที่ลูกสาวทั้งสองของพวกเขาบรรลุนิติภาวะตามกฎหมย จนโดนคนกลุ่มเพื่อนค่อนแคะว่าหวงแต่เที่ยวจนลืมลูก “ที่นี่มันร้อน”

    “อยู่เมืองไทยก็ต้องร้อนสิคะแม่” เหมือนฝันอ้อมแอ้ม ถือวิสาสะเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะต้องรีบก้มหน้างุดเมื่อได้รับสายตาจึกกัดจากผู้เป็นแม่เป็นของรางวัล

    “นี่เธออยากจะโดนฉันด่าตั้งแต่หัววันใช่ไหมเหมือนฝัน” เชอลีนเอ่ยถามลอดไรฟัน หรี่ตามองหน้าลูกสาวคนเล็กของตนอย่างคาดโทษ “เรื่องเก่าที่เธอสร้างเรื่องไว้ฉันยังไม่ได้สะสางเลยนะ อยากลองดีหรือไง”

    “ไม่ค่ะ” เหมือนฝันยิ้มแหย่ พร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆเป็นการสำทับคำตอบอีกครั้ง “ถ้าแม่อยากไปเที่ยวก็ตามใจแม่เลยค่ะ ให้หนูจองตั๋วให้เดี๋ยวนี้ก็ได้นะ”

    “พ่ออยากอยู่บ้านต่อสักหน่อย สิ้นเดือนค่อยไปดีไหมครับ” ประโยคท้ายนั้นคมกฤษหันมาพูดกับภรรยาของเขาโดยเฉพาะ เพราะน้ำเสียงที่เขาใช้นั้นหวานหยดจนเหมือนฝันขนลุกเกรียว ในใจก็นึกสงสัยว่าคุณแม่ไปเจอพ่อเธอที่ไหนกัน...เผื่อว่าวันหนึ่งเธอนั้นจะหาคนที่รักเธอมากๆแบบนี้ได้บ้าง “ไปโตเกียวเนาะ ไม่ได้ไปกันนานแล้ว”

    “เอาสิคะ สิ้นเดือนค่อยไปกันก็ได้” เชอลีนคิดตามคำสามีก่อนจะค่อยๆเหยียดตัวขึ้นมานั่งเต็มความสูง เผยรอยยิ้มสมใจออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ลงมาจากห้องนอน “วันนี้เราไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นดีไหมคะ หนูเชอลีนอยากกินเย็นตาโฟ”

    “มื้อเที่ยงใช่ไหมคะ เอาสิ” ผู้เป็นสามีตอบรับโดยไม่มีความคิดที่จะต่อรอง “แล้วพวกหนูจะไปด้วยไหม?”

    “ฟ้าว่าจะเข้าไปดูร้านค่ะ” มาสฟ้าตอบขณะยกจานอาหารเช้าที่ยังควันกรุ่นอยู่ของมารดาวางลงบนโต๊ะ 

    “ฝันจะไปกับพี่ฟ้าค่ะ” เหมือนฝันไม่ลังเลที่จะหาทางเอาตัวรอด รู้ดีว่าหากเธออยู่กับพ่อแม่โดยปราศจากมาสฟ้า ที่เปรียบเสมือนยันต์คุ้มภัยของเธอแล้ว เธอไม่พ้นโดนแม่เล่นงานจนสะบักสะบอม “แม่อยากให้ฝันอยู่กับพี่ฟ้าไม่ใช่เหรอคะ?”

    “เธอเชื่อฟังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเหมือนฝัน” เชอลีนเหล่มองผู้เป็นลูกสาวด้วยสายตารู้เท่าทัน “แต่เอาเถอะ วันนี้ฉันจะไปกินข้าวกับสามีของฉัน เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้เธอรอดตัวไป”

    “ขอบคุณค่ะแม่” เหมือนฝันยิ้มแฉ่ง หายใจได้เต็มปอดเมื่อได้ยินแม่เอ่ยเช่นนั้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มาสฟ้าพูดเรื่องอื่นขึ้นมา ทำให้ความสนใจของคนบนโต๊ะเปลี่ยนจากเธอไปยังหัวข้อสนทนาใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่คนไกลตัวเหมือนฝันเลย

    “คุณป้าพริ้มโทร.มาแต่เช้า บอกว่าโทร.หาแม่ไม่ติดค่ะ”

    “อ้อ แม่คงปิดเสียงไว้น่ะ” เชอลีนตอบโดยที่ก็ลงมือทานอาหารเช้าของตนไปด้วย “คงเป็นเรื่องงานแต่งไอ้เจ้ากี้นั่นแหละ”

    “ยกเลิกไปไม่ใช่แล้วเหรอ” คมกฤษพึมพำ ที่เขาและภรรยากลับเมืองไทยนั้นก็เพราะถูกเชิญไปเแป็นผู้ใหญ่งานแต่งของลูกสาวเพื่อนคนนี้ แต่ลูกสาวที่สองของเขาดันไปสร้างเรื่องไว้ที่เซี่ยงไอ้เสียก่อน พอดีกับงานแต่งที่ว่าถูกยกเลิกกะทันหัน ระยะเวลาการอยู่บ้านของเขาและเชอลีนจึงเปลี่ยนเป็นไม่มีกำหนดกลับอย่างชัดเจน กระทั่งเมื่อครู่ที่เชอลีนเอ่ยปากว่าอยากไปญี่ปุ่นอีกครั้งนั่นแหละ คมกฤษจึงต้องเริ่มกลับมาวางแผนการเดินทางอีกครั้ง

