ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #19 : โดนลักพาตัว

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 65


    “คุณดูสบายใจเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเรียกตัวเองว่าโดนลักพาตัวมานะคุณผู้หญิง”

    “ฉันร้อนรนไปแล้วมันจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ?” เหมือนฝันละสายตาจากหน้าจอทีวีมองจ้าวเวยหลงแวบหนึ่งก่อนกลับไปไปดูทีวีต่อ

    หลังจากที่เธอพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ดูมัน ด้วยข้ออ้างที่ว่าตนไม่มีเวลามาพักใหญ่ ในที่สุดก็เหมือนฝันมีเวลาดูซี่รีย์เอาตัวชีวิตรอดที่ฮิตไปทั้งบ้านทั้งเมืองกับเขาเสียที ถึงแม้ว่าเธอจะมีเวลาว่างเพราะถูกผู้ชายหน้าตายคนนี้ลักพาตัวมาก็เถอะ...แต่นี่ก็เป็นกิจกรรมฆ่าเวลาเดียวที่เหมือนฝันทำได้ ระหว่างที่โดนขังอยู่ที่นี่ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่รู้สึกผิดที่ตนเอกเขนกและอนุญาตให้ตัวเองดูซี่รี่ย์ต่อไปได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรมากนัก แต่ก็มิวายเอ่ยถามกึ่งท้าทายแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

    “หรือว่าคุณจะปล่อยฉันไปล่ะ?”

    “ผมว่าเราน่าจะมาไกลเกินกว่าที่จะพูดเรื่องนี้กันแล้วนะครับ” จ้าวเวยหลงได้แต่ยิ้มหยันคำถามประชดประชันของหญิงสาว รู้ว่าเธอเองก็ไม่หวังว่าเขาจะปล่อยเธอกลับไปจริงๆ หรอก อย่างที่ว่านั่นแหละ...ทั้งเขาและเธอต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้มันมาไกลเกินว่าที่เขาจะปล่อยเธอกลับไปได้แล้ว “ผมก็แค่แปลกใจเฉยๆ คุณดูใจเย็นเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ทำให้ผมอดคิดไม่ได้จริงว่าคุณกับพี่สาววางแผนกันมาก่อนแล้ว อย่าโกรธกันนะที่ผมพูดตรงๆ”

    “พูดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อย” เหมือนฝันพึมพำตอบ ไม่สนใจว่าจ้าวเวยหลงจะหน้าตึงเพราะคำพูดที่ไม่ทันคิดให้ดีของตน หนำซ้ำหญิงสาวยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าและน้ำเสียงไม่แยแส “ถ้าฉันรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องมาเจอคุณ ฉันคงไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรกหรอก...แต่ก็นั่นแหละ ฉันเชื่อว่าเรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง ที่เราเจอกันก็คงเพราะมีเหตุผลนั่นแหละ”

    “เหตุผลประเภทไหนมิทราบ?” เสียงห้าวนั้นกระด้างขึ้นเพราะความหงุดหงิด ยิ่งเหมือนฝันไม่อินังขังขอบกับการมีอยู่ของเขาหรือการที่ตัวเองต้องติดแหง็กอยู่กับเขาที่นี่เท่าไหร่ จ้าวเวยหลงก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น คิดว่าอย่างน้อยๆ เธอก็ควรจะกลัวเขาสักหน่อยไม่ใช่หรือไง

    เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในที่ที่อันตรายและไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้นะ แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้นั่งกินขนมดูหนังสบายใจเฉิบแบบนี้ได้อยู่ หรือว่าเธอเพี้ยนไปแล้วจริงๆ

    “ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้เห็นอนาคตเหมือนพี่สาวฉันนี่นา”

    เท่านั้นจ้าวเวยหลงก็หลุดหัวเราะพรืดออกมา สายตาของเขาฉายประกายแห่งความเย้ยหยันยิ่งกว่าก่อนหน้า คิดว่าในใจว่าที่สุดเธอก็ยอมรับว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาหลงผิดนั้นคือพี่สาวของเธอ

