ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #12 : เยือน

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 65


     

    การเดินทางของมาสฟ้านั้นแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่มันกลับยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกของหญิงสาว ยิ่งครั้งนี้เป็นการเดินทางเพียงลำพังครั้งแรกของเธอในรอบหลายปี มันยิ่งยากลำบากกว่าเดิมในความรู้สึกของเจ้าตัว ด้วยปกตินั้นมาสฟ้ามักจะมีเหมือนฝันตามติดเป็นเงาไม่ว่าจะไปที่ไหน

    ซึ่งข้อดีของการมีเหมือนฝันอยู่ใกล้ๆ น้ันนอกจากจะไม่เหงาแล้ว เหมือนฝันยังช่วยดึงความสนใจของเธอ ไม่ให้หมกมุ่นอยู่กับภาพนิมิตที่แวบเข้ามาในหัวอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่หน้าเศร้าที่ทริปเดินทางครั้งนี้ไม่มีเหมือนฝัน มาสฟ้าจึงทำได้เพียงหลับตา...รับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาในหัวเธอไม่หยุดตลอดการนั่งเครื่องเกือบสามชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่แปลกสีหน้าของหญิงสาวจึงอิดโรยกว่ายามปกติ

    ถึงกระนั้นมาสฟ้าก็พยายามบอกตัวเองให้แข็งใจอีกหน่อย เธอมาถึงที่นี่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการ...แม้ว่ามันจะลำบากหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อเหมือนฝัน ปลอบใจตัวเองเช่นนั้นแล้วมาสฟ้าก็กัดฟัน ลากกระเป๋าเดินทางของตนเดินออกไปยังจุดเรียกรถแท๊กซี่ภายในสนามบิน บอกจุดหมายปลายทางที่เธอรู้อยู่แล้วก่อนยกกระเป๋าขึ้นเอาไว้บนรถ จากนั้นหญิงสาวก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ในใจก็คิดยิ่งเธอจัดการเรื่องนี้เสร็จเร็วเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งไปหาเหมือนฝันได้เร็วเท่านั้น

    โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าโชคชะตาก็เตรียมแผนการเอาไว้สำหรับเธอด้วยเหมือนกัน

     

     

    จ้าวเวยหลงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินจากลู่เหวิ่นเท่าไหร่นัก ความคิดของเขาตอนนี้มันมึนตื้อราวกับมีใครใช้ของแข็งทุบเข้าที่หัวเต็มแรง จ้าวเวยหลงไม่แน่ใจว่าเขาควรจะคิดเรื่องไหนก่อนดี...ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากสำหรับเขา เพราะตั้งแต่จำความได้จ้าวเวยหลงรู้สึกเช่นนี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นกับเขา มันไม่เคยมีลงเอยด้วยดีเลยสักครั้ง

    ไหนจะความโกรธและสับสนที่เกิดขึ้นทำให้สีหน้าที่จ้าวเวยหลงแสดงออกมานั้นย่ำแย่อย่างมาก โดยเฉพาะในสายตาของรู้ตัวดีกว่าเขาเป็นต้นเหตุ ลู่เหวิ่นรู้ได้ทันทีที่เห็นสีหน้านั้นของผู้เป็นเจ้านายว่าตอนนี้เขาตกที่นั่งลำบากแน่แล้ว

    “หมายความว่ายังไงที่ว่าร่างทรงคนนั้นไปโผล่ที่สิงค์โปร์แล้ว ฉันสั่งให้คนของเราเฝ้าหล่อนไว้แล้วไม่ใช่หรือยังไง ทำไมเธอถึงยังไปโผล่ที่สิงค์โปร์ได้อยู่อีก หรือมีใครคอยช่วยอยู่งั้นเหรอ?”

    “ไม่ใช่ครับ คนของเราทำตามคำสั่งของท่านประธานทุกอย่างครับ แต่ว่าคนที่เราเจอที่โรงแรมวันนั้นไม่ใช่...เอ่อ...คนเดียวกับร่างทรงที่ติดต่อกับคุณลี่หยางมากตลอด” ลู่เหวิ่นรายงานผู้เป็นนายเสียงเบา ยิ่งประโยคท้ายนั้นเสียงทุ้มก็ยิ่งเบาลงจนแทบจะกลายเสียงกระซิบแผ่วๆ ทำให้คิ้วเข้มของจ้าวเวยหลงกระตุกถี่ยิ่งกว่าเดิม ลู่เหวิ่นเห็นสีหน้าของเจ้านายมืดครึ้มลงจึงรีบละล้ำละลักอธิบาย “ผู้ญิงที่เราเจอวันนั้นเป็นฝาแฝดของคุณมาสฟ้าครับ ชื่อเหมือนฝัน...คนของเราเช็คดูแล้วว่าพวกเธอวางแผนจะมาที่นี่พร้อมกัน แต่วันนั้นคนที่ชื่อมาสฟ้าทิ้งตั๋ว...แล้วคงเพราะความเข้าใจผิด คนของเราเห็นว่าผู้หญิงหน้าตาเหมือนกันลงเครื่องที่สนามบินเซี่ยงไฮ้ เลยคิดเอาว่าคงได้รับรายงานผิด พวกเขาคิดว่าคุณเหมือนฝันเป็นร่างทรงที่เราจับตามองอยู่ เลยปล่อยเรื่องการเช็คอินกับตั๋วไป”