    “เห็นว่าอยากนัดคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ อยากเข้ามาเจอที่บ้าน” มาสฟ้าอธิบาย เล่าคำพูดของคุณพริ้มที่ฝากมาถึงพ่อแม่ของเธออีกต่อ “ฟ้าว่าท่านคงอยากมาขอโทษ”

    “มีอะไรต้องขอโทษกัน ก็แค่ยกเลิกงานแต่ง” คุณผู้หญิงแห่งบ้านเศวษรฐาเอ่ยขึ้นจมูก ไอ้สาเหตุที่การแต่งงานล่มนั้นเธอก็พอได้ยินมาอยู่บ้าง แม้ว่าตัวเจ้าภาพกระทั่งว่าที่เจ้าสาวเองยังปิดปากสนิท แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าความสามารถของคนที่ใกล้ชิด กับครอบครัวนั้นจะคาดเดา “ไอ้กี้ก็เที่ยวกับเธอทุกวันไม่ใช่เหรอฝัน ทำไมตัวต้นเรื่องไม่โผล่หน้ามา ต้องให้เดือดร้อนพ่อแม่แทน”

    “เห็นว่ายังเคลียไม่จบนะคะ” เหมือนฝันที่เที่ยวกับม่ายขันหมากคนสวยทุกคืนตั้งแต่กลับมาที่เมืองไทยนั้นออกความเห็น “เสียงว่าฝ่ายผู้ชายเขาไม่อยากให้ล่มงาน ขอให้แค่เลื่อนไปก่อน แต่ฝันว่าใจจริงคงอยากให้จัดตามกำหนดเดิมนั่นแหละ ติดแค่ไอ้กี้ที่ไม่ยอม”

    “คนดีๆที่ไหนเขาจะยอมกันล่ะ” มาสฟ้าถอนหายใจแรง คิดว่าแค่งานแต่งล่มก็แย่แล้วนี่ยังต้องมารับมือกับครอบครัวฝ่ายชายพรรค์นี้อีก ไม่แปลกใจที่อิงจันทร์จะไม่อยากอยู่บ้าน 

    “ฝ่ายผู้ชายก็จริงๆเลย สร้างเรื่องไว้ขนาดนั้นยังจะมีหน้าขอให้ไม่ยกเลิกงานแต่งอีก” คมกฤษบ่นอุบ พร้อมกับนึกดีใจกับตัวเองเงียบๆว่าเขานั้นโชคดีแท้ ที่ไม่ต้องรับมือกับลูกเขยแบบนี้ “ไม่รู้ว่าห่วงลูกหรือว่าห่วงหน้าตาตัวเองกันแน่"

    “อย่างน้อยก็ยังดีที่คุณพริ้มกับสามีเขาไม่บ้าจี้ ห่วงหน้าตาเหมือนบ้านผู้ชาย” เชอลีนออกความเห็นบ้าง 

    “จริงค่ะ เท่านี้ก็ประสาทเสียจะแย่แล้ว” เหมือนฝันพยักหน้างึก เห็นพ้องกับพ่อแม่ของตัวเองที่สุด “ขนาดไอ้กี้มันจะคืนแหวนยังไม่ยอมรับ ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆพอโดนผู้หญิงทิ้งแล้วมาโวยวาย”

    “แต่คิดแล้วก็ดีอย่างนะ ให้คนเขานินทาตอนงานแต่งล่มดีกว่าให้เขานินทาตอนหย่า” มาสฟ้าออกความ “หลังจากนี้กี้ก็จะได้เจอผู้ชายดีๆกับเขาบ้าง เสียเวลากับคนไม่ดีตั้งหลายปี”

    “หมายความว่าไงคะ?” เหมือนฝันหันขวับ สำหรับคนอื่นฟังคำพูดมาสฟ้าแล้วอาจจะคิดว่ามาสฟ้าเพียงพูดเปรียบเปรยไปตามประสา ไม่มีอะไรสลักสำคัญแต่สำหรับเธอแล้ว เหมือนฝันรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา “หมายความว่าจากนี้กี้มันจะเจอผู้ชายคนใหม่เหรอคะ พี่ฟ้าเห็นไหมว่าเป็นใคร”

    “จะเป็นใครก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องห่วงหรอก” มาสฟ้าหลิ่วตามองหน้าน้องสาว แล้วเลื่อนยาแก้แฮงค์ไปให้ไว้ตรงหน้าเหมือนฝัน “กี้เขาเอาตัวรอดได้แน่ๆ เหลือแต่เรานี่แหละ”

    “ฝันเหรอคะ ฝันทำไม” 

    “ก็ไปสร้างเรื่องอะไรเอาไว้อีกหรือไง ทำไมต้องถามพี่เขาอีก”

    “แม่อ่ะ!”



            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×