    “อ้อ ที่แท้ก็เป็นพี่สาวคุณนี่เอง” จ้าวเวยหลงมองดวงหน้างามที่ยังเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนว่าต่อ “วันนั้นเราก็คุยกันตั้งนาน ผมหรือก็คิดว่าเป็นคุณเสียอีกที่เป็นหมอดูคนที่ปู่ของผมเชื่อหนักเชื่อหนา”

    “ไม่ต้องเสียใจไปหรอกค่ะ ไม่มีใครฉลาดไปทุกเรื่องหรอก” เหมือนฝันหันมาสบตากับชายหนุ่ม จ้องตอบสายตาตาคมกริบของจ้าวเวยหลงอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้กับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น “คุณเองก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรขนาดที่จะรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ โง่บ้างก็เป็นเรื่องปกติ”

    “เลิกเล่นลิ้นแล้วเข้าเรื่องกันเสียที” จ้าวเวยหลงตัดบทอย่างหมดความอดทน แล้วกดปิดทีวี ทำให้เหมือนฝันไม่มีทางเลี่ยงนอกจากหันมาเผชิญหน้า สบตากับเขาตรงๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยลอดไรฟันอย่างคนที่พยายามสะกดอารมณืโกรธเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “ผมเสียเวลากับคุณมามากพอแล้ว พวกคุณต้องการอะไรกันแน่”

    “ไม่ต้องการอะไร ฉันบอกแล้วไงว่าเท่าที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ก็มากเกินพอแล้ว” เหมือนฝันตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และรวดเร็วจนจ้าวเวยหลงแปลกใจ

    สีหน้าและน้ำเสียงของหญิงสาวไม่มีการเล่นลิ้นหรือแผนการซับซ้อนอย่างที่เขาคิด ทั้งเสียงและสีหน้าของเธอนั้นมีเพียงความจริงอันเรียบง่ายที่ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือสติปัญญามากมายอะไรเพื่อที่จะเข้าใจคำพูดเมื่อครู่นี้ของเธอ เป็นข้อเท็จจริงที่ต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกก็ต้องสามารถเข้าใจคำพูดของเธอได้ แต่แล้วเหมือนฝันก็ต้องถอนหายใจเสียงดังออกมา เมื่ออีกฝ่ายยังมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวงไม่เลิก “แล้วก็เลิกคิดได้แล้วว่าทุกคนจะต้องต้องหาประโยชน์จากคุณน่ะ ฉันขอพูดตรงๆ อย่าโกรธกันนะ ทั้งคุณและก็ครอบครัวของคุณน่ะ ไม่น่าจะมีอะไรให้ฉันห่ประโยชน์ด้วยหรอก กะอีแค่เรื่องง่ายๆ อย่างที่พี่สาวฉันมีฝาแฝดยังไม่รู้กันเลย เรื่องอื่นคงไม่ต้องไปพูดถึงแล้วแหละมั้ง”

    “อ้อ อย่างนั้นหรือ?” จ้าวเวยหลงอ้าปากค้าง บอกตามตรงว่าเขาโกรธมากเพราะคำพูดดูถูกของเหมือนฝัน แต่จะให้เขาก็เถียงหล่อนเขาก็ทำไม่ได้ สิ่งที่เธอเพิ่งพูดมามันเป็นข้อเท็จจริงแทบจะทั้งสิ้น

    อีกอย่างต่อให้เหมือนฝันไม่ได้พูดใส่หน้าเขาตรงๆ จ้าวเวยหลงเองก็คิดแค่ว่าหากลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ของเขาทำงานดีกว่านี้สักนิด และรู้ว่ามาสฟ้ามีฝาแฝดเร็วกว่านี้สักแต่หนึ่งวัน...หรือรู้ก่อนหน้านี้เพียงแค่สิบสองชั่วโมง เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้และเขาก็คงไม่ต้องถูกหญิงสาวดูแคลนเช่นนี้ และที่สำคัญที่สุดหากเขารู้ว่าผู้หญิงที่เขาหมายหัวเอาไว้นั้นเป็นฝาแฝดคนพี่ตอนนี้คนที่มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาคงเป็นมาสฟ้า ผู้ที่พูดจารู้เรื่องแทนที่จะเป็นน้องสาวฝาแฝดจอมกวนประสาทของหล่อน!