    “พวกนายเช็คได้ว่าใครจะอยู่บนเที่ยวบินนั้น แต่ลืมที่จะเช็คว่าผู้หญิงคนนั้นมีฝาแฝดหรือเปล่าเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกพรรค์ไหนกัน!” จ้าวเวยหลงตะคอกสุดเสียงด้วยความโมโห ใจจริงอยากจะโยนผู้ช่วยของตนออกไปจากห้องทำงานเพื่อระบายความโกรธด้วยซ้ำ ทว่าเขาก็ต้องข่มฟันสะกดความโกรธของเขาเอาไว้ก่อน ด้วยการพร่ำบอกตัวเองว่าการจัดการกับลู่เหวิ่นตอนนี้ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังเป็นการทำให้เรื่องมันยากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขาต้องรีบจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อนไม่อย่างนั้นเรื่องคงต้องเลวร้ายลงไปยิ่งกว่านี้

    “เรารู้ว่าคุณมาสฟ้ามีน้องสาวครับ แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน” ลู่เหวิ่นพึมพำ รู้ว่านี่ไม่ต่างจากการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ นัก แต่หากจ้าวเวยหลงรู้ว่าข้อมูลของสองพี่น้องนี้ถูกปกป้องไว้ดีเพียงไรล่ะก็ เขาจะเข้าใจว่าทำไมเรื่องการเข้าใจผิดนี้จึงเกิดขึ้นและเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้

    “เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้หรอก เพราะถ้าพวกนายรู้รายละเอียดเราคงไม่ถูกต้มจนเปื่อยกันทั้งหมดแบบนี้หรอก” จ้าวเวยหลงแยกเขี้ยว เขาโมโหที่ลูกน้องของเขาทำงานสะเพร่าก็จริงอยู่ แต่ขณะเดียวกันเขาก็โกรธยายผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่สวมรอยเป็นมาสฟ้า แถมคุยกับเขายาวเหยียดจนทำให้เขาเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเธอนั้นคือมาสฟ้าร่างทรงของปู่เขาจริงๆ

    มิน่าล่ะวันนั้นเธอจึงแสดงท่าทีสับสนในตอนแรกที่เจอเขา ไหนจะสายตาว่างเปล่าตอนที่เขาพูดเรื่องคำทำนายนั่นอีก...หากเขาฉุกใจคิดให้เร็วกว่านี้ล่ะก็ เขาคงไหวตัวทันไปตั้งนานแล้ว

    หรือว่านี่จะเป็นแผนการที่พวกเธอสองพี่น้องเตรียมการกันไว้อยู่แล้ว ให้คนเป็นน้องสาวมาสวมรอยแสร้งเป็นร่างทรง ทำให้เขาตายใจเชื่อว่ามาสฟ้าอยู่ที่นี่เพื่อถ่วงเวลาแล้วเปิดทางให้มาสฟ้าตัวจริงไปเจอกับปู่ของเขาและอู่อี้เทียนที่สิงคโปร์...หรือว่านี่เป็นแผนการที่แท้จริงของพวกเธอและเขาก็โดนหลอกมาตั้งแต่แรก

    ยายตัวแสบนั่น!

    “คนของเรายังอยู่ที่โรงแรมใช่ไหม?” จ้าวเวยหลงเหลือบสายตาคมกริบของเขาขึ้นมองหน้ามือขวาเมื่อเอ่ยถาม “ยายร่างทรงตัวปลอมยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเรารู้ความจริงทุกอย่างแล้ว”

    “ยังไม่น่าจะรู้ครับ” ลู่เหวิ่นไม่มีทางผิดพลาดเรื่องเดิมซ้ำๆ สำหรับเขาแล้วความผิดพลาดครั้งแรกนั้นแม้ว่าจะโดนลงโทษแต่ก็อาจจะได้รับการอภัยจากจ้าวเวยหลง แต่หากมีการผิดพลาดเรื่องเดิมซ้ำสองลู่เหวิ่นรู้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร “คุณเหมือนฝันยังไม่ไปไหนครับ ยังอยู่ที่โรงแรมเหมือนเดิมครับ”