    “ก็ตามน้ันแหละคุณ เรื่องง่ายๆ แค่นี้คุณยังไม่รู้เลย ฉันว่าเราทางใครทางมันดีกว่า...” เหมือนฝันกวาดตามองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ดูแคลนเขาขั้นสูงสุด ก่อนว่าต่อด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ลูกน้องคุณบอกฉันว่าคุณเป็นผู้นำตระกูล เดาว่าครอบครัวคงมีหลานชายคนเดียวใช่ไหม?”

    “เรื่องจำนวนหลานชายในตระกูลผมไม่น่าจะเป็นเรื่องที่คุณต้องมากังวลแทนนะครับ” จ้าวเวยหลงเอ่ยลอดไรฟัน ความอดทนของตนใกล้จะหมดอยู่ร่อมร่อ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังมีความกล้าที่จะกวนประสาทเขาต่อไม่หยุด ไม่รู้ว่าเธอกินอะไรเข้าไป...หรือว่าเจ้าหล่อนลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ถิ่นของใคร “และผมก็ไม่ใช่คนใจดีนัก อย่าปากดีให้มันมาก ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดนะครับ ผมเองก็เหมือนกัน”

    “ทำไมคะ คุณจะทำร้ายฉันหรือ?” เหมือนฝันเอียงคอ มองหน้าคมคายแบบตี๋ๆ ของจ้าวเวยหลงด้วยสายตาท้าทายที่ทำให้คิ้วของจ้าวเวยหลงตระตุกถี่ๆ ด้วยความโมโห

    แน่ล่ะว่าเธอรู้ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายเธอ อย่างน้อยก็ไม่ทำโดยตั้งใจ...เพราะตราบใดที่เขายังต้องใช้เธอเป็นเครื่องมือต่อรองกับมาสฟ้า เหมือนฝันก็มั่นใจว่าเธอจะอยู่รอดปลอดภัย อวัยวะครบสามสิบสอง ไม่มีส่วนไหนของร่างบุบสลาย ว่ากันตามจริงแล้วเหมือนฝันค่อนข้างจะมั่นใจเลยทีเดียวว่าจ้าวเวยหลงจะเป็นฝ่ายดูแลคุ้มครองเธอให้ปลอดภัย...อย่างน้อยก็จนกว่ามาสฟ้ามาถึงที่นี่

    ดูอย่างก่อนหน้านี้สิ...หากหวางเย่ไปที่โรงแรมช้ากว่านี้อีกนิด ตอนนี้เธอก็คงอยู่กับจ้างซ่งเหยี่ยนแล้ว หรือหากจ้าวซ่งเหยี่ยนไม่ได้เธอไป คนอื่นในตระกูลจ้าวก็ต้องหาทางลักพาตัวหรือไม่ก็หลอกล่อเหมือนฝันไปจนได้

    แต่ความจริงที่ว่าคนตระกูลจ้าวพิษสงเยอะแค่ไหน ก็มีเพียงจ้าวเวยหลงเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใคร

    “ผมไม่มีทางทำร้ายคุณ” เขาว่าลอดไรฟัน ยอมรับอย่างจำนน แล้วจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาระอุไปด้วยความโกรธ ที่ถูกสะกดเอาไว้ด้วยความอดทนอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ของเขา “อย่างน้อยก็ไม่ทำโดยเจตนา”

    “ฟังแล้วโล่งใจเยอะเลย” เหมือนฝันหัวเราะพรืด รู้ว่าจ้าวเวยหลงคงปล่อยให้เธออยู่รอดปลอดภัยจนกว่าจะได้คุยกับมาสฟ้าหรือไม่ก็จนกว่าจะได้ตัวมาสฟ้ามา แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีอะไรรับรองว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอเพราะบันดาลโทสะ

    ซึ่งตอนนี้ก็เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่เหมือนฝันคิดว่าเธอควรหยุดกวนประสาทเขาได้แล้ว ถึงจะเหม็นขี้หน้าเขาที่ชอบทำเหมือนตัวเองมีอำนาจเหนือใครๆ แต่นี่ก็เป็นถิ่นของเขา ร่ำรวยถึงขนาดส่งคนไปเฝ้าเธอถึงหน้าประตูห้องที่โรงแรมได้ก็คงมีอิทธิพลไม่ธรรมดา

    “ที่นี้เราจะคุยกันได้หรือยังครับคุณผู้หญิง?”

    “แล้วนี่เราไม่ได้คุยกันอยู่หรือคะ?” เหมือนฝันพ่นลมหายใจออกทางจมูก หากเป็นเรื่องที่ว่าเธอเป็นใครต้องการอะไรจากเขาเธอไม่อยากคุยหรอก คุยกันเป็นร้อยรอบแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง เหมือนพายเรืออยู่ในอ่างอย่างไรอย่างนั้น

    “ผมหมายถึงเรื่องพี่สาวของคุณ...” จ้าวเวยหลงหลับตาสูดลมหายใจ พยายามสะกดอารมร์หงุดหงิดของตนไว้สุดความสามารถ...อีกครั้ง ตั้งแต่เจอหน้าหญิงสาวมานั้นมีหลายเรื่องที่จ้าวเวยหลงยังกังขาในตัวของเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจว่าคนตรงหน้าเขาเก่งกาจและถนัดที่สุดคือการปั่นหัวคน ดูอย่างที่เธอทำกับเขาตั้งแต่เจอหน้ากันก็คงพอบอกอะไรได้บ้าง

    “พี่สาวของฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณ พวกเราไม่ได้วางแผนบ้าบออย่างที่คุณระแวง” ไม่รอให้ชายหนุ่มได้จบประโยค เหมือนฝันก็กลอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ระอาใจขั้นสุดกับคนตรงหน้า เธอตอบราวกับรู้ก่อนล่วงหน้าว่าจ้าวเวยหลงจะถามอะไร “พวกเราแค่จะมาเที่ยว แต่บังเอิญว่าพี่สาวต้องไปทำธุระด่วน ฉันก็เลยล่วงหน้ามาก่อนก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยมีอะไรสงสัยอีกไหมคะ?”

    “ธุระที่พี่สาวคุณว่าคงจะสำคัญมาก ถึงได้ทิ้งน้องสาวให้เดินทางคนเดียว” จ้าวเวยหลงจิกกัด ไม่ยอมปักใจเชื่อคำพูดเหมือนฝันโดยง่าย

    “ฉันไม่เด็กอายุเจ็ดขวบที่ต้องมีผู้ปกครองเดินทางด้วยนะคุณ”

    “แล้วคุณหรือเปล่าว่าพี่สาวคุณไปทำธุระที่ไหน?” จ้าวเวยหลงปล่อยคำพูดเมื่อครู่ของหญิงสาวผ่านหูของเขาไปด้วยการแสร้งเป็นไม่ได้ยิน คิดว่าตัวเองเสียเวลากับการเถียงกันไปมากับหญิงสาวมากพอแล้ว ถ้าทำต่อไปเขาเองก็จะมีแต่เสียกับเสีย “ธุระอะไรมันสำคัญถึงขั้นต้องทิ้งตั๋วเครื่องบิน”

    “พี่สาวฉันรวยมาก” เหมือนฝันเน้นเสียงหนัก หวังจะตอกย้ำความจริงข้อนี้เข้าไปในหัวสมองของจ้าวเวยหลงอีกครั้ง เผื่อว่ารอบนี้มันจะสลักอยู่ในรอยหยักสมองของเขา “ตั๋วเครื่องบินไม่กี่บาท ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน”
    “สรุปคุณจะบอกผมไหมว่าธุระที่พี่สาวคุณบอกน่ะคืออะไร”

    “ถึงฉันรู้ก็ไม่บอกหรอก” เหมือนฝันมองหน้าจ้าวเวยหลง สายตาที่เธอมองมานั้นราวกับว่าเขาเป็นคนสมองกลวงไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก

    “คุณไม่รู้?” เสียงเข้มนั้นเอ่ยอย่างเยาะเย้ยเธอกลับไปบ้าง ทำให้เหมือนฝันถึงกับหน้าตึงมองจ้าวเวยหลงตาขวาง