    “กำชับคนของเราให้เฝ้าหล่อนไว้ ฉันไม่อยากให้เกินเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรขึ้นอีก” จ้าวเวยหลงเรียนรู้ความผิดลาดของตนแล้ว เขาจึงต้องทำทุกอย่างอย่างรัดกุมยิ่งกว่าเดิม “กำชับให้คนของเราที่สิงค์โปร์ตามยายร่างทรงคนพี่ไปด้วยอย่าให้คลาดสายตา ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปไหน เจอใครบ้าง ฉันต้องรู้ทั้งหมด”

    “ครับ”

    “ไม่สิ...เกณฑ์คนเพิ่มที่ตามอี้เทียนอยู่ไปเฝ้ายายร่างทรงนี้ทั้งหมด ป่านนี้อี้เทียนคงรู้แล้วว่าเราตามดูเขาอยู่...เราทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามเขาต่อไปให้ตามยายร่างทรงนั้นไว้ดีกว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราก็จัดการกับหล่อนได้”

    ซึ่งเรื่องที่เขาให้คนตามอู่อี้เทียนต้องทำให้ชายหนุ่มไม่ชอบใจแน่จ้าวเวยหลงรู้ดี แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้อู่อี้เทียนมีปู่ของเขา และระเบิดเวลาแสนสวยอยู่ใกล้มือ ไม่มีทางที่จ้าวเวยหลงจะปล่อยให้อู่อี้เทียนได้ใช้ประโยชน์จากระเบิดนั่นเพื่อเล่นงานเขาและตระกูลจ้าวแน่

    “ฉันมั่นใจว่าเขาต้องได้เจอร่างทรงคนนี้แน่ๆ เราต้องทำยังไงก็ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ห่างๆ อี้เทียน”

    ถ้าหากว่าอู่อี้เทียนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลอย่างไรกับจ้าวลี่หยางแล้วล่ะก็ อย่างไรเขาก็ต้องใช้หล่อนเป็นครื่องมือในการเอาคืนคนตระกูลจ้าวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือหากว่าอู่อี้เทียนไม่ทำ...ป้าเฟยหรงก็ต้องเป็นคนทำแน่ ความแค้นของท่านมีต่อตระกูลจ้าวสายหลักนั้นมันล้ำลึก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ท่านก็ยังคอยเวลา และมองหาหนทางในการทำลายบ้านใหญ่อยู่เสมอ

    ซึ่งตอนนี้เครื่องมืออันทรงพลังที่ว่า ก็ได้หล่นลงไปบนตักของพวกเขาแค่เพราะความชะล่าใจอันแสนโง่เขลาของตัวเขาเอง ตอนนี้เหลือเพียงแค่ว่าอู่อี้เทียนและป้าเฟยหรงจะรู้เมื่อไหร่ว่าผู้หญิงที่ชื่อมาสฟ้าคนนั้นน่ะ คือเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการเล่นงานเขา

    “ไม่สิ...ให้คนของเราไปบอกยายร่างทรงนั่นว่าฉันมีน้องสาวของหล่อนอยู่ที่นี่ เตือนหล่อนว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ เพราะฉันไม่ใช่คนใจดี”

    “ได้ครับ”

    “รีบลงมือ อย่าให้พลาดอีก...ฉันไม่ได้อยากเปลืองเรี่ยวแรงมาสู้รบกับอี้เทียนอีกคน”

    จ้าวเวยหลงรู้ว่าอู่อี้ทียนนั้นอันตรายเกินไป การตั้งตัวเป็นศัตรูของเขาไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย ดังนั้นแล้วหากหลีกเลี่ยงการปะทะแล้วใช้สันติวิธีได้ จ้าวเวยหลงก็อยากทำเช่นนั้นดีกว่า เว้นแต่จะจนตรอกจริงๆ เขาจึงจะเผชิญหน้ากับอู่อี้เทียนและลองสู้กันดูสักต้ัง

    “บอกยายร่างทรงนั่นด้วยเราจะมีเที่ยวบินที่เร็วที่สุดพาเจ้าหล่อนมาหาน้องสาวทันทีที่หล่อนต้องการ”

    “…”

    “จัดการเสร็จแล้วก็รีบไปพายายตัวแสบคนน้องนั่นมาหาฉัน ฉันต้องการตัวประกันจนกว่ายายร่างทรงนั่นจะมาถึงที่นี่!”

    เพื่อใช้เจ้าหล่อนเป็นเครื่องต่อรองกับพี่สาว จ้าวเวยหลงจะปล่อยหล่อนเอาไว้ก่อน...โดยไม่ลืมจดชื่อของหญิงสาวลงสมุดเล็กๆ ในใจที่เขามีไว้สำหรับศัตรูตัวฉกาจโดยเฉพาะ

    เหมือนฝัน...ชื่อนี้เขาจะไม่มีทางลืมมันลงไปอีกนาน!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×