    “ฉันไม่ได้ถามต่างหาก” เหมือนฝันแก้ตัวเสียงขุ่นอย่างข้างๆ คูๆ “ฉันมีมารยาทพอย่ะ แต่ถ้าฉันถามพี่ฟ้าก็ต้องบอกฉันแน่”

    “ในเมื่อคุณไม่รู้ผมจะบอกคุณแล้วกัน ว่าธุระที่พี่สาวคุณต้องไปจัดการน่ะคืออะไร” เมื่อสบโอกาส จ้าวเวยหลงก็ไม่ลืมที่จะข่มเหมือนฝัน ทั้งสีหน้าและแววตาของเขานั้นแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดว่าตัวเองนั้นถือไพ่เหนือกว่าเหมือนฝันอยู่ขั้นหนึ่ง “พี่สาวคุณไปเจอคนคนหนึ่ง คนที่อันตรายมาก”

    “ถ้าคุณกำลังขู่ให้ฉันกลัว บอกเลยว่าไม่สำเร็จหรอก ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น” เหมือนฝันเหลือบมองจ้าวเวยหลงงด้วยแววตาคมกริบ สำหรับเธอแล้วเรื่องของมาสฟ้านั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นหรือใช้มาสฟ้าเป็นเครื่องมือเพื่อข่มขู่เธอ เธอห่วงและหวงมาสฟ้ามากก็จริง แต่เหมือนฝันก็รู้อีกเช่นกันว่าคนที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้ก็คือพี่สาวของเธอ ไม่ใช่ใครอื่น “แล้วถ้าจะให้ฉันพูดจริงๆ คนที่คุณคิดว่าอันตรายนักหนาต่างหากที่ควรจะเป็นคนกลัว พี่สาวฉันไม่ใช่คนใครจะไปตอแยได้ง่ายๆ หรอกนะ”

    “หมายความว่ายังไง” จ้าวเวยหลงคิ้วกระตุก แม้เขาเองก็คิดว่าทั้งเหมือนฝันและมาสฟ้านั้นคงต้องมีพิษสงซ่อนไว้ในตัวไม่น้อย แต่เขาก็ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเก่งกล้าพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอู๋อี้เทียนได้ แต่จากคำพูดและความมั่นใจในน้ำเสียงของเหมือนฝันก็ทำให้จ้าวเวยหลงลังเลใจขึ้นมา “คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังพูดถึงใคร”

    “จะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก” เหมือนฝันโบกมือปัด เธอไม่สนใจจะรู้ด้วยซ้ำว่าคนที่จ้าวเวยหลงพูดถึงนั้นเป็นใคร เพราะสำหรับเธอไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่มันหากเขาโง่พอที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูของมาสฟ้า แล้วเผชิญหน้ากับพี่สาวของเธอตรงๆ อย่างพวกสมองกลวงส่วนใหญ่ทำแล้วล่ะก็...อย่างไรเสียจุดจบของพวกมันก็ไม่ต่างกัน “คุณเองก็ควรเตรียมใจเอาไว้ ไม่แน่ว่าคนต่อไปที่จะโดนพี่สาวฉันเล่นงานอาจจะเป็นคุณ”

    “ผมเหรอ?” จ้าวเวยหลงนิ่วหน้าเพราะคำขู่นั้นของคนตัวเล็ก ก่อนจะยิ้มพรายออกมาด้วยความรู้สึกขบขัน...ไม่บ่อยนักที่เขาจะโดนข่มขู่เช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกข่มขู่โดยผู้หญิงตัวเล็กกว่าเขาถึงสามเท่าอย่างที่เหมือนฝันกำลังทำอยู่ตอนนี้เลย

    เขาไม่ใช่พวกนิยมความรุนแรงอย่างอู๋อี้เทียน ที่เลือกจะดับเครื่องชนและใช้กำลังในการจัดการปัญหาก่อนที่จะใช้สมอง แต่จ้าวเวยหลงก็มั่นใจว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่นิ่งให้ศัตรูเล่นงานโดยไม่ทำอะไรเลยเช่นเดียวกัน ยิ่งศัตรูที่ว่าคือร่างทรงสิบแปดมงกุฎด้วยแล้ว บอกตรงๆ ว่าจ้าวเวยหลงไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะกลัวหล่อนไปทำไม

    “ก็คุณจับตัวฉันมาต่อรองกับพี่สาวฉันไม่ใช่เหรอ” เหมือนฝันชี้ให้เห็นความผิดที่จ้าวเวยหลงทำแก่มาสฟ้าและตัวเธอเอง ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงที่มาสฟ้าไม่มีทางให้อภัยเขาได้ง่ายๆ “พี่สาวฉันรักฉันมากนะจะบอกให้ รับรองเลยว่าคุณเจอพี่สาวฉันเมื่อไหร่ คุณเสร็จแน่”

    “ผมน่ะเหรอจับตัวคุณ” จ้าวเวยหลงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ครั้งนี้เขาหัวเราะเต็มเสียงเป็นครั้งแรกทำให้คนที่กล่าวหาว่าเขาเป็นโจรลักพาตัวถึงกับหน้าเหลอ ด้วยคาดไม่ถึงว่าจ้าวเวยหลงจะหัวเราะกับเรื่องแบบนี้ได้ ตาคมกริบของชายหนุ่มกวาดมองดวงหน้าสดใสของเหมือนฝันอีกครั้งหลังจากหยุดหัวเราะได้ แล้วเอ่ยถามเสียงหยันขึ้นจมูก “นี่คุณผู้หญิง ก่อนที่จะปรักปรำใครว่าเป็นโจรลักพาตัว รบกวนคุณมองตัวเองก่อนจะดีกว่านะ...ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้ มีตรงไหนบ้างที่พูดได้ว่าผมลักพาตัวคุณมามิทราบ เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณเดินตามคนของผมมาในห้องนี้ บอกใครว่าผมลักพาตัวคุณมาใครเขาจะเชื่อคุณ”

    “พี่สาวฉันต้องเชื่อฉันอยู่แล้วสิคุณ” เหมือนฝันแยกเขี้ยว เขาไม่ได้ฉุดเธอหรือเอาถุงผ้าคลุมหัวเธอระหว่างนั่งรถมาที่นี่ก็จริงอยู่แต่เขาก็ไม่ได้จะปล่อยให้เธอกลับไปพักที่โรงแรมไม่ใช่หรือไง แล้วอย่างนี้มันต่างจากลักพาตัวเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวตรงไหน

    “เชิญคุณฟ้องพี่สาวคุณได้ตามสบาย” จ้าวเวยหลงว่าพลางผายมือไปยังมือถือส่วนตัวของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเหมือนฝัน เขาเองก็อยากรู้เหมือนว่ากันเธอจะสามารถติดต่อพี่สาวของเธอได้หรือเปล่า “ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่สาวคุณจะทำอะไรผมได้”

    “คุณกำลังหลอกให้ฉันโทรหาพี่สาวงั้นสิ” เหมือนฝันหรี่ตามองหน้าคมของชายหนุ่มอย่างจับผิด “ทำตัวเหมือนโจรลักพาตัวเข้าไปใหญ่ ทำไม จะเรียกค่าไถ่จากพี่สาวฉันเท่าไหร่ล่ะ”
    “ผมเองก็รวยมาก” จ้าวเวยหลงตอบโต้เหมือนฝันด้วยคำพูดของหญิงสาว ที่ทำให้เหมือนฝันถึงกับหน้าตึงใส่เขาอย่างหงุดหงิด จนจ้าวเวยหลงอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มกับความขี้หงุดหงิดของเจ้าตัว

    ยั่วให้โกรธง่ายจริงๆ เลย คนอะไร

    “ไม่ได้อยากได้เศษเงินของพี่สาวคุณหรอก ผมแค่อยากให้เขามาหาคุณที่นี่ ผมมีเรื่องที่จะต้องตกลงกับพี่สาวคุณนิดหน่อยก็เท่านั้น”

    “เรื่องดูดวงให้ปู่ของคุณน่ะเหรอ” เหมือนฝันเลิกคิ้ว เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะเรียกค่าไถ่จากมาสฟ้าจริงๆ หญิงสาวก็ไม่ลังเลที่จะคว้ามือถือตรงหน้าขึ้นมา ต่อเขาหลอกให้เธอติดต่อมาสฟ้าแล้วอย่างไรล่ะ เธอได้คุยกับมาสฟ้าก็ต้องดีกว่าขาดการติดต่อกันไปอยู่แล้ว อย่างน้อยมาสฟ้าก็จะได้รู้ว่าเธอปลอดภัยสบายดี อยู่ที่นี่ รอให้มาสฟ้ามาช่วย

    “นั่นก็ด้วย” จ้าวเวยหลงยอมรับ เขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโกหกเหมือนฝัน ยังไงเธอก็รู้เรื่องระหว่างมาสฟ้าและจ้าวลี่หยางไปแล้ว มาคิดโกหกตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ “จะว่ายังไงดีล่ะ...พี่สาวคุณค่อนข้างจะเป็นคนดัง ใครๆ ก็อยาก...”

    “นั่นใครน่ะ” เสียงเล็กๆ ที่ติดจะห้วนจัดของเหมือนฝันทำให้จ้าวเวยหลงชะงักคำพูด เหลือบตาขึ้นมองหน้าหญิงสาว เขาจึงรู้ว่าเธอไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลยสักนิด และตอนนี้เหมือนฝันก็กำลังนิ่งหน้าหน้าใส่คนที่อยู่อีกฟากของปลายสาย คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันแน่นอย่างหงุดหงิดใจ ในความรู้สึกของคนที่มองดูอย่างจ้าวเวยหลงนั้นเขารู้สึกว่าตอนนั้นเหมือนฝันนั้นพร้อมมีเปิดศึกกับกับใครก็ตามที่อยู่อีกฟากฝั่งอย่างไม่ความลังเล “แล้วมารับสายพี่สาวของฉันได้ยังไง พี่สาวฉันอยู่ไหน”

    จ้าวเวยหลงจับตามองเหมือนฝันทุกอริยาบท ขณะเดียวกันพยายามคาดเดาคำตอบของปลายสายจากสีหน้าของหญิงสาวไปพร้อมกัน แต่แล้วจ้าวเวยหลงก็ต้องตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหิน เพราะคำพูดต่อมาของแขกกิตมาศักดิ์ของเขา

    “อี้เทียน...อี้เทียนใครยะ” เหมือนฝันแหวสุดเสียง แค่คิดว่าตอนนี้มาสฟ้าอยู่กับผู้ชายแปลกหน้า ปอดของเธอก็ร้อนระอุพร้อมพ่นไฟออกมาทุกวินาที คิดว่าเธอปล่อยให้มาสฟ้าคลาดสายตาแค่ไม่กี่วัน ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาเกาะแกะพี่สาวของเธอแล้วเหมือนฝันหายใจฟึดฟัดก่อนกรอกเสียงห้วนจัดขึ้นไปอีกขั้นใส่ปลายสายอย่างฉุนเฉียวเต็มพิกัด “พี่สาวฉันอยู่ที่ไหน ให้พี่สาวของฉันมาพูดสายเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะบุกไปหาถึงที่ ไม่เชื่อก็ลองดู” เหมือนฝันขู่ฟ่อ ไม่รับรู้ถึงสายตาของคนในห้องที่จ้องมายังเธอเป็นตาเดียวเมื่อเธอตวาดใส่ลำโพงมือถือสุดเสียง “ให้พี่ฉันมาคุย! เดี๋ยวนี้!”

     

     

    ขอให้เบบี้คนดีคนเดิมของศรีปลอดภัยนะคะอี้เทียน แต่อย่าให้ศรีลงไปช่วยที่รักเลยนะ เพราะอะไรน่ะหรือคะ ก็เพราะว่าศรีคนดีคนนี้รักตัวกลัวตายอย่างไรล่ะเจ้าค่ะ แต่ถึงยังไงก็รักเหมือนเดิมค่ะ จุ๊บๆๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×